ทั้งคู่เดินมาเพียงครึ่งถ้วยชาก็ถึงตีนเขา มีรอยเท้าชาวบ้านที่มาหาของป่าเต็มไปหมด ซ่งจื่อหรูจึงหันมาพูดกับฮั่วเฟยหรง
"ท่านพี่ฮั่ว พวกเราไปอีกด้านเถอะทางนี้คงไม่มีอะไรเหลือให้หาแล้ว"ซ่งจื่อหรูชักชวน
"อืม"
ฮั่วเฟยหรงเพียงแค่พยักหน้าแล้วเดินนำซ่งจื่อหรูไปอีกด้าน ซ่งจื่อหรูตัวเตี้ยกว่าจึงส่งมีดให้เขา เมื่อฮั่วเฟยหรงรับมีดมาฮั่วเฟยหรงก็ใช้มันฟันกิ่งไม้ที่ระเกะระกะพร้อมกับมองหาอาหารหรือผักป่าที่กินได้ เดินมาเกือบครึ่งชั่วยามก็ถึงบริเวณที่มีต้นไม้สูงสลับเตี้ย มีลูกหล่นอยู่บนพื้นลักษณะมีหนามแหลมหล่นอยู่ใต้ต้นและบนต้นอีกมากมาย มันคือต้นเกาลัดแม้ว่าล่วงหน้าจะรู้ว่าตรงนี้มีอะไร แต่ซ่งจื่อหรูก็เหนื่อยพอประมาณ
ตอนที่สำรวจนั้นเป็นเพียงร่างวิญญาณ แต่พอตอนนี้ต้องเดินเท้าเข้ามากลับรู้สึกเหนื่อยยิ่งนัก ที่บ้านไม่มีข้าวสาร แต่เกาลัดสามารถต้มเป็นโจ๊กได้ ดูเหมือนพายุฤดูร้อนน่าจะอยู่อีกสองสามวัน หาเจอเห็ดให้มากหน่อยตากแห้งเอาไว้คงพอมีอาหารให้กิน ข้างบ้านมีลำธาร ปลามีไม่น้อยคนยุคนี้ไม่นิยมกินปลาเพราะมีกลิ่นคาว แต่นางกินได้แถมยังสามารถทำให้อร่อยด้วย
"ท่านพี่ฮั่ว เรามาเก็บเกาลัดกันเถอะ"
"หนามแหลมเพียงนี้เจ้าจะเอาไปทำอะไร"
"ข้างในหนามแหลมนี้ผลของมันอร่อยยิ่งนัก ท่านพี่ฮั่วช่วยข้าเก็บหน่อยได้หรือไม่ เดี๋ยวเราค่อยไปต่อ" ซ่งจื่อหรูอธิบายแก่เขา ฮั่วเฟยหรงคิดว่าขากลับค่อยเก็บน่าจะสะดวกกว่า
"ไปก่อนเถอะขากลับค่อยเก็บจะได้ไม่หนัก"
"อืม...เช่นนั้นก็ดีพี่ชายท่านเคยกินเห็ดหรือไม่"
"อืม..แต่เห็ดบางชนิดมีพิษเจ้าไม่มีความรู้ก็อย่าเก็บส่งเดช อาจกินแล้วตายได้"
"ขอบคุณมากเจ้าค่ะท่านพี่ฮั่ว ข้าจะจำไว้"
"เจ้าเรียกข้าเฟยหรงก็พอ ไปกันต่อเถอะ"
"อ้องั้นข้าเรียกท่านว่าพี่หรงแล้วกันนะเจ้าคะ ท่านเรียกข้าอาหรูหรือจื่อหรูก็ได้เจ้าค่ะ"
"งั้นก็ตามใจเจ้าเถอะ ก็แค่คำเรียกขานเท่านั้น"
"จริงสิพี่หรงเมื่อเช้าข้าไปบ้านท่านเหตุใดท่านถึงมาจากทางหมู่บ้านล่ะเจ้าคะ"ซ่งจื่อหรูสงสัยเพราะทางที่เขามาเดินมาจากทางหมู่บ้าน
"เมื่อวานท่านป้าสี่บอกว่าจะเขียนจดหมายฝากคนไปให้บุตรชายที่อยู่เมืองหลวง เช้านี้ข้าจึงไปเขียนให้นาง ว่าแต่เจ้าไปบ้านข้าทำไม"
"ท่านป้าหูให้น้องห้าของข้ามาบอกว่าจะไปเยี่ยมญาติ ปกติข้าจะเอาน้องไปฝากนานาง ที่บ้านข้าก็ไม่มีอะไรให้กินข้าจึงจำเป็นต้องขึ้นเขา จะพาน้องๆ มาด้วยก็ไม่สะดวกจึงจำเป็นต้องรบกวนอาสะใภ้ฮั่วอย่างไม่มีทางเลือกเจ้าค่ะ"
"ได้ยินว่าเจ้าบาดเจ็บเพราะท่านย่าของเจ้า" เขาได้ยินมาว่าแม่เฒ่าหลี่ทุบตีหลานสาวจนนางสลบไป" เขาได้ยินเรื่องแม่เฒ่าหลี่กับนางมาบ้าง
"อืม...เอ๊ะพี่หรงนั่นเห็ดสนเจ้าค่ะ พวกเรามาเถอะเก็บไปกัน เจ้าสิ่งนี้อร่อยมากเจ้าค่ะ"
"เจ้าเคยกิน?"
"เอ่อ..พี่หรงพูดตามตรงท่านตาของข้าเป็นคนมีความรู้ เดิมอาศัยอยู่ชายแดนระหว่างต้าเหลียงกับเป่ยเหลียง แต่เพราะหมู่บ้านที่ท่านตาของข้าเคยอาศัยอยู่มีโรคระบาด อีกทั้งยังมีสงคราม จึงจำใจต้องทิ้งถิ่นอาศัยเดิมระหกระเหเร่ร่อนจนมาถึงหมู่บ้านหลี่ซานแห่งนี้เจ้าค่ะ ความรู้ส่วนมากท่านตาเป็นคนสอน"
"อืม...นับว่าเจ้าโชคดี ชาวบ้านน้อยคนนักจะมีความรู้"
ตั้งแต่เกิดเรื่องเขาแทบจะไม่คุยกับใครเลย ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่วันนี้เป็นวันที่เขาพูดมาก็ที่สุด แถมยังพูดคุยกับเด็กน้อยตรงหน้า นางช่างไร้เดียงสาเสียจริงๆ ขนาดทุกข์ยังยิ้มแย้มได้ เวลาที่นางยิ้มเหมือนดวงดาวกำลังทักทายเขาอย่างไรอย่างนั้น สดใสเสียจริงๆ
หากซ่งจื่อหรูรู้ว่าฮั่วเฟยหรงเห็นนางเป็นเด็กสาวบริสุทธิ์ไร้เดียงสาคงรู้สึกจั๊กจี้ นางนี่นะไร้เดียงสา กว่าจะขึ้นมาเป็นผู้บริหารของเจียงหม่ากรุ๊ปใครจะรู้ว่านางใช้เล่ห์เหลี่ยมไปมากเท่าใด ต้องต่อกรกับเสือ สิงห์กระทิง แรด ตาเฒ่าหัวงูทั้งหลายอีก เหลือแค่ฆ่าคนวางเพลิง และใส่ร้ายคนอื่นเท่านั้นที่นางยังไม่ได้ทำ แต่ก่อนหน้า นางทำในสิ่งที่แม้แต่พวกเขาก็คิดไม่ถึงเชียวล่ะ เก่งกาจแล้วอย่างไร แต่สุดท้ายก็ต้องมาตายเพราะน้ำมือคนกันเอง นี่แหละชีวิตคน
เสียงกุกกักๆ ดังมาจากกอหญ้า ซ่งจื่อหรูหยิบก้อนหินขนาดเท่าผลผิงกั๋วก่อนจะเห็นขนแสนสวยค่อยๆ เยื้องย่างออกมานางกะจังหวะแล้วขว้างออกไปพริบตาเดียวไก่ฟ้าตัวนั้นก็นอนแน่นิ่งอยู่บนพื้น จากนั้นก็หันมาพูดกับฮั่วเฟยหรง
"พี่หรงพวกเรากลับกันเถอะ แวะไปเก็บเกาลัดไปต้มโจ๊กสักหน่อย เดี๋ยวฝนตกจะลงเขาลำบาก เกาลัดสามารถต้มโจ๊กได้ เวลานี้บ้านข้าข้าวสักกำมือยังไม่มีเลย"
ทั้งสองพากันย้อนกลับมาทางเดิม เจอไก่ฟ้าอีกครั้ง คราวนี้ซ่งจื่อหรูปาพลาดขณะที่นางนั่งเสียดายอยู่นั้น ฮั่วเฟยกรงก็โบกมืหนึ่งทีจากนั้นไก้ฟ้าสองตัวก็ลอยกระแทกต้นไม้ตกมาตาย แน่นอนซ่งจื่อหรูไม่เห็นการกระทำนั้น
"ข้าปาได้สองตัวเจ้าไปเก็บมาเถอะ"เขาส่งไก่ให้นาง
ซ่งจื่อหรูยิ้มหวานนางเก็บไก่ฟ้าที่ตายแล้วมา จากนั้นก็มาถึงดงเกาลัดจึงพากันลงมือเก็บผลเกาลัดจนเต็มตระกร้า วางเห็ดสนไว้ด้านบน จากนั้นหาผักป่ามาปิด เก็บฟืนอีกสองมัด ร่างกายนี้ช่างทรหดอดทนตรงข้ามกับสรีระเสียจริงๆ
“มาข้าช่วยเจ้าแบก ส่วนเจ้าก็หิ้วไก่ฟ้าสามตัวนี้ไป”
ฮั่วเฟยหรงส่งไก่ป่าให้ซ่งจื่อหรู ก่อนจะรับเอาตระกร้าของนางมาแบกเอง เดินลงเขามาก็เจอกับคนที่ไม่อยากเจอเข้าพอดี
ทั้งสองคนเดินมาถึงกลางทางระหว่างท้ายหมู่บ้านก็เจอกับอาหญิงของนางหลี่อ้ายเสิ่นและบุตรสสวของลุงใหญ่หลี่ม่านอวี้ ทันทีที่เห็นซ่งจื่อหรู หลี่อ้ายเสิ่นก็เปิดปากด่าทอ แต่ละคำล้วนไม่น่าฟัง"นังเด็กเหลือขอไหนว่าใกล้ตายแล้วไง ทำไมยังออกมาลอยหน้าข้างนอกได้อีก"หลี่อ้ายเสิ่นเปิดปากก็ด่าทอซ่งจื่อหรู"น้องสี่ เจอกับท่านอาเล็กเจอกับข้าเหตุใดเจ้าจึงไม่ทำความเคารพ อีกทั้งยังเมินเฉย" หลี่ม่านอวี้ที่คอยเป็นลูกไล่ของหลี่อ้านเสิ่นต่อว่าซ่งจื่อหรูเช่นกันสองดรุณีน้องแต่งกายด้วยกระโปรงผ้าฝ้ายลายดอกสีชมพูคือหลี่อ้ายเสิ่น ส่วนชุดกระโปรงสีฟ้าคือหลี่ม่านอวี้ บนศรีษะปักด้วยดอกไม้เข้ากันกับชุด แม้ว่าหน้าตาไม่ถือว่าโดดเด่นแต่สำหรับหมู่บ้านเล็กๆ แห่งนี้ก็ถือได้ว่าเป็นไม้งามซ่งจื่อหรูคร้านจะสนใจคนทั้งสองจึงเดินผ่านหน้าไป หลี่อ้ายเสิ่นเห็นคนที่เดินตามหลังซ่งจื่อหรู ก็ทนไม่ได้เห็นแล้วก็แทบจะเข้าไปฉีกอกซ่งจื่อหรูให้ขาดเป็นชิ้นๆ ฮั่วเฟยหรงนั้นเป็นหนุ่มรูปงาม สตรีในหมู่บ้านใครบ้างเห็นแล้วจะไม่หวั่นไหว บางคนถึงกับละเมอใฝ่ฝันหนึ่งในนั้นก็มีหลี่อ้ายเสิ่นอยู่ด้วย หลี่อ้ายเสิ่นอายุสิบสามอีกไม่กี่วันก็จะอายุสิบสี่ปีสามรถพูดคุ
ฮั่วเฟยหรงมองหญิงชราอย่างรังเกียจ แต่ในที่สุดก็เอ่ยปาก"แม่เฒ่าข้าถามสักคำ ท่านมีเหตุผลใดจะให้เด็กคนนี้กตัญญูต่อท่าน?"น้ำเสียงที่ถามคำถามของฮั่วเฟยหรงนั้นทำเอายายแก่ถึงกับใจคอไม่ดี แต่ต้องเสแสร้งว่าไม่กลัว"หึ..มันเป็นหลานข้า ข้าเป็นย่ามันต้องมีเหตุผลอันใด""เหตุผลนี้ฟังไม่ขึ้น"ฮัวเฟยหรงเอ่ยขัด"ท่านพี่เฟยหรง...ท่านแม่ข้าแก่แล้ว คนในหมู่บ้านล้วนแต่ต้องกตัญญู ฮ่องเต้พระองค์นี้ให้ความสำคัญกับเรื่องนี้ยิ่งนักนะเจ้าคะ"หลี่อ้ายเสิ่นกล่าวเสียงหวาน นางมั่นใจว่าเขาต้องคล้อยตาม ความกตัญญูของฮ่องเต้เป็นที่ประจักษ์ และระบุเป็นกฎหมายต้าเย่ว นางกำลังโอ้อวดว่าตนมีความรู้ และคิดว่าเขาต้องพอใจในตัวนาง แต่ฮั่วเฟยหรงกลับไม่ใส่ใจและเมินเฉย"แม่เฒ่าข้าขอถามท่าน ท่านบอกว่าจะให้เด็กคนนีกตัญญูต่อท่านในฐานะผู้อาวุโส แต่คำนึงนางก็คนนอก อีกคำนางก็คนอื่น ท่านบอกว่าตนเองแซ่หลี่ส่วนนางแซ่ซ่ง ในเมื่อไม่ใช่คนในครอบครัวท่านแล้วจะให้นางกตัญญูด้วยเหตุผลเหล่านี้ข้าคิดว่าคงไม่ได้ ที่ข้ากล่าวมาถูกหรือไม่ขอรับท่านปู่ฝูเหยา"หลี่ฝูเหยากระแทกไม้เท้าตึงๆสามหน หญิงชราน่ารังเกียจช่างหน้าด้านยิ่งนัก"นังเฒ่า ข้าเห็นแก่เจ้าที่เ
ทั้งคู่เดินมาจนถึงกระท่อมของซ่งจื่อหรูเขาจึงวางตระกร้าลงและช่วยนางยกไปไว้ในลานบ้าน จากนั้นก็ส่งไก่ฟ้าให้สองตัว"พี่หรง หมายความว่าอย่างไรกันไก่สองตัวท่านเป็นคนล่าได้ ข้าล่ามาได้เพียงตัวเดียวเท่านั่นเอง"ซ่งจื่อหรูตกใจที่เขาไม่เอาแต่ให้นาง"อืม..ข้าให้เจ้าตัวนึง ถ้าหมดข้าสามารถไปล่าใหม่ได้อย่างกังวลเลย""พี่หรง ท่านว่าไก่ฟ้านี่แลกเป็นเงินได้หรือไม่เจ้าคะ" นางอยากได้ที่สุดตอนนี้คือเงิน"ปกติราคาจะอยู่ที่ชั่งละ30อีแปะ หากขนสวยจะได้ถึง40อีแปะไก่พวกนี้น่าจะหนักประมาณตัวละ5ชั่ง ทำไมเจ้าอยากขายรึ""ขอบอกตามตรง บ้านข้าไม่มีอะไรสักอย่าง อย่าถามหาข้าวสารสักกำหรือแป้งสาลีสักครึ่งถุงเลยเจ้าค่ะ""ปกติข้าไปแลกที่บ้านท่านผู้นำน่ะ ถึงจะราคาถูกสักหน่อยแต่แค่ไก่ฟ้าสองตัวเดินทางเข้าตัวตำบลคงไม่คุ้ม""พี่หรง ท่านช่วยไปแลกให้ข้าสักหน่อยได้ไหมเจ้าคะ"สายตาออดอ้อนนั้นช่างชวนให้คนตกอยู่ในภวังค์เสียจริงๆ เทียบกับสายตาเชิญชวนของเหล่าสตรีอื่นๆ ที่ส่งให้เขาๆ กับชอบสายตาสดใสคู่นี้ตรงหน้ามากกว่า""ได้ ว่าแต่แล้วเจ้าต้องการอะไรบ้าง""ข้าขอข้าวสาร เกลือ น้ำมัน ก็พอเจ้าค่ะ ข้าก็ไม่รู้ว่าจะได้สักเท่าไหร่ ข้าเจอหม้อกับก
ฮั่วหย่ง1580 คำหลังจากกลับมาถึงบ้านซ่งจื่อหรูก็ให้เด็กไปช่วยกันเก็บกวาดบริเวณบ้าน ตนเองนำมันเทศไปล้าง แกะเอาเมล็ดเกาลัดออก คว้าเลื่อยไปตัดต้นไผ่มาหนึ่งต้น เลื่อยต้นไผ่ออกเป็นท่อนละประมาณ8ชุ่น ล้างจนสะอาด ก่อไฟโดยใช้หินสามก้อนวางแทนเตา นำหม้อออกมาสองใบ จากนั้นนำหม้อใส่น้ำตั้งไฟ นำข้าวสารมาล้าง หั่นมันเทศเป็นสี่เหลี่ยม ผ่าครึ่งเกาลัด นำสามอย่างมารวมกันโรยเกลือเล็กน้อย คลุกเบาๆเหยาะน้ำมันเล็กน้อย จึงนำมากรอกใส่ท่อนไม้ไผ่ที่เตรียมไว้ นำใบบัวมาปิดปากกระบอก แล้วเรียงตั้งในหม้อคอยเติมน้ำ สักพักก็ได้กลิ่นหอมของข้าว ปลายังเหลือ1ตัวเอาออกมากจากโอ่งแตก ทำความสะอาดขอดเกล็ดควักใส้ เคล้าเกลือแล้วนำมาย่าง"พี่ใหญ่...หอมจังเลยเจ้าค่ะ"ซ่งจื่อเย่วทำจมูกฟุดฟิด"พี่ใหญ่ มีข้าวด้วยหรือขอรับ"ส่งจื่อห่างท้องร้องเขาไม่ได้กินข้ามานานแล้ว"ได้ๆเจ้าแมวจอมหิวโหยสองคน วันนี้เจ้าจะได้กินปลากับข้าวสวยร้อนๆ""พี่ใหญ่เก่งจังเลยเจ้าค่ะ พวกเรามีข้าวกินแล้วไม่ต้องกินแต่น้ำในลำธารอีกแล้ว""เด็กดี ต่อไปต้องขยันห้ามเกียจคร้าน คนขยันจึงไม่อดตาย จื่อเย่วกับจื่อห่าวเป็นเด็กดีพี่ใหญ่จะให้ได้กินข้าวขาวทุกวันดีหรือไม่""ดีเจ้า
ซ่งจื่อหรูไม่รู้เลยว่าตอนนี้นางกลายเป็นคนสำคัญที่ฮั่วเฟยหรูต้องการปกป้องไปแล้ว สามพี่น้องนั่งกินข้าวกันอย่างอร่อยสักพักร่างเล็กๆที่คุ้นตาก็เดินเข้ารั้วมา"น้องห้าเจ้ามาแล้วหรือพี่คิดว่าวันนี้เจ้าจะมาได้เสียอีก เอะนั่นพี่รองก็มาได้ด้วยดีจริงๆ"หลี่ถิงถิงจุงมือหลี่หานเดินเข้ามา นางยิ้มตาหยีจนเห็นหันครบทุกซี่ก่อนจะนั่งลงข้างๆซ่งจื่อเย่ว หลี่หานนั่งใกล้กันกับซ่งจื่อห่าว"พี่รอง..ท่านเจ็บตรงไหนบ้าง ขออภัยจริงๆวันหลังหากมีเรื่องท่านก็อย่าขวางท่านย่าเลย นางทำอะไรข้าไม่ได้หรอกกลับกันท่านจะถูกนางตีเสียเอง"ซ่งจื่อหรูรู้สึกสงสารพี่ชายลูกพี่ลูกน้องคนนี้ เขามักปกป้องพวกนางสามพี่น้องและทุกครั้งที่พยายามปกป้องพวกนางพี่รองมักจะถูกตบตีเสมอ"ข้าไม่เป็นไรมากหรอก เจ้าสองคนเสียอีกน้องสี่น้องห้าต่อไปก็พยายามอย่ามีเรื่องกับท่านย่านักเลย อยู่ให้ห่างนางสักหน่อยถูกตีจนเป็นรอยถึงเวลาออกเรือน จะหาบุรุษที่ดีมาแต่งงานได้อย่างไร""เหอะ..ข้าต้องหาบุรุษเช่นท่านพ่อข้าขยันขันแข็งถึงแม้จะกตัญญูจนซื่อบื้อเกินไปหน่อยแต่ก็รักท่านแม่ข้าและข้ายิ่งนัก" หลี่ถิงถิงหมายมั่นหลี่หานกับซ่งจื่อหรูหัวเราะกับคำพูดของหลี่ถิงถิง นี่ถ้า
เนื่องจากชาวบ้านหลายคนจึงเลื่อยต้นไผ่ได้รวดเร็วแต่ก็ไม่เร็วเท่าซ่งจื่อหรู แค่พริบตานางก็เลื่อยต้นไผ่ไปเกือบร้อยต้น พ่อลูกสกุลฮั่วและชาวบ้านต่างอ้าปากค้าง มีเพียงเด็กบ้านหลี่กับซ่งจื่อเย่วที่ไม่รู้สึกแปลกแถมหัวเราะกับท่าทางของพวกเขา"พี่ใหญ่กับพี่รองมีพรสวรรค์ด้านกำลัง เรื่องออกแรงล้วนไม่มีใครเทียบพวกนางได้หากไม่ใช่เพราะปกป้องข้ากับพี่รอง พี่ใหญ่ของข้าคงไม่ถูกปีศาจเฒ่าทุบตีหรอกขอรับ"ซ่งจื่อห่าวพูดด้วยสีหน้าเรียบเฉย ปีศาจเฒ่าที่ซ่งจื่อห่าวพูดน่าจะหมายถึงแม่เฒ่าหลี่ เด็กคนนี้ปกติคนนึกว่าใบ้แต่เวลาพูดทำเอาคนไปไม่ถูกเชียวเด็กๆสกุลซ่งนี่ช่างประหลาดแท้ เหตุใดประหลาดนะหรือแม่หนูซ่งจื่อเย่วนั่น ใช้เพียงมือเดียวก็สามารลากไผ่ทั้งต้นมาวางเรียงราย" ข้าว่าไม่ต้องห่วงสามพี่น้องนี่จะดีกว่า ควรห่วงคนที่จะมาหาเรื่องพวกนางเถอะฮ่า ฮ่า ฮ่า""ยังไงก็ยังเด็ก เล่ห์เหลี่ยมของผู้ใหญ่นั้นมากมายนัก "ครั้นยามที่หลี่ต้าซานยังอยู่ เขาเป็นคนอัธยาศัยดีมีน้ำใจไม่ว่าผู้ใดไหว้วานก็มักไม่ปฏิเสธ สะใภ้ซ่งก็อ่อนโยนสั่งสอนบุตรสาวได้ดีเด็กทั้งสามวางตัวดี ผู้คนในหมู่บ้านจึงรักและเอ็นดูปลายยามเซินก็ตัดต้นไผ่ได้เกือบสามร้อยต
ขณะที่มึนๆงงๆ ก็ถูกเหวี่ยงมายังสถานที่แห่งหนึ่ง เบื้องหน้ามีไร่กับบ้านหลังเล็กๆ นี่มันไร่ของคุณปู่ แต่เหมือนจะย่อส่วนลงเหลือเพียงประมาณ สามไร่ มีโรงเรือนกับบ้านหลังน้อยๆ ซ่งจื่อหรูเดินสำรวจ"มีลำธารตรงนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กัน เฮ้อนี่เจ๊ตายกลายเป็นวิญญาณอีกรอบเหรอ Oh my god . ถ้าให้ตายหลายรอบจะให้เกิดใหม่ทำไม นี่เทพชะตา ท่านว่างมากหรือ ข้าไม่ได้เสียใจหรอกก็แค่สงสารแต่เด็กพวกนั้นถ้าตื่นมาแล้วรู้ว่าพี่สาวตัวเองตายไปแล้วจะทำอย่างไร""คิดอะไรมั่วซั่วกัน หลานยังไม่ตายสักหน่อย""คุณปู่ คุณปู่จริงๆด้วย หนูตายแล้วหรือว่าฝันอยู่กันแน่ คุณปู่ขาหนูคิดถึงคุณปู่มากเลยค่ะ คุณพ่อกับคุณแม่ล่ะคะ พวกท่านอยู่ที่ไหน"ซ่งจื่อหรูกอดซ่งฮั่นเหลียงแน่น"เด็กโง่ หลานยังไม่ตาย ที่นี่คือกำไลที่หลานใส่ติดตัวตลอดเวลา นี่เป็นสิ่งที่ปู่สามารถทำเพื่อหลานได้ จำไว้จงใช้มันอย่างมีสติ""คุณปู่หมายความว่ายังไงคะ หนูไม่เข้าใจ""เดี๋ยวหลานก็รู้เอง เรื่องนี้แม้แต่น้องๆก็เอ่ยไม่ได้ สิ่งที่พวกเขาตามหา มันอยู่กับหลานมาตลอด""ใครตามหาอะไรคะ คุณปู่ขาทำไมหนูไม่เข้าใจสักอย่าง""ปู่ต้องไปแล้ว หลานรักบางอย่างต้องรอให้ถึงเวลาของมัน"ซ่งฮ
ยามเหมาแล้วซ่งจื่อหรูตื่นแต่เช้า แม้ไม่มีอาหารจะเลี้ยงแขกได้แต่เกาลัดคั่วก็คงไม่น่าเกลียดเกินไป ที่จริงนางอยากใช้สิ่งนี้หาเงินแต่หลังจากที่ได้ยินว่าหลานชายของลุงเก้าป่วยเพราะที่บ้านไม่มีอาหารซ่งจื่อหรูจึงไม่คิดหวงสิ่งนี้ อีกอย่างการขายเกาลัดโดยพาน้องไปด้วยคงไม่สะดวกในห้วงกำไลพอมีผลไม้กับไข่ ให้พอประทังไปสักระยะจนกว่าจะขึ้นเขาครั้งต่อไปซ่งจื่อหรูนำหม้อที่เก็บไว้ออกมาใช้และนำเกาลัดมาต้มเป็นโจ๊ก เมื่อคืนนำตระกร้าเก่าที่ไม่ได้ใช้มาซ่อมแซมแล้วแอบวางดักไว้ ฝนตกตอนยามอวิ๋น(03.00-04.59)อาจมีปลาที่ชะตาขาดหลงมาติดก็ได้ ซ่งจื่อหรูยังคงก่อเตาไฟด้วยหินสามก้อน หลังจากต้มเกาลัดจนเป็นโจ๊กเนื้อเนียน ก็ลดไฟลงก่อนจะเปิดประตูบ้านเดินไปยังลำธาร อยากหยิบไข่ในห้วงกำไลออกมาจะขาดใจแต่หาที่มาของไข่ไม่ได้จะเดือดร้อนอีกเมื่อถึงลำธารก็ยกตระกร้าขึ้นเป็นไปตามคาด ปลาติดในตระกร้าเกือบยี่สิบตัว หนักตัวละเกือบห้าชั่ง นำปลามาขอดเกล็ดควักใส้ ล้างจนสะอาด ค่อยไล่เป็นชิ้นไม่บางไม่หนา จากนั้นเดินไปถอนต้นหอมป่าและของตรงข้างรั้วติดฝั่งลำธารที่สำรวจเจอก่อนหน้า ล้างต้นหอมและขิงกลับเข้าบ้านตั้งหม้ออีกใบใส่น้ำ ตามด้วยขิงทุบกับต
หลี่เสี่ยวม่านไม่อยู่รอท่านยายตื่นนางเกรงใจไห่เมิ่งหยวน จึงพูดคุยกับป้าสะใภ้ใหญ่ไม่นานก็ขอตัวกลั บ ไห่เมิ่งหยวนพานางกลับแต่ขากลับมาถึงครึ่งทางเขาก็เลี้ยวไปอีกทาง มีเส้นทางเส้นเล็กๆแยกลงไป"ท่านพี่เมิ่งหยวนเราจะไปที่ใดเจ้าคะ" หลี่เสี่ยวม่านเห็นเขาไม่กลับทางเดิมจึงสงสัย" เด็กดีข้าอยากพาเจ้าไปดูอะไรสักหน่อย"ไม่นานทุ่งดอกไม้หลากหลายสีก็ปรากฎอยู่ตรงหน้า หลี่เสี่ยวม่านชอบมันมาก ไห่เมิ่งหยวนอุ้มนางลงจากหลังม้า หลี่เสี่ยวม่านวิ่งเล่นกลางทุ่ง นางอายุเพียงสิบแปดไม่ว่าอย่างไรก็ยังมีความเป็นเด็กสาวหลี่เสี่ยวม่านยืนกางแขนสูดอากาศตรงหน้า ไห่เมิ่งหยวนเดินมาหยุดอยู่ด้านหลัง เขาโอบเอวนางไว้รั้งแผ่นหลังนางเข้าหาตัว หลี่เสี่ยวม่านตกใจเล็กน้อย จนได้ยินเสียงลมหายใจข้างหู เขากระซิบชื่อนางเสียงหวาน" เสี่ยวม่าน ข้ารักเจ้าข้าอยากดูแลเจ้าชั่วชีวิต เจ้ารังเกียจข้าหรือไม่"หลี่เสี่ยวม่านหันกลับมามองหน้าเขา ก่อนจะถามให้แน่ใจ"ท่านพี่เมิ่งหยวน ท่านรักข้าจริงๆหรือ ข้าเป็นสตรีน่าเบื่อมากนะเจ้าคะ นอกจากปรนนิบัติท่านยาย หุงหาอาหารพอได้ ข้าก็ไม่มีความสามารถอะไรเลย"" ข้าต้องการสตรีอ่อนหวาน ยามข้าเหนื่อยมาแค่เห็นหน้
ร่างเล็กๆวิ่งไปแล้วไห่เมิ่งหยวนหลั่งน้ำตาเบาๆ ไว้อาลัยให้กับลูกรักของเขา แต่พอเอ่ยถึงหลี่เสี่ยวม่านไห่เมิ่งหยวนก็เงียบทันที เขาให้ศิษย์รักของเขาซ่งจื่อหรูช่วยเป็นแม่สื่อให้ นางรับปากจะช่วยแต่ก็ต้องขึ้นอยู่กับความจริงใจของเขาด้วยหลี่เสี่ยวม่านมารับยาบำรุงไปให้ท่านยายของนางทุกๆสามวัน เดิมทีเขาสามารถจัดยาบำรุงให้นางได้หลายเทียบแต่เช่นนั้นจะได้เห็นหน้านางในดวงใจบ่อยๆได้อย่างไรเล่า ซ่งจื่อเย่วเรียกอาหญิงเสียงหวานก่อนจะมีขนมเต็มปากวันนี้หลี่เสี่ยวม่านมารับยาแล้วจะเลยไปบ้านท่านยายเลย นางเห็นเขาจึงยิ้มให้รอยยิ้มที่ส่งมาให้เขานั้นช่างงดงามเสียจริง ไห่เมิ่งหยวนยอมรับแล้วว่าว่าเหตุใดเหล่าองค์ชาย องครักษ์ และคุณชายทั้งหลายรวมถึงตัวเขา จึงอยากมาเป็นเขยหมู่บ้านหลี่ซานกันทั้งนั้นไม่มีหมู่บ้านไหนจะรวมเอาบุตรหลานหน้าตาดีและงดงามไว้ได้เท่าที่นี่อีกแล้ว สายเลือดสกุลหลี่ตั้งแต่หลี่ฝูเหยามาจนถึงหลี่เป่าเป่า และบุตรของจิงอี้กับหลี่อ้ายเสิ่นนั้นรูปงามทุกคนสกุลหลี่หมู่บ้านหลี่ซานแห่งนี้กว่าสามร้อยชีวิตไม่มีบุตรหลานขี้เหร่จริงๆซ่งจื่อเย่วกินขนมที่อาหญิงนางเอามาให้ นอกจากพี่ใหญ่ก็มีท่านอาเสี่ยวม่านนี่แหล
จ้าวเฟยหรงเสียงแหบพร่าข้างล่างของเขาทรมานยิ่งนักมันตึงจนแทบจะระเบิด มือหนาละจากดอกบัวงามค่อยๆไต่ลงจนเจอกุหลาบดอกตูม นิ้วเรียวสวยทักทายหยอกล้อกับเกสรจนซ่งจื่อหรูต้องชันเข่าขึ้นให้เขาสำรวจกลีบดอกที่อ่อนนุ่มของนางนิ้วเรียวยาวส่งเข้าไปทักทายในกายสาวจนซ่งจื่อหรูต้องจิกไหล่เขาแน่น อ้าปากหายใจเพื่อลดความหวามรัญจวนที่เขามอบให้ ในที่สุดหน้าท้องแบนราบก็กระตุกเกร็งนางหอบหายใจจ้าวเฟยหรงเลื่อนใบหน้าลงดูดดื่มน้ำหวานที่ผลิออกมาจากกุหลาบแสนสวย ก่อนจะมองร่างงามตรงหน้าด้วยสายตาหยาดเยิ้ม ซ่งจื่อหรูจับศรีษะเขาแน่นแนบกับกลางความสาวหวีดร้องกระตุกเกร็งอีกครั้งจากนั้นนางก็ช่วยคนตัวโตให้ได้ปลดปล่อย สะโพกแกร่งของจ้าวเฟยหรงเกร็งกระตุกยามที่มือนุ่มนิ่มนั้นเร่งจังหวะให้เขา จนต้องเขาต้องครวญครางเสียงแหบพร่าแล้วฟุบลงบนทรวงอกของนาง ดูดเม้มยอดทับทิมสีหวานของนางเพื่อคลายความเสียวซ่านของตนเองจ้าวเฟยหรงมองหญิงคนรักดวงตาเยิ้มหวาน มือหนากอบกุมทรวงอกสาวเขาอยากชื่นใจอีกรอบแต่ถูกนางดุตีมือเขาแล้วจับออก" พอแล้วท่านพี่ เดี๋ยวก็ใจอ่อนจนได้เลยเถิดกันพอดี ข้ารักท่านจึงอยากเก็บไว้ให้ท่านจนถึงวันที่เราเข้าหอ" ซ่งจื่อหรูประท้วง
เพราะช่วงนี้เพราะการก่อสร้างตำหนักใหม่ของจ้าวอ๋องมำให้บางครั้งจ้าวเฟยหรงต้องไปคุมแทนพระบิดา จ้าวอ๋องเลือกที่ดินเชิงเขาไท่ซานห่างจากตัวตำบลเสียนหยางเพียงหกสิบลี้ เขารู้ดีว่าบุตรชายอยากให้ตำหนักใหม่อยู่ไม่ไกลจากหมู่บ้านหลี่ซาน เมื่อบุตรชายเขาแต่งงานกับซ่งจื่อหรูการไปกลับเป็นเรื่องง่ายจิงเสวียนเดินทางกลับเมืองหลวงไปได้เกือบปีแล้ว ส่วนซ่งจื่อห่าวนั้นตอนนี้ยังอยู่ที่หมู่บ้านหลี่ซาน เนื่องจากซ่งจื่อหรูทำใจไม่ได้ที่จะให้น้องชายวัยเจ็ดขวบต้องไปเดียวดายที่เมืองหลวงแม้ว่าจะพักที่จวนหาน มีพี่สาวเช่นหลี่ม่านอวี้ดูแลซ่งจื่อหรูก็ยังไม่วางใจ หลี่ม่านอวี้เป็นนายหญิงของจวน นางมีเรื่องต้องจัดการมากมายจึงให้ซ่งจื่อห่าวอยู่ก่อน12เมื่อไหรนางจึงจะปล่อยไปเรือกลไฟสร้างเสร็จแล้วและเริ่มทดลองใช้ เดิมทีขนส่งอาหารพืชพันธุ์เข้าเมืองหลวงต้องใช้เวลาถึงเดือนครึ่ง แต่ตอนนี้เพียงแค่เจ็ดวันคนที่เมืองหลวงก็ได้อาหารสดใหม่แล้ว รถรางติดตั้งในอำเภอต่างๆของเมืองกว่างผิง ไม่มีมูลวัวมูลม้าให้เห็น ม้าและวัวถูกใช้ยามเดินทางไกลหรือต้องขนข้าวของหนักๆซ่งจื่อหรูช่วงนี้ได้เข้าไปในมิติบ่อยขึ้นเพราะชายคนรักบางครั้งต้องค้างคืนที่ตำบ
ทั้งคู่ส่งสายตาฟาดฟันกันอยู่ ไห่เมิ่งหยวนไปที่โรงครัวให้คนงานนำอาหารมาส่งให้สาวๆที่นั่งรออยู่ เขานำสุราสมุนไพรที่หมักเองมาหนึ่งกา ก่อนจะวางลงบนโต๊ะ"คุณหนูจื่อหรู นี่เป็นสุราสมุนไพรที่ข้าเพิ่งจะหมักได้ที่ เห็นท่านบอกว่าอยากลองชิมข้าเลยนำมาให้ เรื่องที่ท่านอยากเรียนวิชาแพทย์จริงจัง หากท่านไม่รังเกียจที่ข้าเคยทำไม่ดีกับท่านก่อนหน้า ข้าก็ยินดีสอน"ไห่เมิ่งหยวนเริ่มชักชวนซ่งจื่อหรูดีใจนางอยากเรียนวิชาแพทย์เคยอ้อนวอนเขามาหลายครั้งแล้ว เมื่อก่อนพอเรียนรู้เล็กน้อยไม่แตกฉาน จึงไม่รู้ว่ากำลังถูกไห่เมิ่งหยวนหลอกนางให้มาอยู่ฝ่ายเขา นางเริ่มกรึ่มๆจึงรินสุราที่เขาเพิ่งให้มา ก่อนจะคุกเข่าลงคาราวะเขาส่งจอกสุราน้ำเสียงอ้อแอ้แต่สติยังรับรู้"ศิษย์ซ่งจื่อหรูคาราวะอาจารย์เจ้าค่ะ วันนี้มีแต่สุราไว้รอฤกษ์งามยามดีข้าจะยกน้ำชากราบท่านอย่างเป็นทางการนะเจ้าคะ"ซ่งจื่อหรูที่เอ่ยด้วยน้ำเสียงอ้อแอ้นิดๆ" เด็กดีๆ อาจารย์รับรู้ความตั้งใจเจ้าแล้ว พร้อมเมื่อไหร่ก็มาเริ่มเรียนได้"ไฟเมิ่งหยวนรับจอกเหล้าคาราวะทันทีไหเมิ่งหยวนลูบศรีษะนางเบาๆ ที่จริงเขาเอ็นดูเด็กคนนี่มานานตั้งแต่เรื่องราวยังไม่พัวพันขนาดนี้ ไม่คิดว่าวันน
เพราะต้องเตรียมงานแต่งซ่งจื่อหรูจึงให้คนงานหยุดเจ็ดวันเพื่อให้พวกเขาได้พักผ่อนแต่ยังคงจ่ายค่าแรงให้ทุกคนดีใจ ตลาดหลี่ซานที่ตั้งชื่อตามชื่อหมู่บ้าน คึกคักเพราะคนมาหาซื้อสินค้าเนื่องจากเป็นตลาดโต้รุ่ง แม้จะกลางคืนก็ไม่เงียบเหงาแสงจากต้นเหมันต์ส่องสว่างตามทางเดิน โคมไฟประดับประดาทั่วทั้งสามหมู่บ้าน เมืองหลวงยังไม่คึกคักเท่านี้เลย เพราะซ่งจื่อหรูชอบหิวตอนดึก ตลาดนี้จึงขายทั้งกลางวันและกลางคืนซ่งจื่อหรูนอนไม่หลับยืนมองลงไปยังโรงทอผ้าความทรงจำบางอย่างเหมือนหายไป จำได้แค่ว่าคุณปู่มาบอกลาและอวิ่นห่าวมาหาครั้งสุดท้ายตอนนั้นเขาอายุสี่สิบแล้วบุตรสาวคนโตอยู่ชั้นมัธยมใบหน้าคล้ายกับนางตอนอยู่มัธยมเช่นกันส่วนคนเล็กเหมือนแม่ซ่งจื่อหรูมาอยู่ที่นี่อีกไม่กี่วันก็ครบสามปี ผ่านเรื่องราวมากมายแต่เหมือนเรื่องราวบางอย่างอยู่ๆก็เหมือนกับค่อยๆหายไปจากความทรงจำบางครั้งก็เหมือนจะเลือนลางจากนั้นก็นึกไม่ออกอีกเลยจ้าวเฟยหรงเห็นคนรักยืนมองเหม่อไปยังที่บ้านเก่าจึงเดินมากอดนาง เขาจับไหล่นางหันกลับมาก่อนจะจุมพิตอ้อยอิ่งอยู่นานจึงถอนริมฝีปาก ซ่งจื่อหรูกอดเอวหนาไว้ซบหน้ากับอกกว้าง"เป็นอะไรไปเด็กดี ข้าเห็นเจ้ายืนนิ่ง
ไห่เมิ่งหยวนสะบัดแขนเสื้อแล้วหันหลังเตรียมเดินจากไป สายตาเขาเห็นสตรีนางหนึ่งแต่กายด้วยกระโปรงสีเขียวอ่อน ทำผมทรงมวยต่ำปล่อยผมครึ่งศรีษะ ปักด้วยปิ่นผีเสื้อ มีกระดิ่งเงินลูกเล็กๆห้อยตรงปลาย เวลาก้าวเดินเสียงดังกรุ๊งกริ๊งกำลังเดินมาทางเขาไห่เมิ่งหยวน มองร่างบางระหงกำลังเดินใกล้เข้ามา นางเป็นใครกันเหตุใดถึงไม่เคยเห็นนางช่างงดงาม หลี่เสี่ยวม่านที่กำลังเดินมาทางศาลาเจอกับไห่เมิ่งหยวนนางจึงยิ้มให้แล้วค้อมศรีษะเล็กน้อย ก่อนจะเดินเข้าไปในศาลาได้ยินเสียงหวานนั่นเรียกหาบิดา"เสี่ยวม่านถวายพระพรท่านอ๋อง คาราวะซื่อจื่อ ลูกคาราวะท่านพ่อ ท่านอารอง พี่รอง และใต้เท้าเซี่ยเจ้าค่ะ"หลี่เสี่ยวม่านเคารพทุกคนที่อยู่ในศาลา"เจ้าเล็ก กลับมาแล้วหรือท่านยายเจ้าเป็นอย่างไรบ้าง"หลี่ฝูเหยาทักทายบุตรสาว"ท่านยายทานข้าวได้เยอะแล้วเจ้าค่ะ ตอนนี้ท่านแม่นางขออยู่เป็นเพื่อนท่านยายก่อน ท่านแม่เกรงว่าไม่อยู่บ้านนานๆ ท่านพ่อเองก็งานยุ่งจึงให้ลูกกลับมาช่วยงานพี่สะใภ้ใหญ่ พี่สะใภ้รองกำลังตั้งครรภ์ต้องระวังการลุกนั่งเจ้าค่ะ""เสี่ยวม่านเอ๊ยลำบากเจ้าแล้ว แม่เจ้าจะกลับมางานแต่งม่านอวี้หรือไม่"หลี่เสี่ยวม่านเดินไปประคองบิดาให้
ซ่งจื่อหรู หลี่ไหลฝู หลี่ฝูเหยา จ้าวอ๋องเซี่ยหนานอินและหลี่ซ่งเต๋อที่กำลังปรึกษาเรื่องสั่งงานให้คนงานประกอบชิ้นส่วนของเรือ ซ่งจื่อหรูให้ท่านปู่ของนางสร้างศาลากลางบึงบัวเป็นศาลากว้างถึงสี่จั้งยาวแปดจั้ง(กว้าง10ม.ยาว20ม.โดยประมาณ)สร้างโต๊ะประชุมกว้างหนึ่งจั้งยาวสามจั้งเอาไว้ประชุมงานสำคัญแบบแปลนเรือกางอยู่บนโต๊ะจ้าวเฟยหรงพาจิงอี้กับจิงเสวียนไปคุมการต่อเรือ ซ่งจื่อหรูต้องการสร้างเรือสามแบบ แบบที่หนึ่งขนาดกลางสำหรับครอบครัวใหญ่ไว้ท่องเที่ยวพักผ่อน ขนาดใหญ่มีโกดังสำหรับพ่อค้าที่ต้งการเดินทางๆเรือเพื่อค้าขายต่างแดน และขนาดใหญ่สำหรับกองทัพ ซ่งจื่อหรูจะติดอาวุธให้เรือด้วย"ลูกสะใภ้ เรือที่เจ้าสร้างออกมาหากสำเร็จจะขายอย่างไร"จ้าวอ๋องที่ตอนนี้เรียกซ่งจื่อหรูว่าลูกสะใภ้ทูกคำ ใครจะกล้าคัดค้านพวกเขากัน สองพ่อลูกสกุลจ้าวนี้นอกจากวรยุทธที่เหนือคนอื่นยังมีความหน้าด้านอีกด้วยที่ไม่มีใครเปรียบได้" ลำเล็กสำหรับครอบครองในครัวเรือนได้ ลูกว่าลำละห้าแสนตำลึงกำลังดีเพคะ ลำใหญ่สำหรับกลุ่มการค้าสักสองล้านห้าหมื่นตำลึง ส่วนเรือที่ขายให้กองทัพลูกจะติดอาวุธให้ด้วย ลำละห้าล้านตำลึง ห้าล้านตำลึงถ้าเทียบกับการที่จ
จ้าวเฟยหรงนอนกอดร่างระหงอย่างหวงแหน ซ่งจื่อหรูกับซ่งจื่อเย่วยิ่งโตเป็นสาวยิ่งงดงามเปรียบดังดอกไม้งามเมืองกว่างผิงเลยทีเดียว ทั้งคู่นอนหลับจนนางรู้สึกมีมือหยาบกร้านมาลูบผม ซ่งจื่อหรูรู้สึกตัวจึงลืมตา พอเห็นคนที่ปรากฏตรงหน้าก็ลุกขึ้นทันทีสวมกอดแล้วร้องไห้"เหลียนฮวาหนูร้องไห้ทำไมกัน บอกปู่สิ"ส่งฮั่นเหลียงลูบหลังหลานสาว"คุณปู่คะ คุณปู่มาหาหนูสักทีอวิ่นห่าวเขามาไม่ได้อีกแล้ว หนูอยู่ที่นี่คิดถึงทุกคน""เหลียนฮวา ไปคุยกับปู่ข้างนอกเถอะ"ซ่งจื่อหรูหันไปมองคนที่นอนหลับข้างๆ หันกลับมามองหน้าปู่ของนาง"มาเถอะเขาไม่ตื่นหรอก"ซ่งฮั่นเหลียงบอกนางซ่งจื่อหรูจึงลุดเดินตามซ่งฮั่นเหลียงออกไป ทั้งคู่ยืนอยู่ริมระเบียงทอดมองลงมาที่โรงทอผ้าที่ก่อนหน้าเคยเป็นบ้านนางมาก่อนและเป็นสถานที่ๆเกิดเรื่องราว"คุณปู่คะ ทำไมตราประทับนั่งถึงเลือกหนู สกุลเฟิ่งผ่านมาหลายรุ่นเหตุใดต้องเป็นหนูที่มาแก้ไข""เดิมทีไข่มุกจันทราไม่ใช่ของดี ตั้งแต่ฮั่นอู๋ตี้ได้มันมาก็เริ่มเปลี่ยนไป โหดร้ายไล่ฆ่าคนไม่เลือกแม้กระทั่งบุตรตนเอง แต่ไข่มุกก็เสริมพลังอำนาจให้แก่เขา ตำหนักเทพในตอนนั้นออกอุบายให้เขาสร้างสุสานและบอกวิธีคืนชีพหลังจากตาย ค