“กังวลอะไร?” ซ่างกวนซีเอ่ยอย่างสงบนิ่งอวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “แน่นอนว่าต้องกังวลว่านางจะแพ้!”ซ่างกวนซีเอ่ยเรียบ ๆ “นางมีปัญญาประชันย่อมไม่แพ้ หากแพ้จริง เช่นนั้นก็ให้นางไปเลี้ยงหมู เจ้าจะกังวลอะไร”“หา? ศิษย์พี่ ท่านไม่กังวลหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนไม่อาจเข้าใจ ท้ายที่สุดแล้วในความคิดของเขา คู่สามีภรรยาคู่นี้รักใคร่กันดีซ่างกวนซีเหลือบมองอวี๋เฟยเหยียน ไม่ได้ตอบคำถามแท้จริงแล้วเขาไม่กังวล เพราะ… การเลี้ยงหมูก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากนางต้องไปเลี้ยงหมูจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็จะพานางไปเลี้ยงหมูที่ด่านเฟิงหลิงเขาซ่างกวนซี หากไม่อยากแต่งงานกับใคร ใครก็อย่าได้คิดบังคับในเมื่อผลลัพธ์ล้วนอยู่ในกำมือ เช่นนั้นเขาจะกังวลอะไรอีกอย่าง เยี่ยนเว่ยฉือดูมั่นใจยิ่งนักเขาจึงตั้งตารอการแสดงของนางเป็นไปตามคาด หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยลงนามในสัญญาแล้วก็เอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่านหญิงอิ๋นตางจะประชันอะไร?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอ๋องจ่างซิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย “เป็นสตรี ประลองกำลังกันก็อาจจะทำให้บาดเจ็บได้ ประชันด้านอักษรเถิด! ประชันการเขียนอักษร!”
ฮ่องเต้คังอู่ต้องการออกโจทย์การประชันด้านอักษร ย่อมมีประสงค์ที่จะช่วยเหลือเยี่ยนเว่ยฉือเขาต้องการถามเยี่ยนเว่ยฉือเป็นการส่วนตัวว่า แท้จริงแล้ว พิณ หมากรุก อักษร และภาพวาด นางถนัดสิ่งใดเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยได้ยินฝ่าบาทออกหน้า ย่อมไม่อาจขัดพระราชโองการได้ต่างก็เอ่ยตอบรับ“หม่อมฉันล้วนยอมรับการจัดการของฝ่าบาทเพคะ”“หม่อมฉันก็ยอมรับเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นเรื่องการประชันค่อยว่ากันในวันพรุ่งนี้ กลับโต๊ะตนเองเถิด อย่าได้เอะอะอีก!”ฮ่องเต้คังอู่หันมองอ๋องจ่างซิ่น ส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตาอ๋องจ่างซิ่นพยักหน้าอย่างจนใจ อัดอั้นตันใจอย่างยิ่งหากแพ้ เสียหน้าเป็นเรื่องเล็ก ที่ร้ายแรงคือสูญเสียอำนาจคุมกองทัพเสินเช่อแต่หากชนะ เขาจะให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งงานกับผีดิบที่ใกล้ตายหรือ?“เฮ้อ!” อ๋องจ่างซิ่นถอนหายใจ กระวนกระวายใจอย่างยิ่ง…… ทุกคนดูละครจบก็ร่ำสุรา สนทนากันต่อพูดไปพูดมาก็วกกลับมาที่คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับการประชันของเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟย ทุกคนย่อมให้ความสำคัญกับคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรมากกว่าเบื้องบน ฮองเฮาอดไม
ในขณะที่ฮ่องเต้คังอู่ลังเล ซ่างกวนหลีก็รีบลุกขึ้นกล่าวว่า “เสด็จพ่อ เรื่องนี้มอบให้กระหม่อมจัดการเถิด! ตราบใดที่คนผู้นั้นอยู่ในเมืองหลวง กระหม่อมจะต้องหาทางจับตัวเขาออกมาให้ได้!”อันกั๋วกงก็รีบกล่าวเช่นกัน “ใช่แล้วฝ่าบาท ก่อนหน้านี้เมื่อสำนักปกครองเมืองหลวงตรวจสอบปิ่นปักผมนี้ ก็ได้รายงานคดีนี้ให้องค์ชายรองทราบแล้ว ให้องค์ชายรองสืบสวนต่อไปก็ดี จะได้ไม่ต้องส่งมอบให้ผู้อื่น เพิ่มความยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์”ฮ่องเต้คังอู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ดี เรื่องนี้ข้าจะมอบให้เจ้า เจ้าต้องทำให้ประชาชนทุกคนในเมืองหลวงได้สัมผัสกับน้ำยาเถาเหลยกง!”“กระหม่อมรับพระบัญชา!” ซ่างกวนหลีรับคำอย่างยินดีอีกด้านหนึ่ง เยี่ยนเว่ยฉือ อวี๋เฟยเหยียน และฉินเซียงหรูต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซ่างกวนซีเพราะทุกคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยปิ่นหางหส์นี้เป็นของรักของอดีตฮองเฮากล่าวอีกนัยหนึ่ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอดีตฮองเฮามากที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นพระโอรสองค์เดียวของอดีตฮองเฮาที่ยังมีชีวิตอยู่ซ่างกวนซีจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ย่อมต้องใส่ใจเป็นพิเศษแต่ทำไมฮ่องเต้คังอู่ถึงไม่มอบหมายเรื่องนี้ให้เขาทำ?ก่อนหน้า
แต่เยี่ยนเว่ยฉือเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพียงแต่…รู้สึกกังวลอย่างประหลาดเมื่อซ่างกวนซีเห็นนางมีสีหน้ากังวล แต่กลับพูดอะไรไม่ออกก็เอ่ยปลอบ “กลับไปรอข้าอย่างเชื่อฟังเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้านางรู้สึกว่าคำพูดของซ่างกวนซีที่ว่า “รอข้า” ปลอบโยนนางได้มากเขาไม่ใช่คนผิดคำพูด เขาให้นางรอ เขาย่อมต้องรีบกลับมา!……วังหลัง อุทยานหลวงซ่างกวนซีเดินตามเต๋อซุ่วนกงกงมาถึงอุทยานหลวงมองเห็นแต่ไกลว่าฮ่องเต้คังอู่กำลังให้อาหารปลาอยู่ที่ริมสระปลาทองในเวลานี้ ฮ่องเต้คังอู่มีพระเนตรที่สุกใสน่ากลัว สีหน้าก็เคร่งขรึม ไม่หลงเหลือท่าทางมึนเมาเช่นในงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้ซ่างกวนซีเข้าใจแล้ว ฮ่องเต้คังอู่แสร้งทำเป็นเมาเขาเดินไปข้างหน้า ประสานมือคารวะ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้น ไล่คนรอบข้างออกไปซ่างกวนซีถามต่อ “เสด็จพ่อเรียกลูกมา มีอะไรจะสั่งสอนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้คังอู่มีสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ชูจิ่ง เจ้าจะต้องตามหาสตรีที่สวมปิ่นของเสด็จแม่เจ้า หรือจับกุมบุรุษที่ชื่อฮวาอวี๋ให้ได้!”ซ่างกวนซีตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกฉงน “เสด็จพ่อไม่ได้มอบ
ซ่างกวนซีรู้สึกว่าคำพูดของฮ่องเต้คังอู่มีเหตุผลหากเป็นอันกั๋วกงทำจริง ๆ เช่นนั้นอันกั๋วกงย่อมไม่มีทางทิ้งปิ่นหางหงส์อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ไว้แต่หากไม่ใช่อันกั๋วกงทำ เช่นนั้นจะเป็นใคร?ปิ่นของเยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำหลังจากนั้นโรงรับจำนำก็เกิดเพลิงไหม้ มีคนทำลายศพเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยเช่นนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้ ก็คือฆาตกรที่สังหารพระมารดาของเขาในอดีต?เวลาผ่านไปนานปี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้น ไฉนเลยจึงนำปิ่นหางหงส์ออกมา ทั้งยังจูงใจให้เยี่ยนเว่ยฉือซื้อกลับมาที่จวนรัชทายาทอีก?ทั้งหมดนี้มีแผนการร้ายอะไรแฝงอยู่?ซ่างกวนซีคิดไม่ออกไปชั่วขณะ“เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะสืบสาวเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่วางใจในตัวซ่างกวนซีหลังจากกล่าวเรื่องนี้จบ เขาก็เอ่ยถาม “เรื่องการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับเป่ยอิ้น เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตอบอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง ลูกไม่กล้าแสดงความเห็น”ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจอย่างจนใจสิบปีที่พ่อลูกแยกจากกัน สุดท้ายก็ห่างเหินซ่างกวนซีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นับวันก็ยิ่งเหมือนขุนนาง ไม่ใช่พ่อลู
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เพียงแต่อ๋องจ่างซิ่นอายุเกินกึ่งศตวรรษ มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ลูกเกรงว่าเขาจะไม่ยินยอม”ฮ่องเต้คังอู่เผยรอยยิ้ม “เขาไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน ถึงเวลาต้องใช้กลอุบายบ้างแล้ว ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตะลึงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อเขาครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ หากอ๋องจ่างซิ่นรู้ความจริง เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ”“เช่นนั้นก็อย่าให้เขารู้สิ!” ฮ่องเต้คังอู่โยนอาหารปลาทั้งหมดในมือลงในสระปลาจากนั้นปัดเศษอาหารออกจากมือพลางกล่าวต่อ “เรื่องนี้ มอบหมายให้เจ้าไปทำ! เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ใช่หรือไม่?”ตามแผนการของซ่างกวนซี เขาไม่ต้องการที่จะจัดการกับอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นพร้อมกันในเมืองหลวงในเมื่อตอนนี้ได้เปิดศึกกับอันกั๋วกงอย่างเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นก็ควรกำจัดอันกั๋วกงก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับอ๋องจ่างซิ่นแต่เมื่อซ่างกวนซีนึกถึงความต้องการของท่านหญิงอิ๋นตาง และการประชันของนางกับเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็เปลี่ยนใจเขาจึงตอบรับทันที “เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะทำการอย่างลับๆ แน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่ตบไหล่ซ่างกวนซี แล้วเ
อวี๋เฟยเหยียนเอ่ยขึ้น “โอ้โฮ ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก หากไม่กล่าวเสียก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ บัดนี้ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกเหนือจากท่านหญิงอิ๋นตางแล้ว คงหาสตรีใดเหมาะสมที่จะอภิเษกเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีแทนองค์หญิงได้อีก!”เยี่ยนเว่ยฉือก็กล่าวเสริม “ความคิดนี้ก็ไม่เลวนัก แต่ดวงหทัยอันบริสุทธิ์ของท่านหญิงอิ๋นตางนั้น ได้มอบให้แด่องค์รัชทายาทของพวกเราจนหมดสิ้นแล้ว นางจะยอมปฏิบัติตามแต่โดยดีได้อย่างไร?”อวี๋เฟยเหยียนรับช่วงต่อ “ถึงแม้นางจะยินยอมโดยดี แต่อ๋องจ่างซิ่นก็คงไม่เห็นด้วยเป็นแน่! นั่นคือบุตรีคนเดียวของเขา! ข้าดูจากท่าทางแข็งนอกอ่อนในของอ๋องจ่างซิ่นแล้ว คาดว่าในชีวิตนี้คงมีนางเพียงคนเดียว เขาจะยอมส่งนางไปยังดินแดนอันหนาวเหน็บอย่างเป่ยอิ้นได้อย่างไร”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ อวี๋เฟยเหยียนก็พลันบังเกิดความกังวล “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายดาย ฝ่าบาททรงมอบภาระอันหนักอึ้งให้ท่านเสียแล้ว!”ซ่างกวนซีพยักหน้า “ยากจริง แต่เว้นจากข้าแล้ว เสด็จพ่อคงไม่อาจหาผู้ใดอื่นมาทำสิ่งนี้แทนได้อีก”“เฮ้อ!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน กลับมีผู้ที่สามารถใช้งานได้เพียงน้อยนิด ช่างน่าเศร้า
โดยที่ซ่างกวนซีไม่ทันได้ตอบโต้ อวี๋เฟยเหยียนก็ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนั้นด้วยตัวเอง“ไม่ ไม่ใช่ ฮวาอวี๋ดูเหมือนจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับศิษย์พี่ ตอนที่เกิดเรื่อง เขาก็คงจะอายุแค่เจ็ดแปดขวบ เป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนร้ายต่ออดีตฮองเฮา อีกทั้งสองพี่น้องเป่ยอิ้นก็บอกว่าปิ่นปักผมนั้นเป็นของที่ฮวาอวี๋ทำตกไว้ แต่ปิ่นคู่นั้น ข้าเห็นกับตาว่าเยี่ยนเว่ยฉือไถ่ถอนมาจากโรงรับจำนำ ดังนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับฮวาอวี๋”เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี๋เฟยเหยียนก็ครุ่นคิดอีกครั้ง “เว้นแต่… เว้นแต่คนเบื้องหลังโรงรับจำนำคือฮวาอวี๋? หรือหลังจากฮวาอวี๋ ยังมีคนร้ายคนอื่นอีก?”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “นี่คือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามา ไปบอกเทียนซู ข้าต้องการหาคนผู้นั้นให้เจอ!”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง ต้องลากตัวคนออกมา ถามต่อหน้าต่อตถึงจะกระจ่างได้ แต่พฤติกรรมของคนผู้นั้นช่างแปลกประหลาด บาดเจ็บสาหัสแทนที่จะไปรักษาตัว กลับลักพาตัวเยี่ยนเว่ยฉือไป พอพาตัวไปก็ไม่ได้ทำอะไร วนเวียนอยู่พักหนึ่งก็ปล่อยตัวกลับมา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่”ซ่างกวนซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกันฮวาอวี๋ผู้นั้นมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา มองปราดเ
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วเล็กน้อย พึมพำกับตัวเองอย่างประหลาดใจ “เจ้านั่นหายไปตั้งหลายวัน พิษในร่างกายคงจะหมดสิ้นแล้วเป็นแน่ หรือเขาอาจรู้ว่าข้าไม่ได้วางยาเขา จึงหนีไป? ถ้าเป็นเช่นนั้นก็ถือว่าเขามีไหวพริบอยู่บ้าง แต่ยาของข้ามีช่วงระยะแรกและระยะท้าย ไม่รู้ว่าระยะท้ายจะเป็นอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยกยิ้ม เริ่มนับวันถอยหลังแต่นางไม่รู้ลยว่าลู่อู๋ไม่ได้หนี ไม่เพียงแต่จะไม่หนี เขายังไม่คิดจะหนีไปไหนอีกด้วย……คืนนั้น หอวสันต์อนันตกาลอวี๋เฟยเหยียน เย่เทียนซู ฉินเซียงหรู ชายสามคนปรากฏตัวพร้อมกันที่หน้าประตูหอวสันต์อนันตกาลฉินเซียงหรูมองแสงไฟที่สว่างไสวภายในหอวสันต์อนันตกาล ได้ยินเสียงดนตรีที่ไพเราะดังออกมา อดไม่ได้ที่จะกล่าวว่า “ดูแล้ว ที่นี่เหมือนจะเป็นสถานที่ที่ดูดีมีระดับ”เย่เทียนซูยกยิ้ม “ท่านหมอฉิน ท่านเคยไปสถานที่อโคจรด้วยหรือ?”ฉินเซียงหรูชะงักเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มอย่างอึดอัด เขาไม่เคยไปจริง ๆเย่เทียนซูพูดต่อ “คนชั่วที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนซื่อสัตย์ คนเลวที่ยิ่งใหญ่ดูเหมือนคนดี สถานที่ที่หรูหราดูดี มักจะซ่อนสิ่งสกปรกไว้ ไปดูกันเถอะ”ทั้งสามคนแต่งกายดี เมื่อเดินเข้าไปในประตูหอวสัน
ซ่างกวนซีกำลังยุ่งกับการแต่งตัว จึงวิ่งทางตามออกไปไม่ได้ ทำได้เพียงพูดว่า “ไปหาเฟยเหยียนและเทียนซู ให้พาเจ้าไปด้วยกัน!”มีศิษย์น้องสองคนนี้คอยคุ้มกัน ซ่างกวนซีถึงจะวางใจได้บ้างเยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ รับคำแล้วรีบวิ่งออกจากเรือนซวงหานซ่างกวนซีแต่งตัวเสร็จเดินออกมา มองประตูห้องที่เปิดอ้าอยู่ ส่ายหน้าอย่างจนใจเขาไม่อยากให้เยี่ยนเว่ยฉือไปเสี่ยงอันตรายแต่ฮวาอวี๋คนนั้นมีร่องรอยที่ลึกลับ เขากังวลว่าต่อให้คนของเขาถึงจะพลิกแผ่นดินหา ก็อาจจะหาฮวาอวี๋ไม่พบแต่ในเมื่อฮวาอวี๋เคยสนใจเยี่ยนเว่ยฉือครั้งหนึ่ง บางทีครั้งนี้เมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือปรากฏตัว อาจจะยอมออกมาพบก็เป็นได้ดังนั้นแทนที่จะให้เยี่ยนเว่ยฉือไปหาคน สู้ให้เยี่ยนเว่ยฉือเป็นเหยื่อล่อ ใช้ตกปลาที่ชื่อฮวาอวี๋ตัวนั้น……หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือได้รับอนุญาตจากซ่างกวนซีแล้ว ก็วิ่งมาที่เรือนรับรองแขกอย่างมีความสุข เพื่อให้ฉินเซียงหรูให้แกะผ้าพันแผลออกให้ฉินเซียงหรูยังคงยุ่งอยู่กับสมุนไพรของเขา ราวกับว่าสมุนไพรเหล่านั้นเป็นของล้ำค่า ต้องตากแดดทุกวัน ต้องจับอย่างเบามือเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือมา ฉินเซียงหรูมองไปข้างหลังนางเพื่อดูว่ามีซ่
เยี่ยนเว่ยฉือพูดติดตลก “ฝ่าบาทบอกว่าจะใช้ข้าเป็นหมอนข้าง ไฉนเพิ่งกอดได้สองวันก็ไม่กอดแล้ว? ในฐานะหมอนข้างที่ดี ข้าก็ต้องมีจิตสำนึกสิ นี่ไง อาบน้ำมาสะอาดเอี่ยมมาให้ท่านกอดแล้ว”ซ่างกวนซีสูดหายใจเข้าลึก รู้สึกว่าหัวใจเต้นแรง เด็กคนนี้นี่อย่างไร ไม่ตั้งใจก็ทำให้ใจคนสั่นไหวได้“มีอะไรก็พูดมาตรง ๆ อย่าได้อ้อมค้อม!” ซ่างกวนซีเร่งเร้าอย่างเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงข้าง ๆ ซ่างกวนซี เข้าไปใกล้เขา ยิ้มหวาน “ฝ่าบาท ข้าอยากออกไปข้างนอก”“ไปไหน?” ซ่างกวนซีลุกขึ้นรินชา หลบเลี่ยงความใกล้ชิดของเยี่ยนเว่ยฉือกลิ่นสมุนไพรจาง ๆ ที่แผ่ออกมาจากตัวนาง ลอยกรุ่นเข้าไปในโพรงจมูกของเขาไม่หยุดกลิ่นสมุนไพรที่ควรจะทำให้จิตใจสงบ กลับกลายเป็นเหมือนยาปลุกอารมณ์ ทำให้หัวใจเต้นเร็วขึ้นบุรุษในยามเช้าตรู่มักจะตื่นตัวเป็นพิเศษ เยี่ยนเว่ยฉือเลือกเวลาได้เหมาะเจาะจริง ๆเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมากถึงนางจะมีจิตวิญญาณของคนยุคปัจจุบัน แต่ในเรื่องชายหญิงยังถือว่าไม่ประสีประสา สำหรับเรื่องที่อ่อนประสบการณ์ นางจึงไม่ได้คิดรายละเอียดมากนักเมื่อเห็นซ่างกวนซีถาม เยี่ยนเว่ยฉือก็ไม่ปิดบัง ยิ้มแล้วพูดว่า “ข้ารู้ว่าฝ่าบาท
หน้ากากสีทองบดบังใบหน้าของฝูกวง แน่นอนว่ามันบดบังสีหน้าของเขาด้วยมิฉะนั้นเยี่ยนเว่ยฉือคงได้เห็นความดูถูกและความไม่แยแสบนใบหน้าของฝูกวงแล้วฝูกวงพูดอย่างเย็นชา “ศาลาจิ่วโยวได้รับงานใหม่ บอกว่าจวนรัชทายาทกำลังหาคนชื่อฮวาอวี๋ ใช่หรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือชะงักเล็กน้อย พูดอย่างประหลาดใจเล็กน้อย “ซ่างกวนซีเขา...เขาช่วยข้าหาคนจริง ๆ หรือ?”ฝูกวงขมวดคิ้วมองเยี่ยนเว่ยฉือ เร่งเร้า “ข้าถามเจ้าอยู่ ใช่หรือไม่ใช่?”เยี่ยนเว่ยฉือได้สติ รีบพยักหน้า “อ่า ใช่ ใช่ ใช่ เป็นอย่างไร? เจ้าหาเจอแล้วหรือ?”ฝูกวงพูดตรง ๆ “หนึ่งพันตำลึง”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “เจ้ามาไถเงินจริง ๆ ด้วย แต่ก็ยังดี เมื่อเทียบกับหนึ่งหมื่นตำลึงครั้งก่อน ถือว่าเจ้าไว้หน้าข้ามากแล้ว”ฝูกวงเสริม “หนึ่งพันตำลึง หนึ่งเบาะแส”เบาะแส?เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบ “สรุปว่าเจ้ายังหาคนไม่เจอ เพียงแค่ได้หนึ่งเบาะแส”ฝูกวงตอบอย่างเย็นชา “เจ้าจะไม่ซื้อก็ได้ เช่นนั้นข้าขอตัว!”ฝูกวงกำลังจะหันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือเห็นดังนั้นจึงรีบพูด “เดี๋ยว! เดี๋ยวก่อน! เจ้าคนนี้ เหตุใดไม่มีความอดทนเลย ใครซื้อของก็ต้องต่อราคาทั้งนั้น!”ฝูก
เนื่องจากมีคำสั่งของซ่างกวนซี ดังนั้น...หลังจากธูปหมดดอก เยี่ยนเว่ยฉือก็ถูกพันมือทั้งสองข้างจนเหมือนบ๊ะจ่าง ไม่มีผิวส่วนใดโผล่ออกมาเลยตอนนี้ไม่ต้องพูดถึงการจับสิ่งของ แม้แต่ถ้วยชานางก็ยังยกไม่ได้เยี่ยนเว่ยฉือยกมือทั้งสองข้างที่พันไว้เหมือนบ๊ะจ่าง โบกไปมาตรงหน้าซ่างกวนซี “ฝ่าบาท ท่านคงไม่ได้แกล้งข้าอยู่กระมัง?!”ซ่างกวนซีเหลือบมองนาง “ข้าไม่มีเวลาว่างถึงเพียงนั้นหรอก!”พูดจบ ซ่างกวนซีก็หันหลังเดินจากไป พร้อมกับกำชับอย่างไม่พอใจ “ก่อนที่มือทั้งสองข้างจะหายดี เจ้าห้ามออกไปไหน เรื่องเถาเหลยกงก็ไม่ต้องสนใจ!”เมื่อพูดจบ ซ่างกวนซีก็หายตัวไปในเรือนหลังเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองอวี๋เฟยเหยียน “ฝ่าบาท… ดูเหมือนจะไม่พอใจบางอย่าง?”อวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ตอนทานมื้อกลางวันยังดี ๆ อยู่เลย ออกไปเจอเรื่องอะไรมา?”“ฝ่าบาทออกไปทำอะไรหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือถามต่ออวี๋เฟยเหยียนส่ายหน้า เขาเองก็ไม่รู้ ซ่างกวนซีไม่ได้บอกอะไรทั้งสองคนไม่เข้าใจ จึงหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มเล็กน้อยกล่าวว่า “ใจคนเป็นองค์รัชทายาทยากจะหยั่งถึง ข้าเองก็ไม่เข้าใจ” เขาไม่ใช่ไม่เข้าใจ แค่พูดไม่ได้เท่านั้นซ
ฉินเซียงหรูตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางพระทัย ตราบใดที่ไม่เกาจนผิวแตก ก็จะไม่มีเรื่องใหญ่โตอะไร รอพิษของเถาเหลยกงหมดฤทธิ์ ผื่นแดงบนมือก็จะค่อย ๆ จางหายไปภายในสามถึงห้าวัน”พูดถึงตรงนี้ ฉินเซียงหรูก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือแล้วพูดต่อ “จำไว้ว่าห้ามเกา ข้าจะไปเอาผ้าพันแผลมาพันให้เจ้า ป้องกันเจ้าอดใจไม่ไหว”น้ำเสียงตำหนิของฉินเซียงหรูที่แฝงความจนใจ ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายเล็กน้อย“ขอโทษที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วง!” เยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างขอไปทีซ่างกวนซีที่อยู่ข้าง ๆ กลับมีสีหน้าย่ำแย่ลงฉินเซียงหรูช่างสังเกต เมื่อเห็นดังนั้นจึงรีบพูดว่า “คนที่ต้องเป็นห่วงหาได้มีเพียงข้าผู้เดียวไม่ องค์รัชทายาทต่างหากที่ทรงเป็นห่วงที่สุด”พูดจบ ฉินเซียงหรูก็หันหลังเดินจากไปเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซีที่มีสีหน้าเคร่งขรึม ยิ้มขม “ฝ่าบาทโปรดวางใจ ข้าไม่เป็นอะไรจริง ๆ เพียงแต่สถานการณ์เมื่อครู่นี้ ข้าทำได้เพียงแค่ทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย ไม่อาจปล่อยให้เยี่ยนชิงซูสมใจไปได้”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “มีแต่คนไร้ความสามารถเท่านั้นที่จะทำร้ายศัตรูหนึ่งพัน เสียหายเองแปดร้อย คนที่มีความสามารถ จะใช้เพียงก
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั