ฟางซั่วไม่ได้ใส่ใจกับคำพูดของหม่าเฟยห่าว และก็ไม่ได้สังเกตเห็นคำเรียกอันทรงเกียรติที่หม่าเฟยห่าวใช้เรียกหานซานเฉียนเขารู้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าอวี้ และเนื่องจากหม่าเฟยห่าวเป็นหลานชายของหม่าอวี้ มันก็ไม่เท่ากับหานซานเฉียนอยู่ในมือของหม่าเฟยห่าวไม่ใช่เหรอฟางซั่วมีความคิดและตระหนักถึงจุดประสงค์ของหม่าเฟยห่าวที่จะมาหาเขา เป็นไปได้มากว่าหม่าเฟยห่าวต้องการได้รับประโยชน์บางอย่างจากเขา“พี่ห่าว ถ้าพี่สามารถช่วยผมแก้ปัญหานี้ได้ พี่จะให้ผมทำอะไรก็ได้ทั้งนั้น” ฟางซั่วกล่าวว่า ถ้าเงินหมดก็ยังหาได้ แต่ถ้าเสียชีวิต ต่อให้มีเงินทองมากมายแค่ไหนก็ฟื้นกลับคืนมาไม่ได้ หม่าเฟยห่าวยิ้มอย่างเย็นชา คนโง่เขลาคนนี้กำลังคิดอะไรอยู่ เขาไม่ได้ยินคำที่เขาใช้เรียกหานซานเฉียนเหรอ? ยังคิดจะให้ผลประโยชน์แก่เขาเพื่อให้เขาช่วยแกแค้นอีก “ฟางซั่ว นายนี่ช่างไม่รู้จริง ๆ ว่าตัวเองกำลังจะตาย” หม่าเฟยห่าวพูดอย่างเย็นชาฟางซั่วกระวนกระวายและถามด้วยความสับสน "พี่ห่าว พี่หมายถึงอะไร?"“ฉันหมายความว่าอะไร?” จู่ ๆ หม่าเฟยห่าวก็คว้าผมของฟางซั่วแล้วตวาด" แกยังมีความกล้าที่จะแก้แค้นพี่ซานเฉียนอีกงั้นเหรอ แกคง
เมื่อหม่าเฟยห่าวพาฟางซั่วไปหาหานซานเฉียนเพื่อเอาหน้านั้น หม่าเฟยห่าวก็ตั้วใจทุบตีฟางซั่วจนน่วม หานซานเฉียนดูออกว่าหมอนี่ทำเรื่องที่ไม่จำเป็นเพียงเพื่อเอาอกเอาใจเขาเท่านั้นน่าเสียดายที่เหตุการณ์นี้ไม่สามารถทำให้หานซานเฉียนรู้สึกประทับใจหม่าเฟยห่าวมากขึ้นได้ เขาไม่เคยคิดว่าฟางซั่วเป็นคู่ต่อสู้ หานซานเฉียนจะมองคนที่ขี้ขลาดจนฉี่ราดกางเกงแบบนี้ในสายตาได้อย่างไร?เสือจะสนใจความเป็นหรือความตายของมดทำไมกัน?“พี่ซานเฉียน พี่อยากจัดการเขายังไง แค่บอกมาผมจะจัดการให้พี่เองครับ” หม่าเฟยห่าวถามหานซานเฉียนด้วยอาการหอบเหนื่อยหานซานเฉียนเหลือบมองฟางซั่วที่กำลังนั่งยอง ๆ อยู่ตรงมุม ใบหน้าของเขาหวาดกลัวมากจนสั่นไปทั้งตัว คนแบบนี้ไม่สามารถเรียกว่าเป็นคู่ต่อสู้ของเขาได้เลย“นายคิดว่าฉันจำเป็นต้องสนใจขยะแบบนี้เหรอ? แถมยังต้องให้นายล้างแค้นแทนอีก?” หานซานเฉียนพูดเสียงเรียบหม่าเฟยห่าวทำสิ่งนี้เพราะอยากให้หานซานเฉียนพอใจ แต่หานซานเฉียนดูเหมือนว่าไม่มีความสุขเอาซะเลย“พี่ซานเฉียน พี่หมายความว่า…”“ฉันหมายความว่า ขยะอย่างเขาไม่คู่ควรที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน และฉันไม่เคยคิดที่จะคิดบัญชีเขา ยิ่งไปกว่านั
หลังจากที่หม่าเฟยห่าวไปที่บริษัท เขาก็ได้พบปะกับถังจง แต่ถังจงยังไม่ต้องการความช่วยเหลือจากหม่าเฟยห่าวในขั้นตอนนี้ ดังนั้นหลังตกลงกันเสร็จเรียบร้อย หม่าเฟยห่าวก็จากไปสิ่งนี้ทำให้หม่าเฟยห่าวผิดหวังเล็กน้อย ตอนนี้เขารอแทบไม่ไหวที่จะพิสูจน์ตัวเอง โดยหวังจะกระชับสัมพันธ์ระหว่างเขากับหานซานเฉียนมากขึ้นโดยเร็วที่สุด แต่เมื่อพิจารณาจากสถานการณ์ปัจจุบันแล้วก็ไม่มีโอกาสแบบนั้นเลยหม่าเฟยห่าวที่ไม่มีอะไรทำ จึงขับรถไปที่คฤหาสน์ของตระกูลหานหม่าอวี้ยังคงนอนอยู่บนฝาโลงศพ ตราบเท่าที่เขายังอยู่ บอดี้การ์ดของตระกูลหานก็ไม่กล้าเข้าใกล้โลงศพเลยแม้แต่ก้าวเดียว"ลุงครับ"หม่าอวี้ได้ยินเสียงของหม่าเฟยห่าวจึงลุกขึ้นนั่ง เขาเห็นว่าหน้าตาของหม่าเฟยห่าวดูหม่นหมอง เลยถามด้วยรอยยิ้มว่า "เป็นอะไรไป ทำไมหน้าตาดูไม่มีเรี่ยวไม่มีแรงขนาดนั้น หาโอกาสทำให้หานซานเฉียนพอใจไม่ได้หรือไง?"หม่าเฟยห่าวพยักหน้า เขารู้สึกเหมือนหัวกำลังจะระเบิด คิดหาวิธีอะไรไม่ออกเลย“ใช่ครับ ผมถึงได้มาหาลุงให้ลุงช่วยคิด” หม่าเฟยห่าวกล่าวหม่าอวี้ตบไหล่หม่าเฟยห่าวแล้วพูดว่า "อย่ารีบร้อนไป นายยังมีเวลาอีกเหลือเฟือ"“ลุงครับ ลุงก็รู้ผมเ
หม่าอวี้เตะก้นหม่าเฟยเห่าวด้วยความโกรธหม่าเฟยห่าวล้มหน้าขมำลงกับพื้นอย่างไม่รู้เรื่องเขามองหม่าอวี้ด้วยความสับสนแล้วถามว่า "ลุง เตะผมทำไมครับ?"หม่าอวี้กัดฟันและมองไปที่หม่าเฟยห่าวก่อนจะพูดว่า "ไสหัวไปซะ รีบไปหาคนมาปกป้องหานซานเฉียน"หม่าเฟยเห่าวรู้สึกงุนงงมากกับความโกรธอย่างกะทันหันของหม่าอวี้ แต่เขารู้สึกได้ว่าหม่าอวี้นั้นโกรธมากเขารีบลุกขึ้นวิ่งหนีไปโดยไม่มีเวลาปัดฝุ่นบนร่างกายด้วยซ้ำ“ช่างงี่เง่าจริง ๆ” หม่าอวี้พูดด้วยความโกรธ เรื่องง่าย ๆ แบบนี้หม่าเฟยเห่าวยังต้องถามเขา ไอหมอนี่ไม่มีสมองเลยหรือไง?ที่หานเทียนเซิงไปหยุนเฉิง เขาก็ต้องไปขอให้หานเทียนหยางกอบกู้ประเทศ โดยหวังด้วยว่าหานเทียนหยางจะหยุดหานซานเฉียนในการจัดการกับตระกูลหานในอเมริกาไม่ใช่หรือไง?เรื่องง่าย ๆ และชัดเจนแบบนี้ หม่าเฟยเห่าวกลับคิดไม่ได้ “พี่ครับ ถ้าลูกชายของพี่อยากมีอนาคตที่ยิ่งใหญ่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าเขาจะทำให้หานซานเฉียนพอใจได้แค่ไหน หากหวังพึ่งพาความสามารถของผู้ชายคนนี้ ตระกูลหม่าคงได้ถูกทำลายลงในมือของเขาไม่ช้าก็เร็ว” หม่าอวี้ถอนหายใจและพึมพำกับตัวเองเมื่อหานเทียนเซิงและหานเซี่ยวปรากฏตัวในห้องรับรอง
"พ่อคะ"ซูหยิงเซี่ยเดินไปที่เตียงด้วยความสำนึกผิดเธอรู้ว่าช่วงนี้เธอเผลอลืมซูกั๋วเย่าไปเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับหานเนี่ยน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่กตัญญูมาก หากไม่ได้รับคำเตือนจากฉือจิง เธออาจจะยังไม่ขึ้นมาหาซูกั๋วเย่าที่ชั้นบนเลยก็ได้ ในฐานะลูกสาว เธอล้มเหลวในความกตัญญู เธอลืมเรื่องที่พ่อเธอป่วยหนักไปเสียสนิท สิ่งนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกผิดมากหลังจากที่ซูกั๋วเย่าได้ยินเสียงของซูหยิงเซี่ย ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที เขารอช่วงเวลานี้มานานจนเขาตื่นเต้นน้ำตาไหล“พ่อคะ” ซูหยิงเซี่ยประหลาดใจมากเมื่อเห็นซูกั๋วเย่าลืมตาซูกั๋วเย่าไม่ได้อยู่ในอาการโคม่า แล้วทำไมจู่ ๆ เขาถึงตื่นขึ้นมา!“พ่อคะ พ่อฟื้นแล้วเหรอคะ? พ่อเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ หนูจะโทรเรียกหมอเดี๋ยวนี้” ซูหยิงเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้นซูกั๋วเย่าส่ายหัวแล้วจับมือของซูหยิงเซี่ย ราวกับว่าเขากลัวว่าเธอจะจากไป“พ่อคะ พ่อเป็นอะไรไป อย่าร้องไห้สิคะ” ซูหยิงเซี่ยมองซูกั๋วเย่าทั้งน้ำตา และโทษตัวเองมากยิ่งขึ้น“หยิงเซี่ย ในที่สุดลูกก็มาหาพ่อ” ซูกั๋วเย่าพูดด้วยความตื่นเต้นและสั่นไปทั้งตัว“พ่อรอหนูอยู่เหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยม
เมื่อถูกหานเทียนหยางถามแบบนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ยังคงไม่แยแสและยกมือขวาขึ้นอีกครั้งครั้งนี้เจี่ยงหลานไม่ให้โอกาสซูหยิงเซี่ยโจมตีอีก เธอรีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉือจิงอย่างรวดเร็ว“แกบ้าไปแล้วเหรอ ถึงได้กล้าทุบตีแม่ของตัวเองแบบนี้” เจี่ยงหลานพูดด้วยความโกรธฉือจิงรู้ว่าซูหยิงเซี่ยเป็นคนแบบไหน เธอจะไม่มีทางทำร้ายเจี่ยงหลานโดยไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเธอไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน คนอื่นก็จะไม่สามารถเข้าใจได้“หยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น?” ฉือจิงถามเมื่อซูหยิงเซี่ยคิดถึงภาพที่หานเนี่ยนถูกโยนลงบนระเบียง และทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็น เธอก็เศร้าใจมากจนน้ำตาไหลออกมามและรู้สึกเหมือนจะขาดใจ เธอนึกภาพไม่ออกว่าหานเนี่ยนต้องทนทุกข์ทรมานจากลมหนาวมากแค่ไหน“การหายตัวไปของหานเนี่ยนเกี่ยวข้องกับเธอ สาเหตุที่หานเนี่ยนป่วยก็เป็นเพราะเธอวางหานเนี่ยนไว้ที่ระเบียงเพื่อแช่แข็งเธอ” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางกัดฟันคำพูดเหล่านี้ดังก้องไปทั่วห้องอาหาร และแม้แต่เจียงหยิงหยิงที่ป็นคนนอกก็ยังรู้สึกโกรธเจียงหยิงหยิงเห็นหานเนี่ยนผ่านรูปถ่ายเท่านั้น สำหรับเธอ หานเนี่ยนเป็นเด็กที่น่ารักมาก ทำไมถึงมีคนโหดร้ายกับเธอได้ลงคอ? และคนที่ล
สนามบินเมืองเหยียนจิงเมื่อหานเทียนหยางปรากฏตัว เหยียนจิงถึงกับฮือฮาแตกตื่นกันทันทีเพราะสำหรับคนในเหยียนจิง เทียนหยางคือคนที่ตายไปแล้ว แล้วการที่เขา 'ฟื้นคืนชีพ' จะไม่ทำให้ผู้คนตกใจได้อย่างไรสำหรับหานเทียนเซิง หานเทียนหยางเป็นเพียงขยะในสายตาของเขาเสมอแต่สำหรับเหยียนจิง เทียนหยางเป็นคนระดับปีศาจ ความวุ่นวายที่เขาเคยก่อในเหยียนจิงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถประมาทได้เลย ในเวลานี้ตระกูลขุนนางเหล่านั้นที่เคยต่อต้านตระกูลหาน ได้เรียนรู้การกลับมาของหานเทียนหยางแล้ว ทุกคนต่างกลัวจนตัวสั่น เพราะกลัวว่าหานเทียนหยางจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเขาแต่การกลับมาในครั้งนี้ของหานเทียนหยาง เขาไม่ได้จะกลับมาคิดบัญชีกับใคร ในวันนี้เขาไม่มีความปรารถนาที่จะคว้าอำนาจ และสถานะก็ไม่ได้มีค่าสำหรับเทียนหยางอีกต่อไปตราบใดที่หานซานเฉียนสามารถเข้าสู่ระดับนั้นได้ สิ่งที่เรียกว่าอำนาจในโลกนี้ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมฆที่ลอยอยู่เท่านั้น“ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่สมควรกลัว” เหยียนจุนพูดพร้อมกับถอนหายใจเทียนหยางยิ้มอย่างสงบและพูดว่า "สำหรับฉัน ทุกสิ่งที่นี่ไม่มีความหมายเท่าสวนดอกไม้บนภูเขาหยุนติงเลยสักนิด"เหยียนจุนรู
เมื่อเหยียนจุนรู้สัมผัสได้ถึงความเย็นชาบนใบหน้าของหานเทียนหยาง เขาก็ไม่ต้องการให้หานเทียนหยางพูดอะไรอีก จึงรีบอธิบายว่า "มันคือดาบ และดาบนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ตระกูลหาน หากไม่มีคุณ ซานเฉียนก็จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อตระกูลหานเลย”ดาบงั้นเหรอ!เปลือกตาของหานเทียนหยางกระตุก คำอธิบายนี้สมเหตุสมผลมาก และยังแสดงให้เห็นว่าหานซานเฉียนมีความไม่พอใจต่อตระกูลหานมากเพียงใด แต่จะโทษหานซานเฉียนก็ไม่ได้ เพราะที่เขามีความคิดแบบนี้ เนื่องจากการที่เขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นมันก็สมเหตุสมผลแล้ว ตอนนั้นเขายังเพียงแค่เด็กเท่านั้น เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมโลกธุรกิจ แม้กระทั่งฆ่าผู้คน ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าหานซานเฉียนกำลังเผชิญกับการกดขี่มากแค่ไหนในเวลานั้น“โชคดีที่ยังมีความขุ่นเคืองนี้ ไม่อย่างนั้น เขาอาจไม่ต่างจากหานจุนในวันนี้” หานเทียนหยางพูดนิ่ง ๆเหยียนจุนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เพราะสมมติฐานนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนจะเป็นอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันไป บางทีเขาอาจจะเก่งกาจมากขึ้นก็ได้“ไม่ว่ายังไง เขาในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะมองคนอื่นด้วยค
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ