หานเทียนเซิงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เสียงดังปัง ร่างกายที่สั่นเทาของเขาแสดงความโกรธที่แผดเผาในใจ แต่เมื่อเผชิญกับความเป็นจริง หานเทียนเซิงก็ทำได้เพียงก้มหัวเท่านั้นความอดทนชั่วครู่ไม่ถือเป็นความอัปยศอดสู ตราบใดที่มีโอกาสแก้แค้น หานเทียนเซิงจะจดจำทุกสิ่งในวันนี้ และจะเอาคืนหานซานเฉียนเป็นสองเท่าหานเซี่ยวหายใจเข้าลึก นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน สถานะของหานเทียนเซิงในอเมริกาไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะสั่งให้เขาคุกเข่าลงได้ แต่วันนี้หานเทียนเซิงกลับคุกเข่าลง กล่าวว่าในขณะนี้ เขาได้ละทิ้งความเย่อหยิ่งทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นก้าวที่ยากมากสำหรับหานเทียนเซิง"ตอนนี้นายพอใจแล้วใช่ไหม" หานเทียนเซิงพูดกับหานเทียนหยางผ่านไรฟัน“นี่คือสิ่งที่นายควรทำ” หานเทียนหยางพูดเสียงเรียบหานเทียนเซิงเก็บแผ่นจารึกที่เขาเหยียดหยามเข้าที่ทีละแผ่น จากนั้นหานเทียนหยางก็คุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกทั้งหมด ก่อนจะโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งหานเทียนเซิงดูถูกพฤติกรรมของหานเทียนหยางในใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคิดว่าหานเทียนหยางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ชายที่แข็งแกร่งจะคุกเข่าต่อหน้ากลุ่มคนตายไ
ม่อหยางมาที่คฤหาสน์เพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับหานซานเฉียนให้ซูหยิงเซี่ยทราบ ดังนั้นเขาจึงกลับไปหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแต่ก่อนที่เขาจะไปถึงประตูคฤหาสน์ ม่อหยางก็ถูกฉือจิงที่เดินตามออกมาหยุดเอาไว้ม่อหยางมักจะมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา และถือเป็นคนรู้จักของฉือจิง แต่เขาก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับฉือจิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เมื่อฉือจิงเรียกเขาเอาไว้ ม่อหยางก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น“มี... มีอะไรหรือเปล่าครับ? ”ม่อหยางถามเสียงสั่น“จริง ๆ แล้ว ฉันรู้ว่าซานเฉียนอยู่ในอเมริกา” ฉือจิงพูดอย่างตรงไปตรงมาม่อหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามด้วยความสับสน "ถ้าคุณรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่บอกหยิงเซี่ยล่ะครับ ทำไมต้องทำให้เธอเป็นกังวลอยู่แบบนี้?"“เมื่อกี้ตอนที่นายบอกข่าวนี้กับหยิงเซี่ย เธอมีปฏิกิริยายังไง?” ฉือจิงถามม่อหยางจำได้ว่าปฏิกิริยาแรกของซูหยิงเซี่ยในเวลานั้น คือเธอตื่นเต้นมาก และต้องการที่จะไปอเมริกาทันทีเพื่อยืนยันเรื่องนี้“เธอจะไปอเมริกา” ม่อหยางกล่าว“นายคิดว่าทำไมซานเฉียนถึงไม่บอกหยิงเซี่ยว่าเขาอยู่ที่อเมริกากันล่ะ?” ฉือจิงถามต่อม่อหยางไม่ใช่คนโง่ ฉือจิงพูดชั
เมื่อหานซานเฉียนปรากฏตัว แม้ว่าเขาจะยังนั่งอยู่บนรถเข็น แต่คนทั้งเขตจีนก็เริ่มรู้สึกปั่นป่วนตระกูลชนชั้นสูงจำนวนนับไม่ถ้วนมุ่งความสนใจไปที่คฤหาสน์ตระกูลหานทันที และสายลับของพวกเขาทั้งหมดต่างก็พากันมาถึงแล้วนับตั้งแต่การส่งมอบโลงศพครั้งสุดท้าย ตระกูลชนชั้นสูงในพื้นเขตจีนเหล่านี้ก็รู้ว่าเรื่องนี้ยังไม่จบ เห็นได้ชัดว่าหานเทียนเซิงกลัวการปรากฏตัวของหม่าอวี้มาก ซึ่งแสดงให้เห็นว่าหานซานเฉียนยังคงมีทุนในการต่อสู้กับหานเทียนเซิงสำหรับผู้คนที่รอชมเรื่องสนุกเหล่านี้ พวกเขาจะแทบรอไม่ไหวที่จะรู้ผลของเรื่องนี้ พวกเขาอยากรู้ว่าหานเทียนเซิงจะพ่ายแพ้ต่อชายหนุ่มคนนี้หรือไม่สำหรับเขตจีน ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลาเท่านั้น เพราะพวกเขาไม่เคยเชื่อว่าจะมีใครสามารถเอาชนะหานเทียนเซิงได้ หลังจากที่กาลเวลาทำให้ชีวิตของหานเทียนเซิงหมดสิ้นลง ผู้ปกครองใหม่ถึงจะปรากฏตัวขึ้นในเขตจีนแต่การปรากฏตัวของหานซานเฉียน มีโอกาสที่จะทำให้ยุคสมัยเปลี่ยนแปลงเร็วขึ้นอย่างเห็นได้ชัดสำหรับผลกระทบของยุคสมัยที่เปลี่ยนแปลงไป หากตระกูลชนชั้นสูงเหล่านี้ไม่สามารถคาดเดาล่วงหน้าได้ ก็มีแนวโน้มที่จะตายในคลื่นลูกนี้ ดังนั้นทุก
สำหรับฉี๋อีหยุน ยิ่งหานซานเฉียนมีพลังมากเท่าใด ระยะห่างระหว่างเธอกับเขาก็มากขึ้นเท่านั้น ฉี๋อีหยุนกลัวว่าวันหนึ่งเธอจะไม่มีคุณสมบัติที่จะอยู่ข้าง ๆ หานซานเฉียน หรือแม้แต่เป็นเพื่อนของเขาด้วยซ้ำวิธีเดียวที่จะดึงคนสองคนให้ใกล้ชิดกันมากขึ้นก็คือการก้าวผ่านขั้นนั้น บางทีด้วยวิธีนี้ความสัมพันธ์ระหว่างเธอกับเขาก็จะไม่ขาดกันน่าเสียดายที่โอกาสดังกล่าวแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยสำหรับฉี๋อีหยุนเหตุผลที่เธอสามารถอยู่กับหานซานเฉียนได้ในตอนนี้ก็เป็นเพียงการโกหก และการโกหกนี้กำลังจะถูกเปิดเผยภายในเวลาไม่เกินหนึ่งเดือนเวลาที่เหลืออยู่สำหรับฉี๋อีหยุนเริ่มน้อยลงเรื่อย ๆ และเธอก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกวิตกกังวลจนแทบจะเป็นบ้าขอแค่ให้เตียงกับเธอ เธอจะกระโดดขึ้นไปบนนั้นกับหานซานเฉียนโดยไม่ลังเลเลยหน้าประตูคฤหาสน์ตระกูลหานหม่าอวี้ยังคงนอนอยู่บนฝาโลงศพ ฉากนี้กลายเป็นฉากคลาสสิกในเขตจีนไปแล้วตระกูลชนชั้นสูงทุกตระกูลรู้ดีว่าตระกูลหานมีบอดี้การ์ดกี่คน และความแข็งแกร่งของบอดี้การ์ดของตระกูลหานนั้นได้รับการยอมรับจากทั่วทั้งพื้นที่เขตจีน แต่หม่าอวี้เพียงคนเดียวก็สามารถแสดงพลังที่ไม่มีใครควบคุมได้ ฉากแบบนี้จะไม
"ผมจะขอบคุณเขาอย่างดี" พูดจบ หานซานเฉียนก็เหลือบมองที่ฉี๋อีหยุนฉี๋อีหยุนข้าใจความหมาย และเข็นรถเข็นพาหานซานเฉียนออกไปหม่าอวี้ถอนหายใจครั้งแล้วครั้งเล่า เขาไม่เคยคิดว่าเรื่องมันจะกลายเป็นแบบนี้ หากอี้เหล่าประกาศในเทียนฉีว่าเขาจะรับลูกศิษย์ ประตูทั้งสี่จะถูกพังทลาย แต่หานซานเฉียนไอ้เด็กนี่กลับไม่สนใจเลยสักนิดเดียว เขาไม่เข้าใจจริง ๆ ว่าหานซานเฉียนกำลังคิดอะไรอยู่กันแน่“ลุง จะทำยังไงกันดี ผมยังต้องเอาใจเขาต่อไปไหม?” หม่าเฟยห่าวถามหม่าอวี้ แม้ว่าเขาจะแกล้งทำเป็นลูกน้องผู้ภักดีต่อหน้าหานซานเฉียนได้ทุกวันนี้ แต่ในใจหม่าเฟยห่าวก็ไม่สามารถยอมหานซานเฉียนได้แบบจริงจัง หากหานซานเฉียนไม่ยอมเป็นลูกศิษย์ของอี้เหล่า เขาก็ไม่จำเป็นต้องเสียเวลากับหานซานเฉียนอีกต่อไป“แน่นอน เรื่องนี้ยังไม่ได้รับการยืนยัน ไม่มีใครรู้ว่าผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร อนาคตเขาอาจจะเปลี่ยนใจก็ได้” หม่าอวี้กล่าวหม่าเฟยห่าวคิดว่ามันสมเหตุสมผล จึงพยักหน้าแล้วพูดว่า "ลุง งั้นผมไปก่อนนะครับ"“ไปเถอะ” หลังจากที่หม่าอวี้พูดจบ หม่าเฟยห่าวก็รีบวิ่งไปหาหานซานเฉียนและฉี๋อีหยุนเมื่อมองดูแผ่นหลังของหานซานเฉียนไกลออกไป หม่าอวี้
หานซานเฉียนวางโทรศัพท์ลง และฉี๋อีหยุนก็เดินเข้ามาหาเขา เธอมองโทรศัพท์ที่ผิดรูป และอดไม่ได้ที่จะถามว่า "อะไรทำให้คุณโกรธขนาดนี้?"หานซานเฉียนหายใจเข้าลึก เขาเป็นคนที่ควบคุมอารมณ์ของตัวเองได้ดีมาก แต่ในขณะนี้แค่นึกถึงชื่อของเจี่ยงหลาน ความโกรธในใจของเขาก็รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ และเขาก็ไม่สามารถควบคุมมันได้เลยหานซานเฉียนมีเหตุผลมากมายที่จะฆ่าเจี่ยงหลาน แต่เนื่องจากเธอเป็นแม่ของซูหยิงเซี่ย หานซานเฉียนจึงปล่อยเธอไป เขาคิดว่าเธอจะเปลี่ยนแปลงตัวเอง แต่นึกไม่ถึงเลยว่าเธอจะทำเรื่องเลวร้ายกับหานเนี่ยนมีเพียงหานซานเฉียนเท่านั้นที่รู้ว่าเขารู้สึกนึกเสียใจมากแค่ไหนในขณะนี้ หากได้รับโอกาสอีกครั้ง เขาจะฆ่าเจี่ยงหลานโดยไม่ลังเลอย่างแน่นอน!“ไม่มีอะไรหรอก” หานซานเฉียนพูดนิ่ง ๆฉี๋อีหยุนสัมผัสได้ถึงการเปลี่ยนแปลงทางอารมณ์ของหานซานเฉียนอย่างชัดเจน เขาพยายามระงับความโกรธของตัวเอง สิ่งที่ทำให้เขาโกรธได้มากขนาดนี้จะต้องเป็นเรื่องที่เกี่ยวกับซูหยิงเซี่ยและหานเนี่ยนแน่ ๆ เพราะมีเพียงสองคนนี้เท่านั้นที่เป็นสิ่งสำคัญสำหรับหานซานเฉียน“หยิงเซี่ย หรือว่าลูกสาวของคุณ?” ฉี๋อีหยุนยังคงถามต่อไปหานซานเฉียนหันศี
“ฉันเป็นหนี้นายเท่าไหร่?” หานซานเฉียนถามพี่ใหญ่โจวคิดว่ามันตลกเมื่อได้ยินคำพูดนี้ เขายิ้มขบขัน คงจะดีถ้าได้เงินคืน เพราะขยะพวกนี้จะต่อยตีไปก็ไม่มีความหมาย“สามหมื่นเหรียญ นายมีคืนไหม?” พี่ใหญ่โจวกล่าว“ฉันไม่มีเงินสดติดตัวมากขนาดนั้น” ขณะที่พูด หานซานเชียนก็หยิบบัตรเครดิตออกมาแล้วพูดว่า "รหัสผ่านคือ 123456 นายใช้คนไปกดก็แล้วกัน"พี่ใหญ่โจวขมวดคิ้ว รู้สึกเหมือนตัวเองถูกหลอกผู้ชายคนนี้ดูไม่เหมือนคนรวย และพี่ใหญ่โจวก็มั่นใจว่าเขาไม่ใช่พี่ชายของเด็กหญิงตัวเล็กนี่แน่นอน ยอมคืนเงินสามหมื่นเหรียญทันที เขารวยหรือคุยโม้กันแน่?ที่สำคัญถ้าเขามีเงินในบัตรจริง จะกล้าให้บัตรกับเขาโดยตรงแบบนี้เหรอ? ไม่กลัวว่าเขาจะถอนเงินออกจากบัตรทั้งหมดหรือไง?“นายล้อเล่นเหรอ หากมีเงินในบัตรจริง นายจะกล้าให้ฉันง่าย ๆ แบบนี้ ไม่กลัวว่าฉันจะถอนมันออกมาทั้งหมดเหรอ?” พี่ใหญ่โจวกล่าว"นายกล้าเหรอ?" หานซานเฉียนยิ้มเบา ๆ และมองตรงไปที่พี่ใหญ่โจวหัวใจของพี่ใหญ่โจวเต้นผิดจังหวะผู้ชายคนนี้เต็มไปด้วยความมั่นใจ เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่งานธรรมดา ที่สำคัญกว่านั้น ออร่าของเขาแข็งแกร่งมาก จนแม้แต่พี่ใหญ่โจวก็ยังรู้สึกทำตั
คำพูดของหานซานเฉียนทำให้ชายหนุ่มหัวเราะ ตามความคิดของชายหนุ่ม เขาเป็นเพียงคนพิการ ไม่มีอะไรให้ต้องกลัว เขานั่งอยู่ในรถเข็นจะมีความสามารถแค่ไหนกัน?เหตุผลที่พี่ใหญ่โจวเปลี่ยนท่าทีของเขาต่อหานซานเฉียนก่อนหน้านี้ ก็เพราะว่าหัวหน้าโจวเห็นจำนวนเงินของหานซานเฉียน และเนื่องจากพี่ใหญ่โจวอยู่ในสังคมมานานหลายปี เขาจึงมองออกว่าออร่าของหานซานเฉียนออกว่าเขาไม่ใช่คนธรรมดาแต่สำหรับชายหนุ่มที่ยังไม่รู้จักโลกมากพอ จะสังเกตเห็นภูมิหลังที่ไม่ธรรมดาของหานซานเฉียนได้อย่างไร เขาเห็นแค่เงิน และเขาต้องการเงินจากหานซานเฉียนเท่านั้น ดังนั้นเขาจึงไม่คิดมากเกินไป“คนพิการ นายนี่กล้าไม่น้อยเลย ฉันแนะนำให้นายรีบควักเงินออกมาจะดีกว่า จะได้ไม่ต้องเจ็บปวด” ชายหนุ่มพูดอย่างเหยียดหยาม“ในเมื่อนายไม่จักสำนึกบุญคุณคน งั้นฉันก็จะสั่งสอนแทนพ่อแม่ของนายเอง” หานซานเฉียนพูดเสียงเรียบชายหนุ่มหรี่ตาลง เขาไม่เคยมีความคิดสำนึกบุญคุณอะไรนี่เลย “ในเมื่อนายอยากเจ็บตัวเอง งั้นก็อย่ามาโทษฉัน” หลังจากชายหนุ่มพูดจบ เขาก็เดินไปหาหานซานเฉียอย่างไม่เกรงกลัวแม้ว่าตอนนี้หานซานเฉียนจะมีการเคลื่อนไหวที่จำกัด แต่การจัดการกับผู้ชายหน้า