เมื่อเหยียนจุนรู้สัมผัสได้ถึงความเย็นชาบนใบหน้าของหานเทียนหยาง เขาก็ไม่ต้องการให้หานเทียนหยางพูดอะไรอีก จึงรีบอธิบายว่า "มันคือดาบ และดาบนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ตระกูลหาน หากไม่มีคุณ ซานเฉียนก็จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อตระกูลหานเลย”ดาบงั้นเหรอ!เปลือกตาของหานเทียนหยางกระตุก คำอธิบายนี้สมเหตุสมผลมาก และยังแสดงให้เห็นว่าหานซานเฉียนมีความไม่พอใจต่อตระกูลหานมากเพียงใด แต่จะโทษหานซานเฉียนก็ไม่ได้ เพราะที่เขามีความคิดแบบนี้ เนื่องจากการที่เขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นมันก็สมเหตุสมผลแล้ว ตอนนั้นเขายังเพียงแค่เด็กเท่านั้น เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมโลกธุรกิจ แม้กระทั่งฆ่าผู้คน ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าหานซานเฉียนกำลังเผชิญกับการกดขี่มากแค่ไหนในเวลานั้น“โชคดีที่ยังมีความขุ่นเคืองนี้ ไม่อย่างนั้น เขาอาจไม่ต่างจากหานจุนในวันนี้” หานเทียนหยางพูดนิ่ง ๆเหยียนจุนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เพราะสมมติฐานนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนจะเป็นอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันไป บางทีเขาอาจจะเก่งกาจมากขึ้นก็ได้“ไม่ว่ายังไง เขาในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะมองคนอื่นด้วยค
หานเซี่ยวไม่ตอบสนองต่อคำพูดของหานเทียนเซิง เพราะเขารู้ว่าหานเทียนเซิงจงใจระบายความไม่พอใจก่อนที่จะพบกับหานเทียนหยาง หากเขาไม่ได้ระบายมันออกมา แล้วเขาจะไปเผชิญหน้ากับหานเทียนหยางได้อย่างไร?หานเซี่ยวหวังเพียงว่าหลังจากพบกับหานเทียนหยาง แล้วหานเทียนเซิงจะสามารถแสดงท่าทีที่สมควรออกมา เพราะอย่างไรพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อขอร้องหานเทียนหยาง แม้ว่าหานเทียนเซิงจะไม่เต็มใจยอมรับมันก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทีเหยียดหยามต่อหน้าหานเทียนหยางได้ ไม่อย่างนั้นการเดินทางมาหยุนเฉิงครั้งนี้จะเสียเปล่าด้านหน้าคฤหาสน์ใจกลางภูเขาฉือจิงและซูหยิงเซี่ยกำลังรออยู่ที่ด้านนอกประตูแล้วอย่างไรก็ ตามหานเทียนเซิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต้อนรับของทั้งสองเลยสักนิดเดียว เพราะเขาไม่เห็นหานเทียนหยางปรากฏตัวต่อหน้า“ให้เธอสองคนออกมาต้อนรับฉันแบบนี้ เขาช่างไว้หน้าฉันมากจริง ๆ” หานเทียนเซิงพูดพร้อมกับเยาะเย้ย“พ่อกลับเหยียนจิงไปแล้ว” ฉือจิงกล่าวคำพูดเหล่านี้ทำให้หานเทียนเซิงแสดงถึงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าทันทีเขามาหยุนเฉิงเพื่อตามหาหานเทียนหยาง แต่หานเทียนหยางกลับไปที่เหยียนจิง เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้จงใจ"เ
หลังจากออกจากคฤหาสน์เขาหยุนติง หานเทียนเซิงก็โกรธจัดและวิ่งเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัยก่อนจะทุบตีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างในเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหานเซี่ยว ชายชราผู้เย่อหยิ่งคนนี้คงถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายนายทุบตีจนตายไปแล้ว และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหานเทียนเซิงถึงกล้าหยิ่งผยองมากขนาดนี้ เพราะตราบใดที่หานเซี่ยวอยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครคุกคามด้วยกำลังแน่นอนว่านี่มันก็แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างซื่อเหมินอี้เหล่า หานเทียนเซิงก็ไม่สามารถหยิ่งผยองได้อีก“เราจะไปเหยียนจิงกันไหมตรับ?” หานเซี่ยวถามเขา หลังจากที่หานเทียนเซิงระบายจนพอใจแล้วหานเทียนเซิงสีหน้าจมดิ่ง เขาไม่เต็มใจที่จะไปเหยียนจิงแน่นอน การมาที่หยุนเฉิงถือว่าเป็นการไว้หน้าหานเทียนหยางมากพอแล้ว จะให้เขาไปที่เหยียนจิงอีกนั่นถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของหานเทียนเซิงเป็นอย่างมากแต่ถ้าเขาไม่ไป ผลที่ตามมาก็จะเป็นสิ่งที่หานเทียนเซิงไม่สามารถรับได้“มันต้องรู้ว่าหานซานเฉียนได้รับค่าจากอี้เหล่าแน่ ๆ ถึงได้กล้าวางมาดต่อหน้าฉันแบบนี้ ไอ้คนที่สมควรตายคนนี้ ฉันจะทำให้มันเสีย
คำพูดของหานเทียนหยางนั้นตรงไปตรงมามาก แม้แต่หานเซี่ยวก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันของหานเทียนเซิงนั้น ไม่ได้ทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะอยู่เหนือกว่าหานเทียนหยางได้แต่หานเทียนเซิงยังคงไม่สามารถละทิ้งความเย่อหยิ่งของเขาได้ เพราะเขาคุ้นเคยกับท่าทางหยิ่งผยองเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเทียนหยางมานานแล้ว แม้ว่าเขาจะเต็มใจมาที่เหยียนจิง และแม้ว่าร่างกายของเขาจะประนีประนอมก็ตาม แต่ในใจของเขาก็ไม่ได้ยอมรับ ว่าเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากหานเทียนหยางเลย มันเป็นเพียงหน้ากากของการเจรจาเท่านั้น“หานเทียนหยาง นายคิดว่าจะข่มขู่ฉันได้งั้นเหรอ?” หานเทียนเซิงพูดนิ่ง ๆหานเทียนหยางหัวเราะและพูดว่า "ฉันจำเป็นต้องข่มขู่นายด้วยเหรอ? หานเทียนเซิง นายเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมนายถึงมีวันนี้ มันเป็นความผิดของนายทั้งนั้น นายไม่เคยเห็นใครในสายตา ไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องทนทุกข์ทรมานกับจุดจบแบบนี้ ไม่มีใครคุกคามนาย แต่เป็นตัวนายเองที่ค่อย ๆ เดินไปสู่นรกทีละขั้น”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หานเทียนหยางก็พูดต่อ "ตอนนี้นายจะกลับไปเลยก็ได้ แต่นายกล้าไหมล่ะ?"กล้าไหมอย่างนั้นเหรอ?ในชีวิตของหานเทียนเซิงไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าท
หานเทียนเซิงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เสียงดังปัง ร่างกายที่สั่นเทาของเขาแสดงความโกรธที่แผดเผาในใจ แต่เมื่อเผชิญกับความเป็นจริง หานเทียนเซิงก็ทำได้เพียงก้มหัวเท่านั้นความอดทนชั่วครู่ไม่ถือเป็นความอัปยศอดสู ตราบใดที่มีโอกาสแก้แค้น หานเทียนเซิงจะจดจำทุกสิ่งในวันนี้ และจะเอาคืนหานซานเฉียนเป็นสองเท่าหานเซี่ยวหายใจเข้าลึก นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน สถานะของหานเทียนเซิงในอเมริกาไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะสั่งให้เขาคุกเข่าลงได้ แต่วันนี้หานเทียนเซิงกลับคุกเข่าลง กล่าวว่าในขณะนี้ เขาได้ละทิ้งความเย่อหยิ่งทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นก้าวที่ยากมากสำหรับหานเทียนเซิง"ตอนนี้นายพอใจแล้วใช่ไหม" หานเทียนเซิงพูดกับหานเทียนหยางผ่านไรฟัน“นี่คือสิ่งที่นายควรทำ” หานเทียนหยางพูดเสียงเรียบหานเทียนเซิงเก็บแผ่นจารึกที่เขาเหยียดหยามเข้าที่ทีละแผ่น จากนั้นหานเทียนหยางก็คุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกทั้งหมด ก่อนจะโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งหานเทียนเซิงดูถูกพฤติกรรมของหานเทียนหยางในใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคิดว่าหานเทียนหยางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ชายที่แข็งแกร่งจะคุกเข่าต่อหน้ากลุ่มคนตายไ
ม่อหยางมาที่คฤหาสน์เพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับหานซานเฉียนให้ซูหยิงเซี่ยทราบ ดังนั้นเขาจึงกลับไปหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแต่ก่อนที่เขาจะไปถึงประตูคฤหาสน์ ม่อหยางก็ถูกฉือจิงที่เดินตามออกมาหยุดเอาไว้ม่อหยางมักจะมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา และถือเป็นคนรู้จักของฉือจิง แต่เขาก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับฉือจิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เมื่อฉือจิงเรียกเขาเอาไว้ ม่อหยางก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น“มี... มีอะไรหรือเปล่าครับ? ”ม่อหยางถามเสียงสั่น“จริง ๆ แล้ว ฉันรู้ว่าซานเฉียนอยู่ในอเมริกา” ฉือจิงพูดอย่างตรงไปตรงมาม่อหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามด้วยความสับสน "ถ้าคุณรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่บอกหยิงเซี่ยล่ะครับ ทำไมต้องทำให้เธอเป็นกังวลอยู่แบบนี้?"“เมื่อกี้ตอนที่นายบอกข่าวนี้กับหยิงเซี่ย เธอมีปฏิกิริยายังไง?” ฉือจิงถามม่อหยางจำได้ว่าปฏิกิริยาแรกของซูหยิงเซี่ยในเวลานั้น คือเธอตื่นเต้นมาก และต้องการที่จะไปอเมริกาทันทีเพื่อยืนยันเรื่องนี้“เธอจะไปอเมริกา” ม่อหยางกล่าว“นายคิดว่าทำไมซานเฉียนถึงไม่บอกหยิงเซี่ยว่าเขาอยู่ที่อเมริกากันล่ะ?” ฉือจิงถามต่อม่อหยางไม่ใช่คนโง่ ฉือจิงพูดชั
เมื่อหานซานเฉียนปรากฏตัว แม้ว่าเขาจะยังนั่งอยู่บนรถเข็น แต่คนทั้งเขตจีนก็เริ่มรู้สึกปั่นป่วนตระกูลชนชั้นสูงจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งความสนใจไปที่คฤหาสน์ตระกูลหานทันที และสายลับของพวกเขาทั้งหมดต่างก็พากันมาถึงแล้วนับตั้งแต่การส่งมอบโลงศพครั้งสุดท้าย ตระกูลชนชั้นสูงในพื้นเขตจีนเหล่านี้ก็รู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เห็นได้ชัดว่าหานเทียนเซิงกลัวการปรากฏตัวของหม่าอวี้มาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหานซานเฉียนยังคงมีทุนในการต่อสู้กับหานเทียนเซิงสำหรับผู้คนที่รอชมเรื่องสนุกเหล่านี้ พวกเขาจะแทบรอไม่ไหวที่จะรู้ผลของเรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าหานเทียนเซิงจะพ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มคนนี้หรือไม่สำหรับเขตจีน ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเท่านั้น เพราะพวกเขาไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครสามารถเอาชนะหานเทียนเซิงได้ หลังจากที่กาลเวลาทำให้ชีวิตของหานเทียนเซิงหมดสิ้นลง ผู้ปกครองใหม่ถึงจะปรากฏตัวขึ้นในเขตจีนแต่การปรากฏตัวของหานซานเฉียน มีโอกาสที่จะทำให้ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดสำหรับผลกระทบของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป หากตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ ก็มีแนวโน้มที่จะตายในคลื่นลูกนี้ ดังนั้นทุก
สำหรับฉี๋อีหยุน ยิ่งหานซานเฉียนมีพลังมากเท่าใด ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาก็มากขึ้นเท่านั้น ฉี๋อีหยุนกลัวว่าวันหนึ่งเธอจะไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ข้าง ๆ หานซานเฉียน หรือแม้แต่เป็นเพื่อนของเขาด้วยซ้ำวิธีเดียวที่จะดึงคนสองคนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นก็คือการก้าวผ่านขั้นนั้น บางทีด้วยวิธีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็จะไม่ขาดกันน่าเสียดายที่โอกาสดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับฉี๋อีหยุนเหตุผลที่เธอสามารถอยู่กับหานซานเฉียนได้ในตอนนี้ก็เป็นเพียงการโกหก และการโกหกนี้กำลังจะถูกเปิดเผยภายในเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนเวลาที่เหลืออยู่สำหรับฉี๋อีหยุนเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวลจนแทบจะเป็นบ้าขอแค่ให้เตียงกับเธอ เธอจะกระโดดขึ้นไปบนนั้นกับหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลเลยหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหานหม่าอวี้ยังคงนอนอยู่บนฝาโลงศพ ฉากนี้กลายเป็นฉากคลาสสิกในเขตจีนไปแล้วตระกูลชนชั้นสูงทุกตระกูลรู้ดีว่าตระกูลหานมีบอดี้การ์ดกี่คน และความแข็งแกร่งของบอดี้การ์ดของตระกูลหานนั้นได้รับการยอมรับจากทั่วทั้งพื้นที่เขตจีน แต่หม่าอวี้เพียงคนเดียวก็สามารถแสดงพลังที่ไม่มีใครควบคุมได้ ฉากแบบนี้จะไม