ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “ไม่รู้” เขารู้สึกว่าคำถามนี้น่าเบื่อมากอวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้างๆ พูดขึ้น “ข้ารู้ ๆ ต้องหลงใหลในรูปร่างหน้าตาของศิษย์พี่ใหญ่แน่นอน”ฉินเซียงหรูก็เห็นด้วย “องค์รัชทายาทสง่างามที่สุดในสองแคว้นสี่นคร ใคร ๆ ก็รู้”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ใช่ ข้าคิดว่าท่านหญิงอิ๋นตางดูไม่เหมือนคนตื้นเขินเช่นนั้น”ทั้งสามคนมองไปที่นางพร้อมกัน รอให้นางอธิบายต่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดต่อ “คนเจ้าชู้เช่นเยี่ยนชิงซู ถึงจะถูกรูปร่างหน้าตาขององค์รัชทายาทดึงดูดตั้งแต่แรกเห็น แต่ในใจลึก ๆ ก็คิดว่าหน้าตาดีกินไม่ได้ ดังนั้นนางจึงอยากจะตีสนิทกับองค์รัชทายาท ในขณะเดียวกันก็ไม่อยากปล่อยมือจากซ่างกวนหลี สายตาที่นางมององค์รัชทายาทเหมือนคนลดความอ้วนเห็นขาหมูพะโล้ อยากกินแต่ไม่กินก็ไม่ตาย!”ซ่างกวนซีเบือนหน้าหนี ไม่อยากดูท่าทางพูดจาเกินจริงของเยี่ยนเว่ยฉือขาหมูพะโล้อะไร เขาหน้าเหมือนขาหมูพะโล้หรือ?“แล้วท่านหญิงอิ๋นตางมิใช่หรือ?” อวี๋เฟยเหยียนถามต่ออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ถูกต้อง ข้าพบว่าสายตาที่ท่านหญิงอิ๋นตางมององค์รัชทายาท ไม่ใช่ความหลงใหล แต่เป็นความผูกพัน นางชอบองค์รัชทายาทจากใจจริง มิใ
ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถามกลับว่า “เจ้าบอกว่า... เจ้ามีวิธีที่จะทำให้ท่านหญิงอิ๋นตางโปรดปรานผู้อื่น?”หากมีวิธีเช่นนั้นจริง เขาก็ไม่จำเป็นต้องใช้ยาเสน่ห์กับท่านหญิงอิ๋นตางอีกต่อไปวิธีการที่น่ารังเกียจเช่นนี้ ในใจของเขาก็ต่อต้านอย่างมาก เพียงแต่รับพระบัญชามาก็ยากที่จะขัดขืนเยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่ซ่างกวนซี “จะมีวิธีหรือไม่นั้น ก็ขึ้นอยู่กับท่านแล้ว”“หมายความว่าอย่างไร?” ซ่างกวนซีขมวดคิ้วด้วยความสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านต้องบอกข้าว่า ในวัยเยาว์ของท่าน ได้เกิดเรื่องราวที่ยากจะลืมเลือนอะไรขึ้นกับท่านหญิงอิ๋นตาง ถึงทำให้พระนางระลึกถึงท่านมานานนับสิบปี?”คิ้วของซ่างกวนซีขมวดแน่นยิ่งขึ้น “ในวัยเยาว์? นั่นไม่ใช่เรื่องเมื่อสิบกว่าปีก่อนหรอกหรือ ข้าจะจำได้อย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือก็รู้ว่าค่อนข้างยากที่จะรำลึกความหลัง นางถอนหายใจกล่าวว่า “แน่นอนว่าไม่ง่ายที่จะรำลึกได้ แต่ท่านหญิงอิ๋นตางยึดมั่นในท่านเช่นนี้ ย่อมต้องมีเหตุผล หากเราหาเหตุผลนี้พบ เราก็จะสามารถหาวิธีให้พระนางเปลี่ยนเป้าหมายได้ ในเมื่อพระนางกับท่านก็ไม่ได้อยู่ด้วยกันทุกวัน แล้วจะมีความรักลึกซึ้งกันได้อย่างไร!”“โอ
อ๋องจ่างซิ่นขมวดคิ้วกล่าวว่า “พอกันที เลิกถอนหายใจกันได้แล้ว ข้าหรือจะไม่รู้ว่าเขาเป็นคนอายุสั้น? แต่เฟยเอ๋อร์ชอบเขา! ข้ามีบุตรสาวเพียงคนเดียว หากนางอยากได้ดวงดาวบนท้องฟ้า ข้าก็ต้องหามาให้นาง! ซ่างกวนซีจะมีชีวิตอยู่ได้นานแค่ไหนไม่สำคัญ สิ่งสำคัญคือเฟยเอ๋อร์มีความสุข อย่างมากแค่รอเขาตาย แล้วค่อยหาเขยคนใหม่มาแต่งกับเฟยเอ๋อร์ จะมีความสุขได้กี่วันก็เอาเท่านั้น!”อ๋องจ่างซิ่นถือว่าซ่างกวนซีเป็นของเล่นของหานอวี่เฟยหลังจากพูดจบ เขาก็ลุกขึ้นเดินไปทางสวนหลังบ้านพระชายาอ๋องจ่างซิ่นมองดูอย่างแน่วแน่ก็รู้ว่าอ๋องจ่างซิ่นไปหาอนุเหล่านั้นพระชายากล้าโกรธแต่ไม่กล้าพูด ได้แต่สั่งให้ห้องครัวเตรียมน้ำแกงบำรุง นี่คือสิ่งที่อ๋องจ่างซิ่นต้องดื่มทุกครั้งหลังเสร็จกิจ…… วันรุ่งขึ้น พระตำหนักจิ่วหลงวันนี้ยังคงเป็นหลังจากการประชุมราชสำนักเช้า เยี่ยนเว่ยฉือและท่านหญิงอิ๋นตางหานอวี่เฟย ต่างก็มาถึงพระราชวังจิ่วหลงฮ่องเต้คังอู่ทรงมองไปที่อ๋องจ่างซิ่นด้วยความสนใจ “เจ้าคิดหัวข้อที่เหมาะสมได้แล้วหรือ?”อ๋องจ่างซิ่นตอบอย่างเคารพ “ทูลฝ่าบาท กระหม่อมกลับไปคิดอย่างถี่ถ้วนแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือผู้นี้ไม่รู้วรยุทธ
ยังไม่ทันที่อ๋องจ่างซิ่นจะตอบ อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวที่ยืนดูเหตุการณ์อยู่ข้าง ๆ ก็พูดขึ้นว่า “พรุ่งนี้ก็ไม่เลว กระหม่อมจะได้มีเวลาคืนนี้กลับไปคิดหัวข้อสำหรับการประลองรอบที่สาม”กล่าวอีกนัยหนึ่ง อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวได้ตัดสินแล้วว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะต้องแพ้ในการประลองรอบที่สองอย่างแน่นอนในฐานะแขกจากแดนไกล อ๋องจ่างซิ่นต้องไว้หน้าเขาบ้าง จึงพยักหน้ากล่าวว่า “ก็ได้ ๆ ช่างยุ่งยากเสียจริง! เช่นนั้นก็เป็นพรุ่งนี้!”…… หลังจากยืนยันหัวข้อของการประลองรอบที่สองแล้ว ทุกคนก็ทยอยกันออกจากพระราชวังขณะเดินไปที่ลานด้านนอก เยี่ยนเว่ยฉือและคณะก็ได้ยินขันทีผู้ดูแลคนหนึ่งสั่งงานขันทีน้อย“พวกเจ้า พาคนหลาย ๆ คนไปวิดน้ำในกระถางสำริดทั้งสองใบนั้นออก พรุ่งนี้จะใช้กระถางเปล่าทั้งสองใบในการประลอง!”ขันทีน้อยสองคนเดินเข้าไปยก แต่กลับยกไม่ขึ้นขันทีผู้ดูแลกล่าวอย่างไม่พอใจว่า “โอ๊ย พวกเจ้าช่างโง่เขลาเสียจริง เข็นสิ เข็นกระถางสำริดให้เอียง น้ำก็ไหลออกมาแล้ว น้ำฝนที่สาดอยู่ในลานก็จะได้ไหลไป ชะล้างตะไคร่น้ำไปด้วย!”“ขอรับ!” ทั้งสองรีบรับคำและร่วมมือกันผลักกระถางสำริดที่สำรองน้ำไว้!เกิดเสียงดังโครมคราม น้ำภายในพุ่งกร
ซ่างกวนซีพยักหน้าเห็นด้วย “ข้าก็คิดเช่นนั้น ดังนั้นข้าจึงฉวยโอกาสตอนที่พวกเขาไม่ทันระวัง ปล่อยหมีไป”“ปล่อยไป?” เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างมองซ่างกวนซี “การที่พวกเขาฆ่าหมีนั้นเลวร้ายก็จริง แต่ที่ท่านปล่อยหมีไป นั่นเรียกโง่เขลา!”ซ่างกวนซียกมือขึ้น หมายจะดีดหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉืออีกครั้งเยี่ยนเว่ยฉือรีบเอามือปิดหน้าผาก “อ๊ะ ข้าผิดไปแล้ว ข้าโง่เองที่กล่าวเช่นนั้น”ซ่างกวนซีลดมือลง กล่าวอย่างจนปัญญา “ข้าไม่ได้ออกแรงมากมาย เหตุใดเจ้าต้องร้องโอดโอยเช่นนั้น!”ซ่างกวนซีมองนางอย่างตำหนิ กล่าวต่อว่า “อย่างไรก็ตาม... ที่เจ้าพูดก็ไม่ผิด ตอนนั้นข้ายังเด็กและไม่รู้ความ จึงไม่ตระหนักว่าการไปปล่อยหมีดำเพียงลำพังจะทำให้ทุกคนตกอยู่ในอันตราย หลังจากที่หมีดำออกจากกรง ก็ไม่ได้จากไปทันที แต่กลับพุ่งเข้าไปในงานเลี้ยงแทน”อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “มันทำร้ายคนหรือ? ทำร้ายท่านหญิงอิ๋นตางหรือ?”ซ่างกวนซีส่ายหน้า “เป้าหมายของมันชัดเจน คือพุ่งไปที่องครักษ์ของอันกั๋วกง เพียงแต่ถูกองครักษ์ขับไล่ ท่ามกลางความวุ่นวายนั้น มันไม่เพียงแต่ทำร้ายผู้คนมากมาย แต่ยังผลักท่านหญิงอิ๋นตางที่อายุเพียงเจ็ดขวบ ตกลงไปในสระบัว
ซ่างกวนซีพยักหน้า “ไม่ใช่ข้าที่อยากให้เป็นเช่นนั้น แต่เป็นเสด็จพ่อ เสด็จพ่อทรงอาลัยอาวรณ์เหวินหลิง ส่วนองค์หญิงองค์อื่น ๆ ที่ประสูติแต่พระสนมก็ไม่สามารถตอบสนองความต้องการของอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวได้ เมื่อคิดดูแล้ว ท่านหญิงอิ๋นตางเหมาะสมที่สุด เบื้องหลังของพระนางคืออ๋องจ่างซิ่นที่กุมกำลังทหารไว้ในมือ สำหรับอวี้ฉืออวิ๋นจ้าวที่กำลังจะแย่งชิงบัลลังก์แล้ว นับว่ามีประโยชน์อย่างมาก”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “เช่นนั้นก็ดี ส่งนางไปแต่งงานไกล ๆ จะได้ไม่ต้องร่วมมือกับเยี่ยนชิงซูหาเรื่องข้า”“พี่สะใภ้ แล้วเจ้าคิดวิธีอะไรได้หรือยัง?” อวี๋เฟยเหยียนตาเป็นประกาย เห็นได้ชัดว่าตั้งตารออุบายของเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “ตอนนี้ยังไม่มี ข้าต้องคิดดูให้ดี ๆ ก่อน”ขณะที่ทั้งสามพูดคุยกัน รถม้าก็มาถึงจวนรัชทายาทแล้วทุกคนทยอยลงจากรถ บังเอิญว่าฉงซานวิ่งมาจากที่ไกล ๆฉงซานหยิบกล่องผ้าไหมสีแดงเล็ก ๆ ส่งให้ซ่างกวนซี “องค์รัชทายาท นี่คือสิ่งที่คุณชายเย่ส่งมาขอรับ กล่าวว่าเป็นสิ่งที่ฝ่าบาทต้องการ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย เข้าใจในทันทีว่าข้างในคืออะไรนั่นคือสิ่งที่เขาสั่งให้เย่เทียนซูเตรียมไว้ก่อนหน้านี้
ซ่างกวนซีแสยะยิ้มเล็กน้อย “เต๋อซ่วนกงกงพูดเช่นนี้ได้อย่างไร? หากข้าจำไม่ผิด วันนั้นเว่ยฉือเพียงแค่ให้เหวินหลิงขอโทษข้าเท่านั้น เป็นการขอโทษอย่างจริงใจถึงจะสงบเรื่องลงได้ นางยังเด็ก กลับใช้คำพูดที่ร้ายกาจเพียงนั้น จึงทำให้ต้องเผชิญกับการลงโทษจากสวรรค์ โทษจากสวรรค์เช่นนี้ ใครเล่าจะสามารถควบคุมได้?”ซ่างกวนซียกถ้วยชาขึ้นจิบ ไม่กล่าวอะไรอีกเต๋อซ่วนกงกงเข้าใจในทันที ซ่างกวนซีใช้ชาไล่แขก!เมื่อนึกถึงคำพูดที่หยาบคายขององค์หญิงเหวินหลิงที่พระตำหนักจิ่วหลงในวันนั้น เต๋อซ่วนกงกงที่อยากจะพูดจาดี ๆ ช่วยนางสักสองสามคำ ก็หาคำพูดไม่ได้เมื่อคิดดูแล้ว เขารีบทำความเคารพ “องค์รัชทายาทกล่าวถูกต้องแล้ว กระหม่อมจะกลับไปแจ้งข่าว ให้องค์หญิงเหวินหลิงมาขอโทษองค์รัชทายาทและพระชายาด้วยพระองค์เอง เพื่อวอนขอให้สวรรค์เมตตา ปลดเปลื้องโทษทัณฑ์จากผลกรรม กระหม่อมขอทูลลา”“ชิงโจว ไปส่งกงกงที่ประตู!” ซ่างกวนซีสั่ง…… วังหลัง ตำหนักเฟิ่งอี๋เต๋อซ่วนกงกงถูกปฏิเสธที่จวนรัชทายาท เมื่อกลับถึงวัง ก็นำคำพูดของซ่างกวนซีไปกราบทูลฮ่องเต้คังอู่และฮองเฮาตามตรงเมื่อฮองเฮาได้ยินเช่นนั้นก็ร้องไห้ทันที “ฝ่าบาท ทรงฟังเถิด นี
หลังจากฮ่องเต้คังอู่เสด็จจากไป ลู่โมโม่[footnoteRef:0]ที่อยู่ข้างกายฮองเฮาก็เฝ้ามองอยู่ที่หน้าประตูเป็นเวลานาน [0: โมโม่ ตำแหน่งนางกำนัลรับใช้อาวุโส ] เมื่อเห็นว่าผู้คนไปไกลแล้ว เขาจึงวิ่งกลับมา พลางประคองฮองเฮาให้ลุกขึ้น กล่าวว่า “ฮองเฮาลุกขึ้นเถิดเพคะ พื้นเย็นนัก ฝ่าบาทเสด็จไปไกลแล้ว”ฮองเฮาถอนพระหายใจ ลุกขึ้นจากพื้น ใช้ผ้าเช็ดน้ำตาบนใบหน้า ทันใดนั้นสีหน้าแปรเปลี่ยนเป็นความกริ้วโกรธ ไม่มีความอ่อนแอเช่นเมื่อครู่เลยแม้แต่น้อยฮองเฮากัดฟันกล่าว “เจ้าคนอายุสั้นซ่างกวนซี เยี่ยนเว่ยฉือนางสารเลวนั่น บังอาจลงมือกับเหวินหลิงของข้า ความแค้นนี้ ข้าจะไม่มีทางกลืนลงคอเด็ดขาด ส่งข่าวให้พี่ชายของข้า ให้เขาส่งคนไปเย่าเฉิงเพื่อเชิญหมอที่มีชื่อเสียงมา”เฉียวกงกงที่อยู่ข้าง ๆ ได้ยินดังนั้นก็พยักหน้า “ฮองเฮา กระหม่อมมีเรื่องอยากจะกราบทูล ไม่ทราบว่าควรกราบทูลหรือไม่พ่ะย่ะค่ะ”ฮองเฮามองเขา ขมวดคิ้ว “พูดจาวกวนอะไร อยากพูดก็พูดมา”เฉียวกงกงรีบกล่าว “พ่ะย่ะค่ะ ฮองเฮา กระหม่อมคิดว่ายามนี้ร่างกายขององค์หญิงสำคัญที่สุด จากเมืองหลวงไปเย่าเฉิงไกลกันพันลี้ ไปกลับกว่าหมอเทวดาจะมาถึง องค์หญิงคง…”คำพูดที่เ
ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ
ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง
ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง
"เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา
ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี
แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก
ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ