วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์
พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น
"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆ
ธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"
พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อย
ทันใดนั้น…
"พิมพ์ดาว!!"
เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันที
ร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง
"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว
"แกต้องตาย!!"
พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
เสียงล้อเครื่องบินแตะพื้นรันเวย์อย่างนุ่มนวล ปลุกธีรภัทรให้ตื่นจากภวังค์ของความคิด ชายหนุ่มในชุดสูทสีดำสุดเนี้ยบ นั่งอยู่ชั้นเฟิร์สคลาส ดวงตาคมกริบจับจ้องออกไปนอกหน้าต่าง ภาพของเมืองกรุงเทพฯ ที่เขาจากไปหลายปีปรากฏขึ้นอีกครั้ง“ยินดีต้อนรับกลับประเทศไทยครับ คุณธีรภัทร”เสียงพนักงานต้อนรับเอื้อนเอ่ยอย่างสุภาพ ขณะที่เขาค่อย ๆ ลุกขึ้น จัดเสื้อสูทให้เรียบร้อยก่อนจะก้าวลงจากเครื่องบิน“ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะนายธีร์ ” เขาพึมพำกับตัวเอง แสยะยิ้มบางๆ ที่ซ่อนความหมายบางอย่างธีรภัทร อัครเดชากุล หรือ ธีร์ เจ้าของบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ระดับแนวหน้าของประเทศ เขาคือลูกชายคนโตของท่านอรรถพล อัครวรเดช อดีตเจ้าของ อัครวรเดชกรุ๊ป กลุ่มธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์ที่เคยรุ่งเรือง กับ คุณหญิงมณีรัตน์ อัครวรเดช ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆ สูงโปร่ง สมาร์ท และเต็มไปด้วยบารมี เส้นผมสีดำสนิทถูกจัดทรงอย่างเรียบร้อย ใบหน้าคมเข้มเต็มไปด้วยเสน่ห์แฝงอำนาจ ดวงตาสีนิลนั้นแสนเย็นชา สายตาไม่บ่งบอกอะไรเมื่อมองไปยังผู้คน ทำให้เกิดความน่าเกรงขามอย่างบอกไม่ถู
พิมพ์ดาวจ้องมองชายหนุ่มตรงหน้า ราวกับว่าเธอได้ยินอะไรผิดไป“คุณพูดว่าอะไรนะคะ?” เธอถามกลับด้วยน้ำเสียงตกตะลึงธีรภัทรยกยิ้มมุมปาก รอยยิ้มของเขาเต็มไปด้วยความมั่นใจและเจ้าเล่ห์“คุณได้ยินไม่ผิดหรอกครับ ผมเสนอที่จะช่วยเหลือครอบครัวของคุณ แลกกับการที่คุณต้องแต่งงานกับผมเป็นเวลา 1 ปี”“มันไร้สาระ!” พิมพ์ดาวโพล่งขึ้น น้ำเสียงเธอสั่นเครือด้วยความโกรธ “ฉันไม่มีวันแต่งงานกับคุณ!”“ใจเย็นก่อนลูก” เจ้าสัวพิชิตแตะมือเธอเบา ๆ เพื่อให้เธอสงบลง เขาหันไปมองธีรภัทรด้วยสายตาครุ่นคิด“คุณธีรภัทร นี่เป็นข้อเสนอที่ค่อนข้าง…สุดโต่งไปหน่อย”“สุดโต่ง?” ธีรภัทรหัวเราะเบา ๆ ก่อนจะเอนตัวไปด้านหน้า วางข้อศอกลงบนโต๊ะ “เจ้าสัวครับ ผมคิดว่าคุณเองก็คงรู้ดี ว่าตอนนี้คุณไม่มีทางเลือกมากนัก”พิมพ์ดาวกัดริมฝีปากแน่น เธออยากเถียงแต่ก็รู้ว่าคำพูดของธีรภัทรไม่ผิดนัก ครอบครัวของเธอกำลังจะล้มละลาย หนี้สินพอกพูน และถ้าไม่มีใครช่วยเหลือ พ่อของเธออาจถูกฟ้องล้มละลาย และ
แสงไฟจากโคมระย้าที่ประดับอยู่กลางห้องบอลรูมหรูหราของโรงแรมระดับห้าดาวส่องประกายระยิบระยับ เสียงพูดคุยหัวเราะของแขกเหรื่อที่มาร่วมงานแต่งดังก้องไปทั่ว แต่บรรยากาศในใจของพิมพ์ดาวกลับว่างเปล่าชุดเจ้าสาวสีขาวบริสุทธิ์ที่เธอสวมใส่เป็นผลงานจากดีไซเนอร์ชื่อดัง ถูกตัดเย็บอย่างประณีตเพื่อให้เหมาะกับรูปร่างของเธอที่สุด ผ้าลูกไม้เนื้อละเอียดโอบรัดช่วงไหล่ และกระโปรงยาวพริ้วไหวดั่งเจ้าหญิงในเทพนิยาย ทุกอย่างสมบูรณ์แบบ แต่หัวใจของเธอกลับไม่รู้สึกถึงความงดงามใด ๆ เลยเจ้าสัวพิชิต และคุณหญิงจินดา วรากร ยืนยิ้มรับแขกพร้อมคู่บ่าวสาวอยู่ที่หน้างาน“ทำไมไม่เห็นครอบครัวฝ่ายชายเลยหล่ะ” คุณหญิงพยายามมองหาแต่ก็ไม่พบ จนตอนนี้จะเริ่มงานแล้ว เจ้าบ่าวก็ยังไม่ได้พาแขกผู้ใหญ่มาแนะนำสักคน“เคยได้ยินว่าเขาเติบโตอยู่ต่างประเทศ” เจ้าสัวตอบกลับภรรยา เขาก็รู้สึกไม่ดีที่ครอบครัวฝ่ายชายไม่มาร่วมงาน เหมือนไม่ให้เกียรติกันยังไงยังงั้น“ต่อให้เติบโตอยู่ต่างประเทศ แต่นี้คืองานแต่งลูกชายนะ จะไม่มาร่วมงานกันเลยเหรอ เหลวไหลจริง ๆ” คุณหญิงยังไม่วายบ่นออกมา
พิมพ์ดาวก้าวเข้าไปในห้องหอที่ถูกจัดเตรียมไว้อย่างหรูหรา ภายในห้องชุดขนาดใหญ่ของโรงแรมห้าดาว ทุกอย่างถูกตกแต่งอย่างวิจิตรบรรจง เตียงนอนขนาดคิงไซส์ปูด้วยผ้าปูเตียงสีขาวสะอาดตา กลีบกุหลาบสีแดงกระจัดกระจายไปทั่วพื้นผ้า ดวงไฟสีเหลืองนวลส่องแสงให้บรรยากาศโรแมนติกสมกับค่ำคืนแห่งการเริ่มต้นชีวิตคู่แต่สำหรับเธอ ทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนี้กลับดู แห้งแล้งปราศจากชีวิตชีวา และไร้ความหมายเสียงปิดประตูดัง "ปัง!" ดึงสติของพิมพ์ดาวให้กลับมาอีกครั้ง เธอหันไปมองชายหนุ่มที่ก้าวเข้ามาหลังเธอ ธีรภัทรถอดสูทออกอย่างไม่ใยดี ก่อนจะโยนมันลงบนโซฟาตัวหรูแล้วเดินตรงไปยังมินิบาร์ เทไวน์รินใส่แก้วอย่างใจเย็น ก่อนจะจิบมันราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้นเขาไม่แม้แต่จะปรายตามองเธอด้วยซ้ำพิมพ์ดาวยืนนิ่งอยู่กลางห้อง ความรู้สึกหลากหลายถาโถมเข้ามา—ความโกรธ ความอับอาย ความเจ็บปวด และความสิ้นหวัง เธอพยายามข่มมันเอาไว้ กำมือแน่นจนเล็บจิกเข้าไปในเนื้อของตัวเอง“คุณจะให้ฉันยืนอยู่ตรงนี้ทั้งคืนเลยหรือไง” เธอเอ่ยขึ้นในที่สุด พยายามรักษาน้ำเสียงให้มั่นคงธีรภัทรถอนหายใจเบา ๆ ก่
พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ก่อนจะพูดเสียงสั่นว่า "ฉัน… ฉันพร้อมแล้ว ที่จะให้โอกาสคุณอีกครั้ง"ธีรภัทรเบิกตากว้าง ก่อนที่รอยยิ้มจะปรากฏบนใบหน้า เขายกมือขึ้นกุมมือของพิมพ์ดาวแน่น ก่อนจะดึงเธอเข้ามากอด"ขอบคุณนะพิมพ์ดาว… ขอบคุณที่ยอมให้โอกาสผม…"ปริญมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาพึงพอใจ เขายิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืน"ผมยินดีกับพวกคุณทั้งสองคนจริง ๆ" ปริญพูดขึ้น ก่อนจะเดินไปหาธีรภัทรธีรภัทรลุกขึ้นยืนหันไปมองปริญ ปริญยิ้มบาง ๆ ก่อนจะพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า"ฉันกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ แต่ขอให้รู้ไว้ ถ้านายทำให้พิมพ์ดาวเสียใจแม้แต่นิดเดียว… ฉันจะกลับมา และพาพิมพ์ดาวกับลูกหนีไปจากนายทันที"ธีรภัทรมองสบตาปริญด้วยสายตาจริงจัง ก่อนจะพยักหน้าตอบ"ฉันสัญญา… ฉันจะไม่มีวันทำให้พิมพ์ดาวเสียใจอีก"ปริญยิ้มอย่างพอใจ ก่อนจะตบไหล่ธีรภัทรเบา ๆทันใดนั้น…"แด๊ดดี้! แม่!"เสียงเล็ก ๆ ดังขึ้นก่อนที่พัตเตอร์จะวิ่งเข้ามาในห้องรับแขก เด็กน้อยวิ่งตรงมาหาธีรภัทรกับพิมพ์ดาว ก่อนจะกระโดดกอดพวกเข
ปริญยืนมองหลังของธีรภัทรที่เดินจากไปจนลับสายตา เขาถอนหายใจยาว ก่อนจะหยิบเครื่องอัดเสียงขนาดเล็กออกมาจากกระเป๋าเสื้อ คลื่นความรู้สึกบางอย่างกระเพื่อมอยู่ในอก เขารู้ดีว่าธีรภัทรรักพิมพ์ดาวมากแค่ไหน คำพูดเหล่านั้นไม่ได้เสแสร้ง ไม่ได้เป็นเพียงคำพูดเพื่อเอาใจ แต่เป็นคำพูดที่มาจากหัวใจอย่างแท้จริงปริญก้มมองเครื่องอัดเสียงในมือ ก่อนจะกำมันไว้แน่น และตัดสินใจเดินตรงไปที่รถของตัวเอง เขาสตาร์ทรถและมุ่งหน้ากลับไปที่บ้านของพิมพ์ดาวทันทีบรรยากาศในบ้านของพิมพ์ดาวเงียบสงบ มีเพียงเสียงของลมที่พัดผ่านหน้าต่าง ปริญนั่งอยู่ตรงกลางห้องนั่งเล่น โดยมีพิมพ์ดาว พ่อ แม่ และน้องชายของเธอนั่งอยู่ล้อมรอบ บรรยากาศเต็มไปด้วยความเคร่งเครียด"ปริญ... มีอะไรเหรอ?" พิมพ์ดาวถาม น้ำเสียงของเธอแผ่วเบาและเต็มไปด้วยความสงสัยปริญสบตากับเธอ ก่อนจะยกเครื่องอัดเสียงขึ้นมา"ฉันอยากให้พวกเธอได้ยินสิ่งนี้" เขาพูดช้า ๆ ก่อนจะเปิดเครื่องอัดเสียงทันทีที่เสียงของธีรภัทรดังขึ้น ความเงียบก็ปกคลุมทั่วห้อง"ผมรักเธอตั้งแต่แรกเห็น..."ดวงตาของพิมพ์ดาวเบิกกว้าง หัวใจเธอเต้นแรงเม
เสียงเครื่องบินที่กำลังลดระดับลงล้อแตะกับรันเวย์ของสนามบินสุวรรณภูมิ ทำให้พิมพ์ดาวที่กำลังยืนรออยู่หน้าเกทขาเข้าหัวใจเต้นแรงอย่างไม่รู้ตัว ดวงตาคู่งามจับจ้องไปยังประตูที่กำลังเปิดออก ผู้โดยสารทยอยเดินออกมาเรื่อย ๆ จนกระทั่งเธอเห็นใบหน้าที่คุ้นเคยของพ่อ แม่ และน้องชายที่เดินมาพร้อมกับกระเป๋าเดินทางใบโต พิมพ์ดาวรีบสาวเท้าเข้าไปหา ก่อนจะโผเข้าสวมกอดมารดาแน่น ร่างบางสั่นไหวเล็กน้อยอย่างตื้นตัน“คุณแม่... คุณพ่อ...” พิมพ์ดาวน้ำตาคลอเบ้า“แม่คิดถึงลูกเหลือเกิน” น้ำเสียงอบอุ่นของมารดาทำให้พิมพ์ดาวกอดท่านแน่นขึ้น ก่อนจะหันไปกอดบิดา และสุดท้ายคือ ภัทร น้องชายที่ยืนกอดอก มองพี่สาวด้วยสีหน้ากึ่งดีใจ กึ่งเคืองขุ่น“กลับมาอยู่ด้วยกันแล้วนะคะ” พิมพ์ดาวยิ้มทั้งน้ำตา ขณะที่คุณหญิงจินดาและเจ้าสัวพิชิตพยักหน้า แม้รอยยิ้มบนใบหน้าของท่านทั้งสองจะดูขมขื่นเล็กน้อยก็ตาม“กลับมาก็ดีแล้วล่ะ จะได้ดูแลพิมพ์ดาวกับหลานให้ดี ๆ เสียที” เจ้าสัวพิชิตกล่าวด้วยน้ำเสียงเรียบขรึม แววตาเย็นชานั้นทำให้พิมพ์ดาวรู้ดีว่าเขายังไม่ให้อภัยธีรภัทร
แสงแดดอ่อน ๆ ยามเช้าสาดส่องลอดผ่านม่านสีขาวภายในห้องพักฟื้นของโรงพยาบาล เสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ ทำให้บรรยากาศภายในห้องดูสงบอย่างน่าประหลาด พิมพ์ดาวนั่งเฝ้าธีรภัทรอยู่ข้างเตียง ดวงตากลมโตของเธอจ้องมองไปที่ใบหน้าหล่อเหลาซีดเซียวของชายหนุ่มที่ยังคงหลับสนิทเธอวางมือลงเบา ๆ บนหลังมือของเขา แม้ไม่อยากยอมรับ แต่หัวใจเธอกลับเต้นแรงทุกครั้งที่ได้สัมผัสเขาแบบนี้"อืม..."เสียงครางเบา ๆ ดังขึ้นจากริมฝีปากของธีรภัทร ก่อนที่เปลือกตาของเขาจะขยับเล็กน้อย แล้วค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ดวงตาสีน้ำตาลเข้มของเขากวาดมองไปทั่วห้อง ก่อนจะหยุดที่ใบหน้าของพิมพ์ดาว"พิมพ์..." เสียงของเขาแหบพร่าและอ่อนแรง แต่แฝงไว้ด้วยความดีใจอย่างชัดเจน "เธอกับลูก... ปลอดภัยใช่มั้ย?"พิมพ์ดาวเม้มริมฝีปากแน่น รู้สึกเหมือนก้อนอะไรบางอย่างจุกอยู่ที่ลำคอ ความเป็นห่วงเป็นใยของเขาที่มีต่อเธอและพัตเตอร์ ทำให้หัวใจของเธอสั่นไหว น้ำตารื้นขึ้นมาที่ขอบตาโดยไม่รู้ตัว"พวกเราปลอดภัย..." เธอตอบเสียงเบา ก่อนจะก้มลงไปใกล้เขา "คุณน่ะสิ เป็นยังไงบ้าง?"ธีรภัทรยิ้มบาง ๆ แม้ใบหน
วันต่อมา – หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์พิมพ์ดาวยืนอยู่หน้าโรงเรียนของพัตเตอร์ในช่วงเย็น ขณะที่ธีรภัทรยืนอยู่ข้าง ๆ เขาใส่สูทสีเข้ม ดวงตาคมกริบของเขากวาดมองไปรอบ ๆ อย่างระมัดระวัง ขณะที่พัตเตอร์กำลังเล่นกับเพื่อน ๆ อยู่ที่สนามเด็กเล่น"ขอบคุณนะคะ ที่มารับพัตเตอร์ด้วยกันทุกวัน" พิมพ์ดาวพูดเบา ๆธีรภัทรหันไปมองเธอ รอยยิ้มบางปรากฏบนริมฝีปาก "ไม่เป็นไรครับ ผมอยากมาอยู่กับพวกคุณ"พิมพ์ดาวหลุบตาลง เธอรู้สึกว่าธีรภัทรกำลังพยายามอย่างหนักที่จะทำให้เธอเปิดใจ แต่เธอยังไม่กล้าที่จะเชื่อใจเขาเต็มร้อยทันใดนั้น…"พิมพ์ดาว!!"เสียงแหลมสูงที่เต็มไปด้วยความเคียดแค้นดังขึ้น ทำให้พิมพ์ดาวและธีรภัทรหันไปมองทันทีร่างของกานต์รวีในชุดเดรสสีดำแนบเนื้อพุ่งตรงเข้ามาด้วยดวงตาวาวโรจน์ ในมือของเธอมีมีดคมกริบเล่มหนึ่ง"กานต์รวี!" ธีรภัทรร้องเสียงดัง ขณะที่กานต์รวีพุ่งเข้าหาพิมพ์ดาวด้วยความเร็ว"แกต้องตาย!!"พิมพ์ดาวเบิกตากว้างด้วยความตกใจ ขาทั้งสองข้างของเธอเหมือนถูกตรึงไว้กับพื้น เธอได้แต่มองปลายมีดที่กำลังพุ่งเข้าหาอย่างตกตะ
แสงแดดยามเช้าสาดกระทบผ่านม่านสีขาวในห้องนอนของคอนโดฯ หรูใจกลางเมือง พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลืมตาขึ้นช้า ๆ ขณะที่เสียงนกร้องแว่วดังมาจากนอกหน้าต่าง ร่างบางขยับกายเบา ๆ ก่อนจะได้ยินเสียงเคาะประตูห้องเบา ๆ ตามมาด้วยเสียงของพัตเตอร์ที่ตะโกนเรียกเธอ"มามี๊~ ตื่นได้แล้วครับ!"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ ก่อนจะลุกขึ้นนั่ง มือเรียวเสยผมยาวสลวยของตัวเองเบา ๆ ก่อนจะตอบกลับไป"มามี๊ตื่นแล้วครับลูก เดี๋ยวมามี๊จะออกไปเดี๋ยวนี้"พิมพ์ดาวค่อย ๆ ลุกจากเตียง เดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบกับพัตเตอร์ที่ยืนยิ้มแฉ่งอยู่หน้าห้อง ในชุดนักเรียนที่ถูกแต่งตัวเรียบร้อยแล้ว มือเล็ก ๆ ถือกล่องนมไว้ในมือ ก่อนที่เขาจะเดินเข้ามากอดขาเธอแน่น"พัตเตอร์ตื่นเช้าจังเลยค่ะ" พิมพ์ดาวลูบศีรษะลูกชายเบา ๆ ก่อนจะก้มลงจูบหน้าผากของเขา"พัตเตอร์ไม่ได้ตื่นเองนะครับ" เด็กชายเงยหน้ามองเธอ ดวงตากลมโตใสซื่อเต็มไปด้วยความไร้เดียงสา"แด๊ดดี้โทรปลุกพัตเตอร์เองต่างหาก!"พิมพ์ดาวชะงัก หัวใจเต้นกระตุกเมื่อได้ยินคำว่า 'แด๊ดดี้'"คุณธีรภัทรจะมาเหรอคะ?" เธอถามด้วยความสงสัยพัตเตอร์พยักหน้าแรง
หลังจากเหตุการณ์เปิดโปงอนุชิตในคืนนั้น ทุกอย่างดูเหมือนจะคลี่คลายไปในทิศทางที่ดี แต่ในใจของพิมพ์ดาวกลับไม่ได้รู้สึกโล่งใจอย่างสมบูรณ์ ร่องรอยบาดแผลในอดีตยังคงทิ้งรอยแผลลึกไว้ในใจของเธอ…พิมพ์ดาวนั่งอยู่ตรงริมหน้าต่างของคอนโดหรูในกรุงเทพฯ สายลมเย็นในยามค่ำคืนพัดผ่านเข้ามาเบา ๆ เสียงเรียกเข้าสายดังขึ้น พิมพ์ดาวสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะกดรับสาย"พ่อคะ..." น้ำเสียงของพิมพ์ดาวแผ่วเบาแต่มั่นคง"ดาวลูก…" เสียงของเจ้าสัวพิชิตปลายสายเต็มไปด้วยความกังวล"ทุกอย่างจบลงแล้วค่ะพ่อ อนุชิตได้รับผลกรรมของเขาแล้ว พ่อพ้นมลทินแล้วนะคะ"เจ้าสัวพิชิตนิ่งไปชั่วขณะก่อนจะถอนหายใจยาวอย่างโล่งอก เสียงถอนหายใจของพ่อทำให้พิมพ์ดาวรู้สึกถึงน้ำหนักที่ผ่อนคลายลงในใจ"ดีแล้ว… พ่อภูมิใจในตัวลูกมาก พ่อจะกลับไปปรึกษาแม่กับน้องชาย แล้วพวกเราจะกลับไปอยู่ที่ประเทศไทยด้วยกัน"พิมพ์ดาวยิ้มบาง ๆ แม้จะมีน้ำตาคลอเบ้า ดวงตาเธอทอแสงแห่งความหวัง แต่มันก็ยังไม่อาจลบเลือนบาดแผลในใจได้ง่าย ๆในขณะที่พิมพ์ดาวกำลังเตรียมตัวเพื่อพาครอบครัวกลับมาที่
เสียงในห้องจัดเลี้ยงเงียบสนิทไปชั่วขณะหลังจากคำประกาศของธีรภัทรดังก้องไปทั่วทั้งงาน น้ำเสียงของเขามั่นคง หนักแน่น และเต็มไปด้วยความจริงใจ“ฉันรักพิมพ์ดาว และจะไม่มีวันยอมรับใครเป็นภรรยา นอกจากเธอเท่านั้น”ทุกสายตาหันมาที่พิมพ์ดาว ซึ่งยืนนิ่งเหมือนถูกแช่แข็งอยู่กับที่ ดวงตากลมโตเบิกกว้าง ขณะที่ริมฝีปากเม้มแน่น ราวกับยังประมวลผลไม่ทันกับสิ่งที่เพิ่งได้ยินกานต์รวีหน้าถอดสี น้ำตารื้นขึ้นในดวงตาอย่างห้ามไม่อยู่ ขาทั้งสองข้างแทบจะไร้เรี่ยวแรง เธอยกมือขึ้นปิดปากตัวเอง พลางส่ายหน้าอย่างไม่อยากเชื่อในสิ่งที่ได้ยิน“ไม่นะ... ธีร์ต้องล้อฉันเล่นใช่ไหม?” น้ำเสียงของกานต์รวีสั่นไหว ร่างของเธอสั่นสะท้าน ขณะเดินตรงไปหาธีรภัทรด้วยสีหน้าตื่นตระหนก“ทำไมธีร์ถึงพูดแบบนี้? ธีร์รักฉันมาตลอดไม่ใช่เหรอ?”ธีรภัทรหันมามองกานต์รวี ดวงตาคมกริบของเขาเย็นชาและว่างเปล่า ราวกับปราศจากความรู้สึกใด ๆ“ฉันไม่เคยรักเธอ” เขาพูดชัดถ้อยชัดคำ น้ำเสียงเย็นเยียบจนทำให้หัวใจของกานต์รวีแทบแตกสลาย“ไม่จริง!” กาน
เสียงเพลงคลาสสิกบรรเลงคลอเบา ๆ ภายในงานเลี้ยงหรูหราที่จัดขึ้นในห้องโถงใหญ่ของโรงแรมระดับห้าดาว แขกผู้มีเกียรติในชุดราตรีและสูทเรียบหรูต่างพูดคุยกันอย่างสนุกสนาน ท่ามกลางบรรยากาศหรูหรานั้น ธีรภัทรยืนสง่างามในชุดสูทสีดำสนิท เขาถือแก้วไวน์แดงในมือ สายตาของเขามองตรงไปยังพิมพ์ดาวที่กำลังยืนอยู่มุมห้อง ข้าง ๆ เธอมีปริญคอยประกบอยู่ไม่ห่าง ทำให้สีหน้าของธีรภัทรดูเคร่งขรึมยิ่งขึ้นกานต์รวียืนเคียงข้างธีรภัทร เธอสวมชุดราตรีสีแดงสดที่เน้นทรวดทรงอย่างลงตัว ใบหน้าสวยหวานประดับด้วยรอยยิ้มอ่อนหวาน ทว่าในแววตามีประกายแห่งความมุ่งมั่นซ่อนอยู่"ธีร์คะ..." กานต์รวีเอ่ยเสียงหวานพร้อมเอื้อมมือไปแตะต้นแขนของธีรภัทรเบา ๆ"วันนี้คุณหล่อมากเลยนะคะ"ธีรภัทรปรายตามองเธอเล็กน้อย ก่อนจะดึงแขนออกจากมือของกานต์รวีอย่างแผ่วเบา"ขอบคุณ" น้ำเสียงของเขาราบเรียบ ทว่าสายตาของเขายังคงจับจ้องอยู่ที่พิมพ์ดาวไม่วางตากานต์รวีเม้มปากแน่น หัวใจเธอเต้นแรงอย่างไม่สบายใจ เธอรู้ว่าธีรภัทรยอมให้เธออยู่ใกล้ ๆ แต่ไม่เคยแสดงความสนใจในตัวเธอจริง ๆ เลย มันเหมือนกับว่าเขากำลังรออะไรบางอย่าง หรื