แชร์

Chapter 45.  ไม่คาดคิด

ผู้เขียน: เพลงมีนา
last update ปรับปรุงล่าสุด: 2025-01-21 23:21:43

          “เกิดอะไรขึ้น” ปี้เอ๋อร์พึมพำอย่างตื่นตระหนกไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องเช่นนี้ เหตุใดผู้คนจึงดูบ้าคลั่งกันขึ้นมา

          “ฝน! พวกเราต้องการฝน!”

          “นังคนหลอกลวง!”

          “พวกเราต้องการฝน!”

          “นังคนหลอกลวง!”

          ซ่งเหว่ยหนานเองก็รู้สึกได้ว่าชาวเมืองเปลี่ยนไป แต่กระนั้นซิ่นฮวาก็ยังไม่หยุดบรรเลงกู่เจิง เขาจำได้ว่าเมื่อครั้งที่ไปตุนหวง นางเล่นกู่เจิงไปเพียงครึ่งก้านธูปฟ้าก็หลั่งฝนลงมาแล้ว เหตุใดนานถึงเพียงนี้ยังไม่มีฝนตกลงมาแม้แต่หยดเดียว

          “ฝน! พวกเราต้องการฝน!”

          “นังคนหลอกลวง!”

          “พวกเราต้องการฝน!”

          “นังคนหลอกลวง!”

          ผู้คนตะโกนด้วยถ้อยคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา ทันใดนั้นหินก้อนหนึ่งก็ถูกปาขึ้นไปบนปะรำพิธี! และตามด้วยสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ใกล้มือ ชาวบ้านต่างปาก้อนหิน ดิน หรือแม้แต่รองเท้าขาดๆ ใส่ซิ่นฮวาที่ยังไม่ยอมหลุดบรรเลงกู่เจิง

          “กันอี๋!” ปี้เอ๋อร์ร้องสั่ง เห็นท่าไม่ดีแล้วต้องรีบพาท่านหญิงลงมา นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร องครักษ์หนุ่มกำลังจะกระโจนขึ้นไป ทว่าเขายังช้ากว่าบุรุษอีกคนที่กระโจนขึ้นไปก่อนแล้ว ทำให้กันอี๋ได้แต่ชะงักงันอยู่เช่นนั้น

          แม้เขาจะใช้วิชาตัวเบากระโดดตัวลอยราวกับเหาะเหินมาถึงตัวซิ่นฮวาพร้อมทั้งยื่นมือออกไปแต่ก็ยังช้าเกินไป หินก้อนหนึ่งลอยมากระทบศีรษะของหญิงสาว ทำให้นางชะงักมือแล้วผงะไปด้านหลัง ซ่งเหว่ยหนานคว้าร่างของนางไว้ในอ้อมอกใช้ร่างของตนปกป้องหญิงสาว

          “ซิ่นฮวา”

          เขาเรียกนางแต่ไร้เสียงขานรับ เมื่อก้มมองจึงเห็นสีหน้าตื่นตระหนก มือเรียวสั่นระริกจับที่ลำคอของตนเอง

          “เจ้าเป็นอะไรซิ่นฮวา”

          หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองเขา รู้สึกเจ็บศีรษะและเหมือนมีบางสิ่งไหลออกมาเปื้อนเปรอะใบหน้า นางยกมือขึ้นแตะ มันไม่ใช่ฝนที่นางเฝ้ารอแต่เป็นเลือดของนางที่หลั่งออกมาเพราะหินก้อนเมื่อครู่

          “บัดซบ!” ซ่งเหว่ยหนานสบถ ไม่คิดว่าจะเกิดเรื่องเช่นนี้ขึ้น เขาเคยสัญญากับนางแล้ว เขาเป็นคนให้สัญญากับนางเอง ไม่ว่าจะมีฝนตกหรือไม่ย่อมไม่ใช่ความผิดของนาง แต่เขาไม่คิดว่าชาวเมืองจะทำเช่นนี้ เขาช้อนตัวนางอุ้มขึ้นแนบอก แม้จะโกรธอย่างไรก็มิอาจสั่งลงโทษชาวเมืองที่อดยากและหิวโหยเหล่านั้นได้

          “กอดข้าไว้ ข้าจะอุ้มเจ้าหลบคนเหล่านี้ไปก่อน”

          ซ่งเหว่ยหนานอุ้มร่างที่สั่นระริกแล้วกระโจนแผ่วฝ่าความบ้าคลั่งของผู้คนไปที่รถม้าที่จอดอยู่ไม่ไกลนัก เป็นรถม้าที่พาซิ่นฮวาออกมาจากตำหนัก เขาเป็นห่วงน้องสาวตัวน้อยแต่เห็นซิ่นฮวาบาดเจ็บจนหลั่งเลือดเช่นนี้เขาก็ไม่อาจทิ้งนางไปได้

          “เจ้ารออยู่นี่ ข้าจะไปรับซีเหมยก่อน และจะให้คนของเจ้าติดตามมา” เขาไม่ไว้ใจให้ผู้อื่นดูแลซ่งซีเหมย เขาไม่ได้ยินเสียงตอบรับใดเข้าใจไปว่านางคงตื่นตระหนกตกใจอยู่ จึงได้แต่หยิบผ้าเช็ดหน้ามากดบาดแผลที่เปิดอยู่เพื่อหยุดเลือดของนางไว้ก่อน

          ซิ่นฮวาอ้าปากแต่ไร้เสียงใดหลุดรอดออกมา นางได้แต่มองซ่งเหว่ยหนานหมุนตัวออกไปจากรถม้า หญิงสาวยกมือขึ้นกุมลำคอของตนเอง

          เสียง...เหตุใด...นางส่งเสียงไม่ได้

          นางเรียกเทพมังกรดินไม่ได้เพราะนางไม่มีเสียง!

          “กลิ่นคาวเลือดสาวพรหมจรรย์นี่ช่างเย้ายวนเสียจริง”

          ซิ่นฮวาสะดุ้งตกใจ นางหันไปทางต้นเสียง ม่านประตูรถม้าเปิดออกพร้อมกับร่างเล็กของซ่งซีเหมย ที่ยามนี้ไม่มีความไร้เดียงสาอีกแล้ว หญิงสาวได้แต่จ้องมองอย่างงุนงงและสับสน เด็กหญิงที่น่าเอ็นดูนั่งลงเบื้องหน้า ยื่นปลายนิ้วมาแตะเลือดที่เปื้อนแก้มของนางแล้วส่งเข้าปากของตนเอง ดวงตาของเด็กน้อยหลับพริ้มชิมรสคาวเลือดราวกับกำลังดื่มสุราเลิศรส

          ‘เจ้าทำอะไร’

          นางขยับปากพูดแต่ไร้เสียง เด็กน้อยหัวเราะเสียงใส ซิ่วอิ่งโผล่หน้าเข้ามาด้วยท่าทีรีบร้อย

          “เร็วเถิดเจ้าค่ะ”

          “ข้ารู้แล้ว”

          เมิ่งหย่าจิ้งในร่างของซ่งซีเหมยยื่นปลายนิ้วไปแตะหน้าผากของซิ่นฮวา หญิงสาวตื่นตระหนกมิทันปัดป้องตนเองก็นั่งงันไป ราวกับร่างทั้งร่างกลายเป็นเพียงตุ๊กตาผ้าไร้เรี่ยวแรงทรงตัวจนทรุดลงไปกองกับพื้น ดวงตาหนักอึ้งแม้จะฝืนเปิดเปลือกตามองแต่นางเห็นเพียงซ่งซีเหมยที่ค่อยๆ เปลี่ยนรูปร่างเป็นหญิงสาวในอาภรณ์สีขาว ใบหน้า ริมฝีปาก และดวงตา มองอย่างไรก็คือซิ่นฮวา

          เมิ่งหย่าจิ้งจำแลงร่างเป็นซิ่นฮวาแล้ว

          เมิ่งหย่าจิ้งก้มมองตัวเองที่กลายร่างเป็นซิ่นฮวาด้วยความพึงพอใจ นางใช้ปลายเท้าเขี่ยร่างซิ่นฮวาที่หมดสติไปแล้ว ริมฝีปากสีชาดคลี่ยิ้ม ลิ้นสีชมพูเลียริมฝีปากตนเองพลางนึกถึงบุรุษหนุ่มที่ตนเองหมายปอง ได้เวลาที่นางจะลิ้มชิมรสซ่งเหว่ยหนานแล้ว!

          ซ่งเหว่ยหนานสาวเท้าก้าวเดินตรงมายังห้องนอนของท่านหญิงซิ่นฮวา เขาชะงักเท้าไปเล็กน้อย สีหน้าเคร่งเครียดดวงตาจ้องมององครักษ์ประจำกายของท่านหญิงยืนขวางประตูไม่ยินยอมให้เขาเข้าไปโดยง่าย

          “หลีกไป!”

          “ขออภัย ข้าน้อยมิอาจเปิดทางให้ได้”

          “ข้าต้องเข้าไปดูนาง นางบาดเจ็บเพราะข้า!”

          “มีท่านหมออยู่ด้านในแล้ว ขอคุณชายซ่งโปรดรอด้านนอก”

          “แต่...”

          “ให้คุณชายซ่งเหว่ยหนานเข้ามาเถิด”

          กันอี๋ได้ยินเสียงหวานใสดังมาจากหลังบานประตู เขาลอบถอนหายใจก่อนจะเบี่ยงตัวหลบให้ซ่งเหว่ยหนานก้าวเท้าเข้าไปในห้อง ท่านหมอออกมาจากหลังฉากกั้นแล้วเห็นซ่งเหว่ยหนานจึงค้อมกายอย่างนอบน้อมแต่ซ่งเหว่ยหนานยกมือห้ามไว้ก่อน

          “ท่านหญิงเป็นอย่างไรบ้าง”

          “บาดแผลเล็กน้อยและตื่นตระหนกเท่านั้นขอรับ” ท่านหมอรายงาน “ข้าน้อยจะเขียนเทียบยาบำรุงร่างกายให้ท่านหญิงพร้อมทั้งยาสมานแผลอย่างดี รับรองว่าไม่ทิ้งร่องรอยแผลเป็นไว้”

          เพียงได้ยินคำว่า ‘แผลเป็น’ มือข้างหนึ่งกำแน่นข่มโทสะที่เดือดพล่าน

ซ่งเหว่ยหนานไม่รอคำอนุญาตก้าวเท้าไปหลังฉากกั้นด้วยใจร้อนรน หญิงสาวนั่งบนเตียงเอนหลังพิงหมอนที่วางซ้อนกันอยู่หัวเตียง หญิงรับใช้ต่างพากันสะดุ้งตกใจ มีเพียงปี้เอ๋อร์ที่เป็นคนรับใช้คนสนิทยืนขวางไว้ด้วยสีหน้าถมึงทึง แต่หญิงสาวกลับ

หัวเราะเบาๆ และเอ่ยขึ้น

          “เจ้าหลบไปเถิด”

          ปี้เอ๋อร์ขมวดคิ้วเล็กน้อย แต่ยอมถอยตามคำสั่งรู้สึกประหลาดใจที่ไม่ได้ยินท่านหญิงเรียกนางว่า ‘น้าปี้เอ๋อร์’

          “ท่านหญิงเป็นอย่างไรบ้าง”

          ซ่งเหว่ยหนานถามพลางโน้มตัวลงมองศีรษะของนางที่มีผ้าพันรอบศีรษะไว้ นางผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วจึงไม่เหลือคราบเลือดที่เปื้อนเปรอะอาภรณ์สีขาวที่เขาเห็นในครั้งแรก หญิงสาวส่งยิ้มซีดเซียว มือเรียวแตะศีรษะตนเองทำท่าซวนเซโงนเงน ซ่งเหว่ยหนานรีบประคองนางไว้ ร่างบอบบางเอนเข้าซบอกกว้าง

          “ข้าเวียนศีรษะเหลือเกิน” เสียงหวานเอ่ยอย่างออดอ้อน

          “เช่นนั้นท่านหญิงพักผ่อนก่อนเถิด” บุรุษหนุ่มไม่รู้สึกถึงสิ่งผิดปกติ ประคองร่างบอบบางลงนอนพร้อมดึงผ้าห่มขึ้นคลุมร่างของหญิงสาว เขาเงยตัวขึ้นแต่มือเรียวนุ่มคว้ามือของเขาไว้ก่อนทำให้ชายหนุ่มชะงักไป

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 1. ก่อนเริ่มเรื่องราวทั้งหมด

    สงคราม ‘ทรายย้อมโลหิต’ องค์รัชายาทเกือบสิ้นชีพในสงครามครั้งนั้น ทว่าเพื่อให้ทหารที่เปรียบเสมือนคนในครอบครัวได้กลับบ้าน จึงบังอาจเรียกปีศาจมังกรเพลิงมาเพื่อใช้ทำสัญญาแลกเปลี่ยน ‘บางสิ่ง’ เปลี่ยนให้กลายเป็นครึ่งคนครึ่งปีศาจ แม้ชนะศึกสงครามแต่ถูกปลดจากตำแหน่งรัชทายาท หากแต่สวรรค์มิได้ทอดทิ้ง ส่งคู่ชีวิตมาให้หัวใจที่เยียบเย็นได้กลับสู่ความเป็นมนุษย์อีกครั้ง เพื่อปกป้องนางในดวงใจ ทำให้อ๋องเฟยเทียนขัดราชโองการ กว่าจะเดินทางจากตุนหวงกลับสู่เมืองหลวงกินเวลานานมากกว่าปกติ กระนั้นเมื่อได้พบพระพักตร์องค์ฮ่องเต้อีกครั้ง คราวนี้ได้สลายความไม่เข้าใจระหว่างพ่อลูกที่มีมานานนับสิบปี องค์รัชทายาทองค์ปัจจุบันมีใจกำจัดอ๋องเฟยเทียนเพราะเกรงกำลังทหารในมือและคิดว่าอีกฝ่ายจะตั้งตนเป็นกบฏโดยอาศัยราชโองการขององค์ฮ่องเต้ จึงยืมมือทหารฝ่ายมองโกลกำจัด ทว่าไม่อาจเอาชีวิตชินอ๋องเฟยเทียนได้ กลับกลายเป็นว่าอ๋องเฟยเทียนได้กำจัดปีศาจมังกรเพลิงในตนเองไปสิ้น และยังรู้ตัวผู้บงการแผนร้าย เพียงแต่ไม่คิดยื่นมือเข้าไปวุ่นวาย ปล่อยให้องค์ฮ่องเต้ทรงตัดสินพระทัยเอง หลังจากกลับจากเมืองหลวงพร้อมข่าวลือแพร่สะบ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 2. ว่ากันว่า...

    หญิงสาวร่างเล็กในชุดของบุรุษเสื้อผ้าเนื้อหยาบวิ่งหน้าตาตื่นมาจากด้านหลังของตำหนักชินอ๋อง ดวงหน้าอ่อนหวานปรากฏเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นราวกับตากฝน และเพราะนางมุดรอดรอยแยกของกำแพงด้านหลัง ทำให้เส้นผมที่เกล้ามวยเยี่ยงบุรุษนั้นหลุดลุ่ยลงมาเคลียบ่า ทว่ากลับขับเน้นความงามบนใบหน้าจิ้มลิ้มดุจหญิงสาววัยสิบเจ็ดปี “คุณหนู ทางนี้เจ้าค่ะ” “น้าจื่อเหยี่ยน” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นเห็นบ่าวคนสนิทของมารดามายืนรอด้วยอาการกระสับกระส่าย นางยิ้มกว้างแล้วรีบวิ่งเข้าไปหา จื่อเหยี่ยนส่ายหน้าไปมาพลางยื่นมือไปหยิบเศษใบไม้ออกจากศีรษะและลูบผมให้อย่างรวดเร็ว “ไยคุณหนูกลับมาช้านักเจ้าคะ” “ท่านแม่ออกมาจากห้องสวดมนต์แล้วหรือ?” “ยังเจ้าค่ะ ตอนนี้ปี้เอ๋อร์คอยดูต้นทางให้อยู่ คุณหนูรีบกลับห้องไปเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า” “อืม” หญิงสาวพยักหน้ารับอย่างโล่งอก ทันใดนั้นเอง นางเสียวสันหลังวาบจนไม่กล้าหันไปมองไอเย็นที่แผ่มากระทบแผ่นหลังของนาง “ดูต้นทาง? ดีมาก ดีจริงๆ” “ทะ...ท่านแม่” หญิงสาวโอดครวญในใจไม่กล้าหันกลับไปมองเจ้าของเสีย

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 3. หญิงสาวในชุดบุรุษ

    หญิงสาวในชุดบุรุษทำหน้างุนงงแล้วยกแขนขึ้นดมกลิ่นกายตัวเอง นางถึงกับทำหน้าแหย เพราะเกรงว่าจะกลับมาไม่ทันเวลา นางถึงกับมุดรอดรูทางหมารอดตรงกำแพงด้านหลังตำหนัก ท่าทางของนางทำให้บุรุษทั้งหมดส่งเสียงหัวเราะพรืดอย่างไม่เกรงใจ หญิงสาวหันมาขึงตาใส่แต่ดูเหมือนไม่อาจหยุดเสียงหัวเราะนั้นได้ นางจึงเชิดใบหน้าขึ้นยืดแผ่นหลังตรงแล้วเดินอย่างสง่ารีบกลับเรือนของตนเองทันที บุรุษวัยสี่สิบห้าลอบถอนหายใจเบาๆ เมื่อเห็นภรรยาสุดที่รักยอมลดความโกรธเคืองในตัวลูกสาวคนเดียวลง แม้เวลานี้ภรรยาของเขาจะอายุสามสิบหกแล้วและเป็นมารดาของบุตรสามคน ทว่ายังคงใบหน้าอ่อนเยาว์และอ่อนโยนไม่ต่างจากวันวาน ทว่าเมื่อเห็นสีหน้าของผู้เป็นสามี นางกลับขึงตาใส่ พาลเอาความโมโหมาลงที่ตัวผู้เป็นบิดาแทน “เพราะท่านพี่ตามใจนางนัก นางจึงเอาแต่ใจตัวเอง ทำอะไรไม่คิดถึงผู้อื่นเลยสักนิด” “ได้ๆ เป็นข้าที่ผิดเอง” มือใหญ่หยาบกร้านลูบไหล่ภรรยาอย่างเอาอกเอาใจ ยามนี้ไม่มีผู้อื่นอยู่ หากใครมาเห็นเข้าคงนึกไม่ถึงว่า ชินอ๋องเฟยเทียนผู้เคยได้ชื่อว่าเป็นครึ่งปีศาจในอดีตนั้น เพียงแค่เอ่ยชื่อเขาก็ทำให้ผู้คนหวาด

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 4.  มิใช่สิ่งที่สมควรกล่าวเล่นพร่ำเพรื่อ

    ชื่อของปวงเทพมิใช่สิ่งที่สมควรกล่าวเล่นพร่ำเพรื่อ แต่ซิ่นฮวามิได้สนใจเรื่องนั้น ตั้งแต่ห้าขวบ นางก็เรียก ‘พี่ชายผมเงิน’ มาเป็นเพื่อนเล่นของนาง เรื่องนี้เกิดความคาดหมายของนางนัก ในคืนหนึ่ง เทพมังกรปรากฏตัวเบื้องหน้านางด้วยสีหน้าฉาบความไม่พอใจอยู่หลายส่วนแต่ไม่ได้โกรธเกรี้ยวถึงขนาดจะเผาเมือง ‘เจ้าให้ลูกสาวของเจ้ารู้ชื่อของข้า’ ‘เรื่องนั้น...’ ยังไม่ทันจะอธิบายอะไร เทพมังกรดินผู้แสนสง่างามองอาจเดินวนไปมาเหมือนหนูติดจั่น คล้ายเจอคู่ปรับที่ไม่อาจต่อกรได้ ‘นางเป็นเด็กแต่เจ้าเล่ห์มากกลอุบายนัก ข้าจะทำอะไรก็มิได้ ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นผู้ใหญ่รังแกเด็ก’ เทพมังกรเดินพร่ำบ่นเดินวนไปวนมาเบื้องหน้านาง ยามนี้เขามองนางมิใช่ด้วยสายตาของบุรุษที่มองหญิงสาวอีกแล้ว แต่เป็นสายตาที่มองกันอย่างมิตรสหายมากกว่า ‘ท่านมิได้ใช้เวทมนตร์พรางกายกับนางหรือ?’ ‘เคยแล้ว ปกติข้าใช้เวทพรางกายย่อมไม่มีผู้ใดมองเห็น แต่เด็กนั่นกลับยังเห็นข้าแถมโบกไม้โบกมือให้ข้าอีก’ เขาถูกเด็กห้าขวบปั่นหัวจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน เด็กคนนี้ช่าง! ไม่เหมือนมารดาที่เรียบร้อยอ่อนหวานเลยสักน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 5.พิธีบวงสรวงเทพมังกรดิน

    “อ้อ! อีกสามวันถึงพิธีบวงสรวงเทพมังกรดินนี่เอง ท่านแม่จึงโกรธเจ้าที่หนีออกไปนอกตำหนักเช่นนี้” ซิ่นหลิงแย่งถั่วเคลือบน้ำตาลในจานของน้องชายมากิน “ข้าเป็นผู้เชิญดอกไม้บูชาเทพมังกรดินทุกปี เรื่องแค่นี้ไม่มีวันทำผิดพลาด” นางเบ้ปากเล็กน้อยแล้วแหงนหน้าขึ้น “กันอี๋ เจ้าแกว่งแรงอีกหน่อยซิ” กันอี๋นิ่งงันไป เขาไม่กล้าออกแรงมากนัก เกรงว่าจะทำให้นางบาดเจ็บ แต่เสียงหัวเราะของซาโม่ทำให้เขาหงุดหงิด “นางไม่ตกชิงช้าง่ายดายหรอก” ซาโม่หัวเราะ เขารู้ว่ากันอี๋กังวลเรื่องใดอยู่ “แกว่งแรงอีกนิดเถิด ถ้านางร่วงลงไปข้าจะกระโดดไปรับให้เอง” “อย่าเลย หน้านางยิ่งขี้เหร่อยู่ เผลอตกชิงช้าหน้าคว่ำคะมำไป ความงามที่มีอยู่น้อยนิดนี่จะจมหายไปกับพื้นดินเสียหมด” “ซิ่นหลิง! ปากเจ้านี่มันปากสุนัขชัดๆ!” ซิ่นหลิงตวาดออกมาด้วยความโมโห หากไม่เพราะพวกเขาทั้งหมดเกิดและเติบโตพร้อมกัน คงไม่มีใครเชื่อว่าเทพธิดาน้อยๆ ผู้นี้จะมีอีกด้านที่เกรี้ยวกราดเอาแต่ใจ “เฮ้! คนปากสุนัขต้องเป็นซาโม่ต่างหากไม่ใช่ข้า” ซิ่นหลิงโบ้ยไปทางซาโม่ เพราะความสนิทสนมนั่นแหละที่ทำให้พวกเขากล้า

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-02
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 6. จะกล้าดูหนังสือแบบนั้น

    ซิ่นหลิงไม่คิดว่า... ซิ่นฮวาจะกล้าดูหนังสือแบบนั้น ซิ่นฮวาเข้าใจสายตาของซิ่นหลิง นางทำจมูกย่นเหมือนแมวน้อย ท่าทางน่าเอ็นดูแต่หารู้ไม่ว่าใช้ไม้นี้กับซิ่นหลิงมิได้ “ถ้าข้าไม่ช่วย เจ้าก็ให้คนอื่นช่วยอยู่ดีใช่หรือไม่” ซิ่นฮวาพยักหน้ารับ นั่นทำให้ซิ่นหลิงหลับตาโอดครวญในใจ ที่เขาเห็นนางแต่งกายเป็นบุรุษถูกมารดาวิ่งไล่หมายทำโทษในวันนี้ คงเพราะความคิดแปลกประหลาดเช่นนี้เป็นแน่ “เอาเถอะ ข้าจะหาทางให้ก็แล้วกัน” “เร็วๆ ด้วย ข้าอยากไปก่อนวันบวงสรวงเทพมังกรดิน” “หา!” ใช้งานผู้อื่นแล้วยังมีการมาเร่งอีก “ไยรีบร้อนถึงเพียงนี้ นี่เจ้าวางแผนร้ายอันใดอยู่หรือไม่” “ไม่ใช่แผนร้ายเสียหน่อย” นางลูบปลายจมูกตัวเอง “เอาเป็นว่าเจ้ารับปากแล้ว ต้องช่วยให้ถึงที่สุด” ซิ่นหลิงได้แต่ถอนหายใจหนักหน่วง ที่เขาไปร่ำเรียนมาไม่มีกลวิธีรับมือหญิงดื้อและซุกซนอย่างนางเลย แล้วนี่ชายใดหนอที่จะถูกนางรังแกกลั่นแกล้งเอา หรือว่าจะเป็น... ป่านนี้แล้ว นางยังไม่ตัดใจอีกหรือ? ร่างบอบบางเร้นกายในความมืดกลับเข้ามาในห้องนอนของตน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 7. พี่ชาย

    “พี่ชาย!” ซิ่นฮวาลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้ววิ่งไปทางบุรุษหนุ่มเจ้าของเส้นผมสีเงินยวง เพราะนางเป็นแค่เด็กห้าขวบจึงได้แต่แหงนหน้าคอตั้งบ่าเพื่อได้เห็นแววตาประหลาดใจของเขา “เจ้ามองเห็นข้ารึ” ชายหนุ่มถามแล้วค่อยๆ นั่งลงบนส้นเท้า ทำให้เด็กหญิงไม่ต้องแหงนหน้าขึ้นมองเขา “ข้ามีสองตาย่อมมองเห็นพี่ชาย” เด็กหญิงยิ้มกว้างดวงตาเป็นประกายวาววับ “ข้าเห็นพี่ชายหลายครั้งแล้ว ไยพี่ชายชอบทำเป็นมองไม่เห็นข้า” บุรุษหนุ่มไม่รู้ว่าควรทำหน้าอย่างไร เขามองเห็นนางตั้งแต่วันที่นางกับพี่ชายฝาแฝดของนางลืมตาแล้ว คอยเฝ้ามองนางเติบโตเช่นเดียวกับที่มองดูมารดาของนาง แต่เขาไม่รู้เลยว่า เด็กหญิงตัวเล็กผู้นี้มองเห็นเขาเช่นกัน เด็กหญิงยื่นมือไปจับเส้นผมนุ่มสลวยของเขาขึ้นดูด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เหมือนที่ท่านแม่เล่าให้ฟังเลย” เด็กหญิงส่งยิ้มกว้าง “ท่านแม่บอกว่าพี่ชายเป็นสหายของท่านแม่” “ฮืม” เขาเพียงแค่พยักหน้ารับเท่านั้น “คนอื่นมองไม่เห็นท่าน มีแต่ข้าที่มองเห็น” ราวกับค้นพบของล้ำค่า เด็กหญิงตัวน้อยแสดงความดีใจเป็นรอยยิ้มจนแก้มของนางเหมือนก้อนแป้ง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-05
  • ลมหายใจมังกร   Chapter 8.พี่ชายไม่เห็นรึ

    “พี่ชาย” นางคลี่ยิ้มอ่อนหวานแล้วรีบลุกขึ้นยืน แม้ตอนนี้จะอายุสิบห้าแล้ว แต่เมื่อยื่นใกล้เขานางก็ยังดูตัวเล็กไม่ต่างจากตอนที่นางห้าขวบนัก “ข้าบอกกี่ครั้ง นามของข้ามิใช่จะให้เจ้าเรียกพร่ำเพรื่อ” “ข้ามิได้พร่ำเพรื่อเสียหน่อย” นางย่นจมูกใส่ “เมื่อสองวันก่อนเจ้าก็เรียกข้า” เขาขมวดคิ้วแต่ใบหน้ายังเรียบนิ่งเช่นเคย “ก็คราวนั้นไฟไหม้ที่ตลาดนี่ ข้าก็ต้องเรียกพี่ชายให้มาช่วยดับไฟสิ” พี่ชายเป็นเทพมังกรดินผู้เป็นใหญ่ในหมู่มังกร นางก็แค่ขอให้มีฝนมาช่วยดับไฟ สิ่งที่นางทำล้วนมีเหตุผลแล้วจะเรียกว่านางเรียกเขาพร่ำเพรื่อได้อย่างไรเล่า “แล้วคราวนี้เจ้าเรียกข้ามาเพื่อสิ่งใด” เขาแสร้งทำหน้าเบื่อหน่าย ซ่อนความรู้สึกภายใน ต่อให้นางไม่เรียกเขา เขาคอยติดตามดูแลนางเสมออยู่แล้ว นางรีบยื่นหลังมือให้เขา ชายหนุ่มจ้องมองแต่ไม่เห็นสิ่งใดผิดปกติจึงย้ายสายตามาสบตากับดวงตาสุกใสของนาง “พี่ชายไม่เห็นรึ” “เห็นมือของเจ้า” “มือของข้าบวมแดงเพราะถูกผึ้งต่อย ท่านยังแกล้งทำเป็นไม่เห็นอีก” นางทำหน้างอง้ำ “ผึ้งต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2025-01-06

บทล่าสุด

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 45.  ไม่คาดคิด

    “เกิดอะไรขึ้น” ปี้เอ๋อร์พึมพำอย่างตื่นตระหนกไม่คิดว่าจะได้เจอเรื่องเช่นนี้ เหตุใดผู้คนจึงดูบ้าคลั่งกันขึ้นมา “ฝน! พวกเราต้องการฝน!” “นังคนหลอกลวง!” “พวกเราต้องการฝน!” “นังคนหลอกลวง!” ซ่งเหว่ยหนานเองก็รู้สึกได้ว่าชาวเมืองเปลี่ยนไป แต่กระนั้นซิ่นฮวาก็ยังไม่หยุดบรรเลงกู่เจิง เขาจำได้ว่าเมื่อครั้งที่ไปตุนหวง นางเล่นกู่เจิงไปเพียงครึ่งก้านธูปฟ้าก็หลั่งฝนลงมาแล้ว เหตุใดนานถึงเพียงนี้ยังไม่มีฝนตกลงมาแม้แต่หยดเดียว “ฝน! พวกเราต้องการฝน!” “นังคนหลอกลวง!” “พวกเราต้องการฝน!” “นังคนหลอกลวง!” ผู้คนตะโกนด้วยถ้อยคำเดิมซ้ำไปซ้ำมา ทันใดนั้นหินก้อนหนึ่งก็ถูกปาขึ้นไปบนปะรำพิธี! และตามด้วยสิ่งของต่างๆ ที่อยู่ใกล้มือ ชาวบ้านต่างปาก้อนหิน ดิน หรือแม้แต่รองเท้าขาดๆ ใส่ซิ่นฮวาที่ยังไม่ยอมหลุดบรรเลงกู่เจิง “กันอี๋!” ปี้เอ๋อร์ร้องสั่ง เห็นท่าไม่ดีแล้วต้องรีบพาท่านหญิงลงมา นางไม่รู้ว่าเกิดเรื่องเช่นนี้ได้อย่างไร องครักษ์หนุ่มกำลังจะกระโจนขึ้นไป ทว่าเขายังช้ากว่าบุรุษอีกคนที่กระโจนขึ้นไปก่อนแล้

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 44.  ชะตาชีวิต

    “ท่านหมอไม่มีวิธีอื่นใดช่วยคุณชายของข้าได้แล้วหรือ?” “คุณชายเยี่ยนไม่ไหวแล้วจริงๆ” คนเป็นหมอถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ข้าว่าท่านพ่อบ้านรีบเขียนจดหมายแจ้งนายใหญ่เถิด บางทีหากเร่งเดินทางอาจกลับมาทันดูใจคุณชายเยี่ยน” “ถ้าเป็นเช่นนั้น ข้าจะรีบเขียนจดหมายส่งข่าวถึงนายท่านใหญ่” ส่านเตี้ยนมองดูทั้งสองที่มีสีหน้ากลัดกลุ้มพูดคุยกันอีกเล็กน้อยแล้วเดินจากไป เขาจึงก้าวออกมาจากหลังต้นไม้ แม้รู้ดีว่าเยี่ยนหรงเหยาจะมีชีวิตอยู่ไม่นาน แต่ทว่า...เขาอดใจหายไม่ได้ วิหคสวรรค์ในร่างของเด็กชายวัยสิบสี่เดินย้อนกลับเข้าไปอีกครั้ง คราวนี้บรรดาคนรับใช้จัดโต๊ะให้เขาทั้งสองได้กินอาหารเช้าแล้ว เยี่ยนหรงเหยาผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เรียบร้อยแล้ว บ่าวรับใช้พยุงเข้ามานั่งที่โต๊ะอาหาร เส้นผมขาวโพลนทั้งศีรษะถูกเกล้าขึ้นเรียบร้อย รูปร่างผอมบางในชุดสีขาวนั้นกลับทำให้เขาดูสุภาพเหมือนบัณฑิตหนุ่ม “มีอะไรรึ” “ไม่มีอะไร” ส่านเตี้ยนฝืนยิ้มให้ นึกถึงถ้อยคำของมหาเทพมังกรสวรรค์ไม่ว่าจะเป็นเทพหรือมนุษย์ล้วนแล้วแต่มีชะตากรรมของตนเอง ลิขิตสวรรค์เปลี่ยนแปลงมิได

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 43.  ไม่อาจยอมรับ

    มนุษย์เห็นแก่ตัวเช่นไร เขาก็...ไม่ต่างกัน ทว่า... เพียงแค่เขาได้กลิ่นบุรุษอื่นบนกายนาง เขายังแทบคุมโทสะมิได้ หัวใจเจ็บร้าวเจียดคลุ้มคลั่ง หากไม่เห็นน้ำตาของนาง บางทีเขาอาจทำให้แผ่นดินขยับเคลื่อนไหวแล้วก็เป็นได้ หรือบางที...เป็นเขาเองที่ไม่อาจยอมรับความรู้สึกในใจของตนก็เป็นได้ “นายท่าน” ฮวงหลงตื่นจากภวังค์ ย้ายสายตาจากหน้าต่างห้องนอนของหญิงสาวมายังวิหคสวรรค์ที่กระพือปีกอยู่ใกล้ๆ “ใกล้รุ่งสางแล้ว ท่านควรกลับไปพักผ่อนสักหน่อยเถิดขอรับ” ส่านเตี้ยนเอ่ยด้วยความเป็นกังวล การเรียกลมเรียกฝนนั้นแม้ใช้พลังไม่มาก หากแต่ระยะนี้นายท่านของเขาร่างกายยังไม่ฟื้นฟูเต็มที และเมืองที่แล้งมายาวนานสามปี ต้องใช้ฝนมากเพียงใดจึงจะเรียกความชุ่มชื้นกลับมาอีกครา “เจ้ากลับไปก่อนเถิด” “แล้วนายท่านจะไปที่ใดขอรับ” “ข้าจะไปเยี่ยมจวิ้นอี๋เสียหน่อย” “เวลานี้หรือขอรับ” “ฮืม” ตอบพลางระบายลมหายใจอย่างเหนื่อยอ่อน สายลมพัดผ่านดุจหยอกล้อเส้นผมสีเงินยวงสะท้อนแสงจันทร์ เขาประหลาดใจนัก เขาตามหาตัวมังก

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 42.  ข้าไม่ได้เรียกท่าน   

    “ข้าไม่ได้เรียกท่าน” นางกลั้นเสียงสะอื้น นางไม่รู้ตัวว่าเรียกขานนามของเขาเมื่อใดกัน เสียงหัวเราะในลำคอของเขาทำให้นางหงุดหงิด ยอมเงยหน้าขึ้นจากหมอนเป็นจังหวะเดียวกับที่เขาโน้มใบหน้าลงมาใกล้จนเส้นผมสีเงินยวงของเขาลงคลอเคลียใบหน้าของนาง “เหตุใดดวงตาของเจ้ามีน้ำตาเอ่อคลอเช่นนี้” เขาถามพลางใช้ปลายนิ้วเกลี่ยหยดน้ำใสที่คลอดวงตาคู่งาม หญิงสาวอ้าปากเหมือนจะโต้เถียงแล้วเปลี่ยนใจ ปกตินางคิดอย่างไรก็พูดออกไปอย่างนั้น แต่ครั้งนี้นางกลับไม่กล้าพูด ทุกถ้อยคำที่เคยตำหนิเขาอยู่ในใจพลันหายไปหมดสิ้น ฮวงหลงได้กลิ่นสุราปะปนในลมหายใจของหญิงสาว เขาคลี่ยิ้มเอ็นดูช้อนมือประคองศีรษะให้หญิงสาวให้นอนในท่าที่สบาย เกรงว่านางจะหลับไปทั้งที่เอาหน้าซุกหมอน ไยเขาต้องกลายเป็นพี่เลี้ยงเด็กเช่นนี้ แต่ก่อนเขารู้สึกหงุดหงิดรำคาญใจ เดี๋ยวนี้เขากลับเป็นห่วงกังวลว่านางจะเป็นอะไร เพียงเสียงกระซิบแผ่วเบาของนางเขาก็รีบมาปรากฏตัวในทันที บุรุษหนุ่มมองมือเรียวเล็กที่ยื่นมาใช้ปลายนิ้วพันเกี่ยวเส้นผมสีเงินของเขาไว้ นางมักทำเช่นนี้เสมอตั้งแต่นางยังเป็นเด็กน้อยจนเวลานี้นางเติบโตเป็นหญิงสาวที่ครอบ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 41.  ขอแต่งงาน

    ซิ่นฮวารับรู้ได้ถึงสายตาคู่หนึ่งที่ยังจ้องมองนางอยู่ไกลๆ นางไม่กล้าหันกลับไปเผชิญหน้ากับดวงตาที่จ้องมองราวกับทะลุเข้าไปถึงหัวใจของนาง นางเหมือนจะหายใจไม่ออก ร่างบอบบางซวนเซราวกับดอกไม้ที่ปลิดปลิวในอากาศ “กันอี๋” ปี้เอ๋อร์ร้องเรียกอย่างตื่นตระหนก แต่องครักษ์หนุ่มรวดเร็วพอที่จะช้อนร่างของหญิงสาวอุ้มขึ้นก่อนที่นางจะร่วงลงไปกองกับพื้น “ขออภัยท่านหญิง” กันอี๋อุ้มนางแล้วก้าวเร็วๆ โดยมีปี้เอ๋อร์แทบจะวิ่งตามกลับมาที่เรือนที่พวกเขาพำนักพักอยู่ องครักษ์หนุ่มมองมือเรียวเล็กที่จับสาบเสื้อของเขาอยู่ ในใจแม้กังวลกับท่าทางอ่อนแออย่างไร้ที่มาที่ไปนี่ แต่กลับนึกถึงภาพในวัยเยาว์ เขาเป็นเพียงบุตรชายของหญิงรับใช้คนสนิทของพระชายาหนิงเหมย มารดาของท่านหญิงซิ่นฮวาที่แสนซุกซนเอาแต่ใจ สิ่งใดที่นางต้องการล้วนแล้วต้องได้ตามใจปรารถนา นั้นร่วมถึงยามที่นางอยากปีนป่ายต้นไม้ เขาก็ต้องยอมเป็นม้าให้นางเหยียบแผ่นหลังปีนขึ้นไปบนต้นไม้ แท้จริงแล้ว นางมิใช่คนที่ชอบชี้นิ้วบงการผู้อื่นแต่หลายครั้งที่นางลองทำสิ่งที่ต้องการแล้วไม่สามารถทำได้ด้วยตนเอง นางจึงได้ร้องขอแกมขู่บังคับ ท่านอ๋องเ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 40.  ห้ามหัวเราะข้า!

    “ให้ข้าไปส่งน้องซีเหมยด้วยได้หรือไม่” ซิ่นฮวารีบเอ่ยขึ้นเมื่อเห็นซ่งเหว่ย-หนานอุ้มน้องสาวก้าวออกไปได้สองสามก้าวแล้ว ซ่งเหว่ยหนานแปลกใจเล็กน้อยแต่ก็พยักหน้า ซิ่นฮวาหันมาปี้เอ๋อร์และกันอี๋ แม้ไม่พูดอะไรแต่เข้าใจความหมาย สองผู้ติดตามจึงเดินตามอยู่ห่างๆ “ปกติน้องสาวของข้าไม่ค่อยพูดจานัก นอกจากข้ากับแม่นมซูแล้วนางก็ไม่สนิทสนมกับใคร มีท่านหญิงเป็นคนแรกที่นางทำตัวติดท่านหญิงแจเช่นนี้” “ซีเหมยเป็นเด็กน่ารัก ใครเห็นย่อมรู้สึกเอ็นดู เจ้าโชคดีมากที่มีน้องสาวน่ารักเช่นนี้” พูดไม่ทันจบประโยคดี นางเผลอสะอึกจึงรีบยกมือขึ้นปิดปากกลั้นเสียงน่าอับอายนั้น ซ่งเหว่ยหนานที่อยู่ใกล้ได้ยินแล้วอดหัวเราะไม่ได้ “ห้ามหัวเราะข้า! อึก!” “เช่นนั้นท่านหญิงก็ห้ามสะอึกสิ” “ข้าห้ามตัวเองได้ที่ไหนล่ะ! อึก!” ซ่งเหว่ยหนานถึงกับแหงนหน้าหัวเราะ ทว่าเด็กน้อยที่อุ้มอยู่เงยหน้าขยี้ตามองพี่ชาย ทั้งสามเดินผ่านสระน้ำที่ยามนี้พระจันทร์ดวงกลมโตสะท้อนเงาอยู่บนผิวน้ำราวกับสระน้ำนี้เป็นกระจกบานใหญ่ ซ่งเหว่ยหนานสงสารคนที่สะอึกไม่หยุด เขาอุ้มน้องสาวมาจนถึงห้

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 39.  งานต้อนรับเล็กๆ

    ดนตรีบรรเลงชวนรื่นรมย์ และมีเพียงซ่งเหว่ยหนานและซ่งซีเหมยสองพี่น้อง ไม่มีขุนนางผู้อื่นอยู่ เว้นแต่บรรดาหญิงรับใช้ที่ยืนอยู่ไม่ไกลนัก ซิ่นฮวาพึงพอใจที่ไม่เห็นผู้อื่น ไม่มีขุนนางใดมาร่วมงานด้วย ไม่เช่นนั้นนางคงทำตัวไม่ถูก ซ่งซีเหมยเห็นซิ่นฮวาเดินเข้ามาแล้ว ร่างเล็กรีบวิ่งเข้ามาจับมือของหญิงสาวให้เดินมานั่งที่ที่จัดไว้ “ซีเหมยอย่าเสียมารยาท” ซ่งเหว่ยหนานปรามน้องสาว แต่เด็กน้อยกลับหลบหลังหญิงสาว นางเงยหน้าขึ้นมองเขา ใบหน้างดงามประดับรอยยิ้ม ดวงตาคู่นั้นวับวาวดุจดาราบนฟากฟ้า ยิ่งการแต่งกายของนางขับเน้นผิวกายขาวผ่องดุจหิมะแรกแห่งเหมันต์ ทำให้เขาเผลอจ้องมองอย่างหลงใหล ซ่งซีเหมยแกล้งกระแอมไอทำให้เขาได้สติและเชื้อเชิญให้หญิงสาวนั่งลง “งานต้อนรับเล็กๆ หวังว่าท่านหญิงจะไม่ถือสา” ซ่งเหว่ยหนานเอ่ยขึ้นแล้วหันไปพยักหน้าเป็นเชิงสั่งให้บรรดาคนรับใช้นำอาหารเข้ามา “เป็นเช่นนี้ดีแล้ว” นางยิ้มจากใจจริง มองดูอาหารเลิศรสที่ถูกลำเลียงมาวางตรงหน้า นางหันไปส่งยิ้มให้ซ่งซีเหมย เวลานี้เด็กน้อยร่าเริงสดใสมากไม่เหมือนคนป่วยเลยสักนิด หรือเพราะแสงยามเย็นย้อมผิวเด็กหญิงตัวน้อยไ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 38.  เด็กหญิงตัวน้อย

    ซิ่วอิ่งพึมพำกับตนเองแล้วเดินหลับเข้ามาในเรือนของซ่งซีเหมยเป็นจังหวะที่คุณหนูตัวน้อยกับแม่นมเดินกลับมาแล้ว แม่นมซูไม่ค่อยชอบซิ่วอิ่งนัก แต่เพราะนางเป็นหญิงรับใช้ที่ “ผู้มีพระคุณ” ฝากฝังมาให้ดูแล “ซ่งซีเหมย” โดยเฉพาะ ทำให้แม่นมซูไม่กล้าแสดงสีหน้าว่าไม่ชอบนาง “แม่นมซูออกไปเถิด ข้าจะดูแลคุณหนูเองเจ้าค่ะ” “แต่ว่า...” “แม่นม...” ซ่งซีเหมยไม่ชอบอยู่กับซิ่วอิ่งตามลำพังจึงยื่นมือไปเกาะท่อนแขนของแม่นมซูแน่น “ไม่ได้เจ้าค่ะ แม่นมซูลืมคำสั่งของแม่นางเมิ่งหลานเสวี่ยนแล้วหรือเจ้าคะ” แม่นมซูทำอะไรไม่ได้ เมิ่งหลานเสวี่ยนคือผู้มีพระคุณของคุณหนู หนึ่งปีก่อนอาการของซ่งซีเหมยทรุดหนัก ไม่ว่าหมอจากเมืองหลวงหรือที่ใดก็ไม่อาจรักษานางได้ จู่ๆ ก็มีสตรีนางหนึ่งปรากฏกายพร้อมให้ดื่มยาวิเศษ ทำให้ซ่งซีเหมยแข็งแรงขึ้น ยามนี้เมิ่งหลานเสวี่ยนไม่ได้อยู่ที่นี่ นานๆ จะแวะเวียนมาสักครั้ง จึงให้ซิ่วอิ่งคอยดูแลซ่งซีเหมย แม้คุณหนูจะอาการดีขึ้นแต่นางก็รู้สึกได้ว่ามีบางอย่างไม่ถูกต้อง แต่กระนั้นก็ไม่สามารถอธิบายได้ว่าคืออะไร “คุณหนูไปเถิดเจ้าค่ะ” เ

  • ลมหายใจมังกร   Chapter 37. แม่สื่อตัวน้อย

    “เช่นนั้น น้องเหมยเอ๋อร์พาพี่สาวเดินเล่นสักครู่ดีหรือไม่” ซ่งซีเหมยได้ยินซิ่นฮวาเรียกนางอย่างสนิทสนม ซ้ำยังแทนตัวเองว่าพี่สาว เด็กหญิงรีบพยักหน้ารับแล้วเป็นฝ่ายจูงมือซิ่นฮวาให้เดินไปที่ศาลากลางน้ำ แสงแดดกระทบผิวน้ำระยิบระยับ สายลมพัดผ่านแผ่วเบาขับไล่ไอร้อนออกไปได้มาก หญิงสาวต่างวัยสองคนจูงมือมานั่งที่เก้าอี้ ซ่งซีเหมยส่งยิ้มกว้างจนดวงตาหยีเล็ก แก้มทั้งสองกลายเป็นก้อนกลมๆ น่าเอ็นดูยิ่งนัก “ข้าชอบที่นี่มาก เมื่อก่อนพี่ชายพาข้ามานั่งเล่นบ่อยๆ พี่เหว่ยหนานบรรเลงเพลงขลุ่ยได้ไพเราะยิ่งนัก” “อย่างนั้นรึ” ซิ่นฮวาทำหน้าประหลาดใจ คนผู้นั้นมีเวลาสนใจเรื่องดนตรีด้วยหรือ? แต่...ไม่เกี่ยวกับนางสักนิดจะไปใส่ใจทำไมกัน ซ่งซีเหมยรีบพูดต่อ “เพราะบิดาไม่ค่อยสบาย พี่ชายข้าจึงต้องรับภาระหน้าที่ดูแลราษฎรแคว้นหาน ป่านนี้แล้วพี่ชายข้ายังไม่ภรรยาหรือแม้กระทั่งสตรีอุ่นเตียงก็ไม่มีนะ” คราวนี้เป็นซิ่นฮวาที่ไม่รู้ควรทำหน้าอย่างไร คงมิใช่ว่าน้องสาวกำลังออกโรงเป็นแม่สื่อตัวน้อยเสียเอง นางย้ายสายตาไปทางปี้เอ๋อร์ที่ยืนกลั้นยิ้มอยู่ใกล้ๆ ส่วนกันอี๋แสร้งทำเป็นไ

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status