ในที่สุดเหมันต์ก็ตัดสินใจที่จะเข้ามาทำงานของพ่อของเขาที่บริษัท โดยมีคีรินเข้ามาทำงานด้วย ซึ่งข่าวการกลับมาสืบทอดกิจการในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของประธานบริษัทของเหมันต์ ก็กลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากในวงการ เพราะใคร ๆก็รู้ว่าธาดา ศิริพันธุ์วงษ์เก่งกาจด้านธุรกิจขนาดไหน และตอนนี้ลูกชายเพียงคนเดียวที่จบปริญญาโทเกียรตินิยม ด้านบริหารธุรกิจ จะสามารถตามรอบพ่อของเขาได้หรือไม่
“วันนี้ดูเหมือนครูลมหนาวจะเหนื่อย ๆนะครับ ไม่สบายหรือเปล่า” นิธิ ชายหนุ่มวัยสามสิบต้น ๆที่เป็นผู้บริหารโรงเรียนอนุบาลและพ่วงตำแหน่งผ.อ.ของโรงเรียนถามคุณครูหนุ่มหน้าหวานด้วยความเป็นห่วง
“ผมไม่เป็นไรมากหรอกครับผ.อ. พอดีช่วงนี้ยุ่ง ๆนิดหน่อยครับ พึ่งจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านใหม่ น่าจะแปลกที่เลยนอนไม่ค่อยหลับ” ครูหนุ่มยิ้มให้กับผ.อ.ก่อนจะตอบไปตามตรง
“ถ้าไม่ไหวก็ลาพักได้นะครับ ผมเป็นห่วง ช่วงนี้เป็นช่วงปิดเทอม มีแค่เด็ก ๆมาเรียนซัมเมอร์ ไม่ได้ยุ่งมากครับ”
“ขอบคุณครับ แต่ผมยังไงไหวจริง ๆครับ ขอบคุณผอ.มากนะครับที่เป็นห่วง”
การสนทนาจบลงเพียงแค่นั้น เพราะเสียงกริ่งสัญญาณดังขึ้น เป็นการส่งสัญญาณว่าได้เวลาการเรียนการสอนของเด็ก ๆแล้วครูหนุ่มและผอ.หนุ่มไฟแรง จึงแยกย้ายกันไปทำหน้าที่ของตัวเอง โรงเรียนอนุบาลแสนรัก เป็นโรงเรียนเอกชนขนาดกลาง ที่เปิดทำการเรียนการสอนตั้งแต่ชั้นเตรียมอนุบาล อายุตั้งแต่หนึ่งขวบครึ่ง จนไปถึงชั้นอนุบาล 3 มีนักเรียนในการดูแลประมาณ 40-50 คน ซึ่งโรงเรียนแห่งนี้จะมีการเรียนการสอนทัั่งภาษาไทย อังกฤษ และจีน อีกทั้งยังมีการเรียนว่ายน้ำ เทควันโด ดนตรี และกิจกรรมเสริมอีกมากมาย ลมหนาวก็คือหนึ่งในครู ที่สอนที่นี่ โดยเขาจะรับหน้าที่ในการสอนนักเรียน ประจำชั้นอนุบาลหนึ่ง ซึ่งปีนี้ก็เข้าปี่ที่ 3 แล้ว ที่ลมหนาวได้มาเป็นคุณครูของที่นี่เพราะลมหนาวเป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือคนอื่น และรักเด็ก ดูแลเด็ก ๆทุกคนเหมือนลูกของตัวเอง ทำให้เด็ก ๆ คุณครู และทุกคน ๆที่นี่รักเขาทุกคน รวมถึง ผ.อ.หนุ่มของที่นี่ที่ดูเหมือนว่าจะให้ความสนอกสนใจ และใส่ใจคุณครูหนุ่มคนนี้เป็นพิเศษช่วงเย็นของวัน ลมหนาวมีอาการไข้ขึ้น จนไม่สามารถขับรถกลับบ้านเองได้ นิธิจึงได้อาสาพาเขาไปหาหมอ ก่อนจะพาเขาไปส่งที่บ้าน และด้วยความที่ไม่อยากรบกวนหลังจากที่ส่งลมหนาวเสร็จ ผ.อ.หนุ่มก็ขอตัวกลับในทันที
“มีคนคอยรับส่งขนาดนี้ ทำไมยังจะต้องให้แม่นายขอให้ป๋าซื้อรถใหม่ให้ด้วย พึ่งจะย้ายเข้ามาอยู่ไม่กี่วัน เริ่มทำตัวเป็นเปรตขอส่วนบุญแล้วหรือไง” เหมันต์เริ่มพูดจาถากถางลมหนาวทันที ในขณะที่ต่างฝ่ายต่างเปิดประตูห้องมาเจอกันพอดี ซึ่งคนที่มีอาการการไข้ขึ้น ก็เอาแต่ก้มหน้า ไม่กล้าแม้จะเงยหน้าขึ้นมามองชายหนุ่มที่ยืนพูดจาถากถางต่อว่าตัวเองอยู่
“ขอโทษครับ ผมไม่ได้ตั้งใจให้เรื่องมันเป็นแบบนี้ พอดีผมไข้ขึ้น ขับรถไม่ไหว ผ.อ.เลยขับมาส่งให้ ถ้าอย่างนั้น ผมจะรีบเอารถไปคืนคุณท่านนะครับ”
“ใครเขาอยากได้ของที่ให้ไปแล้วคืนกัน ฉันแค่อยากจะมาเตือนนาย ว่าให้ระวังตัวไว้ให้ดี ทั้งตัวนายเองและบุญธรรมของนาย อย่ามาล้ำเส้น หรือทำตัวเป็นปลิงดูดเลือดหรือเปรตขอส่วนบุญให้มันมากเกินไป ไม่อย่างนั้น ฉันจะจัดการทั้งแม่ทั้งลูกแน่” ชายหนุ่มพูดกับคนตรงหน้าเสียงเข้ม พร้อมกับชี้หน้าคาดโทษ
“รับทราบครับ”
หนุ่มน้อยหน้าใสเอาแต่ก้มหัวปลก ๆ พร้อมกับขอโทษขอโพยเสียงสั่นอยู่อย่างนั้น ก่อนจะรีบวิ่งเข้าห้องนอนของตัวเองไปด้วยความตื่นกลัว ในเช้าวันถัดมา อาหารเช้าก็ถูกจัดขึ้นโต๊ะตามปกติ แต่วันนี้เป็นฝีมือแม่บ้านประจำ ไม่ใช่ฝีมือ ของลมหนาว เหมือนกับทุก ๆวัน และก็ได้รับรายงานจากแม่บ้านว่า ลมหนาวมีอาการไข้ขึ้น ยังนอนซมอยู่บนเตียง จึงลุกมาทำอาหารให้ไม่ไหว ทำให้ธาดาเกิดอาการเป็นห่วงลูกเลี้ยง จนต้องตามหมอที่รักษาเขาประจำให้มาดูอาการ“สำออย” เหมันต์พูดขึ้นมาลอย ๆในขณะที่ทั้งสามคนนั่งทานอาหารเช้าด้วยกัน ทำให้ธาดาถึงกับหน้าตึงขึ้นมาเพราะคำพูดที่ผิดหูของลูกชาย
“เดี๋ยววิขึ้นไปดูลูกหน่อยดีกว่านะคะ ไม่รู้ว่าเป็นยังไงบ้าง” วิภาแกล้งแสดงอาการเป็นห่วงลูกชายบุญธรรมของเธอออกมา ก่อนจะรีบลุกพรวดพราดออกไปจากโต๊ะอาหาร
“แสดงเก่งทั้งแม่ทั้งลูก” เหมันต์ยังคงลอยหน้าลอยตาพูดจาถากถาง 2 แม่ลูกต่อ
“อย่าให้มันมากเกินไปนะเจ้าเหม” คุณธาดาต้องดุลูกชายเพียงคนเดียวของเขาเสียงเข้ม แต่เหมันต์ก็หาได้กลัวไม่
ภายในห้องนอนของลมหนาว วิภาเดินเข้ามาหาลูกชายบุญธรรมของเธออย่างที่บอกกับสามี แต่เธอไม่ได้เข้ามาเพราะเป็นห่วง แต่เข้ามาดูเพียงแค่จะแสดงให้คนภายนอกได้เห็นว่าเธอรักและเป็นห่วงลูกชายบุญธรรมของเธอมาก ไม่ได้เลี้ยงแบบทิ้ง ๆขว้าง“แกเป็นอะไรของแก ทำไมไม่ลงไปทำอาหารเช้าเหมือนทุกวัน ทำเป็นสำออยจะเป็นจะตาย”
“หนาวไม่สบายจริง ๆครับคุณแม่ ปวดเมื่อยไปทั้งเนื้อทั้งตัว ลุกไม่ไหวเลยครับ” คนป่วยบอกกับแม่บุญธรรมของเขาด้วย น้ำเสียงและท่าทางเหนื่อยอ่อน
“สำออยจริง ๆเลยนะแก แกไม่รู้รึไง ว่าแม่บ้านที่นี่มันทำอาหารไม่อร่อย ไม่ถูกปากฉัน
ฉันกินไม่ได้เลย แกรีบ ๆนอนพักให้หาย แล้วก็รีบไปทำกับข้าวให้ฉันกินเข้าใจไหม” วิภาบอกกับลูกเลี้ยงของเธอด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด ขัดใจปนรำคาญ“ครับคุณแม่ หนาวจะรีบรักษาตัวให้หาย แล้วก็รีบไปทำอาหารให้คุณแม่นะครับ”
“แค่นี้แหละ งั้นแกก็นอนพักไป เดี๋ยวฉันให้คนเอาข้าวกับยามาให้”
พูดจบวิภา ก็เดินสะบัดก้นออกจากห้องนอนของลูกชายบุญธรรมของเธอไป เพื่อออกไปแสดงความเป็นแม่ที่แสนดีต่อหน้าทุกคนต่อ ด้วยการสั่งให้แม่บ้านน้ำข้าวและยาไปให้ลูกชายของเธอบนห้อง และฝากฝังให้ดูแลลูกชายของเธอให้ดี เพราะวันนี้เธอมีธุระสำคัญที่จะต้องออกไปข้างนอก จึงไม่สามารถที่จะอยู่ดูแลลูกชายของเธอได้ ซึ่งธาดาเองก็ได้แต่ชื่นชมในความใส่ใจของภรรยาของเขาที่มีต่อลูกชายบุญธรรมของเธอ ทั้ง ๆที่ไม่ใช่ลูกชายแท้ ๆของตัวเอง แต่เธอก็ดูแลอีกฝ่ายเป็นอย่างดี*******************************************************************************************
ช่วงบ่ายของวันลมหนาว ก็ได้รับแจ้งจากแม่บ้าน ว่ามีคนมาเยี่ยมตอนนี้นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ซึ่งหลังจากที่ได้กินข้าวกินยาแล้วก็นอนพักแล้ว เขาก็รู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นจัดการตัวเ
ช่วงดึกของวัน เหมันต์กลับมาบ้านด้วยอาการเมามายแทบไม่ได้สติ และสาเหตุที่เขาต้องกินเหล้าจนเมามายขนาดนี้ ก็เพราะเขาโมโหภรรยาใหม่ของพ่อเขาที่กล้าหยิบของส่วนตัวของแม่เขามาใช้ แล้วก็เกือบจะได้จัดการกับผู้หญิงคนนั้นให้สาสมแล้ว แต่ดันมีหนุ่มน้อยหน้าหวานมาขอร้องเขาเอาไว้เสียก่อน จนเขาต้องออกจากงานและมาดื่มเหล้าดับความโมโหจนเมามายแทบไม่ได้สติแบบนี้ คีรินเป็นคนขับรถมาส
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ลมหนาวก็ขออนุญาตคุณธาดาและแม่บุญธรรมของเขาย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก โดยให้เหตุผลว่า มันเงียบสงบ และสะดวกเวลาที่เขาจะไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหาร ซึ่งในตอนแรกวิภาก็มีอาการขัดใจที่อยู่ ๆลมหนาวก็จะย้ายลงไป แต่เพราะคุณธาดาออกปากอนุญาต เธอจึงขัดอะไรไม่ได้ ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโมโห รอเวลาที่ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง เธอก็จะจัดการลูกบุญธรรมของเธอให้หนัก ให้สมกับที่กล้าขัดใจเธอ
ช่วงนี้คุณธาดาต้องเดินทางไปคุยงานที่ต่างประเทศนานหลายวัน เป็นโอกาสทองที่วิภาจะได้ออกไปข้างนอก เพื่อไปเข้าบ่อน เหมือนอย่างที่เธอเคยไป หลังจากที่เธอพยายามทำตัวดี เพื่อให้สามีของเธอเชื่อใจและไว้ใจมานาน ทั้ง ๆที่จริง ๆแล้ว คุณธาดาก็อยากให้เธอไปด้วย เพื่อไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา แต่เธอก็ให้เหตุผลอ้างว่า มีงานละครที่ต้องคุยรายละเอียดจึงทำให้เธอไปด้วยไม่ได้ คุณธาดาจึงเดินทางไปกับเหมันต์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาแค่สองคน “
หลังจากที่คุณธาดาและเหมันต์เดินทางกลับมาถึงบ้าน คุณวิภาก็รีบแต่งเนื้อแต่ตัวสวยจัดเต็มไว้รอรับสามีพร้อมกับสั่งให้จัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้ต้อนรับ เมื่อคืนเธอเลือกที่จะไม่ไปเข้าบ่อน เพราะกลัวว่าเธอจะกลับมาไม่ทันต้อนรับสามีของเธอในช่วงเช้า ส่วนลมหนาวที่เตรียมอาหารเสร็จแล้ว ก็กลับเข้าไปที่เรือนหลังเล็ก เพื่อเตรียมเอกสารไว้สอนเด็กนักเรียน เพราะวันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ต้องไปทำงาน “
“แหม...ช่วงนี้หายไปนานเลยนะครับคุณวิภาสุดสวย ผมนึกว่าคุณจะไม่มาที่บ่อนเล็ก ๆของผมซะแล้ว” เสี่ยชัต หนุ่มใหญ่เจ้าของบ่อนกาสิโน เอ่ยทักทายลูกค้าวีไอพีสุดสวยของเขาอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องมาทำเป็
วันนี้ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมวันเด็กภายในโรงเรียนขึ้น ซึ่งในวันนี้มีทั้งบุคลากร ครูนักเรียน และผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างมากมาย ภายในงานวันนี้มีทั้งการแสดงของเด็ก ๆแต่ละห้อง กิจกรรมตอบคำถามชิงของรางวัล และกิจกรรมตามซุ้มต่าง ๆที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ อีกหลายกิจกรรม เด็ก ๆ ทุกคนดูจะมีความสุขกับกิจกรรมในครั้งนี้มาก ๆ รวมถึงผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ก็ดูจะพอใจกับกิจกรรมที่จัดขึ้นไม่น้อย
นิยายเรื่องนี้เป็นเรื่องราวความรักระหว่างเหมันต์ ศิริพันธุ์วงษ์ ชายหนุ่มที่จัดว่าเป็นคนรูปร่างหน้าตาดี ผิวขาว ตาคม จมูกโด่ง แต่มักจะเก็บตัวเงียบ ไม่ค่อยพูดค่อยจา หรือยุ่งกับใคร เขาเป็นหนุ่มนักเรียนนอกที่พึ่งเรียนจบและกลับมาช่วยที่บ้านดูแลธุรกิจ หลังจากที่แม่ของเขาเสียชีวิต เหมันต์ก็ถูกส่งให้ไปเรียนเมืองนอก ทั้ง ๆที่เขามีอายุเพียงแค่ 15 ปี เขาอาศัยอยู่กับญาติที่อเมริกานานหลายปี จนเขาเรียนจบปริญญาโท และทราบข่าวว่าพ่อของเขาแต่งงานใหม่ และพาผู้หญิงคนนั้นกับลูกชายเข้ามาอยู่ด้วยกันที่บ้าน แทนที่แม่ของเขา ทำให้เขารู้สึกไม่พอใจมาก จึงเดินทางกลับมา เพื่อปกป้องทุกอย่างที่มันควรจะเป็นของเขาและแม่ ลมหนาว อัครนิกุล หนุ่มน้อยหน้าใส รูปร่างผอมบาง แต่ก็สมส่วนตามมาตรฐานชายไทยทั่วไป ผิวขาวเนียน ดวงตากลมโต และมีแววตาหม่นเศร้าอยู่ในนั้น เป็นคนจิตใจดี ชอบช่วยเหลือรอบข้าง เขาเป็นเพียงเด็กกำพร้า พ่อแม่เสียชีวิตตั้งแต่เด็ก ๆ และได้รับการอุปการะจาก คุณวิภา อัครนิกุล รับมาเป็นลูกบุญธรรม ซึ่งภายนอกก็เหมือนว่าเธอจะดูแล ลมหนาวเป็นอย่างดี ส่งเสียให้เรียนจนจบปริญญาตรี มีเสื้อผ้าข้าวของดี ๆให้ใช้ แต่แท้ที่จริงแล้ว
วันนี้ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมวันเด็กภายในโรงเรียนขึ้น ซึ่งในวันนี้มีทั้งบุคลากร ครูนักเรียน และผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างมากมาย ภายในงานวันนี้มีทั้งการแสดงของเด็ก ๆแต่ละห้อง กิจกรรมตอบคำถามชิงของรางวัล และกิจกรรมตามซุ้มต่าง ๆที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ อีกหลายกิจกรรม เด็ก ๆ ทุกคนดูจะมีความสุขกับกิจกรรมในครั้งนี้มาก ๆ รวมถึงผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ก็ดูจะพอใจกับกิจกรรมที่จัดขึ้นไม่น้อย
“แหม...ช่วงนี้หายไปนานเลยนะครับคุณวิภาสุดสวย ผมนึกว่าคุณจะไม่มาที่บ่อนเล็ก ๆของผมซะแล้ว” เสี่ยชัต หนุ่มใหญ่เจ้าของบ่อนกาสิโน เอ่ยทักทายลูกค้าวีไอพีสุดสวยของเขาอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องมาทำเป็
หลังจากที่คุณธาดาและเหมันต์เดินทางกลับมาถึงบ้าน คุณวิภาก็รีบแต่งเนื้อแต่ตัวสวยจัดเต็มไว้รอรับสามีพร้อมกับสั่งให้จัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้ต้อนรับ เมื่อคืนเธอเลือกที่จะไม่ไปเข้าบ่อน เพราะกลัวว่าเธอจะกลับมาไม่ทันต้อนรับสามีของเธอในช่วงเช้า ส่วนลมหนาวที่เตรียมอาหารเสร็จแล้ว ก็กลับเข้าไปที่เรือนหลังเล็ก เพื่อเตรียมเอกสารไว้สอนเด็กนักเรียน เพราะวันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ต้องไปทำงาน “
ช่วงนี้คุณธาดาต้องเดินทางไปคุยงานที่ต่างประเทศนานหลายวัน เป็นโอกาสทองที่วิภาจะได้ออกไปข้างนอก เพื่อไปเข้าบ่อน เหมือนอย่างที่เธอเคยไป หลังจากที่เธอพยายามทำตัวดี เพื่อให้สามีของเธอเชื่อใจและไว้ใจมานาน ทั้ง ๆที่จริง ๆแล้ว คุณธาดาก็อยากให้เธอไปด้วย เพื่อไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา แต่เธอก็ให้เหตุผลอ้างว่า มีงานละครที่ต้องคุยรายละเอียดจึงทำให้เธอไปด้วยไม่ได้ คุณธาดาจึงเดินทางไปกับเหมันต์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาแค่สองคน “
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ลมหนาวก็ขออนุญาตคุณธาดาและแม่บุญธรรมของเขาย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก โดยให้เหตุผลว่า มันเงียบสงบ และสะดวกเวลาที่เขาจะไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหาร ซึ่งในตอนแรกวิภาก็มีอาการขัดใจที่อยู่ ๆลมหนาวก็จะย้ายลงไป แต่เพราะคุณธาดาออกปากอนุญาต เธอจึงขัดอะไรไม่ได้ ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโมโห รอเวลาที่ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง เธอก็จะจัดการลูกบุญธรรมของเธอให้หนัก ให้สมกับที่กล้าขัดใจเธอ
ช่วงดึกของวัน เหมันต์กลับมาบ้านด้วยอาการเมามายแทบไม่ได้สติ และสาเหตุที่เขาต้องกินเหล้าจนเมามายขนาดนี้ ก็เพราะเขาโมโหภรรยาใหม่ของพ่อเขาที่กล้าหยิบของส่วนตัวของแม่เขามาใช้ แล้วก็เกือบจะได้จัดการกับผู้หญิงคนนั้นให้สาสมแล้ว แต่ดันมีหนุ่มน้อยหน้าหวานมาขอร้องเขาเอาไว้เสียก่อน จนเขาต้องออกจากงานและมาดื่มเหล้าดับความโมโหจนเมามายแทบไม่ได้สติแบบนี้ คีรินเป็นคนขับรถมาส
ช่วงบ่ายของวันลมหนาว ก็ได้รับแจ้งจากแม่บ้าน ว่ามีคนมาเยี่ยมตอนนี้นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ซึ่งหลังจากที่ได้กินข้าวกินยาแล้วก็นอนพักแล้ว เขาก็รู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นจัดการตัวเ
ในที่สุดเหมันต์ก็ตัดสินใจที่จะเข้ามาทำงานของพ่อของเขาที่บริษัท โดยมีคีรินเข้ามาทำงานด้วย ซึ่งข่าวการกลับมาสืบทอดกิจการในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของประธานบริษัทของเหมันต์ ก็กลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากในวงการ เพราะใคร ๆก็รู้ว่าธาดา ศิริพันธุ์วงษ์
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอก แล้วที่แกทำแบบนี้ในงาน แกต้องการจะฉีกหน้าป๋าหรือไง เจ้าเหม” คุณธาดาต่อว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขาทันที ที่ทั้งหมดกลับถึงบ้าน หลังจากงานงานแต่งงานจบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “แล้วถ้าผมบอกป๋าว่าผมจะกลับมา แล้วป๋าจะให้ผมกลับมาไหมล่ะครับ” เหมันต์ยังคงยังพาดขาไขว่ห้าง ที่โซฟากลางห้องโถงด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ทุกร้อน พร้อมกับตอบกลับพ่อของเขาออกไป “แล้วฉันมีเหตุผลอะไร ถึงจะไม่ให้แกกลับมาล่ะ ในเมื่อแกเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน และที่นี่ก็บ้านของแก” “ป๋าแน่ใจเหรอครับ แต่เท่าที่ผมจำได้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผมไปอยู่นู่น ป๋าไปหาผมนับครั้งได้ แล้วเวลาผมจะกลับไทย ป๋าก็มักจะบ่ายเบี่ยง หาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างตลอด” “ก็ฉันงานยุ่ง ไปเยี่ยมแกบ่อย ๆไม่ได้แกก็รู้ว่าฉันทำเพื่อครอบครัว แล้วที่ไม่ให้แกกลับมา เพราะฉันกลัวว่าแกกลับมาแล้วจะทำให้แกคิดถึงแม่แกมากกว่าเดิมไง” “อย่างนั้นเหรอครับ นี่ป๋าจะบอกว่าที่ป๋าทำไปทั้งหมด ป๋าทำเพื่อผมสินะครับ” ทั้งสองพ่อลูกยังคงเถียงกันอย่างไม่ลดละ ทำให้วิภาที่นั่งฟังอยู่เริ่มจะหมดความอดทน ทั้งที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอแท้ ๆ แต่พอเหมันต์ปร