ฉันงถอนหายใจ ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้อีกก่อนหน้านี้เธอรักพวกเขามาก ยอมทำเรื่องเหล่านั้นเพื่อพวกเขาโดยสมัครใจ แต่ตอนนี้เธอหมดใจแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้วาดหวังให้พวกเขายอมทำเพื่อเธออีกตอนเห็นฉินเฟิง เขากำลังคุยโทรศัพท์ นิ้วยาวนวดคลึงระหว่างคิ้ว ท่าทางดูเหนื่อยล้าเต็มทนหากเป็นแต่ก่อน เธอคงรอจนกว่าเขาจะเสร็จธุระ แล้วค่อยเอ่ยสิ่งที่ต้องการทว่าตอนนี้ เธอกำลังนึกหนิวหนิวที่ท้องหิวรออยู่บ้านคนเดียวความห่วงผุดขึ้นในใจ เรื่องอื่นกลายเป็นเพียงก้อนเมฆไม่สลักสำคัญอีกต่อไป“ประธานฉิน”ฉันยืนอยู่เบื้องหน้าฉินเฟิง พร้อมรอยยิ้มบางประดับหน้าเขาตะลึงค้างในบัดดล สั่งการอีกฝ่ายอีกมี่กี่ประโยคเสร็จก็วางสายทันที“ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ?”“อือหึ?” ฉันยักไหล่ “ฉันหย่าเสร็จก็กลับบ้านเกิด เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง? แต่คุณต่างหากนายท่านฉิน โรงเรียนในเมืองหลวงมีไม่เข้า ทำไมถึงต้องมาเมืองหังด้วย?”ฉินเฟิงหยุดพูด มองเธอด้วยสายตาล้ำลึก ถังชิงเองจ้องตากลับเช่นกันหลังจากแน่นิ่งมาครู่หนึ่ง ฉินเฟิงเป็นฝ่ายหนักหน้าหนี“เขาคิดถึงคุณ ร้องเอาแต่อยากเจอคุณ”ฉันหัวเราะ “ไหนว่าเขามีหรงจิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ จะอยากเจอฉันอี
ตอนฉันจะจากไป ฉินเฟิงเอ่ยปาก “เธอคิดดูสักหน่อยเถอะ เด็กวัยนี้ไม่มีแม่ไม่ได้ อีกทั้ง......” สายตาเขาฉายแววเป็นประกาย ราวกับจับจุดอ่อนฉันได้ “จากลูกรักมา เธอไม่เสียใจเหรอ?”ฉันตั้งใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความทรงจำที่หวนกลับมานั้นกลับมีเพียงเรื่องเกี่ยวกับหนิวหนิวเท่านั้นผักที่หนิวหนิวชอบที่สุดคือมะเขือเทศและมันฝรั่ง ไม่เลือกกิน สิ่งเดียวที่ไม่กินคือขิง ไม่เป็นไรเธอก็ไม่ชอบเหมือนกันสีที่หนิวหนิวชอบที่สุดคือสีฟ้า ที่จริงเธอชอบใส่กระโปรงมากกว่ากางเกงขาสั้น แต่เด็กหญิงกลับหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ไม่เหลือเงาฉินตัวตัวตามติดอีกต่อไปแล้วฉันเงยหน้า มุมมปากหยักยิ้มธรรมชาติ “คุณทักเตือนให้ฉันแล้ว ฉันต้องกลับก่อน ลูกสาวฉันยังไม่ได้ทานข้าวน่ะ”หลังจากฉินเฟิงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตา เธอเปิดประตู ขึ้นรถก่อนเคลื่อนตัวกลับบ้านยามถึงบ้าน หนิวหนิวทำการบ้านเสร็จแล้ว กำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาคนเดียวพอเห็นเธอกลับมา เด็กหญิงวิ่งไปห้องครัวพร้อมขาสั้นๆของตน เดินออกมาพร้อมโจ๊กหนึ่งถ้วย“ขอบใจจ้ะ”ได้กลิ่นหอมอบอวลของข้าวหอมแล้ว เธอลูบหัวหนิวหนิวก่อนหยอกล้อเด็กน้อยเล่น“หนูจะไ
ฉันถอนหายใจ ถามไถ่หนิวหนิว “ลูกยอมให้แม่ไปกินข้าวกับพวกเขาสักมื้อไหม?”หนิวหนิวปราดตามองฉินตัวตัวที่ใกล้ร้องไห้อยู่รอมร่อ ก่อนพูดอย่างไม่สนใจ “แล้วแต่แม่ค่ะ”ฉินตัวตัวนั่งตรงเบาะข้างคนขับ ท่าทางดีใจเกินบรรยาย หลายครั้งแอบหันมาลอบมองฉันเป็นระยะตอนฉันคุยกับหนิวหนิว แม้เขาจะหน้าบูดบึ้ง ทว่าก็ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ดีดดิ้นนอนร้องไห้บนพื้นเขารู้เรื่องกว่าแต่ก่อนเยอะมาก ทว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เกลียดเขาเพราะเขาไม่รู้ความ เช่นเดียวกัน ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบเขาแค่เพราะเขาเชื่อฟังด้วยเช่นกันหลายวันมานี้ ฉินเฟิงเดินทางไปมาระหว่างเมืองหังและเมืองหลวง ทางฉินตัวตัวนั้นแม้มีพ่อบ้านคอยดูแล แต่หลังจากปิดเทอมเขามักวิ่งมาร้านฉันคนเดียว นั่งทำการบ้านบนโต๊ะอาหารในร้าน กระทั่งปิดร้านถึงกลับไปสำหรับเรื่องนี้ ฉินเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก พ่อบ้านตระกูลฉินเองก็แค่รอรับนายน้อยของพวกเขาตอนปิดร้านอย่างตรงเวลาเท่านั้นแต่สำหรับฉันแล้วหมายถึงอะไรกัน?มารู้ตัวตอนที่สายไปแล้วเหรอ?ฉันไม่ใช่พวกที่ความรักของคนเป็นแม่เปี่ยมล้นมาพอจะปล่อยวางได้ที่วันนี้ยอมตกลงมาอยู่กับฉินตัวตัวในวันเกิด ก็เพราะคิดจะใช้โอกาสนี้ผลัก
หลังจากพายุพัดถล่มครั้งนั้น ทางโรงเรียนก็ใกล้ปิดเทอมฤดูร้อนฉินเฟิงไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอยู่เนิ่นนาน ฉินตัวตัวก็ไม่ได้โผล่มาที่ร้านบะหมี่ฉันอีกคิดว่าละครรักของพวกเขาสองพ่อลูกคงถึงตอนจบแล้ว ชีวิตของฉันกับหนิวหนิวจึงกลับมาเป็นปกติในที่สุดทว่าวันนี้ตอนฉันถือถุงกุ้งกลับมาบ้าน กลับไม่เจอหนิวหนิวแล้วฉันพยายามบังคับให้ตัวเองตั้งสติ หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาคุณครูและร้านหนังสือที่เธอมักไปเป็นประจำแต่พวกเขากลับบอกว่าไม่เห็นหนิวหนิวจิตใจฉันร้อนรนดั่งไฟ วิ่งออกไปหมายแจ้งตำรวจตรงทางเดินฉันเห็นป้าเฉินถือตะกร้าผักอยู่ตรงข้ามประตู อีกฝ่ายเห็นฉันรีบร้อนเหงื่อท่วมตัวจึงถามว่าเป็นอะไรหลังจากได้ยินว่าหนิวหนิวหายไป คุณป้าก็ร้อนรนเสียยิ่งกว่าฉันอีก“อาถัง ป้าไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม เป็นไปได้ไหมว่าเศรษฐีหนุ่มที่ตามจีบเธอคนนั้นจะพาหนิวหนิวไป?”ฉันตะลึงค้าง “อะไรนะ?”“ก็คนที่ชอบขับรถมาตามหาเธอที่ร้านบะหมี่บ่อยๆไง เขาจีบเธออยู่ไม่ใช่เหรอ?”ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณป้าหมายถึงใคร ขณะกำลังจะโบกมือปฏิเสธ คุณป้าพลันพูดต่อ“ตอนนี้เธอแต่งงานใหม่เพราะทำตามความปรารถนาลูกสินะ ไม่แน่อาจเป็นเพราะอยากจีบเธอ เขาถ
ฉันแสร้งทำทีไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อ ถามกลับ “ทำไม เขาเคยเห็นใครนั่งเบาะข้างคนขับของรถคันนี้ หรงจิ้งเหรอ?”ฉินเฟิงหลบสายตาด้วยความลำบากใจ “ชิงชิง ผมทำผิดไปแล้ว แต่คุณจะไม่ให้โอกาสผมสักครั้งไม่ได้”“สองปีมานี้ผมครุ่นคิดมากมาย ตัวตัวเองก็ไม่ได้หัวดื้อเหมือนแต่ก่อนแล้ว ดังนั้น—”“ดังนั้นห่างกันไปสองปี หรงจิ้งก็ยังถือเค้ก เดินทางจากเมืองหลวงมาเมืองหังเพื่อจัดวันเกิดให้ตัวตัว ทั้งหมดนี้เธอคิดอยากทำเองคนเดียวเหรอ?”ฉินเฟิงถูกตอกหน้าหงาย กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ“หลังจากครั้งนั้น เธอท้องลูกของผม”“แต่ผมบอกให้เธอเอาออก”ฉันเบิกตาโพลงทันใด ความรู้สึกสะอิดสะเอียนตีขึ้นจนรู้สึกเจ็บ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าถังชิงคนนั้นที่เคยชอบฉินเฟิงมาถึงเก้าปีช่างไร้ค่ายิ่งนัก“แล้วยังไงล่ะ บอกเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟังทำไม? อยากให้ฉันเจ็บปวดเพราะหวนนึกถึงเรื่องวันนั้นเหรอ?”“หรือคิดจะใช้ความโชคร้ายของผู้หญิงอีกคน มาทำให้ฉันรู้สึกดีเหรอ?”“ไม่ใช่นะ” ฉินเฟิงละล่ำละลักส่ายหน้า “ผมแค่อยากบอกคุณ ว่าที่ของคุณไม่เคยมีใครมาแทนได้”ฉันแสยะยิ้มเย็นอย่างกลั้นไม่อยู่ “ดังนั้นเลยมีแค่ฉันที่โชคดีได้คลอดลูกคุณอย่างงั้
ก่อนรถออกตัว ฉินตัวตัวเกาะหน้าต่างรถ ไม่ร้องไม่งอแง แค่ถามฉันด้วยดวงตาแดงก่ำ“แม่ครับ วันหลังคิดถึงแม่ขึ้นมา ขอโทรหาแม่ได้ไหม? ถ้าแม่รู้สึกรำคาญผมโทรเดือนละครั้งก็ได้”สุดท้ายฉันก็อดห่วงลูกคนนี้ไม่ได้ จึงพยักหน้ารับไม่รู้ว่าพ่อของฉินเฟิงได้รับกรรมบ้างหรือยัง อย่างไรเสียเขาก็มีหลานเพียงคนเดียวคือฉินตัวตัวการกลับไปครั้งนี้ ต้องถูกเลี้ยงดูให้กลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลฉินในอนาคตแน่เขาอยู่ที่ตระกูลฉิน ยังไงก็ดีกว่าอยู่กับฉันรถขับไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ท้ายสุดก็ปะปนไปตามรถคันอื่น มองไม่เห็นอีกต่อไปหนิวหนิวเงยหน้า “แม่คะ เลโก้ของฉินตัวตัวเป็นเขาเองที่ทำพัง หนูเห็นแล้ว”ฉันตะลึงงัน ก่อนเผยยิ้มออกมา“เจ้าลูกคนนี้ ฉลาดกว่าพ่อเขาอีก”“คงเป็นเพราะมียืนฉันอยู่ด้วย”หนิวหนิวเบะปากอย่างช่วยไม่ได้ “คืนนี้เราทานอะไรดีคะ?”“บะหมี่หอยหวาน”“ช่วยด้วย!”ตอนพิเศษ—ฉินเฟิงวันที่แม่ของเขากระโดดตึก ผมอยู่ข้างล่างตึก เห็นเต็มตาจากคนมีชีวิตกลายเป็นกองเนื้อแหลกเหลวพวกเขาบอกกันว่า เธอโดนคุณนายฉินบีบให้ตาย แต่ผมรู้สึกว่าเธอถูกตัวผมบีบบังคับให้ตายคุณนายฉินให้เงินเธอมาหนึ่งก้อน ให้เธอออกนนอกประเทศ โดยม
วันที่หย่ากับฉินเฟิงนั้น ตอนออกจากประตูสำนักงานฝนก็เกือบตกแล้ว “ถังชิง” ฉินเฟิงเลื่อนเปิดประตูรถ “ผมจะส่งคุณกลับเอง”ฉันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ลูกชายฉินตัวตัวก็ส่งนาฬิกาโทรได้ของตนผ่านหน้าต่างเบาะหลังออกมา “พ่อครับ น้าเสี่ยวจิ้งบอกว่าคืนนี้จะทำซี่โครงหมูราดซอสเปรี้ยวหวานไว้ให้ ตอนนี้น้าซื้อของมาหน้าประตูบ้านเราแล้ว”ฉินเฟิงมองฉินตัวตัว เป็นอันต้องขมวดคิ้วมุ่น “เข้าไปซะ”ฉินตัวตัวกลอกตาขาวใส่ฉันไปที ก่อนหดตัวเข้ารถไปอย่างน้อยใจ “ไม่ต้องหรอก” ฉันตอบกลับตรงๆ “เดี๋ยวจะเสียเวลาทานข้าวของพวกคุณ”ฉินเฟิงก้มหน้า พึมพำกับตัวเอง “คืนนี้ไปร้านหม้อไฟที่คุณชอบที่สุดได้นะ” “ฉินเฟิง” ฉันเตือนเสียงเบา “เราหย่ากันแล้ว”เขาเงยหน้า กระบอกตาแดงก่ำไปชั่วพริบตา ก่อนจะปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติ แสร้งทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อืม แต่เจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดีเถอะ ยังไงซะนานแล้วที่เราสามคนครอบครัวไม่ได้......”ฉันตัดบทเขา “ร้านนั้นปิดไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว”ร้านนี้เป็นร้านสมัยที่ฉันกับฉินเฟิงเรียนมหาลัยชอบไปกินด้วยกันมาก นับดูแล้วก็ถือเป็นร้านเก่าแก่ทีเดียวเดือนก่อน
หรงจิ้งมองเธอ ก่อนมองเจ้าตัวน้อยอีกครั้ง พลางหัวเราะเหยเก“แม่ของตัวเล็กกลับมาแล้ว น้าต้องไปแล้วล่ะ” ฉินตัวตัวนั่งบนพื้นตะโกนร้องไห้ดังลั่น “ให้แม่ออกไป ผมจะให้น้าเสี่ยวจิ้งอยู่ต่อ ผมจะให้น้าเสี่ยวจิ้งเป็นแม่ของผม!”แม้ฉินตัวตัวจะเพิ่งอายุย่างสี่ขวบ ถือเป็นอายุที่คำพูดพล่อยๆไม่ควรถือสา ทว่าเมื่อได้ยินกับหูว่าเขาพูดแบบนี้ออกมาเอง หัวใจของเธอก็เจ็บปวดแทบกระอักเลือดหรงจิ้งตบบ่าฉันเบาๆ “เด็กเล็กก็แบบนี้แหละ เธออย่าคิดมาก”ฉินเฟิงที่อยู่ด้านข้างลากเจ้าตัวเล็กขึ้น น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความเยือกเย็น“ถ้าพูดจาแบบนี้อีก ลูกจะโดนทำโทษยืนข้างนอกหนึ่งชั่วโมง”น้ำเสียงฉินเฟิงน่าเกรงขาม ฉินตัวตัวไม่กล้าดีดดิ้นไปทั่วบนพื้นอีกเสียงเดียวที่หลงเหลืออยู่ในห้องรับแขกคือเสียงสะอื้นไห้ของฉินตัวตัวเธอมองภาพจอมปลอมที่แสร้งสงบกลบเกลื่อนตรงหน้า พาลเอาให้นึกเรื่องชุดใหม่ของพระชาขึ้นมาทันใดหากเธอไม่พูด พวกเราคงยังแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อกันได้ แล้วแสดงในบทของตัวเองต่อไปกิจการของฉินเฟิงก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ถังชิงจึงกลายเป็นเป็นแม่บ้านภรรยาอย่างเต็มตัวต่อหรงจิ้งยังเป็นพี่น้องที่ดีที่ช่วยแบ่ง
ก่อนรถออกตัว ฉินตัวตัวเกาะหน้าต่างรถ ไม่ร้องไม่งอแง แค่ถามฉันด้วยดวงตาแดงก่ำ“แม่ครับ วันหลังคิดถึงแม่ขึ้นมา ขอโทรหาแม่ได้ไหม? ถ้าแม่รู้สึกรำคาญผมโทรเดือนละครั้งก็ได้”สุดท้ายฉันก็อดห่วงลูกคนนี้ไม่ได้ จึงพยักหน้ารับไม่รู้ว่าพ่อของฉินเฟิงได้รับกรรมบ้างหรือยัง อย่างไรเสียเขาก็มีหลานเพียงคนเดียวคือฉินตัวตัวการกลับไปครั้งนี้ ต้องถูกเลี้ยงดูให้กลายเป็นผู้สืบทอดตระกูลฉินในอนาคตแน่เขาอยู่ที่ตระกูลฉิน ยังไงก็ดีกว่าอยู่กับฉันรถขับไปไกลขึ้นเรื่อยๆ ท้ายสุดก็ปะปนไปตามรถคันอื่น มองไม่เห็นอีกต่อไปหนิวหนิวเงยหน้า “แม่คะ เลโก้ของฉินตัวตัวเป็นเขาเองที่ทำพัง หนูเห็นแล้ว”ฉันตะลึงงัน ก่อนเผยยิ้มออกมา“เจ้าลูกคนนี้ ฉลาดกว่าพ่อเขาอีก”“คงเป็นเพราะมียืนฉันอยู่ด้วย”หนิวหนิวเบะปากอย่างช่วยไม่ได้ “คืนนี้เราทานอะไรดีคะ?”“บะหมี่หอยหวาน”“ช่วยด้วย!”ตอนพิเศษ—ฉินเฟิงวันที่แม่ของเขากระโดดตึก ผมอยู่ข้างล่างตึก เห็นเต็มตาจากคนมีชีวิตกลายเป็นกองเนื้อแหลกเหลวพวกเขาบอกกันว่า เธอโดนคุณนายฉินบีบให้ตาย แต่ผมรู้สึกว่าเธอถูกตัวผมบีบบังคับให้ตายคุณนายฉินให้เงินเธอมาหนึ่งก้อน ให้เธอออกนนอกประเทศ โดยม
ฉันแสร้งทำทีไม่เข้าใจสิ่งที่เขาสื่อ ถามกลับ “ทำไม เขาเคยเห็นใครนั่งเบาะข้างคนขับของรถคันนี้ หรงจิ้งเหรอ?”ฉินเฟิงหลบสายตาด้วยความลำบากใจ “ชิงชิง ผมทำผิดไปแล้ว แต่คุณจะไม่ให้โอกาสผมสักครั้งไม่ได้”“สองปีมานี้ผมครุ่นคิดมากมาย ตัวตัวเองก็ไม่ได้หัวดื้อเหมือนแต่ก่อนแล้ว ดังนั้น—”“ดังนั้นห่างกันไปสองปี หรงจิ้งก็ยังถือเค้ก เดินทางจากเมืองหลวงมาเมืองหังเพื่อจัดวันเกิดให้ตัวตัว ทั้งหมดนี้เธอคิดอยากทำเองคนเดียวเหรอ?”ฉินเฟิงถูกตอกหน้าหงาย กลืนน้ำลายจนลูกกระเดือกขยับ“หลังจากครั้งนั้น เธอท้องลูกของผม”“แต่ผมบอกให้เธอเอาออก”ฉันเบิกตาโพลงทันใด ความรู้สึกสะอิดสะเอียนตีขึ้นจนรู้สึกเจ็บ เป็นครั้งแรกที่รู้สึกว่าถังชิงคนนั้นที่เคยชอบฉินเฟิงมาถึงเก้าปีช่างไร้ค่ายิ่งนัก“แล้วยังไงล่ะ บอกเรื่องพวกนี้ให้ฉันฟังทำไม? อยากให้ฉันเจ็บปวดเพราะหวนนึกถึงเรื่องวันนั้นเหรอ?”“หรือคิดจะใช้ความโชคร้ายของผู้หญิงอีกคน มาทำให้ฉันรู้สึกดีเหรอ?”“ไม่ใช่นะ” ฉินเฟิงละล่ำละลักส่ายหน้า “ผมแค่อยากบอกคุณ ว่าที่ของคุณไม่เคยมีใครมาแทนได้”ฉันแสยะยิ้มเย็นอย่างกลั้นไม่อยู่ “ดังนั้นเลยมีแค่ฉันที่โชคดีได้คลอดลูกคุณอย่างงั้
หลังจากพายุพัดถล่มครั้งนั้น ทางโรงเรียนก็ใกล้ปิดเทอมฤดูร้อนฉินเฟิงไม่โผล่หน้ามาให้ฉันเห็นอยู่เนิ่นนาน ฉินตัวตัวก็ไม่ได้โผล่มาที่ร้านบะหมี่ฉันอีกคิดว่าละครรักของพวกเขาสองพ่อลูกคงถึงตอนจบแล้ว ชีวิตของฉันกับหนิวหนิวจึงกลับมาเป็นปกติในที่สุดทว่าวันนี้ตอนฉันถือถุงกุ้งกลับมาบ้าน กลับไม่เจอหนิวหนิวแล้วฉันพยายามบังคับให้ตัวเองตั้งสติ หยิบโทรศัพท์ออกมา โทรหาคุณครูและร้านหนังสือที่เธอมักไปเป็นประจำแต่พวกเขากลับบอกว่าไม่เห็นหนิวหนิวจิตใจฉันร้อนรนดั่งไฟ วิ่งออกไปหมายแจ้งตำรวจตรงทางเดินฉันเห็นป้าเฉินถือตะกร้าผักอยู่ตรงข้ามประตู อีกฝ่ายเห็นฉันรีบร้อนเหงื่อท่วมตัวจึงถามว่าเป็นอะไรหลังจากได้ยินว่าหนิวหนิวหายไป คุณป้าก็ร้อนรนเสียยิ่งกว่าฉันอีก“อาถัง ป้าไม่รู้ว่าควรพูดดีไหม เป็นไปได้ไหมว่าเศรษฐีหนุ่มที่ตามจีบเธอคนนั้นจะพาหนิวหนิวไป?”ฉันตะลึงค้าง “อะไรนะ?”“ก็คนที่ชอบขับรถมาตามหาเธอที่ร้านบะหมี่บ่อยๆไง เขาจีบเธออยู่ไม่ใช่เหรอ?”ฉันเข้าใจแล้วว่าคุณป้าหมายถึงใคร ขณะกำลังจะโบกมือปฏิเสธ คุณป้าพลันพูดต่อ“ตอนนี้เธอแต่งงานใหม่เพราะทำตามความปรารถนาลูกสินะ ไม่แน่อาจเป็นเพราะอยากจีบเธอ เขาถ
ฉันถอนหายใจ ถามไถ่หนิวหนิว “ลูกยอมให้แม่ไปกินข้าวกับพวกเขาสักมื้อไหม?”หนิวหนิวปราดตามองฉินตัวตัวที่ใกล้ร้องไห้อยู่รอมร่อ ก่อนพูดอย่างไม่สนใจ “แล้วแต่แม่ค่ะ”ฉินตัวตัวนั่งตรงเบาะข้างคนขับ ท่าทางดีใจเกินบรรยาย หลายครั้งแอบหันมาลอบมองฉันเป็นระยะตอนฉันคุยกับหนิวหนิว แม้เขาจะหน้าบูดบึ้ง ทว่าก็ไม่เหมือนแต่ก่อนที่ดีดดิ้นนอนร้องไห้บนพื้นเขารู้เรื่องกว่าแต่ก่อนเยอะมาก ทว่าก่อนหน้านี้ฉันไม่ได้เกลียดเขาเพราะเขาไม่รู้ความ เช่นเดียวกัน ตอนนี้ก็ไม่ได้ชอบเขาแค่เพราะเขาเชื่อฟังด้วยเช่นกันหลายวันมานี้ ฉินเฟิงเดินทางไปมาระหว่างเมืองหังและเมืองหลวง ทางฉินตัวตัวนั้นแม้มีพ่อบ้านคอยดูแล แต่หลังจากปิดเทอมเขามักวิ่งมาร้านฉันคนเดียว นั่งทำการบ้านบนโต๊ะอาหารในร้าน กระทั่งปิดร้านถึงกลับไปสำหรับเรื่องนี้ ฉินเฟิงไม่ได้อธิบายอะไรมากนัก พ่อบ้านตระกูลฉินเองก็แค่รอรับนายน้อยของพวกเขาตอนปิดร้านอย่างตรงเวลาเท่านั้นแต่สำหรับฉันแล้วหมายถึงอะไรกัน?มารู้ตัวตอนที่สายไปแล้วเหรอ?ฉันไม่ใช่พวกที่ความรักของคนเป็นแม่เปี่ยมล้นมาพอจะปล่อยวางได้ที่วันนี้ยอมตกลงมาอยู่กับฉินตัวตัวในวันเกิด ก็เพราะคิดจะใช้โอกาสนี้ผลัก
ตอนฉันจะจากไป ฉินเฟิงเอ่ยปาก “เธอคิดดูสักหน่อยเถอะ เด็กวัยนี้ไม่มีแม่ไม่ได้ อีกทั้ง......” สายตาเขาฉายแววเป็นประกาย ราวกับจับจุดอ่อนฉันได้ “จากลูกรักมา เธอไม่เสียใจเหรอ?”ฉันตั้งใจครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง แต่ความทรงจำที่หวนกลับมานั้นกลับมีเพียงเรื่องเกี่ยวกับหนิวหนิวเท่านั้นผักที่หนิวหนิวชอบที่สุดคือมะเขือเทศและมันฝรั่ง ไม่เลือกกิน สิ่งเดียวที่ไม่กินคือขิง ไม่เป็นไรเธอก็ไม่ชอบเหมือนกันสีที่หนิวหนิวชอบที่สุดคือสีฟ้า ที่จริงเธอชอบใส่กระโปรงมากกว่ากางเกงขาสั้น แต่เด็กหญิงกลับหยิ่งเกินกว่าจะยอมรับเรื่องเล็กๆน้อยๆเหล่านี้ ไม่เหลือเงาฉินตัวตัวตามติดอีกต่อไปแล้วฉันเงยหน้า มุมมปากหยักยิ้มธรรมชาติ “คุณทักเตือนให้ฉันแล้ว ฉันต้องกลับก่อน ลูกสาวฉันยังไม่ได้ทานข้าวน่ะ”หลังจากฉินเฟิงทำหน้าเหมือนไม่เชื่อสายตา เธอเปิดประตู ขึ้นรถก่อนเคลื่อนตัวกลับบ้านยามถึงบ้าน หนิวหนิวทำการบ้านเสร็จแล้ว กำลังนั่งดูทีวีบนโซฟาคนเดียวพอเห็นเธอกลับมา เด็กหญิงวิ่งไปห้องครัวพร้อมขาสั้นๆของตน เดินออกมาพร้อมโจ๊กหนึ่งถ้วย“ขอบใจจ้ะ”ได้กลิ่นหอมอบอวลของข้าวหอมแล้ว เธอลูบหัวหนิวหนิวก่อนหยอกล้อเด็กน้อยเล่น“หนูจะไ
ฉันงถอนหายใจ ไม่ใส่ใจเรื่องพวกนี้อีกก่อนหน้านี้เธอรักพวกเขามาก ยอมทำเรื่องเหล่านั้นเพื่อพวกเขาโดยสมัครใจ แต่ตอนนี้เธอหมดใจแล้ว ดังนั้นจึงไม่ได้วาดหวังให้พวกเขายอมทำเพื่อเธออีกตอนเห็นฉินเฟิง เขากำลังคุยโทรศัพท์ นิ้วยาวนวดคลึงระหว่างคิ้ว ท่าทางดูเหนื่อยล้าเต็มทนหากเป็นแต่ก่อน เธอคงรอจนกว่าเขาจะเสร็จธุระ แล้วค่อยเอ่ยสิ่งที่ต้องการทว่าตอนนี้ เธอกำลังนึกหนิวหนิวที่ท้องหิวรออยู่บ้านคนเดียวความห่วงผุดขึ้นในใจ เรื่องอื่นกลายเป็นเพียงก้อนเมฆไม่สลักสำคัญอีกต่อไป“ประธานฉิน”ฉันยืนอยู่เบื้องหน้าฉินเฟิง พร้อมรอยยิ้มบางประดับหน้าเขาตะลึงค้างในบัดดล สั่งการอีกฝ่ายอีกมี่กี่ประโยคเสร็จก็วางสายทันที“ทำไมถึงเป็นคุณล่ะ?”“อือหึ?” ฉันยักไหล่ “ฉันหย่าเสร็จก็กลับบ้านเกิด เป็นเรื่องปกติไม่ใช่หรือไง? แต่คุณต่างหากนายท่านฉิน โรงเรียนในเมืองหลวงมีไม่เข้า ทำไมถึงต้องมาเมืองหังด้วย?”ฉินเฟิงหยุดพูด มองเธอด้วยสายตาล้ำลึก ถังชิงเองจ้องตากลับเช่นกันหลังจากแน่นิ่งมาครู่หนึ่ง ฉินเฟิงเป็นฝ่ายหนักหน้าหนี“เขาคิดถึงคุณ ร้องเอาแต่อยากเจอคุณ”ฉันหัวเราะ “ไหนว่าเขามีหรงจิ้งแล้วไม่ใช่เหรอ จะอยากเจอฉันอี
ตกกลางคืน หนิวหนิวหอบหมอนมาเคาะประตู ถามว่าขอนอนกับเธอได้ไหมตอนฉันอุ้มเธอวางบนเตียง ก็รู้สึกเหมือนเธอตัวสั่น“เป็นอะไรไปเหรอ?”หนิวหนิวโผล่ดวงตาออกมาจากผ้าห่ม พูดอย่างกลัดกลุ้ม “หนูดูหนังที่คุณบอกแล้ว รู้สึกกลัวนิดหน่อยค่ะ”ฉันชะงักงันไปครู่หนึ่ง หลังจากได้สติกลับมาก็หัวเราะจนน้ำตาเล็ดหนิวหนิวดึงผ้าห่มขึ้น“หยุดหัวเราะได้แล้วค่ะแม่”นับจากวันนั้น เธอมักเรียกฉันว่าแม่เสมอเพียงพริบตา หนิวหนิวก็อายุถึงเกณฑ์เข้าประถมแล้ววันนี้ ฉันได้รับโทรศัพท์จากคุณครู บอกว่าหนิวหนิวทะเลาะกับเพื่อนขณะเดินทางไปโรงเรียน ฉันนึกถึงความเป็นไปได้สารพัด แต่สุดท้ายก็คิดไม่ออกอยู่ดีหนิวหนิวเป็นเด็กที่โตเกินวัย โดยเฉพาะอย่างยิ่งความสามารถในการควบคุมอารมณ์ที่เหนือเกินกว่าอายุของเธอหลังจากฉันใช้ชีวิตกับเธอมา ก็มีแค่เรื่องหนังสยองขวัญตอนนั้นที่ทำให้เธอเสียอาการ เวลาปกติเธอก็เป็นคนอ่อนโยนเรียบร้อยมาโดยตลอด ไม่ว่ายังไงก็คิดไม่ออกว่าทำไมถึงไปตีกับคนอื่นได้?หลังจากมาถึงห้องเรียน คุณครูก็แยกตัวเด็กทั้งสองไว้แล้วเธออธิบายเรื่องราวให้ฉันฟังคร่าวๆว่า เด็กที่เพิ่งย้ายมาใหม่บังเอิญเห็นหน้าจอนาฬิกาโทรได้ขอ
หรงจิ้งมองเธอ ก่อนมองเจ้าตัวน้อยอีกครั้ง พลางหัวเราะเหยเก“แม่ของตัวเล็กกลับมาแล้ว น้าต้องไปแล้วล่ะ” ฉินตัวตัวนั่งบนพื้นตะโกนร้องไห้ดังลั่น “ให้แม่ออกไป ผมจะให้น้าเสี่ยวจิ้งอยู่ต่อ ผมจะให้น้าเสี่ยวจิ้งเป็นแม่ของผม!”แม้ฉินตัวตัวจะเพิ่งอายุย่างสี่ขวบ ถือเป็นอายุที่คำพูดพล่อยๆไม่ควรถือสา ทว่าเมื่อได้ยินกับหูว่าเขาพูดแบบนี้ออกมาเอง หัวใจของเธอก็เจ็บปวดแทบกระอักเลือดหรงจิ้งตบบ่าฉันเบาๆ “เด็กเล็กก็แบบนี้แหละ เธออย่าคิดมาก”ฉินเฟิงที่อยู่ด้านข้างลากเจ้าตัวเล็กขึ้น น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความเยือกเย็น“ถ้าพูดจาแบบนี้อีก ลูกจะโดนทำโทษยืนข้างนอกหนึ่งชั่วโมง”น้ำเสียงฉินเฟิงน่าเกรงขาม ฉินตัวตัวไม่กล้าดีดดิ้นไปทั่วบนพื้นอีกเสียงเดียวที่หลงเหลืออยู่ในห้องรับแขกคือเสียงสะอื้นไห้ของฉินตัวตัวเธอมองภาพจอมปลอมที่แสร้งสงบกลบเกลื่อนตรงหน้า พาลเอาให้นึกเรื่องชุดใหม่ของพระชาขึ้นมาทันใดหากเธอไม่พูด พวกเราคงยังแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อกันได้ แล้วแสดงในบทของตัวเองต่อไปกิจการของฉินเฟิงก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ถังชิงจึงกลายเป็นเป็นแม่บ้านภรรยาอย่างเต็มตัวต่อหรงจิ้งยังเป็นพี่น้องที่ดีที่ช่วยแบ่ง
วันที่หย่ากับฉินเฟิงนั้น ตอนออกจากประตูสำนักงานฝนก็เกือบตกแล้ว “ถังชิง” ฉินเฟิงเลื่อนเปิดประตูรถ “ผมจะส่งคุณกลับเอง”ฉันยังไม่ทันได้เอ่ยปาก ลูกชายฉินตัวตัวก็ส่งนาฬิกาโทรได้ของตนผ่านหน้าต่างเบาะหลังออกมา “พ่อครับ น้าเสี่ยวจิ้งบอกว่าคืนนี้จะทำซี่โครงหมูราดซอสเปรี้ยวหวานไว้ให้ ตอนนี้น้าซื้อของมาหน้าประตูบ้านเราแล้ว”ฉินเฟิงมองฉินตัวตัว เป็นอันต้องขมวดคิ้วมุ่น “เข้าไปซะ”ฉินตัวตัวกลอกตาขาวใส่ฉันไปที ก่อนหดตัวเข้ารถไปอย่างน้อยใจ “ไม่ต้องหรอก” ฉันตอบกลับตรงๆ “เดี๋ยวจะเสียเวลาทานข้าวของพวกคุณ”ฉินเฟิงก้มหน้า พึมพำกับตัวเอง “คืนนี้ไปร้านหม้อไฟที่คุณชอบที่สุดได้นะ” “ฉินเฟิง” ฉันเตือนเสียงเบา “เราหย่ากันแล้ว”เขาเงยหน้า กระบอกตาแดงก่ำไปชั่วพริบตา ก่อนจะปรับอารมณ์กลับมาเป็นปกติ แสร้งทำท่าเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “อืม แต่เจอกันด้วยดีก็ขอให้จากกันด้วยดีเถอะ ยังไงซะนานแล้วที่เราสามคนครอบครัวไม่ได้......”ฉันตัดบทเขา “ร้านนั้นปิดไปตั้งแต่สองเดือนก่อนแล้ว ฉันเคยบอกคุณไปแล้ว”ร้านนี้เป็นร้านสมัยที่ฉันกับฉินเฟิงเรียนมหาลัยชอบไปกินด้วยกันมาก นับดูแล้วก็ถือเป็นร้านเก่าแก่ทีเดียวเดือนก่อน