เยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่อวี๋เฟยเหยียนด้วยดวงตาเบิกกว้าง “ท่านหักขาของเขาจริง ๆ หรือ?”อวี๋เฟยเหยียนส่ายหัวแล้วพูดว่า “เปล่า ๆ ข้าดูจังหวะที่เหมาะสมตอนที่เขาลงจากรถม้า จากนั้นก็ขว้างหินไปบริเวณนั้น เขาก้าวพลาดไปเหยียบก้อนหินจนข้อเท้าพลิกล้มลงกับพื้น และแขนของเขาก็หักด้วยเช่นกัน จิ๊…โชคร้ายเสียจริง!”มุมปากของเยี่ยนเว่ยฉือกระตุก “รู้สึกผิด...กับท่านใต้เท้าผู้นี้จริง ๆ วันไหนสักวันส่งของขวัญไปเยี่ยมเขาหน่อยเถิด”“ไม่ต้องห่วง ศิษย์พี่ใหญ่ได้เตรียมการไว้แล้ว อีกสองสามวันเมื่อเรื่องเสร็จสิ้นเขาจะได้รับยาดีที่ใช้ในกองทัพ รับรองไม่มีผลข้างเคียงอย่างแน่นอน”เยี่ยนเว่ยฉือรู้ดีว่ายารักษาแผลภายนอกที่นายทหารใช้ในกองทัพนั้นมีประสิทธิภาพอย่างมาก และไม่สามารถเทียบได้กับยารักษาแผลภายนอกทั่วไปเพื่อที่จะลงโทษซ่างกวนหลี ทำได้เพียงต้องเสียสละผลประโยชน์ส่วนตนเพื่อเป้าหมายที่ยิ่งใหญ่กว่าเท่านั้น!เมื่อคิดได้เช่นนั้น เยี่ยนเว่ยฉือก็พูดว่า “ข้าอิ่มแล้ว ตอนนี้ว่าจะไปที่ตลาดค้าไม้เพื่อรอเหยื่อมาติดกับ!”นางไม่รู้ว่าหลิวเฉา ผู้จัดการงานประจำกรมโยธาจะไปซื้อของเมื่อไหร่ นางจึงทำได้แค่นั่งเฝ้าอยู่ทุกวันอวี๋เ
“เอ๋? เจ้าเนี่ยนะ?” อวี๋เฟยเหยียนกำลังจะโต้กลับ แต่เยี่ยนเว่ยฉือก็ขัดจังหวะเสียก่อน “คำพูดของคุณชายเย่นั้นถูกต้องแล้ว”จริง ๆ แล้วอวี๋เฟยเหยียนไม่มีคุณสมบัติในการเป็นนักแสดงเลย สิ่งที่สำคัญคือเขาดูตรงไปตรงมาและไม่เหมือนคนที่จะเอาเปรียบใครได้พูดจาก็ไม่รื่นหู ซ้ำยังเอาใจคนอื่นไม่เป็นเมื่ออวี๋เฟยเหยียนได้ยินสิ่งที่เยี่ยนเว่ยฉือพูด เขาก็อารมณ์เสียทันที “โอ้ ก็ได้ ๆ เช่นนั้นเจ้าก็ไปแทน อย่ามัวแต่ชักช้า ข้าผู้นี้ไม่เชี่ยวชาญในการหลอกลวงใครเขาหรอก หึ!”……ณ ตลาดค้าไม้ครึ่งชั่วยามต่อมา ทั้งสามคนก็มาถึงตลาดค้าไม้เย่เทียนซูและเยี่ยนเว่ยฉือทำการตั้งแผงขายของ ในขณะที่อวี๋เฟยเหยียนนั้นมีหน้าที่อีกอย่างหนึ่งเขาต้องจัดการใช้กลยุทธ์รอซ้ำยามเปลี้ยเมื่อไรก็ตามที่เห็นหลิวเฉาจากกรมโยธาธิการพาคนมาซื้อของ เขาก็จะคิดหาทางล่อให้พวกเขาไปที่นั่นทว่าหนึ่งวันผ่านไป พวกเขาทั้งสามกลับไม่ได้อะไรเลยเมื่อกลับมาถึงจวนองค์รัชทายาทในตอนค่ำ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดูเหนื่อยล้าและอิดโรยอีกครั้งเมื่อเห็นว่านางลำบาก ซ่างกวนซีจึงพูดว่า “หากไม่ได้ผลก็ช่างเถอะ การรอให้เหยื่อมาติดเบ็ดมันต้องอาศัยโชคด้วย”เยี่ยนเว่ยฉ
ซ่างกวนซีมองไปยังท่าทางตกตะลึงและตั้งท่าป้องกันของเยี่ยนเว่ยฉือ เขาก็พูดต่อด้วยน้ำเสียงเย็นเยียบ “ข้าไม่สนใจเจ้าหรอก แค่ไม่อยากได้ยินเสียงร้องไห้โอดครวญของเจ้า มันรบกวนการพักผ่อนของข้า”เยี่ยนเว่ยฉือเบะปากนางรู้ดีว่าซ่างกวนซีต้องการจะทายาให้ นางจึงเลิกทำท่าเสแสร้งแต่นางไม่กล้าถอดชุดสีขาวด้านในออก นางแค่นอนลงบนเตียงแล้วถกเสื้อขึ้นเผยให้เห็นแผ่นหลังส่วนล่างซ่างกวนซีเดินไปที่ตั่งเตี้ย หลุบตาลงพลางขมวดคิ้วมากยิ่งกว่าเดิมในทันทีนั่นปะไร มีรอยช้ำขนาดใหญ่ ไม่แปลกที่นางจะรู้สึกปวด โชคดีที่ไม่กระทบไปถึงกระดูกสันหลังส่วนเอวซ่างกวนซีถอนหายใจพลางเทยาดองลงบนฝ่ามือ ค่อย ๆ ถูกเพื่อกระจายความร้อน จากนั้นก็ใช้มือทั้งสองข้างทาบบนหลังส่วนล่างของเยี่ยนเว่ยฉือ แล้วนวดด้วยแรงปานกลาง“อ๊า…” มีเสียงกรีดร้องดังขึ้นซ่างกวนซีหยุดชะงักแล้วถามว่า “เจ็บหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหัวและพูดทั้งน้ำตา “ปะ...เปล่า ครั้งนี้ไม่ได้เจ็บ แต่รู้สึกสบาย...องค์รัชทายาท ท่านช่างฝีมือดีจริง ๆ!”ซ่างกวนซีถอนหายใจอย่างจนใจ “ข้าต่อสู้ในสนามรบมาตั้งแต่อายุสิบสี่ เจ็บปวดมาทุกรูปแบบแล้ว ยาดองที่ข้าใช้ทามากกว่าเหล้าข้าวที่เ
เลือดร้อนสุมอก ปั่นป่วนไปทั่วทั้งร่างกายสัตว์ร้ายในอกของเขาแทบจะพังกรงออกมาซ่างกวนซีรู้ว่าตนไม่สามารถทนไว้ได้นานนัก แต่...แต่อย่างน้อยก็ขอให้เขาทนไว้จนกว่าจะพบยาแก้พิษก็แล้วกันอย่างน้อยก็ทำให้แน่ใจว่า จะสามารถมอบอนาคตให้กับเยี่ยนเว่ยฉือได้ซูม!หลังจากสิ้นเสียงน้ำ ซ่างกวนซีก็ฝังตัวลงไปในอ่างอาบน้ำด้านเยี่ยนเว่ยฉือที่อยู่ข้างนอกนั้นได้ผล็อยหลับไปเพราะความเจ็บปวดที่เอวหายไปแล้วนางไม่รู้ว่าเลยได้ทรมานซ่างกวนซีมากเพียงใดซ่างกวนซีแช่ตัวในน้ำเย็นเป็นเวลาครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกสงบลงแล้วจึงเดินออกมาจากห้องปีกข้างคืนนี้คงไม่มีเรื่องอะไรมารบกวนอีก นอนไปเลยก็แล้วกันแต่ก่อนที่จะเข้านอน เขาก็เหลือบมองเยี่ยนเว่ยฉือ และต้องประหลาดใจที่พบว่ากางเกงชั้นในสีขาวของเยี่ยนเว่ยฉือเต็มไปด้วยคราบเลือดนางบาดเจ็บหรือ?“เว่ยฉือ เว่ยฉือ! ตื่นสิ! ตื่น!” ซ่างกวนซีรู้สึกราวกับหัวใจของเขากำลังจะเด้งออกมาทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับลืมตาด้วยความงุนงง “หา? อ๋า? อะไร...มีอะไรหรือองค์รัชทายาท?”ซ่างกวนซีแตะกางเกงของนางจนเลือดติดมือมา เขาถามด้วยความหวาดกลัว “เจ้าบาดเจ็บหรือ? บาดเจ็บตรงไหน? เหตุใดถึงเลือดไหลม
ซ่างกวนซีหลุบตามองเลือดบนมือของเขา เขาไม่รู้สึกรังเกียจ แต่เต็มไปด้วยความเขินอายเขา...เขาเพิ่งไปจับก้นของนางมาตึง!ซ่างกวนซียืนขึ้นและออกจากห้องนอนไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นเช่นนั้น พ่อบ้านจางและอวี๋เฟยเหยียนก็ไม่อยู่ต่อเมื่อเหลือเพียงจางมามาและเยี่ยนเว่ยฉือเท่านั้นที่อยู่ในห้อง เยี่ยนเว่ยฉือก็อดไม่ได้ที่จะคร่ำครวญ “มามา…”จางมามาปลอบนางอย่างรวดเร็ว “พระชายาอย่าได้กลัว อย่ากลัวเลยเพคะ นี่คือสิ่งที่ต้องเกิดขึ้นกับสตรีทุกคน ท่านเคยอาศัยอยู่ในเล้าหมูและไม่ได้ทานอาหารอย่างครบถ้วนสมบูรณ์ ระดูจึงมาช้าไปหน่อย หากไม่เข้าใจก็ไม่เป็นไรเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันจะสอนให้เอง!”ในขณะที่ช่วยเยี่ยนเว่ยฉือจัดการสิ่งต่าง ๆ จางมามาก็อธิบายชี้แนะอย่างจริงใจว่าระดูคืออะไรแต่นางไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือไม่ได้กลัว นางแค่อาย!!คาดไม่ถึงว่านางจะมีระดูครั้งแรกต่อหน้าซ่างกวนซีทั้งยังทำให้เขามือเปื้อนอีก คงจะ…คงจะอับอายขายหน้าเขาไปทั้งชาติ!มันน่าอายมากเลยใช่ไหม??ไม่แปลกใจที่นางรู้สึกปวดที่เอวมากถึงเพียงนี้ ที่แท้มันไม่ใช่แค่เพราะการกระแทกเท่านั้น แต่ยังมีเรื่องนี้ด้วย“เฮ้อ!” เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ
ซ่างกวนซีไม่รู้ว่าจะบรรเทาความลำบากใจนี้ได้อย่างไร เขาจึงนอนลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือโดยไม่พูดอะไรอีกและดับเทียนลงทั้งห้องตกอยู่ในความมืด พวกเขามองไม่เห็นกันและกัน แต่โสตประสาทของพวกเขากลับไวต่อความรู้สึกมากขึ้นซ่างกวนซีรู้สึกว่าการหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือไม่มั่นคง และเห็นได้ชัดว่านางยังไม่หลับตอนแรกเขาไม่ได้สนใจ แต่เมื่อเวลาผ่านไป เขาก็รู้สึกว่าการหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือเริ่มมีความสั่นซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะถามว่า “เป็นอะไรไป? ทรมานหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างทรมาน “ปะ...ปวดท้อง”มันปวดเสียจนท้องน้อยหน่วงไปหมด อีกทั้งก็ยังปวดขามากจนไม่สามารถเหยียดตรงได้ ครั้นจะนอนก็นอนไม่หลับแม้แต่อาการบาดเจ็บที่หลังส่วนล่างก็ดูจะร้ายแรงขึ้นมาซ่างกวนซีถามอย่างเป็นกังวล “ให้ตามหมอมาหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างจนใจ “องค์รัชทายาท ข้าเป็นหมอนะ เรื่องเช่นนี้ข้าทำได้แค่ต้องอดทนเอา”ซ่างกวนซีกังวล หลังจากคิดไปคิดมา เขาก็พูดว่า “เช่นนั้นข้า…สามารถช่วยอะไรเจ้าได้บ้าง?”เยี่ยนเว่ยฉือครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วมองกลับมาที่เขา “องค์รัชทายาท...ช่วยนวดให้ข้าหน่อยได้ไหม?”นวด?ซ่างกวนซีตกใจ เขาคาดไม่ถึงว่าเย
ซ่างกวนซีไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือคิดอะไรอยู่ เขาแค่หวังว่าความตั้งใจของเขาจะทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกดีขึ้นมาได้บ้างโชคดีที่ความปรารถนาของเขาเป็นจริง ลมหายใจของเยี่ยนเว่ยฉือค่อย ๆ มั่นคงและลากยาว และในไม่ช้านางก็จมดิ่งเข้าสู่นิทราและซ่างกวนซีก็หลับไปโดยไม่รู้ตัวในขณะที่นวดท้องน้อยอันอ่อนนุ่มของเยี่ยนเว่ยฉือความสัมพันธ์ฉันสามีภรรยาดูเหมือนจะใกล้ชิดขึ้นไปอีกขั้นเพราะเหตุการณ์เล็ก ๆ นี้……เช้าวันต่อมาตอนเช้าในวันรุ่งขึ้น เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือตื่นขึ้น ซ่างกวนซีก็ไม่อยู่แล้วที่ว่างข้าง ๆ นั้นเย็นเยียบ ดูเหมือนว่าเขาจะตื่นนานแล้วเยี่ยนเว่ยฉือรีบจัดเสื้อผ้าของตนอย่างรวดเร็ว แต่ก็พบว่าเสื้อผ้าเป็นระเบียบเรียบร้อยดี ทันใดนั้นนางก็โล่งใจแต่หารู้ไม่ว่าซ่างกวนซีจัดเสื้อผ้าให้นางหลังจากที่เขาตื่นเด็กคนนี้ เมื่อคืนหลับอยู่ดี ๆ ก็เลิกเสื้อขึ้นมาถึงคอเสียอย่างนั้นเมื่อได้เห็นร่างกายส่วนบนอย่างชัดเจน ซ่างกวนซีก็รู้สึกตื่นตัวอย่างมากจนได้อาบน้ำเย็นก่อนรุ่งสางทำเอาเขาแทบคลั่งโชคดีที่องค์รัชทายาทแห่งสี่นครเป็นสุภาพบุรุษอย่างแท้จริง ไม่เช่นนั้น แกะอ้วนตัวน้อยเช่นเยี่ยนเว่ยฉือคงจะถูกกินจน
เยี่ยนเว่ยฉือพักอยู่ที่จวนเป็นเวลาห้าวันแผงลอยของอวี๋เฟยเหยียนและเย่เทียนชูก็ถูกตั้งเป็นเวลาห้าวันเช่นกันแต่หลายวันมานี้ไม่เห็นคนของกรมโยธามาซื้อไม้เลยตอนแรกก็คิดว่าแผนรอเหยื่อติดกับนี้คงไม่ได้ผล แต่ในวันที่หก ในที่สุดอวี๋เฟยเหยียนก็ได้พบกับหลิวเฉาผู้จัดการงานแห่งกรมโยธาตรงบริเวณใกล้ ๆ กับตลาดอวี๋เฟยเหยียนรีบกลับไปรายงานข่าวบังเอิญว่าทั้งเยี่ยนเว่ยฉือและเย่เทียนซูต่างก็อยู่ที่นี่ในวันนี้เยี่ยนเว่ยฉือมองไปที่อวี๋เฟยเหยียนแล้วพูดว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านจำทุกสิ่งที่ข้าสอนได้หรือไม่?”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ไม่ต้องกังวล จะไม่มีอะไรผิดพลาด!”เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองเย่เทียนซูอีกครั้ง และเย่เทียนซูก็รีบล้มตัวลงนอนข้างหลังนางอย่างรวดเร็ว เพื่อที่จะทำท่า ‘แกล้งตาย’ อย่างเชี่ยวชาญที่สุดพร้อมทุกอย่าง ขาดแค่ปลาตัวใหญ่ไม่นานปลาตัวใหญ่ก็ว่ายเข้าไปในตลาดพร้อมเหล่าปลาตัวน้อย ๆ หลิวเฉามองไปที่คนรับใช้ที่อยู่ข้างหลังแล้วพูดว่า “พวกเจ้าลองไปถามดูว่าไม้สนของใครราคาถูกที่สุด”ทุกคนพยักหน้าและแยกย้ายกันไปส่วนอวี๋เฟยเหยียนที่แต่งตัวเป็นชายวัยกลางคนก็เริ่มแสดงในส่วนของเขา“เฮ้ อาซ้อ ท่านบอ
ยามเที่ยงวันรุ่งขึ้นเยี่ยนเว่ยฉือออกไป ‘เป็นขโมย’ เมื่อคืนดังนั้นวันนี้นางจึงหลับยาวจนถึงยามอู่[footnoteRef:0] [0: ยามอู่ คือช่วงเวลาตั้งแต่ 11.00 - 13.00 นาฬิกา] เมื่อนางตื่นขึ้นก็พบว่าซ่างกวนซีกำลังนั่งอยู่ในห้อง มือของเขากำลังเล่นขวดแก้วที่นางนำกลับมาเมื่อคืน“ว้าย…” เยี่ยนเว่ยฉือร้องเสียงหลง เห็นได้ชัดว่าตกใจซ่างกวนซีซ่างกวนซีหันมามอง เอ่ยถามด้วยน้ำเสียงเรียบเฉย “ตื่นแล้วหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือทำหน้าเศร้า “ท่านอ๋อง เหตุใดท่านจึงเข้ามาในห้องผู้อื่นโดยพลการ ไม่เคาะประตูเสียก่อนเล่า”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “ที่นี่คือจวนรัชทายาท ไม่ว่าที่ใด ข้าก็ไม่จำเป็นต้องเคาะประตู”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก ไม่อาจโต้แย้งซ่างกวนซีเคาะขวดใบเล็กในมือเบา ๆ บนโต๊ะ “นี่คือสิ่งใด?”เยี่ยนเว่ยฉือจัดเสื้อผ้า เดินไปที่โต๊ะ จิบน้ำก่อนแล้วจึงกล่าว “ไม่ใช่ว่าท่านอ๋องเห็นแล้วหรือ ขวดแก้ว ข้างในมีดินสีดำอย่างไรเล่า”“แก้ว?” ซ่างกวนซีรู้สึกว่าคำนี้แปลกใหม่เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตา อธิบายอย่างเขินอาย “เอ่อ...ขวดหลิวหลี [footnoteRef:1] หลิวหลีนั่นเอง ข้าพูดผิดไป” [1: หลิวหลี เป็นเครื่องแก้วโบราณชนิดหนึ่ง โดยถือ
ฝูกวงเผยสีหน้าฉงนเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ “นี่เป็นสินเดิมของท่านแม่ข้า ยามเยาว์ข้ามักเห็นท่านแม่ถือขวดใบนี้บ่อย ๆ นางกล่าวว่า 'ยอมรักผงธุลีแห่งบ้านเกิด ยิ่งกว่าทรัพย์สินหมื่นแสนในแดนไกล' สิ่งนี้ไร้ค่าสำหรับเจ้า แท้จริงแล้วสำหรับข้า...ก็ไร้ค่าเช่นกัน”เพียงแต่มองสิ่งของแล้วระลึกถึงผู้คนก็เท่านั้นฝูกวงได้ยินดังนั้น ไม่รู้ว่าถูกใจในวลีหรือไม่ จึงเอ่ยปากอย่างง่ายดายว่า “ข้าจะไปส่งเจ้าเอง”เยี่ยนเว่ยฉือหันหลัง เดินพลางโบกมือ “ไม่ต้องแล้ว เจ้าอย่ามาหาข้าอีกเลย ถือว่าช่วยข้าได้มากแล้ว!”ฝูกวงมองตามร่างของเยี่ยนเว่ยฉือที่จากไป ชั่วขณะหนึ่งก็รู้สึกสับสนไม่รู้ว่าตนใช้ประโยชน์จากเยี่ยนเว่ยฉือ ได้เงินหมื่นตำลึงมาหรือเยี่ยนเว่ยฉือใช้ประโยชน์จากเขา ได้ผงดินมาขวดหนึ่งใช่แล้ว เขากลับรู้สึกอย่างประหลาดว่าตนถูกใช้ประโยชน์เสียเอง…… เยี่ยนเว่ยฉือเดินทางกลับจวนอย่างราบรื่นทว่าการเข้าประตูกลับยากลำบากยิ่งนักเมื่อมองประตูที่ปิดสนิทและกำแพงสูงตระหง่านเยี่ยนเว่ยฉืออดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นกุมขมับ “ข้าช่างโง่งมนัก! เหตุใดจึงไม่ให้คนผู้นั้นพาข้าเหาะเข้าไปเล่า? บัดนี้จะทำเช่นไร? เคาะประตูเข้าไปหร
เยี่ยนเว่ยฉือล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องราวคงไม่ยุ่งยากทว่านางไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นถึงเพียงนี้ครั้นเห็นท่านหญิงหมิงหยางหยิบเงินหมื่นตำลึงออกจากห้องบัญชีได้อย่างง่ายดายเยี่ยนเว่ยฉือก็ล่วงรู้ว่าบิดาจอมปลอมของนางคงไม่ได้ละเว้นการยักยอกสินบนท่านหญิงหมิงหยางยื่นเงินให้แก่ฝูกวง น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยว่า “ท่าน...ท่านจอมยุทธ์ เรื่องราวค่ำคืนนี้...ล้วน ไม่ใช่...ไม่ใช่ความต้องการของข้า มันล้วน...ล้วน...”“ค่ำคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ? ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย!” ฝูกวงเอ่ยรับอย่างรู้ใจท่านหญิงหมิงหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว รีบหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ปิดบังใบหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกอดอก เลิกคิ้วกล่าว “เขาถูกเงินปิดตา ย่อมไม่เห็นสิ่งใด ดวงตาข้านี่ต่างหากที่สว่างไสว”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าน้ำเสียงและคำพูดของคนตรงหน้าคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนั้นกลับนึกไม่ออกนางปิดบังใบหน้า ท่านหญิงหมิงหยางจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าของนางเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่านหญิงหมิงหยางจ้องมองนาง รีบชี้ไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่บนหิ้งสูง “ท่านสามารถใช้สิ่งนั้นมาปิดตาข้าได้”ท่านหญิงหมิงหยางเงยหน้ามอง เ
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟัง ยืนยันว่าด้านล่างไม่มีเสียงอะไรแล้ว จึงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ไปเอาเงินได้แล้ว!”ฝูกวงเข้าใจแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจะใช้เรื่อง ‘จับได้คาหนังคาเขา’ บีบบังคับท่านหญิงหมิงหยางให้ยอมจ่ายเงินนี่เองปัง!ห้องมืดมิดถูกจุดเทียนขึ้นมาทันทีชายหญิงบนเตียงที่ยังคงมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ“นั่นใคร?!” ท่านหญิงหมิงหยางร้องออกมาด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ ห้องขณะนั้นลู่อู๋ไม่สนใจใครแล้ว รีบใส่กางเกงเยี่ยนเว่ยฉือเบี่ยงหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากเห็นภาพอุจาดตานั้นท่านหญิงหมิงหยางเห็นชายหญิงสองคนสวมหน้ากากยืนอยู่ในห้องก็ตั้งท่าจะตะโกนแต่ฝูกวงพูดก่อน “ตะโกนสิ ตะโกนเรียกสามีเจ้าเข้ามา ให้เห็นกับตาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทำให้เขาขายหน้าอย่างไร”“ชายอื่น?” ท่านหญิงหมิงหยางหันไปมองชายที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงเมื่อนางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ก็ร้องออกมาทันที “กรี๊ดดด!!!”ปัง!ลู่อู๋รีบใช้มือสกัดจุดท่านหญิงหมิงหยาง ขัดจังหวะเสียงกรีดร้องของนางเขากล่าวด้วยความโกรธ “ฝูกวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ฝูกวงหัวเราะเยาะ “เปล่านี่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหานางต่างหาก”ฝ
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊