เยี่ยนเว่ยฉือหันไปมองซ่างกวนซี “ฝ่าบาท เราไปดูกันเถิด”ซ่างกวนซีไม่ได้ปฏิเสธทั้งสองรีบรุดไปยังลานด้านหน้า พบว่ามีคนยืนมุงอยู่มากมายในบรรดาคนเหล่านั้นมีนางกำนัลทั้งสามจากสี่นางสีหน้าของซูเค่อซีดเซียว แต่ยังคงรักษาท่าทีสงบไว้ได้ส่วนชวนหงนั้นตกใจจนไม่กล้าสบตา ซ่อนตัวอยู่ข้างหลังซูเค่อฝูฉวีกล้าหาญน้อยที่สุด เอาแต่ร้องไห้ตลอดเวลาเยี่ยนเว่ยฉือเหลือบมองพวกนาง ไม่ได้กล่าวอะไรแต่เดินไปหาร่างไร้วิญญาณของหว่านฉิงศีรษะของหว่านฉิงเต็มไปด้วยเลือด ผมเผ้ากระเซอะกระเซิง ดูเหมือนจะหัวแตกจนเสียเลือดมากเกินไปกระทั่งเสียชีวิตแต่เยี่ยนเว่ยฉือกลับพบรอยแดงที่ลำคอของนางรอยช้ำแดงม่วง เป็นรอยที่เกิดขึ้นก่อนเจ้าตัวเสียชีวิตเยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจแล้ว นี่คือการลอบสังหาร ก่อนจะผลักนางตกลงไปในบ่อน้ำตัวผู้ลงมือไม่ต้องคิดก็รู้ ต้องเป็นองค์ชายรองซ่างกวนหลีที่เสียเปรียบแน่ จึงคิดฆ่าคนเพื่อระบายความแค้นพวกเขาเหิมเกริมอย่างยิ่ง ไม่เพียงแต่จะกล้าลงมือในจวนองค์รัชทายาท แม้แต่ศพก็ไม่คิดจะซ่อนเร้นอำพราง ผลักทิ้งลงบ่อน้ำโดยตรงหากฆาตกรไม่รู้ว่าในจวนองค์รัชทายาทมีบ่อน้ำแห้ง อาจจะผลักลงบ่อน้ำที่พวกเขาใช้บริ
ปลายคิ้วของอวี๋เฟยเหยียนขมวดแน่นด้วยความโกรธ รู้สึกว่าความสุขเมื่อวานนี้หายไปหมดสิ้นนี่มันเหมือนกับย่ำยีศักดิ์ศรีของจวนรัชทายาทอย่างโจ่งแจ้งความโกรธทำให้เขาอยากจะบุกไปฆ่าคนที่จวนองค์ชายรองเพื่อระบายความแค้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดซ่างกวนซีมองออกถึงเจตนาของอวี๋เฟยเหยียน จึงกล่าวเตือนว่า “อย่าได้โกรธแค้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และอย่าได้กระทำการโดยพลการ ต่อไปนี้เราต้องรอข่าวจากหยางอวิ๋นเฟิง บุคคลผู้นี้ซื่อสัตย์ นิสัยเคร่งครัด หากเขารู้ว่าเราฆ่าคนบริสุทธิ์ เขาก็จะไม่ยอมเข้าร่วมกับเรา ดังนั้นอย่าได้ใจร้อน”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ข้าไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์ เพียงแค่รู้สึกอึดอัดใจเท่านั้น”“อ้อ จริงด้วย พี่สะใภ้ ครั้งก่อนท่านทำลายจวนเขาด้วยวิธีใด? ทำอีกได้หรือไม่? ข้าเห็นว่าขณะนี้จวนองค์ชายรองกำลังอยู่ในระหว่างซ่อมแซม”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “เรื่องนั้นเป็นเพียงความบังเอิญ ข้าได้ยินชาวนาพูดตอนออกไปเดินเล่นว่าช่วงนี้มีพายุฝนฟ้าคะนอง จึงใช้ว่าวล่อสายฟ้า ทว่าทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่หากท่านอยากระบายความแค้นก็ไม่ยากนักหรอก”“เจ้ามีวิธีหรือ?” ดวงตาของอวี๋เฟยเหยียนเป็นประกาย ราวกับสุนัขเห็นกระดูก
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนเว่ยฉือไม่รู้เลยว่าขณะที่นางกำลังวางแผนกับซ่างกวนหลีอยู่นั้นพวกของซ่างกวนหลีก็กำลังตามแกะรอย จนเกือบจะเจอตัวปีศาจน้อยจอมหลอกโกงเงินผู้นี้แล้วองครักษ์คนสนิทจี้อู๋ถือปิ่นปักผมและภาพร่างเดินเข้ามาจากด้านนอกภาพร่างนี้เป็นภาพร่างที่เจ้ามือของบ่อนพนันบีบบังคับให้เถ้าแก่โรงรับจำนำวาดขึ้นส่วนปิ่นปักผม ก็เป็นอันเดียวกับที่เยี่ยนเว่ยฉือทำตกไว้ส่วนจี้อู๋หามาได้อย่างไร นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ“ทูลองค์ชายรอง พบเบาะแสแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จี้อู๋เดินไปหาซ่างกวนหลีจากนั้นก็มอบสิ่งของให้ซ่างกวนหลีดูซ่างกวนหลีถาม “เจ้าจะบอกว่าคนชั่วที่หลอกโกงเงินในบ่อนพนัน ซื้อปิ่นมาจากโรงจำนำงั้นหรือ?”จี้อู๋พยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้กระหม่อมได้ให้เถ้าแก่โรงจำนำตรวจสอบแล้ว ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่ที่มีลักษณะสมมาตรกันทั้งซ้ายและขวา”ซ่างกวนหลีถามด้วยความตื่นเต้น “หาเจอจากที่ใด จับตัวคนผู้นั้นได้หรือไม่?”หากจับตัวได้ เขาก็จะได้เงินคืนกว่าหมื่นตำลึงจี้อู๋ขมวดคิ้ว “องค์ชายรอง ยังจับตัวไม่ได้ กระนั้นสถานที่ที่พบปิ่นก็ค่อนข้างพิเศษพ่ะย่ะค่ะ”“พิเศษหรือ? ที่ใดกัน?”จี้อู๋กล่าวต่อ “บนภูเขารกร้
ข่าวการพบศพของชาวเป่ยอินที่ชานเมืองได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ประชาชนต่างหวาดกลัว ระแวงซึ่งกันและกัน เกรงว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นชาวเป่ยอินที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงมานานในราชสำนักยิ่งตึงเครียดหนักกว่าเก่า ชาวเป่ยอินสามารถหลบเลี่ยงด่านตรวจต่าง ๆ ได้อย่างไร? พวกเขาเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่ออะไร? พวกเขาร่วมมือกับขุนนางในเมืองหลวงหรือไม่? หรือพวกเขาวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เหล่าขุนนางต่างก็ไม่รู้คำตอบในเช้าวันนั้น อ๋องจ่างซิ่นเสนอตัวขึ้นทูลว่า “ฝ่าบาท ขอโปรดพระราชทานมอบหมายให้กระหม่อมเป็นผู้สืบสวนเรื่องนี้ กระหม่อมจะเร่งสืบสวนจนรู้ความจริงให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”อันกั๋วกงส่งสายตาไปยังเหล่าขุนนาง ทันใดนั้น ขุนนางคนหนึ่งก็ทูลว่า “กราบบังคมทูลฝ่าบาท เรื่องนี้ควรให้สำนักตรวจสอบสืบสวน อ๋องจ่างซิ่นในเวลานี้ทรงควบคุมกรมพระคลังซึ่งสำคัญมากเกินไปอยู่ นี่อาจดูไม่เหมาะสมกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไม่เหมาะสมอย่างไร เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?” อ๋องจ่างซิ่นถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขุนนางผู้นั้นตัวสั่น ดูเหมือนหวาดกลัวแต่ก็ยังคงพูดต่อ “ชาวเป่ยอินเดินทางมาถึงเมืองหลวง หากไม่ใช่เพราะมีเจตนาร้าย
“ฝ่าบาท เขาทำให้ข้าสลบไป ตื่นขึ้นมาก็เจอพวกมือสังหารแล้ว ไม่มีเวลาพูดคุยอะไรหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าเขาแปลก ไม่มีกงการใดแล้วไปขุดสุสานของคนอื่นทำไม? นี่ไม่ใช่การขุดหลุมศพบรรพบุรุษของคนอื่นหรือ?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เจ้าบอกว่า… เขาไปขุดสุสานหลวงของเป่ยอิน?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “พวกมือสังหารกล่าวเช่นนั้น”อวี๋เฟยเหยียนถามแทรก “พวกเขาบอกหรือไม่ว่าขโมยอะไรไปบ้าง?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่เลย พวกเขาเพียงบอกให้เขาส่งของคืน”ซ่างกวนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดูเหมือนว่าชาวเป่ยอินไม่ได้มาเพราะมุ่งร้ายต่อต้าหลี่ แต่มาตามหาชายแปลกหน้าคนนั้น เช่นนั้นก็ดีแล้ว”กล่าวจบซ่างกวนซีก็มองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาราวกับจะตรวจสอบ “เจ้า… ปิดบังอะไรไว้หรือไม่?”“ไม่มี ไม่มีแน่นอน คำพูดของข้าจริงใจยิ่งกว่าทองคำ” เยี่ยนเว่ยฉือตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นซ่างกวนซีเองก็ดูไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายดายอย่างที่เห็นฮวาอวี๋มาเจอเยี่ยนเว่ยฉือได้อย่างไร?เรื่องนี้ต้องสืบสวนอย่างละเอียดขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากัน พ่อบ้านจางก็เดินเข้ามา“ทูลองค์รัชทายาท เจ้ากรมขุนนาง หยางอวิ๋นเฟิง มาขอเ
เห็นได้ชัดว่าหยางอวิ๋นเฟิงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างแท้จริงแต่เขากล่าวขอบคุณเพียงเท่านั้น มิได้เอ่ยถึงการตอบแทน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความคิดที่จะสวามิภักดิ์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่อจวนองค์รัชทายาทซ่างกวนซีก็ไม่รีบร้อน กล่าวอย่างเรียบเฉยเช่นกัน “ที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณข้า ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อเจ้า แต่เพื่อมิให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน”หยางอวิ๋นเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย มองซ่างกวนซีด้วยความสงสัยซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “ใต้เท้าหยางคิดว่า เหตุใดจู่ ๆ ข้าจึงไปที่ร้านแลกเงิน เพราะเกิดนึกสนุกขึ้นมาเฉย ๆ หรือ?”หยางอวิ๋นเฟิงได้ทราบเรื่องราวมาบ้างแล้ว จึงรู้ว่าตั๋วเงินที่ได้จากร้านแลกเงินถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิตเขาบัดนี้เมื่อซ่างกวนซีกล่าวเช่นนี้ เขาจึงคิดทบทวนอีกครั้ง แล้วก็เบิกตากว้างเอ่ย “หรือว่า...”หรือว่าองค์รัชทายาทจะวางแผนจัดการกับเจ้ากรมขุนนางตู้เต๋อชาง?หยางอวิ๋นเฟิงไม่กล้าพูดต่อแต่ซ่างกวนซีกลับตอบอย่างตรงไปตรงมา “ถูกต้อง เป็นแผนการของข้าเอง แต่ข้าไม่ได้วางแผนจะจัดการกับตู้เต๋อชาง แต่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก ข้าตั้งใจจะทำให้เรื่องนี้บานปลาย ทว่าคาดไม่ถึ
ซ่างกวนซีไม่ได้กล่าวอะไรมาก แต่เห็นได้ชัดว่าหยางอวิ๋นเฟิงเข้าใจแล้ว เป็นคนที่มีไหวพริบในการตระหนักรู้ดีจริง ๆ การพูดคุยกับคนฉลาดย่อมง่ายดายเช่นนี้ดังนั้นซ่างกวนซีจึงรินน้ำชาอีกถ้วยหนึ่ง คราวนี้เป็นน้ำอุ่น แล้วส่งถ้วยชาไปยังหยางอวิ๋นเฟิง แล้วเอ่ยต่อ “คราวนี้เปลี่ยนเป็นชาถ้วยใหม่แล้ว ใต้เท้าหยางยินดีดื่มหรือไม่?”การดื่มชาถ้วยนี้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องไปพึ่งพาผู้อื่น และไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของอันกั๋วกงอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาท เข้าร่วมกับองค์รัชทายาท กวาดล้างราชสำนักให้กลับมาสะอาดหยางอวิ๋นเฟิงดูตื่นเต้น รีบใช้มือทั้งสองข้างรับถ้วยชา แล้วยกดื่มรวดเดียว ใบชายังติดอยู่ที่ริมฝีปาก กระนั้นเขาก็เคี้ยวกินเข้าไปด้วยซ่างกวนซียิ้มด้วยความพอใจ…… หลังจากหยางอวิ๋นเฟิงจากไป เยี่ยนเว่ยฉือและอวี๋เฟยเหยียนจึงออกมาจากหลังฉากกั้นอวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกท่านพูดอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจเลย เขายอมสวามิภักดิ์แล้วหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ใต้เท้าหยางเกือบจะหมอบกราบอยู่แล้ว จะไม่ยอมได้อย่างไร?”“อะไรกัน ข้าไม่เห็นได้ยินเลย” อวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจซ่างกวนซีส่าย
ซ่างกวนซีเฝ้ามองสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ เอ่ยพึมพำเบา ๆ ว่า “นางเพิ่งพูดอะไรออกมา?”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ กะพริบตาปริบ “อ้อ นางบอกว่านางเป็นหมอ”ซ่างกวนซีแย้ง “ไม่ใช่ประโยคนั้น”อวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “ที่นางบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ร่างกายอ่อนแอ?”ซ่างกวนซียังคงส่ายหน้า “ไม่ใช่ประโยคนั้นเช่นกัน”“อ้าว แล้วประะโยคไหนกัน?” อวี๋เฟยเหยียนงุนงงซ่างกวนซียิ้มน้อย ๆ “นางบอกว่าแม้ไม่ห่วงตัวเอง ก็ต้องห่วงสุขภาพพลานามัยของข้า”นี่เป็นการแสดงความรักของเยี่ยนเว่ยฉือหรือ? ซ่างกวนซีคิดเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปาก เมื่อเห็นใบหน้าพริ้มเพราของซ่างกวนซี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่… จับประเด็นได้ยอดเยี่ยมนัก”ซ่างกวนซีเหลือบตามอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าจับประเด็นไม่ถูกเองต่างหาก”…… เรือนบ่าวรับใช้เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงห้องคนรับใช้ ได้พบกับซูเค่อที่กำลังล้มป่วย ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของนางกำนัลชั้นสูง จึงมีเพียงสองคนต่อห้อง ขณะนี้ชวนหงที่พักร่วมห้องเดียวกันกับซูเค่อกำลังทำงาน จึงมีเพียงซูเค่อที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือ ซูเค่อที่สภาพอ่อนเปลี้ยจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง คุกเข่าล
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ