"พ่อคะ"ซูหยิงเซี่ยเดินไปที่เตียงด้วยความสำนึกผิดเธอรู้ว่าช่วงนี้เธอเผลอลืมซูกั๋วเย่าไปเพราะเรื่องที่เกิดขึ้นกับหานเนี่ยน ซึ่งเป็นสิ่งที่ไม่กตัญญูมาก หากไม่ได้รับคำเตือนจากฉือจิง เธออาจจะยังไม่ขึ้นมาหาซูกั๋วเย่าที่ชั้นบนเลยก็ได้ ในฐานะลูกสาว เธอล้มเหลวในความกตัญญู เธอลืมเรื่องที่พ่อเธอป่วยหนักไปเสียสนิท สิ่งนี้ทำให้ซูหยิงเซี่ยรู้สึกผิดมากหลังจากที่ซูกั๋วเย่าได้ยินเสียงของซูหยิงเซี่ย ดวงตาของเขาก็เบิกกว้างขึ้นทันที เขารอช่วงเวลานี้มานานจนเขาตื่นเต้นน้ำตาไหล“พ่อคะ” ซูหยิงเซี่ยประหลาดใจมากเมื่อเห็นซูกั๋วเย่าลืมตาซูกั๋วเย่าไม่ได้อยู่ในอาการโคม่า แล้วทำไมจู่ ๆ เขาถึงตื่นขึ้นมา!“พ่อคะ พ่อฟื้นแล้วเหรอคะ? พ่อเป็นยังไงบ้าง ไม่สบายตรงไหนหรือเปล่าคะ หนูจะโทรเรียกหมอเดี๋ยวนี้” ซูหยิงเซี่ยกล่าวอย่างตื่นเต้นซูกั๋วเย่าส่ายหัวแล้วจับมือของซูหยิงเซี่ย ราวกับว่าเขากลัวว่าเธอจะจากไป“พ่อคะ พ่อเป็นอะไรไป อย่าร้องไห้สิคะ” ซูหยิงเซี่ยมองซูกั๋วเย่าทั้งน้ำตา และโทษตัวเองมากยิ่งขึ้น“หยิงเซี่ย ในที่สุดลูกก็มาหาพ่อ” ซูกั๋วเย่าพูดด้วยความตื่นเต้นและสั่นไปทั้งตัว“พ่อรอหนูอยู่เหรอคะ?” ซูหยิงเซี่ยม
เมื่อถูกหานเทียนหยางถามแบบนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ยังคงไม่แยแสและยกมือขวาขึ้นอีกครั้งครั้งนี้เจี่ยงหลานไม่ให้โอกาสซูหยิงเซี่ยโจมตีอีก เธอรีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉือจิงอย่างรวดเร็ว“แกบ้าไปแล้วเหรอ ถึงได้กล้าทุบตีแม่ของตัวเองแบบนี้” เจี่ยงหลานพูดด้วยความโกรธฉือจิงรู้ว่าซูหยิงเซี่ยเป็นคนแบบไหน เธอจะไม่มีทางทำร้ายเจี่ยงหลานโดยไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเธอไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน คนอื่นก็จะไม่สามารถเข้าใจได้“หยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น?” ฉือจิงถามเมื่อซูหยิงเซี่ยคิดถึงภาพที่หานเนี่ยนถูกโยนลงบนระเบียง และทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็น เธอก็เศร้าใจมากจนน้ำตาไหลออกมามและรู้สึกเหมือนจะขาดใจ เธอนึกภาพไม่ออกว่าหานเนี่ยนต้องทนทุกข์ทรมานจากลมหนาวมากแค่ไหน“การหายตัวไปของหานเนี่ยนเกี่ยวข้องกับเธอ สาเหตุที่หานเนี่ยนป่วยก็เป็นเพราะเธอวางหานเนี่ยนไว้ที่ระเบียงเพื่อแช่แข็งเธอ” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางกัดฟันคำพูดเหล่านี้ดังก้องไปทั่วห้องอาหาร และแม้แต่เจียงหยิงหยิงที่ป็นคนนอกก็ยังรู้สึกโกรธเจียงหยิงหยิงเห็นหานเนี่ยนผ่านรูปถ่ายเท่านั้น สำหรับเธอ หานเนี่ยนเป็นเด็กที่น่ารักมาก ทำไมถึงมีคนโหดร้ายกับเธอได้ลงคอ? และคนที่ล
สนามบินเมืองเหยียนจิงเมื่อหานเทียนหยางปรากฏตัว เหยียนจิงถึงกับฮือฮาแตกตื่นกันทันทีเพราะสำหรับคนในเหยียนจิง เทียนหยางคือคนที่ตายไปแล้ว แล้วการที่เขา 'ฟื้นคืนชีพ' จะไม่ทำให้ผู้คนตกใจได้อย่างไรสำหรับหานเทียนเซิง หานเทียนหยางเป็นเพียงขยะในสายตาของเขาเสมอแต่สำหรับเหยียนจิง เทียนหยางเป็นคนระดับปีศาจ ความวุ่นวายที่เขาเคยก่อในเหยียนจิงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถประมาทได้เลย ในเวลานี้ตระกูลขุนนางเหล่านั้นที่เคยต่อต้านตระกูลหาน ได้เรียนรู้การกลับมาของหานเทียนหยางแล้ว ทุกคนต่างกลัวจนตัวสั่น เพราะกลัวว่าหานเทียนหยางจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเขาแต่การกลับมาในครั้งนี้ของหานเทียนหยาง เขาไม่ได้จะกลับมาคิดบัญชีกับใคร ในวันนี้เขาไม่มีความปรารถนาที่จะคว้าอำนาจ และสถานะก็ไม่ได้มีค่าสำหรับเทียนหยางอีกต่อไปตราบใดที่หานซานเฉียนสามารถเข้าสู่ระดับนั้นได้ สิ่งที่เรียกว่าอำนาจในโลกนี้ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมฆที่ลอยอยู่เท่านั้น“ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่สมควรกลัว” เหยียนจุนพูดพร้อมกับถอนหายใจเทียนหยางยิ้มอย่างสงบและพูดว่า "สำหรับฉัน ทุกสิ่งที่นี่ไม่มีความหมายเท่าสวนดอกไม้บนภูเขาหยุนติงเลยสักนิด"เหยียนจุนรู
เมื่อเหยียนจุนรู้สัมผัสได้ถึงความเย็นชาบนใบหน้าของหานเทียนหยาง เขาก็ไม่ต้องการให้หานเทียนหยางพูดอะไรอีก จึงรีบอธิบายว่า "มันคือดาบ และดาบนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ตระกูลหาน หากไม่มีคุณ ซานเฉียนก็จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อตระกูลหานเลย”ดาบงั้นเหรอ!เปลือกตาของหานเทียนหยางกระตุก คำอธิบายนี้สมเหตุสมผลมาก และยังแสดงให้เห็นว่าหานซานเฉียนมีความไม่พอใจต่อตระกูลหานมากเพียงใด แต่จะโทษหานซานเฉียนก็ไม่ได้ เพราะที่เขามีความคิดแบบนี้ เนื่องจากการที่เขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นมันก็สมเหตุสมผลแล้ว ตอนนั้นเขายังเพียงแค่เด็กเท่านั้น เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมโลกธุรกิจ แม้กระทั่งฆ่าผู้คน ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าหานซานเฉียนกำลังเผชิญกับการกดขี่มากแค่ไหนในเวลานั้น“โชคดีที่ยังมีความขุ่นเคืองนี้ ไม่อย่างนั้น เขาอาจไม่ต่างจากหานจุนในวันนี้” หานเทียนหยางพูดนิ่ง ๆเหยียนจุนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เพราะสมมติฐานนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนจะเป็นอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันไป บางทีเขาอาจจะเก่งกาจมากขึ้นก็ได้“ไม่ว่ายังไง เขาในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะมองคนอื่นด้วยค
หานเซี่ยวไม่ตอบสนองต่อคำพูดของหานเทียนเซิง เพราะเขารู้ว่าหานเทียนเซิงจงใจระบายความไม่พอใจก่อนที่จะพบกับหานเทียนหยาง หากเขาไม่ได้ระบายมันออกมา แล้วเขาจะไปเผชิญหน้ากับหานเทียนหยางได้อย่างไร?หานเซี่ยวหวังเพียงว่าหลังจากพบกับหานเทียนหยาง แล้วหานเทียนเซิงจะสามารถแสดงท่าทีที่สมควรออกมา เพราะอย่างไรพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อขอร้องหานเทียนหยาง แม้ว่าหานเทียนเซิงจะไม่เต็มใจยอมรับมันก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทีเหยียดหยามต่อหน้าหานเทียนหยางได้ ไม่อย่างนั้นการเดินทางมาหยุนเฉิงครั้งนี้จะเสียเปล่าด้านหน้าคฤหาสน์ใจกลางภูเขาฉือจิงและซูหยิงเซี่ยกำลังรออยู่ที่ด้านนอกประตูแล้วอย่างไรก็ ตามหานเทียนเซิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต้อนรับของทั้งสองเลยสักนิดเดียว เพราะเขาไม่เห็นหานเทียนหยางปรากฏตัวต่อหน้า“ให้เธอสองคนออกมาต้อนรับฉันแบบนี้ เขาช่างไว้หน้าฉันมากจริง ๆ” หานเทียนเซิงพูดพร้อมกับเยาะเย้ย“พ่อกลับเหยียนจิงไปแล้ว” ฉือจิงกล่าวคำพูดเหล่านี้ทำให้หานเทียนเซิงแสดงถึงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าทันทีเขามาหยุนเฉิงเพื่อตามหาหานเทียนหยาง แต่หานเทียนหยางกลับไปที่เหยียนจิง เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้จงใจ"เ
หลังจากออกจากคฤหาสน์เขาหยุนติง หานเทียนเซิงก็โกรธจัดและวิ่งเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัยก่อนจะทุบตีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างในเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหานเซี่ยว ชายชราผู้เย่อหยิ่งคนนี้คงถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายนายทุบตีจนตายไปแล้ว และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหานเทียนเซิงถึงกล้าหยิ่งผยองมากขนาดนี้ เพราะตราบใดที่หานเซี่ยวอยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครคุกคามด้วยกำลังแน่นอนว่านี่มันก็แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างซื่อเหมินอี้เหล่า หานเทียนเซิงก็ไม่สามารถหยิ่งผยองได้อีก“เราจะไปเหยียนจิงกันไหมตรับ?” หานเซี่ยวถามเขา หลังจากที่หานเทียนเซิงระบายจนพอใจแล้วหานเทียนเซิงสีหน้าจมดิ่ง เขาไม่เต็มใจที่จะไปเหยียนจิงแน่นอน การมาที่หยุนเฉิงถือว่าเป็นการไว้หน้าหานเทียนหยางมากพอแล้ว จะให้เขาไปที่เหยียนจิงอีกนั่นถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของหานเทียนเซิงเป็นอย่างมากแต่ถ้าเขาไม่ไป ผลที่ตามมาก็จะเป็นสิ่งที่หานเทียนเซิงไม่สามารถรับได้“มันต้องรู้ว่าหานซานเฉียนได้รับค่าจากอี้เหล่าแน่ ๆ ถึงได้กล้าวางมาดต่อหน้าฉันแบบนี้ ไอ้คนที่สมควรตายคนนี้ ฉันจะทำให้มันเสีย
คำพูดของหานเทียนหยางนั้นตรงไปตรงมามาก แม้แต่หานเซี่ยวก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันของหานเทียนเซิงนั้น ไม่ได้ทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะอยู่เหนือกว่าหานเทียนหยางได้แต่หานเทียนเซิงยังคงไม่สามารถละทิ้งความเย่อหยิ่งของเขาได้ เพราะเขาคุ้นเคยกับท่าทางหยิ่งผยองเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเทียนหยางมานานแล้ว แม้ว่าเขาจะเต็มใจมาที่เหยียนจิง และแม้ว่าร่างกายของเขาจะประนีประนอมก็ตาม แต่ในใจของเขาก็ไม่ได้ยอมรับ ว่าเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากหานเทียนหยางเลย มันเป็นเพียงหน้ากากของการเจรจาเท่านั้น“หานเทียนหยาง นายคิดว่าจะข่มขู่ฉันได้งั้นเหรอ?” หานเทียนเซิงพูดนิ่ง ๆหานเทียนหยางหัวเราะและพูดว่า "ฉันจำเป็นต้องข่มขู่นายด้วยเหรอ? หานเทียนเซิง นายเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมนายถึงมีวันนี้ มันเป็นความผิดของนายทั้งนั้น นายไม่เคยเห็นใครในสายตา ไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องทนทุกข์ทรมานกับจุดจบแบบนี้ ไม่มีใครคุกคามนาย แต่เป็นตัวนายเองที่ค่อย ๆ เดินไปสู่นรกทีละขั้น”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หานเทียนหยางก็พูดต่อ "ตอนนี้นายจะกลับไปเลยก็ได้ แต่นายกล้าไหมล่ะ?"กล้าไหมอย่างนั้นเหรอ?ในชีวิตของหานเทียนเซิงไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าท
หานเทียนเซิงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เสียงดังปัง ร่างกายที่สั่นเทาของเขาแสดงความโกรธที่แผดเผาในใจ แต่เมื่อเผชิญกับความเป็นจริง หานเทียนเซิงก็ทำได้เพียงก้มหัวเท่านั้นความอดทนชั่วครู่ไม่ถือเป็นความอัปยศอดสู ตราบใดที่มีโอกาสแก้แค้น หานเทียนเซิงจะจดจำทุกสิ่งในวันนี้ และจะเอาคืนหานซานเฉียนเป็นสองเท่าหานเซี่ยวหายใจเข้าลึก นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน สถานะของหานเทียนเซิงในอเมริกาไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะสั่งให้เขาคุกเข่าลงได้ แต่วันนี้หานเทียนเซิงกลับคุกเข่าลง กล่าวว่าในขณะนี้ เขาได้ละทิ้งความเย่อหยิ่งทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นก้าวที่ยากมากสำหรับหานเทียนเซิง"ตอนนี้นายพอใจแล้วใช่ไหม" หานเทียนเซิงพูดกับหานเทียนหยางผ่านไรฟัน“นี่คือสิ่งที่นายควรทำ” หานเทียนหยางพูดเสียงเรียบหานเทียนเซิงเก็บแผ่นจารึกที่เขาเหยียดหยามเข้าที่ทีละแผ่น จากนั้นหานเทียนหยางก็คุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกทั้งหมด ก่อนจะโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งหานเทียนเซิงดูถูกพฤติกรรมของหานเทียนหยางในใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคิดว่าหานเทียนหยางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ชายที่แข็งแกร่งจะคุกเข่าต่อหน้ากลุ่มคนตายไ