ปลายคิ้วของอวี๋เฟยเหยียนขมวดแน่นด้วยความโกรธ รู้สึกว่าความสุขเมื่อวานนี้หายไปหมดสิ้นนี่มันเหมือนกับย่ำยีศักดิ์ศรีของจวนรัชทายาทอย่างโจ่งแจ้งความโกรธทำให้เขาอยากจะบุกไปฆ่าคนที่จวนองค์ชายรองเพื่อระบายความแค้นเสียให้รู้แล้วรู้รอดซ่างกวนซีมองออกถึงเจตนาของอวี๋เฟยเหยียน จึงกล่าวเตือนว่า “อย่าได้โกรธแค้นเพราะอารมณ์ชั่ววูบ และอย่าได้กระทำการโดยพลการ ต่อไปนี้เราต้องรอข่าวจากหยางอวิ๋นเฟิง บุคคลผู้นี้ซื่อสัตย์ นิสัยเคร่งครัด หากเขารู้ว่าเราฆ่าคนบริสุทธิ์ เขาก็จะไม่ยอมเข้าร่วมกับเรา ดังนั้นอย่าได้ใจร้อน”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ข้าเข้าใจ ข้าไม่ฆ่าคนบริสุทธิ์ เพียงแค่รู้สึกอึดอัดใจเท่านั้น”“อ้อ จริงด้วย พี่สะใภ้ ครั้งก่อนท่านทำลายจวนเขาด้วยวิธีใด? ทำอีกได้หรือไม่? ข้าเห็นว่าขณะนี้จวนองค์ชายรองกำลังอยู่ในระหว่างซ่อมแซม”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “เรื่องนั้นเป็นเพียงความบังเอิญ ข้าได้ยินชาวนาพูดตอนออกไปเดินเล่นว่าช่วงนี้มีพายุฝนฟ้าคะนอง จึงใช้ว่าวล่อสายฟ้า ทว่าทำได้ครั้งเดียวเท่านั้น แต่หากท่านอยากระบายความแค้นก็ไม่ยากนักหรอก”“เจ้ามีวิธีหรือ?” ดวงตาของอวี๋เฟยเหยียนเป็นประกาย ราวกับสุนัขเห็นกระดูก
อย่างไรก็ตาม เยี่ยนเว่ยฉือไม่รู้เลยว่าขณะที่นางกำลังวางแผนกับซ่างกวนหลีอยู่นั้นพวกของซ่างกวนหลีก็กำลังตามแกะรอย จนเกือบจะเจอตัวปีศาจน้อยจอมหลอกโกงเงินผู้นี้แล้วองครักษ์คนสนิทจี้อู๋ถือปิ่นปักผมและภาพร่างเดินเข้ามาจากด้านนอกภาพร่างนี้เป็นภาพร่างที่เจ้ามือของบ่อนพนันบีบบังคับให้เถ้าแก่โรงรับจำนำวาดขึ้นส่วนปิ่นปักผม ก็เป็นอันเดียวกับที่เยี่ยนเว่ยฉือทำตกไว้ส่วนจี้อู๋หามาได้อย่างไร นั่นเป็นเรื่องที่น่าสนใจ“ทูลองค์ชายรอง พบเบาะแสแล้วพ่ะย่ะค่ะ” จี้อู๋เดินไปหาซ่างกวนหลีจากนั้นก็มอบสิ่งของให้ซ่างกวนหลีดูซ่างกวนหลีถาม “เจ้าจะบอกว่าคนชั่วที่หลอกโกงเงินในบ่อนพนัน ซื้อปิ่นมาจากโรงจำนำงั้นหรือ?”จี้อู๋พยักหน้า “ใช่พ่ะย่ะค่ะ สิ่งนี้กระหม่อมได้ให้เถ้าแก่โรงจำนำตรวจสอบแล้ว ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่ที่มีลักษณะสมมาตรกันทั้งซ้ายและขวา”ซ่างกวนหลีถามด้วยความตื่นเต้น “หาเจอจากที่ใด จับตัวคนผู้นั้นได้หรือไม่?”หากจับตัวได้ เขาก็จะได้เงินคืนกว่าหมื่นตำลึงจี้อู๋ขมวดคิ้ว “องค์ชายรอง ยังจับตัวไม่ได้ กระนั้นสถานที่ที่พบปิ่นก็ค่อนข้างพิเศษพ่ะย่ะค่ะ”“พิเศษหรือ? ที่ใดกัน?”จี้อู๋กล่าวต่อ “บนภูเขารกร้
ข่าวการพบศพของชาวเป่ยอินที่ชานเมืองได้แพร่กระจายไปทั่วเมืองหลวงอย่างรวดเร็ว ประชาชนต่างหวาดกลัว ระแวงซึ่งกันและกัน เกรงว่าผู้ที่อยู่ตรงหน้าจะเป็นชาวเป่ยอินที่แฝงตัวอยู่ในเมืองหลวงมานานในราชสำนักยิ่งตึงเครียดหนักกว่าเก่า ชาวเป่ยอินสามารถหลบเลี่ยงด่านตรวจต่าง ๆ ได้อย่างไร? พวกเขาเข้ามาที่เมืองหลวงเพื่ออะไร? พวกเขาร่วมมือกับขุนนางในเมืองหลวงหรือไม่? หรือพวกเขาวางแผนลอบปลงพระชนม์ฮ่องเต้ เหล่าขุนนางต่างก็ไม่รู้คำตอบในเช้าวันนั้น อ๋องจ่างซิ่นเสนอตัวขึ้นทูลว่า “ฝ่าบาท ขอโปรดพระราชทานมอบหมายให้กระหม่อมเป็นผู้สืบสวนเรื่องนี้ กระหม่อมจะเร่งสืบสวนจนรู้ความจริงให้ได้พ่ะย่ะค่ะ”อันกั๋วกงส่งสายตาไปยังเหล่าขุนนาง ทันใดนั้น ขุนนางคนหนึ่งก็ทูลว่า “กราบบังคมทูลฝ่าบาท เรื่องนี้ควรให้สำนักตรวจสอบสืบสวน อ๋องจ่างซิ่นในเวลานี้ทรงควบคุมกรมพระคลังซึ่งสำคัญมากเกินไปอยู่ นี่อาจดูไม่เหมาะสมกระมังพ่ะย่ะค่ะ?”“ไม่เหมาะสมอย่างไร เจ้าจะพูดอะไรกันแน่?” อ๋องจ่างซิ่นถามด้วยน้ำเสียงเยือกเย็นขุนนางผู้นั้นตัวสั่น ดูเหมือนหวาดกลัวแต่ก็ยังคงพูดต่อ “ชาวเป่ยอินเดินทางมาถึงเมืองหลวง หากไม่ใช่เพราะมีเจตนาร้าย
“ฝ่าบาท เขาทำให้ข้าสลบไป ตื่นขึ้นมาก็เจอพวกมือสังหารแล้ว ไม่มีเวลาพูดคุยอะไรหรอก ข้าเพียงรู้สึกว่าเขาแปลก ไม่มีกงการใดแล้วไปขุดสุสานของคนอื่นทำไม? นี่ไม่ใช่การขุดหลุมศพบรรพบุรุษของคนอื่นหรือ?”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “เจ้าบอกว่า… เขาไปขุดสุสานหลวงของเป่ยอิน?”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “พวกมือสังหารกล่าวเช่นนั้น”อวี๋เฟยเหยียนถามแทรก “พวกเขาบอกหรือไม่ว่าขโมยอะไรไปบ้าง?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่เลย พวกเขาเพียงบอกให้เขาส่งของคืน”ซ่างกวนซีถอนหายใจด้วยความโล่งอก “ดูเหมือนว่าชาวเป่ยอินไม่ได้มาเพราะมุ่งร้ายต่อต้าหลี่ แต่มาตามหาชายแปลกหน้าคนนั้น เช่นนั้นก็ดีแล้ว”กล่าวจบซ่างกวนซีก็มองเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสายตาราวกับจะตรวจสอบ “เจ้า… ปิดบังอะไรไว้หรือไม่?”“ไม่มี ไม่มีแน่นอน คำพูดของข้าจริงใจยิ่งกว่าทองคำ” เยี่ยนเว่ยฉือตอบด้วยน้ำเสียงหนักแน่นซ่างกวนซีเองก็ดูไม่ออกว่าจริงหรือเท็จ แต่รู้สึกว่าเรื่องนี้ไม่น่าจะง่ายดายอย่างที่เห็นฮวาอวี๋มาเจอเยี่ยนเว่ยฉือได้อย่างไร?เรื่องนี้ต้องสืบสวนอย่างละเอียดขณะที่ทั้งสามกำลังสนทนากัน พ่อบ้านจางก็เดินเข้ามา“ทูลองค์รัชทายาท เจ้ากรมขุนนาง หยางอวิ๋นเฟิง มาขอเ
เห็นได้ชัดว่าหยางอวิ๋นเฟิงรู้สึกซาบซึ้งใจอย่างแท้จริงแต่เขากล่าวขอบคุณเพียงเท่านั้น มิได้เอ่ยถึงการตอบแทน แสดงให้เห็นว่าเขาไม่มีความคิดที่จะสวามิภักดิ์เป็นผู้ใต้บังคับบัญชาต่อจวนองค์รัชทายาทซ่างกวนซีก็ไม่รีบร้อน กล่าวอย่างเรียบเฉยเช่นกัน “ที่จริงเจ้าไม่จำเป็นต้องมาขอบคุณข้า ข้าทำเช่นนี้ไม่ใช่เพื่อเจ้า แต่เพื่อมิให้ผู้บริสุทธิ์ต้องเดือดร้อน”หยางอวิ๋นเฟิงประหลาดใจเล็กน้อย มองซ่างกวนซีด้วยความสงสัยซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “ใต้เท้าหยางคิดว่า เหตุใดจู่ ๆ ข้าจึงไปที่ร้านแลกเงิน เพราะเกิดนึกสนุกขึ้นมาเฉย ๆ หรือ?”หยางอวิ๋นเฟิงได้ทราบเรื่องราวมาบ้างแล้ว จึงรู้ว่าตั๋วเงินที่ได้จากร้านแลกเงินถือเป็นกุญแจสำคัญในการช่วยชีวิตเขาบัดนี้เมื่อซ่างกวนซีกล่าวเช่นนี้ เขาจึงคิดทบทวนอีกครั้ง แล้วก็เบิกตากว้างเอ่ย “หรือว่า...”หรือว่าองค์รัชทายาทจะวางแผนจัดการกับเจ้ากรมขุนนางตู้เต๋อชาง?หยางอวิ๋นเฟิงไม่กล้าพูดต่อแต่ซ่างกวนซีกลับตอบอย่างตรงไปตรงมา “ถูกต้อง เป็นแผนการของข้าเอง แต่ข้าไม่ได้วางแผนจะจัดการกับตู้เต๋อชาง แต่เป็นผู้ที่อยู่เบื้องหลังเขาต่างหาก ข้าตั้งใจจะทำให้เรื่องนี้บานปลาย ทว่าคาดไม่ถึ
ซ่างกวนซีไม่ได้กล่าวอะไรมาก แต่เห็นได้ชัดว่าหยางอวิ๋นเฟิงเข้าใจแล้ว เป็นคนที่มีไหวพริบในการตระหนักรู้ดีจริง ๆ การพูดคุยกับคนฉลาดย่อมง่ายดายเช่นนี้ดังนั้นซ่างกวนซีจึงรินน้ำชาอีกถ้วยหนึ่ง คราวนี้เป็นน้ำอุ่น แล้วส่งถ้วยชาไปยังหยางอวิ๋นเฟิง แล้วเอ่ยต่อ “คราวนี้เปลี่ยนเป็นชาถ้วยใหม่แล้ว ใต้เท้าหยางยินดีดื่มหรือไม่?”การดื่มชาถ้วยนี้หมายความว่าเขาจะไม่ต้องไปพึ่งพาผู้อื่น และไม่ยอมอยู่ใต้อำนาจของอันกั๋วกงอีกต่อไป แต่จะกลายเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาขององค์รัชทายาท เข้าร่วมกับองค์รัชทายาท กวาดล้างราชสำนักให้กลับมาสะอาดหยางอวิ๋นเฟิงดูตื่นเต้น รีบใช้มือทั้งสองข้างรับถ้วยชา แล้วยกดื่มรวดเดียว ใบชายังติดอยู่ที่ริมฝีปาก กระนั้นเขาก็เคี้ยวกินเข้าไปด้วยซ่างกวนซียิ้มด้วยความพอใจ…… หลังจากหยางอวิ๋นเฟิงจากไป เยี่ยนเว่ยฉือและอวี๋เฟยเหยียนจึงออกมาจากหลังฉากกั้นอวี๋เฟยเหยียนเกาศีรษะ “ศิษย์พี่ใหญ่ พวกท่านพูดอะไรกัน ข้าไม่เข้าใจเลย เขายอมสวามิภักดิ์แล้วหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “ใต้เท้าหยางเกือบจะหมอบกราบอยู่แล้ว จะไม่ยอมได้อย่างไร?”“อะไรกัน ข้าไม่เห็นได้ยินเลย” อวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจซ่างกวนซีส่าย
ซ่างกวนซีเฝ้ามองสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ เอ่ยพึมพำเบา ๆ ว่า “นางเพิ่งพูดอะไรออกมา?”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ กะพริบตาปริบ “อ้อ นางบอกว่านางเป็นหมอ”ซ่างกวนซีแย้ง “ไม่ใช่ประโยคนั้น”อวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “ที่นางบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ร่างกายอ่อนแอ?”ซ่างกวนซียังคงส่ายหน้า “ไม่ใช่ประโยคนั้นเช่นกัน”“อ้าว แล้วประะโยคไหนกัน?” อวี๋เฟยเหยียนงุนงงซ่างกวนซียิ้มน้อย ๆ “นางบอกว่าแม้ไม่ห่วงตัวเอง ก็ต้องห่วงสุขภาพพลานามัยของข้า”นี่เป็นการแสดงความรักของเยี่ยนเว่ยฉือหรือ? ซ่างกวนซีคิดเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปาก เมื่อเห็นใบหน้าพริ้มเพราของซ่างกวนซี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่… จับประเด็นได้ยอดเยี่ยมนัก”ซ่างกวนซีเหลือบตามอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าจับประเด็นไม่ถูกเองต่างหาก”…… เรือนบ่าวรับใช้เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงห้องคนรับใช้ ได้พบกับซูเค่อที่กำลังล้มป่วย ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของนางกำนัลชั้นสูง จึงมีเพียงสองคนต่อห้อง ขณะนี้ชวนหงที่พักร่วมห้องเดียวกันกับซูเค่อกำลังทำงาน จึงมีเพียงซูเค่อที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือ ซูเค่อที่สภาพอ่อนเปลี้ยจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง คุกเข่าล
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม มองซูเค่อ แต่ไม่ได้ตอบรับทันที เอ่ยถามว่า “นกเลือกต้นไม้อาศัย เจ้าเลือกที่จะสารภาพผิด ข้าเข้าใจได้ แต่… เหตุใดข้าจึงต้องเชื่อเจ้าด้วยเล่า? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการแปรพักตร์ของเจ้าในครั้งนี้ มิใช่เพราะมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับหว่านชิง?”ซูเค่อหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอก คุกเข่าลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือพร้อมกับส่งให้เยี่ยนเว่ยฉือรับมาดู พบว่าเป็นรายชื่อ ดูเหมือนจะเป็นรายชื่อบ่าวรับใช้ในจวนเกือบร้อยคนซูเค่ออธิบาย “นี่คือรายชื่อที่หม่อมฉันเป็นผู้จดไว้ คนที่วงกลมสีแดง เป็นคนของฮองเฮาและองค์ชายรอง คนที่วงกลมสีดำ เป็นคนของพระสนมจากตำหนักต่าง ๆ ส่วนคนที่ไม่มีวงกลม เป็นคนของสำนักพระราชวังเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือพิจารณาคร่าว ๆ โอ้ คนที่ไม่ถูกทำเครื่องหมายวงกลมน้อยกว่าสองในสิบส่วนเสียอีก นางและซ่างกวนซีเหมือนแมวสองตัวที่เข้าไปอยู่ในรังหนูซูเค่อกล่าวต่อ “พระชายาสามารถกำจัดคนในจวนตามรายชื่อนี้ได้ การกระทำขององค์รัชทายาทจะไม่ถูกเปิดเผยต่อฮองเฮา ส่วนหม่อมฉันจะสวามิภักดิ์อย่างจริงใจ ต่อไปนี้หากพระชายาต้องการให้หม่อมฉันส่งข่าว หม่อมฉันจะส่งข่าวอย่างสุดความสามารถ ขอเพียงแต่หลังจากนี้องค์
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ