ซ่างกวนซีหลุบตามองเลือดบนมือของเขา เขาไม่รู้สึกรังเกียจ แต่เต็มไปด้วยความเขินอายเขา...เขาเพิ่งไปจับก้นของนางมาตึง!ซ่างกวนซียืนขึ้นและออกจากห้องนอนไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นเช่นนั้น พ่อบ้านจางและอวี๋เฟยเหยียนก็ไม่อยู่ต่อเมื่อเหลือเพียงจางมามาและเยี่ยนเว่ยฉือเท่านั้นที่อยู่ในห้อง เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ “มามา…”จางมามาปลอบนางอย่างรวดเร็ว “พระชายาอย่าได้กลัว อย่ากลัวเลยเพคะ นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับสตรีทุกคน ท่านเคยอาศัยอยู่ในเล้าหมูและไม่ได้ทานอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ระดูจึงมาช้าไปหน่อย หากไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะสอนให้เอง!”ในขณะที่ช่วยเยี่ยนเว่ยฉือจัดการสิ่งต่าง ๆ จางมามาก็อธิบายชี้แนะอย่างจริงใจว่าระดูคืออะไรแต่นางไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้กลัว นางแค่อาย!!คาดไม่ถึงว่านางจะมีระดูครั้งแรกต่อหน้าซ่างกวนซีทั้งยังทำให้เขามือเปื้อนอีก คงจะ…คงจะอับอายขายหน้าเขาไปทั้งชาติ!มันน่าอายมากเลยใช่ไหม??ไม่แปลกใจที่นางรู้สึกปวดที่เอวมากถึงเพียงนี้ ที่แท้มันไม่ใช่แค่เพราะการกระแทกเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องนี้ด้วย“เฮ้อ!” เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ
ซ่างกวนซีไม่รู้ว่าจะบรรเทาความลำบากใจนี้ได้อย่างไร เขาจึงนอนลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือโดยไม่พูดอะไรอีกและดับเทียนลงทั้งห้องตกอยู่ในความมืด พวกเขามองไม่เห็นกันและกัน แต่โสตประสาทของพวกเขากลับไวต่อความรู้สึกมากขึ้นซ่างกวนซีรู้สึกว่าการหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือไม่มั่นคง และเห็นได้ชัดว่านางยังไม่หลับตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกว่าการหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือเริ่มมีความสั่นซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เป็นอะไรไป? ทรมานหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างทรมาน “ปะ...ปวดท้อง”มันปวดเสียจนท้องน้อยหน่วงไปหมด อีกทั้งก็ยังปวดขามากจนไม่สามารถเหยียดตรงได้ ครั้นจะนอนก็นอนไม่หลับแม้แต่อาการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่างก็ดูจะร้ายแรงขึ้นมาซ่างกวนซีถามอย่างเป็นกังวล “ให้ตามหมอมาหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างจนใจ “องค์รัชทายาท ข้าเป็นหมอนะ เรื่องเช่นนี้ข้าทำได้แค่ต้องอดทนเอา”ซ่างกวนซีกังวล หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็พูดว่า “เช่นนั้นข้า…สามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง?”เยี่ยนเว่ยฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองกลับมาที่เขา “องค์รัชทายาท...ช่วยนวดให้ข้าหน่อยได้ไหม?”นวด?ซ่างกวนซีตกใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเย
ซ่างกวนซีไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือคิดอะไรอยู่ เขาแค่หวังว่าความตั้งใจของเขาจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างโชคดีที่ความปรารถนาของเขาเป็นจริง ลมหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือค่อย ๆ มั่นคงและลากยาว และในไม่ช้านางก็จมดิ่งเข้าสู่นิทราและซ่างกวนซีก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวในขณะที่นวดท้องน้อยอันอ่อนนุ่มของเยี่ยนเว่ยฉือความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาดูเหมือนจะใกล้ชิดขึ้นไปอีกขั้นเพราะเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้……เช้าวันต่อมาตอนเช้าในวันรุ่งขึ้น เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้น ซ่างกวนซีก็ไม่อยู่แล้วที่ว่างข้าง ๆ นั้นเย็นเยียบ ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นนานแล้วเยี่ยนเว่ยฉือรีบจัดเสื้อผ้าของตนอย่างรวดเร็ว แต่ก็พบว่าเสื้อผ้าเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ทันใดนั้นนางก็โล่งใจแต่หารู้ไม่ว่าซ่างกวนซีจัดเสื้อผ้าให้นางหลังจากที่เขาตื่นเด็กคนนี้ เมื่อคืนหลับอยู่ดี ๆ ก็เลิกเสื้อขึ้นมาถึงคอเสียอย่างนั้นเมื่อได้เห็นร่างกายส่วนบนอย่างชัดเจน ซ่างกวนซีก็รู้สึกตื่นตัวอย่างมากจนได้อาบน้ำเย็นก่อนรุ่งสางทำเอาเขาแทบคลั่งโชคดีที่องค์รัชทายาทแห่งสี่นครเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้น แกะอ้วนตัวน้อยเช่นเยี่ยนเว่ยฉือคงจะถูกกินจน
เยี่ยนเว่ยฉือพักอยู่ที่จวนเป็นเวลาห้าวันแผงลอยของอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนชูก็ถูกตั้งเป็นเวลาห้าวันเช่นกันแต่หลายวันมานี้ไม่เห็นคนของกรมโยธามาซื้อไม้เลยตอนแรกก็คิดว่าแผนรอเหยื่อติดกับนี้คงไม่ได้ผล แต่ในวันที่หก ในที่สุดอวี๋เฟยเหยียนก็ได้พบกับหลิวเฉาผู้จัดการงานแห่งกรมโยธาตรงบริเวณใกล้ ๆ กับตลาดอวี๋เฟยเหยียนรีบกลับไปรายงานข่าวบังเอิญว่าทั้งเยี่ยนเว่ยฉือและเย่เทียนซูต่างก็อยู่ที่นี่ในวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่อวี๋เฟยเหยียนแล้วพูดว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านจำทุกสิ่งที่ข้าสอนได้หรือไม่?”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล จะไม่มีอะไรผิดพลาด!”เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองเย่เทียนซูอีกครั้ง และเย่เทียนซูก็รีบล้มตัวลงนอนข้างหลังนางอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำท่า ‘แกล้งตาย’ อย่างเชี่ยวชาญที่สุดพร้อมทุกอย่าง ขาดแค่ปลาตัวใหญ่ไม่นานปลาตัวใหญ่ก็ว่ายเข้าไปในตลาดพร้อมเหล่าปลาตัวน้อย ๆ หลิวเฉามองไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “พวกเจ้าลองไปถามดูว่าไม้สนของใครราคาถูกที่สุด”ทุกคนพยักหน้าและแยกย้ายกันไปส่วนอวี๋เฟยเหยียนที่แต่งตัวเป็นชายวัยกลางคนก็เริ่มแสดงในส่วนของเขา“เฮ้ อาซ้อ ท่านบอ
หลิวเฉาหยิบป้ายอาญาสิทธิ์ของกรมโยธาออกมาทันทีและพูดอย่างหยิ่งยโส “กรมโยธากำลังออกปฏิบัติงาน เจ้ากล้าแย่งวัสดุของทางราชสำนักรึ?”“หา? เอ่อ...คือ...ข้าน้อยไม่กล้าขอรับ” อวี๋เฟยเหยียนแสร้งทำเป็นกลัวและจากไปอย่างรวดเร็วจากนั้นหลิวเฉาก็หยิบตั๋วเงินมูลค่าสามร้อยตำลึงออกมายื่นให้เยี่ยนเว่ยฉือด้วยเพราะกลัวว่าข้อเสนอนี้จะหายไปโดยไม่ทันตั้งตัวจากนั้นหลิวเฉาก็หยิบกระดาษอีกแผ่นออกมาแล้วพูดต่อ “เจ้านำสินค้าไปส่งตามที่อยู่นี้ จำไว้ว่าห้ามปากมาก แค่ส่งสินค้าให้เสร็จ ห้ามพูดถึงจำนวนเงินด้วย และไม่จำเป็นต้องมีใบส่งมอบสินค้า หากได้รับสินค้าแล้วข้าจะนับอย่างละเอียดด้วยตนเอง”เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจ หลิวเฉาคงกังวลว่าราคาต่อหน่วยในรายการจะเผยให้เห็นการทุจริตของเขาเยี่ยนเว่ยฉือรีบกล่าวขอบคุณ “เจ้าค่ะ ๆ ๆ ขอขอบคุณท่านขุนนาง ขอบคุณท่านขุนนางจริง ๆ ขอให้ท่านประสบแต่ความสุขที่ได้ช่วยเหลือหญิงชาวนาตาดำ ๆ ในครั้งนี้ วันนี้ข้าน้อยขอตัวไปซื้อยาให้สามีก่อน วันพรุ่งนี้จะไปส่งสินค้าให้ ได้ไหมเจ้าคะ?”แค่วันเดียวไม่ต่างกันนักหรอก หลิวเฉาจึงพยักหน้าและพูดว่า “ไม่มีปัญหา แต่เพื่อความปลอดภัย ข้าจะส่งคนสองคนไปดูที่ล
หลังจากที่ทั้งสองกลับมา พวกเขาก็ไปพบซ่างกวนซีทันทีเพื่ออธิบายสถานการณ์ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วหลังจากได้ยินเช่นนั้น เขากล่าวว่า “นักฆ่าจากเป่ยอินได้เข้ามาในเมืองแล้ว แต่สายสืบในเมืองหลวงกลับไม่ได้รับข่าวใดใด ดูเหมือนว่าพวกเขาจะซ่อนตัวได้ดีมาก”อวี๋เฟยเหยียนถามอย่างเป็นกังวล “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกเขาบุกมาที่นี่เพื่ออะไรหรือ? หรือว่าจะมาลอบปลงพระชนม์ฝ่าบาท”ซ่างกวนซีครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งพลางส่ายหัวแล้วพูดว่า “ไม่หรอก ข้าคิดว่าพวกเขามาที่นี่เพียงเพราะฮวาอวี๋ ไม่รู้ว่าฮวาอวี๋ขโมยอะไรไป พวกเขาถึงได้ไล่ตามอย่างสุดหล้าฟ้าเขียวเช่นนี้ ยอมแม้กระทั่งเข้าถ้ำเสือ”สำหรับชาวเป่ยอิน เมืองหลวงของแคว้นต้าหลีนั้นถือว่าเป็นถ้ำเสือความสัมพันธ์ทางการฑูตระหว่างเป่ยอินและแคว้นหลีไม่ค่อยดีมาตลอดที่พวกเขาไม่ได้ทำสงครามกัน เพียงเพราะแค่ไม่รู้ความแข็งแกร่งของกันและกันแต่ทุกคนตั้งแต่ราชสำนักไปจนถึงราษฎรทั่วไปต่างก็รู้ดีว่าสงครามครั้งนี้เป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และพวกเขาก็รอเพียงโอกาสเท่านั้นซ่างกวนซีเคาะนิ้วเบา ๆ บนโต๊ะ ซึ่งเป็นท่าทางที่เขาทำประจำเวลาใช้ความคิดหลังจากนั้นไม่นาน เขาก็พูดว่า “แจ
“ศิษย์พี่ใหญ่ เทียนซูตามพวกเขาไปแล้ว พบว่าพวกเขาเข้าพักในโรงแรมตามปกติ แล้วก็ถามหาชายที่สวมเสื้อสีม่วง รูปร่างหน้าตาดี คงจะเป็นฮวาอวี๋ นอกนั้นก็มิได้ทำอะไร และมิได้ติดต่อกับขุนนางของเรา แต่ชายที่สวมหน้ากากระมัดระวังมาก คาดว่าเป็นยอดฝีมือ ดังนั้นเทียนซูจึงไม่กล้าเข้าใกล้เกินไป”ซ่างกวนซีพยักหน้า “ไม่เป็นไร เพียงเฝ้าดูอยู่ห่าง ๆ ก็พอ ชาวเป่ยอินมีสถานะที่ละเอียดอ่อน เราไม่ควรไปข้องเกี่ยวกับพวกเขา แต่ก็ไม่ควรปล่อยให้พวกเขาทำอะไรตามอำเภอใจ”อวี๋เฟยเหยียนเข้าใจความหมายของซ่างกวนซี นั่นคือ หากมือสังหารชาวเป่ยอินมาเพราะฮวาอวี๋ พวกเขาก็ไม่ควรเข้าไปยุ่ง แต่หากพวกเขามาเพราะแคว้นต้าหลี่ ก็ถือเป็นอีกเรื่องหนึ่งอวี๋เฟยเหยียนกล่าวต่อ “ศิษย์พี่ใหญ่โปรดวางใจ ข้าเข้าใจแล้ว ได้แจ้งให้ที่ว่าการเมืองทราบแล้ว เชื่อว่าเจียงโม่ หัวหน้าหน่วยตรวจสอบจะไปหาพวกเขาในไม่ช้า”ซ่างกวนซีพยักหน้าเล็กน้อย แล้วถามต่อ “ทางเยี่ยนเว่ยฉือ จัดการเรียบร้อยแล้วหรือยัง?”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “จัดการเรียบร้อยแล้ว ไม้แปรรูปหนึ่งพันท่อน ทั้งหมดถูกส่งไปยังจวนองค์ชายรอง ประมาณครึ่งเดือนก็จะซ่อมแซมเสร็จ”“เยี่ยนเว่ยฉือมีการเค
เยี่ยนเว่ยฉือเลิกคิ้ว “จวนองค์รัชทายาทเงียบสงบเกินไป น่าเบื่อนัก ข้าจึงจะไป… จับสัตว์เล็ก ๆ กลับมาเลี้ยง”“หืม? สัตว์เล็ก?” อวี๋เฟยเหยียนแสดงสีหน้าไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ใช่แล้ว ป่าสนย่อมมีกระรอกน้อยใช่หรือไม่เล่า ฮิฮิ!”ริมฝีปากของอวี๋เฟยเหยียนขยับ แต่ก็มิได้พูดอะไร แต่ในใจกลับอดบ่นไม่ได้“ข้า องค์ชายเซียวเหยาผู้สง่างาม กลับต้องไปจับกระรอกกับเจ้า? หากเรื่องนี้แพร่สะพัดออกไป จะเอาหน้าตาของจวนอ๋องเซียวเหยาไปไว้ที่ไหน? ท่านพ่อคงหักขาข้าแน่!”เยี่ยนเว่ยฉือเห็นสีหน้าไม่เต็มใจของอวี๋เฟยเหยียนก็มิได้อธิบายอะไร เพียงแต่ยิ้มแล้วเอนตัวพิงรถม้า หลับตาลงโชคดีที่ป่าสนทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือนี้อยู่ไม่ไกลจากเมืองหลวงหลังจากออกจากประตูเมืองตะวันตก เดินไปอีกเพียงหนึ่งก้านธูปก็มาถึงชายป่าสนแล้วจากนั้นเยี่ยนเว่ยฉือก็พาอวี๋เฟยเหยียนลงจากรถม้า เดินตรงเข้าไปในป่าวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือสะพายกระเป๋าย่ามใบเล็กมาด้วยอวี๋เฟยเหยียนเห็นว่านางหยิบขนมที่เหลือจากตอนเช้าออกมาอวี๋เฟยเหยียนอดที่จะกระตุกมุมปากไม่ได้ ถามว่า “นี่… พี่สะใภ้ เจ้าออกมาข้างนอกยังพกขนมมาด้วยหรือ? คิดจะเที่ยวเล่นในป่าทั้ง
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ