แม้แต่ม้าเร็วที่เดินทางได้แปดร้อยลี้และกระทั่งพิราบสื่อสาร ก็ยังไม่อาจเทียบความเร็วกับนกฮูกหิมะเหล่านี้ได้เลย!ทุกคนจ้องมองไข่นกคู่นั้นตาเป็นประกาย โดยเฉพาะอ๋องจ่างซิ่นที่อยู่ในสนามรบมาครึ่งชีวิต ยิ่งรู้ถึงประโยชน์ของนกฮูกหิมะเหล่านี้เขาหันไปมองฮ่องเต้คังอู่ กล่าวว่า “ฝ่าบาท ให้กระหม่อมเลี้ยงดูนกฮูกหิมะคู่นี้ให้ฝ่าบาทได้หรือไม่พ่ะย่ะค่ะ?”อันกั๋วกงไม่สนใจนก แต่เขาไม่อยากให้อ๋องจ่างซิ่นได้หน้าไปคนเดียวจึงหัวเราะเบาๆ กล่าวว่า “ท่านคงไม่ได้ยินสิ่งที่องค์หญิงห้ากล่าว ใครเลี้ยงดู พวกมันก็จะเชื่อฟังคนนั้น นกฮูกหิมะเหล่านี้มอบให้ฝ่าบาท แน่นอนว่าฝ่าบาทต้องทรงเลี้ยงดูด้วยพระองค์เองจึงจะเหมาะสม”อ๋องจ่างซิ่นเหลือบมองอันกั๋วกง ไม่ได้กล่าวอะไรอีกเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้คังอู่ก็ไม่คิดจะมอบนกฮูกหิมะให้แก่อ๋องจ่างซิ่น จึงมองไปยังอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น เอ่ยถามต่อไป “ฮ่องเต้แห่งเป่ยอิ้นช่างมีน้ำใจ ของที่มีชีวิตชิ้นที่สามคือสิ่งใด?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเดินไปยังวัตถุทรงกลมขนาดใหญ่ที่อยู่กลางท้องพระโรงสิ่งนั้นเพิ่งถูกยกเข้ามา วางอยู่บนพื้น มีขนาดใหญ่ เนื่องจากมีผ้าแดงคลุมอยู่ ทุกคนจึงมองไม่ออกว่าข้างในคืออ
อย่างไรก็ตาม เมื่อฮ่องเต้คังอู่ได้ยินเช่นนั้นกลับยินดีปรีดาอย่างยิ่งทุกคนรู้ดีว่าพระโอรสที่เขารักมากที่สุดคือองค์รัชทายาทซ่างกวนซีและพิษของซ่างกวนซีเป็นความกังวลใจของเขามาโดยตลอดฮ่องเต้คังอู่เอ่ยถามด้วยความตื่นเต้นเล็กน้อย “เจ้าพูดจริงหรือ? ปลาตัวนี้สามารถสลายพิษกู่เย็นในร่างของชูจิ่งได้?”เมื่อเห็นท่าทีของฮ่องเต้คังอู่เช่นนี้ สองพี่น้องชาวเป่ยอิ้นก็สบตากัน ทั้งสองรู้สถานการณ์ของซ่างกวนซีในใจแล้วดูเหมือนว่าพิษในกายซ่างกวนซียังไม่หายดี ฮ่องเต้จึงตื่นเต้นและดีใจเช่นนี้แต่เพื่อความไม่ประมาท ยังคงต้องทดสอบดูก่อนอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล่าวต่อ “ทูลฝ่าบาท มัจฉาทองคำจิ่วหยางสามารถสลายพิษกู่เย็นได้จริง แต่จะช่วยองค์รัชทายาทได้หรือไม่ ต้องให้องค์รัชทายาททดลองดูก่อน”“จะทดลองอย่างไร?” ฮ่องเต้คังอู่ทรงตรัสถามอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นมองไปยังซ่างกวนซี กล่าวด้วยน้ำเสียงสุภาพ “ง่ายมาก ขอเชิญองค์รัชทายาทมาสัมผัสปลาตัวนี้ มัจฉาทองคำจิ่วหยางสามารถดูดซับพิษกู่เย็นได้ หากมันสามารถดูดซับพิษกู่เย็นในร่างกายของเขาได้ เมื่อเขาสัมผัสมัน มันก็จะดูดพิษกู่เย็นออกมา ทำให้น้ำในอ่างค่อย ๆ กลายเป็นน้ำแข็ง นี่แสดงให้
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่างกวนซีก็เอ่ยปากทันที “เสด็จพ่อ กระหม่อม…”“องค์รัชทายาท สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว รีบสัมผัสเถิด อย่าให้ฝ่าบาททรงกังวลไปเลย” เยี่ยนเว่ยฉือจับมือของซ่างกวนซีแล้วลูบเบา ๆทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน การกระทำที่ใกล้ชิดเช่นนี้จึงดูไม่แปลกแต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเยี่ยนเว่ยฉือทาบางสิ่งบางอย่างลงบนมือของเขาเขาหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ ใช้สายตาเอ่ยถามเยี่ยนเว่ยฉือกลับยิ้มตาหยี กล่าวต่อไป “ไปเถอะ ไปเถอะ หม่อมฉันก็อยากจะเห็นปลาที่เก่งกาจตัวนี้เช่นกัน”เมื่อซ่างกวนซีเห็นท่าทีที่มั่นใจของเยี่ยนเว่ยฉือ ก็รู้ว่าการที่เขาไปสัมผัสปลาคงไม่มีปัญหาอะไรจึงลุกขึ้นกล่าวว่า “เสด็จพ่อ กระหม่อมจะไปทดลองดูพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า สายตาจับจ้องไปที่ซ่างกวนซีคนอื่น ๆ ก็จับจ้องไปที่ซ่างกวนซีเช่นกันอวี๋เฟยเหยียนกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง ฝ่ามือมีเหงื่อออกซ่างกวนซีมาถึงข้างอ่างปลา พบว่าน้ำในอ่างมีไอน้ำระอุขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิน้ำค่อนข้างอุ่นเมื่อมองดูปลาในอ่าง จึงพบว่ามันตัวใหญ่มาก อย่างน้อยก็สองฉื่อเข้าไปแล้วปลาทั้งตัวเป็นสีทอง เกล็ดเป็นประกายดูสวยงา
เยี่ยนเว่ยฉือแบมือกล่าว “องค์หญิงห้าตรัสเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันอยู่ในที่ของหม่อมฉัน ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน มันฆ่าตัวตายเอง เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉัน?”ใช่แล้ว ทุกคนเห็นว่าเป็นปลาตัวนั้นกระโดดออกมาเอง เกี่ยวอะไรกับเยี่ยนเว่ยฉือ?ซ่างกวนซีสะบัดแขนเสื้อ กล่าวอย่างเฉยเมย “ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีวาสนาได้รับความหวังดีจากท่านทั้งสอง”เมื่อซ่างกวนซีกล่าวจบ ก็กลับไปยังที่นั่งของตน สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆฮ่องเต้คังอู่บนที่สูงกลับทรงผิดหวัง ตรัสถามอย่างอดไม่ได้ “นี่…เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ น่าเสียดายจริง ๆ ไม่ทราบว่าปลาที่ตายแล้วยังมีประโยชน์หรือไม่?”สองพี่น้องชาวเป่ยอิ้นสบตากัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ที่จริงแล้ว มัจฉาทองคำจิ่วหยางต้องรับประทานเข้าไป เพียงแต่หากองค์รัชทายาทไม่ได้ป่วยด้วยพิษกู่เย็น หากรับประทานเข้าไปโดยพลการ เกรงว่าจะทำร้ายตนเอง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ต้องทดลองก่อนจึงจะตัดสินใจได้ว่าจะใช้ได้หรือไม่ เมื่อไม่ได้ทดลอง ตอนนี้ปลาตายแล้ว ก็ไม่สามารถรับประทานโดยพลการได้ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจ ทอดพระเนตรพระโอรสด้วยความสงสารซ่างกวนซีสงบนิ่งเช่นเคย แย้มพระสรวลให้พระบิดาเล
ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือเติบโตมาในเล้าหมู!อย่าว่าแต่เล่นหมากเลย เยี่ยนเว่ยฉือสามารถเขียนชื่อตัวเองได้หรือไม่นับว่ายังยากที่จะบอกให้แก้หมาก นั่นไม่ใช่การจงใจดูถูกนางหรอกหรือ?อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะให้ฝ่าบาททรงแก้หมากนี่นา เหตุใดยามนี้จึงหันเหมาสนใจพระชายาองค์รัชทายาทเล่า? หรือว่าจงใจหาเรื่อง?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยิ้ม “เหตุใดรัฐทายาทอวี๋ต้องตื่นเต้นเช่นนี้ด้วย ที่จริงเสด็จพ่อเคยตรัสไว้ ไม่ว่าผู้ใดจะแก้หมาก ขอเพียงแต่เป็นชาวต้าหลี่ หากสามารถแก้หมากกระดานนี้ได้ก็ถือว่าเป็นฝีมือของฮ่องเต้แห่งต้าหลี่ เราก็ยินดีจะมอบหมากหยกเย็นและหยกอุ่นให้ด้วยความเต็มใจ”ขอเพียงแต่เป็นชาวต้าหลี่ก็พอหรือ?ทั้งต้าหลี่มีประชากรมากมาย อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าหมากกระดานนี้คงแก้ยากยิ่งอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือ ก่อนกล่าวต่อ “เป็นอย่างไร พระชายา จะลองดูหรือไม่? ท่าน…คงไม่กลัวหรอกกระมัง?”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก “ข้าไม่ได้กลัว!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นหัวเราะเยาะ “เช่นนั้นก็เชิญ!”เยี่ยนเว่ยฉือแบมือ “แต่ข้าเล่นไม่เป็น!”เล่นไม่เป็น?เมื่อได้ยินเช่น
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเล็กน้อย “มีความสามารถหรือไม่มี ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะมองอย่างไร ในสายตาข้า คนมีความสามารถย่อมใจกว้างอ่อนน้อม ฉลาดอย่างลึกซึ้งไม่โอ้อวด รู้โลกแต่ไม่ฉ้อฉล มีเสน่ห์แต่ไม่ต่ำช้า ส่วนคนไร้ความสามารถ…ทำได้เพียงแค่โกรธเกรี้ยว! โกรธเกรี้ยวเยี่ยงคนไร้ความสามารถ!”โกรธเกรี้ยวอย่างคนไร้ความสามารถ นี่ไม่ได้หมายถึงหานอวี่เฟยและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นที่อยู่ตรงหน้าหรอกหรือ?“เจ้า บังอาจนัก!” หานอวี่เฟยโกรธจนหน้าแดงคอแดงท่าทีที่ฉุนเฉียวนั้นยิ่งเหมือนอ๋องจ่างซิ่นเข้าไปทุกที“ใครกันแน่ที่บังอาจ?” ซ่างกวนซีกล่าวเบา ๆ ประโยคเดียวกลับหยุดยั้งเสียงคำรามของหานอวี่เฟยได้ทันทีเขากล่าวต่อ “ต่อหน้าคณะทูต ทำเสียงดังโวยวาย ดูเหมือนว่าท่านหญิงอิ๋นตางจะมีความสามารถในการแก้หมากกระดานนี้ เช่นนั้นเชิญเจ้าลองดูเถิด อย่าให้ผู้อื่นมองข้ามความสามารถของเจ้าไป!”เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว “ใช่แล้ว หากเจ้าเก่งเจ้าก็เล่นเองสิ!”หานอวี่เฟยไม่มีไหวพริบ จึงทนการยั่วยุเช่นนี้ไม่ได้ นางออดอ้อนซ่างกวนซีทันที “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ท่านก็รู้แต่จะช่วยนาง ลองก็ลอง ข้าไม่กลัวหรอก!”โอ๊ย ๆ ๆ…เมื่อเห็นหญิงอ้วนน้ำหนักสองร้อ
อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นมองไปที่ซ่างกวนหลี ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ของขวัญชิ้นที่สองและชิ้นที่สามมีความเกี่ยวข้องกัน”“โอ้? ข้าอยากฟังรายละเอียด!” ซ่างกวนหลีก็ยิ้มอย่างสดใสคนดูรอบข้างมองออกว่าเป้าหมายของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ส่วนใหญ่แล้วคือซ่างกวนหลีมิฉะนั้นคงไม่ยิ้มเอาใจเช่นนี้แต่ซ่างกวนหลีจะแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นหรือไม่นั้นก็บอกไม่ได้อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตบมือ นางกำนัลชาวเป่ยอิ้นสองคนเดินเข้ามานางเปิดผ้าแดงทางซ้ายมือก่อน ทุกคนยื่นคอดู พบว่าถาดนั้นว่างเปล่าฮ่องเต้คังอู่บนที่สูงขมวดพระขนงด้วยความสงสัยฮองเฮาก็เอ่ยถาม “นี่…คือสิ่งใด? หรือว่าของขวัญคือถาดนี้?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจกล่าว “ขอทูลตามตรง สมบัติล้ำค่าชิ้นที่สองนี้คือสมบัติประจำชาติเป่ยอิ้นของเรา คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษร!”“อะไรนะ? คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษร?!” อันกั๋วกงตื่นเต้นจนเกือบจะลุกขึ้นยืนเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้คังอู่ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถามว่า “คือคัมภีร์ที่สามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคตได้ใช่หรือไม่?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว”“แล้วหนังสือเล่มนั้นอยู่ที่ใด?” อ๋องจ่างซิ่นก็ถามอย่างใจ
อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่ายหน้าเล็กน้อย กล่าวว่า “มิใช่ ของล้ำค่าชิ้นที่สามนี้ หากจะกล่าวโดยละเอียด ถือได้ว่าเป็นการยืมดอกไม้สักการะไต้ซือ เพราะสิ่งนี้มิได้เป็นของเป่ยอิ้น”มิใช่ของเป่ยอิ้น?เมื่ออวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็เปิดผ้าแดงทางขวามือทุกคนเห็นว่าบนถาดนั้นมีเพียงปิ่นปักผมที่ไม่แวววาวนัก ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับศีรษะในขณะที่ทุกคนสงสัยฮ่องเต้คังอู่และซ่างกวนซีกล่าวพร้อมกัน “ปิ่นหางหงส์!”สองพ่อลูกสบตากัน เห็นได้ชัดว่าต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายจำสิ่งนี้ได้อันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นก็สบตากัน ทั้งสองมีสีหน้างุนงงอ๋องจ่างซิ่นพึมพำ “ปิ่นหางหงส์…นี่คือ…นี่คือของรักของฮองเฮาองค์ก่อนมิใช่หรือ?”อ๋องจ่างซิ่นจำเครื่องประดับเหล่านั้นไม่ได้ แต่เขาจำชื่อนี้ได้อันกั๋วกงก็จำชื่อนี้ได้เช่นกัน นี่เป็นของรักของฮองเฮาองค์ก่อนจริง และเป็นสมบัติติดตัวของนางแต่เครื่องประดับปิ่นหางหงส์ชุดนั้นไม่ได้ฝังไปพร้อมกับพระศพของฮองเฮาองค์ก่อนหรอกหรือ?ฮ่องเต้คังอู่ตื่นเต้นจนก้าวลงจากบัลลังก์มังกร เมื่อซ่างกวนซีเห็นเช่นนั้นก็รีบตามไปสองพ่อลูกมองไปที่ปิ่นปักผม สามารถยืนยันได้ว่าเป็นปิ่นหางห
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ
“ใครกันทำตัวเหลวไหลเช่นนี้?!” ซ่างกวนซีมองไปที่ประตูอย่างประหลาดใจผลปรากฏว่าเห็นเยี่ยนเว่ยฉือหน้าแดงก่ำ เดินเข้ามาด้วยฝีเท้ามั่นคงซ่างกวนซีลุกขึ้นยืน เดินเข้าไปหานางด้วยความสงสัย “เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้ากล้ามาก! ถึงกับกล้า…”“ใช่! ข้ากล้ามาก แล้วทำไม?” เยี่ยนเว่ยฉือตาปรือ แต่คำพูดกลับแข็งกร้าวสิ่งนี้ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจเล็กน้อยเห็นเพียงเยี่ยนเว่ยฉือเดินโซเซมาหาเขา พูดเสียงดังว่า “มีคำกล่าวว่าสอนลูกต่อหน้าคนอื่น ตักเตือนภรรยาลับหลัง… อ่า ไม่ใช่ ตักเตือนสามีลับหลัง วันนี้ข้าจะสอนท่านถึงหลักการใช้ชีวิตเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเดินเข้าไปหาซ่างกวนซีอย่างฮึกเหิม แต่ก้าวพลาด เท้าซ้ายสะดุดเท้าขวา ทำให้ทั้งร่างโถมเข้าไปหาซ่างกวนซีเมื่อเห็นดังนั้น ซ่างกวนซีก็เบิกตากว้าง สัญชาตญาณทำให้เขายื่นมือออกไปรับแต่เนื่องจากแรงเฉื่อยของเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไป ทำให้เขาก็ถอยหลังไปหลายก้าวโชคดีที่ข้างหลังเป็นเก้าอี้ ซ่างกวนซีนั่งลงไปอย่างแรง ใช้มือยันโต๊ะไว้ได้ ทำให้ไม่ล้มลงไปในขณะเดียวกัน เยี่ยนเว่ยฉือก็นั่งคร่อมอยู่บนตักของเขาซ่างกวนซีขมวดคิ้วมองนาง ถามว่า “เจ้าดื่มสุรามารึ?”บนร่างกายของนางเจือก
“เฮ้อ ก็ได้ ๆ คราวนี้ข้าใจกว้าง จะไม่ถือสา! ไม่ต้องขอโทษข้าแล้ว! ฮึ่ม!” เยี่ยนเว่ยฉือพูดปลอบใจตัวเอง หยิบกาน้ำชาบนโต๊ะ เตรียมจะดื่มน้ำดับกระหายแต่พอหยิบขึ้นมาก็พบว่ากาน้ำชาว่างเปล่า ทำให้หงุดหงิดมากขึ้นทันที“ไคจือ ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือตะโกนพอดีกับที่ไคจือถือกาน้ำชาเข้ามา ยิ้มตอบว่า “พระชายากระหายน้ำหรือเพคะ? มีชาดอกสายน้ำผึ้งที่ต้มใหม่ ๆ ช่วยดับกระหายได้ พระชายาจะลองชิมดูหรือไม่เพคะ?”ไคจือรีบรินชาให้เยี่ยนเว่ยฉือหนึ่งแก้วกลิ่นชาหอมอบอวล ทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะเลิกคิ้ว“เอ๊ะ หอมจัง ในนี้ดูเหมือนจะไม่ใช่แค่ดอกสายน้ำผึ้งนะ?”ไคจือตอบว่า “ได้ยินจากจางมามาว่าเป็นชาดอกไม้ที่ท่านหมอฉินต้ม อาจจะใส่สมุนไพรอื่นด้วยกระมังเพคะ?”เยี่ยนเว่ยฉือยกขึ้นมาดมที่จมูก รู้สึกเพียงแต่กลิ่นหอมอบอวล ชวนให้หลงใหลเล็กน้อยนางยิ้ม “ของของฉินเซียงหรูต้องเป็นของดีแน่ ๆ”พูดจบ นางก็ดื่มชาจนหมดจอกตอนแรกที่ดื่มเข้าไปจะขมปร่า ตอนที่กลืนลงคอจะหวาน หลังจากขมแล้วรสหวานจะตีตื้นขึ้น หอมละมุนติดปาก“เป็นชาที่ดีจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือพอใจกับรสชาตินี้มากที่สำคัญคือไม่รู้ด้วยเหตุใด หลังจากดื่มชาแก้ว