Share

บทที่ 4

ฉันงถอนหายใจ ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้อีก

ก่อนหน้านี้เธอรักพวกเขามาก ยอมทำเรื่องเหล่านั้นเพื่อพวกเขาโดยสมัครใจ แต่ตอนนี้เธอหมดใจแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้วาดหวังให้พวกเขายอมทำเพื่อเธออีก

ตอนเห็นฉินเฟิง เขากำลังคุยโทรศัพท์ นิ้วยาวนวดคลึงระหว่างคิ้ว ท่าทางดูเหนื่อยล้าเต็มทน

หากเป็นแต่ก่อน เธอคงรอจนกว่าเขาจะเสร็จธุระ แล้วค่อยเอ่ยสิ่งที่ต้องการ

ทว่าตอนนี้ เธอกำลังนึกหนิวหนิวที่ท้องหิวรออยู่บ้านคนเดียว

ความห่วงผุดขึ้นในใจ เรื่องอื่นกลายเป็นเพียงก้อนเมฆไม่สลักสำคัญอีกต่อไป

“ประธานฉิน”

ฉันยืนอยู่เบื้องหน้าฉินเฟิง พร้อมรอยยิ้มบางประดับหน้า

เขาตะลึงค้างในบัดดล สั่งการอีกฝ่ายอีกมี่กี่ประโยคเสร็จก็วางสายทันที

“ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ?”

“อือหึ?” ฉันยักไหล่ “ฉันหย่าเสร็จก็กลับบ้านเกิด เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง? แต่คุณต่างหากนายท่านฉิน โรงเรียนในเมืองหลวงมีไม่เข้า ทำไมถึงต้องมาเมืองหังด้วย?”

ฉินเฟิงหยุดพูด มองเธอด้วยสายตาล้ำลึก ถังชิงเองจ้องตากลับเช่นกัน

หลังจากแน่นิ่งมาครู่หนึ่ง ฉินเฟิงเป็นฝ่ายหนักหน้าหนี

“เขาคิดถึงคุณ ร้องเอาแต่อยากเจอคุณ”

ฉันหัวเราะ “ไหนว่าเขามีหรงจิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ จะอยากเจอฉันอีกทำไม?”

ฉินเฟิงคว้าแขนฉันไว้ สายตาเปี่ยมความรู้สึกแทบล้นทะลักออกมา “ถังชิง ผมไม่ได้แต่งงานกับเธอ มีแค่ครั้งนั้นครั้งเดียว”

คำพูดของเขาทำให้ฉันหวนคิดถึงคืนนั้นเมื่อสองปีก่อน หรงจิ้งนอนบนเตียง สวมชุดผ้าโปร่งสีดำของฉันที่ใส่ตอนตั้งท้อง

ฉินเฟิงเอาหมอนปิดหน้าเธอ ออกแรงทำหน้าที่อย่างขยันขันแข็ง

เธอเอ่ย “ทำไมคุณถึงหลอกทั้งคนอื่นหลอกทั้งตัวเองแบบนี้?”

เขาตอบ “แค่ผมเห็นแผลเป็นบนหน้าท้องเธอก็รู้สึกสะอิดสะเอียนแล้ว”

แต่ฉินเฟิงนั้น นับตั้งแต่ฉันคลอดฉินตัวตัว ก็ร่วมเตียงกับเขาน้อยครั้งจริงๆ และถึงจะมีก็เป็นแค่การทำพอเป็นพอธีเท่านั้น

ฉันเอ่ยปากเสียงเบา “ไม่ใช่เรื่องที่ว่าแค่ครั้งสองครั้ง”

แต่เป็นเรื่องที่ว่าคุณทำไปแล้ว พวกเราก็จบกันแค่นั้น

ฉันกับฉินเฟิงรู้จักกันตั้งแต่วันแรกของการเปิดเทอมมหาวิทยาลัย

อย่าเข้าใจผิดไป นี่ไม่ใช่รักแรกพบหรืออะไร แต่เป็นพิธีเปิดเทอม ที่จู่ๆแม่ของฉินเฟิงหมดสติกะทันหัน

ฉันอยู่ข้างๆเธอพอดี จึงช่วยปั๊มหัวใจให้เธอ

ภายหลังจากส่งถึงโรงพยาบาล หมอบอกว่าโชคดีที่เธอช่วยได้ทันเวลา ถึงได้รอดชีวิตหวุดหวิด

เพื่อเป็นการขอบคุณ ฉินเฟิงทั้งเลี้ยงข้าวฉันทั้งให้อั่งเปาส่วนตัว ฉันจึงทานแค่ข้าวไม่รับอั่งเปา

นิสัยของเขาชวนให้อึดอัด ส่วนฉันก็ใจเย็นค่อนไปทางเชื่องช้า ทานข้าวก็คือทานข้าว ไม่ได้สนิทกันเพียงเพราะกินข้าวด้วยกันแค่มื้อเดียว

ฐานะครอบครัวฉันเฟิงถือว่าดี หน้าตาก็หล่อเหลา เพิ่งเปิดเทอมก็ได้รับความสนใจมากมาย

บางคนเห็นฉันเดินอยู่กับเขา แรกเริ่มก็นินทาความสัมพันธ์ของเราสารพัด หรงจิ้งคือรูมเมทเตียงชั้นล่างของฉัน มักจับฉันมาถามไถ่เสียทุกวัน

แต่ฉันก็พูดเด็ดขาด ว่าฉันกับฉินเฟิงไม่ได้เป็นอะไรกัน

ภูมิหลังของครอบครัวต่างกันสุดขั้ว นิสัยก็ไม่เหมาะสมกัน ความสัมพันธ์ของเราเป็นไปไม่ได้ตั้งแต่แรกแล้ว

หลังจากเปิดเทอมปีสองฉินเฟิงก็หายไป เข้าเรียนก็ไม่เห็นเจ้าตัว ตอนเย็นไปเดินเล่นที่สนามก็ไม่เห็นเขามาวิ่ง

ในรั้วมหาวิทยาลัยลือกันทั่ว บอกว่าแม่ของเขาเป็นมือที่สาม เขาเป็นลูกนอกสมรสของกลุ่มกรรมการบริษัท แม่ของเขาโดนภรรยาหลวงจับได้จึงถูกส่งออกนอนกประเทศ ไม่สามารถเข้าเรียนที่นี่ต่อได้อีก

ฉันส่งข่าวคราวข้อความหาหลายครั้ง แต่ถึงอย่างไรก็ไร้การตอบกลับ

ฉันหดหู่ใจ ทำอะไรก็ไม่มีความสนใจอยาก

กระทั่งวันหนึ่ง ด้านนอกมีพายุฝนกระหน่ำ สะเทือนจนลูกกรงแสตนเลสของหน้าต่างสั่นดัง

จู่ๆฉันกลับนึกถึงฉินเฟิงขึ้นมา จึงส่งข้อความไปหา “นายสบายดีหรือเปล่า?”

ฉันคิดว่าคงเงียบหายไปเหมือนที่ผ่านมา ทว่าไม่ช้าโทรศัพท์พลันสั่นไปสองที ปรากฏเป็นข้อความจากฉินเฟิง

“ไปดื่มเหล้าเป็นเพื่อนหน่อยได้ไหม?”

แม่ของเขาเป็นมือที่สามจริงๆ และถูกเมียหลวงจับได้อย่างที่ลือกัน

แต่พวกเขาไม่ได้ออกนอกประเทศ แม่ของเขากระโดดตึกฆ่าตัวตาย

สายตาของเขาไร้จิตวิญญาณ มีเพียงเหล้าขวดแล้วขวดเล่าที่ดื่มไม่หยุด ปากพึมพำเสียงเบากับตัว “ทำไมดื่มแล้วถึงไม่เมาล่ะ?”

ฉันรั้งขวดเหล้าในมือเขาไว้ มองตาเขาอย่างจดจ่อ ในนั้นมีแค่เงาของเธอสะท้อนอยู่

“นายอยากเมาเหรอ?”

ลูกกระเดือกเขาขยับ ฉันปิดริมฝีปากเขาไว้

คืนนั้นฉันเจ็บปวดจนหลั่งน้ำตา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status