ซ่างกวนซีเฝ้ามองสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ เอ่ยพึมพำเบา ๆ ว่า “นางเพิ่งพูดอะไรออกมา?”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ กะพริบตาปริบ “อ้อ นางบอกว่านางเป็นหมอ”ซ่างกวนซีแย้ง “ไม่ใช่ประโยคนั้น”อวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “ที่นางบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ร่างกายอ่อนแอ?”ซ่างกวนซียังคงส่ายหน้า “ไม่ใช่ประโยคนั้นเช่นกัน”“อ้าว แล้วประะโยคไหนกัน?” อวี๋เฟยเหยียนงุนงงซ่างกวนซียิ้มน้อย ๆ “นางบอกว่าแม้ไม่ห่วงตัวเอง ก็ต้องห่วงสุขภาพพลานามัยของข้า”นี่เป็นการแสดงความรักของเยี่ยนเว่ยฉือหรือ? ซ่างกวนซีคิดเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปาก เมื่อเห็นใบหน้าพริ้มเพราของซ่างกวนซี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่… จับประเด็นได้ยอดเยี่ยมนัก”ซ่างกวนซีเหลือบตามอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าจับประเด็นไม่ถูกเองต่างหาก”…… เรือนบ่าวรับใช้เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงห้องคนรับใช้ ได้พบกับซูเค่อที่กำลังล้มป่วย ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของนางกำนัลชั้นสูง จึงมีเพียงสองคนต่อห้อง ขณะนี้ชวนหงที่พักร่วมห้องเดียวกันกับซูเค่อกำลังทำงาน จึงมีเพียงซูเค่อที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือ ซูเค่อที่สภาพอ่อนเปลี้ยจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง คุกเข่าล
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม มองซูเค่อ แต่ไม่ได้ตอบรับทันที เอ่ยถามว่า “นกเลือกต้นไม้อาศัย เจ้าเลือกที่จะสารภาพผิด ข้าเข้าใจได้ แต่… เหตุใดข้าจึงต้องเชื่อเจ้าด้วยเล่า? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการแปรพักตร์ของเจ้าในครั้งนี้ มิใช่เพราะมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับหว่านชิง?”ซูเค่อหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอก คุกเข่าลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือพร้อมกับส่งให้เยี่ยนเว่ยฉือรับมาดู พบว่าเป็นรายชื่อ ดูเหมือนจะเป็นรายชื่อบ่าวรับใช้ในจวนเกือบร้อยคนซูเค่ออธิบาย “นี่คือรายชื่อที่หม่อมฉันเป็นผู้จดไว้ คนที่วงกลมสีแดง เป็นคนของฮองเฮาและองค์ชายรอง คนที่วงกลมสีดำ เป็นคนของพระสนมจากตำหนักต่าง ๆ ส่วนคนที่ไม่มีวงกลม เป็นคนของสำนักพระราชวังเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือพิจารณาคร่าว ๆ โอ้ คนที่ไม่ถูกทำเครื่องหมายวงกลมน้อยกว่าสองในสิบส่วนเสียอีก นางและซ่างกวนซีเหมือนแมวสองตัวที่เข้าไปอยู่ในรังหนูซูเค่อกล่าวต่อ “พระชายาสามารถกำจัดคนในจวนตามรายชื่อนี้ได้ การกระทำขององค์รัชทายาทจะไม่ถูกเปิดเผยต่อฮองเฮา ส่วนหม่อมฉันจะสวามิภักดิ์อย่างจริงใจ ต่อไปนี้หากพระชายาต้องการให้หม่อมฉันส่งข่าว หม่อมฉันจะส่งข่าวอย่างสุดความสามารถ ขอเพียงแต่หลังจากนี้องค์
เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง แล้วถามว่า “เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไร ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมดหรือ?”ซ่างกวนซีไตร่ตรองเล็กน้อย ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับว่า “หากเป็นเจ้าจะทำอย่างไร เจ้าเชื่อใจซูเค่อหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ยังเร็วเกินกว่าจะกล่าวว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่นางมาสวามิภักดิ์ทั้งที ข้าก็ต้องใช้ประโยชน์จากนาง”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่รู้ด้วยเหตุใด เขารู้สึกว่าซ่างกวนหลีจะต้องประสบเคราะห์กรรมอีกใจจริงเขายินดีที่ซ่างกวนหลีจะประสบเคราะห์กรรม แต่บางเรื่อง เขาก็จำเป็นต้องเอ่ยเตือนให้ชัดเจน“บัดนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ทุกคนกำลังสืบสวนเรื่องชาวเป่ยอิน เจ้ากระทำการโดยพลการ หากถูกจับได้ ซ่างกวนหลีอาจจะใช้เรื่องนี้เล่นงานเจ้า ทุกเรื่องต้องกระทำอย่างรอบคอบ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “รู้แล้ว ข้าจะไม่เปิดเผยตัว ในเมื่อท่านห่วงใยข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอขึ้นมานอนบนเตียงได้หรือไม่ ตรงนี้ออกจะคับแคบเกินไปหน่อย!”เมื่อคืนนางกลิ้งตัวแล้วตกลงมา สำหรับนางที่นอนไม่ดีถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่งซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนเตียงที่ใหญ่กว่านี้ให้ เจ้านอนเถิด”กล่
ซ่างกวนซีพยายามไม่มองนางเขาไม่ได้พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ไม่ได้พักผ่อนเลยต่างหากเตียงเล็กคับแคบทำให้เขานอนไม่สบายนัก เมื่อกลับไปนอนบนเตียงตัวเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอาแต่กอดไม่ปล่อย แถมยังลูบคลำเนื้อตัว จะให้ข่มตานอนหลับได้อย่างไรหากเป็นชายอื่นคงไม่ทำเพียงนอนดูเฉย ๆ เป็นแน่แท้ซ่างกวนซีรู้สึกหนักใจกับวิสัยการนอนของเยี่ยนเว่ยฉือ และรู้สึกหนักใจกับความปรารถนาในใจของตนเองความปรารถนาที่ชั่วร้ายนั้นเกือบจะระเบิดออกมาคราแล้วคราเล่า เพื่อระงับความปรารถนาที่น่าละอายนั้น เขาจึงนอนไม่หลับอยู่ตลอดทั้งคืนซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ ก่อนกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะไปที่กรมขุนนาง หากเจ้าจะออกไปข้างนอก ก็ให้พาอวี๋เฟยเหยียนไปด้วย และอย่าได้เชื่อใจซูเค่อมากเกินไป”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ฝ่าบาทวางใจได้ ข้าเข้าใจแล้ว”…… หลังจากซ่างกวนซีออกไป จางมามาก็มาหาเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พระชายา พระชายาเพคะ ไม่ดีแล้ว ชวนหงตายอีกคนแล้ว”ตายแล้ว?ไวขนาดนี้เชียว?ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจ ถามว่า “นางตายอย่างไร?”จางมามากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “นางพลัดตกบ่อบัวเพคะ คิดว่า..
“แม่ทัพผู้เก่งกล้าเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะริษยา แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังทรงหวาดระแวง” เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจ “น่าเสียดาย ครึ่งชีวิตท่านพ่ออยู่ในสนามรบ อีกครึ่งกลับต้องปล่อยให้ชีวิตผ่านไปเปล่า ๆ บัดนี้สิ่งที่ทำได้เหลือเพียงการปลูกดอกไม้ ตกปลา เลี้ยงแมว เล่นกับสุนัขเท่านั้น”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี ชีวิตหลังวัยเกษียณ มีผู้คนมากมายที่ปรารถนาแต่ก็ไม่ได้มาตั้งเท่าไหร่”“เกษียณนี่หมายความว่าอย่างไร?” อวี๋เฟยเหยียนถามด้วยความสงสัยเยี่ยนเว่ยฉืออธิบาย “คือการที่ขุนนางลาออกจากตำแหน่งอย่างไรเล่า”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ เหล่านี้มาจากที่ใดกัน”เยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกหวาดกลัว โชคดีที่อวี๋เฟยเหยียนไม่ใช่คนชอบถามซักไซ้มากความ หากเป็นซ่างกวนซีคงต้องซักไซ้เอาคำตอบจากนางเป็นแน่เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจึงเปลี่ยนเรื่อง “โอ้ อย่าพูดเรื่องบิดาของท่านเลย เรามาพูดถึงองค์ชายรองซ่างกวนหลีกันเถิด”“พูดถึงเขา? เขามีอะไรควรค่าแก่การพูดถึงกัน?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือลูบคาง ไตร่ตรองเ
บทสนทนาระหว่างทั้งสองนั้นสั้นและเรียบง่ายแต่นั่นก็ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้แจ้งในฉับพลันเป๊าะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้วแล้วพูดว่า “คิดออกแล้ว!”“คิดออกแล้ว? เจ้าคิดอะไรออกรึ?” อวี๋เฟยเหยียนถามอย่างตื่นเต้นเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยีและพูดว่า “ข้าไม่บอกท่านหรอก! ฮิ ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนอยากรู้มาก จึงรีบอ้อนถาม “โอ้ อย่าเป็นเช่นนี้สิ เจ้าต้องบอกข้า เจ้าไม่บอกแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันปลอดภัย? หากมันไม่ปลอดภัยแล้วข้าปล่อยให้เจ้าทำ ศิษย์พี่ใหญ่ก็จะมาหักขาข้าเอาน่ะสิ!”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าว “ข้าบอกท่านก็ได้ แต่ท่านต้องพาข้าไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”“คน? ใครกัน?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ก็เจ้ากรมขุนนาง หยางอวิ๋นเฟิงอย่างไรเล่า”……ณ กรมขุนนางข่าวการซ่างกวนซีมายังกรมขุนนางแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วแคว้นต้าหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการเข้ายึดอำนาจกรมขุนนางแห่งนี้ควบคุมการเลื่อนขั้นและโยกย้ายขุนนางทั้งหมด และทำแหน่งเจ้ากรมขุนนางก็มีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาหกกรมการที่ซ่างกวนซีทำให้เจ้ากรมขุนนางตกมาอยู่ใต้อาณัติได้รวดเร็วปานสายฟ้านั้น ทำให้ขุนนางทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะคิดถึง
ซ่างกวนซีเหลือบมองนางอย่างจนใจ เขารู้ว่าจุดประสงค์ของเยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่ใช่การกินอาทานอาหารอย่างแน่นอนแต่นางฉลาดและรู้ว่าในสถานกาณ์นั้น ๆ ควรพูดอะไรซ่างกวนซียื่นมือออกไปจิ้มหว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้านี่ตะกละนักนะ!”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม จากนั้นก็เอียงศีรษะมองไปที่หยางอวิ๋นเฟิง “ท่านคือใต้เท้าหยางสินะ พวกเรากำลังจะไปทานอาหารกันที่ร้านฉือหลี่เซียง ใต้เท้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”หยางอวิ๋นเฟิงไม่กล้าไป อย่างน้อยเขาก็คงไม่กล้าร่วมโต๊ะเดียวกันกับอวี๋เฟยเหยียน เพราะอาจทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้หยางอวิ๋นเฟิงยิ้มและพูดว่า “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมยังมีงานราชการที่ต้องจัดการ ฉะนั้นกระหม่อมขอไม่รบกวนเวลาทานอาหารของพวกท่านพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาแล้วพูดว่า “ใต้เท้าหยาง ท่านไม่ทานมื้อเที่ยงหรือ? เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในกรมขุนนางก็ไม่ทานอาหารด้วยอย่างนั้นรึ?”หยางอวิ๋นเฟิงอธิบายว่า “เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านไปกินข้าวได้ แน่นอนว่าที่กรมก็มีโรงครัวเป็นของตัวเอง ในช่วงที่ยุ่งกับงานราชการ พวกเขาจึงทานอะไรนิดหน่อยจากที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้ ที่กรมนี้ก็มีพ่อบ้านด้วยหรือ?” เยี่ยน
เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก อย่างน้อยคราวนี้ข้าก็ไม่ไปปรากฏตัวแถว ๆ จวนของซ่างกวนหลีแล้ว”ซ่างกวนซีเห็นว่านางพยายามเก็บเป็นความลับ เขาจึงไม่ถามต่อเขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและเริ่มคาดเดาแทน“กรมโยธาถือเป็นกรมที่มีความสำคัญต่อราชสำนัก เจ้าไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปได้ แม้แต่ข้าก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหากเจ้าคิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการซ่อมแซมจวนของซ่างกวนหลี ก็จะสามารถลงมือได้จากภายนอกเท่านั้น”หลังจากที่ซ่างกวนซีพูดจบ เขาก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ เมื่อเขาเห็นดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือเบิกกว้างเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าการคาดเดาของตนนั้นถูกต้องซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “การที่เจ้าถามเกี่ยวกับบุคคลที่รับผิดชอบการจัดซื้อ ดูเหมือนว่าเจ้าวางแผนที่จะเริ่มลงมือจากวัสดุก่อสร้างเป็นอย่างแรกสินะ”แม้กรมโยธาจะมีช่างฝีมือภายในกรมเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสะสมวัสดุก่อสร้างจำนวนมากเอาไว้ดังนั้นคราวนี้เพื่อซ่อมแซมที่ประทับขององค์ชายรอง กรมโยธาจะต้องออกไปซื้อวัสดุมาอย่างแน่นอนดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนที่อย
เยี่ยนเว่ยฉือล่วงรู้แต่แรกแล้วว่าเรื่องราวคงไม่ยุ่งยากทว่านางไม่คาดคิดว่าทุกสิ่งจะราบรื่นถึงเพียงนี้ครั้นเห็นท่านหญิงหมิงหยางหยิบเงินหมื่นตำลึงออกจากห้องบัญชีได้อย่างง่ายดายเยี่ยนเว่ยฉือก็ล่วงรู้ว่าบิดาจอมปลอมของนางคงไม่ได้ละเว้นการยักยอกสินบนท่านหญิงหมิงหยางยื่นเงินให้แก่ฝูกวง น้ำเสียงสั่นเครือเอ่ยว่า “ท่าน...ท่านจอมยุทธ์ เรื่องราวค่ำคืนนี้...ล้วน ไม่ใช่...ไม่ใช่ความต้องการของข้า มันล้วน...ล้วน...”“ค่ำคืนนี้มีสิ่งใดเกิดขึ้นหรือ? ข้าไม่เห็นสิ่งใดเลย!” ฝูกวงเอ่ยรับอย่างรู้ใจท่านหญิงหมิงหยางได้ยินดังนั้นก็ถอนหายใจยาว รีบหันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือที่ปิดบังใบหน้าเยี่ยนเว่ยฉือกอดอก เลิกคิ้วกล่าว “เขาถูกเงินปิดตา ย่อมไม่เห็นสิ่งใด ดวงตาข้านี่ต่างหากที่สว่างไสว”ท่านหญิงหมิงหยางขมวดคิ้วเล็กน้อย รู้สึกว่าน้ำเสียงและคำพูดของคนตรงหน้าคุ้นหูอยู่บ้าง แต่ชั่วขณะนั้นกลับนึกไม่ออกนางปิดบังใบหน้า ท่านหญิงหมิงหยางจึงไม่อาจเห็นโฉมหน้าของนางเยี่ยนเว่ยฉือเห็นท่านหญิงหมิงหยางจ้องมองนาง รีบชี้ไปยังกล่องใบเล็กที่วางอยู่บนหิ้งสูง “ท่านสามารถใช้สิ่งนั้นมาปิดตาข้าได้”ท่านหญิงหมิงหยางเงยหน้ามอง เ
พูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือเงี่ยหูฟัง ยืนยันว่าด้านล่างไม่มีเสียงอะไรแล้ว จึงกล่าวต่อ “เอาล่ะ ตอนนี้ไปเอาเงินได้แล้ว!”ฝูกวงเข้าใจแล้ว เยี่ยนเว่ยฉือจะใช้เรื่อง ‘จับได้คาหนังคาเขา’ บีบบังคับท่านหญิงหมิงหยางให้ยอมจ่ายเงินนี่เองปัง!ห้องมืดมิดถูกจุดเทียนขึ้นมาทันทีชายหญิงบนเตียงที่ยังคงมีความสุขอยู่ต่างก็ตกใจ“นั่นใคร?!” ท่านหญิงหมิงหยางร้องออกมาด้วยความตกใจ มองไปรอบ ๆ ห้องขณะนั้นลู่อู๋ไม่สนใจใครแล้ว รีบใส่กางเกงเยี่ยนเว่ยฉือเบี่ยงหน้าเล็กน้อย นางไม่อยากเห็นภาพอุจาดตานั้นท่านหญิงหมิงหยางเห็นชายหญิงสองคนสวมหน้ากากยืนอยู่ในห้องก็ตั้งท่าจะตะโกนแต่ฝูกวงพูดก่อน “ตะโกนสิ ตะโกนเรียกสามีเจ้าเข้ามา ให้เห็นกับตาว่าเจ้ามีความสัมพันธ์กับชายอื่น ทำให้เขาขายหน้าอย่างไร”“ชายอื่น?” ท่านหญิงหมิงหยางหันไปมองชายที่กำลังใส่กางเกงอยู่ที่ปลายเตียงเมื่อนางเห็นใบหน้าของคนผู้นั้น ก็ร้องออกมาทันที “กรี๊ดดด!!!”ปัง!ลู่อู๋รีบใช้มือสกัดจุดท่านหญิงหมิงหยาง ขัดจังหวะเสียงกรีดร้องของนางเขากล่าวด้วยความโกรธ “ฝูกวง เจ้าหมายความว่าอย่างไร?”ฝูกวงหัวเราะเยาะ “เปล่านี่ ข้าไม่ได้มาหาเจ้า แต่มาหานางต่างหาก”ฝ
“จะให้ไปที่ห้องบัญชีโดยตรงหรือ?” ฝูกวงถามซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือยังคงส่ายหัว “ข้าไม่ได้กลับจวนผิงอี้โหวมานานแล้ว ไม่ต้องพูดถึงเรื่องที่ว่าข้าไม่รู้ว่าห้องบัญชีอยู่ห้องไหน ถึงแม้ข้าจะรู้ ข้าก็ไม่รู้ว่าเขาเก็บตั๋วเงินไว้ที่ไหนอีก”“พูดมาก เจ้าอยากตายหรือไร?” ฝูกวงขู่เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างหมดหนทาง “โอ๊ย อย่าใจร้อนสิ นี่ เราไปที่เรือนหลังนั้นกัน!”เยี่ยนเว่ยฉือชี้ไปที่เรือนหลังหนึ่งฝูกวงจับเอวของเยี่ยนเว่ยฉือ พานางกระโดดไปที่เรือนหลังนั้นทั้งสองซ่อนตัวอยู่บนหลังคา ฝูกวงกำลังจะถามว่านี่เป็นเรือนพักของใคร แต่ก็รู้สึกว่ามีคนเข้ามาใกล้เขาจับหัวเยี่ยนเว่ยฉือกดลง ทั้งสองนอนราบไปกับร่มเงาของหลังคา“อย่าขยับ มีคนมา!”ฝูกวงบอกอย่าขยับ เยี่ยนเว่ยฉือยิ่งอยากขยับเข้าไปใหญ่เพราะนางรู้ว่าคืนนี้ต้องมีคนมาที่นี่แน่เยี่ยนเว่ยฉือพยายามเงยหน้า ฝูกวงก็กดหัวนางลงอย่างแรงเยี่ยนเว่ยฉือพูดอย่างหมดหนทาง “เป็นลู่อู๋!”“ลู่อู๋?” ฝูกวงปล่อยมือ มองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างสงสัยเยี่ยนเว่ยฉือทำท่าบอกให้เงียบครู่ต่อมาทั้งสองเห็นลู่อู๋ลงมาที่หลังคาฝั่งตรงข้ามเขาดูระมัดระวัง ค่อย ๆ เปิดกระเบื้องออก มองลอดเ
ฝูกวงไม่เชื่อนาง พูดเสียงเย็นชา “เจ้าคิดว่าข้าโง่หรือ? ไม่ต้องพูดถึงว่าซ่างกวนซีจะยอมจ่ายเงินให้เจ้าหรือไม่ แค่ปล่อยเจ้ากลับไป จะจับเจ้าอีกครั้งก็ไม่ใช่เรื่องง่ายแล้ว!”“เช่นนั้นเจ้าจะเอาอย่างไร? ข้าบอกแล้วว่าไม่มีเงินจริง ๆ!” เยี่ยนเว่ยฉือเอ่ยอย่างหมดหนทางฝูกวงฮึดฮัด “ง่ายมาก ขายเจ้าไปที่หอลมวสันต์ห่างไปสิบหลี่บนถนนหยางโจว ด้วยรูปร่างหน้าตาของเจ้า หาเงินหนึ่งหมื่นตำลึงก็ไม่ใช่เรื่องยาก”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง กล่าวอย่างไม่เชื่อ “เจ้าก็เป็นมือสังหาร เหตุใดมาทำธุรกิจค้าประเวณีได้!”“บังอาจ!” ฝูกวงดุเสียงเย็นชาเยี่ยนเว่ยฉือเบ้ปาก “งั้น...ข้าเขียนจดหมายถึงองค์รัชทายาทได้หรือไม่?”“ไม่ได้! ซ่างกวนซีฉลาดออกปานนั้น ข้าไม่อยากมีเรื่อง!”เยี่ยนเว่ยฉือถึงกับพูดไม่ออก‘ไอ้บ้านี่ ต้องให้นางควักเงินหมื่นตำลึงออกมาเองสินะ?’นั่นจะเป็นไปได้เช่นไร ต่อให้มีข้าก็ต้องกลับไปหาวิธี ไม่ใช่อยู่ดี ๆ เอาออกมาได้เลยทันทีนางไม่ได้มีพลังวิเศษเสียหน่อยขณะที่เยี่ยนเว่ยฉือกำลังกังวลใจฝูกวงพูดเสียงเย็นชา “ดูเหมือนเจ้าจะคิดหาวิธีที่ดีไม่ได้แล้ว เช่นนั้นก็ไปกับข้าเถอะ ขายเจ้าไป ได้เท่าไหร่ก็เท่านั้น
ซ่างกวนซีพยักหน้า บอกให้ฉินเซียงหรูไปพักผ่อนได้แล้วหลังจากฉินเซียงหรูจากไป ซ่างกวนซีเงยหน้ามองแสงจันทร์ แต่ในใจอดคิดถึงลู่อู๋ไม่ได้ว่าเขาจะไปหาท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือไม่?แท้จริงแล้ว ตอนนี้มีคนอีกคนที่สงสัยมากกว่าซ่างกวนซีนั่นก็คือเยี่ยนเว่ยฉือ ผู้วางแผนการนี้นั่นเองนางอยากเห็นผลลัพธ์ของแผนการตนเองมากกว่าใคร ๆเยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจ มองดวงจันทร์ “เสียดายจริง โลกนี้ไม่มีกล้องถ่ายรูป ไม่เช่นนั้นจะได้ถ่ายภาพท่านหญิงหมิงหยางกับลู่อู๋ต่อสู้กันแปดร้อยยก แล้วพิมพ์ออกมาหนึ่งหมื่นชุดแจกจ่ายออกไป จะสาแก่ใจแค่ไหนนะ! จุ๊ ๆ!”“กล้องถ่ายรูป คืออะไรกัน?” เสียงใสไพเราะดังขึ้นจากด้านหลังอย่างกะทันหันเสียงนี้เหมือนเสียงสะท้อนในภูเขา ทำให้แยกไม่ออกว่ามาจากทิศทางไหนเยี่ยนเว่ยฉือตัวแข็งทื่อ รีบหันไปมองด้านหลัง แต่ก็เห็นเพียงเงาสีขาวที่พุ่งเข้ามาหาปัง!นางถูกสกัดจุดอีกแล้วครั้งนี้ไม่เพียงแต่ขยับไม่ได้ ยังพูดไม่ได้อีกด้วยเยี่ยนเว่ยฉือมองคนที่บุกเข้ามาอย่างตื่นตระหนก พบว่าเป็นฝูกวง มือสังหารชุดขาวทองคำเวรกรรมแท้ ๆ!นางดวงซวยอะไรขนาดนี้ เพิ่งจัดการลู่อู๋ให้พ้นตัวไปหมาด ๆ ก็มาเจอฝูกวงอีกแ
เขารีบถอยหลัง หลบหลีกการเคาะของธนูเขาเห็นปลายธนูที่เปล่งแสงเย็นยะเยือกในมือของเยี่ยนเว่ยฉือ สุดท้ายก็ไม่มีความกล้าที่จะแทงตัวเองแม้เพียงสองรูดังนั้นจึงหันหลังแล้วรีบหนีไป!จนกระทั่งลู่อู๋จากไป อวี๋เฟยเหยียนจึงอดไม่ได้ที่จะถาม “พี่สะใภ้ เขาถูกพิษจริงหรือ? ยาแก้พิษอยู่ที่ท่านหญิงหมิงหยางจริงหรือ?”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ก็รู้สึกไม่สมเหตุสมผลเช่นกันต่างคนต่างมองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือด้วยความอยากรู้เยี่ยนเว่ยฉือหัวเราะเบา ๆ “ข้าหลอกเขาน่ะสิ ใครจะเอายาแก้พิษไปไว้ที่คนอื่นกัน แล้วข้าก็ไม่ได้ติดต่อกับท่านหญิงหมิงหยางมานานแล้ว”“อะไรกัน?” อวี๋เฟยเหยียนเบิกตากว้าง “เช่นนั้นเขาจะตายหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้า “ไม่ตายหรอก ข้าแค่ให้ยาปลุกกำหนัดชนิดเรื้อรังเขาไปนิดหน่อย ของแบบนี้ถ้าโดนแล้วจะอดทนอยู่ได้เจ็ดวันกว่าจะควบคุมตัวเองไม่ได้ หากเขาหาคนมาร่วมรักได้ทันเวลาก็จะรู้สึกสบายตัวขึ้น!”“เรื้อ...รัง?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เคยได้ยินมาก่อนฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ รู้สึกสนุกมาก รีบถาม “แม่นางเยี่ยนมีฝีมือ แต่เจ็ดวันแรกผ่านไป วันนี้เขาได้ระบายความใคร่แล้ว เจ็ดวันต่อไปจะทำอย่างไร?”เยี่ยนเว่ย
ซ่างกวนซีอุ้มนางไว้ พูดว่ากล่าวด้วยน้ำเสียง “ต่อไปนี้เจ้าอยากทำอะไรก็ทำได้ มีเงื่อนไขเดียวคือห้ามโกหก และห้ามกระทำการโดยพลการ”นั่นหมายความว่า ไม่ว่านางจะทำอะไร ก็ต้องรายงานเขาล่วงหน้าก่อนตอนนี้นางอยู่ในสภาพเสื้อผ้าหลุดลุ่ย ซ้ำยังถูกชายหนุ่มรูปงามกอดอยู่ในอ้อมแขนชายหนุ่มรูปงามผู้นั้นก็คือสามีของนางเองเยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกว่าหากนางปฏิเสธ ต่อไประยะห่างระหว่างกันอาจจะกลายเป็นติดลบนางไม่ต้องการแบบนั้น! นางแค่...ยังคิดไม่ตกเท่านั้นเอง!เยี่ยนเว่ยฉือพิงอยู่บนอกของซ่างกวนซี พยักหน้าเบา ๆ เหมือนแมวน้อยเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง “ทราบแล้วเจ้าค่ะ ต่อไปนี้ข้าจะไม่โกหกอีกแล้ว”ซ่างกวนซีหัวเราะอย่างเหนื่อยหน่าย จะให้เชื่อนางได้อย่างไรกัน!…… ห้องโถงด้านหน้าเมื่อซ่างกวนซีพาเยี่ยนเว่ยฉือกลับมาที่ห้องโถงด้านหน้าอีกครั้ง ท้องฟ้าก็มืดมนแล้วแต่บรรดาชายหนุ่มทั้งสามคนในห้องโถงหน้ายังไม่จากไปไหนอวี๋เฟยเหยียนมองไปที่ซ่างกวนซีและเยี่ยนเว่ยฉือ พบว่าทั้งสองมีสีหน้าแปลก ๆดูเหมือนว่าซ่างกวนซีจะไม่โกรธแล้ว ใบหน้าสงบเรียบเฉยแต่ทำไมใบหน้าและใบหูของเยี่ยนเว่ยฉือถึงแดงก่ำ หรือถูกซ่างกวนซีทารุณหนัก?“จุ๊
เห็นเยี่ยนเว่ยฉือสายตาเป็นประกายวาววับดุจหยาดน้ำค้าง ซ่างกวนซีก็รู้ได้ทันทีว่านางกำลังโกหกอยู่ในใจเป็นแน่แท้และเช่นนั้นเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอ่ยตอบออกมาว่า “ก็...ก็เก็บไว้กับตัวอย่างไรล่ะ เพียงแต่ว่าข้าชำนาญกว่าคนทั่วไป ท่านเคยได้ยินเรื่อง ‘มือวิเศษ’ หรือไม่? สมัยก่อนข้าเลี้ยงหมู ชีวิตแสนจะน่าเบื่อหน่าย จึงได้ไปเรียนวิชาลักขโมยจากนักเวทมายา รู้ไว้ใช่ว่า… อ๊ะ!”ยังไม่ทันได้พูดจบ ซ่างกวนซีก็ใช้ฝ่ามือหวดไปที่นางทันทีกระแสลมปราณอันทรงพลังพุ่งเข้าใส่ เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกเย็นวาบไปทั้งตัว และฉับพลันนั้น ผ้ายาวสีขาวที่นางสวมอยู่ก็กลายเป็นเศษผ้ากระจัดกระจายลงสู่พื้นโอ้ แม่เจ้า!นี่มันฝีมือการถอดเสื้อผ้าอันหาที่เปรียบมิได้ในแผ่นดินบัดนี้ เยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงผ้าบาง ๆ ที่ปิดบังความงามไว้ได้เพียงน้อยนิดสายลมหนาวพัดโชยมา แม้ร่างกายนางไม่อาจเคลื่อนไหว แต่ก็อดที่จะตัวสั่นไม่ได้การสั่นไหวเล็กน้อยนั้น ทำให้ความงามบางส่วนปรากฏออกมาเมื่อได้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งอันงดงาม ซ่างกวนซีก็ร้อนรุ่มในดวงตา รีบเบี่ยงสายตาไปทางอื่นเขาเพียงแต่ไม่ปรารถนาจะฟังเยี่ยนเว่ยฉือพูดโกหก จึงควบคุมอารมณ์ไว้ไม่อยู
การกระทำเช่นนี้ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้ว่าซ่างกวนซีไม่ได้ขู่เล่น ๆแต่จะลงโทษนางจริง ๆ!ซ่างกวนซีใช้นิ้วเรียวสวยเปิดปกเสื้อของเยี่ยนเว่ยฉือเบา ๆ สีหน้าเรียบเฉย ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ "เหตุใดลู่อู๋จึงมาหาเจ้า?""เพ... เพราะ... เขา... เขา..." เยี่ยนเว่ยฉืออ้ำอึ้ง ไม่รู้ว่าจะตอบอย่างไรขณะที่นางลังเลอยู่นั้น เสื้อคลุมตัวนอกก็ถูกดึงออกเยี่ยนเว่ยฉือกล่าวอย่างร้อนรน "ฝ่าบาท ข้ายังไม่ได้พูดเลย!"ซ่างกวนซีตอบอย่างใจเย็น "ตอบช้า ก็ต้องถอด"สิ้นคำ ซ่างกวนซีก็ปลดเชือกเสื้อตัวในของนางอีกไม่นานก็จะถึงฤดูร้อนแล้ว สวมเสื้อผ้าบางน้อยชิ้น หากถอดต่อไปเช่นนี้ ไม่กี่คำถาม นางก็คงจะเปลือยเปล่าเสื้อตัวในเปิดออก เผยให้เห็นเสื้อตัวในสีขาวในที่สุดเยี่ยนเว่ยฉือก็ทนไม่ไหว "เขามาหาข้าเพื่อขอยาถอนพิษ!"มือที่กำลังจะถอดเสื้อผ้าของซ่างกวนซีหยุดชะงัก มองนาง แล้วถามต่อ "เขาโดนพิษเมื่อใด? โดนพิษอะไร? เจ้าใช้พิษกับเขาอย่างไร?"เยี่ยนเว่ยฉือมีสีหน้าลำบากใจ "เรื่อง... เรื่องนี้พูดแล้วยาว..."พรึ่บ!ซ่างกวนซีดึงเสื้อตัวในของนางออกโดยไม่ลังเลตอนนี้บนร่างของเยี่ยนเว่ยฉือเหลือเพียงเสื้อตัวในสีขาว และตู้โตวสี