หลี่ชิงขบริมฝีปากจนห้อเลือด กำมือแน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเกลียดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถามอาเฟยต่อว่า “ยามนี้ซูอี๋เหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“บ่าวไม่ทราบขอรับ บ่าวซื้อข่าวมาได้เพียงแค่นี้ เพราะบ่าวมีเงินจำกัดขอรับ” อาเฟยตอบแล้วก้มหน้าหงอยๆ
“แค่นี้ก็ขอบใจเจ้ามากแล้วอาเฟย” หลี่ชิงกล่าวแล้วไอแค็กๆ
“คุณชาย…” อาเฟยเอามืออังซอกคอของหลี่ชิง แล้วอุทานหน้าตื่นว่า “ท่านตัวร้อน”
“แค่นิดเดียวเอง ไม่ถึงกับตายหรอก” เจ้านายหนุ่มน้อยตอบอย่างไม่แยแส
ทันใด…เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขัดจังหวะ
อาเฟยเดินไปเปิดประตู…คนเข้ามาแต่งชุดขันที อายุราวสามสิบ รูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสุภาพ
“หลิวกงกง” อาเฟยทักพร้อมกับค้อมศีรษะนอบน้อม
“อืม” หลิวกงกงรับคำในลำคอ แล้วเดินเข้ามาในห้องนอน กล่าวกับหลี่ชิงว่า “คุณชายหลี่ ท่านอ๋องให้ท่านไปปรนนิบัติคืนนี้”
“เอ้อ…คุณชายไม่…” อาเฟยจะบอกว่า…คุณชายไม่สบายอยู่
แต่หลี่ชิงรีบยกมือห้าม พร้อมกับรับคำหลิวกงกงว่า “ข้ารับทราบแล้วกงกง”
“อืม…หลังกินอาหารแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะมารับ” ว่าพลางหยิบตลับขี้ผึ้งสำหรับหล่อลื่นช่องทางสวาทยื่นส่งให้ “สิ่งนี้คุณชายใช้เป็นหรือไม่?”
“พอจะรู้วิธีใช้อยู่”
ก่อนที่หลี่ชิงจะถูกส่งตัวไปให้มหาอำมาตย์เฉาฮั่วผู้วายชนม์…อำมาตย์หลี่ได้ให้ชายคณิกามาสอนวิธีปรนนิบัติบุรุษบนเตียงแก่เด็กหนุ่มอย่างละเอียด และขี้ผึ้งหล่อลื่นก็เป็นอุปกรณ์สำคัญชิ้นหนึ่ง
“แต่ข้าอยากได้อีกสิ่งหนึ่ง…กงกง”
“อะไรหรือ?” หลิวกงกงถาม
“ยาปลุกกำหนัด” หลี่ชิงกล่าว
หลิวกงกงนิ่งตรึกตรองอยู่ครู่หนึ่ง จึงกล่าวว่า “ของสิ่งนั้นราคาแพงนะคุณชาย”
“ท่านช่วยนำมาให้ข้าที” หลี่ชิงกล่าว “คืนนี้ข้าปรนนิบัติไท่ชินอ๋อง หากได้รับรางวัลมา ข้าจะนำเงินมาคืนท่าน”
“เช่นนั้น…ข้าจะลองหาดูว่ามีของหรือไม่” หลิวกงกงกล่าวแล้วจากไป
อาเฟยไปปิดประตู แล้วมองหลี่ชิงอย่างเป็นห่วง “คุณชาย ท่านไม่สบายอยู่ จะ…เอ้อ…จะสามารถปรนนิบัติท่านอ๋องหรือขอรับ…ท่านอย่าไปเลยนะ …ข้าจะรีบวิ่งไปบอกหลิวกงกงให้ท่านเอง”
หลี่ชิงมองอาเฟยอย่างซึ้งใจ ที่อีกฝ่ายห่วงใยเขาจากใจจริง
แต่…
“ไม่ต้องอาเฟย…คืนนี้ข้าต้องไปพบไท่ชินอ๋องให้ได้ …หากพลาดโอกาสนี้ไป ข้าอาจจะไม่มีโอกาสได้พบไท่ชินอ๋องอีกเลยก็ได้!”
“คุณชาย…” อาเฟยมองอีกฝ่ายด้วยแววตาสงสารเห็นใจ
ที่ห้องหนังสือของตำหนักใหญ่ที่เป็นที่อยู่ของไท่ชินอ๋อง
ไท่ชินอ๋องนั่งอยู่บนเก้าอี้หรูหราหลังโต๊ะหนังสือตัวใหญ่…หลิวกงกงเข้ามาน้อมคำนับรายงานว่า
“บ่าวไปบอกกล่าวกับคุณชายหลี่แล้วขอรับ”
“อืม” ไท่ชินอ๋องส่งเสียงในลำคอ
“เขาขอให้บ่าวนำยาปลุกกำหนัดไปให้ขอรับ” หลิวกงกงรายงานต่อ
คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจเล็กน้อย “เขาจะเอามาใช้กับข้าหรือ?”
“คาดว่าน่าจะเป็นเช่นนั้นขอรับ” หลิวกงกงตอบแล้วกล่าวต่อว่า “เขาช่างบังอาจเกินไป ท่านอ๋องจะให้บ่าวจัดการอย่างไรขอรับ?”
“จัดยาปลุกกำหนัดให้เขาตามที่เขาต้องการ” ไท่ชินอ๋องสั่งเสียงเรียบๆ
“ขอรับ” หลิวกงกงประสานมือน้อมคำนับรับคำ แล้วออกจากห้องหนังสือแห่งนั้นไป
“จะดีหรือขอรับท่านอ๋อง?” หวังกงกงขันทีคนสนิทที่ยืนนิ่งเงียบอยู่ด้านข้างมาตลอดทักท้วงขึ้น
“ข้าก็อยากรู้ว่า เด็กน้อยนั่นจะมีเล่ห์เหลี่ยมแพรวพราวอะไรบ้าง…หึๆๆๆๆๆ” ไท่ชินอ๋องหัวเราะเบาๆ ในลำคอ
*
*
ที่ห้องนอนของหลี่ชิง…
อาเฟยมองอาหารมื้อเย็นบนโต๊ะที่ไม่ได้พร่องไปมากกว่าสองคำ แล้วมองหน้าซีดเซียวภายใต้แสงเทียนของหลี่ชิง ก่อนจะถามว่า
“คุณชาย อาหารไม่ถูกปากหรือ? ท่านอยากกินอะไรบอกข้า เดี๋ยวข้าจะไปบอกพ่อครัวทำให้ท่านกินเอง”
“ไม่ต้องอาเฟย…อาหารของที่จวนนี้ดีมากแล้ว เพียงแต่ข้ารู้สึกไม่อยากอาหารเท่านั้นเอง” หลี่ชิงกล่าวน้ำเสียงเนือยๆ “เจ้ายกออกไปเถอะ แล้วมาช่วยข้าแต่งตัว”
อาเฟยถอนหายใจเฮือก แล้วได้แต่ทำตามคำสั่ง
หลี่ชิงแต่งตัวเสร็จสักพักหนึ่ง…หลิวกงกงก็มารับ
“นี่คือยาปลุกกำหนัดที่คุณชายต้องการ” เขากล่าวพร้อมกับยื่นห่อกระดาษสีน้ำตาลห่อเล็กๆ ให้แก่หลี่ชิง “ราคาหนึ่งร้อยตำลึง”
หลี่ชิงรับห่อยาปลุกกำหนัดนั้นมาเหน็บไว้ที่เอว พลางกล่าวว่า “ขอบคุณกงกง”
“มิต้อง…” อีกฝ่ายตอบเสียงเรียบ แล้วเร่งว่า “พวกเรารีบไปกันเถิด”
แล้วเดินนำหลี่ชิงออกจากห้องนอน…
ข้างนอกห้องมีบ่าวรับใช้จำนวนสี่นายถือโคมไฟส่องทาง มีเกี้ยวขนาดเล็กสองคนหามคันหนึ่ง…บ่าวรับใช้คนหนึ่งเปิดม่านเกี้ยวให้หลี่ชิงขึ้นไปนั่ง
แล้วขบวนส่งตัวหลี่ชิงเข้าหอก็เคลื่อนตรงไปยังตำหนักใหญ่…พอถึงตำหนักใหญ่ที่งดงามโอฬารตระการตาไปทุกซอกทุกมุม เด็กหนุ่มก็ไม่มีเวลาจะชื่นชมอะไรทั้งนั้น ได้แต่รีบเดินตามหลิวกงกง ไปจนถึงห้องนอนใหญ่ของไท่ชินอ๋อง
ไท่ชินอ๋องนั่งอยู่ที่เก้าอี้หรูหราข้างโต๊ะน้ำชา…
หลิวกงกงนั้นหยุดยืนอยู่นอกประตูห้อง ปล่อยให้หลี่ชิงเดินเข้าห้องไปคนเดียว
หลี่ชิงเดินมาคุกเข่าโขกศีรษะตรงหน้าไท่ชินอ๋อง “ข้าน้อยหลี่ชิงน้อมคารวะท่านอ๋อง”
“ลุกขึ้น”
พอได้รับอนุญาต หลี่ชิงก็ลุกขึ้น
“คืนนี้…เจ้าจงปรนนิบัติข้าให้เต็มที่ ถ้าข้าถูกใจ ข้าจะแต่งตั้งเจ้าเป็นอี๋เหนียงอันดับสี่” ไท่ชินอ๋องกล่าว
“ข้าน้อยจะพยายามอย่างสุดความสามารถ แต่ตำแหน่งอี๋เหนียงนั้นข้าน้อยไม่ได้ต้องการขอรับ”
“แล้วเจ้าต้องการอะไร?”
“รอให้ท่านอ๋องพอใจการปรนนิบัติของข้าน้อยก่อน แล้วค่อยถาม ดีหรือไม่?”
“ย่อมได้…เจ้าลงมือปรนนิบัติเลย”
หลี่ชิงจึงเดินเข้าใกล้โต๊ะน้ำชา เทน้ำชาจากกาใส่ถ้วยใบหนึ่ง แล้วหยิบห่อยาปลุกกำหนัดออกมาแกะห่อเทผงยาสีขาวลงในน้ำชาจนหมดห่อ!!!
เด็กหนุ่มยกถ้วยน้ำชาผสมยาปลุกกำหนัดขึ้นจรดริมฝีปากของตนเอง ขณะจะดื่ม ข้อมือเล็กๆ ของเขาก็ถูกมือใหญ่ของไท่ชินอ๋องคว้าจับยึดไว้ “ในน้ำชานั้นใส่อะไร?” เสียงทุ้มต่ำถาม “ยาปลุกกำหนัดขอรับ” หลี่ชิงตอบตามจริง “จะปรนนิบัติข้า ถึงกับต้องใช้ยาปลุกกำหนัดเชียวหรือ?” “ข้าน้อยไร้ประสบการณ์ เกรงจะปรนนิบัติท่านอ๋องไม่ถูกใจ จึงจำเป็นต้องใช้ยาปลุกกำหนัดช่วยขอรับ” ไท่ชินอ๋องจับมือของหลี่ชิงให้วางถ้วยลงบนโต๊ะ สั่งว่า “วางมันลง” หลี่ชิงก็ปฏิบัติตามไม่ขัดขืน “เจ้ามิใช่มีความสามารถจนทำให้มหาอำมาตย์เฉาผู้บิดาสิ้นใจตายคาเตียงหรอกหรือ?” “คืนนั้น…เขามิได้แตะต้องถูกตัวข้าน้อยแม้แต่ปลายนิ้วขอรับ” “เช่นนั้น เขาตายอย่างไร?” ไท่ชินอ๋องถามแล้วสั่งว่า “นั่งลง แล้วเล่าเหตุการณ์คืนนั้นให้ข้าฟังอย่างละเอียด” หลี่ชิงจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับไท่ชินอ๋องตามที่เขาสั่ง แล้วเล่าว่า “คืนนั้น…เขามาหาข้าน้อยที่ห้อง มีอาการคล้ายคนเมาอยู่หลายส่วน แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ข้าน้อยเกือบหนึ่งจั้ง(หนึ่งจั้ง = 2.5 เมตร ในที่นี้จึงราวสองเมตรกว่า) เขาก็ล้มลง ในตอนแรกข้าน้อยคิดว่าเขาเ
หลี่ชิง เด็กหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ หน้าตาสะสวยราวกับเทพเซียน รูปร่างบอบบาง เพราะเพิ่งย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นดรุณ ผมดำขลับยาวสลวยปล่อยปรกหลังไหล่ สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวผ้าเนื้อหยาบ แต่เขาไม่ได้เต็มใจจะไว้ทุกข์เลย…เขานั่งอยู่บนเตียงนอนเล็กๆ ในห้องแคบๆ ที่มีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนไขเล่มเล็กเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ประตูหน้าต่างของห้องล้วนถูกล่ามโซ่คล้องกุญแจจากภายนอกมีเพียงประตูห้องเท่านั้นที่เขาเป็นคนลงกลอนข้างในซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเปิดพรวดพราดเข้ามาได้ตามอำเภอใจ เสียงกุกกักดังมาจากนอกประตู…ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามอง มีคนกำลังไขกุญแจด้านนอก…จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงขลุกขลักๆ เบาๆ ของความพยายามที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พยายามอยู่สักพักเมื่อไม่เป็นผล ก็เปลี่ยนมาเป็นเคาะประตูเบาๆ เรียกเสียงค่อยๆ ว่า “เสี่ยวชิง เปิดประตูให้ข้าหน่อย” “ใคร?” หลี่ชิงแกล้งถาม ทั้งๆ ที่จำเสียงของอีกฝ่ายได้ “ข้างเอง…เฉาฉุน” คนข้างนอกประตูจำใจต้องประกาศตัวด้วยเสียงดังกว่ากระซิบแค่นิดเดียว “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณชายใหญ่มาที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา
“เจ้าไม่กลัวข้าโกรธแล้วลงโทษเจ้าหรือ?” ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบๆ ดังเดิม “จะอย่างไร…ข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว” หลี่ชิงตอบ “ถ้าท่านโกรธแล้วลงโทษข้า อย่างมากก็แค่ตาย แล้วคนเราตายได้เพียงหนเดียวเท่านั้น” ไท่ชินอ๋องยกยิ้มมุมปากขวาขึ้นนิดหนึ่ง “เจ้าจะแสดงความกล้าหาญ…เช่นนั้นหรือ?”แต่…คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏแววประหลาดใจในดวงตาวูบหนึ่ง “ข้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านอยู่” “เพื่อ?” “ถ้าท่านสนใจข้า ข้าอาจจะมีชีวิตรอด…แต่ถ้าท่านไม่สนใจข้า ข้าก็แค่ถูกฝังตายทั้งเป็นเหมือนเดิมเท่านั้น” “ทำไมเจ้าไม่อ้อนวอนขอร้องข้าดีๆ ละ?” “ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก…ท่านผ่านคำอ้อนวอนขอร้องจากผู้คนมามากมายอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจะมาสนใจอะไรกับคำอ้อนวอนของข้า” หลี่ชิงกล่าวตรงๆ “แต่ถ้าท่านไม่มีความสนใจข้าเลย ท่านคงไม่ให้คนนำตัวข้ามาให้ท่านดู” “อืม…เจ้าพูดถูก” ไท่ชินอ๋องยกมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าอยากเห็นว่าบุรุษแบบไหนกันนะจึงทำให้มหาอำมาตย์เฉาฮั่วถึงกับตายคาเตียงได้” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “แต่เห็นแล้ว…ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหน
“อาเฟย…” หลี่ชิงเรียกเสียงนุ่มนวล “ขอรับ คุณชาย” อาเฟยขานรับด้วยรอยยิ้มสดใส“ข้าเป็นคนมาใหม่…เจ้าพอจะช่วยบอกเล่าความเป็นไปของจวนแห่งนี้ให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่?” หลี่ชิงไม่ใช้ถ้อยคำออกคำสั่งแต่ใช้ถ้อยคำขอร้องอย่างสุภาพกับอาเฟยแทน อาเฟยยิ้มจนตาแทบปิด พยักหน้ารัวๆ “ได้ขอรับ” แล้วเล่าให้หลี่ชิงฟังว่า…ไท่ชินอ๋องมีนามว่าเฉินเจี๋ย มีพระชายาเอกนามว่าฟางหมิงซิน นางเป็นธิดาคนเดียวของอำมาตย์ฟางเหยียนเจ้ากรมพิธีการ พระชายาฟางหมิงซินมีนิสัยเจ้าระเบียบและหึงหวงแรง ไท่ชินอ๋องจึงไม่ได้แต่งตั้งพระชายารอง แต่มีอนุชายาสามนางคือ จูอี๋เหนียง หยวนอี๋เหนียง และเหมยอี๋เหนียง(อี๋เหนียง คือคำเรียกอนุชายา หรืออนุภรรยา) ส่วนอำนาจจัดการเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างในจวนขึ้นตรงกับพ่อบ้านเจา ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของไท่ชินอ๋องที่จะอยู่ในการดูแลของขันทีหวังเสียง “เมื่อวาน ตอนที่คุณชายยังนอนหลับอยู่…พระชายาฟางหมิงซินก็ส่งสาวใช้มาดูขอรับ” อาเฟยเอ่ยเสียงเบาอย่างเกรงๆ “เจี่ยเจีย(พี่สาว…เป็นคำเรียกยกย่องสาวใช้) บอกว่า…หากคุณชายได้สติแล้ว ให้ไปคำนับพระชายาโดยเร็ว” หลี่ชิงได้ยิน ก็อดขมวดคิ้วเล็กน้
เด็กหนุ่มยกถ้วยน้ำชาผสมยาปลุกกำหนัดขึ้นจรดริมฝีปากของตนเอง ขณะจะดื่ม ข้อมือเล็กๆ ของเขาก็ถูกมือใหญ่ของไท่ชินอ๋องคว้าจับยึดไว้ “ในน้ำชานั้นใส่อะไร?” เสียงทุ้มต่ำถาม “ยาปลุกกำหนัดขอรับ” หลี่ชิงตอบตามจริง “จะปรนนิบัติข้า ถึงกับต้องใช้ยาปลุกกำหนัดเชียวหรือ?” “ข้าน้อยไร้ประสบการณ์ เกรงจะปรนนิบัติท่านอ๋องไม่ถูกใจ จึงจำเป็นต้องใช้ยาปลุกกำหนัดช่วยขอรับ” ไท่ชินอ๋องจับมือของหลี่ชิงให้วางถ้วยลงบนโต๊ะ สั่งว่า “วางมันลง” หลี่ชิงก็ปฏิบัติตามไม่ขัดขืน “เจ้ามิใช่มีความสามารถจนทำให้มหาอำมาตย์เฉาผู้บิดาสิ้นใจตายคาเตียงหรอกหรือ?” “คืนนั้น…เขามิได้แตะต้องถูกตัวข้าน้อยแม้แต่ปลายนิ้วขอรับ” “เช่นนั้น เขาตายอย่างไร?” ไท่ชินอ๋องถามแล้วสั่งว่า “นั่งลง แล้วเล่าเหตุการณ์คืนนั้นให้ข้าฟังอย่างละเอียด” หลี่ชิงจึงนั่งลงที่เก้าอี้ตัวตรงกันข้ามกับไท่ชินอ๋องตามที่เขาสั่ง แล้วเล่าว่า “คืนนั้น…เขามาหาข้าน้อยที่ห้อง มีอาการคล้ายคนเมาอยู่หลายส่วน แต่พอเขาเดินเข้ามาใกล้ข้าน้อยเกือบหนึ่งจั้ง(หนึ่งจั้ง = 2.5 เมตร ในที่นี้จึงราวสองเมตรกว่า) เขาก็ล้มลง ในตอนแรกข้าน้อยคิดว่าเขาเ
หลี่ชิงขบริมฝีปากจนห้อเลือด กำมือแน่น เพื่อข่มอารมณ์โกรธเกลียดอยู่ครู่ใหญ่ ก่อนจะถามอาเฟยต่อว่า “ยามนี้ซูอี๋เหนียงเป็นอย่างไรบ้าง?” “บ่าวไม่ทราบขอรับ บ่าวซื้อข่าวมาได้เพียงแค่นี้ เพราะบ่าวมีเงินจำกัดขอรับ” อาเฟยตอบแล้วก้มหน้าหงอยๆ “แค่นี้ก็ขอบใจเจ้ามากแล้วอาเฟย” หลี่ชิงกล่าวแล้วไอแค็กๆ “คุณชาย…” อาเฟยเอามืออังซอกคอของหลี่ชิง แล้วอุทานหน้าตื่นว่า “ท่านตัวร้อน” “แค่นิดเดียวเอง ไม่ถึงกับตายหรอก” เจ้านายหนุ่มน้อยตอบอย่างไม่แยแส ทันใด…เสียงเคาะประตูห้องก็ดังขัดจังหวะ อาเฟยเดินไปเปิดประตู…คนเข้ามาแต่งชุดขันที อายุราวสามสิบ รูปร่างสูงเพรียว หน้าตาสุภาพ “หลิวกงกง” อาเฟยทักพร้อมกับค้อมศีรษะนอบน้อม “อืม” หลิวกงกงรับคำในลำคอ แล้วเดินเข้ามาในห้องนอน กล่าวกับหลี่ชิงว่า “คุณชายหลี่ ท่านอ๋องให้ท่านไปปรนนิบัติคืนนี้” “เอ้อ…คุณชายไม่…” อาเฟยจะบอกว่า…คุณชายไม่สบายอยู่ แต่หลี่ชิงรีบยกมือห้าม พร้อมกับรับคำหลิวกงกงว่า “ข้ารับทราบแล้วกงกง” “อืม…หลังกินอาหารแล้ว เตรียมตัวให้พร้อมนะ ข้าจะมารับ” ว่าพลางหยิบตลับขี้ผึ้งสำหรับหล่อลื่นช่องทางสวาทยื่นส่งให้ “ส
“อาเฟย…” หลี่ชิงเรียกเสียงนุ่มนวล “ขอรับ คุณชาย” อาเฟยขานรับด้วยรอยยิ้มสดใส“ข้าเป็นคนมาใหม่…เจ้าพอจะช่วยบอกเล่าความเป็นไปของจวนแห่งนี้ให้ข้ารับรู้ได้หรือไม่?” หลี่ชิงไม่ใช้ถ้อยคำออกคำสั่งแต่ใช้ถ้อยคำขอร้องอย่างสุภาพกับอาเฟยแทน อาเฟยยิ้มจนตาแทบปิด พยักหน้ารัวๆ “ได้ขอรับ” แล้วเล่าให้หลี่ชิงฟังว่า…ไท่ชินอ๋องมีนามว่าเฉินเจี๋ย มีพระชายาเอกนามว่าฟางหมิงซิน นางเป็นธิดาคนเดียวของอำมาตย์ฟางเหยียนเจ้ากรมพิธีการ พระชายาฟางหมิงซินมีนิสัยเจ้าระเบียบและหึงหวงแรง ไท่ชินอ๋องจึงไม่ได้แต่งตั้งพระชายารอง แต่มีอนุชายาสามนางคือ จูอี๋เหนียง หยวนอี๋เหนียง และเหมยอี๋เหนียง(อี๋เหนียง คือคำเรียกอนุชายา หรืออนุภรรยา) ส่วนอำนาจจัดการเรื่องราวทุกสิ่งทุกอย่างในจวนขึ้นตรงกับพ่อบ้านเจา ยกเว้นเรื่องส่วนตัวของไท่ชินอ๋องที่จะอยู่ในการดูแลของขันทีหวังเสียง “เมื่อวาน ตอนที่คุณชายยังนอนหลับอยู่…พระชายาฟางหมิงซินก็ส่งสาวใช้มาดูขอรับ” อาเฟยเอ่ยเสียงเบาอย่างเกรงๆ “เจี่ยเจีย(พี่สาว…เป็นคำเรียกยกย่องสาวใช้) บอกว่า…หากคุณชายได้สติแล้ว ให้ไปคำนับพระชายาโดยเร็ว” หลี่ชิงได้ยิน ก็อดขมวดคิ้วเล็กน้
“เจ้าไม่กลัวข้าโกรธแล้วลงโทษเจ้าหรือ?” ไท่ชินอ๋องถามเสียงเรียบๆ ดังเดิม “จะอย่างไร…ข้าก็ต้องตายอยู่แล้ว” หลี่ชิงตอบ “ถ้าท่านโกรธแล้วลงโทษข้า อย่างมากก็แค่ตาย แล้วคนเราตายได้เพียงหนเดียวเท่านั้น” ไท่ชินอ๋องยกยิ้มมุมปากขวาขึ้นนิดหนึ่ง “เจ้าจะแสดงความกล้าหาญ…เช่นนั้นหรือ?”แต่…คำตอบของเด็กหนุ่มทำให้ท่านอ๋องผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏแววประหลาดใจในดวงตาวูบหนึ่ง “ข้ากำลังเรียกร้องความสนใจจากท่านอยู่” “เพื่อ?” “ถ้าท่านสนใจข้า ข้าอาจจะมีชีวิตรอด…แต่ถ้าท่านไม่สนใจข้า ข้าก็แค่ถูกฝังตายทั้งเป็นเหมือนเดิมเท่านั้น” “ทำไมเจ้าไม่อ้อนวอนขอร้องข้าดีๆ ละ?” “ผู้สูงศักดิ์อย่างท่านไม่ใจอ่อนง่ายๆ หรอก…ท่านผ่านคำอ้อนวอนขอร้องจากผู้คนมามากมายอย่างไม่ใส่ใจ แล้วจะมาสนใจอะไรกับคำอ้อนวอนของข้า” หลี่ชิงกล่าวตรงๆ “แต่ถ้าท่านไม่มีความสนใจข้าเลย ท่านคงไม่ให้คนนำตัวข้ามาให้ท่านดู” “อืม…เจ้าพูดถูก” ไท่ชินอ๋องยกมุมปากนิดหนึ่ง ก่อนจะกล่าวต่อว่า “ข้าอยากเห็นว่าบุรุษแบบไหนกันนะจึงทำให้มหาอำมาตย์เฉาฮั่วถึงกับตายคาเตียงได้” หยุดเล็กน้อยก่อนจะกล่าวต่อว่า “แต่เห็นแล้ว…ก็เป็นเพียงเด็กน้อยคนหน
หลี่ชิง เด็กหนุ่มน้อยวัยสิบสี่ หน้าตาสะสวยราวกับเทพเซียน รูปร่างบอบบาง เพราะเพิ่งย่างเข้าสู่วัยแรกรุ่นดรุณ ผมดำขลับยาวสลวยปล่อยปรกหลังไหล่ สวมชุดไว้ทุกข์สีขาวผ้าเนื้อหยาบ แต่เขาไม่ได้เต็มใจจะไว้ทุกข์เลย…เขานั่งอยู่บนเตียงนอนเล็กๆ ในห้องแคบๆ ที่มีเพียงแสงริบหรี่จากเทียนไขเล่มเล็กเพียงเล่มเดียวเท่านั้นที่อยู่เป็นเพื่อน ประตูหน้าต่างของห้องล้วนถูกล่ามโซ่คล้องกุญแจจากภายนอกมีเพียงประตูห้องเท่านั้นที่เขาเป็นคนลงกลอนข้างในซ้ำเพื่อป้องกันไม่ให้คนนอกเปิดพรวดพราดเข้ามาได้ตามอำเภอใจ เสียงกุกกักดังมาจากนอกประตู…ทำให้เด็กหนุ่มเงยหน้ามอง มีคนกำลังไขกุญแจด้านนอก…จากนั้นก็ตามมาด้วยเสียงขลุกขลักๆ เบาๆ ของความพยายามที่จะเปิดประตูเข้ามา แต่พยายามอยู่สักพักเมื่อไม่เป็นผล ก็เปลี่ยนมาเป็นเคาะประตูเบาๆ เรียกเสียงค่อยๆ ว่า “เสี่ยวชิง เปิดประตูให้ข้าหน่อย” “ใคร?” หลี่ชิงแกล้งถาม ทั้งๆ ที่จำเสียงของอีกฝ่ายได้ “ข้างเอง…เฉาฉุน” คนข้างนอกประตูจำใจต้องประกาศตัวด้วยเสียงดังกว่ากระซิบแค่นิดเดียว “ดึกดื่นป่านนี้แล้ว คุณชายใหญ่มาที่นี่ทำไม?” เด็กหนุ่มกล่าวถามด้วยน้ำเสียงเย็นชา