อันกั๋วกงโกรธจนแทบเป็นลม ฮ่องเต้คังอู่พูดกระทบใคร? ก็พูดถึงเขาไม่ใช่หรือ?อันกั๋วกงไม่กล้าจ้องหน้าฮ่องเต้ ได้แต่มองเยี่ยนเว่ยฉือและอ๋องจ่างซิ่นอย่างขุ่นเคืองซ่างกวนซีที่เงียบมาตลอด เมื่อเห็นดังนั้นจึงพูดว่า “เสด็จพ่อ การประลองรอบแรก เว่ยฉือชนะแล้วใช่หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้คังอู่ยิ้มแย้มและพยักหน้า “ถูกต้อง การประลองรอบแรก เยี่ยนเว่ยฉือชนะ การประลองรอบที่สองนี้ ให้อ๋องจ่างซิ่นเป็นผู้ออกโจทย์!”ทุกคนหันไปมองอ๋องจ่างซิ่นพร้อมกันรอบแรกแพ้ไปแล้ว หากรอบที่สองแพ้อีก การตัดสินก็ถือเป็นอันสิ้นสุด รอบที่สามไม่ต้องแข่งถึงตอนนั้นเขาจะไม่เพียงเสียหน้า แต่ยังเสียอำนาจทางทหารของกองทัพเสินเช่ออีกด้วย จะเป็นเช่นนั้นได้อย่างไร?ดังนั้นอ๋องจ่างซิ่นจึงต้องออกโจทย์ที่มั่นใจว่าบุตรสาวจะต้องชนะ“การประลองรอบที่สอง…” อ๋องจ่างซิ่นกำลังจะประกาศก็ถูกเยี่ยนเว่ยฉือขัดจังหวะ“เดี๋ยวก่อน ๆ ท่านอ๋อง ขอบอกไว้ก่อน หากท่านออกโจทย์อะไรที่เกี่ยวกับการต่อสู้ มวยปล้ำ ขี่ม้า ยิงธนู สิ่งเหล่านี้หม่อมฉันขอยอมแพ้เลย หม่อมฉันทำไม่เป็นอยู่แล้ว ไม่จำเป็นต้องเสียเวลา”ซ่างกวนซีจึงพูดต่อ “เว่ยฉือ อย่าพูดจาเหลวไหล อ๋อ
ฉินเซียงหรูยิ้มและขอบคุณ “ขอบพระทัยฝ่าบาทที่ทรงเมตตา แต่กระหม่อมเกิดและเติบโตในชนบท ไม่ชอบอยู่ภายใต้กฎเกณฑ์ใด ๆ ที่อยู่กับองค์รัชทายาทก็เป็นเพราะกระหม่อมแพ้พนัน จึง…”ฮ่องเต้คังอู่ยิ้มตอบ ไม่ได้ใส่ใจ “ไม่เป็นไร คนเราต่างมีวิถีของตน”เมื่อเห็นว่าฮ่องเต้คังอู่ไม่เป็นอะไร ซ่างกวนซีก็ตั้งใจจะพาฉินเซียงหรูทูลลาแต่ก่อนที่ทั้งสองจะได้พูด ฮ่องเต้คังอู่ก็ถามอีกว่า “จริงสิ ชูจิ่ง หมากเก้ามังกรล้อมณี เจ้ามีความเห็นอย่างไร?”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “ทูลเสด็จพ่อ หมากที่เหลืออยู่ไม่สามารถแก้ได้ หมากเก้ามังกรล้อมณีเป็นกระบวนหมากที่ไม่มีใครไขปริศนาได้มานานนับพันปี ในความเห็นของกระหม่อม การค้นหาคำถามที่ไม่มีคำตอบ สู้ค้นหาว่าเหตุใดเป่ยอิ้นถึงโยนให้พวกเราไขปริศนาหมากที่แก้ไม่ได้นี้ดีกว่าพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้คังอู่ขมวดคิ้ว “ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด หมากนั้นแก้ไม่ได้จริงๆ แต่ทำไมอวี๋ฉืออวิ๋นจ้าวและอวี๋ฉืออวิ๋นจิ่นถึงพูดอย่างมั่นใจว่ามีทางแก้? หากพวกเรายอมแพ้ การไม่ได้หมากหยกเย็นและหยกอุ่นถือเป็นเรื่องเล็ก การเสียเกียรติของแคว้นถือเป็นเรื่องใหญ่!”ฮ่องเต้คังอู่กังวลเล็กน้อยซ่างกวนซีก็คิดไม่ออกถึงสาเหตุแม้ว่าเขา
ซ่างกวนซีโต้แย้ง “กังวลไว้ยังดีกว่าถูกหลอก”ฉินเซียงหรูหัวเราะ “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น กระหม่อมก็มีความกังวลอีกอย่าง ไม่รู้ว่าจะช่วยองค์รัชทายาทได้หรือไม่ หากช่วยได้ ความผิดที่รู้เรื่องเมื่อวานแต่ไม่บอก ท่านก็ยกโทษให้กระหม่อมเถิด ดูร่างกายที่อ่อนแอของกระหม่อมสิ จะทนการกระทำของท่านได้อย่างไร?”ซ่างกวนซีหันไปมอง “ในเมื่อเป็นความกังวล แล้วจะช่วยอะไรได้?”ฉินเซียงหรูยังคงยิ้มแย้ม “ช่วยได้หรือไม่ ขึ้นอยู่กับว่าองค์รัชทายาทจะใช้หรือไม่”“ลองพูดมา!” ซ่างกวนซีอยากรู้ว่าฉินเซียงหรูจะพูดอะไรฉินเซียงหรูพูดต่อ “เป็นเรื่องเกี่ยวกับวิธีการไขปริศนาหมากเก้ามังกรล้อมณี”ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อย “หมากที่แก้ไม่ได้ เจ้าแก้ได้หรือ?”ฉินเซียงหรูพยักหน้า “ในโลกนี้มีวิธีหนึ่งที่สามารถไขหมากที่เหลืออยู่ได้ทั้งหมด และยังสามารถทำให้ใครก็ได้สามารถไขปริศนา เพียงแต่ไม่ใช่ทุกคนที่กล้าใช้”คำว่า ‘กล้า’ ทำให้ซ่างกวนซีเกิดความอยากเอาชนะซ่างกวนซีพูดต่อ “อย่ากั๊ก!”ฉินเซียงหรูเข้าไปใกล้ซ่างกวนซี กระซิบข้างหูสองสามคำซ่างกวนซีฟังแล้วขมวดคิ้วแน่นขึ้นเรื่อย ๆ พอฟังถึงตอนท้ายก็ดูเหมือนจะเห็นด้วย จึงส่ายหน้าอย่างจ
ซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างขุ่นเคือง ขึ้นรถม้าทันที ตอนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะขึ้นรถ เขาก็พูดอย่างเย็นชาว่า “เจ้านั่งตรงที่นั่งสารถี”“หา?” เยี่ยนเว่ยฉือไม่เข้าใจ “ให้ข้าขับหรือ? ข้าขับไม่เป็นนะ!”องครักษ์ชิงโจวรีบพูด “พระชายาไม่ต้องขับ กระหม่อมจะขับเอง”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า กำลังจะเดินตามซ่างกวนซีเข้าไปข้างใน ก็ได้ยินซ่างกวนซีพูดต่อ “ข้าให้เจ้านั่งตรงที่นั่งสารถี ในรถไม่มีที่นั่ง!”พรึ่บ… ซ่างกวนซีปิดม่านรถ สาดฝุ่นใส่เยี่ยนเว่ยฉือฉินเซียงหรูในรถม้าเอามือลูบจมูกตามความเคยชิน คิดในใจว่า ‘โชคดีที่ข้าขึ้นมาก่อน ไม่อย่างนั้นตอนนี้ผู้ที่นั่งข้างนอกรับฝุ่นคงเป็นข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือไม่เข้าใจอารมณ์ที่แปรปรวนของซ่างกวนซี‘เมื่อกี้ยังดี ๆ อยู่เลย เหตุใดจู่ๆ ถึงทำเหมือนโกรธไปได้?’นางเม้มปาก ไม่เถียงอีกต่อไป อย่างไรการนั่งอยู่ตรงที่นั่งคนขับรถม้า ชมวิวข้างทางก็ดีเหมือนกันส่วนคนสามคนในรถม้าก็เริ่มพูดคุยกันถึงการประลองในวันพรุ่งนี้อวี๋เฟยเหยียนพูดก่อน “ศิษย์พี่ ท่านคิดว่าอ๋องจ่างซิ่นจะออกโจทย์อย่างไร?”ซ่างกวนซีตอบ “ในเมื่อเป็นการประลองบู๊ ส่วนใหญ่คงต้องให้ขยับร่างกาย”อวี๋เฟยเหยียนถอน
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “ไม่รู้” เขารู้สึกว่าคำถามนี้น่าเบื่อมากอวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ข้ารู้ ๆ ต้องหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของศิษย์พี่ใหญ่แน่นอน”ฉินเซียงหรูก็เห็นด้วย “องค์รัชทายาทสง่างามที่สุดในสองแคว้นสี่นคร ใคร ๆ ก็รู้”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าคิดว่าท่านหญิงอิ๋นตางดูไม่เหมือนคนตื้นเขินเช่นนั้น”ทั้งสามคนมองไปที่นางพร้อมกัน รอให้นางอธิบายต่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดต่อ “คนเจ้าชู้เช่นเยี่ยนชิงซู ถึงจะถูกรูปร่างหน้าตาขององค์รัชทายาทดึงดูดตั้งแต่แรกเห็น แต่ในใจลึก ๆ ก็คิดว่าหน้าตาดีกินไม่ได้ ดังนั้นนางจึงอยากจะตีสนิทกับองค์รัชทายาท ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากปล่อยมือจากซ่างกวนหลี สายตาที่นางมององค์รัชทายาทเหมือนคนลดความอ้วนเห็นขาหมูพะโล้ อยากกินแต่ไม่กินก็ไม่ตาย!”ซ่างกวนซีเบือนหน้าหนี ไม่อยากดูท่าทางพูดจาเกินจริงของเยี่ยนเว่ยฉือขาหมูพะโล้อะไร เขาหน้าเหมือนขาหมูพะโล้หรือ?“แล้วท่านหญิงอิ๋นตางมิใช่หรือ?” อวี๋เฟยเหยียนถามต่ออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าพบว่าสายตาที่ท่านหญิงอิ๋นตางมององค์รัชทายาท ไม่ใช่ความหลงใหล แต่เป็นความผูกพัน นางชอบองค์รัชทายาทจากใจจริง มิใ
ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับว่า “เจ้าบอกว่า... เจ้ามีวิธีที่จะทำให้ท่านหญิงอิ๋นตางโปรดปรานผู้อื่น?”หากมีวิธีเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสน่ห์กับท่านหญิงอิ๋นตางอีกต่อไปวิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ในใจของเขาก็ต่อต้านอย่างมาก เพียงแต่รับพระบัญชามาก็ยากที่จะขัดขืนเยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่ซ่างกวนซี “จะมีวิธีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”“หมายความว่าอย่างไร?” ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านต้องบอกข้าว่า ในวัยเยาว์ของท่าน ได้เกิดเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือนอะไรขึ้นกับท่านหญิงอิ๋นตาง ถึงทำให้พระนางระลึกถึงท่านมานานนับสิบปี?”คิ้วของซ่างกวนซีขมวดแน่นยิ่งขึ้น “ในวัยเยาว์? นั่นไม่ใช่เรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรอกหรือ ข้าจะจำได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าค่อนข้างยากที่จะรำลึกความหลัง นางถอนหายใจกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ง่ายที่จะรำลึกได้ แต่ท่านหญิงอิ๋นตางยึดมั่นในท่านเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล หากเราหาเหตุผลนี้พบ เราก็จะสามารถหาวิธีให้พระนางเปลี่ยนเป้าหมายได้ ในเมื่อพระนางกับท่านก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แล้วจะมีความรักลึกซึ้งกันได้อย่างไร!”“โอ
อ๋องจ่างซิ่นขมวดคิ้วกล่าวว่า “พอกันที เลิกถอนหายใจกันได้แล้ว ข้าหรือจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอายุสั้น? แต่เฟยเอ๋อร์ชอบเขา! ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว หากนางอยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้า ข้าก็ต้องหามาให้นาง! ซ่างกวนซีจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเฟยเอ๋อร์มีความสุข อย่างมากแค่รอเขาตาย แล้วค่อยหาเขยคนใหม่มาแต่งกับเฟยเอ๋อร์ จะมีความสุขได้กี่วันก็เอาเท่านั้น!”อ๋องจ่างซิ่นถือว่าซ่างกวนซีเป็นของเล่นของหานอวี่เฟยหลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปทางสวนหลังบ้านพระชายาอ๋องจ่างซิ่นมองดูอย่างแน่วแน่ก็รู้ว่าอ๋องจ่างซิ่นไปหาอนุเหล่านั้นพระชายากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่สั่งให้ห้องครัวเตรียมน้ำแกงบำรุง นี่คือสิ่งที่อ๋องจ่างซิ่นต้องดื่มทุกครั้งหลังเสร็จกิจ…… วันรุ่งขึ้น พระตำหนักจิ่วหลงวันนี้ยังคงเป็นหลังจากการประชุมราชสำนักเช้า เยี่ยนเว่ยฉือและท่านหญิงอิ๋นตางหานอวี่เฟย ต่างก็มาถึงพระราชวังจิ่วหลงฮ่องเต้คังอู่ทรงมองไปที่อ๋องจ่างซิ่นด้วยความสนใจ “เจ้าคิดหัวข้อที่เหมาะสมได้แล้วหรือ?”อ๋องจ่างซิ่นตอบอย่างเคารพ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมกลับไปคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ไม่รู้วรยุทธ
ยังไม่ทันที่อ๋องจ่างซิ่นจะตอบ อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ก็ไม่เลว กระหม่อมจะได้มีเวลาคืนนี้กลับไปคิดหัวข้อสำหรับการประลองรอบที่สาม”กล่าวอีกนัยหนึ่ง อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวได้ตัดสินแล้วว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะต้องแพ้ในการประลองรอบที่สองอย่างแน่นอนในฐานะแขกจากแดนไกล อ๋องจ่างซิ่นต้องไว้หน้าเขาบ้าง จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ก็ได้ ๆ ช่างยุ่งยากเสียจริง! เช่นนั้นก็เป็นพรุ่งนี้!”…… หลังจากยืนยันหัวข้อของการประลองรอบที่สองแล้ว ทุกคนก็ทยอยกันออกจากพระราชวังขณะเดินไปที่ลานด้านนอก เยี่ยนเว่ยฉือและคณะก็ได้ยินขันทีผู้ดูแลคนหนึ่งสั่งงานขันทีน้อย“พวกเจ้า พาคนหลาย ๆ คนไปวิดน้ำในกระถางสำริดทั้งสองใบนั้นออก พรุ่งนี้จะใช้กระถางเปล่าทั้งสองใบในการประลอง!”ขันทีน้อยสองคนเดินเข้าไปยก แต่กลับยกไม่ขึ้นขันทีผู้ดูแลกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “โอ๊ย พวกเจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง เข็นสิ เข็นกระถางสำริดให้เอียง น้ำก็ไหลออกมาแล้ว น้ำฝนที่สาดอยู่ในลานก็จะได้ไหลไป ชะล้างตะไคร่น้ำไปด้วย!”“ขอรับ!” ทั้งสองรีบรับคำและร่วมมือกันผลักกระถางสำริดที่สำรองน้ำไว้!เกิดเสียงดังโครมคราม น้ำภายในพุ่งกร
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ “เจ้านั่นหายไปตั้งหลายวัน พิษในร่างกายคงจะหมดสิ้นแล้วเป็นแน่ หรือเขาอาจรู้ว่าข้าไม่ได้วางยาเขา จึงหนีไป? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเขามีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ยาของข้ามีช่วงระยะแรกและระยะท้าย ไม่รู้ว่าระยะท้ายจะเป็นอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้ม เริ่มนับวันถอยหลังแต่นางไม่รู้ลยว่าลู่อู๋ไม่ได้หนี ไม่เพียงแต่จะไม่หนี เขายังไม่คิดจะหนีไปไหนอีกด้วย……คืนนั้น หอวสันต์อนันตกาลอวี๋เฟยเหยียน เย่เทียนซู ฉินเซียงหรู ชายสามคนปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้าประตูหอวสันต์อนันตกาลฉินเซียงหรูมองแสงไฟที่สว่างไสวภายในหอวสันต์อนันตกาล ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะดังออกมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ดูแล้ว ที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ที่ดูดีมีระดับ”เย่เทียนซูยกยิ้ม “ท่านหมอฉิน ท่านเคยไปสถานที่อโคจรด้วยหรือ?”ฉินเซียงหรูชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างอึดอัด เขาไม่เคยไปจริง ๆเย่เทียนซูพูดต่อ “คนชั่วที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนซื่อสัตย์ คนเลวที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนดี สถานที่ที่หรูหราดูดี มักจะซ่อนสิ่งสกปรกไว้ ไปดูกันเถอะ”ทั้งสามคนแต่งกายดี เมื่อเดินเข้าไปในประตูหอวสัน
ซ่างกวนซีกำลังยุ่งกับการแต่งตัว จึงวิ่งทางตามออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงพูดว่า “ไปหาเฟยเหยียนและเทียนซู ให้พาเจ้าไปด้วยกัน!”มีศิษย์น้องสองคนนี้คอยคุ้มกัน ซ่างกวนซีถึงจะวางใจได้บ้างเยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ รับคำแล้วรีบวิ่งออกจากเรือนซวงหานซ่างกวนซีแต่งตัวเสร็จเดินออกมา มองประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ ส่ายหน้าอย่างจนใจเขาไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือไปเสี่ยงอันตรายแต่ฮวาอวี๋คนนั้นมีร่องรอยที่ลึกลับ เขากังวลว่าต่อให้คนของเขาถึงจะพลิกแผ่นดินหา ก็อาจจะหาฮวาอวี๋ไม่พบแต่ในเมื่อฮวาอวี๋เคยสนใจเยี่ยนเว่ยฉือครั้งหนึ่ง บางทีครั้งนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือปรากฏตัว อาจจะยอมออกมาพบก็เป็นได้ดังนั้นแทนที่จะให้เยี่ยนเว่ยฉือไปหาคน สู้ให้เยี่ยนเว่ยฉือเป็นเหยื่อล่อ ใช้ตกปลาที่ชื่อฮวาอวี๋ตัวนั้น……หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือได้รับอนุญาตจากซ่างกวนซีแล้ว ก็วิ่งมาที่เรือนรับรองแขกอย่างมีความสุข เพื่อให้ฉินเซียงหรูให้แกะผ้าพันแผลออกให้ฉินเซียงหรูยังคงยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา ราวกับว่าสมุนไพรเหล่านั้นเป็นของล้ำค่า ต้องตากแดดทุกวัน ต้องจับอย่างเบามือเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมา ฉินเซียงหรูมองไปข้างหลังนางเพื่อดูว่ามีซ่
เยี่ยนเว่ยฉือพูดติดตลก “ฝ่าบาทบอกว่าจะใช้ข้าเป็นหมอนข้าง ไฉนเพิ่งกอดได้สองวันก็ไม่กอดแล้ว? ในฐานะหมอนข้างที่ดี ข้าก็ต้องมีจิตสำนึกสิ นี่ไง อาบน้ำมาสะอาดเอี่ยมมาให้ท่านกอดแล้ว”ซ่างกวนซีสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เด็กคนนี้นี่อย่างไร ไม่ตั้งใจก็ทำให้ใจคนสั่นไหวได้“มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ อย่าได้อ้อมค้อม!” ซ่างกวนซีเร่งเร้าอย่างเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี เข้าไปใกล้เขา ยิ้มหวาน “ฝ่าบาท ข้าอยากออกไปข้างนอก”“ไปไหน?” ซ่างกวนซีลุกขึ้นรินชา หลบเลี่ยงความใกล้ชิดของเยี่ยนเว่ยฉือกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ลอยกรุ่นเข้าไปในโพรงจมูกของเขาไม่หยุดกลิ่นสมุนไพรที่ควรจะทำให้จิตใจสงบ กลับกลายเป็นเหมือนยาปลุกอารมณ์ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบุรุษในยามเช้าตรู่มักจะตื่นตัวเป็นพิเศษ เยี่ยนเว่ยฉือเลือกเวลาได้เหมาะเจาะจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมากถึงนางจะมีจิตวิญญาณของคนยุคปัจจุบัน แต่ในเรื่องชายหญิงยังถือว่าไม่ประสีประสา สำหรับเรื่องที่อ่อนประสบการณ์ นางจึงไม่ได้คิดรายละเอียดมากนักเมื่อเห็นซ่างกวนซีถาม เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ปิดบัง ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าฝ่าบาท
หน้ากากสีทองบดบังใบหน้าของฝูกวง แน่นอนว่ามันบดบังสีหน้าของเขาด้วยมิฉะนั้นเยี่ยนเว่ยฉือคงได้เห็นความดูถูกและความไม่แยแสบนใบหน้าของฝูกวงแล้วฝูกวงพูดอย่างเย็นชา “ศาลาจิ่วโยวได้รับงานใหม่ บอกว่าจวนรัชทายาทกำลังหาคนชื่อฮวาอวี๋ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย พูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ซ่างกวนซีเขา...เขาช่วยข้าหาคนจริง ๆ หรือ?”ฝูกวงขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เร่งเร้า “ข้าถามเจ้าอยู่ ใช่หรือไม่ใช่?”เยี่ยนเว่ยฉือได้สติ รีบพยักหน้า “อ่า ใช่ ใช่ ใช่ เป็นอย่างไร? เจ้าหาเจอแล้วหรือ?”ฝูกวงพูดตรง ๆ “หนึ่งพันตำลึง”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “เจ้ามาไถเงินจริง ๆ ด้วย แต่ก็ยังดี เมื่อเทียบกับหนึ่งหมื่นตำลึงครั้งก่อน ถือว่าเจ้าไว้หน้าข้ามากแล้ว”ฝูกวงเสริม “หนึ่งพันตำลึง หนึ่งเบาะแส”เบาะแส?เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ “สรุปว่าเจ้ายังหาคนไม่เจอ เพียงแค่ได้หนึ่งเบาะแส”ฝูกวงตอบอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่ซื้อก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”ฝูกวงกำลังจะหันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบพูด “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! เจ้าคนนี้ เหตุใดไม่มีความอดทนเลย ใครซื้อของก็ต้องต่อราคาทั้งนั้น!”ฝูก
เนื่องจากมีคำสั่งของซ่างกวนซี ดังนั้น...หลังจากธูปหมดดอก เยี่ยนเว่ยฉือก็ถูกพันมือทั้งสองข้างจนเหมือนบ๊ะจ่าง ไม่มีผิวส่วนใดโผล่ออกมาเลยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการจับสิ่งของ แม้แต่ถ้วยชานางก็ยังยกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือยกมือทั้งสองข้างที่พันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซี “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้แกล้งข้าอยู่กระมัง?!”ซ่างกวนซีเหลือบมองนาง “ข้าไม่มีเวลาว่างถึงเพียงนั้นหรอก!”พูดจบ ซ่างกวนซีก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับกำชับอย่างไม่พอใจ “ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะหายดี เจ้าห้ามออกไปไหน เรื่องเถาเหลยกงก็ไม่ต้องสนใจ!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็หายตัวไปในเรือนหลังเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “ฝ่าบาท… ดูเหมือนจะไม่พอใจบางอย่าง?”อวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ตอนทานมื้อกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย ออกไปเจอเรื่องอะไรมา?”“ฝ่าบาทออกไปทำอะไรหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือถามต่ออวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ซ่างกวนซีไม่ได้บอกอะไรทั้งสองคนไม่เข้าใจ จึงหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใจคนเป็นองค์รัชทายาทยากจะหยั่งถึง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจ แค่พูดไม่ได้เท่านั้นซ
ฉินเซียงหรูตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ตราบใดที่ไม่เกาจนผิวแตก ก็จะไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร รอพิษของเถาเหลยกงหมดฤทธิ์ ผื่นแดงบนมือก็จะค่อย ๆ จางหายไปภายในสามถึงห้าวัน”พูดถึงตรงนี้ ฉินเซียงหรูก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดต่อ “จำไว้ว่าห้ามเกา ข้าจะไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้เจ้า ป้องกันเจ้าอดใจไม่ไหว”น้ำเสียงตำหนิของฉินเซียงหรูที่แฝงความจนใจ ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายเล็กน้อย“ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างขอไปทีซ่างกวนซีที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าย่ำแย่ลงฉินเซียงหรูช่างสังเกต เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “คนที่ต้องเป็นห่วงหาได้มีเพียงข้าผู้เดียวไม่ องค์รัชทายาทต่างหากที่ทรงเป็นห่วงที่สุด”พูดจบ ฉินเซียงหรูก็หันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ยิ้มขม “ฝ่าบาทโปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เพียงแต่สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ข้าทำได้เพียงแค่ทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยนชิงซูสมใจไปได้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “มีแต่คนไร้ความสามารถเท่านั้นที่จะทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย คนที่มีความสามารถ จะใช้เพียงก
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั