เป็นดังคาด ทันทีที่นางหันไปก็เห็นซ่างกวนซีมองนางด้วยสีหน้าสงบนิ่งเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มแหย ๆ อย่างกระอักกระอ่วน กำลังจะวางถ้วยชาลง ก็เห็นซ่างกวนซีดึงมืออีกข้างของนางขึ้นมาอุณหภูมิอบอุ่นจากฝ่ามือของเขาส่งผ่านไปยังมือของเยี่ยนเว่ยฉือเหงื่อเย็นที่มือของนางแห้งเหือดไปในพริบตาแม้ซ่างกวนซีจะไม่พูดอะไรสักคำ แม้กระทั่งในแววตาของเขาจะไม่มีความอ่อนโยนแม้แต่น้อยแต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ยังรับรู้ได้ถึงความรู้สึกปลอบโยนจากการกระทำเล็ก ๆ น้อย ๆ ของเขาเขากำลังบอกนางว่า ไม่เป็นไร ไม่ต้องกังวล สบายใจได้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกซาบซึ้งใจ จึงกางนิ้วออกสอดประสานเข้ากับนิ้วของซ่างกวนซี จับมือนั้นไว้แน่นซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย ก้มลงมองมือของคนทั้งสอง จากนั้นก็ปล่อยให้นางทำเช่นนั้นเพราะเขารับรู้ได้ถึงความรู้สึกพึ่งพาของเยี่ยนเว่ยฉือเด็กสาวที่ฉลาดแกมโกง อยากทำทุกอย่างด้วยตัวเอง มีเล่ห์เหลี่ยมมากมายในที่สุดก็มีวันที่เริ่มพึ่งพาเขาแล้วซ่างกวนซีค่อย ๆ ยกนิ้วชี้ขึ้น เคาะลงบนหลังมือของเยี่ยนเว่ยฉือสามครั้งเยี่ยนเว่ยฉืองุนงงไปครู่หนึ่ง จากนั้นก็อดไม่ได้ที่จะเม้มปากยิ้ม เพราะนางคิดว่าการเคาะสามครั้งนั้นหมาย
“ความคิดดี!” หานอวี่เฟยอุทานเสียงดัง ดึงดูดความสนใจของทุกคนในทันทีเยี่ยนชิงซูตัวแข็งทื่อ แทบอยากจะหายตัวไปจากตรงนั้น หลบหนีจากสายตาของทุกคนพี่ญิงลูกพี่ลูกน้องของนาง เหตุใดถึงได้โง่เขลาเช่นนี้ เรื่องแบบนี้ควรพูดกันเป็นการส่วนตัว เหตุใดต้องตะโกนออกมาดัง ๆ เช่นนี้ด้วย!อ๋องจ่างซิ่นที่อยู่ข้าง ๆ เห็นบุตรสาวของตนมีท่าทีตื่นเต้น อดไม่ได้ที่จะถาม “เกิดอะไรขึ้น? ความคิดที่ดีอะไร?”หานอวี่เฟยเอ่ยปากทันที “ท่านพ่อ! ข้าอยากอภิเษกกับองค์รัชทายาท ท่านพ่อช่วยทูลขอพระราชทานการอภิเษกสมรสจากฝ่าบาทด้วย”หานอวี่เฟยพูดโดยไม่มีความเกรงใจ ทั้งยังไม่ได้ลดระดับเสียงแม้แต่น้อยกล่าวอีกนัยหนึ่ง ทุกคนได้ยินคำขออันเหลือเชื่อของนางกันถ้วนทั่วทุกคนตกตะลึง คิดว่าตนเองหูฝาดมีสตรีที่ไหนกันที่กล้าตะโกนต่อหน้าธารกำนัลว่าตนเองต้องการแต่งงานกับใคร?อีกทั้งคนที่นางหมายปอง ยังเป็นบุรุษที่มีภรรยาแล้วอีกด้วย!อ๋องจ่างซิ่นจ้องมองบุตรสาวของตนอย่างงุนงง ขยิบตา แล้วจ้องเขม็งอีกครั้งไม่ผิดแน่ นางปกติดีทุกอย่าง แล้วเหตุใดคำพูดที่พูดออกมาถึงได้เหลือเชื่อเช่นนี้?ชายาอ๋องจ่างซิ่นรีบดึงมือบุตรสาว “เฟยเอ๋อร์ อย่าพูดจาเ
เห็นได้ชัดว่าหานอวี่เฟยไม่เต็มใจนางขมวดคิ้วกล่าว “ฝ่าบาท ราชทูตจากเป่ยอิ้นมาก็เพื่อการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์มิใช่หรือ? เรื่องนี้ต้องตัดสินกันภายในวันนี้ มิเช่นนั้นหากองค์หญิงห้าเลือกเสด็จพี่องค์รัชทายาท หม่อมฉันก็คงหมดโอกาส องค์หญิงที่มาเชื่อมสัมพันธ์ไม่อาจเป็นอนุได้ หากนางได้เป็นพระชายารัชทายาท แล้วหม่อมฉันจะทำอย่างไร?”“เฟยเอ๋อร์ อย่าเอาแต่ใจ!” อ๋องจ่างซิ่นเอื้อมมือไปดึงบุตรสาวของตน ต้องการให้นางกลับไปนั่งที่แต่ด้วยรูปร่างที่ใหญ่โตและแข็งแรงของนาง ร่างกายที่หนักสองร้อยจินนั้นทำให้อ๋องจ่างซิ่นดึงไม่ไหว!อันกั๋วกงที่อยู่ข้าง ๆ ดูเหตุการณ์อย่างสนุกสนาน พลางหัวเราะ “โอ้ อ๋องจ่างซิ่น ท่านจะดึงนางด้วยเหตุใด คำพูดของท่านหญิงก็มีเหตุผลอยู่บ้าง!”อ๋องจ่างซิ่นเหลือบมองอันกั๋วกง จากนั้นมองไปยังบุตรสาวของตนที่ยืนกรานอย่างหนักแน่น ก่อนถามอย่างจนปัญญา “เฟยเอ๋อร์ เจ้าจะไม่แต่งกับคนอื่นนอกจากเขาใช่หรือไม่?”หานอวี่เฟยพยักหน้า “ถูกต้อง ท่านพ่อ ข้าชอบเสด็จพี่องค์รัชทายาทมาตั้งแต่ยังเล็ก ท่านก็รู้ ข้าต้องอภิเษกกับเขาให้ได้!”หานอวี่เฟยหันไปมองซ่างกวนซี ราวกับต้องการเห็นการสนับสนุนจากสีหน้าของเขา
“ดีตรงไหน? นางดีกว่าข้าตรงไหน?” หานอวี่เฟยพูดจาโอหัง ตะโกนถามด้วยเสียงเกรี้ยวกราดอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นที่นั่งชมอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็เอ่ยยิ้ม ๆ “ดีตรงไหน เช่นนั้นก็ต้องแข่งกันกันดู ในฐานะพระชายาองค์รัชทายาท คงมิใช่ว่าจะไม่มีความกล้าที่จะรับคำท้ากระมัง? หากไม่กล้ายอมรับคำท้า เช่นนั้นก็ด้อยกว่าท่านหญิงอิ๋นตางจริง ๆ แล้ว”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวเห็นดังนั้นก็พยักหน้า “ถูกต้อง พวกเราชาวเป่ยอิ้น สตรีล้วนกล้าที่จะแย่งชิงบุรุษที่ตนเองหมายปอง ท่านหญิงอิ๋นตางไม่ว่าจะความกล้าหาญหรือความองอาจล้วนไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ ไร้ซึ่งท่าทางของสตรีในห้องหอ”บอกว่านางไร้ซึ่งท่าทางของสตรีในห้องหอ เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีท่าทางของสตรีในห้องหอเช่นนั้นสิ?ซ่างกวนหลีก็ร่วมวงหยอกเย้า อย่างไม่กลัวเรื่องใหญ่โต เอ่ยพลางยิ้มกว้าง “องค์ชายสามตรัสได้ถูกต้อง เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าคงไม่ขี้ขลาดหรอกกระมัง? เจ้าเก่งกาจนักมิใช่หรือ?”อันกั๋วกงที่นั่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว ส่งสายตาตำหนิไปยังซ่างกวนหลี สีหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เขาเติมเชื้อไฟในเรื่องนี้แต่ซ่างกวนหลีมุ่งแต่อยากจะเห็นอีกฝ่ายอับอาย ต้องการเห็นซ่างกว
ฮ่องเต้คังอู่ อันกั๋วกง ซ่างกวนซี ฉินเซียงหรู...เหล่าคนฉลาดที่อยู่ในที่นี้ ล้วนเข้าใจว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังวางแผนทุกคนต่างหันไปมองนางแต่ไม่ว่าจะเป็นอ๋องจ่างซิ่น หรือท่านหญิงอิ๋นตาง หานอวี่เฟย ล้วนไม่ใช่คนฉลาดหานอวี่เฟยขมวดคิ้วทันที “ผลประโยชน์? เจ้าต้องการอะไร? ทองคำหมื่นตำลึง? อิสรภาพ? หรือข้าจะหาบุรุษที่มีชาติตระกูลดีๆ ให้เจ้า แล้วช่วยให้เจ้าได้แต่งเป็นภรรยาเอก? เจ้าต้องการอะไรก็เอ่ยมา!”“ไม่ว่าข้าต้องการอะไร ท่านหญิงอิ๋นตางก็สามารถให้ได้งั้นหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยั่วยุ“หึ! แน่นอนอยู่แล้ว มีท่านพ่อของข้าอยู่ ในเมืองหลวงนี้ ข้าต้องการอะไรก็ย่อมได้!” คำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หันไปมองฮ่องเต้คังอู่เป็นไปตามคาด ฮ่องเต้คังอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกชัดว่าไม่พอใจอันกั๋วกงกุมอำนาจทางการปกครอง อ๋องจ่างซิ่นกุมอำนาจทางการทหารทั้งสองคนล้วนกุมอำนาจคนละฝ่าย หากร่วมมือกันก็สามารถล้มล้างฮ่องเต้คังอู่ได้แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งต่อหน้าหรือลับหลังอันกั๋วกงก็ยังคงทำตามธรรมเนียม ไม่บังอาจล่วงเกินฝ่าบาทแต่อ๋องจ่างซิ่นกลับโอหังยิ่งนักดูสิ แม้แต่บุตรสาวของเขาก็ยังบังอาจพูดจาโอหัง
โดยไม่รอให้หานอวี่เฟยเอ่ยตอบ เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยปาก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านหญิงอิ๋นตาง ท่านดูสิ แม้แต่ท่านกั๋วกงก็คิดว่าท่านจะแพ้ ยังจะกล้าเสี่ยงอีกหรือ?”“เหลวไหล! ใครบอกว่าข้าจะแพ้? ข้าจะแพ้ให้กับนางชั้นต่ำที่เลี้ยงหมูงั้นรึ? หึ! ประชันก็ประชัน แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน ในเมื่อเจ้าต้องการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่จากข้า เช่นนั้นข้าก็จะเพิ่มเดิมพันขึ้นไปอีก!”หานอวี่เฟยเป็นคนอารมณ์ร้อนไร้สมอง คำยั่วยุของเยี่ยนเว่ยฉือ เมื่อใช้กับนาง ออกแรงเพียงนิดก็ได้ผลเกินคาดเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มมองนาง “ได้ เช่นนั้นก็ลองว่ามา”หานอวี่เฟยเหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือ คิดแล้วเอ่ยต่อ “เดิมทีข้ายังคิดจะให้ตำแหน่งชายารองแก่เจ้า แต่ในเมื่อเจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นหากเจ้าแพ้ ก็จงไสหัวออกจากจวนรัชทายาทไป กลับไปยังไร่นาของเจ้า ชั่วชีวิตนี้ต้องเลี้ยงหมู ห้ามแต่งงานกับผู้ใด! ข้าจะให้เจ้าอยู่ตัวคนเดียวจนแก่เฒ่า! หึ!”คำพูดนี้ดังขึ้น อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเขาเอ่ยเตือน “นี่ … พี่สะใภ้ ท่านไม่ถามก่อนหรือว่าจะประชันอะไร?”เขาเองก็กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะแพ้ไม่เพียงแต่จะสูญเสียชีวิตในภายภาคหน้าของตนเอง แต่ยังสูญเส
“กังวลอะไร?” ซ่างกวนซีเอ่ยอย่างสงบนิ่งอวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “แน่นอนว่าต้องกังวลว่านางจะแพ้!”ซ่างกวนซีเอ่ยเรียบ ๆ “นางมีปัญญาประชันย่อมไม่แพ้ หากแพ้จริง เช่นนั้นก็ให้นางไปเลี้ยงหมู เจ้าจะกังวลอะไร”“หา? ศิษย์พี่ ท่านไม่กังวลหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนไม่อาจเข้าใจ ท้ายที่สุดแล้วในความคิดของเขา คู่สามีภรรยาคู่นี้รักใคร่กันดีซ่างกวนซีเหลือบมองอวี๋เฟยเหยียน ไม่ได้ตอบคำถามแท้จริงแล้วเขาไม่กังวล เพราะ… การเลี้ยงหมูก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากนางต้องไปเลี้ยงหมูจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็จะพานางไปเลี้ยงหมูที่ด่านเฟิงหลิงเขาซ่างกวนซี หากไม่อยากแต่งงานกับใคร ใครก็อย่าได้คิดบังคับในเมื่อผลลัพธ์ล้วนอยู่ในกำมือ เช่นนั้นเขาจะกังวลอะไรอีกอย่าง เยี่ยนเว่ยฉือดูมั่นใจยิ่งนักเขาจึงตั้งตารอการแสดงของนางเป็นไปตามคาด หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยลงนามในสัญญาแล้วก็เอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่านหญิงอิ๋นตางจะประชันอะไร?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอ๋องจ่างซิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย “เป็นสตรี ประลองกำลังกันก็อาจจะทำให้บาดเจ็บได้ ประชันด้านอักษรเถิด! ประชันการเขียนอักษร!”
ฮ่องเต้คังอู่ต้องการออกโจทย์การประชันด้านอักษร ย่อมมีประสงค์ที่จะช่วยเหลือเยี่ยนเว่ยฉือเขาต้องการถามเยี่ยนเว่ยฉือเป็นการส่วนตัวว่า แท้จริงแล้ว พิณ หมากรุก อักษร และภาพวาด นางถนัดสิ่งใดเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยได้ยินฝ่าบาทออกหน้า ย่อมไม่อาจขัดพระราชโองการได้ต่างก็เอ่ยตอบรับ“หม่อมฉันล้วนยอมรับการจัดการของฝ่าบาทเพคะ”“หม่อมฉันก็ยอมรับเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นเรื่องการประชันค่อยว่ากันในวันพรุ่งนี้ กลับโต๊ะตนเองเถิด อย่าได้เอะอะอีก!”ฮ่องเต้คังอู่หันมองอ๋องจ่างซิ่น ส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตาอ๋องจ่างซิ่นพยักหน้าอย่างจนใจ อัดอั้นตันใจอย่างยิ่งหากแพ้ เสียหน้าเป็นเรื่องเล็ก ที่ร้ายแรงคือสูญเสียอำนาจคุมกองทัพเสินเช่อแต่หากชนะ เขาจะให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งงานกับผีดิบที่ใกล้ตายหรือ?“เฮ้อ!” อ๋องจ่างซิ่นถอนหายใจ กระวนกระวายใจอย่างยิ่ง…… ทุกคนดูละครจบก็ร่ำสุรา สนทนากันต่อพูดไปพูดมาก็วกกลับมาที่คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับการประชันของเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟย ทุกคนย่อมให้ความสำคัญกับคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรมากกว่าเบื้องบน ฮองเฮาอดไม
ซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็ยื่นมือไปหานาง "เต๋อซ่วนกงกงอุตส่าห์มาทั้ง ๆ ที่ฝนตก มิเช่นนั้นข้าคงมิให้เจ้าต้องลำบากมาด้วยตนเอง"พูดอีกอย่างก็คือ วันนี้ที่ให้เกียรติก็เพราะเห็นแก่ฝ่าบาท ไม่ใช่ฮองเฮา และยิ่งไม่ใช่เพื่อองค์หญิงเหวินหลิงเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มให้องค์หญิงเหวินหลิง จากนั้นก็เดินไปข้างหน้า วางมือของตนเองบนมือของซ่างกวนซี แล้วนั่งลงด้วยกันจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยว่า "เอาล่ะ ข้ามาแล้ว องค์หญิงมีอะไรอยากทำอยากพูดก็รีบทำรีบพูดเถิด ตอนนี้ข้ายังอารมณ์ดีอยู่!"องค์หญิงเหวินหลิงขบเขี้ยวเคี้ยวฟันด้วยความโกรธนางเป็นแก้วตาดวงใจของฝ่าบาทและฮองเฮา เสด็จพี่ทุกคนต่างก็รักใคร่เอ็นดูนาง ไม่เคยต้องลำบากเช่นนี้มาก่อนแต่ใครจะรู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือทำอะไรกับนาง สำนักหมอหลวงทั้งสำนักก็ยังจนปัญญานางคันคะเยอจนแทบจะทนไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลากลางคืน แทบจะข่มตานอนไม่หลับสตรีให้ความสำคัญกับรูปร่างหน้าตามากที่สุด นางไม่กล้าเกาแรง ๆ กลัวผิวหนังจะถลอก ได้แต่อดทนไว้ช่วงหลายวันที่ผ่านมา นอกจากกินยานอนหลับแล้วก็แทบจะไม่ได้นอนเลยเมื่อนึกถึงความทุกข์ทรมานที่ตนเองได้รับ องค์หญิงเหวินหลิงก็ข่มความไม่พอใจ
ความจริงแล้วซ่างกวนซีไม่ได้พูดโกหก เมื่อคืนหลังจากทั้งสองคนนอนหลับไปแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกไม่สบายตัวเพราะสวมเสื้อตัวนอก จึงดึงทึ้งเสื้อผ้าของตัวเองตลอดเวลาท่านอนของนางก็ไม่ดี พลิกตัวไปมาในขณะที่ซ่างกวนซีใช้ชีวิตอยู่ในสนามรบมานาน ทำให้เขาเป็นคนนอนไวดังนั้นเยี่ยนเว่ยฉือจึงทำให้เขาไม่ได้นอนหลับตลอดทั้งคืนด้วยความจนใจ ซ่างกวนซีจึงลุกขึ้นมาช่วยเยี่ยนเว่ยฉือถอดเสื้อตัวนอกออก แล้วรอจนกระทั่งนางหลับสนิท จึงได้นอนพักไปครู่หนึ่งเขาไม่ได้นอนหลับสบาย คิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือก็คงจะนอนไม่หลับเช่นกันดังนั้นก่อนจะไปประชุมราชสำนักในวันนี้ ซ่างกวนซีจึงสั่งบ่าวรับใช้ไม่ให้ไปรบกวนการพักผ่อนเยี่ยนเว่ยฉือจากนั้นเขาก็บ่นออกมาลอย ๆ ว่า "ถูกเด็กคนนั้นทำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืน" บ่าวรับใช้ได้ยินเช่นนั้นก็เข้าใจผิดไปคิดว่าพระชายาของพวกเขา ถูกองค์รัชทายาททำให้วุ่นวายไปครึ่งค่อนคืนจึงเป็นที่มาของบทสนทนาเมื่อครู่นี้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าซ่างกวนซีพูดจาไม่ระวังปาก ช่างเหลวไหลสิ้นดี!เห็นได้ชัดว่านางไม่ได้ทำอะไรเลย พูดราวกับว่านางเคยชินเสียแล้ว น่ารังเกียจ!ดังนั้นเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นออกจากห้อง
ซ่างกวนซีไม่เคยฝากความหวังไว้กับผู้อื่นการต่อสู้เพียงลำพังมาหลายปี ทำให้เขาเคยชินกับการแบกรับทุกสิ่งทุกอย่างไว้ด้วยตัวเองแต่ตอนนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือที่ทั้งโกรธแค้นและมุ่งมั่น เขาก็รู้สึกว่าบางเรื่อง ควรจะเรียนรู้ที่จะแบ่งปันเรื่องน่ายินดีเมื่อพูดออกไป สองคนร่วมยินดีปรีดาเรื่องเศร้าเมื่อพูดออกไป ทั้งสองก็สามารถร่วมแบ่งปันความทุกข์ทำให้ความหวานยิ่งหวานขึ้น ทำให้ความขมลดลงครึ่งหนึ่งซ่างกวนซีลุกขึ้นนั่ง โอบกอดเยี่ยนเว่ยฉือ เขาวางคางไว้บนหูของนาง พูดอย่างอ่อนโยน "ได้ เจ้าช่วยข้า พวกเราจะร่วมกัน ล้างมลทินให้เสด็จแม่ ร่วมกันตามหาน้องสาว"เยี่ยนเว่ยฉือโอบกอดซ่างกวนซีตอบ แล้วพูดต่อ "พวกเราจะร่วมกันถอนพิษให้ท่าน ร่วมกันฉลองวันเกิดอีกหลาย ๆ ปี ร่วมกันกินบะหมี่อายุยืนอีกหลาย ๆ ชาม ใช้ชีวิต…ร่วมกัน"ใช้ชีวิต… ร่วมกัน?ตึกตัก!ตึกตัก!ตึกตัก!ซ่างกวนซีรู้สึกเพียงว่าหัวใจของตนเต้นรัว ความรู้สึกซาบซึ้งใจที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน กำลังโอบกอดหัวใจที่เคยเย็นชาของเขาทำให้หัวใจทั้งดวงของเขาร้อนรุ่มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะคำพูดของเยี่ยนเว่ยฉือที่แท้เมื่อใช้ชีวิตร่วมกัน... สามารถทำเรื่องต่าง
"เป็นนางที่ช่วยพวกท่านไว้หรือ?" เยี่ยนเว่ยฉือถามต่อซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "นางเป็นคนดีมาก นางมัดน้องสาวของข้าไว้แนบอก แบกลูกสาวตัวน้อยของนางไว้บนหลัง แล้วก็จูงมือข้า พยายามหลบหนี แต่นางเป็นเพียงสตรี ทั้งยังต้องดูแลเด็กถึงสามคน จะวิ่งหนีไปได้ไกลสักแค่ไหน? แม้ว่าพวกเราจะพยายามอย่างสุดกำลังแล้ว ก็ยังถูกพวกมือสังหารไล่ตามทัน มือสังหารถือหน้าไม้ ดูท่าทางจะไม่ปล่อยให้ใครรอดชีวิต นางส่งน้องสาวคืนให้ข้า ให้ข้าอุ้มนางแล้ววิ่งไปข้างหน้าโดยไม่ต้องหันกลับมามอง ส่วนนางก็พาลูกสาวตัวน้อยของนาง ถ่วงเวลาพวกมือสังหาร""แต่พวกมือสังหารเห็นได้ชัดว่ามุ่งเป้ามาที่ข้า พวกเขาถูกฮูหยินผู้นั้นรั้งตัวไว้ ไม่สามารถไล่ตามมาได้ จึงยิงหน้าไม้มาที่ข้า ลูกธนูดอกแรกยิงพลาด ไม่ได้คร่าชีวิตข้า เพียงแต่เฉี่ยวแขนของข้าไป เมื่อเห็นว่าลูกธนูดอกที่สองกำลังจะพุ่งเข้าใส่หน้าอก ฮูหยินผู้นั้นก็รีบวิ่งเข้ามา โอบกอดข้าแล้วกลิ้งลงไปจากเนินเขาด้วยกัน หลบการโจมตีที่ถึงชีวิตได้""แล้วอย่างไรต่อ? พวกท่านหนีรอดมาได้หรือไม่? ทุกคนยังมีชีวิตอยู่หรือไม่?" เยี่ยนเว่ยฉือถามด้วยความเป็นห่วงซ่างกวนซีส่ายหน้าเล็กน้อย "หลังจากกลิ้งลงมาจา
เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่า เรื่องเลวร้ายจะต้องเกิดขึ้นระหว่างทางกลับเมืองหลวงเป็นแน่แต่มันเกี่ยวอะไรกับความตะกละ?นางรออย่างใจเย็นให้ซ่างกวนซีพูดต่อไป“เสด็จแม่ทรงทราบว่า ในวังหน้าวังหลัง มีคนมากมายที่ไม่ต้องการให้พวกเราแม่ลูกมีที่ยืน ต่างก็หาวิธีที่จะกำจัดพวกเราให้พ้นทาง เพื่อจะได้เข้ามายึดครองตำแหน่งของเรา ดังนั้นตอนที่ไป พวกเราจึงปิดบังกำหนดการเดินทางตลอดทาง เดินทางทั้งวันทั้งคืน มิได้เปิดโอกาสให้ใครลงมือได้เลย แต่ระหว่างทางกลับ ก็บังเอิญเจอกับเทศกาลตวนอู่ ซึ่งเป็นวันคล้ายวันเกิดของข้า”ซ่างกวนซีถอนหายใจ จับมือเยี่ยนเว่ยฉือแน่นขึ้นเขาพูดต่อ “ในวันคล้ายวันเกิดทุกปี เสด็จแม่จะผูกด้ายมงคลให้ข้าด้วยพระองค์เอง และต้มบะหมี่อายุยืนให้ข้าหนึ่งชาม แม้ว่าเสด็จพ่อจะจัดงานเลี้ยงวันเกิดให้ข้าอย่างยิ่งใหญ่ มีขุนนางมาร่วมงานกันมากมาย แต่สิ่งที่ข้าชอบที่สุด ก็คือบะหมี่อายุยืนที่เสด็จแม่ทำด้วยพระองค์เอง ก็เพราะบะหมี่อายุยืนชามนี้นี่เอง ที่ทำให้พวกเราแม่ลูกต้องแยกจากกันตลอดกาล”จากคำบรรยายของซ่างกวนซีขบวนเสด็จของฮองเฮากลับวังหลวง ใช้เวลาเดินทางสองวันหนึ่งคืนในช่วงเย็นของวันตวนอู่ พวกเขาเดินทางมา
ซ่างกวนซีคาดไม่ถึงเลยว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะถามคำถามเช่นนี้ออกมาชั่วขณะหนึ่งสมองของเขาแทบจะหยุดทำงานเด็กคนนี้...ช่างทำให้คนไปไม่เป็นเก่งเสียจริงการยั่วเย้าคนโดยไม่แสดงออก นับว่าเป็นเสน่ห์ที่สะกดหัวใจที่สุดกระมัง?ซ่างกวนซีอยากจะพูดต่อ แต่เมื่อเห็นปิ่นหางหงส์ ก็พลันตระหนักถึงภาระหน้าที่บนบ่าและวันตายที่ไม่อาจรู้ได้เขาไม่อยากดึงเยี่ยนเว่ยฉือเข้ามาในวังวนนี้แต่ก็ไม่อยากผลักไสนางออกไปโดยง่ายช่างเถอะ ทนอีกหน่อยแล้วกันบางทีพรุ่งนี้เขาอาจจะหามัจฉาทองคำจิ่วหยางเจอก็ได้?ซ่างกวนซีจับมือเยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมา แล้วเอ่ยว่า “เว่ยฉือ ข้าติดค้างคำขอโทษเจ้า”“ขอโทษ?” เยี่ยนเว่ยฉืองุนงงซ่างกวนซีพยักหน้า “วันเทศกาลตวนอู่ ข้าไม่ควรจะทำอาหารที่เจ้าอุตส่าห์เตรียมอย่างตั้งใจพัง ข้าผิดเอง”ที่แท้ก็เรื่องนี้นี่เอง เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ฝ่าบาทไม่ได้ชดเชยให้ข้าในวันรุ่งขึ้นแล้วหรือ ข้าไม่ได้ใส่ใจแล้ว”ซ่างกวนซีดึงนางลงไปนอนด้วยกัน โอบกอดนางเบา ๆ แล้วกล่าวต่อ “ที่ข้าไม่กินอะไรในวันตวนอู่ ก็เพราะว่าเมื่อสิบหกปีก่อน เป็นเพราะความตะกละของข้าเอง ทำให้เสด็จแม่ของข้าต้องสิ้นพระชนม์ และทำให้น้องสาวที่เพิ่งเ
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ เห็นหน้าอกของนางกระเพื่อมขึ้นลงอย่างรวดเร็วเพราะความตื่นเต้น และเห็นว่านางหน้าแดงจนถึงลำคอเพราะความเขินอายเขารู้สึกได้ถึงร่างกายของนางที่สั่นเล็กน้อย และดูเหมือนจะได้กลิ่นหอมที่เย้ายวนจากร่างของนางประตูแห่งร่างกาย เชิญเขาเข้าไปเป็นแขกเป็นอย่างที่เขาคิดหรือไม่?ซ่างกวนซีกำมือแน่น อดไม่ได้ที่จะถามตามความต้องการของเยี่ยนเว่ยฉือ "เช่นนั้น... ข้าต้องเคาะประตูอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้ามองซ่างกวนซี ดวงตาเผยความขุ่นเคืองเล็กน้อยนี่ต้องให้นางสอนด้วยหรือ?ก่อนหน้านี้... ก่อนหน้านี้ที่ใต้เตียงในหอวสันต์อนันตกาล เขา... เขาก็ทำได้ดีนี่นาเยี่ยนเว่ยฉือเบือนหน้าหนีอย่างรู้สึกผิดเล็กน้อย แต่ทันใดนั้นก็ถูกซ่างกวนซีจับคางไว้ซ่างกวนซีจับใบหน้าของนางให้หันกลับมาอย่างอ่อนโยน จากนั้นก็โน้มตัวลง จุมพิตลงไปเยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง ขนตายาวสั่นระริก ราวกับหัวใจของนางที่เต้นรัวอย่างไม่เป็นส่ำหลังจากจูบอย่างแผ่วเบา ซ่างกวนซีก็เงยหน้าขึ้น มองนางอย่างอ่อนโยน "เช่นนี้หรือ?"ฟืด…เยี่ยนเว่ยฉือสูดลมหายใจเข้าลึก ร่างกายแทบจะละลายสัมผัสที่ใกล้ชิดเช่นเดี
แม้ว่าท่าทางของซ่างกวนซีจะดูดุร้ายแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับรู้สึกอารมณ์ดีขึ้นมาเพราะสิ่งที่นางกังวลก่อนหน้านี้ไม่ได้เกิดขึ้นเลยซ่างกวนซีไม่ได้ระแวงนาง ไม่ได้รู้สึกว่านางเป็นปีศาจ และไม่ได้โลภอยากได้กำไลข้อมือของนางเขาแค่กังวลว่านางจะดึงดูดความสนใจของคนอื่น เพราะของล้ำค่าอาจนำมาซึ่งภัยพิบัติถึงชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีนิ่งๆ แล้วก็ยิ้มออกมา “ฝ่าบาท ท่านช่างดีเหลือเกินเพคะ!”ซ่างกวนซีชะงักไปเล็กน้อย จากนั้นก็ขมวดคิ้วเบือนหน้าหนี “พูดจาดี ๆ ก็ไม่ได้ผล ข้าไม่อนุญาตให้เจ้าใช้ก็คือไม่อนุญาต!”เยี่ยนเว่ยฉือปีนขึ้นไปหาซ่างกวนซีทันที เข้าไปใกล้ ๆ แล้วพูดว่า “ถ้าอย่างนั้นข้าจะไม่ใช้ต่อหน้าคนอื่น ใช้เฉพาะต่อหน้าฝ่าบาทเท่านั้น”การเข้าใกล้อย่างกะทันหัน ทำให้ซ่างกวนซีเอนหลังโดยไม่รู้ตัว เกือบจะหงายตกจากเตียงเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่าทางลนลานของเขา อดไม่ได้ที่จะหัวเราะ คิดในใจว่า ‘ข้ายังนึกว่าเขาเก่งกาจ ที่แท้ก็แค่เสือกระดาษ ฮึ รู้จักแต่ขู่ข้า!’เยี่ยนเว่ยฉือผูกเชือกที่กระโปรงไปด้วย มองเขาอย่างขี้เล่นไปด้วยซ่างกวนซีถูกสายตาที่แฝงไปด้วยความเย้าหยอกนั้นมองจนรู้สึกโกรธขึ้นมาเล็กน้อยเขาจึงก
ซ่างกวนซีซ่างกวนซียื่นมือออกไป ลูบคลำกำไลนั้นเบาๆ แล้วถามต่อ "เจ้าหมายความว่า เจ้าสามารถเก็บของทุกอย่างไว้ในกำไลนี้ได้?"เยี่ยนเว่ยฉือเบะปาก พูดอย่างน้อยเนื้อต่ำใจ "ฝ่าบาท ท่านปล่อยข้าก่อนได้หรือไม่ ข้าจะค่อย ๆ อธิบายให้ท่านฟัง ดีหรือไม่?"ซ่างกวนซีลังเลเล็กน้อย "ปล่อยเจ้าแล้ว เจ้าก็จะพูดจาเหลวไหลอีก!"เยี่ยนเว่ยฉือพองแก้ม "ถ้าข้าพูดโกหก ท่านก็มัดข้าอีกครั้งสิ พูดด้วยท่าทางเช่นนี้... มันน่าอายเกินไป"เยี่ยนเว่ยฉือไม่กล้าขยับตัว กลัวว่าร่างกายของนางจะหลุดออกมาจากเสื้อตัวในแม้ว่าจะเคยนอนเตียงเดียวกับซ่างกวนซีหลายครั้งแล้ว แต่ในความทรงจำของนาง นางก็สวมเสื้อผ้าครบถ้วน ไม่เคย... ไม่เคยเปิดเผยเรือนร่างต่อเขาซ่างกวนซีเห็นท่าทางน่าสงสารของนางก็อดใจอ่อนไม่ได้เขาคิดอยู่ครู่หนึ่งก็แก้สายรัดเอวที่ข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือออกเยี่ยนเว่ยฉือได้รับอิสระก็รีบดึงสาบเสื้อเข้าหากัน แล้วหลบไปที่มุมเตียงซ่างกวนซีเห็นดังนั้นก็อดไม่ได้ที่จะแค่นเสียงเด็กสาวคนนี้ ตอนหลับก็ถอดเสื้อผ้าตัวเอง โผเข้าหาอ้อมกอดเขาตอนตื่นกลับระแวดระวัง ป้องกันตัวราวกับจะผลักไสคนให้ออกไปให้ไกลไม่รู้จริง ๆ ว่านางคิดอะไรอ