ซ่างกวนซีเฝ้ามองสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ เอ่ยพึมพำเบา ๆ ว่า “นางเพิ่งพูดอะไรออกมา?”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ กะพริบตาปริบ “อ้อ นางบอกว่านางเป็นหมอ”ซ่างกวนซีแย้ง “ไม่ใช่ประโยคนั้น”อวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “ที่นางบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ร่างกายอ่อนแอ?”ซ่างกวนซียังคงส่ายหน้า “ไม่ใช่ประโยคนั้นเช่นกัน”“อ้าว แล้วประะโยคไหนกัน?” อวี๋เฟยเหยียนงุนงงซ่างกวนซียิ้มน้อย ๆ “นางบอกว่าแม้ไม่ห่วงตัวเอง ก็ต้องห่วงสุขภาพพลานามัยของข้า”นี่เป็นการแสดงความรักของเยี่ยนเว่ยฉือหรือ? ซ่างกวนซีคิดเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปาก เมื่อเห็นใบหน้าพริ้มเพราของซ่างกวนซี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่… จับประเด็นได้ยอดเยี่ยมนัก”ซ่างกวนซีเหลือบตามอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าจับประเด็นไม่ถูกเองต่างหาก”…… เรือนบ่าวรับใช้เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงห้องคนรับใช้ ได้พบกับซูเค่อที่กำลังล้มป่วย ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของนางกำนัลชั้นสูง จึงมีเพียงสองคนต่อห้อง ขณะนี้ชวนหงที่พักร่วมห้องเดียวกันกับซูเค่อกำลังทำงาน จึงมีเพียงซูเค่อที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือ ซูเค่อที่สภาพอ่อนเปลี้ยจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง คุกเข่าล
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม มองซูเค่อ แต่ไม่ได้ตอบรับทันที เอ่ยถามว่า “นกเลือกต้นไม้อาศัย เจ้าเลือกที่จะสารภาพผิด ข้าเข้าใจได้ แต่… เหตุใดข้าจึงต้องเชื่อเจ้าด้วยเล่า? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการแปรพักตร์ของเจ้าในครั้งนี้ มิใช่เพราะมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับหว่านชิง?”ซูเค่อหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอก คุกเข่าลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือพร้อมกับส่งให้เยี่ยนเว่ยฉือรับมาดู พบว่าเป็นรายชื่อ ดูเหมือนจะเป็นรายชื่อบ่าวรับใช้ในจวนเกือบร้อยคนซูเค่ออธิบาย “นี่คือรายชื่อที่หม่อมฉันเป็นผู้จดไว้ คนที่วงกลมสีแดง เป็นคนของฮองเฮาและองค์ชายรอง คนที่วงกลมสีดำ เป็นคนของพระสนมจากตำหนักต่าง ๆ ส่วนคนที่ไม่มีวงกลม เป็นคนของสำนักพระราชวังเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือพิจารณาคร่าว ๆ โอ้ คนที่ไม่ถูกทำเครื่องหมายวงกลมน้อยกว่าสองในสิบส่วนเสียอีก นางและซ่างกวนซีเหมือนแมวสองตัวที่เข้าไปอยู่ในรังหนูซูเค่อกล่าวต่อ “พระชายาสามารถกำจัดคนในจวนตามรายชื่อนี้ได้ การกระทำขององค์รัชทายาทจะไม่ถูกเปิดเผยต่อฮองเฮา ส่วนหม่อมฉันจะสวามิภักดิ์อย่างจริงใจ ต่อไปนี้หากพระชายาต้องการให้หม่อมฉันส่งข่าว หม่อมฉันจะส่งข่าวอย่างสุดความสามารถ ขอเพียงแต่หลังจากนี้องค์
เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง แล้วถามว่า “เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไร ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมดหรือ?”ซ่างกวนซีไตร่ตรองเล็กน้อย ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับว่า “หากเป็นเจ้าจะทำอย่างไร เจ้าเชื่อใจซูเค่อหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ยังเร็วเกินกว่าจะกล่าวว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่นางมาสวามิภักดิ์ทั้งที ข้าก็ต้องใช้ประโยชน์จากนาง”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่รู้ด้วยเหตุใด เขารู้สึกว่าซ่างกวนหลีจะต้องประสบเคราะห์กรรมอีกใจจริงเขายินดีที่ซ่างกวนหลีจะประสบเคราะห์กรรม แต่บางเรื่อง เขาก็จำเป็นต้องเอ่ยเตือนให้ชัดเจน“บัดนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ทุกคนกำลังสืบสวนเรื่องชาวเป่ยอิน เจ้ากระทำการโดยพลการ หากถูกจับได้ ซ่างกวนหลีอาจจะใช้เรื่องนี้เล่นงานเจ้า ทุกเรื่องต้องกระทำอย่างรอบคอบ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “รู้แล้ว ข้าจะไม่เปิดเผยตัว ในเมื่อท่านห่วงใยข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอขึ้นมานอนบนเตียงได้หรือไม่ ตรงนี้ออกจะคับแคบเกินไปหน่อย!”เมื่อคืนนางกลิ้งตัวแล้วตกลงมา สำหรับนางที่นอนไม่ดีถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่งซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนเตียงที่ใหญ่กว่านี้ให้ เจ้านอนเถิด”กล่
ซ่างกวนซีพยายามไม่มองนางเขาไม่ได้พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ไม่ได้พักผ่อนเลยต่างหากเตียงเล็กคับแคบทำให้เขานอนไม่สบายนัก เมื่อกลับไปนอนบนเตียงตัวเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอาแต่กอดไม่ปล่อย แถมยังลูบคลำเนื้อตัว จะให้ข่มตานอนหลับได้อย่างไรหากเป็นชายอื่นคงไม่ทำเพียงนอนดูเฉย ๆ เป็นแน่แท้ซ่างกวนซีรู้สึกหนักใจกับวิสัยการนอนของเยี่ยนเว่ยฉือ และรู้สึกหนักใจกับความปรารถนาในใจของตนเองความปรารถนาที่ชั่วร้ายนั้นเกือบจะระเบิดออกมาคราแล้วคราเล่า เพื่อระงับความปรารถนาที่น่าละอายนั้น เขาจึงนอนไม่หลับอยู่ตลอดทั้งคืนซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ ก่อนกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะไปที่กรมขุนนาง หากเจ้าจะออกไปข้างนอก ก็ให้พาอวี๋เฟยเหยียนไปด้วย และอย่าได้เชื่อใจซูเค่อมากเกินไป”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ฝ่าบาทวางใจได้ ข้าเข้าใจแล้ว”…… หลังจากซ่างกวนซีออกไป จางมามาก็มาหาเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พระชายา พระชายาเพคะ ไม่ดีแล้ว ชวนหงตายอีกคนแล้ว”ตายแล้ว?ไวขนาดนี้เชียว?ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจ ถามว่า “นางตายอย่างไร?”จางมามากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “นางพลัดตกบ่อบัวเพคะ คิดว่า..
“แม่ทัพผู้เก่งกล้าเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะริษยา แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังทรงหวาดระแวง” เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจ “น่าเสียดาย ครึ่งชีวิตท่านพ่ออยู่ในสนามรบ อีกครึ่งกลับต้องปล่อยให้ชีวิตผ่านไปเปล่า ๆ บัดนี้สิ่งที่ทำได้เหลือเพียงการปลูกดอกไม้ ตกปลา เลี้ยงแมว เล่นกับสุนัขเท่านั้น”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี ชีวิตหลังวัยเกษียณ มีผู้คนมากมายที่ปรารถนาแต่ก็ไม่ได้มาตั้งเท่าไหร่”“เกษียณนี่หมายความว่าอย่างไร?” อวี๋เฟยเหยียนถามด้วยความสงสัยเยี่ยนเว่ยฉืออธิบาย “คือการที่ขุนนางลาออกจากตำแหน่งอย่างไรเล่า”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ เหล่านี้มาจากที่ใดกัน”เยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกหวาดกลัว โชคดีที่อวี๋เฟยเหยียนไม่ใช่คนชอบถามซักไซ้มากความ หากเป็นซ่างกวนซีคงต้องซักไซ้เอาคำตอบจากนางเป็นแน่เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจึงเปลี่ยนเรื่อง “โอ้ อย่าพูดเรื่องบิดาของท่านเลย เรามาพูดถึงองค์ชายรองซ่างกวนหลีกันเถิด”“พูดถึงเขา? เขามีอะไรควรค่าแก่การพูดถึงกัน?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือลูบคาง ไตร่ตรองเ
บทสนทนาระหว่างทั้งสองนั้นสั้นและเรียบง่ายแต่นั่นก็ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้แจ้งในฉับพลันเป๊าะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้วแล้วพูดว่า “คิดออกแล้ว!”“คิดออกแล้ว? เจ้าคิดอะไรออกรึ?” อวี๋เฟยเหยียนถามอย่างตื่นเต้นเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยีและพูดว่า “ข้าไม่บอกท่านหรอก! ฮิ ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนอยากรู้มาก จึงรีบอ้อนถาม “โอ้ อย่าเป็นเช่นนี้สิ เจ้าต้องบอกข้า เจ้าไม่บอกแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันปลอดภัย? หากมันไม่ปลอดภัยแล้วข้าปล่อยให้เจ้าทำ ศิษย์พี่ใหญ่ก็จะมาหักขาข้าเอาน่ะสิ!”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าว “ข้าบอกท่านก็ได้ แต่ท่านต้องพาข้าไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”“คน? ใครกัน?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ก็เจ้ากรมขุนนาง หยางอวิ๋นเฟิงอย่างไรเล่า”……ณ กรมขุนนางข่าวการซ่างกวนซีมายังกรมขุนนางแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วแคว้นต้าหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการเข้ายึดอำนาจกรมขุนนางแห่งนี้ควบคุมการเลื่อนขั้นและโยกย้ายขุนนางทั้งหมด และทำแหน่งเจ้ากรมขุนนางก็มีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาหกกรมการที่ซ่างกวนซีทำให้เจ้ากรมขุนนางตกมาอยู่ใต้อาณัติได้รวดเร็วปานสายฟ้านั้น ทำให้ขุนนางทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะคิดถึง
ซ่างกวนซีเหลือบมองนางอย่างจนใจ เขารู้ว่าจุดประสงค์ของเยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่ใช่การกินอาทานอาหารอย่างแน่นอนแต่นางฉลาดและรู้ว่าในสถานกาณ์นั้น ๆ ควรพูดอะไรซ่างกวนซียื่นมือออกไปจิ้มหว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้านี่ตะกละนักนะ!”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม จากนั้นก็เอียงศีรษะมองไปที่หยางอวิ๋นเฟิง “ท่านคือใต้เท้าหยางสินะ พวกเรากำลังจะไปทานอาหารกันที่ร้านฉือหลี่เซียง ใต้เท้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”หยางอวิ๋นเฟิงไม่กล้าไป อย่างน้อยเขาก็คงไม่กล้าร่วมโต๊ะเดียวกันกับอวี๋เฟยเหยียน เพราะอาจทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้หยางอวิ๋นเฟิงยิ้มและพูดว่า “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมยังมีงานราชการที่ต้องจัดการ ฉะนั้นกระหม่อมขอไม่รบกวนเวลาทานอาหารของพวกท่านพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาแล้วพูดว่า “ใต้เท้าหยาง ท่านไม่ทานมื้อเที่ยงหรือ? เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในกรมขุนนางก็ไม่ทานอาหารด้วยอย่างนั้นรึ?”หยางอวิ๋นเฟิงอธิบายว่า “เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านไปกินข้าวได้ แน่นอนว่าที่กรมก็มีโรงครัวเป็นของตัวเอง ในช่วงที่ยุ่งกับงานราชการ พวกเขาจึงทานอะไรนิดหน่อยจากที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้ ที่กรมนี้ก็มีพ่อบ้านด้วยหรือ?” เยี่ยน
เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก อย่างน้อยคราวนี้ข้าก็ไม่ไปปรากฏตัวแถว ๆ จวนของซ่างกวนหลีแล้ว”ซ่างกวนซีเห็นว่านางพยายามเก็บเป็นความลับ เขาจึงไม่ถามต่อเขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและเริ่มคาดเดาแทน“กรมโยธาถือเป็นกรมที่มีความสำคัญต่อราชสำนัก เจ้าไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปได้ แม้แต่ข้าก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหากเจ้าคิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการซ่อมแซมจวนของซ่างกวนหลี ก็จะสามารถลงมือได้จากภายนอกเท่านั้น”หลังจากที่ซ่างกวนซีพูดจบ เขาก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ เมื่อเขาเห็นดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือเบิกกว้างเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าการคาดเดาของตนนั้นถูกต้องซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “การที่เจ้าถามเกี่ยวกับบุคคลที่รับผิดชอบการจัดซื้อ ดูเหมือนว่าเจ้าวางแผนที่จะเริ่มลงมือจากวัสดุก่อสร้างเป็นอย่างแรกสินะ”แม้กรมโยธาจะมีช่างฝีมือภายในกรมเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสะสมวัสดุก่อสร้างจำนวนมากเอาไว้ดังนั้นคราวนี้เพื่อซ่อมแซมที่ประทับขององค์ชายรอง กรมโยธาจะต้องออกไปซื้อวัสดุมาอย่างแน่นอนดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนที่อย
อวี๋เฟยเหยียนซึ่งอยู่ในความมืดขมวดคิ้วและพูดว่า "บังเอิญถึงเพียงนี้เชียว? มีเพลิงไหม้เกิดขึ้นที่นี่ในขณะที่เรากำลังจะมาตรวจสอบงั้นรึ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "ดูเหมือนว่าจะมีคนเคลื่อนไหวเร็วกว่าพวกเรา และได้จัดฉากให้ข้ากระโจนเข้าไปร่วมวงด้วย"ใบหน้าของอวี๋เฟยเหยียนเต็มไปด้วยความกังวล "ถ้าอย่างนั้นคนผู้นี้ก็ต้องไม่ธรรมดาอย่างมาก ถึงขั้นทำให้เยี่ยนเว่ยฉือไปซื้อปิ่นปักผมโดยบังเอิญได้"ซ่างกวนซีส่ายหัวแล้วพูดว่า "การที่เยี่ยนเว่ยฉือไปโรงรับจำนำเป็นความบังเอิญจริง ๆ ทว่าปิ่นปักผมคู่นั้นถูกเตรียมไว้นานแล้ว นางได้กลายเป็นชายาองค์รัชทายาท ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ที่นางจะไม่ซื้อเครื่องประดับ คนที่อยู่เบื้องหลังเพียงแค่รอเวลาที่เหมาะสมและนำปิ่นนั้นมาขายให้นางก็เท่านั้น”“เช่นนั้นมันจะเกี่ยวข้องกับเจ้าของโรงรับจำนำหรือไม่?” อวี๋เฟยเหยียนถามซ่างกวนซีขมวดคิ้วและตอบว่า "ถ้าอย่างนั้น เราต้องดูว่าเจ้าของโรงรับจำนำยังมีชีวิตอยู่หรือไม่"“ศิษย์พี่ ดูสิ เจียงโม่มาแล้ว” อวี๋เฟยเหยียนชี้ไปที่เจียงโม่หัวหน้าหน่วยตรวจสอบที่นำคนมาช่วยดับไฟเจียงโม่พาคนมาช่วยดับไฟ และต้องใช้ความพยายามอย่างมากถึงทำให้
“ยังอยู่ในห้องของข้า” เยี่ยนเว่ยฉือตอบตามความจริง“เอามันมาให้ข้า เจ้าเก็บสิ่งนี้ไว้ไม่ได้!” ซ่างกวนซีพูดอย่างจริงจังเยี่ยนเว่ยฉืออยากจะบอกว่าการใส่สิ่งนี้ไว้ในสร้อยข้อมือของนางปลอดภัยกว่าการวางไว้ที่อื่นแต่เนื่องจากซ่างกวนซีต้องการมัน นางจึงไม่มีเหตุผลที่จะไม่ให้เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า "ถ้าอย่างนั้น ข้าจะกลับไปเอา"เยี่ยนเว่ยฉือแกล้งกลับเข้าไปในห้องเพื่อหยิบของ แต่จริง ๆ แล้วนางไปเดินเล่นหลังจากนั้นไม่นาน นางก็กลับมาที่ห้องตำราและยื่นปิ่นปักผมอีกอันให้กับซ่างกวนซีหลังจากที่ซ่างกวนซีได้ปิ่นปักผม รูม่านตาของเขาก็หดตัวลงและพูดด้วยความประหลาดใจ "นี่คือ... ปิ่่นหางหงส์! ยังเหลืออยู่ในโลกนี้ได้อย่างไร?"อวี๋เฟยเหยียนก้าวไปข้างหน้าและถามว่า "เกิดอะไรขึ้น? เกิดอะไรขึ้น?"ซ่างกวนซีหยิบปิ่นปักผมมาตรวจสอบอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็พูดด้วยความตกใจ "มันเป็นขนหงส์สีทองจริง ๆ! นี่คือสมบัติที่ฝังไปพร้อมร่างเสด็จแม่ของข้า!"ตอนที่เขาดูภาพวาดเมื่อครู่ เขาไม่สามารถบอกวัสดุหรือสีได้ แต่ตอนนี้เขามีมันอยู่ในมือแล้ว และซ่างกวนซีก็จำที่มาของปิ่นปักผมนี้ได้ทันที!“หา?!” อวี๋เฟยเหยียนและเยี่ยนเว่ยฉ
เยี่ยนเว่ยฉือสะดุ้งเล็กน้อย อวี๋เฟยเหยียนจริงจังเช่นนี้ หรือว่าซ่างกวนซีจะโกรธอีกแล้ว?เยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างรู้สึกผิด “ข้าแค่ไปตกปลาเอง หากองค์รัชทายาทไม่ชอบ พรุ่งนี้ข้าไม่ไปแล้วดีหรือไม่?"อวี๋เฟยเหยียนพูดอย่างจนใจ "มันไม่เกี่ยวกับเรื่องตกปลา เจ้ารีบตามมาเถอะ ไปถึงเดี๋ยวก็รู้เอง"เยี่ยนเว่ยฉือถามอย่างร้อนใจ "ท่านจะไปด้วยหรือไม่?"หากมีคนนอกอยู่ด้วย อย่างน้อยซ่างกวนซีก็จะไม่ลงมือกับนาง!อวี๋เฟยเหยียนไม่รู้ว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังคิดอะไรอยู่แน่นอนว่าเขาต้องไป เขายังต้องหาทางแก้ไขปัญหานี้ร่วมกันเขาจึงพยักหน้าแล้วพูดว่า “ข้าจะไปกับเจ้า”เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจด้วยความโล่งอกและตามอวี๋เฟยเหยียนไปห้องตำราหลังจากเข้ามาในห้องตำรา ซ่างกวนซีไม่ได้อ้อมค้อม และส่งกระดาษให้เยี่ยนเว่ยฉือดูเยี่ยนเว่ยฉือเพียงเหลือบมองก็รู้ว่าภาพวาดนั้นคืออะไรนางพูดด้วยความประหลาดใจ "ไม่จริงน่า คนจากบ่อนพนันเจอจวนองค์รัชทายาทเร็วขนาดนี้เลยหรือ?"ซ่างกวนซีขมวดคิ้วและพูดว่า "เจ้าเคยเห็นรูปนี้หรือไม่? รู้หรือไม่ว่าทางบ่อนกำลังตามหาปิ่นนี้อยู่ ปิ่นนี้... เป็นของเจ้าหรือเปล่า?"คำถามหนึ่งชุดทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้
เยี่ยนเว่ยฉือเข้าใจว่าฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการร่วมรักระหว่างสามีภรรยานั้นสอดคล้องกับกฎแห่งธรรมชาติและธรรมชาติของมนุษย์ดังนั้นนางไม่จำเป็นต้องอายกับสิ่งที่เกิดขึ้นเมื่อวานมากนักเยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้าช้า ๆ บ่งบอกว่าตนเข้าใจเพราะถึงอย่างไรนางก็เป็นคนยุคใหม่ ถึงแม้ตอนนั้นจะน่าอาย แต่เรื่องที่จบแล้วก็ถือว่าแล้วกันไปตอนนี้ดูเหมือนว่าคนที่ปล่อยวางไม่ได้ก็คือซ่างกวนซี ไม่อย่างนั้นเหตุใดเขาถึงไม่กล้ามาทานอาหารเย็นเล่า?ทว่าเยี่ยนเว่ยฉือเดาผิด สาเหตุที่ซ่างกวนซีไม่กลับมาทานอาหารเย็นกับนางก็เพราะมีเรื่องสำคัญต้องจัดการซ้ำยังเป็นเรื่องที่ยุ่งยากไม่น้อยด้วย……ณ ห้องตำราซ่างกวนซีกำลังมองภาพวาดในมือและอดไม่ได้ที่จะขมวดคิ้วเขาถามอวี๋เฟยเหยียน “เจ้าแน่ใจหรือว่าปิ่นปักผมในภาพนี้เป็นของเว่ยฉือ? เหตุใดข้าถึงรู้สึกคุ้น ๆ?”อวี๋เฟยเหยียนตอบว่า “ศิษย์พี่ใหญ่เคยเห็นมาก่อนหรือ? ปิ่นที่ท่านเคยเห็นคงเป็นของพี่สะใภ้ ปิ่นนี้เป็นปิ่นคู่”ภาพวาดนี้เป็นภาพที่อันกั๋วกงส่งมอบแด่ฮ่องเต้คังอู่เมื่อตอนเข้าเฝ้าว่าราชการเช้าของวันนี้ฮ่องเต้คังอู่ไม่ได้ปิดบังเหล่าขุนนาง แต่กลับพิมพ์ภาพวาดนี้ออกมาและมี
ไม่นานหลังจากนั้น ทั้งสองก็มาถึงแม่น้ำเสี่ยวเหลียงที่ค่อนข้างห่างไกลอีกครั้งวันนี้แตกต่างจากเมื่อวาน เพราะฉินเซียงหรูพบว่าเยี่ยนเว่ยฉือได้นำกระถางกำยานออกมาด้วยฉินเซียงหรูถามอย่างสงสัย “สิ่งนี้คืออะไรหรือ?”เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “บริเวณริมน้ำนี้ยุงชุมนัก สิ่งนี้เอาไว้ไล่ยุงน่ะ”ฉินเซียงหรูค่อย ๆ สูดลมหายใจลึก พลางพยักหน้าแล้วพูดว่า “กลิ่นช่างสดชื่น ดูเหมือนว่าวันนี้ข้าจะได้ปลากลับไปอย่างเต็มอิ่มอีกแล้ว!”ฉินเซียงหรูตกปลาอย่างเงียบ ๆ ส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็อ่านตำราแพทย์ที่นำติดตัวมาด้วยอย่างเงียบ ๆ เช่นกันบางครั้งที่ปลาติดเบ็ด เยี่ยนเว่ยฉือก็จะปรบมือและส่งเสียงไชโยโห่ร้องยกยออย่างเต็มที่ทั้งสองตกปลากันจนถึงตอนเย็นอีกครั้งสิ่งที่แตกต่างจากครั้งก่อนคือคราวนี้หลังจากข้องใส่ปลาเต็ม ฉินเซียงหรูไม่ได้รีบเก็บข้าวของเดินทางกลับ แต่ตะโกนไปทางป่าว่า “ชิงโจว ออกมาเอาของสิ!”ชิงโจว?เยี่ยนเว่ยฉือมองไปยังป่าด้วยความสับสน และแน่นอนว่าครู่ต่อมาชิงโจวก็ออกจากป่ามายืนอยู่ตรงหน้าพวกเขาทั้งสองด้วยรอยยิ้ม“ขอทำความเคารพชายารัชทายาทและคารวะท่านหมอฉิน”ฉินเซียงวางมือเท้าเอวแล้วยิ้ม “โอ้ ข้าก็ว่าเห
ซ่างกวนซีสะดุ้งเบา ๆ ขณะนั้นก็เข้าใจทันทีว่าฉินเซียงหรูหมายถึงอะไรที่แท้ฉินเซียงหรูก็รู้เจตนาของเขาอยู่แล้วฉินเซียงหรูต้องการบอกว่าการที่เขามีความรู้สึกต้องการอย่างแรงกล้ากับเยี่ยนเว่ยฉือในครั้งนี้ทำให้เกิดการกระตุ้นความร้อนภายในและสลายพิษเย็นไปได้ไม่แน่ว่าครั้งต่อไปอาจรู้สึกไม่เหมือนเดิมแม้จะมีครั้งต่อไป แต่ครั้งต่อไปที่ว่าก็อาจจะไม่มีความรู้สึกนั้นแล้วว่ากันตามตรง ล้วนเป็นเพราะยังไม่ได้สมหวัง เลยยิ่งโหยหามากขึ้นเรื่อย ๆแต่หากสำเร็จดั่งหวังไปแล้ว ก็ไม่อาจรู้ได้ว่าอารมณ์ที่พลุ่งพล่านนั้นจะหายไปและหลงเหลือแต่ความรู้สึกเบื่อหน่ายหรือไม่?เมื่อคิดได้เช่นนั้น ซ่างกวนซีก็รีบพูดว่า “ไม่มีทางหรอก!”ฉินเซียงหรูพูดอย่างขบขัน “ไม่มีทางอะไรหรือพ่ะย่ะค่ะ?”ริมฝีปากของซ่างกวนซีขยับ แต่เขาพูดไม่ออก เขาหมายจะพูดว่าความสนใจที่เขามีให้เยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่มีทางลดน้อยลงแต่เหตุใดต้องบอกฉินเซียงหรูเรื่องนี้ด้วย หากจะพูดก็ควรพูดกับเยี่ยนเว่ยฉือสิเมื่อเห็นเช่นนั้น ฉินเซียงหรูก็ครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่งแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาท แม้ท่านจะมั่นใจว่าไม่มีทาง แต่ท่านก็ต้องคำนึงถึงความรู้สึกของแม่นางเ
“ช่วย...” ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตะโกนขอความช่วยเหลือจนจบประโยค ซ่างกวนซีก็พูดด้วยเสียงทุ้มต่ำ “ข้าเอง”ฉินเซียงหรูถอนหายใจโล่งอกเฮือกหนัก เขาจับกรอบประตูด้วยมือข้างหนึ่งและใช้มืออีกข้างมือตบหน้าอกของตัวเอง “องค์รัชทายาท หลอกกันเช่นนี้ ถึงตายได้เลยนะพ่ะย่ะค่ะ กระหม่อมเพิ่งสูญเสียชีวิตสามปีให้กับท่าน ไม่อยากเอาชีวิตมาทิ้งที่นี่นะพ่ะย่ะค่ะ! เฮ้อ!”ซ่างกวนซีขมวดคิ้วเล็กน้อยแล้วพูดว่า “ข้ามีเรื่องจะถามเจ้า”ฉินเซียงหรูที่เห็นคราบน้ำบนรองเท้าของซ่างกวนซีก็รู้ว่าเขายืนอยู่ในลานเป็นเวลานานจนเนื้อตัวของเขาเปื้อนน้ำค้างไปหมดแล้วฉินเซียงหรูเม้มปากเล็กน้อยแล้วพูดว่า “องค์รัชทายาทไม่ต้องไปเข้าเฝ้าฝ่าบาทเพื่อว่าราชกิจหรือพ่ะย่ะค่ะ?”“เรื่องราวยังไม่ชัดเจน ข้าไม่มีอารมณ์ไปเข้าเฝ้าหรอก!”ซ่างกวนซีกล่าวอย่างตรงไปตรงมาฉินเซียงหรูอดไม่ได้ที่จะรู้สึกขัน พลางขยับหลีกทางหลบไปข้าง ๆ แล้วพูดว่า “เช่นนั้น เชิญองค์รัชทายาทเข้ามาเถิดพ่ะย่ะค่ะ”ซ่างกวนซีเดินเข้าไปในห้องของฉินเซียงหรูฉินเซียงจุดตะเกียงน้ำมัน และจุดเตาเผาดินแดงขนาดเล็ก จากนั้นก็เริ่มต้มชาเมื่อเห็นเช่นนั้น ซ่างกวนซีก็พูดว่า “ไม่ต้องต้มชา
“ท่านอย่าเข้าไป!” ฉินเซียงหรูเอื้อมมือไปคว้าอวี๋เฟยเหยียน แต่คว้าได้เพียงชายเสื้อ ทำให้ห้ามไว้ไม่ทันจากนั้นเขาก็เห็นอวี๋เฟยเหยียนผลักประตูด้วยความกระวนกระวายใจเสียงดังตึงตังทำให้บุรุษและสตรีบนเตียงแข็งค้างอยู่กับที่อวี๋เฟยเหยียนคาดไม่ถึงว่าเขาจะได้เห็นซ่างกวนซีจับเยี่ยนเว่ยฉือกดลงในท่านั้นแม้ทั้งสองคนจะแต่งตัวมิดชิด แต่ท่าทางของพวกเขา...ทำให้คนที่เห็นจินตนาการไปถึงไหนต่อไหนซ่างกวนซีหันไปมองอวี๋เฟยเหยียนด้วยสายตาที่เปี่ยมไปด้วยไฟลุกโชนไม่รู้ว่าโมโหเพราะถูกรบกวนหรือโมโหเพราะไม่ได้เติมเต็มความปรารถนา!อวี๋เฟยเหยียนเองก็แข็งตัวอยู่กับที่ หลังจากนั้นไม่นาน ในที่สุดเขาฝืนใจพูดออกมา “ศะ...ศิษย์พี่ใหญ่ ตะ...ตัวท่านละลายแล้วหรือ?”นี่มันคำถามบ้าอะไรกัน!!เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกอายและโกรธมาก นางผลักซ่างกวนซีด้วยกำลังทั้งหมดและรีบออกจากห้องไปโดยไม่หันกลับมามองเมื่อเห็นนางวิ่งออกไป ฉินเซียงหรูก็ส่ายหัวอย่างยินดีบนความทุกข์ของคนอื่น “จิ๊ ๆ ๆ ที่แท้ซ่างกวนซีก็ยังบริสุทธิ์อยู่นี่เอง! ฮ่า ๆ ๆ!”ขณะเดียวกันซ่างกวนซีก็ลุกขึ้นนั่ง เขามองไปที่อวี๋เฟยเหยียนซึ่งยังยืนตัวแข็งทื่ออยู่ที่เดิม พลา
เมื่อเห็นความดื้อรั้นของเขา เยี่ยนเว่ยฉือจึงพูดว่า “เช่นนั้นหากท่านไม่อ่าน ข้าก็จะอธิบายให้ฟัง”อธิบาย? อธิบายอะไร? ซ่างกวนซีเงยหน้ามองอีกฝ่ายด้วยความยากลำบากเยี่ยนเว่ยฉือสงบจิตสงบใจและกล่าวว่า “ท่าร่วมประเวณีท่าแรกเรียกว่าตาแปะเข็นรถ หลังจากทั้งสองถอดอาภรณ์ออกหมดแล้ว ให้บุรุษเริ่ม…”“หยุดพูด!” เมื่อซ่างกวนซีได้ยินเสียงใสเหมือนระฆังเงินของเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวถึงเรื่องน่าอายในห้องหอนั่น กลับไม่ได้ทำให้เขารู้สึกดีกับตัวเองขึ้นมาเลยทว่าเยี่ยนเว่ยฉือกลับประหลาดใจที่ได้พบว่า “โอ้ องค์รัชทายาท ท่านหน้าแดงแล้วนี่ ท่านร้อนรึ? ท่านรู้สึกร้อนแล้วใช่หรือไม่?”ซ่างกวนซีไม่อยากยอมรับ แต่เขาก็รู้สึกร้อนรุ่มขึ้นมาจริง ๆ หลังจากได้ยินคำพูดเหล่านั้นเยี่ยนเว่ยฉือที่เห็นว่าได้ผล นางก็เริ่มพูดอย่างไม่หยุดหย่อนทันที โดยพรรณนาถึงเนื้อหาในตำราอย่างสมจริงท่าบางท่าที่ยากจะอธิบาย นางก็พยายามสาธิตท่าทางเหล่านั้นด้วยตัวเองโชคดีที่นางใส่เสื้อผ้ามิดชิด จึงไม่ถึงกับมองไปแล้วทิ่มแทงสายตาอะไรมากนักแต่ถึงกระนั้น ก็ไม่สามารถต้านทานภาพที่จินตนาการขึ้นในหัวได้เลยทุกครั้งที่เยี่ยนเว่ยฉืออธิบายท่าทาง ในหัวขอ