Share

บทที่ 2

หรงจิ้งมองเธอ ก่อนมองเจ้าตัวน้อยอีกครั้ง พลางหัวเราะเหยเก

“แม่ของตัวเล็กกลับมาแล้ว น้าต้องไปแล้วล่ะ”

ฉินตัวตัวนั่งบนพื้นตะโกนร้องไห้ดังลั่น “ให้แม่ออกไป ผมจะให้น้าเสี่ยวจิ้งอยู่ต่อ ผมจะให้น้าเสี่ยวจิ้งเป็นแม่ของผม!”

แม้ฉินตัวตัวจะเพิ่งอายุย่างสี่ขวบ ถือเป็นอายุที่คำพูดพล่อยๆไม่ควรถือสา ทว่าเมื่อได้ยินกับหูว่าเขาพูดแบบนี้ออกมาเอง หัวใจของเธอก็เจ็บปวดแทบกระอักเลือด

หรงจิ้งตบบ่าฉันเบาๆ “เด็กเล็กก็แบบนี้แหละ เธออย่าคิดมาก”

ฉินเฟิงที่อยู่ด้านข้างลากเจ้าตัวเล็กขึ้น น้ำเสียงแฝงเร้นด้วยความเยือกเย็น

“ถ้าพูดจาแบบนี้อีก ลูกจะโดนทำโทษยืนข้างนอกหนึ่งชั่วโมง”

น้ำเสียงฉินเฟิงน่าเกรงขาม ฉินตัวตัวไม่กล้าดีดดิ้นไปทั่วบนพื้นอีก

เสียงเดียวที่หลงเหลืออยู่ในห้องรับแขกคือเสียงสะอื้นไห้ของฉินตัวตัว

เธอมองภาพจอมปลอมที่แสร้งสงบกลบเกลื่อนตรงหน้า พาลเอาให้นึกเรื่องชุดใหม่ของพระชาขึ้นมาทันใด

หากเธอไม่พูด พวกเราคงยังแสร้งทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นต่อกันได้ แล้วแสดงในบทของตัวเองต่อไป

กิจการของฉินเฟิงก้าวหน้าขึ้นทุกวัน ถังชิงจึงกลายเป็นเป็นแม่บ้านภรรยาอย่างเต็มตัวต่อ

หรงจิ้งยังเป็นพี่น้องที่ดีที่ช่วยแบ่งเบาปัญหาให้ฉันอีกด้วย

ฉินตัวตัวเองค่อให้ดื้ออย่างไร ก็เป็นลูกชายที่เธออุ้มท้องอยู่ไฟมานับสิบเดือน จากนี้เขาต้องยืนหยัดข้างเธอแน่

แต่ แต่ว่า......

ขณะมองฉินเฟิงกำลังเปิดประตูห้อง ฉันได้ยินเสียงหนักแน่นของตัวเองดังขึ้น

“ฉินเฟิง เราหย่ากันเถอะ”

เธอกลับมาถึงบ้านเกิด ที่เมืองหังแล้ว

ถึงบอกว่าบ้านเกิด แต่อันที่จริงญาติพี่น้องของเธอที่นี่เป็นผู้อำนวยการสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า

“ชิงชิง” เธอคว้ามือฉันไว้ น้ำตารื้นขึ้นเต็มกระบอกตา “แล้วจากนี้เธอจะทำยังไงล่ะ?”

ถังชิงวางมือทับบนมือเธออีกที สายตาจดจ้องแอ่งน้ำเล็กที่เกิดจากฝนตก ก่อนเอ่ยเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวก็ดีขึ้น”

เป็นไปได้เหรอ?

เธอเองก็ไม่รู้

ทั้งสามี ลูกชาย เพื่อนสนิท คนใกล้ชิดที่สุดสามคน หายวับไปในเวลาเพียงชั่วข้ามคืน

เธอกลับมาเหมือนยามเด็กอีกครั้ง เหลือตัวคนเดียวอีกแล้ว

ผู้อำนวยการกอดเธอ “ถ้าเสียใจก็กลับมาบ้านนะ”

เธอพยักหน้า ขณะกำลังจะออกประตู เสียงโหวกเหวกพลันดังขึ้นจากด้านหลัง

เด็กหญิงคนหนึ่งถูกเด็กผู้ชายผลักตกในแอ่งน้ำ ทำเอากระโปรงขาวสะอาดเปรอะเปื้อนด้วยน้ำสกปรก

ผู้อำนวยการเดินไปตำหนิเด็กชายคนนั้น เธอจึงถือโอกาสพยุงเด็กหญิงลุกขึ้น

ในอ้อมแขนเด็กหญิงกำลังปกป้องหมีน้อยตัวหนึ่งไว้สุดชีวิต แต่เป็นเพราะน้ำสกปรกกระเซ็นเยอะเกินไป หน้าเจ้าหมีน้อยจึงมีรอยเปื้อนไปด้วย

“เจ้าตัวนี้สำคัญกับหนูมากไหม?”

เด็กหญิงพยักหน้า ใช้นิ้วลูบรอยเปื้อน สุดท้ายรอยเปื้อนกลับยิ่งเลอะเทอะสกปรก

ผู้อำนวยการถอนหายใจ “เด็กหญิงคนนี้มักมาอยู่หน้าประตูรอครอบครัวมารับทุกวัน แต่ครอบครัวของเธอไม่เหลือใครแล้ว”

เมื่อรับรู้เบื้องหลังของเด็กน้อย ถังชิงรู้สึกเหมือนเห็นเงาตัวเองตอนเด็ก

ขณะกำลังจับพลัดจับผลู ฉันดันเอ่ยว่า “ฉันรับเลี้ยงเธอได้ไหม?”

วันนี้ ร่างที่ยืนหน้าประตูกลายเป็นสองคนแล้ว สมุดทะเบียนบ้านเปลี่ยนจากหนึ่งหน้ากลายเป็นสองหน้าแล้วเช่นกัน

ฉันตั้งชื่อให้เธอว่าถังหนิวหนิว

หลังจากถึงบ้าน ฉันเปิดน้ำอุ่นอาบน้ำขัดสีให้หนิวหนิวจนหอมสะอาด

เพราะเคยมีประสบการณ์เลี้ยงลูกมาก่อน ดังนั้นการดูแลหนิวหนิวจึงถือเรื่องที่เธอชำนาญมาก

ฉินตัวตัวถูกตามใจจนเหลิง ทานข้าวต้องมีคนป้อน ทั้งยังเลือกกินสุดๆ มักเขวี้ยงจากข้าวลงพื้นอยู่บ่อยครั้ง

หนิวหนิวไม่ชอบพูด แต่กลับยอมทานอาหารทั้งเนื้อทั้งผักที่เธอททำให้อย่างว่าง่าย ทานเสร็จก็เก็บถ้วยไปล้างเอง

ฉันไม่รู้ว่าการดูแลหนิวหนิวนั้นจะลำบากกว่าตอนดูแลฉินตัวตัวตอนแรกมากแค่ไหน

แต่ฉันมักรู้สึกว่า ฉันกับเด็กคนนี้ไม่ค่อยใกล้ชิดสนิทสนมกันสักเท่าไร

ตอนตรวจสภาพฟัน ฉันพบว่าหนิวหนิวมีฟันผุซี่หนึ่งอยู่ด้านในสุด

ฉันนึกถึงลูกของตัวเอง ฟันผุเกือบทั้งปาก ดังนั้นฉันจึงไม่เคยให้เขากินขนมหวานทิ้งสิ้น

ในวันนั้นตอนที่หรงจิ้งบอกเขาว่าจะทำซี่โครงหมูผัดซอสเปรี้ยวหวาน ฉินเฟิงไม่ได้มีปฏิกิริยาอะไร เขาไม่ได้สนใจเรื่องฟันผุของฉินตัวตัวด้วยซ้ำ

เพราะเหม่อลอยอยู่นาน หนิวหนิวจึงตบไหล่เบาๆ พลางทำหน้าสงสัย

ฉันอยากแกล้งเด็กน้อย จึงเอ่ย “ก่อนหน้านี้ฉันเคยดูหนังเรื่องหนึ่ง เด็กที่เจ้าของบ้านรับมาเลี้ยงดูนั้นที่แท้เป็นคนแคระที่โตแล้ว ดังนั้นฉันต้องตรวจดูฟันของหนูอย่างละเอียดนะ ดูว่าหนูเป็นเด็กตัวน้อยหรือเปล่า”

เป็นครั้งแรกที่หนิวหนิวทำท่าจนปัญญา

Related chapter

Latest chapter

DMCA.com Protection Status