ซ่างกวนซีรู้สึกว่าคำพูดของฮ่องเต้คังอู่มีเหตุผลหากเป็นอันกั๋วกงทำจริง ๆ เช่นนั้นอันกั๋วกงย่อมไม่มีทางทิ้งปิ่นหางหงส์อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ไว้แต่หากไม่ใช่อันกั๋วกงทำ เช่นนั้นจะเป็นใคร?ปิ่นของเยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำหลังจากนั้นโรงรับจำนำก็เกิดเพลิงไหม้ มีคนทำลายศพเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยเช่นนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้ ก็คือฆาตกรที่สังหารพระมารดาของเขาในอดีต?เวลาผ่านไปนานปี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้น ไฉนเลยจึงนำปิ่นหางหงส์ออกมา ทั้งยังจูงใจให้เยี่ยนเว่ยฉือซื้อกลับมาที่จวนรัชทายาทอีก?ทั้งหมดนี้มีแผนการร้ายอะไรแฝงอยู่?ซ่างกวนซีคิดไม่ออกไปชั่วขณะ“เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะสืบสาวเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่วางใจในตัวซ่างกวนซีหลังจากกล่าวเรื่องนี้จบ เขาก็เอ่ยถาม “เรื่องการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับเป่ยอิ้น เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตอบอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง ลูกไม่กล้าแสดงความเห็น”ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจอย่างจนใจสิบปีที่พ่อลูกแยกจากกัน สุดท้ายก็ห่างเหินซ่างกวนซีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นับวันก็ยิ่งเหมือนขุนนาง ไม่ใช่พ่อลู
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เพียงแต่อ๋องจ่างซิ่นอายุเกินกึ่งศตวรรษ มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ลูกเกรงว่าเขาจะไม่ยินยอม”ฮ่องเต้คังอู่เผยรอยยิ้ม “เขาไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน ถึงเวลาต้องใช้กลอุบายบ้างแล้ว ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตะลึงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อเขาครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ หากอ๋องจ่างซิ่นรู้ความจริง เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ”“เช่นนั้นก็อย่าให้เขารู้สิ!” ฮ่องเต้คังอู่โยนอาหารปลาทั้งหมดในมือลงในสระปลาจากนั้นปัดเศษอาหารออกจากมือพลางกล่าวต่อ “เรื่องนี้ มอบหมายให้เจ้าไปทำ! เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ใช่หรือไม่?”ตามแผนการของซ่างกวนซี เขาไม่ต้องการที่จะจัดการกับอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นพร้อมกันในเมืองหลวงในเมื่อตอนนี้ได้เปิดศึกกับอันกั๋วกงอย่างเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นก็ควรกำจัดอันกั๋วกงก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับอ๋องจ่างซิ่นแต่เมื่อซ่างกวนซีนึกถึงความต้องการของท่านหญิงอิ๋นตาง และการประชันของนางกับเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็เปลี่ยนใจเขาจึงตอบรับทันที “เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะทำการอย่างลับๆ แน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่ตบไหล่ซ่างกวนซี แล้วเ
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ
อะไรนะ...ที่ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ดีหมายความว่าอย่างไร?หรือสตรีนางนี้เป็นสตรีจากหอนางโลม? ซ่างกวนซีมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อถึงอย่างไร เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นคนรักษาสัจจะ นางจึงไปปลดผ้ารัดเอวของซ่างกวนซีแม้ใบหน้าของซ่างกวนซีจะถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเขาคว้าข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือสุดกำลัง และตะโกนด้วยความโกรธ “นางสารเลว อย่ามาแตะ…”ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าตนขยับตัวไม่ได้แล้วขณะที่เขาหลุบตาลงมามอง ก็เห็นว่าในมือของเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเข็มเงินเจาะร่างกายของเขา ซึ่งไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“เจ้ามาเพื่อสังหารข้ารึ?” ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ว่าใครกันที่ทำเรื่องที่เกินความจำเป็น ส่งมือสังหารมาปลิดชีพเขาเช่นนี้เยี่ยนเว่ยฉือถอยห่างจากซ่างกวนซี ขณะที่ถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วพูดว่า “ถึงฆ่าท่านไป ข้าก็คงไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่คุณหนูรองจวนติ้งหย่
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นตระหนกในทันที!นางไม่รู้เลยว่าองค์รัชทายาทตกอับที่ป่วยและไร้ประโยชน์ผู้นี้จะมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย“อย่า...อย่าทำเช่นนี้เลย มีเรื่องอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยท่านไว้นะ!”ซ่างกวนซีถอดเสื้อผ้าของเขาที่มีอยู่บนตัวชิ้นเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่แน่นเกินไปแม้ตอนนี้ตามเนื้อตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับเจือความเย้ายวนอันวิปริตที่อธิบายไม่ถูกเอาไว้ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือเปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มเขินอายโดยไม่รู้ตัวซ่างกวนซีโน้มลงบีบคางของเยี่ยนเว่ยฉือเพื่อบังคับให้นางมองเขา แล้วพูดต่อ “ใช่ เจ้าช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ข้าทำให้เจ้ามีลูกได้อย่างแน่นอน”ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่างกวนซีก็ยื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหากผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกออก องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าก็จะตกอยู่ในห้วงเสน่หา... แม้กำลังจะตายเป็นผีแต่ก็คงยังอยากเสพกามารมณ์“ชั่วช้าสามานย์รึ? เหอะ ในเมื่อทุกคนต่างด่าทอข้าเช่นนี้ ไหน ๆ จะตายอยู่แล้วก็ขอทำเรื่องนั้นให้เป็นจริงเสียเลย! ทำให้นางตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางไปด้วย” เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ไม่ล
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วมองเขา “กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้งอย่างไรเล่า!”ซ่างกวนซีไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านคลายจุดชีพจรให้ข้าก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”ขณะนี้ชะตาชีวิตของทั้งสองคนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถือว่าคนทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซ่างกวนซีจึงไม่กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะพูดโกหกหากเขาตาย นางก็ต้องถูกฝังตามเขาไปด้วยดังนั้นซ่างกวนซีจึงคลายจุดชีพจรของเยี่ยนเว่ยฉือทันทีทว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ กลับใช้เข็มแทงเข้าที่ต้นขาของซ่างกวนซี อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซ่างกวนซีมองนางอย่างเหลือเชื่อ พลางพูดอย่างยากลำบาก “จะ...เจ้าหลอกข้า เจ้าเป็นมือสังหารจริง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งและผลักซ่างกวนซีให้ล้มไปที่พื้นขณะที่สวมเสื้อผ้า นางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าจะฆ่าท่านกับผีน่ะสิ! ก็พูดอยู่ว่าจะใช้กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่ หากท่านไม่ตายแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? ในเมื่อร่างกายท่านมีพิษกู่เย็น ก็อย่าโทษข้าที่ลงมือหนักหน่อยแล้วกัน!”ซ่างกวนซีไม่ได้ยินประโยคหลังที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เพราะเขาได้เข้าสู่สภาวะเสม
“บังอาจ!” ฮองเฮาก้าวมาข้างหน้าพลางมองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาเย็นชา และตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรถึงมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของฝ่าบาท!”ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินลงโทษซ่างกวนซี และฝ่าบาทก็เป็นผู้ปลดซ่างกวนซีออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยการบอกว่าองค์รัชทายาทถูกใส่ความ จะไม่ถือเป็นการตั้งคำถามกับคำตัดสินของฝ่าบาทหรือ?ดูเผิน ๆ คำพูดของฮองเฮานั้นก็นับว่าไม่ผิดอะไรแต่เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่ามีคำว่า “น้ำท่วมปาก” ถูกเขียนบนพระพักตร์ของฮ่องเต้เอาไว้ด้วยสถานะปัจจุบันของนาง นางมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พูด ดังนั้นนางจึงต้องบอกเรื่องสำคัญก่อนที่ฮองเฮาจะสั่งประหารนางเยี่ยนเว่ยฉือจึงตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล “ฝ่าบาททรงพิจารณาเถิดเพคะ องค์รัชทายาททรงป่วยเป็นโรคนกเขาไม่ขัน หม่อมฉันขอทูลถามว่าคนที่นกเขาไม่ขันจะขืนใจสวีเหม่ยเหรินได้อย่างไร? องค์รัชทายาททรงถูกใส่ความเพคะ!”คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจทุกคนต่างอ้าปากค้างจากความตกใจ!“จะ...เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจเยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างจริงจัง “หม่อมฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนะเพคะ ฝ่าบาททรงส่งหม่
แม้สถานการณ์จะค่อนข้างอันตราย แต่ก็ยังจัดการได้เยี่ยนเว่ยฉือรีบตะโกนเสียงดัง “ไม่ได้ ท่านฆ่าข้าไม่ได้นะ!”“ไม่ได้?!” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจ เกือบจะคิดว่าตัวเองฟังผิดไปนางคิดว่านางเป็นใคร ถึงได้กล้าที่พูดจาเช่นนี้กับเจ้าแห่งหกตำหนักฝ่ายใน ทั้งยังพูดคำว่าไม่ได้ออกมาอีก?ในขณะที่ฮองเฮากำลังตกตะลึง เยี่ยนเว่ยฉือก็รีบมองไปที่ฮ่องเต้คังอู่และพูดต่อ “ฝ่าบาท หม่อมฉันเป็นเพียงคนเดียวที่สามารถพิสูจน์ได้ว่าองค์รัชทายาททรงนกเขาไม่ขัน ดังนั้นจึงถือว่าหม่อมฉันเป็นพยานคนสำคัญในคดีนี้ด้วย คดีนี้ยังต้องมีการพิจารณาคดีใหม่ ยังไม่ได้เริ่มการสอบสวนเลย หากมาฆ่าพยานเสียก่อนคงไม่เหมาะนักใช่หรือไม่เพคะ?”ฮ่องเต้คังอู่ทรงขมวดคิ้วพลางทอดพระเนตรไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ครู่หนึ่งพระองค์สับสนไม่รู้ว่านางเป็นสตรีตระกูลใดแต่สตรีนางนี้กลับกล้าปฏิเสธฮองเฮาต่อหน้าผู้คนมากมาย ซึ่งนั่นทำให้พระองค์ชอบพระทัยเป็นอย่างมากเมื่อทอดพระเนตรผ่านร่างเล็ก ๆ ของเยี่ยนเว่ยฉือไป พระองค์ก็ทรงเห็นร่างไร้ชีวิตที่มีบาดแผลทั่วร่างกายซ่างกวนซีอยู่ข้างหลังนาง ทำให้ความโศกเศร้าและความเกรี้ยวโกรธของฮ่องเต้คังอู่ถึงจุดสูงสุดเ
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เพียงแต่อ๋องจ่างซิ่นอายุเกินกึ่งศตวรรษ มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ลูกเกรงว่าเขาจะไม่ยินยอม”ฮ่องเต้คังอู่เผยรอยยิ้ม “เขาไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน ถึงเวลาต้องใช้กลอุบายบ้างแล้ว ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตะลึงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อเขาครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ หากอ๋องจ่างซิ่นรู้ความจริง เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ”“เช่นนั้นก็อย่าให้เขารู้สิ!” ฮ่องเต้คังอู่โยนอาหารปลาทั้งหมดในมือลงในสระปลาจากนั้นปัดเศษอาหารออกจากมือพลางกล่าวต่อ “เรื่องนี้ มอบหมายให้เจ้าไปทำ! เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ใช่หรือไม่?”ตามแผนการของซ่างกวนซี เขาไม่ต้องการที่จะจัดการกับอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นพร้อมกันในเมืองหลวงในเมื่อตอนนี้ได้เปิดศึกกับอันกั๋วกงอย่างเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นก็ควรกำจัดอันกั๋วกงก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับอ๋องจ่างซิ่นแต่เมื่อซ่างกวนซีนึกถึงความต้องการของท่านหญิงอิ๋นตาง และการประชันของนางกับเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็เปลี่ยนใจเขาจึงตอบรับทันที “เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะทำการอย่างลับๆ แน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่ตบไหล่ซ่างกวนซี แล้วเ
ซ่างกวนซีรู้สึกว่าคำพูดของฮ่องเต้คังอู่มีเหตุผลหากเป็นอันกั๋วกงทำจริง ๆ เช่นนั้นอันกั๋วกงย่อมไม่มีทางทิ้งปิ่นหางหงส์อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ไว้แต่หากไม่ใช่อันกั๋วกงทำ เช่นนั้นจะเป็นใคร?ปิ่นของเยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำหลังจากนั้นโรงรับจำนำก็เกิดเพลิงไหม้ มีคนทำลายศพเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยเช่นนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้ ก็คือฆาตกรที่สังหารพระมารดาของเขาในอดีต?เวลาผ่านไปนานปี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้น ไฉนเลยจึงนำปิ่นหางหงส์ออกมา ทั้งยังจูงใจให้เยี่ยนเว่ยฉือซื้อกลับมาที่จวนรัชทายาทอีก?ทั้งหมดนี้มีแผนการร้ายอะไรแฝงอยู่?ซ่างกวนซีคิดไม่ออกไปชั่วขณะ“เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะสืบสาวเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่วางใจในตัวซ่างกวนซีหลังจากกล่าวเรื่องนี้จบ เขาก็เอ่ยถาม “เรื่องการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับเป่ยอิ้น เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตอบอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง ลูกไม่กล้าแสดงความเห็น”ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจอย่างจนใจสิบปีที่พ่อลูกแยกจากกัน สุดท้ายก็ห่างเหินซ่างกวนซีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นับวันก็ยิ่งเหมือนขุนนาง ไม่ใช่พ่อลู
แต่เยี่ยนเว่ยฉือเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพียงแต่…รู้สึกกังวลอย่างประหลาดเมื่อซ่างกวนซีเห็นนางมีสีหน้ากังวล แต่กลับพูดอะไรไม่ออกก็เอ่ยปลอบ “กลับไปรอข้าอย่างเชื่อฟังเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้านางรู้สึกว่าคำพูดของซ่างกวนซีที่ว่า “รอข้า” ปลอบโยนนางได้มากเขาไม่ใช่คนผิดคำพูด เขาให้นางรอ เขาย่อมต้องรีบกลับมา!……วังหลัง อุทยานหลวงซ่างกวนซีเดินตามเต๋อซุ่วนกงกงมาถึงอุทยานหลวงมองเห็นแต่ไกลว่าฮ่องเต้คังอู่กำลังให้อาหารปลาอยู่ที่ริมสระปลาทองในเวลานี้ ฮ่องเต้คังอู่มีพระเนตรที่สุกใสน่ากลัว สีหน้าก็เคร่งขรึม ไม่หลงเหลือท่าทางมึนเมาเช่นในงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้ซ่างกวนซีเข้าใจแล้ว ฮ่องเต้คังอู่แสร้งทำเป็นเมาเขาเดินไปข้างหน้า ประสานมือคารวะ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้น ไล่คนรอบข้างออกไปซ่างกวนซีถามต่อ “เสด็จพ่อเรียกลูกมา มีอะไรจะสั่งสอนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้คังอู่มีสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ชูจิ่ง เจ้าจะต้องตามหาสตรีที่สวมปิ่นของเสด็จแม่เจ้า หรือจับกุมบุรุษที่ชื่อฮวาอวี๋ให้ได้!”ซ่างกวนซีตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกฉงน “เสด็จพ่อไม่ได้มอบ
ในขณะที่ฮ่องเต้คังอู่ลังเล ซ่างกวนหลีก็รีบลุกขึ้นกล่าวว่า “เสด็จพ่อ เรื่องนี้มอบให้กระหม่อมจัดการเถิด! ตราบใดที่คนผู้นั้นอยู่ในเมืองหลวง กระหม่อมจะต้องหาทางจับตัวเขาออกมาให้ได้!”อันกั๋วกงก็รีบกล่าวเช่นกัน “ใช่แล้วฝ่าบาท ก่อนหน้านี้เมื่อสำนักปกครองเมืองหลวงตรวจสอบปิ่นปักผมนี้ ก็ได้รายงานคดีนี้ให้องค์ชายรองทราบแล้ว ให้องค์ชายรองสืบสวนต่อไปก็ดี จะได้ไม่ต้องส่งมอบให้ผู้อื่น เพิ่มความยุ่งยากโดยเปล่าประโยชน์”ฮ่องเต้คังอู่คิดอยู่ครู่หนึ่งก็พยักหน้า “ดี เรื่องนี้ข้าจะมอบให้เจ้า เจ้าต้องทำให้ประชาชนทุกคนในเมืองหลวงได้สัมผัสกับน้ำยาเถาเหลยกง!”“กระหม่อมรับพระบัญชา!” ซ่างกวนหลีรับคำอย่างยินดีอีกด้านหนึ่ง เยี่ยนเว่ยฉือ อวี๋เฟยเหยียน และฉินเซียงหรูต่างก็อดไม่ได้ที่จะมองไปที่ซ่างกวนซีเพราะทุกคนรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยปิ่นหางหส์นี้เป็นของรักของอดีตฮองเฮากล่าวอีกนัยหนึ่ง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับอดีตฮองเฮามากที่สุด ในฐานะที่เขาเป็นพระโอรสองค์เดียวของอดีตฮองเฮาที่ยังมีชีวิตอยู่ซ่างกวนซีจัดการเรื่องนี้ด้วยตนเอง ย่อมต้องใส่ใจเป็นพิเศษแต่ทำไมฮ่องเต้คังอู่ถึงไม่มอบหมายเรื่องนี้ให้เขาทำ?ก่อนหน้า
ฮ่องเต้คังอู่ต้องการออกโจทย์การประชันด้านอักษร ย่อมมีประสงค์ที่จะช่วยเหลือเยี่ยนเว่ยฉือเขาต้องการถามเยี่ยนเว่ยฉือเป็นการส่วนตัวว่า แท้จริงแล้ว พิณ หมากรุก อักษร และภาพวาด นางถนัดสิ่งใดเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยได้ยินฝ่าบาทออกหน้า ย่อมไม่อาจขัดพระราชโองการได้ต่างก็เอ่ยตอบรับ“หม่อมฉันล้วนยอมรับการจัดการของฝ่าบาทเพคะ”“หม่อมฉันก็ยอมรับเพคะ!”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า “ดี เช่นนั้นเรื่องการประชันค่อยว่ากันในวันพรุ่งนี้ กลับโต๊ะตนเองเถิด อย่าได้เอะอะอีก!”ฮ่องเต้คังอู่หันมองอ๋องจ่างซิ่น ส่งสัญญาณเตือนด้วยสายตาอ๋องจ่างซิ่นพยักหน้าอย่างจนใจ อัดอั้นตันใจอย่างยิ่งหากแพ้ เสียหน้าเป็นเรื่องเล็ก ที่ร้ายแรงคือสูญเสียอำนาจคุมกองทัพเสินเช่อแต่หากชนะ เขาจะให้บุตรสาวเพียงคนเดียวแต่งงานกับผีดิบที่ใกล้ตายหรือ?“เฮ้อ!” อ๋องจ่างซิ่นถอนหายใจ กระวนกระวายใจอย่างยิ่ง…… ทุกคนดูละครจบก็ร่ำสุรา สนทนากันต่อพูดไปพูดมาก็วกกลับมาที่คัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรท้ายที่สุดแล้ว เมื่อเทียบกับการประชันของเยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟย ทุกคนย่อมให้ความสำคัญกับคัมภีร์ลับสวรรค์ไร้อักษรมากกว่าเบื้องบน ฮองเฮาอดไม
“กังวลอะไร?” ซ่างกวนซีเอ่ยอย่างสงบนิ่งอวี๋เฟยเหยียนประหลาดใจ “แน่นอนว่าต้องกังวลว่านางจะแพ้!”ซ่างกวนซีเอ่ยเรียบ ๆ “นางมีปัญญาประชันย่อมไม่แพ้ หากแพ้จริง เช่นนั้นก็ให้นางไปเลี้ยงหมู เจ้าจะกังวลอะไร”“หา? ศิษย์พี่ ท่านไม่กังวลหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนไม่อาจเข้าใจ ท้ายที่สุดแล้วในความคิดของเขา คู่สามีภรรยาคู่นี้รักใคร่กันดีซ่างกวนซีเหลือบมองอวี๋เฟยเหยียน ไม่ได้ตอบคำถามแท้จริงแล้วเขาไม่กังวล เพราะ… การเลี้ยงหมูก็ไม่ใช่เรื่องเลวร้ายหากนางต้องไปเลี้ยงหมูจริง ๆ เช่นนั้นเขาก็จะพานางไปเลี้ยงหมูที่ด่านเฟิงหลิงเขาซ่างกวนซี หากไม่อยากแต่งงานกับใคร ใครก็อย่าได้คิดบังคับในเมื่อผลลัพธ์ล้วนอยู่ในกำมือ เช่นนั้นเขาจะกังวลอะไรอีกอย่าง เยี่ยนเว่ยฉือดูมั่นใจยิ่งนักเขาจึงตั้งตารอการแสดงของนางเป็นไปตามคาด หลังจากที่เยี่ยนเว่ยฉือและหานอวี่เฟยลงนามในสัญญาแล้วก็เอ่ยถาม “ไม่ทราบว่าท่านหญิงอิ๋นตางจะประชันอะไร?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย ดูเหมือนกำลังครุ่นคิดอ๋องจ่างซิ่นที่อยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็รีบเอ่ย “เป็นสตรี ประลองกำลังกันก็อาจจะทำให้บาดเจ็บได้ ประชันด้านอักษรเถิด! ประชันการเขียนอักษร!”
โดยไม่รอให้หานอวี่เฟยเอ่ยตอบ เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยปาก “ใช่แล้ว ใช่แล้ว ท่านหญิงอิ๋นตาง ท่านดูสิ แม้แต่ท่านกั๋วกงก็คิดว่าท่านจะแพ้ ยังจะกล้าเสี่ยงอีกหรือ?”“เหลวไหล! ใครบอกว่าข้าจะแพ้? ข้าจะแพ้ให้กับนางชั้นต่ำที่เลี้ยงหมูงั้นรึ? หึ! ประชันก็ประชัน แต่ข้าขอบอกไว้ก่อน ในเมื่อเจ้าต้องการเดิมพันที่ยิ่งใหญ่จากข้า เช่นนั้นข้าก็จะเพิ่มเดิมพันขึ้นไปอีก!”หานอวี่เฟยเป็นคนอารมณ์ร้อนไร้สมอง คำยั่วยุของเยี่ยนเว่ยฉือ เมื่อใช้กับนาง ออกแรงเพียงนิดก็ได้ผลเกินคาดเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มมองนาง “ได้ เช่นนั้นก็ลองว่ามา”หานอวี่เฟยเหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือ คิดแล้วเอ่ยต่อ “เดิมทีข้ายังคิดจะให้ตำแหน่งชายารองแก่เจ้า แต่ในเมื่อเจ้าท้าทายข้า เช่นนั้นหากเจ้าแพ้ ก็จงไสหัวออกจากจวนรัชทายาทไป กลับไปยังไร่นาของเจ้า ชั่วชีวิตนี้ต้องเลี้ยงหมู ห้ามแต่งงานกับผู้ใด! ข้าจะให้เจ้าอยู่ตัวคนเดียวจนแก่เฒ่า! หึ!”คำพูดนี้ดังขึ้น อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ ก็อดไม่ได้ที่จะกังวลเขาเอ่ยเตือน “นี่ … พี่สะใภ้ ท่านไม่ถามก่อนหรือว่าจะประชันอะไร?”เขาเองก็กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะแพ้ไม่เพียงแต่จะสูญเสียชีวิตในภายภาคหน้าของตนเอง แต่ยังสูญเส
ฮ่องเต้คังอู่ อันกั๋วกง ซ่างกวนซี ฉินเซียงหรู...เหล่าคนฉลาดที่อยู่ในที่นี้ ล้วนเข้าใจว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังวางแผนทุกคนต่างหันไปมองนางแต่ไม่ว่าจะเป็นอ๋องจ่างซิ่น หรือท่านหญิงอิ๋นตาง หานอวี่เฟย ล้วนไม่ใช่คนฉลาดหานอวี่เฟยขมวดคิ้วทันที “ผลประโยชน์? เจ้าต้องการอะไร? ทองคำหมื่นตำลึง? อิสรภาพ? หรือข้าจะหาบุรุษที่มีชาติตระกูลดีๆ ให้เจ้า แล้วช่วยให้เจ้าได้แต่งเป็นภรรยาเอก? เจ้าต้องการอะไรก็เอ่ยมา!”“ไม่ว่าข้าต้องการอะไร ท่านหญิงอิ๋นตางก็สามารถให้ได้งั้นหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือยั่วยุ“หึ! แน่นอนอยู่แล้ว มีท่านพ่อของข้าอยู่ ในเมืองหลวงนี้ ข้าต้องการอะไรก็ย่อมได้!” คำพูดนี้ดังขึ้น ทุกคนต่างก็หันไปมองฮ่องเต้คังอู่เป็นไปตามคาด ฮ่องเต้คังอู่ขมวดคิ้วเล็กน้อย สีหน้าแสดงออกชัดว่าไม่พอใจอันกั๋วกงกุมอำนาจทางการปกครอง อ๋องจ่างซิ่นกุมอำนาจทางการทหารทั้งสองคนล้วนกุมอำนาจคนละฝ่าย หากร่วมมือกันก็สามารถล้มล้างฮ่องเต้คังอู่ได้แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ทั้งต่อหน้าหรือลับหลังอันกั๋วกงก็ยังคงทำตามธรรมเนียม ไม่บังอาจล่วงเกินฝ่าบาทแต่อ๋องจ่างซิ่นกลับโอหังยิ่งนักดูสิ แม้แต่บุตรสาวของเขาก็ยังบังอาจพูดจาโอหัง
“ดีตรงไหน? นางดีกว่าข้าตรงไหน?” หานอวี่เฟยพูดจาโอหัง ตะโกนถามด้วยเสียงเกรี้ยวกราดอวี้ฉืออวิ๋นจิ่นที่นั่งชมอยู่ด้านข้างเห็นดังนั้นก็เอ่ยยิ้ม ๆ “ดีตรงไหน เช่นนั้นก็ต้องแข่งกันกันดู ในฐานะพระชายาองค์รัชทายาท คงมิใช่ว่าจะไม่มีความกล้าที่จะรับคำท้ากระมัง? หากไม่กล้ายอมรับคำท้า เช่นนั้นก็ด้อยกว่าท่านหญิงอิ๋นตางจริง ๆ แล้ว”อวี้ฉืออวิ๋นจ้าวเห็นดังนั้นก็พยักหน้า “ถูกต้อง พวกเราชาวเป่ยอิ้น สตรีล้วนกล้าที่จะแย่งชิงบุรุษที่ตนเองหมายปอง ท่านหญิงอิ๋นตางไม่ว่าจะความกล้าหาญหรือความองอาจล้วนไม่ด้อยไปกว่าบุรุษ ไร้ซึ่งท่าทางของสตรีในห้องหอ”บอกว่านางไร้ซึ่งท่าทางของสตรีในห้องหอ เช่นนั้นก็ไม่เท่ากับว่าเยี่ยนเว่ยฉือมีท่าทางของสตรีในห้องหอเช่นนั้นสิ?ซ่างกวนหลีก็ร่วมวงหยอกเย้า อย่างไม่กลัวเรื่องใหญ่โต เอ่ยพลางยิ้มกว้าง “องค์ชายสามตรัสได้ถูกต้อง เยี่ยนเว่ยฉือ เจ้าคงไม่ขี้ขลาดหรอกกระมัง? เจ้าเก่งกาจนักมิใช่หรือ?”อันกั๋วกงที่นั่งอยู่ด้านข้างขมวดคิ้ว ส่งสายตาตำหนิไปยังซ่างกวนหลี สีหน้านั้นบ่งบอกชัดเจนว่าไม่ต้องการให้เขาเติมเชื้อไฟในเรื่องนี้แต่ซ่างกวนหลีมุ่งแต่อยากจะเห็นอีกฝ่ายอับอาย ต้องการเห็นซ่างกว