เมื่อถูกหานเทียนหยางถามแบบนั้น ซูหยิงเซี่ยก็ยังคงไม่แยแสและยกมือขวาขึ้นอีกครั้งครั้งนี้เจี่ยงหลานไม่ให้โอกาสซูหยิงเซี่ยโจมตีอีก เธอรีบซ่อนตัวอยู่ข้างหลังฉือจิงอย่างรวดเร็ว“แกบ้าไปแล้วเหรอ ถึงได้กล้าทุบตีแม่ของตัวเองแบบนี้” เจี่ยงหลานพูดด้วยความโกรธฉือจิงรู้ว่าซูหยิงเซี่ยเป็นคนแบบไหน เธอจะไม่มีทางทำร้ายเจี่ยงหลานโดยไม่มีเหตุผล แต่ถ้าเธอไม่อธิบายเรื่องนี้ให้ชัดเจน คนอื่นก็จะไม่สามารถเข้าใจได้“หยิงเซี่ย เกิดอะไรขึ้น?” ฉือจิงถามเมื่อซูหยิงเซี่ยคิดถึงภาพที่หานเนี่ยนถูกโยนลงบนระเบียง และทนทุกข์ทรมานจากความหนาวเย็น เธอก็เศร้าใจมากจนน้ำตาไหลออกมามและรู้สึกเหมือนจะขาดใจ เธอนึกภาพไม่ออกว่าหานเนี่ยนต้องทนทุกข์ทรมานจากลมหนาวมากแค่ไหน“การหายตัวไปของหานเนี่ยนเกี่ยวข้องกับเธอ สาเหตุที่หานเนี่ยนป่วยก็เป็นเพราะเธอวางหานเนี่ยนไว้ที่ระเบียงเพื่อแช่แข็งเธอ” ซูหยิงเซี่ยพูดพลางกัดฟันคำพูดเหล่านี้ดังก้องไปทั่วห้องอาหาร และแม้แต่เจียงหยิงหยิงที่ป็นคนนอกก็ยังรู้สึกโกรธเจียงหยิงหยิงเห็นหานเนี่ยนผ่านรูปถ่ายเท่านั้น สำหรับเธอ หานเนี่ยนเป็นเด็กที่น่ารักมาก ทำไมถึงมีคนโหดร้ายกับเธอได้ลงคอ? และคนที่ล
สนามบินเมืองเหยียนจิงเมื่อหานเทียนหยางปรากฏตัว เหยียนจิงถึงกับฮือฮาแตกตื่นกันทันทีเพราะสำหรับคนในเหยียนจิง เทียนหยางคือคนที่ตายไปแล้ว แล้วการที่เขา 'ฟื้นคืนชีพ' จะไม่ทำให้ผู้คนตกใจได้อย่างไรสำหรับหานเทียนเซิง หานเทียนหยางเป็นเพียงขยะในสายตาของเขาเสมอแต่สำหรับเหยียนจิง เทียนหยางเป็นคนระดับปีศาจ ความวุ่นวายที่เขาเคยก่อในเหยียนจิงเป็นสิ่งที่ไม่มีใครสามารถประมาทได้เลย ในเวลานี้ตระกูลขุนนางเหล่านั้นที่เคยต่อต้านตระกูลหาน ได้เรียนรู้การกลับมาของหานเทียนหยางแล้ว ทุกคนต่างกลัวจนตัวสั่น เพราะกลัวว่าหานเทียนหยางจะกลับมาคิดบัญชีกับพวกเขาแต่การกลับมาในครั้งนี้ของหานเทียนหยาง เขาไม่ได้จะกลับมาคิดบัญชีกับใคร ในวันนี้เขาไม่มีความปรารถนาที่จะคว้าอำนาจ และสถานะก็ไม่ได้มีค่าสำหรับเทียนหยางอีกต่อไปตราบใดที่หานซานเฉียนสามารถเข้าสู่ระดับนั้นได้ สิ่งที่เรียกว่าอำนาจในโลกนี้ ก็ไม่มีอะไรมากไปกว่าเมฆที่ลอยอยู่เท่านั้น“ไม่รู้ว่ามีสักกี่คนที่สมควรกลัว” เหยียนจุนพูดพร้อมกับถอนหายใจเทียนหยางยิ้มอย่างสงบและพูดว่า "สำหรับฉัน ทุกสิ่งที่นี่ไม่มีความหมายเท่าสวนดอกไม้บนภูเขาหยุนติงเลยสักนิด"เหยียนจุนรู
เมื่อเหยียนจุนรู้สัมผัสได้ถึงความเย็นชาบนใบหน้าของหานเทียนหยาง เขาก็ไม่ต้องการให้หานเทียนหยางพูดอะไรอีก จึงรีบอธิบายว่า "มันคือดาบ และดาบนี้ก็มุ่งเป้าไปที่ตระกูลหาน หากไม่มีคุณ ซานเฉียนก็จะไม่มีความรู้สึกใด ๆ ต่อตระกูลหานเลย”ดาบงั้นเหรอ!เปลือกตาของหานเทียนหยางกระตุก คำอธิบายนี้สมเหตุสมผลมาก และยังแสดงให้เห็นว่าหานซานเฉียนมีความไม่พอใจต่อตระกูลหานมากเพียงใด แต่จะโทษหานซานเฉียนก็ไม่ได้ เพราะที่เขามีความคิดแบบนี้ เนื่องจากการที่เขาได้รับการปฏิบัติอย่างไม่ยุติธรรมมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก ดังนั้นมันก็สมเหตุสมผลแล้ว ตอนนั้นเขายังเพียงแค่เด็กเท่านั้น เขาถูกบังคับให้เข้าร่วมโลกธุรกิจ แม้กระทั่งฆ่าผู้คน ไม่มีใครสามารถเข้าใจได้ว่าหานซานเฉียนกำลังเผชิญกับการกดขี่มากแค่ไหนในเวลานั้น“โชคดีที่ยังมีความขุ่นเคืองนี้ ไม่อย่างนั้น เขาอาจไม่ต่างจากหานจุนในวันนี้” หานเทียนหยางพูดนิ่ง ๆเหยียนจุนไม่ได้ยอมรับหรือปฏิเสธ เพราะสมมติฐานนี้ไม่มีความหมาย ไม่มีใครรู้ว่าหานซานเฉียนจะเป็นอย่างไรภายใต้สถานการณ์ที่แตกต่างกันไป บางทีเขาอาจจะเก่งกาจมากขึ้นก็ได้“ไม่ว่ายังไง เขาในวันนี้ ก็เพียงพอที่จะมองคนอื่นด้วยค
หานเซี่ยวไม่ตอบสนองต่อคำพูดของหานเทียนเซิง เพราะเขารู้ว่าหานเทียนเซิงจงใจระบายความไม่พอใจก่อนที่จะพบกับหานเทียนหยาง หากเขาไม่ได้ระบายมันออกมา แล้วเขาจะไปเผชิญหน้ากับหานเทียนหยางได้อย่างไร?หานเซี่ยวหวังเพียงว่าหลังจากพบกับหานเทียนหยาง แล้วหานเทียนเซิงจะสามารถแสดงท่าทีที่สมควรออกมา เพราะอย่างไรพวกเขาก็มาที่นี่เพื่อขอร้องหานเทียนหยาง แม้ว่าหานเทียนเซิงจะไม่เต็มใจยอมรับมันก็ตาม แต่เขาก็ไม่สามารถแสดงท่าทีเหยียดหยามต่อหน้าหานเทียนหยางได้ ไม่อย่างนั้นการเดินทางมาหยุนเฉิงครั้งนี้จะเสียเปล่าด้านหน้าคฤหาสน์ใจกลางภูเขาฉือจิงและซูหยิงเซี่ยกำลังรออยู่ที่ด้านนอกประตูแล้วอย่างไรก็ ตามหานเทียนเซิงไม่ได้ให้ความสำคัญกับการต้อนรับของทั้งสองเลยสักนิดเดียว เพราะเขาไม่เห็นหานเทียนหยางปรากฏตัวต่อหน้า“ให้เธอสองคนออกมาต้อนรับฉันแบบนี้ เขาช่างไว้หน้าฉันมากจริง ๆ” หานเทียนเซิงพูดพร้อมกับเยาะเย้ย“พ่อกลับเหยียนจิงไปแล้ว” ฉือจิงกล่าวคำพูดเหล่านี้ทำให้หานเทียนเซิงแสดงถึงความไม่พอใจออกมาทางสีหน้าทันทีเขามาหยุนเฉิงเพื่อตามหาหานเทียนหยาง แต่หานเทียนหยางกลับไปที่เหยียนจิง เห็นได้ชัดว่าผู้ชายคนนี้จงใจ"เ
หลังจากออกจากคฤหาสน์เขาหยุนติง หานเทียนเซิงก็โกรธจัดและวิ่งเข้าไปในห้องรักษาความปลอดภัยก่อนจะทุบตีเจ้าหน้าที่ที่อยู่ข้างในเพื่อระบายความโกรธของตัวเอง ถ้าไม่ใช่เพราะหานเซี่ยว ชายชราผู้เย่อหยิ่งคนนี้คงถูกเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยหลายนายทุบตีจนตายไปแล้ว และนี่ก็คือเหตุผลว่าทำไมหานเทียนเซิงถึงกล้าหยิ่งผยองมากขนาดนี้ เพราะตราบใดที่หานเซี่ยวอยู่ด้วย เขาก็ไม่ต้องกังวลว่าจะถูกใครคุกคามด้วยกำลังแน่นอนว่านี่มันก็แค่ในระดับหนึ่งเท่านั้น เพราะเมื่อเผชิญหน้ากับคนอย่างซื่อเหมินอี้เหล่า หานเทียนเซิงก็ไม่สามารถหยิ่งผยองได้อีก“เราจะไปเหยียนจิงกันไหมตรับ?” หานเซี่ยวถามเขา หลังจากที่หานเทียนเซิงระบายจนพอใจแล้วหานเทียนเซิงสีหน้าจมดิ่ง เขาไม่เต็มใจที่จะไปเหยียนจิงแน่นอน การมาที่หยุนเฉิงถือว่าเป็นการไว้หน้าหานเทียนหยางมากพอแล้ว จะให้เขาไปที่เหยียนจิงอีกนั่นถือเป็นการดูหมิ่นศักดิ์ศรีของหานเทียนเซิงเป็นอย่างมากแต่ถ้าเขาไม่ไป ผลที่ตามมาก็จะเป็นสิ่งที่หานเทียนเซิงไม่สามารถรับได้“มันต้องรู้ว่าหานซานเฉียนได้รับค่าจากอี้เหล่าแน่ ๆ ถึงได้กล้าวางมาดต่อหน้าฉันแบบนี้ ไอ้คนที่สมควรตายคนนี้ ฉันจะทำให้มันเสีย
คำพูดของหานเทียนหยางนั้นตรงไปตรงมามาก แม้แต่หานเซี่ยวก็ต้องยอมรับว่าสถานการณ์ปัจจุบันของหานเทียนเซิงนั้น ไม่ได้ทำให้เขามีคุณสมบัติที่จะอยู่เหนือกว่าหานเทียนหยางได้แต่หานเทียนเซิงยังคงไม่สามารถละทิ้งความเย่อหยิ่งของเขาได้ เพราะเขาคุ้นเคยกับท่าทางหยิ่งผยองเมื่ออยู่ต่อหน้าหานเทียนหยางมานานแล้ว แม้ว่าเขาจะเต็มใจมาที่เหยียนจิง และแม้ว่าร่างกายของเขาจะประนีประนอมก็ตาม แต่ในใจของเขาก็ไม่ได้ยอมรับ ว่าเขามาที่นี่เพื่อขอความช่วยเหลือจากหานเทียนหยางเลย มันเป็นเพียงหน้ากากของการเจรจาเท่านั้น“หานเทียนหยาง นายคิดว่าจะข่มขู่ฉันได้งั้นเหรอ?” หานเทียนเซิงพูดนิ่ง ๆหานเทียนหยางหัวเราะและพูดว่า "ฉันจำเป็นต้องข่มขู่นายด้วยเหรอ? หานเทียนเซิง นายเคยคิดบ้างไหมว่าทำไมนายถึงมีวันนี้ มันเป็นความผิดของนายทั้งนั้น นายไม่เคยเห็นใครในสายตา ไม่ช้าก็เร็วนายจะต้องทนทุกข์ทรมานกับจุดจบแบบนี้ ไม่มีใครคุกคามนาย แต่เป็นตัวนายเองที่ค่อย ๆ เดินไปสู่นรกทีละขั้น”หลังจากเงียบไปครู่หนึ่ง หานเทียนหยางก็พูดต่อ "ตอนนี้นายจะกลับไปเลยก็ได้ แต่นายกล้าไหมล่ะ?"กล้าไหมอย่างนั้นเหรอ?ในชีวิตของหานเทียนเซิงไม่มีอะไรที่เขาไม่กล้าท
หานเทียนเซิงคุกเข่าลงบนพื้นด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความไม่เต็มใจ เสียงดังปัง ร่างกายที่สั่นเทาของเขาแสดงความโกรธที่แผดเผาในใจ แต่เมื่อเผชิญกับความเป็นจริง หานเทียนเซิงก็ทำได้เพียงก้มหัวเท่านั้นความอดทนชั่วครู่ไม่ถือเป็นความอัปยศอดสู ตราบใดที่มีโอกาสแก้แค้น หานเทียนเซิงจะจดจำทุกสิ่งในวันนี้ และจะเอาคืนหานซานเฉียนเป็นสองเท่าหานเซี่ยวหายใจเข้าลึก นี่คือสิ่งที่เขาไม่เคยคิดมาก่อน สถานะของหานเทียนเซิงในอเมริกาไม่มีใครมีคุณสมบัติที่จะสั่งให้เขาคุกเข่าลงได้ แต่วันนี้หานเทียนเซิงกลับคุกเข่าลง กล่าวว่าในขณะนี้ เขาได้ละทิ้งความเย่อหยิ่งทั้งหมด ซึ่งนั่นเป็นก้าวที่ยากมากสำหรับหานเทียนเซิง"ตอนนี้นายพอใจแล้วใช่ไหม" หานเทียนเซิงพูดกับหานเทียนหยางผ่านไรฟัน“นี่คือสิ่งที่นายควรทำ” หานเทียนหยางพูดเสียงเรียบหานเทียนเซิงเก็บแผ่นจารึกที่เขาเหยียดหยามเข้าที่ทีละแผ่น จากนั้นหานเทียนหยางก็คุกเข่าต่อหน้าแผ่นจารึกทั้งหมด ก่อนจะโค้งคำนับอย่างสุดซึ้งหานเทียนเซิงดูถูกพฤติกรรมของหานเทียนหยางในใจ นี่คือเหตุผลว่าทำไมเขาถึงคิดว่าหานเทียนหยางเป็นเพียงคนไร้ประโยชน์ ชายที่แข็งแกร่งจะคุกเข่าต่อหน้ากลุ่มคนตายไ
ม่อหยางมาที่คฤหาสน์เพื่อแจ้งข่าวเกี่ยวกับหานซานเฉียนให้ซูหยิงเซี่ยทราบ ดังนั้นเขาจึงกลับไปหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแต่ก่อนที่เขาจะไปถึงประตูคฤหาสน์ ม่อหยางก็ถูกฉือจิงที่เดินตามออกมาหยุดเอาไว้ม่อหยางมักจะมาที่คฤหาสน์ใจกลางภูเขา และถือเป็นคนรู้จักของฉือจิง แต่เขาก็ยังรู้สึกประหม่าทุกครั้งที่ต้องเผชิญหน้ากับฉือจิง โดยเฉพาะอย่างยิ่งวันนี้เมื่อฉือจิงเรียกเขาเอาไว้ ม่อหยางก็รู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น“มี... มีอะไรหรือเปล่าครับ? ”ม่อหยางถามเสียงสั่น“จริง ๆ แล้ว ฉันรู้ว่าซานเฉียนอยู่ในอเมริกา” ฉือจิงพูดอย่างตรงไปตรงมาม่อหยางตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง และถามด้วยความสับสน "ถ้าคุณรู้อยู่แล้ว ทำไมถึงไม่บอกหยิงเซี่ยล่ะครับ ทำไมต้องทำให้เธอเป็นกังวลอยู่แบบนี้?"“เมื่อกี้ตอนที่นายบอกข่าวนี้กับหยิงเซี่ย เธอมีปฏิกิริยายังไง?” ฉือจิงถามม่อหยางจำได้ว่าปฏิกิริยาแรกของซูหยิงเซี่ยในเวลานั้น คือเธอตื่นเต้นมาก และต้องการที่จะไปอเมริกาทันทีเพื่อยืนยันเรื่องนี้“เธอจะไปอเมริกา” ม่อหยางกล่าว“นายคิดว่าทำไมซานเฉียนถึงไม่บอกหยิงเซี่ยว่าเขาอยู่ที่อเมริกากันล่ะ?” ฉือจิงถามต่อม่อหยางไม่ใช่คนโง่ ฉือจิงพูดชั
เมื่อเผชิญกับทัศนคติเช่นนี้ของเฟยหลิงเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็ไม่รู้ว่าจะจัดการกับนางอย่างไรขอทานตัวน้อยคนนี้จงใจปกปิดตัวตน การเก็บนางไว้จะเป็นเรื่องดีหรือร้ายกันนะ?แต่นางรู้ข่าวเกี่ยวของเจียงหยิงหยิงและรู้ตัวตนของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ด้วย ดังนั้นหานซานเฉียนจึงไม่สามารถขับไล่นางไปได้แต่ถ้าอยากรู้ตัวตนของนาง นางก็พูดเอาไว้อย่างชัดเจนแล้วว่าต้องเก็บนางเอาไว้ถึงจะรู้ได้ว่านางเป็นใคร“เจ้ามาหาข้าเพราะเหตุใด” หานซานเฉียนถาม และหลังจากถามคำถามนี้ เขาก็เตือนอีกว่า “ข้าจำเป็นต้องรู้ หากเจ้าไม่เต็มใจที่จะตอบข้าอย่างตรงไปตรงมา ข้าจะไม่ยอมให้เจ้าอยู่ด้วย”“ข้าคิดว่าท่านมีพลังมาก เหตุผลนี้เพียงพอหรือไม่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวนี่...หานซานเฉียนพูดไม่ออก และทันใดนั้นก็รู้สึกว่าคำถามของเขาไม่จำเป็นเลย และเขาก็ไม่สามารถได้รับคำตอบที่ลึกกว่านี้ได้แต่สิ่งหนึ่งที่หานซานเฉียนแน่ใจก็คือ เฟยหลิงเอ๋อร์ต้องซ่อนความลับบางอย่างไว้ สำหรับสิ่งที่นางต้องการนั้น บางทีอาจต้องรู้จักกันสักพักถึงจะสามารถรู้ได้“ท่านคงไม่คิดที่จะเก็บนางไว้จริง ๆ หรอกใช่หรือไม่?” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์มองหานซานเฉียนด้วยท่าทางเป็นกังวล นาง
“เจ้าเป็นใครกันแน่ ข้าไม่คิดว่าเจ้าเป็นขอทาน” หานซานเฉียนถามเฟยหลิงเอ๋อร์อย่างตรงไปตรงมาเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มเล็กน้อยแล้วพูดว่า "ถ้าอยากรู้ว่าข้าเป็นใคร ก็เก็บข้าไว้ แล้วท่านจะได้รู้ในภายหลัง"หานซานเฉียนขมวดคิ้วเล็กน้อย สิ่งที่เด็กหญิงตัวน้อยพูดมันชัดเจนมาก นางยอมรับว่าตัวเองไม่ใช่ขอทาน แต่ถ้าหานซานเฉียนอยากรู้ เขาก็ต้องเก็บนางไว้ข้างกาย“นี่เป็นข้อตกลงอย่างนั้นหรือ?” หานซานเฉียนถามพลางขมวดคิ้วเฟยหลิงเอ๋อร์ยิ้มและพยักหน้า“หากข้าไม่สงสัยเกี่ยวกับตัวตนของเจ้า ข้าก็ไล่เจ้าไปได้ใช่หรือไม่?” หานซานเฉียนกล่าวต่อราวกับว่านางไม่คิดว่าหานซานเฉียนจะพูดแบบนั้น เฟยหลิงเอ๋อร์ย่นจมูกและดูครุ่นคิด เห็นได้ชัดว่ากำลังคิดอะไรบางอย่างเพื่อตอบโต้หานซานเฉียน“เราไม่อยากรู้เกี่ยวกับเจ้า รีบออกไปซะ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์อดไม่ได้ที่จะพูดขึ้น“ไม่ ท่านต้องสงสัยเกี่ยวกับตัวข้าแน่” เฟยหลิงเอ๋อร์กล่าวหานซานเฉียนยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เขาไม่ได้คาดหวังว่าสาวน้อยคนนี้จะผยองเช่นนี้ แต่เขาได้รับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์เอาไว้แล้วหนึ่งคน และตัวตนของนางก็พิเศษมากด้วย เขาจะยอมให้เฟยหลิงเอ๋อร์อยู่ด้วยได้อย่างไร?หานซานเฉีย
เมื่อหานซานเฉียนกลับมาที่ลานบ้าน ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์กำลังนั่งอยู่บนบันไดศาลาลานด้วยความงุนงงราวกับว่านางเสียสติไปแล้ว“เป็นอะไรไป?” หานซานเฉียนเดินเข้ามาก่อนจะถามขึ้นไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ชี้ไปข้างหน้าและไม่พูดอะไรเมื่อมองไปทางนิ้วของไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ หานซานเฉียนก็พบแผ่นหลังของหญิงสาวผมหางม้า นางดูตัวเล็กมาก แต่เมื่อมองจากด้านหลังก็เดาได้ว่านางเป็นคนที่สวยงาม“นางเป็นใคร?” หานซานเฉียนถามอย่างสงสัยไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ได้สติ นางเงยหน้าขึ้นมองหานซานเฉียนแล้วพูดว่า “นางคือขอทานตัวน้อยคนนั้นไงเจ้าคะ”ขอทานตัวน้อย!หานซานเฉียนก้าวไปข้างหน้าและตะโกนเรียกขอทานตัวน้อย “หันกลับมาให้ข้าดูหน่อยสิ”ขอทานตัวน้อยตกตะลึงอยู่ครู่หนึ่ง จากนั้นจึงหันกลับมาอย่างเขินอาย ใบหน้าของนางแดงราวกับแอปเปิลประณีต ไร้ที่ติ นี่เป็นคำจำกัดความที่สมบูรณ์แบบที่สุดที่หานซานเฉียนนึกถึงได้เด็กผู้หญิงที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาเหมือนกับตุ๊กตา ไม่เพียงแต่ผิวพันของนางจะเนียนสวยไร้ที่ติเท่านั้น แต่หน้าตาของนางก็ปราณีตมาก ในชีวิตของหานซานเฉียน ไม่มีใครเทียบความงามของฉี๋อีหยุนได้ แต่ด้วยการปรากฏตัวของขอทานตัวน้อยคนนี้ ดูเห
เมื่อได้ยินสิ่งนี้ ฮวงเซียวหย่งก็รู้สึกเป็นกังวล ท่านอาจารย์มาหาเขาที่จวนของเจ้าเมืองเป็นครั้งแรก แต่ถูกขัดขวางโดยคนโง่เหล่านี้!“เจ้าพวกโง่ กล้าดียังไงมาขวางอาจารย์ของข้า!” ฮวงเซียวหย่งตะโกนยามดูเสียใจและพูดว่า “คุณชายฮวง พวกเราแค่กลัวว่าเขาจะโกหกน่ะขอรับ”ฮวงเซียวหย่งตบหัวยามคนนั้นแล้วพูดว่า “เจ้านี่ช่างโง่เขลาจริง ๆ ใครจะกล้ามาแสร้งทำเป็นอาจารย์ของข้าที่จวนเจ้าเมืองอีก เว้นเสียแต่ต้องการตาย”เมื่อยามได้ยินสิ่งนี้ เขาก็รู้สึกได้ทันทีว่ามันสมเหตุสมผลฮวงเซียวหย่งคือใคร เขาเป็นบุตรชายของเจ้าเมืองเชียวนะ!จะมีใครกล้ามาแกล้งทำเป็นอาจารย์ของเขาได้อย่างไร?ซึ่งหมายความว่าชายหนุ่มที่อยู่นอกประตูนั้นเป็นปรมาจารย์สามอันดับหลังจริง ๆ ทันใดนั้นเหงื่อเย็นก็ไหลลงมาที่หลังของยาม เมื่อนึกถึงสิ่งที่เขาเพิ่งพูดกับหานซานเฉียนไปเมื่อครู่ เป็นไปได้ไหมว่าเขาได้ผ่านประตูนรกไปแล้ว!ถ้าหานซานเฉียนมีนิสัยดุร้าย เกรงว่าพวกเขาคงตายไปนานแล้วฮวงเซียวหย่งวิ่งไปจนสุดทางของจวนเจ้าเมือง ไม่กล้าแม้แต่จะพักหายใจ เมื่อเขาเห็นหานซานเฉียนถูกพวกโง่เขลาขวางไว้ เขาก็โกรธมาก“พวกเจ้ากำลังทำอะไร กล้าดียังไงมา
“เจ้ากำลังทำอะไร รู้หรือไม่ว่านี่คือที่ไหน นี่คือจวนของเจ้าเมือง เจ้าไม่สามารถเข้าไปได้!”จวนของเจ้าเมืองหานซานเฉียนถูกยามขวางเอาไว้ยามในชุดเกราะหลายคนดูมีพลังราวกับสายรุ้ง โดยมีออร่าที่แม้แต่ราชาแห่งสวรรค์ก็ไม่สามารถหยุดยั้งพวกเขาได้หานซานเฉียนรู้สึกคุ้นเคยกับความรู้สึกนี้มาก และทันใดนั้นเขาก็อดหัวเราะไม่ได้นี่มันเหมือนกับเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยที่ประตูของคลับระดับไฮเอนด์ หรือโรงแรมบนโลกปัจจุบันที่พยายามขวางเขาไม่ให้เข้าประตูเลยไม่ใช่เหรอเมื่อนึกถึงความจริงที่ว่าหานซานเฉียนเคยพบกับสิ่งต่าง ๆ มากมายบนโลกมาก่อนแล้ว เขาไม่คิดเลยว่าสถานการณ์เช่นนี้จะเกิดขึ้นกับเขาในโลกเชวียนหยวนด้วย ดูเหมือนว่าธรรมชาติของมนุษย์จะเป็นเช่นนี้ ไม่ว่าโลกไหน ๆ ก็มักจะมีคนที่ดูถูกคนอื่นอยู่เสมอ“ข้ามาหาฮวงเซียวหย่ง ไปบอกเขา แล้วเขาจะมาพบข้าเอง” หานซานเฉียนกล่าวพวกยามดูไม่พอใจ ตอนนี้ฮวงเซียวหย่งคือความภาคภูมิใจของจวนเจ้าเมือง ฮวงเซียวหย่งมีความแข็งแกร่งระดับโคมห้า แม้แต่ยามเหล่านี้ก็ดูเหมือนด้พึ่งบารมีของเขาไปด้วยเมื่อเอ่ยถึงและผู้ชายที่อยู่ข้างหน้ากลับพูดอย่างโจ่งแจ้งว่าต้องการพบฮวงเซียวหย
ตระกูลเฉินเคยรุ่งโรจน์อย่างยิ่งในเมืองหลงหยุน และเฉินเถี่ยซินซึ่งเป็นบุตรชายคนโตของตระกูลเฉินก็มีสถานะที่ไม่ธรรมดา แต่ตอนนี้เขาได้รับความทุกข์ทรมานจากจุดจบเช่นนี้ แม้ว่ามันจะเป็นความผิดของเขาเอง แต่ก็ยังทำให้หลายคนถอนหายใจด้วยความเสียดาย“แค่มีเงินก็เปล่าประโยชน์ โลกเชวียนหยวนความแข็งแกร่งคือการรับประกันที่ยิ่งใหญ่ที่สุด”“เฉินเถี่ยซิน โอ้อวดมากเกินไป ถึงกับบอกว่าเขาจะสามารถเข้าสู่ราชสำนักได้อย่างแน่นอน แต่กลับต้องมาเสียชีวิตอย่างไม่คาดคิดตั้งแต่ยังเยาว์วัย”“เขาเดินทางจากเมืองหนึ่งไปอีกเมืองหนึ่งเพื่อตามหาอาจารย์ แต่อาจารย์ที่แท้จริงก็อยู่ข้าง ๆ เขา แต่เขากลับทำลายโอกาสนี้เสียเอง ไม่มีที่สำหรับความเห็นอกเห็นใจจริง ๆ”“ใครจะคิดว่าคนไร้ค่าที่ถูกตระกูลเฉินขับไล่ออกไปจะเป็นคนที่มีอำนาจได้ขนาดนี้ ฮวงเซียวหย่งเลื่อนขึ้นสู่ระดับโคมห้าในช่วงเวลาสั้น ๆ ความแข็งแกร่งของเขาจะต้องอยู่ในสามลำดับหลังอย่างแน่นอน”ประโยคนี้ได้รับการยอมรับจากหลาย ๆ คน ไม่มีใครคาดคิดถึงความแข็งแกร่งของหานซานเฉียนจริง ๆ เพราะการแสดงของเขาในตระกูลเฉินนั้นดูไร้ค่าโดยไม่มีความเชี่ยวชาญใด ๆ เลยแต่ตอนนี้พวกเขารู้แล้
ในการรับรู้ของทุกคน หานซานเฉียนเป็นคนไร้ค่าที่ถูกไล่ออกจากตระกูลเฉิน ตอนนั้นเขาถูกคนนับไม่ถ้วนหัวเราะเยาะแต่ตอนนี้ จู่ ๆ เขาก็เปลี่ยนไป และกลายเป็นอาจารย์ของฮวงเซียวหย่ง!ความสามารถในการทำให้ฮวงเซียวหย่งเลื่อนจากระดับโคมสองทะลวงไปสู่ระดับโคมห้าได้ในช่วงเวลาสั้น ๆ ปรมาจารย์คนนี้จะต้องทรงพลังมากเพียงใดแล้วชายที่แข็งแกร่งเช่นนี้จะกลายเป็นคนไร้ค่าในตระกูลเฉินได้อย่างไร?“คุณ...คุณชายฮวง ล้อเล่นหรือไม่?”“หานซานเฉียน คุณชายกำลังพูดถึงหานซานเฉียนที่เรารู้จักหรือเปล่าขอรับ”“ถ้าเขาเป็นคนที่ทรงพลัง เหตุใด...เขาถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่ออกไปล่ะขอรับ?”ทุกคนถามฮวงเซียวหย่งด้วยความไม่เชื่อ เพราะเรื่องนี้อยู่นอกเหนือขอบเขตที่คนธรรมดาจะเข้าใจได้โดยสิ้นเชิงเขาเป็นคนทรงพลัง แต่ถูกเฉินเถี่ยซินที่อยู่เพียงระดับโคมสองรังแก มันช่างไม่มีเหตุผลเอาซะเลย“พวกเจ้าได้ยินไม่ผิด และข้าก็ไม่ได้ล้อเล่น อาจารย์ของข้าคือหานซานเฉียนจริง ๆ สำหรับสาเหตุที่เขาอยู่ในตระกูลเฉิน และเหตุใดถึงถูกเฉินเถี่ยซินขับไล่นั้น เป็นเพราะว่าอาจารย์ของข้าขี้เกียจเกินกว่าจะโต้เถียงด้วย” ฮวงเซียวหย่งกล่าวเมื่อเห็นว่าทุกคนยังค
หานซานเฉียนยิ้มและไม่พูดอะไร ทำไมเขาต้องจำเฉินเหยียนหรันด้วยล่ะ? ผู้หญิงคนนี้ไม่คู่ควรที่จะมาครอบครองพื้นที่ใดในใจของเขาเลย“ไม่กล้าตอบข้ามาตรง ๆ ท่านกลัวงั้นหรือ” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ถามอย่างไม่เต็มใจ“อย่าว่าแต่นางเลย แม้แต่เจ้า ข้าก็จะลืมไปในไม่ช้า คำตอบนี้พอใจแล้วหรือไม่” หานซานเฉียนหัวเราะเบา ๆจู่ ๆ ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ก็โกรธ นางถามเกี่ยวกับความคิดของหานซานเฉียนที่มีต่อเฉินเหยียนหรัน แล้วมันจะเกี่ยวอะไรกับนาง แถมยังพูดจาทำร้ายจิตใจคนฟังเช่นนี้อีก“ข้าจะทำให้มันเป็นที่น่าจดจำสำหรับท่านอย่างแน่นอน และทำให้ท่านไม่มีวันลืมข้าไปตลอดชีวิต” ไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์พูดผ่านไรฟันหานซานเฉียนขี้เกียจเกินกว่าจะคุยกับไป๋หลิงหว่านเอ๋อร์ จึงกลับไปที่ห้องของเขาตอนนี้ราชสำนักตระหนักถึงการดำรงอยู่ของเขา และแม้แต่จักรพรรดิซุนก็ยังต้องการเอาใจเขา ในสายตาของคนอื่น ๆ นี่เป็นสิ่งที่ดี แต่หานซานเฉียนคิดว่าสิ่งต่าง ๆ กำลังพัฒนาเร็วเกินไป และกำลังจะอยู่เหนือการควบคุมของเขา ราชสำนักเป็นหนึ่งในสามแกนหลักของโลกเชวียนหยวน หานซานเฉียนยังไม่ค่อยมีความรู้เกี่ยวกับ โลกเชวียนหยวนมากนัก การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับเรื่องระด
“ท่านเป็นอะไรไป?”"เกิดอะไรขึ้น!"การเปลี่ยนแปลงอย่างกะทันหันของโหยวไห่ทำให้ปี่ยางและฝูซานสับสน เพราะพวกเขาไม่รู้สึกอะไรเลย“ข้า...ข้าไม่รู้” เหงื่อเย็นหยดลงมาราวกับหยดลงมาราวกับเม็ดฝนบนหน้าผากของโหยวไห่ แรงกดเมื่อครู่นี้แทบจะทำให้เขาระเบิดตาย“เมื่อครู่...เมื่อครู่ ข้ารู้สึกถึงแรงกดอย่างรุนแรงจนเกือบจะบดขยี้ข้าได้” โหยวไห่อธิบายให้ทั้งสองคนฟังหลังจากสูดลมหายใจเข้าแรงกด?ทันใดนั้นสีหน้างุนงงของปี่ยางก็แปลเปลี่ยนเป็นความตื่นตระหนก ก่อนจะพูดกับทั้งสองคน “รีบออกไปจากที่นี่เร็วเข้า”เมื่อเผชิญกับความตื่นตระหนกของปี่ยาง แม้ว่าฝูซานและโหยวไห่จะสับสนเล็กน้อย แต่ก็ไม่อยู่ที่นี่นานลานบ้านของหานซานเฉียนเฉินเถี่ยซินยังคงตัวสั่นเทาคุกเข่าอยู่บนพื้นเขาไม่เคยคิดฝันว่าแผนการที่สมบูรณ์แบบของเขาจะจบลงเช่นนี้แม้ว่าศพจะถูกพบแล้ว แต่ปี่ยางก็ยังไม่ตัดสินโทษ แถมยังเป็นความเห็นชอบจากจักรพรรดิซุนอีกด้วย นี่แสดงให้เห็นว่าแม้ว่าหานซานเฉียนจะยังไม่ได้ไปที่ราชสำนัก แต่เขาก็ได้รับความสนใจจากจักรพรรดิซุนเป็นอย่างมากแล้วและเขาก็ไม่มีคุณสมบัติที่จะไปต่อกรกับบุคคลดังกล่าวตอนนี้เมื่อเขาทำให้หานซานเฉ