เจ้าหน้าที่ของเรือนจำตี้ซินกลุ่มหนึ่งเข้ามาในเวที ปืนช็อตหลายนัดถูกยิงพร้อมกัน หานซานเฉียนล้มลงกับพื้นเสียงดังโครมคราม และถูกลากออกไปอย่างรวดเร็ว ซึ่งก็หมายถึงการแข่งขันจบลงแล้วแน่นอนว่าโยวหลี่แพ้ เพราะสิ่งนี้ปรากฏอยู่ในสายตาของทุกคน และนั่นก็ทำให้นักโทษทุกคนสงสัยว่าคนที่อยู่ภายใต้หน้ากากนั้นเป็นใครกันแน่ เรือนจำตี้ซินถึงได้พุ่งเป้าไปที่เขาแบบนี้ และแม้แต่โยวหลี่ก็ยังไม่ใช่คู่ต่อสู้ของเขาการต่อสู้ครั้งนี้ถูกกำหนดให้เป็นประเด็นร้อนในเรือนจำตี้ซินในช่วงนี้ทันทีเมื่อกวานหยงและตี้สู่ออกจากสนาม เขาก็ถามตี้สู่ว่า "เจ้าหมอนั่นยังไงก็ต้องถูกมองว่าเป็นบุคคลอันตรายใช่ไหม? นายว่าเขาจะถูกขังไว้ในเขต A ไหม?"เขต A อย่างนั้นเหรอ!ตี้สู่หยุดชะงักทันทีเรือนจำตี้ซินมีพื้นที่เพียง 2 เขตเท่านั้น โดยแบ่งเป็นเขต A และ เขต B พื้นที่เขต B จะเป็นพื้นที่ที่คนส่วนใหญ่ถูกคุมขังอยู่ ส่วนเขต A จะเป็นพื้นที่ที่คนธรรมดาไม่สามารถเข้าไปได้ สาเหตุที่ตี้สู่รู้ถึงการมีอยู่ของพื้นที่เขต A ก็เพราะฟังมาจากนักโทษคนอื่น ๆ เขาเคยได้ยินเกี่ยวกับเรื่องนี้ และนึกสงสัยมาตลอดว่าหานเทียนหยางจะถูกควบคุมตัวในพื้นที่เขต A หรื
เหตุการณ์แบบนี้เคยเกิดขึ้นหลายครั้ง ดังนั้นตี้สู่จึงไม่ได้แปลกใจอะไรในหนึ่งวันจะเกิดเหตุการณ์คล้ายแผ่นดินไหวเล็ก ๆ แบบนี้หลายครั้ง และเพราะเกิดเหตุการณ์แผ่นดินไหวเช่นนี้ ทำให้ตี้สู่แน่ใจมากขึ้นว่าเรือนจำตี้ซินอยู่ใจกลางโลกจริงๆ อย่างไรก็ตาม มันเป็นเรื่องที่น่าตกใจมากที่สามารถสร้างอาคารขนาดใหญ่ไว้ใต้ดินแบบนี้ได้ จนถึงตอนนี้ เขาก็ยังไม่รู้ว่าที่นี่มีขนาดใหญ่แค่ไหนกันแน่ห้องนักโทษอีกคน หานซานเฉียนขมวดคิ้ว ในความมืดเขารู้สึกถึงแรงสั่นสะเทือนแบบนี้หลายครั้งแล้ว ตอนแรกเขาก็คิดว่ามันน่าจะเกิดจากแผ่นดินไหว แต่เมื่อเขาลองพิจารณาดูดี ๆ ก็พบว่ามันดูไม่ค่อยเหมือนแผ่นดินไหวสักเท่าไหร่ แต่หานซานเฉียนก็ไม่แน่ใจว่าการสั่นสะเทือนแบบนี้เกิดจากอะไรในพื้นที่พิเศษของเรือนจำตี้ซิน โยวหลี่ที่ถูกทุบตีจนเกือบตายกึ่งนอนกึ่งนั่งอยู่บนพื้น มีลำแสงที่แข็งแกร่งอยู่ตรงหน้าเขา และมีคน ๆ หนึ่งนั่งอยู่ใต้ลำแสงนั้น เพราะแสงนั้นมันแยงตาจนเกินไป ทำให้เขาไม่สามารถมองคนตรงหน้าชัด ๆ ได้แต่โยวหลี่รู้ว่าบุคคลนี้คือคนที่มีอำนาจสูงสุดในเรือนจำตี้ซิน และเขาเป็นคนที่มีสิทธิ์ปล่อยโยวหลี่ออกไปจากห้องคุมขัง เพื่อให้ต่อสู้
ครึ่งเดือนต่อมาช่วงเวลาปล่อยตัวในพื้นที่พิเศษที่พวกเขาอาศัยอยู่ ผู้คนจะจับกลุ่มกันกลุ่มละสามถึงห้าคน มีหลายคนที่นี่ที่เชี่ยวชาญในการสอดแนมข่าวกรองของเรือนจำตี้ซิน ในขณะนี้พวกเขารวมตัวกันเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูลที่พวกเขามี แต่ข้อมูลเหล่านี้ส่วนใหญ่ไร้ประโยชน์ เพราะพวกเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขต B นอกเหนือจากโครงสร้างทั่วไปของพื้นที่เขต B พวกเขาก็ไม่รู้อะไรเกี่ยวกับเรือนจำตี้ซินอีกเลย และนี่ก็คือเหตุผลที่เรือนจำตี้ซินเปิดโอกาสให้นักโทษได้จับกลุ่มติดต่อกันได้เนื่องจากเรือนจำตี้ซินมีความมั่นใจมาก จึงไม่กลัวว่านักโทษจะค้นพบข้อมูลที่เป็นประโยชน์หากมองอย่างผิวเผิน นี่คือกรง แต่ในความเป็นจริงมีข้อกำหนดสำหรับการเข้าพักมากเสียยิ่งกว่าโรงแรมหรูใด ๆ และข้อกำหนดนี้จำกัดอยู่ที่ด้านการเงินเท่านั้นตราบใดที่คุณมีเงิน คุณก็สามารถส่งคนเข้าสู่เรือนจำตี้ซินได้แต่ถ้าคิดอยากจะออกไป นั่นเป็นเรื่องยากราวกับการปีนขึ้นฟ้าตี้สู่นั่งยอง ๆ ตรงมุมห้อง มองไปยังนักโทษที่กำลังแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน เขาอดไม่ได้ที่จะแสดงสีหน้าเย้ยหยัน คนเหล่านี้ถูกส่งมาที่นี่ เพราะหวังว่าพวกเขาจะสามารถค้นหาเบาะแสเกี่ยวกับเรือนจำตี้ซิน
"ถ้านายกลัว ก็รีบไสหัวไปซะ" ตี้สู่กล่าวเมื่อเห็นหานซานเฉียนใกล้เข้ามามากขึ้น กวานหยงก็กลัวจนแทบบ้า หลังจากปล่อยตี้สู่แล้ว เขาก็วิ่งหนีไปไม่แม้แต่จะหันกลับมามอง เมื่อหานซานเฉียนเดินมาหาตี้สู่ ตี้สู่ทำได้เพียงเงยหน้าขึ้นมองเขา ด้วยความต่างระหว่างส่วนสูงนี้ ทำให้ตี้สู่รู้สึกคุ้นเคยมากหลังจากรออยู่นานแต่อีกฝ่ายก็ยังไม่พูดอะไร ตี้สู่จึงถามขึ้นก่อนอย่างไม่มีทางเลือก "ครั้งก่อนที่สังเวียน คุณก็มองผมแบบนี้ เรารู้จักกันมาก่อนหรือเปล่า?"ไม่มีการตอบสนองจากอีกฝ่าย แต่ดวงตาเย็นชาคู่นั้นทำให้ตี้สู่รู้สึกกลัวจับใจ ราวกับว่าเขาถูกห้อมล้อมไปด้วยอากาศเย็นจนเขารู้สึกหนาวสั่นไปถึงแผ่นหลัง“คุณ...คุณจะทำอะไร” ตี้สู่พูดตะกุกตะกัก เขากลัวจนสุดขีด“นายรู้จักสถานที่นี้มากน้อยแค่ไหน” หานซานเฉียนถามนิ่ง ๆเสียงนี้คุ้นมาก คุ้นเสียจนตี้สู่รู้สึกว่าคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าเขาคือหานซานเฉียนแต่เขาก็รู้ว่านี่ไม่ใช่หานซานเฉียนหานซานเฉียนไม่มีทางมาปรากฏตัวที่เรือนจำตี้ซิน และยิ่งเป็นไปไม่ได้เลยที่เขาจะมีทักษะที่ทรงพลังเช่นนี้"ไม่ ไม่มาก ที่นี่เป็นสถานที่ลึกลับ และไม่ใช่แค่ผมเท่านั้น ความเข้าใจเกี่ยวกับเรือนจ
ยังคงมีแรงสั่นสะเทือนอย่างต่อเนื่อง แต่ไม่มีใครรู้สึกตื่นตระหนก เห็นได้ชัดว่าทุกคนเคยชินกับมัน เหมือนการกินข้าวดื่มน้ำไปแล้ว ซึ่งนั่นทำให้หานซานเฉียนรู้สึกแปลกใจมากยิ่งขึ้นแผ่นดินไหวบ่อยขนาดนี้ แต่เรือนจำตี้ซินยังคงไม่เป็นอะไร เป็นไปได้อย่างไร? และถ้าตำแหน่งของที่นี่อยู่ใต้ดินจริง ๆ ก็เป็นไปไม่ได้เลยที่แรงสั่นสะเทือนของแผ่นดินไหวจะอ่อนแรงขนาดนี้เว้นเสียแต่ สิ่งที่เรียกว่าศูนย์กลางของโลกเป็นเพียงความเข้าใจผิดของพวกเขา หรือก็คือเป็นเพียงชื่อระเบิดควันเท่านั้นเมื่อหมดเวลาพัก นักโทษคนอื่น ๆ ก็รีบวิ่งหนีราวกับว่าพวกเขาไม่ต้องการอยู่ในพื้นที่เดียวกันกับหานซานเฉียนและในไม่ช้า ในสนามก็เหลือเพียงหานซานเฉียน เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้ เขาก็รู้สึกทำอะไรไม่ถูกเล็กน้อยเรือนจำตี้ซินเป็นสถานที่ที่กักขังอาชญากรร้ายแรงของโลก ก่อนที่เขาจะมา เขาคิดว่านักโทษเหล่านี้จะมีนิสัยดุร้ายมากเสียอีก ไม่คิดเลยว่าจะเป็นเพียงพวกใจเซาะกันแบบนี้ แต่มันก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ ไม่ว่าจะเป็นคนที่แข็งแกร่งมากแค่ไหน แต่หลังจากถูกเรือนจำตี้ซินทรมานในห้องคุมขังก็จะกลายเป็นคนเชื่อฟังขึ้นมาทันทีเรือนจำตี้ซินเป็นเหมือ
เมื่อเทียบกับหานซานเฉียน ผู้มาใหม่คนนี้มีภาพลักษณ์ที่ดูน่ากลัวกว่า รอยแผลเป็นทั่วร่างกายของเขาเหมือนปีศาจที่ดุร้าย ใครก็ตามที่เห็นเขาจะรู้ต้องสึกหวาดกลัวอย่างช่วยไม่ได้"ไม่เคยเห็นคนนี้มาก่อนเลย"“หรือว่าจะเป็นคนมาใหม่อีกแล้ว? ช่วงนี้มีคนมาใหม่ถี่จริง ๆ”"หรือว่าจะเป็นคนที่ถูกขังอยู่ในพื้นที่เขต A? ดูจากรูปร่างหน้าตาของเขา เขาน่าจะเคยฆ่าคนไปไม่น้อย"“การต่อสู้ในวันนี้จะต้องน่าตื่นเต้นแน่ ๆ ไม่รู้ว่าหมอนั่นจะโชคดีเหมือนครั้งที่แล้วหรือเปล่า”เมื่อทุกคนกำลังคุยกันสนุกปาก ตี้สู่มีความคิดที่แตกต่างจากพวกเขาอย่างสิ้นเชิงจากมุมมองของเขา คน ๆ นี้เหมือนคนที่เรือนจำตี้ซินจงใจคัดเลือกมาเพื่อจัดการกับชายที่สวมหน้ากาก ถ้าเขาอาศัยอยู่ในพื้นที่เขต A จริง เขาไม่มีทางปรากฏตัวง่าย ๆ แล้วนับประสาอะไรกับการมีส่วนร่วมในการต่อสู้ที่เดิมพันด้วยชีวิตแบบนี้ตี้สู่ไม่เคยไปพื้นที่เขต A และก็ไม่รู้ว่าคนประเภทไหนที่ถูกขังไว้ในพื้นที่เขต A แต่ถ้าพวกเขาได้รับการปฏิบัติเป็นพิเศษจากทางเรือนจำตี้ซิน เรือนจำจะต้องใส่ใจความปลอดภัยของพวกเขามากกว่าเดิมแน่ “ทำไมยังไม่มีใครไปถอดโซ่ตรวนที่ข้อเท้าของเขาล่ะ” ตี้สู่พู
"คุณเคยไปที่ไหนบ้างในเรือนจำตี้ซิน? ยกเว้นพื้นที่เขต B เรือนจำตี้ซินใหญ่แค่ไหน?" หานซานเฉียนถามผู้หญิงคนนั้นเธอนอนอยู่บนเตียงและไม่ตอบสนองใด ๆเห็นได้ชัดว่าเป็นไปไม่ได้ที่จะแงะปากของเธอออกมาง่าย ๆ ซึ่งหานซานเฉียนก็คาดไว้อยู่แล้วจึงพูดต่อว่า "ผมรู้ว่าคำถามพวกนี้อาจสร้างภัยคุกคามให้คุณ ต้องทำยังไงคุณถึงจะยอมบอกผม?"เธอยังไม่ยอมพูดอะไร แต่ถอดเสื้อผ้าตัวเองออกแทนหานซานเฉียนชำเลืองมองเธอด้วยจิตใจที่สงบ สำหรับผู้หญิงอื่นที่ไม่ใช่ซูหยิงเซี่ย เขาไม่มีความปรารถนาเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าเขาจะแค่เหลือบมองก็ยังรู้สึกผิด"ถ้าคุณยอมบอก ไม่แน่ว่าอนคคตผมจะสามารถพาคุณออกไปจากที่นี่ได้" หานซานเฉียนโยนเหยื่อออกไป แม้ว่ามันอาจจะไม่ได้ผลสำหรับเธอ แต่ลองดูก็ไม่เสียหายอะไรในเวลานี้ เธอลุกขึ้นนั่ง อ้าปากและส่ายหัวหลังจากเห็นการกระทำนี้ หานซานเฉียนก็ขมวดคิ้ว หรือว่าเธอพูดไม่ได้?“คุณพูดไม่ได้เหรอ?” หานซานเฉียนถามเมื่อเธอพยักหน้า หานซานเฉียนก็ยิ้มอย่างช่วยไม่ได้ เรือนจำตี้ซินระมัดระวังมากพอสมควร ถึงขั้นทำให้ผู้หญิงคนนี้สูญเสียความสามารถในการพูด"พักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้คงจะมีคนมารับคุณออกไป" หลังจากที่หา
นับตั้งแต่ตันฉิงได้รับบาดเจ็บ สนามมวยชิงหลงในหยุนเฉิงก็เงียบเหงา เหมือนแสงแฟลชในกระทะ ในขณะที่สนามมวยใต้ดินของเตาสือเอ้อร์กลับมาเป็นสนามมวยที่มีอิทธิพลมากที่สุดในหยุนเฉิงอีกครั้ง หลังจากพักฟื้นมาสักพักแม้ว่าเขาจะไม่ได้ทำให้สนามมวยของเขากลายเป็นสังเวียนที่ป่าเถื่อน แต่ด้วยการแข่งขันที่ไม่มีลูกเล่นและเล่ห์เหลี่ยมใด ๆ จึงสามารถดึงดูดผู้ชมบางคนที่ชอบมวยใต้ดินได้การไม่ใช้เล่ห์เหลี่ยมหมายถึงการชกแบบถึงเนื้อ จะชนะหรือแพ้ก็ขึ้นอยู่กับฝีมือของนักมวยบนสังเวียน และฝ่ายที่ชนะจะได้รับรางวัลจากสนามมวย ในกรณีนี้ นักมวยทุกคนที่ขึ้นชกจะได้แสดงความแข็งแกร่งที่แท้จริงของตนออกมา การแข่งขันภายใต้สถานการณ์ดังกล่าวจึงน่าดึงดูดยิ่งขึ้นโดยธรรมชาติเพื่อไม่ให้ความแข็งแกร่งของนักมวยถดถอย เตาสือเอ้อร์จัดการฝึกฝนพิเศษ และสอนแบบส่วนตัวสำหรับพวกเขาเกือบทุกวันเมื่อม่อหยางมาถึงสนามมวย เตาสือเอ้อร์ก็สั่งให้โจวป๋อไปฝึกนักมวยแทนเขา ก่อนจะมาที่สำนักงานพร้อมกับม่อหยาง“พี่ใหญ่ม่อ พี่ไม่ค่อยมาหาผมที่นี่ มีเรื่องอะไรหรือเปล่าครับ” เตาสือเอ้อร์พูดขึ้น เขารู้ว่าม่อหยางถ้าไม่มีธุระก็คงไม่มา ในเมื่อเขามาที่นี่แสดงว่าต้อง