เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกตัว ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็ไร้เงาของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามแล้วเยี่ยนเว่ยฉือมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ไม่เอาน่า ซ่างกวนซีไอ้คนสารเลว คิดจะชักดาบรึ? จนถึงเพียงนั้นเลยรึไร?”เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มรู้สึกปวดใจแทนกระเป๋าเงินของตัวเอง“ช่างเถอะ สั่งมาแล้วก็เลยตามเลย อย่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง!” เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็เริ่มสวาปามอาหารอันโอชะบนโต๊ะจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเลหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็คิดจะกลับจวนดีที่ซ่างกวนซีทิ้งรถม้าไว้ให้นางนางขึ้นรถม้าแล้วบอกให้คนขับรถขับกลับเมืองหลวงคนขับรถม้าควบรถไปตามถนนทางการอย่างว่าง่ายหลังจากไปได้เพียงหนึ่งในห้าของระยะทางท้องฟ้าก็มืดสนิท“ฮู่...” คนขับหยุดรถแล้วพูดว่า “พระชายาโปรดรอประเดี๋ยวนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจุดตะเกียงให้”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ อีกทั้งยังจุดตะเกียงน้ำมันบนรถม้าด้วยคนขับรถม้ายุ่งวุ่นวายอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลาหนึ่ง มีการจุดตะเกียงทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ เพื่อที่เขาจะได้เดินทางต่อไปโดยอาศัยแสงไฟช่วยส่องทางทว่าไม่นานหลังจากที่รถม้าออกตัว จู่ ๆ ก็มีเงามืดร่าง
เยี่ยนเว่ยฉือมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างนางนั่งอยู่บนพื้น ขาของนางยังคงถูกตัวรถทับเอาไว้ กว่านางจะหลุดออกมาได้ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบการโจมตีขณะที่เห็นว่าดาบยาวแทงเข้ามาตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีดาบขนาดใหญ่มาขวางตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือแกร๊ง!นั่นเป็นเสียงของดาบที่กระทบกันเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ช่วยชีวิตนางไว้คือ หมิงตาว?แล้วชายชุดดำผู้นี้ที่จะสังหารนางคือใครกัน?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้กระจ่างแจ้ง บุรุษทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันแล้วแสงเงาวาววับของดาบและกระบี่ปะทะกันอย่างดุเดือดไม่วิ่งตอนนี้แล้วจะรอเมื่อไร?เยี่ยนเว่ยฉือหลุดออกจากตัวรถแล้ววิ่งเข้าไปในป่าข้างถนนทางการไม่มีใครอยู่บนถนนทางการ และตำแหน่งของนางที่อยู่เพียงลำพังก็ชัดเจนเกินไปหนีเข้าป่าหาที่ซ่อนก่อนดีกว่าเมื่อคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันเห็นเยี่ยนเว่ยฉือวิ่งหนี พวกเขาก็เห็นพ้องกันไปโดยปริยายว่าจะเลิกสู้และต่างรีบพุ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือทว่าเมื่อพวกเขามาถึงตัวเยี่ยนเว่ยฉือ ชายชุดดำก็ลงมือสังหารนางอีกครั้ง และหมิงตาวก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง และทั้งสองก็ได้เริ่มต่อสู้กันอีกเยี่ยนเว่ยฉือเข
และองครักษ์ทั้งสองที่นั่งอยู่บนเพลารถก็ไม่ใช่คนนอกเช่นกันพวกเขาคือองครักษ์ข้างกายของซ่างกวนซี ชิงโจวและฉงซานคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่คือองครักษ์ชิงโจวเมื่อเห็นว่าคนที่ล้มไม่ขยับตัว ชิงโจวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านหมอฉิน ข้าน้อยขอเข้าไปตรวจดูสักหน่อยนะขอรับ”ฉินเซียงหรูไม่ได้ปฏิเสธ แต่เพียงแค่เตือน “ระวังตัวด้วย”ชิงโจวพยักหน้า เขากระโดดลงจากรถม้าแล้ววิ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชิงโจวก็อุทาน “สวรรค์ช่วย นางเป็นสตรี ท่านหมอฉิน เป็นสตรีขอรับ ดูเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียงหรูและฉงซานก็พากันมาล้อมรอบหมิงตาวที่อยู่บนเนินเขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาเพิ่งถูกโจมตีมา และตอนนี้กำลังภายในของเขาก็อ่อนแรงมาก หากมีศัตรูมากกว่าหนึ่ง เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลยช่างมัน เอาไว้คราวหลังก็แล้วกันหมิงตาวทะยานหนีไปทันทีด้านฉินเซียงหรูก็มาอยู่ข้าง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือด้วยเขาหลุบตามองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังถูกชิงโจวประคองขึ้นมา เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่แค่สตรี แต่เป็นถึงสตรีงามเห็นได้ชัดว่าฉงซานที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน
ฉินเซียงหรูพูดอย่างจนใจ “ข้าอยากฝังเข็มให้นาง จะให้ทำผ่านเสื้อผ้าได้อย่างไร นางใกล้จะสิ้นลมอยู่แล้ว ยังจะมาคิดถึงเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมอีก”……ในเวลาเดียวกัน ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามที่รีบรุดไปยังศาลาไป๋หยางก็หยุดกะทันหัน“ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือ? รีบไปกันเถิด! พวกเราจะได้ไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮัวก่อนรุ่งสาง” อวี๋เฟยเหยียนเร่งเร้าซ่างกวนซีไม่ตอบคำถามของอวี๋เฟยเหยียน แต่หันไปมองเย่เทียนซู “เทียนซู ได้ข่าวเกี่ยวกับแหวนหยกขาวมาจากที่ใด?”เย่เทียนซูตอบว่า “ข้าติดประกาศค่าหัวบนประกาศในศาลาจิ่วโยว มีคนรับงาน และคนของศาลาจิ่วโยวก็ส่งข่าวมาให้ขอรับ”“ข่าวนี้ส่งตรงถึงหอหงซิ่วหรือ?” ซ่างกวนซียังคงถามต่อเย่เทียนซูพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ขอรับ!”สีหน้าของซ่างกวนซีเปลี่ยนไปทันที และเขาก็อุทาน “แย่แล้ว พวกเราติดกับเข้าให้แล้ว!”หลังจากที่ซ่างกวนซีพูดจบ เขาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้อธิบายให้มากความเย่เทียนซูและอวี๋เฟยเหยียนต่างมองหน้ากันและรีบตามไปอวี๋เฟยเหยียนไล่ตามมาพลางถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเราติดกับดักได้อย่างไร?”“นั่นสิศิษย์พี่ใหญ่ ข่าวนี้มาจากศาลาจิ่วโยว มีตราประท
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินเซียงหรูได้ทำการฝังเข็มรักษาให้แก่เยี่ยนเว่ยฉือ ชีพจรของนางก็ค่อย ๆ สงบลง แต่นางก็ยังคงไม่ฟื้นคืนสติขณะที่เห็นเยี่ยนเว่ยฉือนอนหมดสติอยู่นั้น ชิงโจวก็เอ่ยถามขึ้นว่า “หมอฉิน นางเป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินเซียงหรูส่ายหน้า “ข้าสามารถใช้เข็มเงินปิดกั้นเส้นลมปราณของนาง เพื่อไม่ให้พิษแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วได้ก็จริง แต่ก็เพียงแต่รักษาอาการให้คงที่ มิอาจเยียวยาให้หายได้”“เช่นนั้น เราก็ขึ้นรถม้ามุ่งสู่เมืองหลวงกันเถิด กลับไปยังโรงหมอ อย่างน้อยก็ยังหาซื้อสมุนไพรได้บ้าง!” ฉงซานเสนอแนะฉินเซียงหรูขมวดคิ้ว “ไม่ได้ สภาพของนางในเวลานี้ ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย หากประมาท พิษอาจลุกลามเข้าสู่ปอดได้”ชิงโจวก้มมองหัวไหล่ขวาของเยี่ยนเว่ยฉือที่โผล่ออกมา กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “เมื่อครู่ผิวพรรณยังขาวผ่องดุจหยก แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสีม่วงเข้มเสียแล้ว หมอฉิน ท่านจงคิดหาวิธีเถิด!”ฉินเซียงหรูมองชิงโจวและฉงซานด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าทั้งสอง มีภรรยาแล้วหรือไม่?”มีภรรยาหรือไม่? นี่มันคำถามเช่นใดกัน?ชิงโจวและฉงซานสบตากัน แล้วต่างก็ส่ายหน้า แสดงว่าต
ฉินเซียงหรูก้มมองเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าบริเวณที่เขาใช้เข็มเงินล้อมไว้ ได้กลายเป็นสีม่วงเข้มไปหมดแล้วและสีม่วงเข้มเหล่านั้นก็ยังคงแพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่องโชคดีที่เป็นไหล่ขวา หากเป็นไหล่ซ้าย ลุกลามไปถึงหัวใจก็คงจะสิ้นหวังแล้วการล่วงเกินสตรีนั้น ฉินเซียงหรูทำไม่ได้แต่การเห็นคนตายโดยไม่ช่วย ฉินเซียงหรูก็ทำไม่ได้เช่นกันคิดไปคิดมา ฉินเซียงหรูจึงกล่าว “เรื่องนี้… เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”ชิงโจวและฉงซานพยักหน้า “ได้ พวกเราจะไม่บอกใคร”ฉินเซียงหรูกล่าวต่อ “แม้แต่กับองค์รัชทายาทก็ไม่อาจบอกได้!”ชิงโจวและฉงซานสบตากัน คราวนี้รู้สึกลำบากใจขึ้นมาบ้าง เพราะพวกเขาไม่เคยปิดบังอะไรจากเจ้านายของตนมาก่อนเลยฉินเซียงหรูเห็นทั้งสองลังเลจึงขมวดคิ้ว “หากเจ้าทั้งสองไม่ยอมรับปาก ข้าก็… ข้าก็จะไม่สนใจนาง”ชิงโจวรีบกล่าว “ก็ได้ ก็ได้ ตราบใดที่องค์รัชทายาทไม่ได้สอบถาม พวกเราจะไม่บอกพระองค์อย่างแน่นอน”ฉินเซียงหรูคิดดู เช่นนั้นก็ได้เพราะถึงอย่างไรซ่างกวนซีก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ จึงไม่อาจสอบถามได้โดยไม่ทราบสาเหตุฉินเซียงหรูมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือที่นอนราบอยู่บนพื้น กัดฟัน แล้วก้มตัวล
“รัฐทายาทอวี๋!”“โปรดระงับโทสะด้วย!”ชิงโจวและฉงซานรีบวิ่งเข้ามาล็อกตัวอวี๋เฟยเหยียนไว้ ซ้ายมือหนึ่งขวามือหนึ่งชิงโจวรีบชี้แจง “รัฐทายาทอวี๋ ท่านเข้าใจผิดแล้ว หมอฉินกำลังช่วยชีวิตนาง ไม่ได้ล่วงเกินสตรีผู้นี้”ฉงซานก็พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ๆ แม่นางผู้นี้ถูกพิษ!”“อะไรนะ? เยี่ยนเว่ยฉือถูกพิษงั้นรึ?” ซ่างกวนซีหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูเช็ดคราบเลือดที่มุมปากด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย แล้วเอ่ยขึ้น “พระชายาองค์รัชทายาท? ฮ่า กระหม่อมนี่ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ คราแรกที่พบกับท่าน ท่านก็ถูกพิษ ครานี้พบกับพระชายาองค์รัชทายาท นางก็ถูกพิษเช่นกัน พวกท่านช่างสมเป็นครอบครัวเดียวกันเสียจริง!”เห็นได้ชัดว่าฉินเซียงหรูไม่พอใจนักเขาถูกบังคับให้กลับมาเมืองหลวงซ่างกวนซีรู้ว่าตนเข้าใจฉินเซียงหรูผิดไป แต่สถานการณ์เมื่อครู่ เขาไม่มีเวลาคิดมากไปกว่านั้น จึงตัดสินใจตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินทุกคนพูดเช่นนั้น ซ่างกวนซีรีบเปิดเสื้อผ้าออกเล็กน้อย เห็นรอยช้ำสีม่วงเข้มที่ไหล่ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาจึงรีบถาม “นางถูกพิษอะไร?”ฉินเซียงหรูตอบ “พิษเถาชิงเถิง!”ซ่างกวนซีเบิกตากว้าง พิษเถาชิงเถิงนั้นร้ายแรงถึงตาย แต
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากังวลฉินเซียงหรูยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าถึงได้บอกว่าเขาไม่ควรทำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเร็วขนาดนี้ ข้ายังอธิบายไม่ทันเลย! เฮ้อ!”ทุกคนมองซ่างกวนซีด้วยความกังวล แต่ซ่างกวนซียังคงดูดเลือดของเยี่ยนเว่ยฉือต่อไป ไม่สนใจใครทั้งนั้นชิงโจวเดินไปหาอวี๋เฟยเหยียน กระซิบถาม “องค์ชายอวี๋ เมื่อครู่ท่านบอกว่าแม่นางผู้นี้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท? องค์ชายรัชทายาททรงอภิเษกสมรสแล้วหรือ?”เรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป ดังนั้นชิงโจวและฉงซานที่เร่งรุดเดินทางมาตลอดจึงไม่รู้เรื่องอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง นางชื่อเยี่ยนเว่ยฉือ เป็นบุตรีของเยี่ยนหานซาน ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท แต่เนื่องจากร่างกายของศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่แข็งแรงดี จึงยังไม่ได้จัดพิธีอภิเษกอย่างเป็นทางการ”ฉงซานก็เข้ามาใกล้ ถามด้วยความสงสัย “หากนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง?”อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมองหน้ากัน ทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าลำบากใจฉงซานช่างถามคำถามที่ไม่ควรถามเสียจริงเมื่อเห็นอวี๋เฟยเหยียนไม่ตอบ ฉงซานก็เกาหัว “จริงด้วย ข้าเห็นกับตาตนเองว่
เยี่ยนเว่ยฉือล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องราวคงไม่ยุ่งยากทว่านางไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นถึงเพียงนี้ครั้นเห็นท่านหญิงหมิงหยางหยิบเงินหมื่นตำลึงออกจากห้องบัญชีได้อย่างง่ายดายเยี่ยนเว่ยฉือก็ล่วงรู้ว่าบิดาจอมปลอมของนางคงไม่ได้ละเว้นการยักยอกสินบนท่านหญิงหมิงหยางยื่นเงินให้แก่ฝูกวง น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยว่า “ท่าน...ท่านจอมยุทธ์ เรื่องราวค่ำคืนนี้...ล้วน ไม่ใช่...ไม่ใช่ความต้องการของข้า มันล้วน...ล้วน...”“ค่ำคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ? ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย!” ฝูกวงเอ่ยรับอย่างรู้ใจท่านหญิงหมิงหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว รีบหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ปิดบังใบหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกอดอก เลิกคิ้วกล่าว “เขาถูกเงินปิดตา ย่อมไม่เห็นสิ่งใด ดวงตาข้านี่ต่างหากที่สว่างไสว”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าน้ำเสียงและคำพูดของคนตรงหน้าคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนั้นกลับนึกไม่ออกนางปิดบังใบหน้า ท่านหญิงหมิงหยางจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าของนางเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่านหญิงหมิงหยางจ้องมองนาง รีบชี้ไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่บนหิ้งสูง “ท่านสามารถใช้สิ่งนั้นมาปิดตาข้าได้”ท่านหญิงหมิงหยางเงยหน้ามอง เ
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟัง ยืนยันว่าด้านล่างไม่มีเสียงอะไรแล้ว จึงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ไปเอาเงินได้แล้ว!”ฝูกวงเข้าใจแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจะใช้เรื่อง ‘จับได้คาหนังคาเขา’ บีบบังคับท่านหญิงหมิงหยางให้ยอมจ่ายเงินนี่เองปัง!ห้องมืดมิดถูกจุดเทียนขึ้นมาทันทีชายหญิงบนเตียงที่ยังคงมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ“นั่นใคร?!” ท่านหญิงหมิงหยางร้องออกมาด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ ห้องขณะนั้นลู่อู๋ไม่สนใจใครแล้ว รีบใส่กางเกงเยี่ยนเว่ยฉือเบี่ยงหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากเห็นภาพอุจาดตานั้นท่านหญิงหมิงหยางเห็นชายหญิงสองคนสวมหน้ากากยืนอยู่ในห้องก็ตั้งท่าจะตะโกนแต่ฝูกวงพูดก่อน “ตะโกนสิ ตะโกนเรียกสามีเจ้าเข้ามา ให้เห็นกับตาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทำให้เขาขายหน้าอย่างไร”“ชายอื่น?” ท่านหญิงหมิงหยางหันไปมองชายที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงเมื่อนางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ก็ร้องออกมาทันที “กรี๊ดดด!!!”ปัง!ลู่อู๋รีบใช้มือสกัดจุดท่านหญิงหมิงหยาง ขัดจังหวะเสียงกรีดร้องของนางเขากล่าวด้วยความโกรธ “ฝูกวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ฝูกวงหัวเราะเยาะ “เปล่านี่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหานางต่างหาก”ฝ
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี