อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่ายหน้าเล็กน้อย กล่าวว่า “มิใช่ ของล้ำค่าชิ้นที่สามนี้ หากจะกล่าวโดยละเอียด ถือได้ว่าเป็นการยืมดอกไม้สักการะไต้ซือ เพราะสิ่งนี้มิได้เป็นของเป่ยอิ้น”มิใช่ของเป่ยอิ้น?เมื่ออวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็เปิดผ้าแดงทางขวามือทุกคนเห็นว่าบนถาดนั้นมีเพียงปิ่นปักผมที่ไม่แวววาวนัก ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับศีรษะในขณะที่ทุกคนสงสัยฮ่องเต้คังอู่และซ่างกวนซีกล่าวพร้อมกัน “ปิ่นหางหงส์!”สองพ่อลูกสบตากัน เห็นได้ชัดว่าต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายจำสิ่งนี้ได้อันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นก็สบตากัน ทั้งสองมีสีหน้างุนงงอ๋องจ่างซิ่นพึมพำ “ปิ่นหางหงส์…นี่คือ…นี่คือของรักของฮองเฮาองค์ก่อนมิใช่หรือ?”อ๋องจ่างซิ่นจำเครื่องประดับเหล่านั้นไม่ได้ แต่เขาจำชื่อนี้ได้อันกั๋วกงก็จำชื่อนี้ได้เช่นกัน นี่เป็นของรักของฮองเฮาองค์ก่อนจริง และเป็นสมบัติติดตัวของนางแต่เครื่องประดับปิ่นหางหงส์ชุดนั้นไม่ได้ฝังไปพร้อมกับพระศพของฮองเฮาองค์ก่อนหรอกหรือ?ฮ่องเต้คังอู่ตื่นเต้นจนก้าวลงจากบัลลังก์มังกร เมื่อซ่างกวนซีเห็นเช่นนั้นก็รีบตามไปสองพ่อลูกมองไปที่ปิ่นปักผม สามารถยืนยันได้ว่าเป็นปิ่นหางห
“จะให้ข้าระงับโทสะได้อย่างไร? แม้แต่สุสานหลวงก็ดูแลไม่ได้ เช่นนั้นจงประหารองครักษ์ที่ดูแลสุสานหลวงทั้งหมด!” ฮ่องเต้คังอู่ทรงพระพิโรธยิ่งนัก!ยิ่งพระองค์ทรงพระพิโรธ ฮองเฮาองค์ปัจจุบันก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดเพราะทุกคนรู้ดีว่า ฮ่องเต้คังอู่ทรงพระพิโรธเช่นนี้ ย่อมเป็นเพราะทรงอาลัยรักอดีตฮองเฮาอย่างแน่นอนเมื่อซ่างกวนซีเห็นดังนั้นจึงกราบทูลว่า “เสด็จพ่อ โปรดอนุญาตให้ลูกนำทหารไปตรวจสอบสุสานหลวงด้วยตนเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นั่นเป็นสถานที่ฝังพระศพของพระมารดา เขาไม่ไปดู จะวางใจได้อย่างไรเรื่องนี้มอบหมายให้ซ่างกวนซี ย่อมเหมาะสมที่สุด แต่สิ่งที่ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจก็คือ ฮ่องเต้คังอู่ไม่อนุมัติฮ่องเต้คังอู่ทรงปฏิเสธ “มิได้ ให้กงไห่ แม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารหลงฉี นำทหารม้าสามพันนายไปยังสุสานหลวง”ทหารม้าสามพันนาย?นี่เพียงพอที่จะสังหารองครักษ์ที่ดูแลสุสานหลวงทั้งหมดลงได้เชียวนะทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเอ่ย ทุกคนรู้ดีว่า ฮ่องเต้คังอู่ทรงพระพิโรธจริง ๆ!หลังจากทรงมีพระราชโองการ ฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงทรงหยิบปิ่นปักผมหงส์ทองคำขึ้นมาอย่างระมัดระวังทรงวางปิ่นปักผมไว้ตรงหน
อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพยักหน้าพร้อมกันอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอ่ยปาก “ใช่แล้วเพคะ วันนั้นปิ่นปักผมทั้งสองอันสวมอยู่บนศีรษะของนาง แต่ระหว่างการต่อสู้ ทำร่วงหล่นไปหนึ่งอัน”“สารเลว สมบัติของอดีตฮองเฮา พวกมันมีสิทธิ์ใช้ได้อย่างไร? จับพวกมันมาให้ข้า! จับทั้งสองคนมาแล้วลงโทษประหารห้าม้าแยกร่าง!”ลำคอของเยี่ยนเว่ยฉือตึงแน่น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทันใดนั้นนางก็เข้าใจจุดประสงค์ของชาวเป่ยอิ้นพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะมอบคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรให้เป็นของกำนัลแก่แคว้นหลีพวกเขาเพียงต้องการใช้ประโยชน์จากอำนาจของแคว้นหลี่ เพื่อค้นหาฮวาอวี๋ในเมืองหลวงแต่พวกเขาก็กังวลว่าแคว้นแคว้นหลีทุ่มเทไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงนำปิ่นหงส์ออกมา เพื่อให้ฮ่องเต้คังอู่ทราบว่าฮวาอวี๋ไม่เพียงแต่ปล้นสุสานหลวงของเป่ยอิ้น แต่ยังปล้นสุสานหลวงของแคว้นหลีด้วยด้วยวิธีนี้ ฮ่องเต้คังอู่จะทรงพิโรธ และจะสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุ่มเทกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่เหตุผลนั้นถูกต้อง แต่ชาวเป่ยอิ้นมีปิ่นอยู่ในมือได้อย่างไร?ปิ่นปักผมคู่เล็ก ๆ ที่นางซื้อมา เห็นชัดว่าเลือกซื้อจากโรงรับจำนำหรือว่าผู้บงการเบื้องหลังโรงรับจำนำ
“จริงหรือเท็จ? อัศจรรย์อะไรเยี่ยงนี้?” อ๋องจ่างซิ่นแสดงความไม่เชื่ออันกั๋วกงก็เอ่ยปาก “ปิ่นหางหงส์ถูกฝังอยู่ใต้ดินมาหลายปี ยังจะมีสรรพคุณนี้เหลืออยู่หรือ? อีกอย่าง เพียงแค่สัมผัสเบา ๆ แล้วคนผู้นั้นกลับไปก็ต้องอาบน้ำชำระร่างกาย จะยังคงหลงเหลือสรรพคุณของดอกหางหงส์อยู่ได้อย่างไร?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพยักหน้า “เดิมทีพวกเราก็สงสัยเงื่อนงำนี้ว่าจะสามารถใช้พิสูจน์ได้หรือไม่ จึงได้ซื้อเถาเหลยกงมาเล็กน้อย แล้วลองทดสอบ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นก็หันไปพยักหน้าให้นางกำนัลที่อยู่ข้างกายทุกคนจำนางกำนัลคนนั้นได้ ก็คือนางกำนัลที่เพิ่งถือปิ่นนั้นทุกคนเห็นนางหยิบถ้วยชาต่อหน้าอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น จากนั้นหยิบผงบางอย่างออกมาแล้วเทลงในถ้วยชาอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นอธิบาย “นี่คือเถาเหลยกงตากแห้ง จากนั้นนำมาบดเป็นผง”นางกำนัลเทผงลงในน้ำชาแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นใช้นิ้วจุ่ม แล้วทาลงบนฝ่ามือสุดท้ายก็กางฝ่ามือออก ให้ทุกคนดูแน่นอนว่ามีผื่นแดงปรากฏบนฝ่ามือขาวซีดแต่เดิมด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านางกำนัลขมวดคิ้วเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะคันจนทนไม่ไหวอันกั๋วกงตกใจจนยืดตัวตรง จ้องมองมือของตน
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ
อะไรนะ...ที่ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ดีหมายความว่าอย่างไร?หรือสตรีนางนี้เป็นสตรีจากหอนางโลม? ซ่างกวนซีมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อถึงอย่างไร เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นคนรักษาสัจจะ นางจึงไปปลดผ้ารัดเอวของซ่างกวนซีแม้ใบหน้าของซ่างกวนซีจะถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเขาคว้าข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือสุดกำลัง และตะโกนด้วยความโกรธ “นางสารเลว อย่ามาแตะ…”ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าตนขยับตัวไม่ได้แล้วขณะที่เขาหลุบตาลงมามอง ก็เห็นว่าในมือของเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเข็มเงินเจาะร่างกายของเขา ซึ่งไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“เจ้ามาเพื่อสังหารข้ารึ?” ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ว่าใครกันที่ทำเรื่องที่เกินความจำเป็น ส่งมือสังหารมาปลิดชีพเขาเช่นนี้เยี่ยนเว่ยฉือถอยห่างจากซ่างกวนซี ขณะที่ถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วพูดว่า “ถึงฆ่าท่านไป ข้าก็คงไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่คุณหนูรองจวนติ้งหย่
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นตระหนกในทันที!นางไม่รู้เลยว่าองค์รัชทายาทตกอับที่ป่วยและไร้ประโยชน์ผู้นี้จะมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย“อย่า...อย่าทำเช่นนี้เลย มีเรื่องอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยท่านไว้นะ!”ซ่างกวนซีถอดเสื้อผ้าของเขาที่มีอยู่บนตัวชิ้นเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่แน่นเกินไปแม้ตอนนี้ตามเนื้อตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับเจือความเย้ายวนอันวิปริตที่อธิบายไม่ถูกเอาไว้ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือเปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มเขินอายโดยไม่รู้ตัวซ่างกวนซีโน้มลงบีบคางของเยี่ยนเว่ยฉือเพื่อบังคับให้นางมองเขา แล้วพูดต่อ “ใช่ เจ้าช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ข้าทำให้เจ้ามีลูกได้อย่างแน่นอน”ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่างกวนซีก็ยื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหากผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกออก องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าก็จะตกอยู่ในห้วงเสน่หา... แม้กำลังจะตายเป็นผีแต่ก็คงยังอยากเสพกามารมณ์“ชั่วช้าสามานย์รึ? เหอะ ในเมื่อทุกคนต่างด่าทอข้าเช่นนี้ ไหน ๆ จะตายอยู่แล้วก็ขอทำเรื่องนั้นให้เป็นจริงเสียเลย! ทำให้นางตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางไปด้วย” เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ไม่ล
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วมองเขา “กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้งอย่างไรเล่า!”ซ่างกวนซีไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านคลายจุดชีพจรให้ข้าก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”ขณะนี้ชะตาชีวิตของทั้งสองคนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถือว่าคนทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซ่างกวนซีจึงไม่กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะพูดโกหกหากเขาตาย นางก็ต้องถูกฝังตามเขาไปด้วยดังนั้นซ่างกวนซีจึงคลายจุดชีพจรของเยี่ยนเว่ยฉือทันทีทว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ กลับใช้เข็มแทงเข้าที่ต้นขาของซ่างกวนซี อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซ่างกวนซีมองนางอย่างเหลือเชื่อ พลางพูดอย่างยากลำบาก “จะ...เจ้าหลอกข้า เจ้าเป็นมือสังหารจริง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งและผลักซ่างกวนซีให้ล้มไปที่พื้นขณะที่สวมเสื้อผ้า นางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าจะฆ่าท่านกับผีน่ะสิ! ก็พูดอยู่ว่าจะใช้กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่ หากท่านไม่ตายแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? ในเมื่อร่างกายท่านมีพิษกู่เย็น ก็อย่าโทษข้าที่ลงมือหนักหน่อยแล้วกัน!”ซ่างกวนซีไม่ได้ยินประโยคหลังที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เพราะเขาได้เข้าสู่สภาวะเสม
“จริงหรือเท็จ? อัศจรรย์อะไรเยี่ยงนี้?” อ๋องจ่างซิ่นแสดงความไม่เชื่ออันกั๋วกงก็เอ่ยปาก “ปิ่นหางหงส์ถูกฝังอยู่ใต้ดินมาหลายปี ยังจะมีสรรพคุณนี้เหลืออยู่หรือ? อีกอย่าง เพียงแค่สัมผัสเบา ๆ แล้วคนผู้นั้นกลับไปก็ต้องอาบน้ำชำระร่างกาย จะยังคงหลงเหลือสรรพคุณของดอกหางหงส์อยู่ได้อย่างไร?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพยักหน้า “เดิมทีพวกเราก็สงสัยเงื่อนงำนี้ว่าจะสามารถใช้พิสูจน์ได้หรือไม่ จึงได้ซื้อเถาเหลยกงมาเล็กน้อย แล้วลองทดสอบ”เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นก็หันไปพยักหน้าให้นางกำนัลที่อยู่ข้างกายทุกคนจำนางกำนัลคนนั้นได้ ก็คือนางกำนัลที่เพิ่งถือปิ่นนั้นทุกคนเห็นนางหยิบถ้วยชาต่อหน้าอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น จากนั้นหยิบผงบางอย่างออกมาแล้วเทลงในถ้วยชาอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นอธิบาย “นี่คือเถาเหลยกงตากแห้ง จากนั้นนำมาบดเป็นผง”นางกำนัลเทผงลงในน้ำชาแล้วคนให้เข้ากัน จากนั้นใช้นิ้วจุ่ม แล้วทาลงบนฝ่ามือสุดท้ายก็กางฝ่ามือออก ให้ทุกคนดูแน่นอนว่ามีผื่นแดงปรากฏบนฝ่ามือขาวซีดแต่เดิมด้วยความเร็วที่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่านางกำนัลขมวดคิ้วเล็กน้อย น่าจะเป็นเพราะคันจนทนไม่ไหวอันกั๋วกงตกใจจนยืดตัวตรง จ้องมองมือของตน
อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพยักหน้าพร้อมกันอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นเอ่ยปาก “ใช่แล้วเพคะ วันนั้นปิ่นปักผมทั้งสองอันสวมอยู่บนศีรษะของนาง แต่ระหว่างการต่อสู้ ทำร่วงหล่นไปหนึ่งอัน”“สารเลว สมบัติของอดีตฮองเฮา พวกมันมีสิทธิ์ใช้ได้อย่างไร? จับพวกมันมาให้ข้า! จับทั้งสองคนมาแล้วลงโทษประหารห้าม้าแยกร่าง!”ลำคอของเยี่ยนเว่ยฉือตึงแน่น กลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบากทันใดนั้นนางก็เข้าใจจุดประสงค์ของชาวเป่ยอิ้นพวกเขาไม่ได้ตั้งใจจะมอบคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรให้เป็นของกำนัลแก่แคว้นหลีพวกเขาเพียงต้องการใช้ประโยชน์จากอำนาจของแคว้นหลี่ เพื่อค้นหาฮวาอวี๋ในเมืองหลวงแต่พวกเขาก็กังวลว่าแคว้นแคว้นหลีทุ่มเทไม่เต็มที่ ดังนั้นจึงนำปิ่นหงส์ออกมา เพื่อให้ฮ่องเต้คังอู่ทราบว่าฮวาอวี๋ไม่เพียงแต่ปล้นสุสานหลวงของเป่ยอิ้น แต่ยังปล้นสุสานหลวงของแคว้นหลีด้วยด้วยวิธีนี้ ฮ่องเต้คังอู่จะทรงพิโรธ และจะสั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาทุ่มเทกับเรื่องนี้อย่างเต็มที่เหตุผลนั้นถูกต้อง แต่ชาวเป่ยอิ้นมีปิ่นอยู่ในมือได้อย่างไร?ปิ่นปักผมคู่เล็ก ๆ ที่นางซื้อมา เห็นชัดว่าเลือกซื้อจากโรงรับจำนำหรือว่าผู้บงการเบื้องหลังโรงรับจำนำ
“จะให้ข้าระงับโทสะได้อย่างไร? แม้แต่สุสานหลวงก็ดูแลไม่ได้ เช่นนั้นจงประหารองครักษ์ที่ดูแลสุสานหลวงทั้งหมด!” ฮ่องเต้คังอู่ทรงพระพิโรธยิ่งนัก!ยิ่งพระองค์ทรงพระพิโรธ ฮองเฮาองค์ปัจจุบันก็ยิ่งรู้สึกอึดอัดเพราะทุกคนรู้ดีว่า ฮ่องเต้คังอู่ทรงพระพิโรธเช่นนี้ ย่อมเป็นเพราะทรงอาลัยรักอดีตฮองเฮาอย่างแน่นอนเมื่อซ่างกวนซีเห็นดังนั้นจึงกราบทูลว่า “เสด็จพ่อ โปรดอนุญาตให้ลูกนำทหารไปตรวจสอบสุสานหลวงด้วยตนเองเถิดพ่ะย่ะค่ะ!”นั่นเป็นสถานที่ฝังพระศพของพระมารดา เขาไม่ไปดู จะวางใจได้อย่างไรเรื่องนี้มอบหมายให้ซ่างกวนซี ย่อมเหมาะสมที่สุด แต่สิ่งที่ทำให้ซ่างกวนซีประหลาดใจก็คือ ฮ่องเต้คังอู่ไม่อนุมัติฮ่องเต้คังอู่ทรงปฏิเสธ “มิได้ ให้กงไห่ แม่ทัพใหญ่แห่งกองทหารหลงฉี นำทหารม้าสามพันนายไปยังสุสานหลวง”ทหารม้าสามพันนาย?นี่เพียงพอที่จะสังหารองครักษ์ที่ดูแลสุสานหลวงทั้งหมดลงได้เชียวนะทุกคนมองหน้ากัน ไม่มีใครกล้าเอ่ย ทุกคนรู้ดีว่า ฮ่องเต้คังอู่ทรงพระพิโรธจริง ๆ!หลังจากทรงมีพระราชโองการ ฮ่องเต้คังอู่ก็ทรงสูดลมหายใจเข้าลึก จากนั้นจึงทรงหยิบปิ่นปักผมหงส์ทองคำขึ้นมาอย่างระมัดระวังทรงวางปิ่นปักผมไว้ตรงหน
อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่ายหน้าเล็กน้อย กล่าวว่า “มิใช่ ของล้ำค่าชิ้นที่สามนี้ หากจะกล่าวโดยละเอียด ถือได้ว่าเป็นการยืมดอกไม้สักการะไต้ซือ เพราะสิ่งนี้มิได้เป็นของเป่ยอิ้น”มิใช่ของเป่ยอิ้น?เมื่ออวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล่าวจบ ก็เปิดผ้าแดงทางขวามือทุกคนเห็นว่าบนถาดนั้นมีเพียงปิ่นปักผมที่ไม่แวววาวนัก ดูเหมือนจะเป็นส่วนหนึ่งของเครื่องประดับศีรษะในขณะที่ทุกคนสงสัยฮ่องเต้คังอู่และซ่างกวนซีกล่าวพร้อมกัน “ปิ่นหางหงส์!”สองพ่อลูกสบตากัน เห็นได้ชัดว่าต่างก็ประหลาดใจที่อีกฝ่ายจำสิ่งนี้ได้อันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นก็สบตากัน ทั้งสองมีสีหน้างุนงงอ๋องจ่างซิ่นพึมพำ “ปิ่นหางหงส์…นี่คือ…นี่คือของรักของฮองเฮาองค์ก่อนมิใช่หรือ?”อ๋องจ่างซิ่นจำเครื่องประดับเหล่านั้นไม่ได้ แต่เขาจำชื่อนี้ได้อันกั๋วกงก็จำชื่อนี้ได้เช่นกัน นี่เป็นของรักของฮองเฮาองค์ก่อนจริง และเป็นสมบัติติดตัวของนางแต่เครื่องประดับปิ่นหางหงส์ชุดนั้นไม่ได้ฝังไปพร้อมกับพระศพของฮองเฮาองค์ก่อนหรอกหรือ?ฮ่องเต้คังอู่ตื่นเต้นจนก้าวลงจากบัลลังก์มังกร เมื่อซ่างกวนซีเห็นเช่นนั้นก็รีบตามไปสองพ่อลูกมองไปที่ปิ่นปักผม สามารถยืนยันได้ว่าเป็นปิ่นหางห
อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นมองไปที่ซ่างกวนหลี ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ของขวัญชิ้นที่สองและชิ้นที่สามมีความเกี่ยวข้องกัน”“โอ้? ข้าอยากฟังรายละเอียด!” ซ่างกวนหลีก็ยิ้มอย่างสดใสคนดูรอบข้างมองออกว่าเป้าหมายของอวี้ฉืออวิ๋นจิ่น ส่วนใหญ่แล้วคือซ่างกวนหลีมิฉะนั้นคงไม่ยิ้มเอาใจเช่นนี้แต่ซ่างกวนหลีจะแต่งงานกับอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นหรือไม่นั้นก็บอกไม่ได้อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นตบมือ นางกำนัลชาวเป่ยอิ้นสองคนเดินเข้ามานางเปิดผ้าแดงทางซ้ายมือก่อน ทุกคนยื่นคอดู พบว่าถาดนั้นว่างเปล่าฮ่องเต้คังอู่บนที่สูงขมวดพระขนงด้วยความสงสัยฮองเฮาก็เอ่ยถาม “นี่…คือสิ่งใด? หรือว่าของขวัญคือถาดนี้?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นส่ายหน้าเล็กน้อย จากนั้นถอนหายใจกล่าว “ขอทูลตามตรง สมบัติล้ำค่าชิ้นที่สองนี้คือสมบัติประจำชาติเป่ยอิ้นของเรา คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษร!”“อะไรนะ? คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษร?!” อันกั๋วกงตื่นเต้นจนเกือบจะลุกขึ้นยืนเห็นได้ชัดว่าฮ่องเต้คังอู่ก็ประหลาดใจเช่นกัน เขาถามว่า “คือคัมภีร์ที่สามารถหยั่งรู้อดีตและอนาคตได้ใช่หรือไม่?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นพยักหน้า “ถูกต้องแล้ว”“แล้วหนังสือเล่มนั้นอยู่ที่ใด?” อ๋องจ่างซิ่นก็ถามอย่างใจ
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มเล็กน้อย “มีความสามารถหรือไม่มี ขึ้นอยู่กับแต่ละคนจะมองอย่างไร ในสายตาข้า คนมีความสามารถย่อมใจกว้างอ่อนน้อม ฉลาดอย่างลึกซึ้งไม่โอ้อวด รู้โลกแต่ไม่ฉ้อฉล มีเสน่ห์แต่ไม่ต่ำช้า ส่วนคนไร้ความสามารถ…ทำได้เพียงแค่โกรธเกรี้ยว! โกรธเกรี้ยวเยี่ยงคนไร้ความสามารถ!”โกรธเกรี้ยวอย่างคนไร้ความสามารถ นี่ไม่ได้หมายถึงหานอวี่เฟยและอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นที่อยู่ตรงหน้าหรอกหรือ?“เจ้า บังอาจนัก!” หานอวี่เฟยโกรธจนหน้าแดงคอแดงท่าทีที่ฉุนเฉียวนั้นยิ่งเหมือนอ๋องจ่างซิ่นเข้าไปทุกที“ใครกันแน่ที่บังอาจ?” ซ่างกวนซีกล่าวเบา ๆ ประโยคเดียวกลับหยุดยั้งเสียงคำรามของหานอวี่เฟยได้ทันทีเขากล่าวต่อ “ต่อหน้าคณะทูต ทำเสียงดังโวยวาย ดูเหมือนว่าท่านหญิงอิ๋นตางจะมีความสามารถในการแก้หมากกระดานนี้ เช่นนั้นเชิญเจ้าลองดูเถิด อย่าให้ผู้อื่นมองข้ามความสามารถของเจ้าไป!”เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว “ใช่แล้ว หากเจ้าเก่งเจ้าก็เล่นเองสิ!”หานอวี่เฟยไม่มีไหวพริบ จึงทนการยั่วยุเช่นนี้ไม่ได้ นางออดอ้อนซ่างกวนซีทันที “เสด็จพี่องค์รัชทายาท ท่านก็รู้แต่จะช่วยนาง ลองก็ลอง ข้าไม่กลัวหรอก!”โอ๊ย ๆ ๆ…เมื่อเห็นหญิงอ้วนน้ำหนักสองร้อ
ใคร ๆ ต่างก็รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือเติบโตมาในเล้าหมู!อย่าว่าแต่เล่นหมากเลย เยี่ยนเว่ยฉือสามารถเขียนชื่อตัวเองได้หรือไม่นับว่ายังยากที่จะบอกให้แก้หมาก นั่นไม่ใช่การจงใจดูถูกนางหรอกหรือ?อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ขมวดคิ้ว “เมื่อครู่เจ้าบอกว่าจะให้ฝ่าบาททรงแก้หมากนี่นา เหตุใดยามนี้จึงหันเหมาสนใจพระชายาองค์รัชทายาทเล่า? หรือว่าจงใจหาเรื่อง?”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นยิ้ม “เหตุใดรัฐทายาทอวี๋ต้องตื่นเต้นเช่นนี้ด้วย ที่จริงเสด็จพ่อเคยตรัสไว้ ไม่ว่าผู้ใดจะแก้หมาก ขอเพียงแต่เป็นชาวต้าหลี่ หากสามารถแก้หมากกระดานนี้ได้ก็ถือว่าเป็นฝีมือของฮ่องเต้แห่งต้าหลี่ เราก็ยินดีจะมอบหมากหยกเย็นและหยกอุ่นให้ด้วยความเต็มใจ”ขอเพียงแต่เป็นชาวต้าหลี่ก็พอหรือ?ทั้งต้าหลี่มีประชากรมากมาย อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล้าพูดเช่นนี้ แสดงว่าหมากกระดานนี้คงแก้ยากยิ่งอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นมองไปยังเยี่ยนเว่ยฉือ ก่อนกล่าวต่อ “เป็นอย่างไร พระชายา จะลองดูหรือไม่? ท่าน…คงไม่กลัวหรอกกระมัง?”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก “ข้าไม่ได้กลัว!”อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นหัวเราะเยาะ “เช่นนั้นก็เชิญ!”เยี่ยนเว่ยฉือแบมือ “แต่ข้าเล่นไม่เป็น!”เล่นไม่เป็น?เมื่อได้ยินเช่น
เยี่ยนเว่ยฉือแบมือกล่าว “องค์หญิงห้าตรัสเช่นนี้หมายความว่าอย่างไร? หม่อมฉันอยู่ในที่ของหม่อมฉัน ไม่ได้ขยับเขยื้อนไปไหน มันฆ่าตัวตายเอง เกี่ยวอะไรกับหม่อมฉัน?”ใช่แล้ว ทุกคนเห็นว่าเป็นปลาตัวนั้นกระโดดออกมาเอง เกี่ยวอะไรกับเยี่ยนเว่ยฉือ?ซ่างกวนซีสะบัดแขนเสื้อ กล่าวอย่างเฉยเมย “ดูเหมือนว่าเราจะไม่มีวาสนาได้รับความหวังดีจากท่านทั้งสอง”เมื่อซ่างกวนซีกล่าวจบ ก็กลับไปยังที่นั่งของตน สีหน้าไม่แสดงอารมณ์ใดๆฮ่องเต้คังอู่บนที่สูงกลับทรงผิดหวัง ตรัสถามอย่างอดไม่ได้ “นี่…เหตุใดจึงเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ น่าเสียดายจริง ๆ ไม่ทราบว่าปลาที่ตายแล้วยังมีประโยชน์หรือไม่?”สองพี่น้องชาวเป่ยอิ้นสบตากัน อวี้ฉืออวิ๋นจิ่นกล่าวว่า “ที่จริงแล้ว มัจฉาทองคำจิ่วหยางต้องรับประทานเข้าไป เพียงแต่หากองค์รัชทายาทไม่ได้ป่วยด้วยพิษกู่เย็น หากรับประทานเข้าไปโดยพลการ เกรงว่าจะทำร้ายตนเอง”กล่าวอีกนัยหนึ่ง ต้องทดลองก่อนจึงจะตัดสินใจได้ว่าจะใช้ได้หรือไม่ เมื่อไม่ได้ทดลอง ตอนนี้ปลาตายแล้ว ก็ไม่สามารถรับประทานโดยพลการได้ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจ ทอดพระเนตรพระโอรสด้วยความสงสารซ่างกวนซีสงบนิ่งเช่นเคย แย้มพระสรวลให้พระบิดาเล
เมื่อคิดได้ดังนั้น ซ่างกวนซีก็เอ่ยปากทันที “เสด็จพ่อ กระหม่อม…”“องค์รัชทายาท สิ่งที่ฝ่าบาทตรัสถูกต้องแล้ว รีบสัมผัสเถิด อย่าให้ฝ่าบาททรงกังวลไปเลย” เยี่ยนเว่ยฉือจับมือของซ่างกวนซีแล้วลูบเบา ๆทั้งสองเป็นสามีภรรยากัน การกระทำที่ใกล้ชิดเช่นนี้จึงดูไม่แปลกแต่ซ่างกวนซีรู้สึกได้อย่างชัดเจนว่าเยี่ยนเว่ยฉือทาบางสิ่งบางอย่างลงบนมือของเขาเขาหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ ใช้สายตาเอ่ยถามเยี่ยนเว่ยฉือกลับยิ้มตาหยี กล่าวต่อไป “ไปเถอะ ไปเถอะ หม่อมฉันก็อยากจะเห็นปลาที่เก่งกาจตัวนี้เช่นกัน”เมื่อซ่างกวนซีเห็นท่าทีที่มั่นใจของเยี่ยนเว่ยฉือ ก็รู้ว่าการที่เขาไปสัมผัสปลาคงไม่มีปัญหาอะไรจึงลุกขึ้นกล่าวว่า “เสด็จพ่อ กระหม่อมจะไปทดลองดูพ่ะย่ะค่ะ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า สายตาจับจ้องไปที่ซ่างกวนซีคนอื่น ๆ ก็จับจ้องไปที่ซ่างกวนซีเช่นกันอวี๋เฟยเหยียนกำหมัดแน่นทั้งสองข้าง ฝ่ามือมีเหงื่อออกซ่างกวนซีมาถึงข้างอ่างปลา พบว่าน้ำในอ่างมีไอน้ำระอุขึ้นเล็กน้อย เห็นได้ชัดว่าอุณหภูมิน้ำค่อนข้างอุ่นเมื่อมองดูปลาในอ่าง จึงพบว่ามันตัวใหญ่มาก อย่างน้อยก็สองฉื่อเข้าไปแล้วปลาทั้งตัวเป็นสีทอง เกล็ดเป็นประกายดูสวยงา