ซ่างกวนซีเฝ้ามองสีหน้าของเยี่ยนเว่ยฉือ เอ่ยพึมพำเบา ๆ ว่า “นางเพิ่งพูดอะไรออกมา?”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ กะพริบตาปริบ “อ้อ นางบอกว่านางเป็นหมอ”ซ่างกวนซีแย้ง “ไม่ใช่ประโยคนั้น”อวี๋เฟยเหยียนเกาหัว “ที่นางบอกว่าศิษย์พี่ใหญ่ร่างกายอ่อนแอ?”ซ่างกวนซียังคงส่ายหน้า “ไม่ใช่ประโยคนั้นเช่นกัน”“อ้าว แล้วประะโยคไหนกัน?” อวี๋เฟยเหยียนงุนงงซ่างกวนซียิ้มน้อย ๆ “นางบอกว่าแม้ไม่ห่วงตัวเอง ก็ต้องห่วงสุขภาพพลานามัยของข้า”นี่เป็นการแสดงความรักของเยี่ยนเว่ยฉือหรือ? ซ่างกวนซีคิดเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนกระตุกมุมปาก เมื่อเห็นใบหน้าพริ้มเพราของซ่างกวนซี ก็อดไม่ได้ที่จะพูดว่า “ศิษย์พี่ใหญ่… จับประเด็นได้ยอดเยี่ยมนัก”ซ่างกวนซีเหลือบตามอง เอ่ยด้วยน้ำเสียงไม่พอใจ “เจ้าจับประเด็นไม่ถูกเองต่างหาก”…… เรือนบ่าวรับใช้เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงห้องคนรับใช้ ได้พบกับซูเค่อที่กำลังล้มป่วย ที่นี่เป็นห้องส่วนตัวของนางกำนัลชั้นสูง จึงมีเพียงสองคนต่อห้อง ขณะนี้ชวนหงที่พักร่วมห้องเดียวกันกับซูเค่อกำลังทำงาน จึงมีเพียงซูเค่อที่อยู่ในห้องเมื่อเห็นเยี่ยนเว่ยฉือ ซูเค่อที่สภาพอ่อนเปลี้ยจึงรีบลุกขึ้นจากเตียง คุกเข่าล
เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม มองซูเค่อ แต่ไม่ได้ตอบรับทันที เอ่ยถามว่า “นกเลือกต้นไม้อาศัย เจ้าเลือกที่จะสารภาพผิด ข้าเข้าใจได้ แต่… เหตุใดข้าจึงต้องเชื่อเจ้าด้วยเล่า? ข้าจะรู้ได้อย่างไรว่าการแปรพักตร์ของเจ้าในครั้งนี้ มิใช่เพราะมีจุดประสงค์เช่นเดียวกับหว่านชิง?”ซูเค่อหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งออกมาจากอก คุกเข่าลงข้างเยี่ยนเว่ยฉือพร้อมกับส่งให้เยี่ยนเว่ยฉือรับมาดู พบว่าเป็นรายชื่อ ดูเหมือนจะเป็นรายชื่อบ่าวรับใช้ในจวนเกือบร้อยคนซูเค่ออธิบาย “นี่คือรายชื่อที่หม่อมฉันเป็นผู้จดไว้ คนที่วงกลมสีแดง เป็นคนของฮองเฮาและองค์ชายรอง คนที่วงกลมสีดำ เป็นคนของพระสนมจากตำหนักต่าง ๆ ส่วนคนที่ไม่มีวงกลม เป็นคนของสำนักพระราชวังเพคะ”เยี่ยนเว่ยฉือพิจารณาคร่าว ๆ โอ้ คนที่ไม่ถูกทำเครื่องหมายวงกลมน้อยกว่าสองในสิบส่วนเสียอีก นางและซ่างกวนซีเหมือนแมวสองตัวที่เข้าไปอยู่ในรังหนูซูเค่อกล่าวต่อ “พระชายาสามารถกำจัดคนในจวนตามรายชื่อนี้ได้ การกระทำขององค์รัชทายาทจะไม่ถูกเปิดเผยต่อฮองเฮา ส่วนหม่อมฉันจะสวามิภักดิ์อย่างจริงใจ ต่อไปนี้หากพระชายาต้องการให้หม่อมฉันส่งข่าว หม่อมฉันจะส่งข่าวอย่างสุดความสามารถ ขอเพียงแต่หลังจากนี้องค์
เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้าง แล้วถามว่า “เช่นนั้นท่านจะทำอย่างไร ขับไล่พวกเขาออกไปให้หมดหรือ?”ซ่างกวนซีไตร่ตรองเล็กน้อย ไม่ได้ตอบแต่ถามกลับว่า “หากเป็นเจ้าจะทำอย่างไร เจ้าเชื่อใจซูเค่อหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือส่ายหน้าเล็กน้อย “ตอนนี้ยังเร็วเกินกว่าจะกล่าวว่าเชื่อหรือไม่เชื่อ แต่นางมาสวามิภักดิ์ทั้งที ข้าก็ต้องใช้ประโยชน์จากนาง”ซ่างกวนซีขมวดคิ้ว ไม่รู้ด้วยเหตุใด เขารู้สึกว่าซ่างกวนหลีจะต้องประสบเคราะห์กรรมอีกใจจริงเขายินดีที่ซ่างกวนหลีจะประสบเคราะห์กรรม แต่บางเรื่อง เขาก็จำเป็นต้องเอ่ยเตือนให้ชัดเจน“บัดนี้เมืองหลวงเต็มไปด้วยความหวาดระแวง ทุกคนกำลังสืบสวนเรื่องชาวเป่ยอิน เจ้ากระทำการโดยพลการ หากถูกจับได้ ซ่างกวนหลีอาจจะใช้เรื่องนี้เล่นงานเจ้า ทุกเรื่องต้องกระทำอย่างรอบคอบ”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “รู้แล้ว ข้าจะไม่เปิดเผยตัว ในเมื่อท่านห่วงใยข้าเช่นนี้ เช่นนั้นข้าขอขึ้นมานอนบนเตียงได้หรือไม่ ตรงนี้ออกจะคับแคบเกินไปหน่อย!”เมื่อคืนนางกลิ้งตัวแล้วตกลงมา สำหรับนางที่นอนไม่ดีถือเป็นความทรมานอย่างหนึ่งซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “ไม่ได้ ไว้พรุ่งนี้ค่อยเปลี่ยนเตียงที่ใหญ่กว่านี้ให้ เจ้านอนเถิด”กล่
ซ่างกวนซีพยายามไม่มองนางเขาไม่ได้พักผ่อนไม่เพียงพอ แต่ไม่ได้พักผ่อนเลยต่างหากเตียงเล็กคับแคบทำให้เขานอนไม่สบายนัก เมื่อกลับไปนอนบนเตียงตัวเอง เยี่ยนเว่ยฉือก็เอาแต่กอดไม่ปล่อย แถมยังลูบคลำเนื้อตัว จะให้ข่มตานอนหลับได้อย่างไรหากเป็นชายอื่นคงไม่ทำเพียงนอนดูเฉย ๆ เป็นแน่แท้ซ่างกวนซีรู้สึกหนักใจกับวิสัยการนอนของเยี่ยนเว่ยฉือ และรู้สึกหนักใจกับความปรารถนาในใจของตนเองความปรารถนาที่ชั่วร้ายนั้นเกือบจะระเบิดออกมาคราแล้วคราเล่า เพื่อระงับความปรารถนาที่น่าละอายนั้น เขาจึงนอนไม่หลับอยู่ตลอดทั้งคืนซ่างกวนซีมองเยี่ยนเว่ยฉือ ก่อนกล่าวว่า “วันนี้ข้าจะไปที่กรมขุนนาง หากเจ้าจะออกไปข้างนอก ก็ให้พาอวี๋เฟยเหยียนไปด้วย และอย่าได้เชื่อใจซูเค่อมากเกินไป”เยี่ยนเว่ยฉือพยักหน้า “ฝ่าบาทวางใจได้ ข้าเข้าใจแล้ว”…… หลังจากซ่างกวนซีออกไป จางมามาก็มาหาเยี่ยนเว่ยฉือด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “พระชายา พระชายาเพคะ ไม่ดีแล้ว ชวนหงตายอีกคนแล้ว”ตายแล้ว?ไวขนาดนี้เชียว?ยังผ่านไปไม่ถึงหนึ่งวันด้วยซ้ำเยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจ ถามว่า “นางตายอย่างไร?”จางมามากล่าวด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย “นางพลัดตกบ่อบัวเพคะ คิดว่า..
“แม่ทัพผู้เก่งกล้าเช่นนี้ ไม่น่าแปลกใจที่ผู้คนจะริษยา แม้กระทั่งฮ่องเต้ก็ยังทรงหวาดระแวง” เยี่ยนเว่ยฉือถอนหายใจอย่างช่วยไม่ได้อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจ “น่าเสียดาย ครึ่งชีวิตท่านพ่ออยู่ในสนามรบ อีกครึ่งกลับต้องปล่อยให้ชีวิตผ่านไปเปล่า ๆ บัดนี้สิ่งที่ทำได้เหลือเพียงการปลูกดอกไม้ ตกปลา เลี้ยงแมว เล่นกับสุนัขเท่านั้น”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม “เช่นนั้นก็ดี ชีวิตหลังวัยเกษียณ มีผู้คนมากมายที่ปรารถนาแต่ก็ไม่ได้มาตั้งเท่าไหร่”“เกษียณนี่หมายความว่าอย่างไร?” อวี๋เฟยเหยียนถามด้วยความสงสัยเยี่ยนเว่ยฉืออธิบาย “คือการที่ขุนนางลาออกจากตำแหน่งอย่างไรเล่า”อวี๋เฟยเหยียนพยักหน้า “ข้าอยากรู้นักว่าเจ้าเรียนรู้คำศัพท์ใหม่ ๆ เหล่านี้มาจากที่ใดกัน”เยี่ยนเว่ยฉือประหลาดใจเล็กน้อย รู้สึกหวาดกลัว โชคดีที่อวี๋เฟยเหยียนไม่ใช่คนชอบถามซักไซ้มากความ หากเป็นซ่างกวนซีคงต้องซักไซ้เอาคำตอบจากนางเป็นแน่เมื่อคิดถึงตรงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจึงเปลี่ยนเรื่อง “โอ้ อย่าพูดเรื่องบิดาของท่านเลย เรามาพูดถึงองค์ชายรองซ่างกวนหลีกันเถิด”“พูดถึงเขา? เขามีอะไรควรค่าแก่การพูดถึงกัน?” อวี๋เฟยเหยียนไม่เข้าใจเยี่ยนเว่ยฉือลูบคาง ไตร่ตรองเ
บทสนทนาระหว่างทั้งสองนั้นสั้นและเรียบง่ายแต่นั่นก็ทำให้เยี่ยนเว่ยฉือรู้แจ้งในฉับพลันเป๊าะ!เยี่ยนเว่ยฉือดีดนิ้วแล้วพูดว่า “คิดออกแล้ว!”“คิดออกแล้ว? เจ้าคิดอะไรออกรึ?” อวี๋เฟยเหยียนถามอย่างตื่นเต้นเยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยีและพูดว่า “ข้าไม่บอกท่านหรอก! ฮิ ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนอยากรู้มาก จึงรีบอ้อนถาม “โอ้ อย่าเป็นเช่นนี้สิ เจ้าต้องบอกข้า เจ้าไม่บอกแล้วข้าจะรู้ได้อย่างไรว่ามันปลอดภัย? หากมันไม่ปลอดภัยแล้วข้าปล่อยให้เจ้าทำ ศิษย์พี่ใหญ่ก็จะมาหักขาข้าเอาน่ะสิ!”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าว “ข้าบอกท่านก็ได้ แต่ท่านต้องพาข้าไปพบคนผู้หนึ่งก่อน”“คน? ใครกัน?”เยี่ยนเว่ยฉือกล่าวต่อ “ก็เจ้ากรมขุนนาง หยางอวิ๋นเฟิงอย่างไรเล่า”……ณ กรมขุนนางข่าวการซ่างกวนซีมายังกรมขุนนางแพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วราวกับไฟป่าขุนนางบุ๋นบู๊ทั่วแคว้นต้าหลีสัมผัสได้ถึงกลิ่นอายของการเข้ายึดอำนาจกรมขุนนางแห่งนี้ควบคุมการเลื่อนขั้นและโยกย้ายขุนนางทั้งหมด และทำแหน่งเจ้ากรมขุนนางก็มีความสำคัญมากที่สุดในบรรดาหกกรมการที่ซ่างกวนซีทำให้เจ้ากรมขุนนางตกมาอยู่ใต้อาณัติได้รวดเร็วปานสายฟ้านั้น ทำให้ขุนนางทั้งหลายอดไม่ได้ที่จะคิดถึง
ซ่างกวนซีเหลือบมองนางอย่างจนใจ เขารู้ว่าจุดประสงค์ของเยี่ยนเว่ยฉือนั้นไม่ใช่การกินอาทานอาหารอย่างแน่นอนแต่นางฉลาดและรู้ว่าในสถานกาณ์นั้น ๆ ควรพูดอะไรซ่างกวนซียื่นมือออกไปจิ้มหว่างคิ้วของเยี่ยนเว่ยฉือ “เจ้านี่ตะกละนักนะ!”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้ม จากนั้นก็เอียงศีรษะมองไปที่หยางอวิ๋นเฟิง “ท่านคือใต้เท้าหยางสินะ พวกเรากำลังจะไปทานอาหารกันที่ร้านฉือหลี่เซียง ใต้เท้าอยากไปด้วยกันหรือไม่?”หยางอวิ๋นเฟิงไม่กล้าไป อย่างน้อยเขาก็คงไม่กล้าร่วมโต๊ะเดียวกันกับอวี๋เฟยเหยียน เพราะอาจทำให้เกิดเสียงวิพากษ์วิจารณ์ได้หยางอวิ๋นเฟิงยิ้มและพูดว่า “กระหม่อมมิกล้า กระหม่อมยังมีงานราชการที่ต้องจัดการ ฉะนั้นกระหม่อมขอไม่รบกวนเวลาทานอาหารของพวกท่านพ่ะย่ะค่ะ”เยี่ยนเว่ยฉือกะพริบตาแล้วพูดว่า “ใต้เท้าหยาง ท่านไม่ทานมื้อเที่ยงหรือ? เจ้าหน้าที่คนอื่น ๆ ในกรมขุนนางก็ไม่ทานอาหารด้วยอย่างนั้นรึ?”หยางอวิ๋นเฟิงอธิบายว่า “เจ้าหน้าที่ส่วนใหญ่สามารถกลับบ้านไปกินข้าวได้ แน่นอนว่าที่กรมก็มีโรงครัวเป็นของตัวเอง ในช่วงที่ยุ่งกับงานราชการ พวกเขาจึงทานอะไรนิดหน่อยจากที่นี่พ่ะย่ะค่ะ”“โอ้ ที่กรมนี้ก็มีพ่อบ้านด้วยหรือ?” เยี่ยน
เยี่ยนเว่ยฉือตอบว่า “องค์รัชทายาทโปรดวางใจ ข้าไม่ทำอะไรบุ่มบ่ามหรอก อย่างน้อยคราวนี้ข้าก็ไม่ไปปรากฏตัวแถว ๆ จวนของซ่างกวนหลีแล้ว”ซ่างกวนซีเห็นว่านางพยายามเก็บเป็นความลับ เขาจึงไม่ถามต่อเขาหยิบถ้วยชาขึ้นมาจิบและเริ่มคาดเดาแทน“กรมโยธาถือเป็นกรมที่มีความสำคัญต่อราชสำนัก เจ้าไม่สามารถแฝงตัวเข้าไปได้ แม้แต่ข้าก็เข้าไปแทรกแซงไม่ได้เช่นกัน ดังนั้นหากเจ้าคิดจะเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับการซ่อมแซมจวนของซ่างกวนหลี ก็จะสามารถลงมือได้จากภายนอกเท่านั้น”หลังจากที่ซ่างกวนซีพูดจบ เขาก็มองไปที่เยี่ยนเว่ยฉือ เมื่อเขาเห็นดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือเบิกกว้างเล็กน้อย เขาก็รู้ว่าการคาดเดาของตนนั้นถูกต้องซ่างกวนซีหัวเราะเบา ๆ “การที่เจ้าถามเกี่ยวกับบุคคลที่รับผิดชอบการจัดซื้อ ดูเหมือนว่าเจ้าวางแผนที่จะเริ่มลงมือจากวัสดุก่อสร้างเป็นอย่างแรกสินะ”แม้กรมโยธาจะมีช่างฝีมือภายในกรมเป็นจำนวนมาก แต่ก็เป็นไปไม่ได้ที่จะสะสมวัสดุก่อสร้างจำนวนมากเอาไว้ดังนั้นคราวนี้เพื่อซ่อมแซมที่ประทับขององค์ชายรอง กรมโยธาจะต้องออกไปซื้อวัสดุมาอย่างแน่นอนดวงตาของเยี่ยนเว่ยฉือเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิมเมื่อได้ยินเช่นนั้นอวี๋เฟยเหยียนที่อย
เมื่อเห็นหานอวี่เฟยและคณะเดินจากไปไกลแล้วฉินเซียงหรูก็รีบเดินไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ จับข้อมือของนางแล้วรีบเดินไปยังลานด้านหลังเมื่อผู้คนเห็นเช่นนั้น ก็อดไม่ได้ที่จะรู้สึกประหลาดใจ เพราะหมอฉินเป็นชายนอกจวน การกระทำเช่นนี้ดูเหมือนจะสนิทสนมกันมากเกินไปอวี๋เฟยเหยียนเห็นดังนั้นจึงพูดติดตลก “เอ้า ๆ พอ ๆ ทุกคนจะทำอะไรก็ทำไป เก็บกวาดตรงนี้ให้เรียบร้อย!”จากนั้นก็รีบตามฉินเซียงหรูและเยี่ยนเว่ยฉือไปเมื่อเขามาถึงลานของฉินเซียงหรู ก็เห็นฉินเซียงหรูเอามือของเยี่ยนเว่ยฉือจุ่มลงในถังน้ำข้างบ่อน้ำพอดีฉินเซียงหรูมองไปที่อวี๋เฟยเหยียน พูดอย่างร้อนรน “รัฐทายาทอวี๋ ไปเอาน้ำแข็งมา! เร็ว!”“หา? อะไรนะ?” อวี๋เฟยเหยียนงงเล็กน้อยฉินเซียงหรูพูดอย่างร้อนใจ “น้ำแข็ง น้ำแข็งไง! ในจวนองค์รัชทายาทไม่มีห้องเก็บน้ำแข็งหรือ!”อวี๋เฟยเหยียนได้สติ รีบพูดว่า “ไม่ ไม่ได้ จวนรัชทายาทในกาลก่อนถูกทิ้งร้าง ห้องเก็บน้ำแข็งก็ไม่มีน้ำแข็ง ข้าออกไปหาเอง!”อวี๋เฟยเหยียนกระโดดขึ้นไป รีบมุ่งหน้าไปยังหอหงซิ่วส่วนเยี่ยนเว่ยฉือก็รู้สึกเจ็บปวดและคันมาก เหงื่อผุดขึ้นมาบนหน้าผากนางอดไม่ได้ที่จะยกมือขึ้นเกา แต่ถูกฉินเซียงหรูจ
เมื่อพูดจบ เยี่ยนเว่ยฉือก็ดึงมือเยี่ยนชิงซู เดินเข้าไปในลานเรือนเยี่ยนชิงซูถูกเยี่ยนเว่ยฉีบบีบจนเจ็บปวด มองไปที่หานอวี่เฟยด้วยความกังวล“พี่หญิงอวี่เฟย พี่หญิงอวี่เฟย!”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วอย่างรำคาญ “ร้องอะไรกัน แค่ล้างมือเอง ใครก็ได้ เอาน้ำไปให้พวกนาง”คนของอ๋องจ่างซิ่นนำน้ำเถาเหลยกงมาให้ทั้งสองคนเยี่ยนเว่ยฉือกำมือเยี่ยนชิงซูแน่น ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “เยี่ยนชิงซู นึกว่าข้าแต่งออกจากจวนผิงอี้โหวแล้ว เรื่องของเราจะจบลงอย่างนั้นหรือ? ข้าแค่ไม่มีเวลาสนใจพวกเจ้าเท่านั้น เยี่ยนหานซานลดฮูหยินเป็นอนุ ท่านหญิงหมิงหยางแย่งชิงตำแหน่ง ล้วนเป็นเพราะเจ้าตั้งแต่เล็กจนโตที่ดูถูกเหยียดหยามข้า ยังกล้าหมายปองสามีของข้าอีก เรื่องพวกนี้ข้าจำไว้ทั้งหมด ข้าไม่ไปหาเจ้า เพราะข้าไม่มีเวลา แต่เจ้ากลับมาหาข้าเอง ดูเหมือนเจ้ารีบมาตายเสียแล้ว วันนี้ข้าจะสนองเจ้า!”“เจ้า...เจ้าหมายความว่าอย่างไร?” เยี่ยนชิงซูมองเยี่ยนเว่ยฉืออย่างกังวลเยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง ดึงมือนางลงไปในน้ำเถาเหลยกงด้วยกันหลังจากเสียงน้ำกระเซ็น ทุกคนก็มองไปที่มือของทั้งสองที่จับกันอย่างตื่นเต้นอวี๋เฟยเหยียนกังวลว่าเยี่ยนเว่ยฉือจะ
สายตาของเยี่ยนเว่ยฉือมองข้ามไหล่ของหานอวี่เฟยไปยังรถม้าที่อยู่หน้าประตูจวนรัชทายาท ยกยิ้มเย็นกล่าวว่า “ตกลงกันแล้วว่าคนของทั้งสองฝ่ายต้องลองทั้งหมด เหตุใดท่านหญิงอิ๋นตางยังซ่อนใครไว้ในรถม้าอีกคน?”หานอวี่เฟยขมวดคิ้วเล็กน้อย หันไปมองข้างหลัง แล้วพูดอย่างไม่พอใจว่า “นางไม่ใช่คนของอ๋องจ่างซิ่น”“แต่นางเป็นคนที่เจ้าพามาใช่หรือ?” เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือพูดจบ ก็เดินตรงไปยังรถม้าหานอวี่เฟยก็ไม่ได้ห้ามปราม คนเยอะถึงเพียงนี้ เยี่ยนเว่ยฉือจะหาเรื่องเยี่ยนชิงซูได้หรือ?เยี่ยนเว่ยฉือมาถึงข้างรถม้า กล่าวว่า “น้องรอง มาถึงหน้าประตูแล้ว ไม่ลงมาคารวะพี่สาวหน่อยหรือ?”เยี่ยนชิงซูเปิดม่านรถอย่างไม่เต็มใจ กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ข้ามาหาพี่หญิงอวี่เฟย ไม่ได้มาหาเจ้า”“จะมาหาข้าหรือไม่ ตอนที่เจ้าเจอข้าก็ควรจะทำความเคารพมิใช่หรือ? ข้าคือพระชายาองค์รัชทายาท! หรือเจ้าคิดจะล่วงเกินผู้สูงศักดิ์?”เยี่ยนเว่ยฉือเอามือสองข้างกอดอก มองเยี่ยนชิงซูอย่างหยิ่งผยอง ท่าทางราวกับหากอีกฝ่ายไม่ทำความเคารพ นางก็จะไม่ยอมแน่นอนว่าเยี่ยนชิงซูไม่อยากทำความเคารพ แต่คนมากมายมองอยู่ หากนางล่วงเกินผู้สูงศักดิ์โดยพลการ นี่ก็เท่ากั
เยี่ยนเว่ยฉือไม่พูดพร่ำทำเพลง สั่งโดยตรงว่า “พ่อบ้านจาง ไปเชิญหมอหลวงมา”พ่อบ้านจางรีบรับคำสั่งจากไปรอจนกระทั่งฉินเซียงหรูบดเถาเหลยกงจนเป็นผงเสร็จ หมอหลวงก็มาถึงพอดีฉินเซียงหรูส่งผงยาให้หมอหลวง หมอหลวงดูแล้วพยักหน้ากล่าวว่า “เป็นเถาเหลยกงจริง ๆ”หานอวี่เฟยหัวเราะเยาะ “นึกไม่ถึงว่าเจ้าจะมีจริง ๆ งั้นก็ได้ ลองตอนนี้เลยสิ”อวี๋เฟยเหยียนที่อยู่ข้าง ๆ พูดอย่างไม่พอใจว่า “ข้าว่านะท่านหญิงอิ๋นตาง เจ้าฟังคนไม่รู้เรื่องหรืออย่างไร? พี่สะใภ้ข้าพูดไปแล้วว่าพวกเราไม่เคยสัมผัสปิ่นหางหงส์ ถึงจะสัมผัสเถาเหลยก็ไม่มีปฏิกิริยาอะไร เจ้าบุกมาหาเรื่องก็เพื่อดูว่าพวกเรามีเถาเหลยกงหรือไม่ ตอนนี้ก็เห็นแล้ว ยังไม่ไปอีก?”“ใครบอกว่าข้ามาดูว่าพวกเจ้ามียาหรือไม่? ข้ามาดูพวกเจ้าทดสอบต่างหาก”หานอวี่เฟยยกยิ้มเย็น หันไปมองเยี่ยนเว่ยฉือ กล่าวต่อว่า “การใช้น้ำเถาเหลยกงทดสอบผู้คน จุดประสงค์ไม่ใช่แค่การประลอง แต่ที่สำคัญกว่าคือการหาโจรขุดสุสาน พวกเจ้าทดสอบกันเอง จะทำให้คนเชื่อได้อย่างไร? แน่นอนว่าต้องให้ข้าทดสอบพวกเจ้า แล้วพวกเจ้าค่อยทดสอบข้า! ใครก็ได้ ยกอ่างน้ำมา!”ด้านหลังมีคนยกอ่างน้ำที่ผสมผงเถาเหลยกงมาหา
“จะลองอะไรกัน? ถึงจะลอง พวกเราเป็นคนของจวนรัชทายาท ก็ต้องให้พระชายาองค์รัชทายาทบันทึกด้วยตนเอง ไม่ใช่บันทึกในชื่อของเจ้า!” เสียงของอวี๋เฟยเหยียนดังมาจากข้างหลังของเยี่ยนเว่ยฉือทุกคนหันไปตามเสียง ก็เห็นเขาพาฉินเซียงหรูเดินเข้ามาอย่างสง่าผ่าเผยหานอวี่เฟยขมวดคิ้วมองเขา พูดอย่างไม่พอใจว่า “รัฐทายาทอวี๋ ท่านนี่ชอบยุ่งเรื่องชาวบ้านจริง ๆ!”อวี๋เฟยเหยียนเท้าสะเอวมองหานอวี่เฟย กล่าวอย่างไม่พอใจว่า “ใช่ แล้วอย่างไร? ไม่ได้หรือ? เก่งจริงก็กัดข้าสิ!”“ท่าน! ท่านมันรนหาที่ตาย!” หานอวี่เฟยโกรธจนกัดฟัน แต่ก็รู้ว่าไม่อาจลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนได้ถึงแม้พ่อของทั้งสองจะเป็นอ๋องที่มีบรรดาศักดิ์สองอักษร ซึ่งมีศักดิ์ฐานะเท่าเทียมกันแต่อวี๋เฟยเหยียนเป็นถึงรัฐทายาท ในขณะที่นางเป็นเพียงแค่ท่านหญิงหากลงมือกับอวี๋เฟยเหยียนจริง ๆ ข้อหาล่วงเกินผู้สูงศักดิ์ก็คงหนีไม่พ้นหานอวี่เฟยแค่นเสียงเย็นชา กล่าวว่า “ดี ในเมื่อพวกเจ้าอยากลองเอง ก็ลองดูสิ ข้าจะคอยดูอยู่ตรงนี้ ดูซิว่าพวกเจ้าจะเอาอะไรมาลอง”ฉินเซียงหรูที่อยู่ข้าง ๆ ยิ้มเล็กน้อย ยื่นมือไปหยิบเถาเหลยกงที่ตากแห้งออกมาต้นหนึ่ง กล่าวว่า “พระชายารัชทายาทได้ส
“อ่า ไม่! ไม่ ๆ ๆ คำถามนี้ดี คำถามนี้ดีมาก!” อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก จากนั้นก็รีบยกย่องซ่างกวนซีทันที“แน่นอนว่าศิษย์พี่ใหญ่ต้องเป็นคนทำอยู่แล้ว ข้าและท่านหมอฉินจะมีความสามารถในการจดจำได้แม่นยำเช่นนั้นได้อย่างไร จำไม่ได้แล้วว่าเมื่อวานเจ้าทำอาหารอะไรบ้าง เฮ้อ ศิษย์พี่คนนี้ปากแข็งแต่ใจอ่อน หลังจากทำลายข้าวของเมื่อวาน ตอนกลางคืนกลับไปคงจะโทษตัวเองน่าดู วันนี้ถึงได้ทำเช่นนี้!”เยี่ยนเว่ยฉือเม้มปาก พูดอย่างไม่ใส่ใจว่า “อ้อ เช่นนั้นเมื่อวานเขา… ทำผิดจริง ๆ น่ะสิ! ฮึ่ม!”อวี๋เฟยเหยียนยิ้มตาหยี “เช่นนั้นวันนี้เขาก็ชดเชยแล้ว พี่สะใภ้ก็ยกโทษให้เขาเถอะ!”เยี่ยนเว่ยฉือทำปากยื่น “ข้าไม่ใช่คนใจแคบเช่นนั้นหรอก ข้าขึ้นชื่อเรื่องอารมณ์มั่นคง ใครกันจะเหมือนเขา เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้าย แต่เห็นแก่ที่ต้นตอของเรื่องมีเหตุผล ผู้ใหญ่อย่างข้าก็จะไม่ถือสาคนใจแคบแล้วกัน!”อวี๋เฟยเหยียนถอนหายใจโล่งอก “ดีแล้ว ดีแล้ว ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี!”“ไม่ง่ายดายเช่นนั้น อย่างน้อยพวกท่านก็ต้องบอกข้าว่าอดีตฮองเฮาทรงสิ้นพระชนม์อย่างไร วันนั้นเกิดอะไรขึ้นกันแน่?”เยี่ยนเว่ยฉืออยากจะทำความเข้าใจซ่างกวนซีให้มากขึ้น เพื่อที่ตั
เมื่อเยี่ยนเว่ยฉือมาถึงลานหน้า ก็พบว่าชายฉกรรจ์สามคนของจวนรัชทายาทกำลังล้อมวงอยู่หน้าโต๊ะซ่างกวนซีนั่งตัวตรง มองนางอย่างใจเย็นอวี๋เฟยเหยียนยิ้มแหย อย่างกระอักกระอ่วนฉินเซียงหรูลูบจมูก ยิ้มอย่างมีความหมาย‘นี่มันเกิดอะไรขึ้น?’เยี่ยนเว่ยฉือรู้สึกงงงวย“พระชายาที่ไหนตื่นสายป่านนี้ เจ้าไม่หิวหรือ?” คำพูดของซ่างกวนซีไม่ค่อยดีนัก แต่โทนเสียงกลับอ่อนโยนเขายื่นมือไปหาเยี่ยนเว่ยฉือ “มาทานอาหารเร็ว!”“โอ้!” เยี่ยนเว่ยฉือเดินไปนั่งข้าง ๆ ซ่างกวนซีภายใต้สายตาของคนทั้งสามทันทีที่นั่งลง นางก็พบว่าอาหารวันนี้ไม่ธรรมดานี่… อาหารหกอย่างกับน้ำแกงหนึ่งอย่าง ไม่ใช่อาหารเดียวกันกับที่นางทำเมื่อวานนี้หรอกหรือ?ยังมีขนมผิงวันเกิดรูปร่างแปลกประหลาด ที่ถูกทำขึ้นมาใหม่ได้อย่างสมบูรณ์แบบอีกหรือ?“นี่… นี่คือ?” เยี่ยนเว่ยฉือมองซ่างกวนซีอย่างสงสัยซ่างกวนซีขมวดคิ้ว “พวกเขาสองคนทำ บอกว่าเมื่อวานไม่ได้ทานอาหารเหล่านั้น รู้สึกเสียดาย วันนี้ก็เลยรบเร้าไคจือและซ่านเย่ทำขึ้นมาใหม่ เจ้าลองชิมดู หมูสามชั้นอบบ๊วย รสชาติถูกต้องหรือไม่?”เยี่ยนเว่ยฉือเบิกตากว้างด้วยความตกใจก่อนถามอย่างไม่เชื่อว่า “รัฐท
จนกระทั่งลมหายใจของเด็กสาวในอ้อมแขนสม่ำเสมอ นอนหลับสนิท ซ่างกวนซีถึงได้สติกลับคืนมาจากอาการประหม่าเมื่อครู่เขาอุ้มเยี่ยนเว่ยฉือในท่าเจ้าหญิง เดินตรงไปที่เตียงจากนั้นก็วางนางลงบนเตียงอย่างเบามือมองดูใบหน้าแดงปลั่งของนาง ซ่างกวนซีอดไม่ได้ที่จะโน้มตัวลง อยากจะลิ้มลองจูบเมื่อครู่ที่หยุดอยู่แค่ริมฝีปากอีกครั้งทว่าตอนที่ปลายจมูกของคนทั้งสองสัมผัสกัน ความขัดแย้งในใจของซ่างกวนซีก็เริ่มต้นขึ้นอีกครั้งเขาไม่สามารถใกล้ชิดกับเยี่ยนเว่ยฉือมากเกินไปได้ เพราะไม่สามารถให้คำมั่นสัญญาตลอดชีวิตกับนางได้เขาไม่กล้าที่จะร่วมเรียงเคียงหมอนกับเยี่ยนเว่ยฉือ ด้วยกลัวว่าพิษกู่เย็นบ้านี่จะส่งผลเสียต่อสุขภาพของเยี่ยนเว่ยฉือชีวิตของเขาเต็มไปด้วยโศกนาฏกรรม โซ่ตรวน ภาระ และความไม่แน่นอนเขาจะทนดึงหญิงสาวที่เขาชอบใจเข้าสู่วังวนเช่นนี้ได้อย่างไร?เขามั่นใจในความรักของตนเอง เพียงแต่ไม่มั่นใจในโชคชะตาของตนเองก็เท่านั้นซ่างกวนซีถอนหายใจ จุมพิตที่เต็มไปด้วยความรักประทับลงกลางหน้าผากของเยี่ยนเว่ยฉือใช่ บางทีอาจจะเป็นตอนที่นางจูบเขาเมื่อครู่ ทำให้เขายืนยันความรู้สึกของตนเองได้แล้วเขาชอบนางมาก แม้ว่านาง…
เมื่อเห็นว่าเยี่ยนเว่ยฉือกำลังจะหงายหลัง ซ่างกวนซีก็คว้าเอวของนางไว้โดยสัญชาตญาณ โอบนางไว้แน่นเยี่ยนเว่ยฉือนั่งลงได้มั่นคงอีกครั้ง จู่ ๆ ก็ยกยิ้ม “เป็นอย่างไร เอวข้าคอดดีใช่หรือไม่?”นี่… นี่มันคำถามอะไรกัน?ซ่างกวนซีรู้สึกว่าหายใจติดขัดเล็กน้อย เหตุใดหลังจากเมานางถึงเป็นเช่นนี้?เยี่ยนเว่ยฉือฮึดฮัดในลำคอ ทำปากยื่น บ่นต่อ “มีภรรยาเอวคอด ขาเรียว ผิวขาวสวยเช่นนี้ ท่านไม่ทะนุถนอมไม่พอ ยังดุข้าอีก ทำตัวเช่นนี้สมควรเป็นลูกผู้ชายหรือ? ช่าง…ช่าง…”ซ่างกวนซีพูดต่อโดยไม่รู้ตัว “ทำลายของดี!”“ใช่! คำนี้แหละ! ซ่างกวนซี ข้าจะบอกท่านไว้ สุภาพบุรุษไม่ควรทำตัวเช่นท่าน ลูกผู้ชายอกสามศอก สิ่งแรกคือ ไม่ควรโกรธง่าย นี่แสดงว่าท่านใจแคบ สอง ไม่ควรพูดพล่อย นี่แสดงว่าท่านไม่รู้จักคิด สาม ข้อสามสำคัญที่สุด…”ยังไม่ทันที่เยี่ยนเว่ยฉือจะพูดจบ ซ่างกวนซีก็ถามด้วยความอยากรู้ “สามคืออะไร?”เยี่ยนเว่ยฉือยิ้มตาหยี “สาม คือไม่ควรแสดงความกำหนัดโดยไม่เลือกที่เลือกทาง นี่แสดงว่าท่านไม่มี… ทักษะชีวิตคู่”พรวด!หากตอนนี้ซ่างกวนซีมีน้ำอยู่ในปาก คงจะพ่นใส่หน้าเยี่ยนเว่ยฉือไปแล้วยายเด็กแก่แดด กล้าพูดอะไรเช่นนี้ออ