เมื่อนึกถึงตรงนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากังวลฉินเซียงหรูยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าถึงได้บอกว่าเขาไม่ควรทำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเร็วขนาดนี้ ข้ายังอธิบายไม่ทันเลย! เฮ้อ!”ทุกคนมองซ่างกวนซีด้วยความกังวล แต่ซ่างกวนซียังคงดูดเลือดของเยี่ยนเว่ยฉือต่อไป ไม่สนใจใครทั้งนั้นชิงโจวเดินไปหาอวี๋เฟยเหยียน กระซิบถาม “องค์ชายอวี๋ เมื่อครู่ท่านบอกว่าแม่นางผู้นี้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท? องค์ชายรัชทายาททรงอภิเษกสมรสแล้วหรือ?”เรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป ดังนั้นชิงโจวและฉงซานที่เร่งรุดเดินทางมาตลอดจึงไม่รู้เรื่องอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง นางชื่อเยี่ยนเว่ยฉือ เป็นบุตรีของเยี่ยนหานซาน ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท แต่เนื่องจากร่างกายของศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่แข็งแรงดี จึงยังไม่ได้จัดพิธีอภิเษกอย่างเป็นทางการ”ฉงซานก็เข้ามาใกล้ ถามด้วยความสงสัย “หากนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง?”อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมองหน้ากัน ทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าลำบากใจฉงซานช่างถามคำถามที่ไม่ควรถามเสียจริงเมื่อเห็นอวี๋เฟยเหยียนไม่ตอบ ฉงซานก็เกาหัว “จริงด้วย ข้าเห็นกับตาตนเองว่
“จวน…จวนองค์รัชทายาทหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองสำรวจโดยรอบด้วยความงุนงง ก่อนจะตระหนักว่าที่แห่งนี้คือเรือนรั่วชูของนางเองเมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมชัดเจนแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจึงถอนหายใจยาวเบาๆ ความสงบใจหวนคืนฉินเซียงหรูเห็นนางสงบลงแล้ว จึงยกถ้วยยาสีดำสนิทเสนอไปเบื้องหน้า“ท่านถูกพิษเถาชิงเถิงเล่นงาน แม้เมื่อคืนจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกแล้ว แต่ในร่างกายท่านยังคงมีพิษตกค้างอยู่บ้าง ต้องดื่มยานี้สามวันติดต่อกันจึงจะหายขาด นี่เอ้า!”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างเล็กน้อย ดูดพิษ?นางฉุกคิดได้ทันที เมื่อคืนนางคิดว่ามีผู้ใดกัดเสียอีกนาง ที่แท้ไม่ใช่กัด แต่เป็นการดูดพิษให้นางเยี่ยนเว่ยฉือรับถ้วยยามา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยดูดพิษให้ข้า”“หา? อะแฮ่ม...” ฉินเซียงหรูพลันรู้สึกอับอายเขาคิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือคงจำไม่ได้ แต่กลับจำได้แม่นยำ!ฉินเซียงหรูครุ่นคิดหาข้อแก้ตัว “เอ่อ… หากท่านจะขอบคุณ เช่นนั้นก็ขอบคุณองค์รัชทายาทเถิด พระองค์ทรงช่วยดูดพิษให้”“หา? ซ่างกวนซีน่ะหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้างุนงง เหตุใดในความทรงจำของนาง บุรุษที่เห็นกลับไม่ใช่ซ่างกวนซี แต่เป็นหมอฉินผู้นี้ฉินเซียงหรูหันหลังให
เหตุการณ์เมื่อวานนี้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือครุ่นคิดพลางเอ่ยถามด้วยความสงสัยว่า “เหตุใดจึงเกี่ยวข้องกับท่านทั้งสองเล่า? ไม่ใช่ท่านทั้งสองที่ตามล่าข้าเสียหน่อย หรือว่าหมิงตาวจะเป็นคนของท่านทั้งสอง?”“อะไรนะ? หมิงตาว? เจ้าว่าผู้ที่ตามล่าเจ้าเมื่อวานนี้คือหมิงตาวงั้นหรือ?” อวี๋เฟยเหยียนแสดงสีหน้าตกตะลึงหากเป็นหมิงตาวที่ตามล่าเยี่ยนเว่ยฉือ แล้วเยี่ยนเว่ยฉือหนีรอดมาได้อย่างไร? แทบจะเหลือเชื่อยิ่งนักซ่างกวนซีก็ตกใจเช่นกัน เขาจ้องมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างแน่วแน่ รอฟังคำตอบจากนางเยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าเบา ๆ พลางกล่าวว่า “พูดให้ถูกต้อง ควรจะเป็นหมิงตาวที่ช่วยข้าไว้เสียมากกว่า”“หา? ช่วยเจ้าไว้?” อวี๋เฟยเหยียนยิ่งงุนงงหนักเข้าไปอีกเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “แรกเริ่มหมิงตาวจะโจมตีพวกเรา แต่พวกเราขับม้าเทียมเกวียนหนี แล้วก็ชนกับต้นไม้ใหญ่ที่ขวางทางอยู่ หลังจากนั้นก็มีบุรุษชุดดำปรากฏตัวขึ้น เขาต้องการสังหารข้า เป็นบุรุษชุดดำ หมิงตาวเห็นว่ามีคนจะสังหารข้าจึงต่อสู้กับเขา ข้าจึงใช้จังหวะที่พวกเขากำลังต่อสู้กันหนีออกมาได้ อ้อ ใช่แล้ว คนขับเกวียนเป็นอย่างไรบ้าง? ท่านทั้งสองพบเขาหรือไม่?”ซ่างกวนซีแสดงสีหน้
เยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เกือบเที่ยงวันแล้วเมื่อนางลืมตาขึ้นก็เห็นซ่างกวนซีนั่งอยู่ที่โต๊ะ ดูเหมือนกำลังอ่านราชกิจซ่างกวนซีเห็นนางตื่น จึงรีบเข้ามาประคองนางให้ลุกขึ้นนั่ง แล้วรับประทานอาหารร่วมกันตลอดกระบวนการไม่ได้พูดจากันมากนัก เพียงแต่สอบถามเป็นบางครั้งว่าอาหารถูกปากหรือไม่หลังจากรับประทานอาหารกลางวันเสร็จแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็ดื่มยา แล้วก็หลับไปอีกตอนบ่าย นางกระหายน้ำจึงตื่น พบว่าซ่างกวนซียังคงนั่งเฝ้าอยู่ที่นั่น อ่านราชกิจเช่นเดิมซ่างกวนซีเห็นนางบ่นว่ากระหายน้ำ จึงรีบนำน้ำมาให้หลังจากดื่มน้ำเสร็จแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็หลับไปอีกเมื่อนางตื่นขึ้นมาอีกครั้งก็เป็นเวลาเกือบจะเที่ยงคืนแต่สิ่งที่นางคาดไม่ถึงก็คือ ซ่างกวนซียังคงนั่งอยู่ในห้องของนาง“เจ้าตื่นแล้ว กระหายน้ำหรือหิวหรือไม่? จะกินอาหารสักหน่อยไหม?” ซ่างกวนซีเดินเข้ามา น้ำเสียงสงบ แต่ก็เต็มไปด้วยความห่วงใยเยี่ยนเว่ยฉือเงยหน้าขึ้นมองอีกฝ่าย ไม่ได้กล่าวสิ่งใด แล้วก็ยิ้มออกมาซ่างกวนซีรู้สึกงุนงง จึงถามว่า “ยิ้มอะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ “องค์รัชทายาท หากท่านต้องการขอโทษก็จงกล่าวออกมาเถิด ดีกว่ามาอยู่เป็
เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาปริบพลางกล่าวว่า “เหตุใดข้าจะต้องโกรธท่านด้วยเล่า? จะโกรธก็ควรโกรธมือสังหารต่างหาก อย่าให้ข้าจับตัวได้เชียว ไม่ฉะนั้นข้าจะใช้ธนูเล่านั้น แทงบนตัวเขาถึงเจ็ดพันเจ็ดร้อยสี่สิบเก้ารู ฮึ่ม!”ซ่างกวนซีกระตุกมุมปาก รอยยิ้มอ่อนหวานแทบมองไม่เห็น แต่ก็พิสูจน์ได้ว่าขณะนี้ในใจของเขาเบิกบานแจ่มใสแล้วเขาพยักหน้าพลางกล่าวว่า “ดี แทงเขาสี่สิบเก้ารูไปเลย!”…… วันรุ่งขึ้นเรื่องราวที่เยี่ยนเว่ยฉือถูกลอบโจมตีไม่ใช่ความลับแต่อย่างใด ไม่ช้าก็แพร่กระจายไปทั่วซ่างกวนหลีผู้ซึ่งป่วยอ่อนเพลีย เมื่อได้ยินข่าวนี้ก็รีบตื่นขึ้น แล้วเดินทางไปยังจวนอันกั๋วกงอันกั๋วกงเมื่อเห็นซ่างกวนหลีก็ดูประหลาดใจเล็กน้อย พลางสอบถามด้วยความห่วงใยว่า “องค์ชายรองหายป่วยแล้วหรือ? ยังรู้สึกไม่สบายที่ใดหรือไม่?”ซ่างกวนหลีขมวดคิ้วพลางกล่าวว่า “ข้าไม่เป็นอะไรแล้ว หลังจากนอนหลับพักผ่อนหลายคืนก็รู้สึกกระปรี้กระเปร่าขึ้น วันนี้เดินทางมาหาท่านลุงเพื่อจะถามว่า เรื่องที่เยี่ยนเว่ยฉือถูกลอบทำร้ายนั้น เป็นฝีมือของท่านลุงหรือไม่?”อันกั๋วกงตกตะลึงเล็กน้อย แล้วก็ขมวดคิ้วพลางถามกลับว่า “องค์ชายรองมาถึงที่เพื่อกล่าวโ
คืนนั้น ยามสาม ณ วัดร้างนอกเมือง หมิงตาวนั่งอยู่เพียงลำพังในวัดร้าง แกะผ้าพันแผลออกจากแขน แล้วก็ใช้ยาสมานแผลทาลงบนบาดแผลเขากำลังจะเปลี่ยนผ้าพันแผลใหม่ ก็ได้ยินเสียงฝีเท้าของผู้อื่นเข้าหมิงตาวจึงขว้างขวดยาในมือไปยังทิศทางที่เสียงดังมาปัง! บุคคลนั้นใช้มือรับไว้ พลางเดินเข้ามาแล้วกล่าวว่า “ไม่พบกันนาน หมิงตาว!”หมิงตาวเมื่อเห็นผู้มาเยือนก็ทำหน้าเคร่งเครียดพลางตอบว่า “เย่เทียนซู ไม่นึกว่าเจ้าจะรอดจากวิชาฝ่ามือทะลุใจของข้า หายป่วยเร็วเช่นนี้ ดูเหมือนจวนองค์รัชทายาท จะมีคนเก่ง ๆ ซ่อนอยู่มากมาย”รอยยิ้มบนใบหน้าของเย่เทียนซูแข็งทื่อเล็กน้อย แล้วก็ยิ้มเย็น “เจ้ารู้ความสัมพันธ์ระหว่างข้ากับองค์รัชทายาทอยู่แล้วจริง ๆ ด้วย”หมิงตาวพันแผลให้ตัวเองไปพลาง พลางตอบด้วยน้ำเสียงไม่พอใจว่า “องค์รัชทายาทอยู่ในกองทัพ เจ้าก็อยู่ที่ด่านเฟิงหลิง องค์รัชทายาทอยู่บนภูเขาฝึกวิชา เจ้าก็อยู่ที่เชิงเขา องค์รัชทายาทกลับเมืองหลวง เจ้าก็อยู่ที่หอหงซิ่ว ความสัมพันธ์ของพวกเจ้า คาดเดายากตรงไหนกัน?”พูดมาถึงตรงนี้ หมิงตาวเงยหน้าขึ้นมองเย่เทียนซู พลางขมวดคิ้วกล่าว “หากเจ้ามาเพื่อแก้แค้นให้ตนเอง เจ้าก็ไปได้แล้ว เ
หมิงตาวจ้องมองซ่างกวนซีด้วยความระแวดระวัง เพื่อต้องการรู้ว่าเขาจะกระทำการอันใดก่อนที่ซ่างกวนซีจะกล่าวสิ่งใด เย่เทียนซูผู้ยืนอยู่ข้างกายก็กล่าวขึ้นว่า “ในยุทธภพ ผู้คนส่วนใหญ่ต่างเชื่อว่าเจ้าสิ้นชีพไปแล้ว ดังนั้นศัตรูของเจ้าจึงไม่ได้ตามล่าเจ้าอีก หากเราเผยแพร่ข่าวว่าเจ้ายังไม่ตาย ค่ำคืนนี้ อาจเป็นค่ำคืนสุดท้ายที่เจ้าจะได้นอนหลับอย่างสงบสุข”อวี๋เฟยเหยียนก็ก้าวเข้ามาข้างหน้า พลางเยาะเย้ยด้วยน้ำเสียงเย็นชาว่า “ถูกต้อง ไม่ใช่เพียงแต่จะมีผู้คนมากมายมาตามล่าเจ้า เชื่อเถิดว่านายของเจ้าก็ไม่กล้าเรียกใช้เจ้าอีกต่อไป รสชาติของหนูตกบ่อขยะ ไม่ใช่รสชาติที่น่าพึงพอใจนักหรอก”เมื่อได้ยินเช่นนั้น หมิงตาวจึงกล่าวด้วยความหงุดหงิดว่า “เป็นข้าที่ช่วยนางไว้ พวกเจ้ากลับลืมบุญคุณกันไปแล้วหรือ?”ซ่างกวนซีกล่าวด้วยน้ำเสียงเย็นชา “เจ้าต้องการจับตัวนาง บุรุษชุดดำต้องการสังหารนาง จุดประสงค์ของพวกเจ้าล้วนแต่ต้องการทำร้ายนาง ไม่มีความแตกต่างกัน เจ้าเพียงโชคดีที่ทำไม่สำเร็จ มิฉะนั้นบุคคลที่เราจะสังหารคงไม่ใช่เขา แต่เป็นเจ้า”หมิงตาวขมวดคิ้วมองซ่างกวนซี ครู่หนึ่งจึงกล่าวว่า “กระบวนกระบี่เฉียบคม กระบี่ยาวบางเฉียบ
เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “แล้วข้าก็ลองคิดดู นอกจากพรรคพวกของอันกั๋วกงแล้ว ผู้ที่จ้องจะมีเรื่องกับข้า ก็มีเพียงฮูหยินแม่เลี้ยงของข้า และบุตรสาวของนาง เยี่ยนชิงซู”พูดมาถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซี พลางเลิกคิ้วกล่าว “ฝ่าบาท ยังจำเรื่องที่ข้ากับเยี่ยนชิงซูแย่งสร้อยข้อมือกันบนถนนได้หรือไม่?”ซ่างกวนซีพยักหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “วันนั้น สายตาของนางดุจดั่งสุนัขจรจัดที่เห็นกระดูก อยากจะกลืนกินท่านเข้าไปให้ได้ คำพูดของข้าไม่เกินจริงเลย หากท่านทำผมร่วงสักเส้น นางคงจะเก็บไปบูชาวันละสามครั้ง”“ฮ่าฮ่าฮ่า!” อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูอดหัวเราะไม่ได้ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เริ่มพูดจาไร้สาระอีกแล้ว บาดแผลของเจ้ายังไม่ทันหายดีก็ลืมความเจ็บปวดเสียแล้ว”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “โธ่ ข้าเพียงเปรียบเทียบ วันนั้นนางชื่นชมท่านมาก นางหลงใหลในตัวท่านมากเพียงใด ก็ยิ่งเกลียดชังข้ามากเพียงนั้น นอกจากนี้ ท่านแม่ของนาง ท่านหญิงหมิงหยาง อาศัยพี่ชายที่เป็นถึงองค์ชายจ่างซิ่น วางตนเป็นสตรีที่ไม่เกรงกลัวใคร ในเมืองหลวง หากบุตรสาวของนางต้องการกำจัดข้า ท่านหญิงหมิงหยางก็จะส่งดาบให้ ไม่เคยขัดขวาง!”อวี๋เฟยเหยียนกล่าวว่
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ