เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ไม่รู้ด้วยเหตุใด คืนนี้กลับอยากจะพูดคุยกับนางเขาเอ่ยปาก “คืนนี้เจ้าอยู่ที่นี่” ไม่ใช่คำขอร้อง แต่เหมือนคำสั่งมากกว่า“เอ่อ… อ๊ะ?” เยี่ยนเว่ยฉือหดตัวกลับโดยไม่รู้ตัว ในหัวคิดอะไรต่อมิอะไรซ่างกวนซีไม่สนใจนาง แต่เดินไปยังแท่นเตียงแล้วเอนกายลงนอน พลางตอบคำถามเมื่อครู่ของนาง “หากเหยื่อตกปลากานพลูมีแต่เจ้าที่ทำได้ สูตรนี้ก็ต้องหลุดออกไปจากจวนรัชทายาท คนของฮองเฮาและอันกั๋วกงคงไม่ไร้สาระถึงขั้นต้องบันทึกแม้แต่สูตรเหยื่อตกปลา”เยี่ยนเว่ยฉือวิ่งไปที่ขอบเตียง ถามด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาทหมายความว่า ในจวนรัชทายาท นอกเหนือจากคนของฮองเฮาและอันกั๋วกง ยังมีคนของฮ่องเต้อีกด้วย? ทว่าสูตรเหยื่อตกปลา พระองค์จะเรียนรู้ไปทำไม?”ซ่างกวนซีตบที่ด้านในของเตียง เป็นสัญญาณให้เยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมานอนคุยกันเยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะแห้งๆ “เอาเป็นว่า… พรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือหันหลังจะเดินไป ทันใดนั้นเอวก็รู้สึกรัดแน่นขึ้น กลายเป็นว่าถูกซ่างกวนซีโอบเอวจากด้านหลังไม่รู้ว่าเป็นเพราะแขนของซ่างกวนซียาวหรือเอว
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ ในแววตาฉายแววชื่นชมเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูดนั้นถูกต้องแล้ว นี่เป็นความเป็นไปได้ที่สองจริง ๆ“เจ้าฉลาดมาก!” ซ่างกวนซียื่นมือไปแตะที่หว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มและลูบหน้าผากตัวเอง “ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ตัวท่านเองคิดออกอยู่แล้วแท้ ๆ”ซ่างกวนซีหันไปมองเพดาน ไม่ได้ตอบอะไรเขาคิดออกแล้วจริ งๆ แต่ชอบที่มีคนคิดแทนเขามากกว่าเหมือนกับเวลาอากาศร้อนต้องใช้พัด อากาศหนาวต้องเพิ่มเสื้อผ้าเขาเองก็รู้ดีอยู่ แต่การถูกคนอื่นคอยเตือนและห่วงใยมันเป็นความรู้สึกอีกแบบโดยเฉพาะ… เมื่อความใส่ใจนี้มาจากคนที่เขาไม่รังเกียจซ่างกวนซีโบกมือให้เทียนในห้องดับลง เขากล่าวเบา ๆ “นอนเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือนอนลงอย่างเชื่อฟัง แต่ไม่ได้รีบข่มตาหลับ กลับกล่าวว่า “ฝ่าบาท เรื่องของท่านจบแล้ว เรื่องของข้ายังไม่ได้พูดเลย”ซ่างกวนซีพลิกตัว วางแขนลงบนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่า พูดไม่ออกฉับพลัน“เรื่องอะไร?” น้ำเสียงของซ่างกวนซียังคงสงบและเย็นชาราวกับคนที่กำลังทำท่าทางสนิทสนมไม่ใช่เขาเยี่ยนเว่ยฉือค่อยๆ ผลักแขนของซ่
วันถัดมาเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมาก็ไม่พบร่องรอยของซ่างกวนซีแล้วนางตรวจสอบเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นเรียบร้อยดี ไม่มีร่องรอยยับยู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างโล่งอก พึมพำกับตนเอง “ดูเหมือนว่าข้าจะนอนหลับได้สงบขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ไม่เปลื้องเสื้อผ้าแล้ว”ทว่านางไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน แม้แต่คนที่ปกติไม่ชอบปลดเปลื้องเสื้อผ้าเวลานอน หลังจากนอนไปทั้งคืน เสื้อผ้าก็ต้องยับยู่บ้าง จะเรียบร้อยขนาดนี้ได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่ามีคนจัดเตรียมให้นางในเช้าวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมาก ในหัวของนางยังคงคิดถึงเรื่องที่ยังไม่ได้พูดเมื่อคืน“ไคจือ! ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือเรียกชื่อสาวใช้ทั้งสองทุกครั้งที่เรียกชื่อพวกนางก็จะรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูกทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก“พระชายา ตื่นแล้วหรือเพคะ?” เสียงของไคจือดังมาจากนอกประตูเยี่ยนเว่ยฉือแต่งตัวพลางกล่าว “เข้ามาได้”ไคจือและซ่านเย่รีบถืออุปกรณ์ล้างหน้าเข้ามา นอกจากนี้ยังมีอาภรณ์ชุดใหม่เยี่ยนเว่ยฉือมองเสื้อผ้าชุดนั้นด้วยความสงสัย “นี่อะไร?”ไคจือรีบตอบ “ก่อนที่องค์ร
ในฐานะแพทย์นิติเวช เยี่ยนเว่ยฉือไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าวันหนึ่งนางจะถูกส่งไปผลิตทายาทใช่แล้ว ผลิตทายาท!นางต้องมีทายาททางสายเลือดคนสุดท้ายกับซ่างกวนซี องค์รัชทายาทผู้ถูกทอดทิ้งแห่งแคว้นจิ่วหลีที่จะมีชีวิตอยู่ได้อีกไม่นานนางเป็นแพทย์นิติเวชจากศตวรรษที่ยี่สิบเจ็ด ผู้ซึ่งเดินทางข้ามเวลามาเมื่อหนึ่งชั่วยามก่อนยังไม่ทันที่วิญญาณจะเข้ากันกับร่างกายได้ดี นางก็ได้สวมชุดแต่งงานแบบลวก ๆ และถูกส่งตัวเข้าคุกหลวง“เชิญทางนี้ องค์รัชทายาทกำลังรอเจ้าอยู่ข้างใน!” เสียงเหยียดหยามของขันทีดังเข้ามาในโสตประสาทของนางเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังห้องขังตรงหน้า พบว่าภายในคุกใหญ่โตนี้ มีเพียงเงาร่างสีขาวนอนขดตัวอยู่บนกองฟางแห้งเขาคือพระโอรสของอดีตฮองเฮา องค์รัชทายาทซ่างกวนซีผู้ไร้ค่าน่ะหรือ?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้ครุ่นคิดอย่างกระจ่างแจ้ง ทันใดนั้นก็มีแรงผลักมหาศาลจากด้านหลังผลักส่งนางเข้าไปในห้องขัง ก่อนจะมีเสียงดังตามมา!ปัง! แกร๊ง!ประตูห้องขังถูกลงกลอนจากด้านนอก ขันทีที่พานางมายืนอยู่ด้านนอกห้องขังพลางพูดว่า “เจ้ามีเวลาสองชั่วยาม เจ้าจะรอดหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับว่าเจ้าจะมีทายาทกับฝ่าบาทสำเร็จหรือ
อะไรนะ...ที่ว่าเชี่ยวชาญเรื่องนี้ดีหมายความว่าอย่างไร?หรือสตรีนางนี้เป็นสตรีจากหอนางโลม? ซ่างกวนซีมองคนตรงหน้าอย่างเหลือเชื่อถึงอย่างไร เยี่ยนเว่ยฉือก็เป็นคนรักษาสัจจะ นางจึงไปปลดผ้ารัดเอวของซ่างกวนซีแม้ใบหน้าของซ่างกวนซีจะถูกปกคลุมไปด้วยเส้นผมที่ยุ่งเหยิง ทว่าเขาก็แสดงสีหน้าตื่นตระหนกออกมาเขาคว้าข้อมือของเยี่ยนเว่ยฉือสุดกำลัง และตะโกนด้วยความโกรธ “นางสารเลว อย่ามาแตะ…”ยังไม่ทันที่จะพูดจบประโยค ซ่างกวนซีก็รู้สึกว่าตนขยับตัวไม่ได้แล้วขณะที่เขาหลุบตาลงมามอง ก็เห็นว่าในมือของเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเข็มเงินเจาะร่างกายของเขา ซึ่งไม่รู้ว่านางทำเช่นนั้นตั้งแต่เมื่อไหร่“เจ้ามาเพื่อสังหารข้ารึ?” ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างเอาเป็นเอาตาย ตอนนี้ชีวิตของเขาแขวนอยู่บนเส้นด้าย คิดอย่างไรก็ไม่เข้าใจ ว่าใครกันที่ทำเรื่องที่เกินความจำเป็น ส่งมือสังหารมาปลิดชีพเขาเช่นนี้เยี่ยนเว่ยฉือถอยห่างจากซ่างกวนซี ขณะที่ถอดเสื้อผ้าของเขาออก แล้วพูดว่า “ถึงฆ่าท่านไป ข้าก็คงไม่รอดอยู่ดี ตอนนี้ท่านคือความหวังสุดท้ายของข้า”ซ่างกวนซีกัดฟันแล้วพูดว่า “เจ้าเป็นใครกันแน่? เจ้าไม่ใช่คุณหนูรองจวนติ้งหย่
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นตระหนกในทันที!นางไม่รู้เลยว่าองค์รัชทายาทตกอับที่ป่วยและไร้ประโยชน์ผู้นี้จะมีพิษกู่อยู่ในร่างกาย“อย่า...อย่าทำเช่นนี้เลย มีเรื่องอะไรก็พูดกันดี ๆ เถอะ ถึงอย่างไรข้าก็ช่วยท่านไว้นะ!”ซ่างกวนซีถอดเสื้อผ้าของเขาที่มีอยู่บนตัวชิ้นเดียว เผยให้เห็นกล้ามเนื้อที่แข็งแกร่งแต่ไม่แน่นเกินไปแม้ตอนนี้ตามเนื้อตัวจะเต็มไปด้วยบาดแผลนับไม่ถ้วน แต่กลับเจือความเย้ายวนอันวิปริตที่อธิบายไม่ถูกเอาไว้ใบหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือเปลี่ยนเป็นสีแดง และเริ่มเขินอายโดยไม่รู้ตัวซ่างกวนซีโน้มลงบีบคางของเยี่ยนเว่ยฉือเพื่อบังคับให้นางมองเขา แล้วพูดต่อ “ใช่ เจ้าช่วยข้าไว้ ดังนั้นข้าก็จะช่วยเจ้าเช่นกัน ข้าทำให้เจ้ามีลูกได้อย่างแน่นอน”ทันทีที่เขาพูดจบ ซ่างกวนซีก็ยื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหากผ้าชิ้นนี้ถูกฉีกออก องค์รัชทายาทผู้ไร้ค่าก็จะตกอยู่ในห้วงเสน่หา... แม้กำลังจะตายเป็นผีแต่ก็คงยังอยากเสพกามารมณ์“ชั่วช้าสามานย์รึ? เหอะ ในเมื่อทุกคนต่างด่าทอข้าเช่นนี้ ไหน ๆ จะตายอยู่แล้วก็ขอทำเรื่องนั้นให้เป็นจริงเสียเลย! ทำให้นางตั้งครรภ์ ก็ถือว่าเป็นการช่วยชีวิตนางไปด้วย” เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็ไม่ล
เยี่ยนเว่ยฉือขมวดคิ้วมองเขา “กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่อีกครั้งอย่างไรเล่า!”ซ่างกวนซีไม่เข้าใจ “หมายความว่าอย่างไร?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ท่านคลายจุดชีพจรให้ข้าก่อน แล้วข้าจะอธิบายให้ฟัง”ขณะนี้ชะตาชีวิตของทั้งสองคนอยู่ระหว่างความเป็นความตาย ถือว่าคนทั้งสองอยู่ในสถานการณ์ไม่ต่างกัน ซ่างกวนซีจึงไม่กลัวว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะพูดโกหกหากเขาตาย นางก็ต้องถูกฝังตามเขาไปด้วยดังนั้นซ่างกวนซีจึงคลายจุดชีพจรของเยี่ยนเว่ยฉือทันทีทว่าเยี่ยนเว่ยฉือที่เพิ่งได้รับอิสรภาพ กลับใช้เข็มแทงเข้าที่ต้นขาของซ่างกวนซี อาการวิงเวียนศีรษะอย่างรุนแรงได้ถาโถมเข้ามาอีกครั้ง ซ่างกวนซีมองนางอย่างเหลือเชื่อ พลางพูดอย่างยากลำบาก “จะ...เจ้าหลอกข้า เจ้าเป็นมือสังหารจริง ๆ!”เยี่ยนเว่ยฉือลุกขึ้นนั่งและผลักซ่างกวนซีให้ล้มไปที่พื้นขณะที่สวมเสื้อผ้า นางก็ขมวดคิ้วและพูดว่า “ข้าจะฆ่าท่านกับผีน่ะสิ! ก็พูดอยู่ว่าจะใช้กลยุทธ์ตายแล้วเกิดใหม่ หากท่านไม่ตายแล้วจะเกิดใหม่ได้อย่างไร? ในเมื่อร่างกายท่านมีพิษกู่เย็น ก็อย่าโทษข้าที่ลงมือหนักหน่อยแล้วกัน!”ซ่างกวนซีไม่ได้ยินประโยคหลังที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เพราะเขาได้เข้าสู่สภาวะเสม
“บังอาจ!” ฮองเฮาก้าวมาข้างหน้าพลางมองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาเย็นชา และตะโกนด้วยความโกรธ “เจ้าเป็นใคร? กล้าดีอย่างไรถึงมาตั้งคำถามกับการตัดสินใจของฝ่าบาท!”ฝ่าบาทเป็นผู้ตัดสินลงโทษซ่างกวนซี และฝ่าบาทก็เป็นผู้ปลดซ่างกวนซีออกจากตำแหน่งองค์รัชทายาทด้วยการบอกว่าองค์รัชทายาทถูกใส่ความ จะไม่ถือเป็นการตั้งคำถามกับคำตัดสินของฝ่าบาทหรือ?ดูเผิน ๆ คำพูดของฮองเฮานั้นก็นับว่าไม่ผิดอะไรแต่เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่ามีคำว่า “น้ำท่วมปาก” ถูกเขียนบนพระพักตร์ของฮ่องเต้เอาไว้ด้วยสถานะปัจจุบันของนาง นางมีโอกาสน้อยมากที่จะได้พูด ดังนั้นนางจึงต้องบอกเรื่องสำคัญก่อนที่ฮองเฮาจะสั่งประหารนางเยี่ยนเว่ยฉือจึงตะโกนออกมาอย่างไม่ลังเล “ฝ่าบาททรงพิจารณาเถิดเพคะ องค์รัชทายาททรงป่วยเป็นโรคนกเขาไม่ขัน หม่อมฉันขอทูลถามว่าคนที่นกเขาไม่ขันจะขืนใจสวีเหม่ยเหรินได้อย่างไร? องค์รัชทายาททรงถูกใส่ความเพคะ!”คำพูดเหล่านั้นเหมือนกับสายฟ้าที่ฟาดลงมากลางใจทุกคนต่างอ้าปากค้างจากความตกใจ!“จะ...เจ้าพูดเหลวไหลอะไร?” ฮองเฮามองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยความตกใจเยี่ยนเว่ยฉือตอบอย่างจริงจัง “หม่อมฉันไม่ได้พูดเหลวไหลนะเพคะ ฝ่าบาททรงส่งหม่
วันถัดมาเช้าวันรุ่งขึ้น เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมาก็ไม่พบร่องรอยของซ่างกวนซีแล้วนางตรวจสอบเสื้อผ้าของตัวเองโดยไม่รู้ตัว พบว่าเสื้อผ้าที่สวมใส่อยู่นั้นเรียบร้อยดี ไม่มีร่องรอยยับยู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างโล่งอก พึมพำกับตนเอง “ดูเหมือนว่าข้าจะนอนหลับได้สงบขึ้นเรื่อยๆ แล้ว ไม่เปลื้องเสื้อผ้าแล้ว”ทว่านางไม่ได้คิดให้ถี่ถ้วน แม้แต่คนที่ปกติไม่ชอบปลดเปลื้องเสื้อผ้าเวลานอน หลังจากนอนไปทั้งคืน เสื้อผ้าก็ต้องยับยู่บ้าง จะเรียบร้อยขนาดนี้ได้อย่างไร?เห็นได้ชัดว่ามีคนจัดเตรียมให้นางในเช้าวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้คิดอะไรมาก ในหัวของนางยังคงคิดถึงเรื่องที่ยังไม่ได้พูดเมื่อคืน“ไคจือ! ซ่านเย่!” เยี่ยนเว่ยฉือเรียกชื่อสาวใช้ทั้งสองทุกครั้งที่เรียกชื่อพวกนางก็จะรู้สึกอับอายอย่างบอกไม่ถูกทำให้เยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะกระตุกมุมปาก“พระชายา ตื่นแล้วหรือเพคะ?” เสียงของไคจือดังมาจากนอกประตูเยี่ยนเว่ยฉือแต่งตัวพลางกล่าว “เข้ามาได้”ไคจือและซ่านเย่รีบถืออุปกรณ์ล้างหน้าเข้ามา นอกจากนี้ยังมีอาภรณ์ชุดใหม่เยี่ยนเว่ยฉือมองเสื้อผ้าชุดนั้นด้วยความสงสัย “นี่อะไร?”ไคจือรีบตอบ “ก่อนที่องค์ร
ซ่างกวนซีจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ ในแววตาฉายแววชื่นชมเล็กน้อยเพราะสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูดนั้นถูกต้องแล้ว นี่เป็นความเป็นไปได้ที่สองจริง ๆ“เจ้าฉลาดมาก!” ซ่างกวนซียื่นมือไปแตะที่หว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มและลูบหน้าผากตัวเอง “ท่านล้อข้าเล่นแล้ว ตัวท่านเองคิดออกอยู่แล้วแท้ ๆ”ซ่างกวนซีหันไปมองเพดาน ไม่ได้ตอบอะไรเขาคิดออกแล้วจริ งๆ แต่ชอบที่มีคนคิดแทนเขามากกว่าเหมือนกับเวลาอากาศร้อนต้องใช้พัด อากาศหนาวต้องเพิ่มเสื้อผ้าเขาเองก็รู้ดีอยู่ แต่การถูกคนอื่นคอยเตือนและห่วงใยมันเป็นความรู้สึกอีกแบบโดยเฉพาะ… เมื่อความใส่ใจนี้มาจากคนที่เขาไม่รังเกียจซ่างกวนซีโบกมือให้เทียนในห้องดับลง เขากล่าวเบา ๆ “นอนเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือนอนลงอย่างเชื่อฟัง แต่ไม่ได้รีบข่มตาหลับ กลับกล่าวว่า “ฝ่าบาท เรื่องของท่านจบแล้ว เรื่องของข้ายังไม่ได้พูดเลย”ซ่างกวนซีพลิกตัว วางแขนลงบนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ สมองว่างเปล่า พูดไม่ออกฉับพลัน“เรื่องอะไร?” น้ำเสียงของซ่างกวนซียังคงสงบและเย็นชาราวกับคนที่กำลังทำท่าทางสนิทสนมไม่ใช่เขาเยี่ยนเว่ยฉือค่อยๆ ผลักแขนของซ่
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา “ท่านหมายความว่าอย่างไร?”ซ่างกวนซีมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ ไม่รู้ด้วยเหตุใด คืนนี้กลับอยากจะพูดคุยกับนางเขาเอ่ยปาก “คืนนี้เจ้าอยู่ที่นี่” ไม่ใช่คำขอร้อง แต่เหมือนคำสั่งมากกว่า“เอ่อ… อ๊ะ?” เยี่ยนเว่ยฉือหดตัวกลับโดยไม่รู้ตัว ในหัวคิดอะไรต่อมิอะไรซ่างกวนซีไม่สนใจนาง แต่เดินไปยังแท่นเตียงแล้วเอนกายลงนอน พลางตอบคำถามเมื่อครู่ของนาง “หากเหยื่อตกปลากานพลูมีแต่เจ้าที่ทำได้ สูตรนี้ก็ต้องหลุดออกไปจากจวนรัชทายาท คนของฮองเฮาและอันกั๋วกงคงไม่ไร้สาระถึงขั้นต้องบันทึกแม้แต่สูตรเหยื่อตกปลา”เยี่ยนเว่ยฉือวิ่งไปที่ขอบเตียง ถามด้วยความประหลาดใจ “ฝ่าบาทหมายความว่า ในจวนรัชทายาท นอกเหนือจากคนของฮองเฮาและอันกั๋วกง ยังมีคนของฮ่องเต้อีกด้วย? ทว่าสูตรเหยื่อตกปลา พระองค์จะเรียนรู้ไปทำไม?”ซ่างกวนซีตบที่ด้านในของเตียง เป็นสัญญาณให้เยี่ยนเว่ยฉือขึ้นมานอนคุยกันเยี่ยนเว่ยฉือคิดอยู่ครู่หนึ่ง หัวเราะแห้งๆ “เอาเป็นว่า… พรุ่งนี้ค่อยคุยกันเถอะ”เยี่ยนเว่ยฉือหันหลังจะเดินไป ทันใดนั้นเอวก็รู้สึกรัดแน่นขึ้น กลายเป็นว่าถูกซ่างกวนซีโอบเอวจากด้านหลังไม่รู้ว่าเป็นเพราะแขนของซ่างกวนซียาวหรือเอว
ฉินเซียงหรูตกอยู่ในความสับสน ไม่รู้ว่าจะบอกสิ่งที่ตนค้นพบกับซ่างกวนซีดีหรือไม่ถ้าบอกออกไป ดูเหมือนว่าจะส่งผลกระทบต่อความสัมพันธ์ของพ่อลูกตนเป็นคนนอก อีกหนึ่งปีก็จะได้รับอิสรภาพแล้ว ไยต้องไปทำตัวเป็นคนพาลถ้าไม่บอก ซ่างกวนซีก็จะไม่เข้าใจสถานการณ์ของตน หากเผลอทำให้อารมณ์ของฮ่องเต้ขุ่นเคือง จะถูกฮ่องเต้คังอู่ทอดทิ้งหรือไม่?ถึงตอนนั้นเกรงว่าเขาคงจะเดือดร้อนไปด้วยฉินเซียงหรูถอนหายใจ นวดระหว่างคิ้ว “คนทั่วไปคิดว่าชีวิตในวังสุขสบาย แต่หารู้ไม่ว่าความทุกข์ในวังนั้นมากมายเพียงใด”…… อันที่จริง ความกังวลของฉินเซียงหรูนั้นเกินความจำเป็นโดยสิ้นเชิงเพราะมีคนหนึ่งได้พูดเรื่องนี้ออกมาอย่างตรงไปตรงมาแล้วซ่างกวนซีไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ตอนที่ออกมาจากห้องด้านข้าง ก็พบว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังยืนอยู่ในห้องของเขาเมื่อครู่เยี่ยนเว่ยฉือกลับไปที่เรือนหน้าแล้ว ไยจึงมาที่เรือนซวงหานของเขากะทันหันเช่นนี้หนำซ้ำ… ยังสวมชุดนอนอยู่อีกด้วยซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่หัวใจกลับเต้นผิดจังหวะเพราะเขาเห็นเยี่ยนเว่ยฉือกำลังถือเสื้อผ้าของเขา กำลังจุมพิต… หรือสูดดม?เขาเข้าไปดูใกล้ ๆ ที่แท้ก็แค่ดม“เ
โดยที่ซ่างกวนซีไม่ทันได้ตอบโต้ อวี๋เฟยเหยียนก็ปฏิเสธข้อสันนิษฐานนั้นด้วยตัวเอง“ไม่ ไม่ใช่ ฮวาอวี๋ดูเหมือนจะมีอายุรุ่นราวคราวเดียวกับศิษย์พี่ ตอนที่เกิดเรื่อง เขาก็คงจะอายุแค่เจ็ดแปดขวบ เป็นไปไม่ได้ที่จะวางแผนร้ายต่ออดีตฮองเฮา อีกทั้งสองพี่น้องเป่ยอิ้นก็บอกว่าปิ่นปักผมนั้นเป็นของที่ฮวาอวี๋ทำตกไว้ แต่ปิ่นคู่นั้น ข้าเห็นกับตาว่าเยี่ยนเว่ยฉือไถ่ถอนมาจากโรงรับจำนำ ดังนั้นไม่เกี่ยวอะไรกับฮวาอวี๋”เมื่อพูดถึงตรงนี้ อวี๋เฟยเหยียนก็ครุ่นคิดอีกครั้ง “เว้นแต่… เว้นแต่คนเบื้องหลังโรงรับจำนำคือฮวาอวี๋? หรือหลังจากฮวาอวี๋ ยังมีคนร้ายคนอื่นอีก?”ซ่างกวนซีกล่าวต่อ “นี่คือเหตุผลที่ข้าเรียกเจ้ามา ไปบอกเทียนซู ข้าต้องการหาคนผู้นั้นให้เจอ!”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง ต้องลากตัวคนออกมา ถามต่อหน้าต่อตถึงจะกระจ่างได้ แต่พฤติกรรมของคนผู้นั้นช่างแปลกประหลาด บาดเจ็บสาหัสแทนที่จะไปรักษาตัว กลับลักพาตัวเยี่ยนเว่ยฉือไป พอพาตัวไปก็ไม่ได้ทำอะไร วนเวียนอยู่พักหนึ่งก็ปล่อยตัวกลับมา ไม่รู้ว่าเขาคิดอะไรอยู่กันแน่”ซ่างกวนซีหรี่ตาลงเล็กน้อย ตกอยู่ในภวังค์ความคิดเช่นกันฮวาอวี๋ผู้นั้นมีวรยุทธ์ไม่ธรรมดา มองปราดเ
อวี๋เฟยเหยียนเอ่ยขึ้น “โอ้โฮ ฝ่าบาททรงพระปรีชายิ่งนัก หากไม่กล่าวเสียก็คงไม่มีผู้ใดล่วงรู้ บัดนี้ในเมืองหลวงแห่งนี้ นอกเหนือจากท่านหญิงอิ๋นตางแล้ว คงหาสตรีใดเหมาะสมที่จะอภิเษกเพื่อเชื่อมสัมพันธไมตรีแทนองค์หญิงได้อีก!”เยี่ยนเว่ยฉือก็กล่าวเสริม “ความคิดนี้ก็ไม่เลวนัก แต่ดวงหทัยอันบริสุทธิ์ของท่านหญิงอิ๋นตางนั้น ได้มอบให้แด่องค์รัชทายาทของพวกเราจนหมดสิ้นแล้ว นางจะยอมปฏิบัติตามแต่โดยดีได้อย่างไร?”อวี๋เฟยเหยียนรับช่วงต่อ “ถึงแม้นางจะยินยอมโดยดี แต่อ๋องจ่างซิ่นก็คงไม่เห็นด้วยเป็นแน่! นั่นคือบุตรีคนเดียวของเขา! ข้าดูจากท่าทางแข็งนอกอ่อนในของอ๋องจ่างซิ่นแล้ว คาดว่าในชีวิตนี้คงมีนางเพียงคนเดียว เขาจะยอมส่งนางไปยังดินแดนอันหนาวเหน็บอย่างเป่ยอิ้นได้อย่างไร”เมื่อกล่าวถึงตรงนี้ อวี๋เฟยเหยียนก็พลันบังเกิดความกังวล “ศิษย์พี่ใหญ่ เรื่องนี้ไม่ใช่ง่ายดาย ฝ่าบาททรงมอบภาระอันหนักอึ้งให้ท่านเสียแล้ว!”ซ่างกวนซีพยักหน้า “ยากจริง แต่เว้นจากข้าแล้ว เสด็จพ่อคงไม่อาจหาผู้ใดอื่นมาทำสิ่งนี้แทนได้อีก”“เฮ้อ!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจกษัตริย์ผู้ครองแผ่นดิน กลับมีผู้ที่สามารถใช้งานได้เพียงน้อยนิด ช่างน่าเศร้า
ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เพียงแต่อ๋องจ่างซิ่นอายุเกินกึ่งศตวรรษ มีบุตรสาวเพียงคนเดียว ลูกเกรงว่าเขาจะไม่ยินยอม”ฮ่องเต้คังอู่เผยรอยยิ้ม “เขาไม่มีทางยินยอมอย่างแน่นอน ถึงเวลาต้องใช้กลอุบายบ้างแล้ว ทำให้ข้าวสารกลายเป็นข้าวสุก เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตะลึงเล็กน้อย เข้าใจความหมายของเสด็จพ่อเขาครุ่นคิดอย่างละเอียดแล้วเอ่ยตอบ “เรื่องนี้ หากอ๋องจ่างซิ่นรู้ความจริง เกรงว่าจะทำให้เขาไม่พอใจ”“เช่นนั้นก็อย่าให้เขารู้สิ!” ฮ่องเต้คังอู่โยนอาหารปลาทั้งหมดในมือลงในสระปลาจากนั้นปัดเศษอาหารออกจากมือพลางกล่าวต่อ “เรื่องนี้ มอบหมายให้เจ้าไปทำ! เจ้าคงไม่ทำให้ข้าผิดหวัง ใช่หรือไม่?”ตามแผนการของซ่างกวนซี เขาไม่ต้องการที่จะจัดการกับอันกั๋วกงและอ๋องจ่างซิ่นพร้อมกันในเมืองหลวงในเมื่อตอนนี้ได้เปิดศึกกับอันกั๋วกงอย่างเปิดเผยแล้ว เช่นนั้นก็ควรกำจัดอันกั๋วกงก่อน แล้วค่อยคิดหาวิธีจัดการกับอ๋องจ่างซิ่นแต่เมื่อซ่างกวนซีนึกถึงความต้องการของท่านหญิงอิ๋นตาง และการประชันของนางกับเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็เปลี่ยนใจเขาจึงตอบรับทันที “เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะทำการอย่างลับๆ แน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่ตบไหล่ซ่างกวนซี แล้วเ
ซ่างกวนซีรู้สึกว่าคำพูดของฮ่องเต้คังอู่มีเหตุผลหากเป็นอันกั๋วกงทำจริง ๆ เช่นนั้นอันกั๋วกงย่อมไม่มีทางทิ้งปิ่นหางหงส์อันเป็นหลักฐานที่ชัดเจนเช่นนี้ไว้แต่หากไม่ใช่อันกั๋วกงทำ เช่นนั้นจะเป็นใคร?ปิ่นของเยี่ยนเว่ยฉือซื้อมาจากโรงรับจำนำหลังจากนั้นโรงรับจำนำก็เกิดเพลิงไหม้ มีคนทำลายศพเพื่อกลบเกลื่อนร่องรอยเช่นนั้นผู้ที่อยู่เบื้องหลังนี้ ก็คือฆาตกรที่สังหารพระมารดาของเขาในอดีต?เวลาผ่านไปนานปี ผู้ที่อยู่เบื้องหลังผู้นั้น ไฉนเลยจึงนำปิ่นหางหงส์ออกมา ทั้งยังจูงใจให้เยี่ยนเว่ยฉือซื้อกลับมาที่จวนรัชทายาทอีก?ทั้งหมดนี้มีแผนการร้ายอะไรแฝงอยู่?ซ่างกวนซีคิดไม่ออกไปชั่วขณะ“เสด็จพ่อโปรดวางใจ ลูกจะสืบสาวเรื่องนี้อย่างละเอียดแน่นอน!”ฮ่องเต้คังอู่วางใจในตัวซ่างกวนซีหลังจากกล่าวเรื่องนี้จบ เขาก็เอ่ยถาม “เรื่องการอภิเษกเชื่อมสัมพันธ์กับเป่ยอิ้น เจ้าคิดเห็นเช่นไร?”ซ่างกวนซีตอบอย่างระมัดระวัง “เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับบ้านเมือง ลูกไม่กล้าแสดงความเห็น”ฮ่องเต้คังอู่ถอนหายใจอย่างจนใจสิบปีที่พ่อลูกแยกจากกัน สุดท้ายก็ห่างเหินซ่างกวนซีเมื่ออยู่ต่อหน้าเขา นับวันก็ยิ่งเหมือนขุนนาง ไม่ใช่พ่อลู
แต่เยี่ยนเว่ยฉือเองก็ไม่รู้ว่าจะพูดอะไร เพียงแต่…รู้สึกกังวลอย่างประหลาดเมื่อซ่างกวนซีเห็นนางมีสีหน้ากังวล แต่กลับพูดอะไรไม่ออกก็เอ่ยปลอบ “กลับไปรอข้าอย่างเชื่อฟังเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มริมฝีปากแล้วพยักหน้านางรู้สึกว่าคำพูดของซ่างกวนซีที่ว่า “รอข้า” ปลอบโยนนางได้มากเขาไม่ใช่คนผิดคำพูด เขาให้นางรอ เขาย่อมต้องรีบกลับมา!……วังหลัง อุทยานหลวงซ่างกวนซีเดินตามเต๋อซุ่วนกงกงมาถึงอุทยานหลวงมองเห็นแต่ไกลว่าฮ่องเต้คังอู่กำลังให้อาหารปลาอยู่ที่ริมสระปลาทองในเวลานี้ ฮ่องเต้คังอู่มีพระเนตรที่สุกใสน่ากลัว สีหน้าก็เคร่งขรึม ไม่หลงเหลือท่าทางมึนเมาเช่นในงานเลี้ยงเมื่อครู่นี้ซ่างกวนซีเข้าใจแล้ว ฮ่องเต้คังอู่แสร้งทำเป็นเมาเขาเดินไปข้างหน้า ประสานมือคารวะ “ลูกถวายบังคมเสด็จพ่อ”ฮ่องเต้คังอู่พยักหน้า จากนั้นก็ยกมือขึ้น ไล่คนรอบข้างออกไปซ่างกวนซีถามต่อ “เสด็จพ่อเรียกลูกมา มีอะไรจะสั่งสอนหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ฮ่องเต้คังอู่มีสีพระพักตร์เคร่งขรึม “ชูจิ่ง เจ้าจะต้องตามหาสตรีที่สวมปิ่นของเสด็จแม่เจ้า หรือจับกุมบุรุษที่ชื่อฮวาอวี๋ให้ได้!”ซ่างกวนซีตกตะลึงเล็กน้อย รู้สึกฉงน “เสด็จพ่อไม่ได้มอบ