เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกตัว ทั้งชั้นบนและชั้นล่างก็ไร้เงาของศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามแล้วเยี่ยนเว่ยฉือมองจานอาหารบนโต๊ะแล้วพูดด้วยสีหน้าขมขื่นว่า “ไม่เอาน่า ซ่างกวนซีไอ้คนสารเลว คิดจะชักดาบรึ? จนถึงเพียงนั้นเลยรึไร?”เยี่ยนเว่ยฉือเริ่มรู้สึกปวดใจแทนกระเป๋าเงินของตัวเอง“ช่างเถอะ สั่งมาแล้วก็เลยตามเลย อย่าใช้จ่ายสิ้นเปลือง!” เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็เริ่มสวาปามอาหารอันโอชะบนโต๊ะจนเกลี้ยงอย่างไม่ลังเลหลังจากอิ่มหนำสำราญแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือก็คิดจะกลับจวนดีที่ซ่างกวนซีทิ้งรถม้าไว้ให้นางนางขึ้นรถม้าแล้วบอกให้คนขับรถขับกลับเมืองหลวงคนขับรถม้าควบรถไปตามถนนทางการอย่างว่าง่ายหลังจากไปได้เพียงหนึ่งในห้าของระยะทางท้องฟ้าก็มืดสนิท“ฮู่...” คนขับหยุดรถแล้วพูดว่า “พระชายาโปรดรอประเดี๋ยวนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมจะจุดตะเกียงให้”เยี่ยนเว่ยฉือไม่ปฏิเสธ อีกทั้งยังจุดตะเกียงน้ำมันบนรถม้าด้วยคนขับรถม้ายุ่งวุ่นวายอยู่ข้างนอกเป็นระยะเวลาหนึ่ง มีการจุดตะเกียงทั้งด้านหน้าและด้านหลังรถ เพื่อที่เขาจะได้เดินทางต่อไปโดยอาศัยแสงไฟช่วยส่องทางทว่าไม่นานหลังจากที่รถม้าออกตัว จู่ ๆ ก็มีเงามืดร่าง
เยี่ยนเว่ยฉือมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างนางนั่งอยู่บนพื้น ขาของนางยังคงถูกตัวรถทับเอาไว้ กว่านางจะหลุดออกมาได้ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบการโจมตีขณะที่เห็นว่าดาบยาวแทงเข้ามาตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีดาบขนาดใหญ่มาขวางตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือแกร๊ง!นั่นเป็นเสียงของดาบที่กระทบกันเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ช่วยชีวิตนางไว้คือ หมิงตาว?แล้วชายชุดดำผู้นี้ที่จะสังหารนางคือใครกัน?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้กระจ่างแจ้ง บุรุษทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันแล้วแสงเงาวาววับของดาบและกระบี่ปะทะกันอย่างดุเดือดไม่วิ่งตอนนี้แล้วจะรอเมื่อไร?เยี่ยนเว่ยฉือหลุดออกจากตัวรถแล้ววิ่งเข้าไปในป่าข้างถนนทางการไม่มีใครอยู่บนถนนทางการ และตำแหน่งของนางที่อยู่เพียงลำพังก็ชัดเจนเกินไปหนีเข้าป่าหาที่ซ่อนก่อนดีกว่าเมื่อคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันเห็นเยี่ยนเว่ยฉือวิ่งหนี พวกเขาก็เห็นพ้องกันไปโดยปริยายว่าจะเลิกสู้และต่างรีบพุ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือทว่าเมื่อพวกเขามาถึงตัวเยี่ยนเว่ยฉือ ชายชุดดำก็ลงมือสังหารนางอีกครั้ง และหมิงตาวก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง และทั้งสองก็ได้เริ่มต่อสู้กันอีกเยี่ยนเว่ยฉือเข
และองครักษ์ทั้งสองที่นั่งอยู่บนเพลารถก็ไม่ใช่คนนอกเช่นกันพวกเขาคือองครักษ์ข้างกายของซ่างกวนซี ชิงโจวและฉงซานคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่คือองครักษ์ชิงโจวเมื่อเห็นว่าคนที่ล้มไม่ขยับตัว ชิงโจวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านหมอฉิน ข้าน้อยขอเข้าไปตรวจดูสักหน่อยนะขอรับ”ฉินเซียงหรูไม่ได้ปฏิเสธ แต่เพียงแค่เตือน “ระวังตัวด้วย”ชิงโจวพยักหน้า เขากระโดดลงจากรถม้าแล้ววิ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชิงโจวก็อุทาน “สวรรค์ช่วย นางเป็นสตรี ท่านหมอฉิน เป็นสตรีขอรับ ดูเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียงหรูและฉงซานก็พากันมาล้อมรอบหมิงตาวที่อยู่บนเนินเขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาเพิ่งถูกโจมตีมา และตอนนี้กำลังภายในของเขาก็อ่อนแรงมาก หากมีศัตรูมากกว่าหนึ่ง เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลยช่างมัน เอาไว้คราวหลังก็แล้วกันหมิงตาวทะยานหนีไปทันทีด้านฉินเซียงหรูก็มาอยู่ข้าง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือด้วยเขาหลุบตามองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังถูกชิงโจวประคองขึ้นมา เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่แค่สตรี แต่เป็นถึงสตรีงามเห็นได้ชัดว่าฉงซานที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน
ฉินเซียงหรูพูดอย่างจนใจ “ข้าอยากฝังเข็มให้นาง จะให้ทำผ่านเสื้อผ้าได้อย่างไร นางใกล้จะสิ้นลมอยู่แล้ว ยังจะมาคิดถึงเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมอีก”……ในเวลาเดียวกัน ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามที่รีบรุดไปยังศาลาไป๋หยางก็หยุดกะทันหัน“ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือ? รีบไปกันเถิด! พวกเราจะได้ไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮัวก่อนรุ่งสาง” อวี๋เฟยเหยียนเร่งเร้าซ่างกวนซีไม่ตอบคำถามของอวี๋เฟยเหยียน แต่หันไปมองเย่เทียนซู “เทียนซู ได้ข่าวเกี่ยวกับแหวนหยกขาวมาจากที่ใด?”เย่เทียนซูตอบว่า “ข้าติดประกาศค่าหัวบนประกาศในศาลาจิ่วโยว มีคนรับงาน และคนของศาลาจิ่วโยวก็ส่งข่าวมาให้ขอรับ”“ข่าวนี้ส่งตรงถึงหอหงซิ่วหรือ?” ซ่างกวนซียังคงถามต่อเย่เทียนซูพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ขอรับ!”สีหน้าของซ่างกวนซีเปลี่ยนไปทันที และเขาก็อุทาน “แย่แล้ว พวกเราติดกับเข้าให้แล้ว!”หลังจากที่ซ่างกวนซีพูดจบ เขาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้อธิบายให้มากความเย่เทียนซูและอวี๋เฟยเหยียนต่างมองหน้ากันและรีบตามไปอวี๋เฟยเหยียนไล่ตามมาพลางถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเราติดกับดักได้อย่างไร?”“นั่นสิศิษย์พี่ใหญ่ ข่าวนี้มาจากศาลาจิ่วโยว มีตราประท
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินเซียงหรูได้ทำการฝังเข็มรักษาให้แก่เยี่ยนเว่ยฉือ ชีพจรของนางก็ค่อย ๆ สงบลง แต่นางก็ยังคงไม่ฟื้นคืนสติขณะที่เห็นเยี่ยนเว่ยฉือนอนหมดสติอยู่นั้น ชิงโจวก็เอ่ยถามขึ้นว่า “หมอฉิน นางเป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินเซียงหรูส่ายหน้า “ข้าสามารถใช้เข็มเงินปิดกั้นเส้นลมปราณของนาง เพื่อไม่ให้พิษแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วได้ก็จริง แต่ก็เพียงแต่รักษาอาการให้คงที่ มิอาจเยียวยาให้หายได้”“เช่นนั้น เราก็ขึ้นรถม้ามุ่งสู่เมืองหลวงกันเถิด กลับไปยังโรงหมอ อย่างน้อยก็ยังหาซื้อสมุนไพรได้บ้าง!” ฉงซานเสนอแนะฉินเซียงหรูขมวดคิ้ว “ไม่ได้ สภาพของนางในเวลานี้ ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย หากประมาท พิษอาจลุกลามเข้าสู่ปอดได้”ชิงโจวก้มมองหัวไหล่ขวาของเยี่ยนเว่ยฉือที่โผล่ออกมา กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “เมื่อครู่ผิวพรรณยังขาวผ่องดุจหยก แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสีม่วงเข้มเสียแล้ว หมอฉิน ท่านจงคิดหาวิธีเถิด!”ฉินเซียงหรูมองชิงโจวและฉงซานด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าทั้งสอง มีภรรยาแล้วหรือไม่?”มีภรรยาหรือไม่? นี่มันคำถามเช่นใดกัน?ชิงโจวและฉงซานสบตากัน แล้วต่างก็ส่ายหน้า แสดงว่าต
ฉินเซียงหรูก้มมองเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าบริเวณที่เขาใช้เข็มเงินล้อมไว้ ได้กลายเป็นสีม่วงเข้มไปหมดแล้วและสีม่วงเข้มเหล่านั้นก็ยังคงแพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่องโชคดีที่เป็นไหล่ขวา หากเป็นไหล่ซ้าย ลุกลามไปถึงหัวใจก็คงจะสิ้นหวังแล้วการล่วงเกินสตรีนั้น ฉินเซียงหรูทำไม่ได้แต่การเห็นคนตายโดยไม่ช่วย ฉินเซียงหรูก็ทำไม่ได้เช่นกันคิดไปคิดมา ฉินเซียงหรูจึงกล่าว “เรื่องนี้… เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”ชิงโจวและฉงซานพยักหน้า “ได้ พวกเราจะไม่บอกใคร”ฉินเซียงหรูกล่าวต่อ “แม้แต่กับองค์รัชทายาทก็ไม่อาจบอกได้!”ชิงโจวและฉงซานสบตากัน คราวนี้รู้สึกลำบากใจขึ้นมาบ้าง เพราะพวกเขาไม่เคยปิดบังอะไรจากเจ้านายของตนมาก่อนเลยฉินเซียงหรูเห็นทั้งสองลังเลจึงขมวดคิ้ว “หากเจ้าทั้งสองไม่ยอมรับปาก ข้าก็… ข้าก็จะไม่สนใจนาง”ชิงโจวรีบกล่าว “ก็ได้ ก็ได้ ตราบใดที่องค์รัชทายาทไม่ได้สอบถาม พวกเราจะไม่บอกพระองค์อย่างแน่นอน”ฉินเซียงหรูคิดดู เช่นนั้นก็ได้เพราะถึงอย่างไรซ่างกวนซีก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ จึงไม่อาจสอบถามได้โดยไม่ทราบสาเหตุฉินเซียงหรูมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือที่นอนราบอยู่บนพื้น กัดฟัน แล้วก้มตัวล
“รัฐทายาทอวี๋!”“โปรดระงับโทสะด้วย!”ชิงโจวและฉงซานรีบวิ่งเข้ามาล็อกตัวอวี๋เฟยเหยียนไว้ ซ้ายมือหนึ่งขวามือหนึ่งชิงโจวรีบชี้แจง “รัฐทายาทอวี๋ ท่านเข้าใจผิดแล้ว หมอฉินกำลังช่วยชีวิตนาง ไม่ได้ล่วงเกินสตรีผู้นี้”ฉงซานก็พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ๆ แม่นางผู้นี้ถูกพิษ!”“อะไรนะ? เยี่ยนเว่ยฉือถูกพิษงั้นรึ?” ซ่างกวนซีหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูเช็ดคราบเลือดที่มุมปากด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย แล้วเอ่ยขึ้น “พระชายาองค์รัชทายาท? ฮ่า กระหม่อมนี่ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ คราแรกที่พบกับท่าน ท่านก็ถูกพิษ ครานี้พบกับพระชายาองค์รัชทายาท นางก็ถูกพิษเช่นกัน พวกท่านช่างสมเป็นครอบครัวเดียวกันเสียจริง!”เห็นได้ชัดว่าฉินเซียงหรูไม่พอใจนักเขาถูกบังคับให้กลับมาเมืองหลวงซ่างกวนซีรู้ว่าตนเข้าใจฉินเซียงหรูผิดไป แต่สถานการณ์เมื่อครู่ เขาไม่มีเวลาคิดมากไปกว่านั้น จึงตัดสินใจตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินทุกคนพูดเช่นนั้น ซ่างกวนซีรีบเปิดเสื้อผ้าออกเล็กน้อย เห็นรอยช้ำสีม่วงเข้มที่ไหล่ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาจึงรีบถาม “นางถูกพิษอะไร?”ฉินเซียงหรูตอบ “พิษเถาชิงเถิง!”ซ่างกวนซีเบิกตากว้าง พิษเถาชิงเถิงนั้นร้ายแรงถึงตาย แต
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากังวลฉินเซียงหรูยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าถึงได้บอกว่าเขาไม่ควรทำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเร็วขนาดนี้ ข้ายังอธิบายไม่ทันเลย! เฮ้อ!”ทุกคนมองซ่างกวนซีด้วยความกังวล แต่ซ่างกวนซียังคงดูดเลือดของเยี่ยนเว่ยฉือต่อไป ไม่สนใจใครทั้งนั้นชิงโจวเดินไปหาอวี๋เฟยเหยียน กระซิบถาม “องค์ชายอวี๋ เมื่อครู่ท่านบอกว่าแม่นางผู้นี้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท? องค์ชายรัชทายาททรงอภิเษกสมรสแล้วหรือ?”เรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป ดังนั้นชิงโจวและฉงซานที่เร่งรุดเดินทางมาตลอดจึงไม่รู้เรื่องอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง นางชื่อเยี่ยนเว่ยฉือ เป็นบุตรีของเยี่ยนหานซาน ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท แต่เนื่องจากร่างกายของศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่แข็งแรงดี จึงยังไม่ได้จัดพิธีอภิเษกอย่างเป็นทางการ”ฉงซานก็เข้ามาใกล้ ถามด้วยความสงสัย “หากนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง?”อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมองหน้ากัน ทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าลำบากใจฉงซานช่างถามคำถามที่ไม่ควรถามเสียจริงเมื่อเห็นอวี๋เฟยเหยียนไม่ตอบ ฉงซานก็เกาหัว “จริงด้วย ข้าเห็นกับตาตนเองว่
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ