เยี่ยนเว่ยฉือมองคนตรงหน้าด้วยดวงตาเบิกกว้างนางนั่งอยู่บนพื้น ขาของนางยังคงถูกตัวรถทับเอาไว้ กว่านางจะหลุดออกมาได้ มันก็สายเกินไปแล้วที่จะหลบการโจมตีขณะที่เห็นว่าดาบยาวแทงเข้ามาตรงหน้า ทันใดนั้นก็มีดาบขนาดใหญ่มาขวางตรงหน้าเยี่ยนเว่ยฉือแกร๊ง!นั่นเป็นเสียงของดาบที่กระทบกันเมื่อเยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองก็ต้องตกใจเมื่อพบว่าคนที่ช่วยชีวิตนางไว้คือ หมิงตาว?แล้วชายชุดดำผู้นี้ที่จะสังหารนางคือใครกัน?ก่อนที่เยี่ยนเว่ยฉือจะได้กระจ่างแจ้ง บุรุษทั้งสองก็เข้าต่อสู้กันแล้วแสงเงาวาววับของดาบและกระบี่ปะทะกันอย่างดุเดือดไม่วิ่งตอนนี้แล้วจะรอเมื่อไร?เยี่ยนเว่ยฉือหลุดออกจากตัวรถแล้ววิ่งเข้าไปในป่าข้างถนนทางการไม่มีใครอยู่บนถนนทางการ และตำแหน่งของนางที่อยู่เพียงลำพังก็ชัดเจนเกินไปหนีเข้าป่าหาที่ซ่อนก่อนดีกว่าเมื่อคนทั้งสองที่กำลังต่อสู้กันเห็นเยี่ยนเว่ยฉือวิ่งหนี พวกเขาก็เห็นพ้องกันไปโดยปริยายว่าจะเลิกสู้และต่างรีบพุ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือทว่าเมื่อพวกเขามาถึงตัวเยี่ยนเว่ยฉือ ชายชุดดำก็ลงมือสังหารนางอีกครั้ง และหมิงตาวก็หยุดเขาไว้อีกครั้ง และทั้งสองก็ได้เริ่มต่อสู้กันอีกเยี่ยนเว่ยฉือเข
และองครักษ์ทั้งสองที่นั่งอยู่บนเพลารถก็ไม่ใช่คนนอกเช่นกันพวกเขาคือองครักษ์ข้างกายของซ่างกวนซี ชิงโจวและฉงซานคนที่เพิ่งพูดเมื่อครู่คือองครักษ์ชิงโจวเมื่อเห็นว่าคนที่ล้มไม่ขยับตัว ชิงโจวก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “ท่านหมอฉิน ข้าน้อยขอเข้าไปตรวจดูสักหน่อยนะขอรับ”ฉินเซียงหรูไม่ได้ปฏิเสธ แต่เพียงแค่เตือน “ระวังตัวด้วย”ชิงโจวพยักหน้า เขากระโดดลงจากรถม้าแล้ววิ่งไปหาเยี่ยนเว่ยฉือหลังจากนั้นครู่หนึ่ง ชิงโจวก็อุทาน “สวรรค์ช่วย นางเป็นสตรี ท่านหมอฉิน เป็นสตรีขอรับ ดูเหมือนนางจะได้รับบาดเจ็บ!”เมื่อได้ยินเช่นนั้น ฉินเซียงหรูและฉงซานก็พากันมาล้อมรอบหมิงตาวที่อยู่บนเนินเขาขมวดคิ้วเมื่อเห็นสิ่งนี้ เขาเพิ่งถูกโจมตีมา และตอนนี้กำลังภายในของเขาก็อ่อนแรงมาก หากมีศัตรูมากกว่าหนึ่ง เขาก็ไม่มีโอกาสที่จะชนะได้เลยช่างมัน เอาไว้คราวหลังก็แล้วกันหมิงตาวทะยานหนีไปทันทีด้านฉินเซียงหรูก็มาอยู่ข้าง ๆ เยี่ยนเว่ยฉือด้วยเขาหลุบตามองเยี่ยนเว่ยฉือที่กำลังถูกชิงโจวประคองขึ้นมา เขาเลิกคิ้วด้วยความประหลาดใจ นี่ไม่ใช่แค่สตรี แต่เป็นถึงสตรีงามเห็นได้ชัดว่าฉงซานที่อยู่ข้าง ๆ ก็คิดเช่นเดียวกัน
ฉินเซียงหรูพูดอย่างจนใจ “ข้าอยากฝังเข็มให้นาง จะให้ทำผ่านเสื้อผ้าได้อย่างไร นางใกล้จะสิ้นลมอยู่แล้ว ยังจะมาคิดถึงเรื่องเหมาะสมไม่เหมาะสมอีก”……ในเวลาเดียวกัน ศิษย์พี่ศิษย์น้องทั้งสามที่รีบรุดไปยังศาลาไป๋หยางก็หยุดกะทันหัน“ศิษย์พี่ใหญ่ เป็นอะไรหรือ? รีบไปกันเถิด! พวกเราจะได้ไปถึงหมู่บ้านซิ่งฮัวก่อนรุ่งสาง” อวี๋เฟยเหยียนเร่งเร้าซ่างกวนซีไม่ตอบคำถามของอวี๋เฟยเหยียน แต่หันไปมองเย่เทียนซู “เทียนซู ได้ข่าวเกี่ยวกับแหวนหยกขาวมาจากที่ใด?”เย่เทียนซูตอบว่า “ข้าติดประกาศค่าหัวบนประกาศในศาลาจิ่วโยว มีคนรับงาน และคนของศาลาจิ่วโยวก็ส่งข่าวมาให้ขอรับ”“ข่าวนี้ส่งตรงถึงหอหงซิ่วหรือ?” ซ่างกวนซียังคงถามต่อเย่เทียนซูพยักหน้าและพูดว่า “ใช่ขอรับ!”สีหน้าของซ่างกวนซีเปลี่ยนไปทันที และเขาก็อุทาน “แย่แล้ว พวกเราติดกับเข้าให้แล้ว!”หลังจากที่ซ่างกวนซีพูดจบ เขาก็หันหลังกลับโดยไม่ได้อธิบายให้มากความเย่เทียนซูและอวี๋เฟยเหยียนต่างมองหน้ากันและรีบตามไปอวี๋เฟยเหยียนไล่ตามมาพลางถามว่า “ศิษย์พี่ใหญ่ เกิดอะไรขึ้นกันแน่? พวกเราติดกับดักได้อย่างไร?”“นั่นสิศิษย์พี่ใหญ่ ข่าวนี้มาจากศาลาจิ่วโยว มีตราประท
อีกด้านหนึ่ง หลังจากที่ฉินเซียงหรูได้ทำการฝังเข็มรักษาให้แก่เยี่ยนเว่ยฉือ ชีพจรของนางก็ค่อย ๆ สงบลง แต่นางก็ยังคงไม่ฟื้นคืนสติขณะที่เห็นเยี่ยนเว่ยฉือนอนหมดสติอยู่นั้น ชิงโจวก็เอ่ยถามขึ้นว่า “หมอฉิน นางเป็นอย่างไรบ้าง?”ฉินเซียงหรูส่ายหน้า “ข้าสามารถใช้เข็มเงินปิดกั้นเส้นลมปราณของนาง เพื่อไม่ให้พิษแพร่กระจายไปทั่วร่างกายอย่างรวดเร็วได้ก็จริง แต่ก็เพียงแต่รักษาอาการให้คงที่ มิอาจเยียวยาให้หายได้”“เช่นนั้น เราก็ขึ้นรถม้ามุ่งสู่เมืองหลวงกันเถิด กลับไปยังโรงหมอ อย่างน้อยก็ยังหาซื้อสมุนไพรได้บ้าง!” ฉงซานเสนอแนะฉินเซียงหรูขมวดคิ้ว “ไม่ได้ สภาพของนางในเวลานี้ ไม่อาจเคลื่อนย้ายได้อย่างง่ายดาย หากประมาท พิษอาจลุกลามเข้าสู่ปอดได้”ชิงโจวก้มมองหัวไหล่ขวาของเยี่ยนเว่ยฉือที่โผล่ออกมา กล่าวด้วยความเป็นห่วงว่า “เมื่อครู่ผิวพรรณยังขาวผ่องดุจหยก แต่บัดนี้กลับกลายเป็นสีม่วงเข้มเสียแล้ว หมอฉิน ท่านจงคิดหาวิธีเถิด!”ฉินเซียงหรูมองชิงโจวและฉงซานด้วยสีหน้าลำบากใจ แล้วเอ่ยถามว่า “เจ้าทั้งสอง มีภรรยาแล้วหรือไม่?”มีภรรยาหรือไม่? นี่มันคำถามเช่นใดกัน?ชิงโจวและฉงซานสบตากัน แล้วต่างก็ส่ายหน้า แสดงว่าต
ฉินเซียงหรูก้มมองเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าบริเวณที่เขาใช้เข็มเงินล้อมไว้ ได้กลายเป็นสีม่วงเข้มไปหมดแล้วและสีม่วงเข้มเหล่านั้นก็ยังคงแพร่กระจายออกไปอย่างต่อเนื่องโชคดีที่เป็นไหล่ขวา หากเป็นไหล่ซ้าย ลุกลามไปถึงหัวใจก็คงจะสิ้นหวังแล้วการล่วงเกินสตรีนั้น ฉินเซียงหรูทำไม่ได้แต่การเห็นคนตายโดยไม่ช่วย ฉินเซียงหรูก็ทำไม่ได้เช่นกันคิดไปคิดมา ฉินเซียงหรูจึงกล่าว “เรื่องนี้… เรื่องนี้ห้ามแพร่งพรายออกไปเด็ดขาด”ชิงโจวและฉงซานพยักหน้า “ได้ พวกเราจะไม่บอกใคร”ฉินเซียงหรูกล่าวต่อ “แม้แต่กับองค์รัชทายาทก็ไม่อาจบอกได้!”ชิงโจวและฉงซานสบตากัน คราวนี้รู้สึกลำบากใจขึ้นมาบ้าง เพราะพวกเขาไม่เคยปิดบังอะไรจากเจ้านายของตนมาก่อนเลยฉินเซียงหรูเห็นทั้งสองลังเลจึงขมวดคิ้ว “หากเจ้าทั้งสองไม่ยอมรับปาก ข้าก็… ข้าก็จะไม่สนใจนาง”ชิงโจวรีบกล่าว “ก็ได้ ก็ได้ ตราบใดที่องค์รัชทายาทไม่ได้สอบถาม พวกเราจะไม่บอกพระองค์อย่างแน่นอน”ฉินเซียงหรูคิดดู เช่นนั้นก็ได้เพราะถึงอย่างไรซ่างกวนซีก็ไม่ได้เห็นเหตุการณ์นี้ จึงไม่อาจสอบถามได้โดยไม่ทราบสาเหตุฉินเซียงหรูมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือที่นอนราบอยู่บนพื้น กัดฟัน แล้วก้มตัวล
“รัฐทายาทอวี๋!”“โปรดระงับโทสะด้วย!”ชิงโจวและฉงซานรีบวิ่งเข้ามาล็อกตัวอวี๋เฟยเหยียนไว้ ซ้ายมือหนึ่งขวามือหนึ่งชิงโจวรีบชี้แจง “รัฐทายาทอวี๋ ท่านเข้าใจผิดแล้ว หมอฉินกำลังช่วยชีวิตนาง ไม่ได้ล่วงเกินสตรีผู้นี้”ฉงซานก็พยักหน้ารับ “ใช่แล้ว ๆ แม่นางผู้นี้ถูกพิษ!”“อะไรนะ? เยี่ยนเว่ยฉือถูกพิษงั้นรึ?” ซ่างกวนซีหันไปมองฉินเซียงหรูฉินเซียงหรูเช็ดคราบเลือดที่มุมปากด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย แล้วเอ่ยขึ้น “พระชายาองค์รัชทายาท? ฮ่า กระหม่อมนี่ช่างโชคร้ายอะไรเช่นนี้ คราแรกที่พบกับท่าน ท่านก็ถูกพิษ ครานี้พบกับพระชายาองค์รัชทายาท นางก็ถูกพิษเช่นกัน พวกท่านช่างสมเป็นครอบครัวเดียวกันเสียจริง!”เห็นได้ชัดว่าฉินเซียงหรูไม่พอใจนักเขาถูกบังคับให้กลับมาเมืองหลวงซ่างกวนซีรู้ว่าตนเข้าใจฉินเซียงหรูผิดไป แต่สถานการณ์เมื่อครู่ เขาไม่มีเวลาคิดมากไปกว่านั้น จึงตัดสินใจตามสัญชาตญาณเมื่อได้ยินทุกคนพูดเช่นนั้น ซ่างกวนซีรีบเปิดเสื้อผ้าออกเล็กน้อย เห็นรอยช้ำสีม่วงเข้มที่ไหล่ของเยี่ยนเว่ยฉือเขาจึงรีบถาม “นางถูกพิษอะไร?”ฉินเซียงหรูตอบ “พิษเถาชิงเถิง!”ซ่างกวนซีเบิกตากว้าง พิษเถาชิงเถิงนั้นร้ายแรงถึงตาย แต
เมื่อนึกถึงตรงนี้ ทุกคนต่างก็มีสีหน้ากังวลฉินเซียงหรูยกมือขึ้นอย่างช่วยไม่ได้ “ข้าถึงได้บอกว่าเขาไม่ควรทำ ใครจะไปรู้ว่าเขาจะเร็วขนาดนี้ ข้ายังอธิบายไม่ทันเลย! เฮ้อ!”ทุกคนมองซ่างกวนซีด้วยความกังวล แต่ซ่างกวนซียังคงดูดเลือดของเยี่ยนเว่ยฉือต่อไป ไม่สนใจใครทั้งนั้นชิงโจวเดินไปหาอวี๋เฟยเหยียน กระซิบถาม “องค์ชายอวี๋ เมื่อครู่ท่านบอกว่าแม่นางผู้นี้เป็นพระชายาองค์รัชทายาท? องค์ชายรัชทายาททรงอภิเษกสมรสแล้วหรือ?”เรื่องนี้ยังไม่ได้ประกาศออกไป ดังนั้นชิงโจวและฉงซานที่เร่งรุดเดินทางมาตลอดจึงไม่รู้เรื่องอวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ถูกต้อง นางชื่อเยี่ยนเว่ยฉือ เป็นบุตรีของเยี่ยนหานซาน ฝ่าบาททรงแต่งตั้งนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท แต่เนื่องจากร่างกายของศิษย์พี่ใหญ่ยังไม่แข็งแรงดี จึงยังไม่ได้จัดพิธีอภิเษกอย่างเป็นทางการ”ฉงซานก็เข้ามาใกล้ ถามด้วยความสงสัย “หากนางเป็นพระชายาองค์รัชทายาท เหตุใดจึงมาอยู่ที่นี่เพียงลำพัง?”อวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนซูมองหน้ากัน ทั้งสองต่างก็แสดงสีหน้าลำบากใจฉงซานช่างถามคำถามที่ไม่ควรถามเสียจริงเมื่อเห็นอวี๋เฟยเหยียนไม่ตอบ ฉงซานก็เกาหัว “จริงด้วย ข้าเห็นกับตาตนเองว่
“จวน…จวนองค์รัชทายาทหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองสำรวจโดยรอบด้วยความงุนงง ก่อนจะตระหนักว่าที่แห่งนี้คือเรือนรั่วชูของนางเองเมื่อได้เห็นสภาพแวดล้อมชัดเจนแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจึงถอนหายใจยาวเบาๆ ความสงบใจหวนคืนฉินเซียงหรูเห็นนางสงบลงแล้ว จึงยกถ้วยยาสีดำสนิทเสนอไปเบื้องหน้า“ท่านถูกพิษเถาชิงเถิงเล่นงาน แม้เมื่อคืนจะดูดพิษส่วนใหญ่ออกแล้ว แต่ในร่างกายท่านยังคงมีพิษตกค้างอยู่บ้าง ต้องดื่มยานี้สามวันติดต่อกันจึงจะหายขาด นี่เอ้า!”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างเล็กน้อย ดูดพิษ?นางฉุกคิดได้ทันที เมื่อคืนนางคิดว่ามีผู้ใดกัดเสียอีกนาง ที่แท้ไม่ใช่กัด แต่เป็นการดูดพิษให้นางเยี่ยนเว่ยฉือรับถ้วยยามา แล้วเอ่ยขึ้นว่า “ขอบคุณท่านหมอที่ช่วยดูดพิษให้ข้า”“หา? อะแฮ่ม...” ฉินเซียงหรูพลันรู้สึกอับอายเขาคิดว่าเยี่ยนเว่ยฉือคงจำไม่ได้ แต่กลับจำได้แม่นยำ!ฉินเซียงหรูครุ่นคิดหาข้อแก้ตัว “เอ่อ… หากท่านจะขอบคุณ เช่นนั้นก็ขอบคุณองค์รัชทายาทเถิด พระองค์ทรงช่วยดูดพิษให้”“หา? ซ่างกวนซีน่ะหรือ?” เยี่ยนเว่ยฉือแสดงสีหน้างุนงง เหตุใดในความทรงจำของนาง บุรุษที่เห็นกลับไม่ใช่ซ่างกวนซี แต่เป็นหมอฉินผู้นี้ฉินเซียงหรูหันหลังให
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ