ยังไม่ทันที่อ๋องจ่างซิ่นจะตอบ อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ก็ไม่เลว กระหม่อมจะได้มีเวลาคืนนี้กลับไปคิดหัวข้อสำหรับการประลองรอบที่สาม”กล่าวอีกนัยหนึ่ง อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวได้ตัดสินแล้วว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะต้องแพ้ในการประลองรอบที่สองอย่างแน่นอนในฐานะแขกจากแดนไกล อ๋องจ่างซิ่นต้องไว้หน้าเขาบ้าง จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ก็ได้ ๆ ช่างยุ่งยากเสียจริง! เช่นนั้นก็เป็นพรุ่งนี้!”…… หลังจากยืนยันหัวข้อของการประลองรอบที่สองแล้ว ทุกคนก็ทยอยกันออกจากพระราชวังขณะเดินไปที่ลานด้านนอก เยี่ยนเว่ยฉือและคณะก็ได้ยินขันทีผู้ดูแลคนหนึ่งสั่งงานขันทีน้อย“พวกเจ้า พาคนหลาย ๆ คนไปวิดน้ำในกระถางสำริดทั้งสองใบนั้นออก พรุ่งนี้จะใช้กระถางเปล่าทั้งสองใบในการประลอง!”ขันทีน้อยสองคนเดินเข้าไปยก แต่กลับยกไม่ขึ้นขันทีผู้ดูแลกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “โอ๊ย พวกเจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง เข็นสิ เข็นกระถางสำริดให้เอียง น้ำก็ไหลออกมาแล้ว น้ำฝนที่สาดอยู่ในลานก็จะได้ไหลไป ชะล้างตะไคร่น้ำไปด้วย!”“ขอรับ!” ทั้งสองรีบรับคำและร่วมมือกันผลักกระถางสำริดที่สำรองน้ำไว้!เกิดเสียงดังโครมคราม น้ำภายในพุ่งกร
ซ่างกวนซีพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นข้าจึงฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ทันระวัง ปล่อยหมีไป”“ปล่อยไป?” เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างมองซ่างกวนซี “การที่พวกเขาฆ่าหมีนั้นเลวร้ายก็จริง แต่ที่ท่านปล่อยหมีไป นั่นเรียกโง่เขลา!”ซ่างกวนซียกมือขึ้น หมายจะดีดหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือรีบเอามือปิดหน้าผาก “อ๊ะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าโง่เองที่กล่าวเช่นนั้น”ซ่างกวนซีลดมือลง กล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าไม่ได้ออกแรงมากมาย เหตุใดเจ้าต้องร้องโอดโอยเช่นนั้น!”ซ่างกวนซีมองนางอย่างตำหนิ กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม... ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด ตอนนั้นข้ายังเด็กและไม่รู้ความ จึงไม่ตระหนักว่าการไปปล่อยหมีดำเพียงลำพังจะทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่หมีดำออกจากกรง ก็ไม่ได้จากไปทันที แต่กลับพุ่งเข้าไปในงานเลี้ยงแทน”อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “มันทำร้ายคนหรือ? ทำร้ายท่านหญิงอิ๋นตางหรือ?”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “เป้าหมายของมันชัดเจน คือพุ่งไปที่องครักษ์ของอันกั๋วกง เพียงแต่ถูกองครักษ์ขับไล่ ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น มันไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้คนมากมาย แต่ยังผลักท่านหญิงอิ๋นตางที่อายุเพียงเจ็ดขวบ ตกลงไปในสระบัว
ซ่างกวนซีพยักหน้า “ไม่ใช่ข้าที่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเสด็จพ่อ เสด็จพ่อทรงอาลัยอาวรณ์เหวินหลิง ส่วนองค์หญิงองค์อื่น ๆ ที่ประสูติแต่พระสนมก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวได้ เมื่อคิดดูแล้ว ท่านหญิงอิ๋นตางเหมาะสมที่สุด เบื้องหลังของพระนางคืออ๋องจ่างซิ่นที่กุมกำลังทหารไว้ในมือ สำหรับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวที่กำลังจะแย่งชิงบัลลังก์แล้ว นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ส่งนางไปแต่งงานไกล ๆ จะได้ไม่ต้องร่วมมือกับเยี่ยนชิงซูหาเรื่องข้า”“พี่สะใภ้ แล้วเจ้าคิดวิธีอะไรได้หรือยัง?” อวี๋เฟยเหยียนตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าตั้งตารออุบายของเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “ตอนนี้ยังไม่มี ข้าต้องคิดดูให้ดี ๆ ก่อน”ขณะที่ทั้งสามพูดคุยกัน รถม้าก็มาถึงจวนรัชทายาทแล้วทุกคนทยอยลงจากรถ บังเอิญว่าฉงซานวิ่งมาจากที่ไกล ๆฉงซานหยิบกล่องผ้าไหมสีแดงเล็ก ๆ ส่งให้ซ่างกวนซี “องค์รัชทายาท นี่คือสิ่งที่คุณชายเย่ส่งมาขอรับ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย เข้าใจในทันทีว่าข้างในคืออะไรนั่นคือสิ่งที่เขาสั่งให้เย่เทียนซูเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
ซ่างกวนซีแสยะยิ้มเล็กน้อย “เต๋อซ่วนกงกงพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? หากข้าจำไม่ผิด วันนั้นเว่ยฉือเพียงแค่ให้เหวินหลิงขอโทษข้าเท่านั้น เป็นการขอโทษอย่างจริงใจถึงจะสงบเรื่องลงได้ นางยังเด็ก กลับใช้คำพูดที่ร้ายกาจเพียงนั้น จึงทำให้ต้องเผชิญกับการลงโทษจากสวรรค์ โทษจากสวรรค์เช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถควบคุมได้?”ซ่างกวนซียกถ้วยชาขึ้นจิบ ไม่กล่าวอะไรอีกเต๋อซ่วนกงกงเข้าใจในทันที ซ่างกวนซีใช้ชาไล่แขก!เมื่อนึกถึงคำพูดที่หยาบคายขององค์หญิงเหวินหลิงที่พระตำหนักจิ่วหลงในวันนั้น เต๋อซ่วนกงกงที่อยากจะพูดจาดี ๆ ช่วยนางสักสองสามคำ ก็หาคำพูดไม่ได้เมื่อคิดดูแล้ว เขารีบทำความเคารพ “องค์รัชทายาทกล่าวถูกต้องแล้ว กระหม่อมจะกลับไปแจ้งข่าว ให้องค์หญิงเหวินหลิงมาขอโทษองค์รัชทายาทและพระชายาด้วยพระองค์เอง เพื่อวอนขอให้สวรรค์เมตตา ปลดเปลื้องโทษทัณฑ์จากผลกรรม กระหม่อมขอทูลลา”“ชิงโจว ไปส่งกงกงที่ประตู!” ซ่างกวนซีสั่ง…… วังหลัง ตำหนักเฟิ่งอี๋เต๋อซ่วนกงกงถูกปฏิเสธที่จวนรัชทายาท เมื่อกลับถึงวัง ก็นำคำพูดของซ่างกวนซีไปกราบทูลฮ่องเต้คังอู่และฮองเฮาตามตรงเมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้ทันที “ฝ่าบาท ทรงฟังเถิด นี
หลังจากฮ่องเต้คังอู่เสด็จจากไป ลู่โมโม่[footnoteRef:0]ที่อยู่ข้างกายฮองเฮาก็เฝ้ามองอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน [0: โมโม่ ตำแหน่งนางกำนัลรับใช้อาวุโส ] เมื่อเห็นว่าผู้คนไปไกลแล้ว เขาจึงวิ่งกลับมา พลางประคองฮองเฮาให้ลุกขึ้น กล่าวว่า “ฮองเฮาลุกขึ้นเถิดเพคะ พื้นเย็นนัก ฝ่าบาทเสด็จไปไกลแล้ว”ฮองเฮาถอนพระหายใจ ลุกขึ้นจากพื้น ใช้ผ้าเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ทันใดนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความกริ้วโกรธ ไม่มีความอ่อนแอเช่นเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อยฮองเฮากัดฟันกล่าว “เจ้าคนอายุสั้นซ่างกวนซี เยี่ยนเว่ยฉือนางสารเลวนั่น บังอาจลงมือกับเหวินหลิงของข้า ความแค้นนี้ ข้าจะไม่มีทางกลืนลงคอเด็ดขาด ส่งข่าวให้พี่ชายของข้า ให้เขาส่งคนไปเย่าเฉิงเพื่อเชิญหมอที่มีชื่อเสียงมา”เฉียวกงกงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ฮองเฮา กระหม่อมมีเรื่องอยากจะกราบทูล ไม่ทราบว่าควรกราบทูลหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮามองเขา ขมวดคิ้ว “พูดจาวกวนอะไร อยากพูดก็พูดมา”เฉียวกงกงรีบกล่าว “พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา กระหม่อมคิดว่ายามนี้ร่างกายขององค์หญิงสำคัญที่สุด จากเมืองหลวงไปเย่าเฉิงไกลกันพันลี้ ไปกลับกว่าหมอเทวดาจะมาถึง องค์หญิงคง…”คำพูดที่เ
“ข้า...” คำพูดมาถึงริมฝีปาก เยี่ยนเว่ยฉือก็ตระหนักได้ว่าตนเองอาจจะเหลิงไปหน่อยนางค่อย ๆ หันไปมองซ่างกวนซี เป็นไปตามคาด ชายผู้นี้เต็มไปด้วยแววตาใคร่รู้เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มอย่างกระอักกระอ่วนแต่ยังคงความสุภาพ พยายามเค้นคำพูดออกมา “ข้า... เรียนรู้ด้วยตนเอง”อวี๋เฟยเหยียนทำปากยื่น “เรียนรู้จากหมูอีกแล้วหรือ? หมูตัวใหญ่ถูกพิษ? หมูตัวเล็กพิษ? แม่หมูออกลูกก็ถูกพิษงั้นหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือเกาศีรษะ “ก็... เอ่อ... ประมาณนั้นกระมัง”ซ่างกวนซีลุกขึ้น มองนางอย่างนึกตำหนิ จากนั้นก็เดินจากไปทันทีเห็นได้ชัดว่าไม่อยากฟังคำโกหกของนาง ไม่อยากเห็นท่าทางลุกลี้ลุกลนของนางขณะกำลังปิดบังความจริงเยี่ยนเว่ยฉือมองแผ่นหลังของซ่างกวนซี พึมพำกับตัวเองอย่างจนปัญญา “การใช้ชีวิต สิ่งสำคัญที่สุดคือความสุข จะจริงจังอะไรกันนักหนา!”ฉินเซียงหรูก็ลุกขึ้น ยิ้มและกล่าวว่า “แม่นางเยี่ยนพูดมีเหตุผล รัชทายาทของพวกเราผู้นี้คิดมากเกินไป อยากจะวางแผนกับผู้อื่น แต่ก็รู้สึกผิดในใจ จะไปต่อสู้กับน้องชายที่โหดเหี้ยมเหล่านั้นได้อย่างไร!”“วางแผนกับผู้อื่น? วางแผนกับใคร?” เยี่ยนเว่ยฉือมองฉินเซียงหรูด้วยความสงสัยฉินเซียงหรูมองไป
อ๋องจ่างซิ่นที่กำลังจะจุดธูปหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ ขมวดคิ้วถามว่า “เพิ่มเดิมพัน? เพิ่มอะไร?”ท่านหญิงอิ๋นตางหานอวี่เฟยก็ถามอย่างระแวดระวัง “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ายังจะเรียกร้องขอเพิ่มเดิมพันอีก? อย่างเจ้าจะเข็นกระถางสำริดนี้ไหวหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือแบมือ “จะเข็นไหวหรือไม่ เดี๋ยวเจ้าก็เห็นเองไม่ใช่หรือ? ทำไม? ไม่กล้าเพิ่มหรือ หรือว่ากลัวแพ้?”“ข้าหรือจะกลัวเจ้า?!” หานอวี่เฟยตวาด “พูดมา อยากเพิ่มอะไร?!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่อาภรณ์ของซ่างกวนหลี กล่าวว่า “ข้าต้องการฉลองพระองค์ขององค์ชายรอง!”“อะ… อะไรนะ?” หานอวี่เฟยคิดว่าตนเองหูฝาดไปซ่างกวนหลีก็เบิกตากว้าง ตวาดว่า “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าบ้าไปแล้วหรือ? นั่นเกี่ยวอะไรกับข้า?”เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา กล่าวต่อว่า “ไม่เกี่ยวกับท่าน แต่หม่อมฉันแค่ชอบฉลองพระองค์ของท่าน หากหม่อมฉันชนะ หม่อมฉันจะให้ท่านถอดให้หม่อมฉันตรงนี้ เดี๋ยวนี้ทันที แต่หากหม่อมฉันแพ้... หม่อมฉันจะถอดกระโปรงให้ท่าน ยุติธรรมดีใช่หรือไม่?”ฮ่องเต้คังอู่เมื่อได้ยินเช่นนั้นก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เหลวไหล เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าเป็นสตรี จะพนันเช่นนี้ได้อย่างไร? อย่าทำตัวเกินงาม ทำให้จวนรัชทายาทอ
อย่างไรก็ตาม ต้องบอกว่าคนตัวใหญ่กว่าย่อมได้เปรียบเรื่องพละกำลัง กระถางสำริดหนักหนึ่งร้อยแปดสิบแปดชั่งนั้น หานอวี่เฟยก็เข็นมันล้มลงได้จริง ๆอีกทั้งพละกำลังของนางก็มากพอ และยังฉลาด รู้ว่ากระถางนั้นกลม สามารถเข็นให้กลิ้งไปบนพื้นได้หลังจากล้มลงเมื่อทำเช่นนี้ก็ประหยัดแรงไปได้มากอวี๋เฟยเหยียนที่ยืนดูอยู่ข้าง ๆ กล่าวด้วยความเป็นห่วง “นั่นถือเป็นวิธีที่ดี แต่ดูแล้วพี่สะใภ้คงจะเข็นกระถางแบบเดียวกันไม่ได้ ศิษย์พี่ หากนางแพ้ต้องถอดอาภรณ์นะ เหตุใดท่านไม่ห้ามไว้?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวอย่างใจเย็น “นางไม่แพ้แน่”อวี๋เฟยเหยียนมองซ่างกวนซีด้วยความประหลาดใจ “ความเชื่อมั่นแบบไม่ลืมหูลืมตาของท่านมาจากที่ใดกัน?”ซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “เพราะข้าไม่เคยเห็นนางแพ้ เจ้าเคยเห็นหรือ?”“เอ่อ... นั่นก็จริง” อวี๋เฟยเหยียนเริ่มตั้งตารอดูการแสดงของเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งแต่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังทำอะไรอยู่กันแน่?ทุกคนเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังผูกเชือกปอไว้ที่หูทั้งสี่ของกระถางสำริด บนเชือกปอแขวนอะไรบางอย่างไว้“ศิษย์พี่ นั่นอะไรหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวว่า “หนังแกะ เมื่อวานนางให้ไคจือและซ่า
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ “เจ้านั่นหายไปตั้งหลายวัน พิษในร่างกายคงจะหมดสิ้นแล้วเป็นแน่ หรือเขาอาจรู้ว่าข้าไม่ได้วางยาเขา จึงหนีไป? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเขามีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ยาของข้ามีช่วงระยะแรกและระยะท้าย ไม่รู้ว่าระยะท้ายจะเป็นอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้ม เริ่มนับวันถอยหลังแต่นางไม่รู้ลยว่าลู่อู๋ไม่ได้หนี ไม่เพียงแต่จะไม่หนี เขายังไม่คิดจะหนีไปไหนอีกด้วย……คืนนั้น หอวสันต์อนันตกาลอวี๋เฟยเหยียน เย่เทียนซู ฉินเซียงหรู ชายสามคนปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้าประตูหอวสันต์อนันตกาลฉินเซียงหรูมองแสงไฟที่สว่างไสวภายในหอวสันต์อนันตกาล ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะดังออกมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ดูแล้ว ที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ที่ดูดีมีระดับ”เย่เทียนซูยกยิ้ม “ท่านหมอฉิน ท่านเคยไปสถานที่อโคจรด้วยหรือ?”ฉินเซียงหรูชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างอึดอัด เขาไม่เคยไปจริง ๆเย่เทียนซูพูดต่อ “คนชั่วที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนซื่อสัตย์ คนเลวที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนดี สถานที่ที่หรูหราดูดี มักจะซ่อนสิ่งสกปรกไว้ ไปดูกันเถอะ”ทั้งสามคนแต่งกายดี เมื่อเดินเข้าไปในประตูหอวสัน
ซ่างกวนซีกำลังยุ่งกับการแต่งตัว จึงวิ่งทางตามออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงพูดว่า “ไปหาเฟยเหยียนและเทียนซู ให้พาเจ้าไปด้วยกัน!”มีศิษย์น้องสองคนนี้คอยคุ้มกัน ซ่างกวนซีถึงจะวางใจได้บ้างเยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ รับคำแล้วรีบวิ่งออกจากเรือนซวงหานซ่างกวนซีแต่งตัวเสร็จเดินออกมา มองประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ ส่ายหน้าอย่างจนใจเขาไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือไปเสี่ยงอันตรายแต่ฮวาอวี๋คนนั้นมีร่องรอยที่ลึกลับ เขากังวลว่าต่อให้คนของเขาถึงจะพลิกแผ่นดินหา ก็อาจจะหาฮวาอวี๋ไม่พบแต่ในเมื่อฮวาอวี๋เคยสนใจเยี่ยนเว่ยฉือครั้งหนึ่ง บางทีครั้งนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือปรากฏตัว อาจจะยอมออกมาพบก็เป็นได้ดังนั้นแทนที่จะให้เยี่ยนเว่ยฉือไปหาคน สู้ให้เยี่ยนเว่ยฉือเป็นเหยื่อล่อ ใช้ตกปลาที่ชื่อฮวาอวี๋ตัวนั้น……หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือได้รับอนุญาตจากซ่างกวนซีแล้ว ก็วิ่งมาที่เรือนรับรองแขกอย่างมีความสุข เพื่อให้ฉินเซียงหรูให้แกะผ้าพันแผลออกให้ฉินเซียงหรูยังคงยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา ราวกับว่าสมุนไพรเหล่านั้นเป็นของล้ำค่า ต้องตากแดดทุกวัน ต้องจับอย่างเบามือเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมา ฉินเซียงหรูมองไปข้างหลังนางเพื่อดูว่ามีซ่
เยี่ยนเว่ยฉือพูดติดตลก “ฝ่าบาทบอกว่าจะใช้ข้าเป็นหมอนข้าง ไฉนเพิ่งกอดได้สองวันก็ไม่กอดแล้ว? ในฐานะหมอนข้างที่ดี ข้าก็ต้องมีจิตสำนึกสิ นี่ไง อาบน้ำมาสะอาดเอี่ยมมาให้ท่านกอดแล้ว”ซ่างกวนซีสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เด็กคนนี้นี่อย่างไร ไม่ตั้งใจก็ทำให้ใจคนสั่นไหวได้“มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ อย่าได้อ้อมค้อม!” ซ่างกวนซีเร่งเร้าอย่างเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี เข้าไปใกล้เขา ยิ้มหวาน “ฝ่าบาท ข้าอยากออกไปข้างนอก”“ไปไหน?” ซ่างกวนซีลุกขึ้นรินชา หลบเลี่ยงความใกล้ชิดของเยี่ยนเว่ยฉือกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ลอยกรุ่นเข้าไปในโพรงจมูกของเขาไม่หยุดกลิ่นสมุนไพรที่ควรจะทำให้จิตใจสงบ กลับกลายเป็นเหมือนยาปลุกอารมณ์ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบุรุษในยามเช้าตรู่มักจะตื่นตัวเป็นพิเศษ เยี่ยนเว่ยฉือเลือกเวลาได้เหมาะเจาะจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมากถึงนางจะมีจิตวิญญาณของคนยุคปัจจุบัน แต่ในเรื่องชายหญิงยังถือว่าไม่ประสีประสา สำหรับเรื่องที่อ่อนประสบการณ์ นางจึงไม่ได้คิดรายละเอียดมากนักเมื่อเห็นซ่างกวนซีถาม เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ปิดบัง ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าฝ่าบาท
หน้ากากสีทองบดบังใบหน้าของฝูกวง แน่นอนว่ามันบดบังสีหน้าของเขาด้วยมิฉะนั้นเยี่ยนเว่ยฉือคงได้เห็นความดูถูกและความไม่แยแสบนใบหน้าของฝูกวงแล้วฝูกวงพูดอย่างเย็นชา “ศาลาจิ่วโยวได้รับงานใหม่ บอกว่าจวนรัชทายาทกำลังหาคนชื่อฮวาอวี๋ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย พูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ซ่างกวนซีเขา...เขาช่วยข้าหาคนจริง ๆ หรือ?”ฝูกวงขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เร่งเร้า “ข้าถามเจ้าอยู่ ใช่หรือไม่ใช่?”เยี่ยนเว่ยฉือได้สติ รีบพยักหน้า “อ่า ใช่ ใช่ ใช่ เป็นอย่างไร? เจ้าหาเจอแล้วหรือ?”ฝูกวงพูดตรง ๆ “หนึ่งพันตำลึง”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “เจ้ามาไถเงินจริง ๆ ด้วย แต่ก็ยังดี เมื่อเทียบกับหนึ่งหมื่นตำลึงครั้งก่อน ถือว่าเจ้าไว้หน้าข้ามากแล้ว”ฝูกวงเสริม “หนึ่งพันตำลึง หนึ่งเบาะแส”เบาะแส?เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ “สรุปว่าเจ้ายังหาคนไม่เจอ เพียงแค่ได้หนึ่งเบาะแส”ฝูกวงตอบอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่ซื้อก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”ฝูกวงกำลังจะหันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบพูด “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! เจ้าคนนี้ เหตุใดไม่มีความอดทนเลย ใครซื้อของก็ต้องต่อราคาทั้งนั้น!”ฝูก
เนื่องจากมีคำสั่งของซ่างกวนซี ดังนั้น...หลังจากธูปหมดดอก เยี่ยนเว่ยฉือก็ถูกพันมือทั้งสองข้างจนเหมือนบ๊ะจ่าง ไม่มีผิวส่วนใดโผล่ออกมาเลยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการจับสิ่งของ แม้แต่ถ้วยชานางก็ยังยกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือยกมือทั้งสองข้างที่พันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซี “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้แกล้งข้าอยู่กระมัง?!”ซ่างกวนซีเหลือบมองนาง “ข้าไม่มีเวลาว่างถึงเพียงนั้นหรอก!”พูดจบ ซ่างกวนซีก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับกำชับอย่างไม่พอใจ “ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะหายดี เจ้าห้ามออกไปไหน เรื่องเถาเหลยกงก็ไม่ต้องสนใจ!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็หายตัวไปในเรือนหลังเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “ฝ่าบาท… ดูเหมือนจะไม่พอใจบางอย่าง?”อวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ตอนทานมื้อกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย ออกไปเจอเรื่องอะไรมา?”“ฝ่าบาทออกไปทำอะไรหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือถามต่ออวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ซ่างกวนซีไม่ได้บอกอะไรทั้งสองคนไม่เข้าใจ จึงหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใจคนเป็นองค์รัชทายาทยากจะหยั่งถึง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจ แค่พูดไม่ได้เท่านั้นซ
ฉินเซียงหรูตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ตราบใดที่ไม่เกาจนผิวแตก ก็จะไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร รอพิษของเถาเหลยกงหมดฤทธิ์ ผื่นแดงบนมือก็จะค่อย ๆ จางหายไปภายในสามถึงห้าวัน”พูดถึงตรงนี้ ฉินเซียงหรูก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดต่อ “จำไว้ว่าห้ามเกา ข้าจะไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้เจ้า ป้องกันเจ้าอดใจไม่ไหว”น้ำเสียงตำหนิของฉินเซียงหรูที่แฝงความจนใจ ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายเล็กน้อย“ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างขอไปทีซ่างกวนซีที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าย่ำแย่ลงฉินเซียงหรูช่างสังเกต เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “คนที่ต้องเป็นห่วงหาได้มีเพียงข้าผู้เดียวไม่ องค์รัชทายาทต่างหากที่ทรงเป็นห่วงที่สุด”พูดจบ ฉินเซียงหรูก็หันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ยิ้มขม “ฝ่าบาทโปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เพียงแต่สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ข้าทำได้เพียงแค่ทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยนชิงซูสมใจไปได้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “มีแต่คนไร้ความสามารถเท่านั้นที่จะทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย คนที่มีความสามารถ จะใช้เพียงก
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั