ถังหลงและครอบครัว ทั้งสามคนยืนอยู่ไกลออกไป เมื่อพวกเขาเห็นหานซานเฉียนก็ตัวแข็งทื่อและทำตัวไม่ถูก ถังเฉิงเย่เป็นเพื่อนร่วมรุ่นของซูกั๋วเย่า ตอนที่ถังเฉิงเย่เพิ่งย้ายไปอยู่บ้านใหม่ เขานัดเพื่อนร่วมรุ่นไปเพื่อโอ้อวดบ้านใหม่ของเขา และใช้โอกาสนี้ดูถูกถากถางถูกหานซานเฉียนในอดีต ถังเฉิงเย่หวังเป็นอย่างยิ่งว่าซูหยิงเซี่ยจะแต่งงานกับถังหลง ในความคิดของเขา คนไร้ค่าอย่าง หานซานเฉียนจะคู่ควรกับซูหยิงเซี่ยได้อย่างไร มีเพียงลูกชายที่โดดเด่นของเขาเท่านั้นที่จะมีคุณสมบัตินั้นแต่เนื่องจากตัวตนของหานซานเฉียนค่อย ๆ ปรากฏขึ้นมาในหยุนเฉิง และในที่สุดถังเฉิงเย่ได้ก็รู้ช่องว่างระหว่างถังหลงกับหานซานเฉียนว่ามีขนาดใหญ่เพียงใดถังหลงค่อนข้างมีความสามารถก็จริง แต่ก็ยังต่างกับหานซานเฉียนอยู่มาก ปัจจุบันในหยุนเฉิง หานซานเฉียนกลายเป็นบุคคลอันดับหนึ่ง ส่วนถังหลงกลายเป็นคนเร่ร่อนว่างงานเพราะครั้งหนึ่งเขาเคยทำให้หานซานเฉียนขุ่นเคืองสมาชิกทั้งสามคนในครอบครัวรู้ดีว่า หากถังหลงต้องการพัฒนาอีกครั้งในหยุนเฉิง เขาต้องได้รับการให้อภัยจากหานซานเฉียนก่อน ดังนั้นพวกเขาจึงใช้โอกาสในวันนี้เพื่อมาขอโทษหานซานเฉียนแต่เม
หลังจากที่หานซานเฉียนส่งซูหยิงเซี่ยและคนอื่น ๆ กลับบ้านแล้ว เขาก็ไปที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวสำหรับหานซานเฉียน ตอนนี้ไม่จำเป็นต้องสนใจบริษัทเล็ก ๆ นี้แล้ว เพราะแม้แต่ทรัพย์สินของตระกูลหนานกงเขาก็ยังไม่สนใจ และรายได้ต่อปีของบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็ยังเทียบไม่ได้แม้แต่เศษเสี้ยวเดียวของทรัพย์สินของตระกูลหนานกงด้วยซ้ำ แต่นี่คือทรัพย์สินในชื่อของเขา ความสัมพันธ์จึงต่างออกไปจงเหลียงไม่ได้เจอนายน้อยมาเป็นเวลานาน เขาจึงรู้สึกตื่นเต้นอย่างอธิบายไม่ถูก เพราะตอนนี้หานซานเฉียนก็ต่างไปจากเมื่อก่อนอย่างสิ้นเชิง ในอดีต หานซานเฉียนเป็นเพียงลูกชายที่ถูกตระกูลทอดทิ้ง แต่ตอนนี้หานซานเฉียนไม่เพียงแต่ควบคุมหยุนเฉิงเท่านั้น แต่ตระกูลหานในเหยียนจิงก็อยู่ในมือของเขาเช่นกันในตอนนั้น ผู้คนนับไม่ถ้วนคิดว่าหานจุนต่างหากที่มีคุณสมบัติเหมาะสมที่จะเป็นผู้นำตระกูล ตอนที่จงเหลียงถูกส่งตัวมาหยุนเฉิงเขาก็ยังรู้สึกไม่ค่อยพอใจเล็กน้อยกับข้อตกลงนี้ แต่ตอนนี้ หานจุนยังติดอยู่ในคุกชิงเฉิง แต่หานซานเฉียนกลายเป็นผู้มีอำนาจสูงสุด นี่คือผลลัพธ์ที่ไม่มีใครคาดคิดมาก่อน“นายน้อย” เมื่อเห็นหานซานเฉียน จงเหลียงก็เ
เมื่อกลับมาถึงบ้าน ซูกั๋วเย่าได้บอกเรื่องที่จะให้ถังหลงกลับเข้าไปทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวกับหานซานเฉียน การจัดการนี้สอดคล้องกับความต้องการของหานซานเฉียนพอดี ดังนั้นเขาจึงไม่ได้คัดค้านอะไรซูกั๋วเย่าที่ตอนแรกเป็นกังวลเล็กน้อย ในที่สุดก็สามารถผ่อนคลายความกังวลได้แล้ว“ซานเฉียน ขอบคุณมากที่ให้หน้าฉันขนาดนี้” ซูกั๋วเย่าพูดพลางถอนหายใจ ตอนที่หานซานเฉียนแต่งเข้ามาในตระกูลซูแรก ๆ เขาไม่ชอบอะไรเกี่ยวกับหานซานเฉียนเลย แม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำเกินไปเท่ากับเจี่ยงหลาน แต่เขาก็ไม่เคยไว้หน้าหานซานเฉียนเลยสักครั้ง แต่ตอนนี้ เขาต้องพึ่งพาหานซานเฉียนถึงจะมีหน้ามีตา ซูกั๋วเย่าจึงรู้สึกผิดกับเขาเล็กน้อยเพราะทุกอย่างในตระกูลซูเป็นสิ่งที่หานซานเฉียนมอบให้ทั้งหมด และซูกั๋วเย่าก็ไม่ได้เป็นคนคนเนรคุณเหมือนกับเจี่ยงหลาน เขาไม่ได้มองว่ามันเป็นเรื่องที่สมควรอยู่แล้ว แม้ว่าหานซานเฉียนได้แต่งงานกับลูกสาวของเขานั่นก็ไม่ใช่เหตุผลว่าเขาจะสามารถทำตัวเหนือกว่ากับหานซานเฉียนได้ เพราะทุกอย่างนี้หานซานเฉียนมีสิทธิ์เลือกได้ว่าเขาจะมอบมันให้กับใคร“คุณเป็นพ่อตาของผม นี่เป็นสิ่งที่ผมควรทำ อดีตมันผ่านไปแล้ว ก็ปล่อ
“ปู่รู้ว่าเรื่องนี้มันทำให้แกลำบากใจ ถือซะว่าไว้หน้าปู่ครั้งนึงก็แล้วกัน” หานเทียนหยางมีความสุขเมื่อหานซานเฉียนยอมตกลง แต่เขาก็รู้สึกว่าเขาเป็นหนี้หานซานเฉียน เพราะถ้าไม่ใช่เพราะเขา หานซานเฉียนก็คงจะทำสิ่งนี้ในชีวิตของเขาหานซานเฉียนส่ายหัวและไม่พูดอะไร“ปู่ไม่อยากโทษเธอ เพราะเธอเองก็น่าสงสาร เธอแต่งงานกับปู่ในฐานะหมากของตระกูลหนานกง เธอหวังว่าหานจุนจะทำให้ตระกูลหานแข็งแกร่งขึ้น และหวังว่าหานจุนจะแข่งขันกับตระกูลหนานกงได้ ดังนั้นเธอจึงมอบความรักทั้งหมดให้กับหานจุน สิ่งเดียวที่เธอทำผิด ก็คือเธอเลือกผิดคน” หานเทียนหยางกล่าวเลือกผิดคนงั้นเหรอ?ในความคิดของหานซานเฉียน ประโยคนี้มันฟังดูไร้สาระมาก แต่เขาก็ไม่ได้โต้แย้งคำพูดของหานเทียนหยาง และก็ยังเป็นประโยคเดิม ไม่ว่าปู่ต้องการให้เขาทำอะไร เขาก็จะไม่ขัด“พรุ่งนี้ก็แล้วกันครับ” หานซานเฉียนกล่าว"อืม รีบพักผ่อนนะ" พูดจบ หานเทียนหยางก็ยืนขึ้น และกลับไปที่ห้องของตัวเองหานซานเฉียนดูที่โทรศัพท์ตัวเอง ซูหยิงเซี่ยยังไม่แจ้งมาว่าให้เข้าห้องได้ ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแค่รออยู่ที่โซฟาต่อไปทันใดนั้น เจียงหยิงหยิงก็กลับมาบ้านหลังจากฝึกฝนเสร็จ
“ต่อให้คุณจะวิ่งหนี สุดท้ายก็หนีไม่พ้นหรอกนะ คุณลองก้าวไปอีกก้าวดูสิ” ซูหยิงเซี่ยพูดกับหานซานเฉียนด้วยท่าทางข่มขู่หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านี้ หานซานเฉียนก็ไม่กล้าวิ่งหนี เขาทำได้เพียงยืนอยู่กับที่เท่านั้นซูหยิงเซี่ยเดินเข้าไปใกล้ก่อนจะหยิกเนื้อของหานซานเฉียนอย่างแรง จนเขาหายใจแทบไม่ออกด้วยความเจ็บปวด“คุณโทษฉันงั้นเหรอ?” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางกัดฟัน เมื่อคิดว่าคนอื่นได้ยินเสียงของเธอ เธอก็อับอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปมุดไว้ที่ไหน แล้วต่อไปเธอจะมองหน้าคนในบ้านยังไง"ผมผิดเองครับ ผมผิดเอง เป็นความผิดของผมเองทั้งหมด" หานซานเฉียนทำได้เพียงแบกรับความผิด เพราะจากประสบการณ์ของเขา การเอาหลักเหตุผลมาพูดกับผู้หญิงนั้น มันคือการทำลายตัวเอง ตอนที่ซูหยิงเซี่ยหยิกหานซานเฉียน เธอเองก็รู้สึกเป็นทุกข์เช่นกัน ดังนั้นเธอจึงทนไม่ได้ที่จะระบายความขุ่นเคืองทั้งหมดกับหานซานเฉียน ยิ่งไปกว่านั้น เรื่องมันก็เกิดขึ้นไปแล้ว ไม่สามารถย้อนเวลากลับมาได้ นอกจากการยอมรับแล้วจะมีทางเลือกไหนอีก?“ต่อไปนี้ฉันนอนบนเตียง คุณนอนพื้น” ซูหยิงเซี่ยกล่าวหานซานเฉียนทึ้งหัว การลงโทษนี้รุนแรงเกินไปแล้วแต่ตอนนี้ซูหยิงเซี่ยกำลัง
วันรุ่งขึ้น ถังหลงที่กำลังจะไปรายงานตัวที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวก็รู้สึกกังวลมาก เนื่องจากเขาถูกไล่ออกจากบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว จึงไม่มีบริษัทใดในหยุนเฉิงกล้าที่จะรับเขาเข้าทำงาน ในช่วงเวลาที่ผ่านมา ถังหลงไม่มีงานประจำเลยสักงาน เขาทำได้เพียงพึ่งพาเงินออมที่เขาสะสมไว้ในอดีตเท่านั้น แต่ตอนนี้ เมื่อเขาได้กลับมาทำงานอีกครั้ง ถังหลงไม่เคยคิดเลยว่าเขาจะได้กลับมาทำงานที่บริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวอีกครั้ง “ล้มที่ไหนก็ลุกขึ้นที่นั่น ในเมื่อซูกั๋วเย่าให้โอกาสนี้แก่แก แกก็ต้องคว้ามันไว้ให้ดี” ถังเฉิงเย่พูดกับถังหลงในอดีตถังเฉิงเย่ชอบเปรียบเทียบตัวเองกับซูกั๋วเย่า เพราะเขารู้ดีว่าชีวิตของเขาเหนือกว่าซูกั๋วเย่า แม้ว่าซูกั๋วเย่าจะเป็นลูกชายของตระกูลซู แต่เขาไม่ได้รับความสำคัญใด ๆ ในตระกูลซูเลยแม้แต่น้อย เขามีชีวิตแย่กว่าเพื่อนร่วมชั้นทั่วไปเสียอีก ด้วยเหตุนี้ ถังเฉิงเย่จึงชอบที่จะใช้ซูกั๋วเย่าเป็นเครื่องมือในการทำให้ตัวเองดูมีตัวตนแต่ตอนนี้ ถังเฉิงเย่ตระหนักถึงความเป็นจริงแล้ว เขารู้ดีว่าสถานะของหานซานเฉียนและตระกูลซูในหยุนเฉิงนั้นไม่มีใครเทียบได้ และเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะเอาตั
ถังหลงส่ายหัว ย้ายบ้านงั้นเหรอ ตอนนี้ทำไมเขาต้องย้ายบ้านด้วย เมื่อได้แทนที่ตำแหน่งของจงเหลียง สถานะของเขาในหยุนเฉิงก็เพิ่มขึ้นหลายเท่าทันที นี่คือจุดสูงสุดในชีวิตของเขาเลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะอยู่ที่เมืองไหน ถังหลงก็ไม่สามารถทำถึงจุดนี้ได้เมื่อเห็นถังหลงส่ายหัว ถังเฉิงเย่ก็พูดด้วยความโกรธ "แกเต็มใจให้พวกเขาเยาะเย้ยหรือไง?ตอนนี้หยุนเฉิงเป็นดินแดนของพวกเขาแล้ว แกมีความสามารถอะไรไปต่อสู้กับพวกเขา"“พ่อ พ่อเข้าใจผิดแล้ว ซูกั๋วเย่าไม่ได้แกล้งพวกเรา” ถังหลงกล่าวซูกั๋วเย่าไม่ได้แกล้งงั้นเหรอ? แต่ท่าทางของถังหลงมันดูเลื่อนลอยอย่างเห็นได้ชัด หากเขาไม่ได้โดนบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉวโจมตี แล้วทำไมถึงได้มีสภาพแบบนี้?“เกิดอะไรขึ้น?” ถังเฉิงเย่ถามถังหลงกลืนน้ำลาย ถึงตอนนี้เขาก็ยังไม่อยากเชื่อเลยว่านี่คือเรื่องจริง เพราะความเปลี่ยนแปลงนี้มันใหญ่มาก จนเขารู้สึกเหมือนอยู่ในความฝัน“พ่อครับ จงเหลียงกำลังจะกลับเหยียนจิง และผมจะได้เข้ามาแทนที่จงเหลียงในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ลั่วเฉว นี่คือสิ่งที่หานซานเฉียนเป็นคนจัดการเองครับ” ถังหลงกล่าวสีหน้าสับสนของถังเฉิงเย่นั้นเหมือนกับถังหลงทุกประการหลังจ
ทุกวันนี้ในเมืองปินเซี่ยน อาจกล่าวได้ว่าเหมาเทียนอี้คือบุคคลอันดับหนึ่ง ดังนั้นผู้ช่วยของเขาจึงหยิ่งผยองมาก เพราะในเมืองปินเซี่ยนไม่มีใครสามารถจะทำให้ลูกพี่ของเขาขุ่นเคืองได้ ดังนั้นเขาจึงไม่ใส่ใจคนที่มายืนขวางรถเป็นธรรมดาเขาก้าวไปข้างหน้าและผลักคน ๆ นั้น แต่แทนที่คนโดนผลักจะถอยกลับไป เขากลับเป็นฝ่ายถอยกลับมาเสียเอง สิ่งนี้ทำให้ผู้ช่วยรู้สึกเสียหน้า“แกตาบอดหรือไง รู้ไหมว่านี่คือรถของใคร รีบไสหัวออกไปซะ ไม่งั้นฉันจะหักขาแกแน่” ผู้ช่วยพูดด้วยสีหน้าดูถูกหานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ แม้ว่าเขาจะไม่เคยเจอกับเหมาเทียนอี้ แต่ดูจากลูกน้องของเขาแล้ว หานซานเฉียนก็สัมผัสได้ว่านิสัยของเหมาเทียนอี้และถังจงนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิงถังจงเป็นคนถ่อมตัวมากในเมืองปินเซี่ยน และไม่เคยก่อให้เกิดเรื่องอื้อฉาวใด ๆ เขามีชื่อเสียงที่ดี แม้แต่คนธรรมดาบางคนก็ชอบเขามาก เพราะการพัฒนาของเมืองปินเซี่ยนนั้นมีความเชื่อมโยงกับถังจง เขาสร้างโอกาสในการทำงาน และมอบชีวิตที่ดีขึ้นให้กับผู้คนในเมืองปินเซี่ยนมากมายและชื่อเสียงที่ดีเหล่านี้อาจถูกทำลายโดยเหมาเทียนอี้ในไม่ช้า“ดูเหมือนว่าผู้คนที่ถังจงปลูกฝังมาจะไม่ควรค่าแก่