ข่าวการแต่งงานระหว่างคุณธาดา ศิริพันธุ์วงษ์ เจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ กับคุณวิภา อัครนิกุล นักแสดงรุ่นเก่ามากความสามารถ ถูกพูดถึงการเป็นวงกว้าง และมีการประโคมข่าวกันอย่างใหญ่โต ทั้งทางหน้าหนังสือพิมพ์ธุรกิจ หรือแม้แต่หน้าบันเทิง รวมไปถึงสื่อโซเชียลต่าง ๆ ต่างก็พากันประโคมข่าวเรื่องนี้ เพราะใครต่อใครต่างก็รู้ว่า คุณธาดาที่รวยอันดับต้น ๆของประเทศ และไม่ว่าเขาจะหยิบจับทำอะไรก็มักจะประสบความสำเร็จไปซะทุกเรื่อง ซึ่งกำหนดการจะมีอีก 2เดือนข้างหน้า
คุณธาดา ศิริพันธุ์วงษ์ เป็นเจ้าพ่อแห่งวงการธุรกิจ อสังหาริมทรัพย์ ที่เคยผ่านการแต่งงานมาแล้ว และภรรยาก็เสียชีวิตไปหลายปีแล้ว มีทายาทเพียงคนเดียวคือ เหมันต์ ศิริพันธุ์วงษ์ ที่ถูกส่งไปเรียนที่ต่างประเทศ ตั้งแต่อายุ15 และตอนนี้ก็เรียนจบปริญญาโทเป็นที่เรียบร้อยแล้ว“เห็นข่าวของพ่อแล้วใช่ไหม เหม” เอมมี่ป้าของเหมันต์ถามหลานชายของเธอด้วยความเป็นห่วง หลังจากที่เดินเข้าภายในห้องนอนของเขา และเห็นเจ้าตัวเอาแต่ก้มหน้ามองโทรศัพท์ อ่านข่าวของผู้เป็นพ่อที่สื่อกำลังประโคมข่าวอยู่
“ครับ” เหมันต์ตอบเพียงสั้น ๆ แค่นั้น ก่อนจะเงยหน้าออกจากโทรศัพท์ และเหม่อมองไปนอกหน้าต่าง ด้วยสายตาที่เหม่อลอย
“เหมไม่เป็นอะไรใช่ไหมลูก” เอมมี่ถามหลานชายสุดที่รักของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ทำไมป๋าถึงทำแบบนี้ครับป้าเอมมี่ ป๋าส่งผมอยู่ที่นี่กับลุงกับป้าตั้งแต่ที่แม่เสีย แล้วก็มาเยี่ยมผมนับครั้งได้ ทำเหมือนผมไม่ใช่ลูก เวลาผมจะกลับไทยทีก็มีข้ออ้างสารพัดไม่ให้ผมกลับ แล้วอยู่ ๆเขาก็ประกาศว่าจะแต่งงานใหม่ โดยที่เขาไม่คิดจะบอกผมเลยสักคำ นี่เขายังเห็นผมเป็นลูกอยู่หรือเปล่าครับป้าเอมมี่”
ชายหนุ่มระบายความรู้สึกออกมาอย่างขมขื่น เพราะตั้งแต่ที่เขาถูกส่งมาอยู่ที่อเมริกากับลุงและป้าของเขา ตั้งแต่อายุ 15 จนตอนนี้เขาเรียนจบปริญญาโท พ่อแท้ ๆของเขา มาเยี่ยมเขานับครั้งได้ และเวลาที่เขาจะกลับไทยไปเยี่ยมบ้าน พ่อของเขาก็มักจะมีข้ออ้างนู่นนี่นั่นสารพัด จนเขาแทบจะไม่ได้กลับไปเหยียบเมืองไทย และอยู่ ๆเขาก็ต้องมารับรู้ข่าวว่าพ่อของเขากำลังจะแต่งงานใหม่ และพาผู้หญิงคนนั้นเข้ามาแทนที่แม่ของเขา และอีกไม่นานก็คงจะแย่งทุกอย่างที่ควรจะเป็นของเขาไปอย่างแน่นอน ซึ่งเขาคงจะยอมให้เป็นอย่างนั้นไม่ได้ เขาคงต้องทำอะไรสักอย่าง เพื่อปกป้องทุกสิ่งทุกอย่างที่มันควรจะเป็นของเขา เหมันต์ใช้เส้นสายจากคุณตาเขาที่อยู่เมืองไทย ช่วยให้สืบประวัติของผู้หญิงที่ชื่อวิภา อัครนิกุล ผู้หญิงที่กำลังจะเข้ามาแทนที่แม่ของเขา ปรากฏว่าเธอเป็นดารานักแสดงรุ่นเก่า ที่ตอนนี้แทบจะไม่มีผลงาน แต่ก็ยังทำตัวเหมือนว่าตัวเองเด่นดังสูงส่ง เข้างานสังคม งานการกุศล ที่แต่แย่ที่สุดคือเธอ เข้าบ่อน และมีทีท่าว่าเธอกำลังจะติดการพนันงอมแงม และมีลูกชายบุญธรรมที่รับมาอุปการะจากสถานเลี้ยงเด็กกำพร้า 1 คน เรียนจบปริญญาตรีแล้ว“นี่ป๋าไม่สืบประวัติผู้หญิงคนนี้ก่อนหรือไง ประวัติแย่ขนาดนี้ ยังจะหลับหูหลับแต่งงานและยกย่องแทนแม่อีก อยู่มาจนอายุปูนนี้แล้ว เก่งรอบด้านทุกอย่าง แต่มาโง่โดนผู้หญิงหลอก”
หลังจากที่อ่านข้อมูลที่ได้รับมาจบ เหมันต์ก็ถึงกับมีอาการหงุดหงิดก่อนจะขยำกระดาษข้อมูลนั้นทิ้งด้วยความโมโห หน้าตาบูดบึ้ง เหมันต์คิดว่าเขาคงต้องทำอะไรสักอย่างเพื่อหยุดการแต่งงานครั้งนี้ เมื่อตัดสินใจได้ดังนั้น เหมันต์จึงจัดการเก็บกระเป๋าเพื่อเดินทางกลับเมืองไทย ประเทศบ้านเกิดของตัวเอง หลังจากที่เขาไม่ได้กลับไปเหยียบที่นั่นนานหลายปี โดยการกลับไทยครั้งนี้ เขาจะเดินทางกลับโดยที่จะไม่มีการแจ้งให้คนที่ได้ขึ้นว่าเป็นพ่อได้รับรู้ เพราะไม่อย่างนั้นเขาก็คงจะถูกห้ามไม่ให้เดินทางกลับ เหมือนครั้งก่อน ๆ ที่ผ่านมา“เหมตัดสินใจดีแล้วใช่ไหมลูก” ป้าเอมมี่ถามหลานชายสุดที่รักของเธอด้วยความเป็นห่วง
“ครับป้าเอมมี่ ผมตัดสินใจแล้วครับ ผมจะไม่ยอมให้ใครหน้าไหน เข้ามาแทนที่แม่ แล้วก็จะไม่ยอมเสียทุกอย่างที่ควรจะเป็นของผมไปเด็ดขาดครับ” เหมันต์ตอบกลับป้าของเขาออกไป ด้วยน้ำเสียงและแววตาที่มุ่งมั่น
“ในเมื่อแกตัดสินใจแน่วแน่แล้ว ลุงกับป้าก็จะเคารพในการตัดสินใจของแก แต่แกจำไว้นะ ไม่ว่ายังไงแกก็ยังมีลุงกับป้า ที่จะคอยอยู่เคียงข้างแกเสมอ” ลุงเคน ตบไหล่หลานชายสุดที่รักของเขาเบา ๆเป็นการให้กำลังใจ
“ขอบคุณครับ”
เหมันต์ตอบกลับคนสูงวัยทั้งสอง ที่เขารักและเคารพเหมือนพ่อและแม่แท้ ๆ เพราะตั้งแต่ที่ถูกพ่อแท้ ๆของเขาส่งมาอยู่ที่นี่ลุงเคนและป้าเอมมี่ก็ดูแลเขาเป็นอย่างดี เหมือนกับเขาเป็นลูกชายแท้ ๆ ของพวกเขาอีกคน นอกเหนือจาก คีรินลูกชายเพียงคนเดียวของพวกเขา“ป๋ากับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับ ผมจะคอยช่วยพี่เหมอีกแรงเองครับ” คีรินลูกชายเพียงคนเดียวของลุงเคนและป้าเอมมี่ ที่มีอายุอ่อนกว่าเหมันต์ 2ปี บอกกับพ่อกับแม่ของเขา
คีรินคือชายหนุ่ม ที่หน้าตาดี รูปร่างสูงโปร่ง คิ้วเข้ม หน้าคม จมูกโด่ง มีความมั่นใจในตัวเองสูง คล่องแคล่ว และเข้ากับคนอื่นได้ดี เพราะเขาเป็นคนช่างพูดช่างเจรจา และมักจะมีลูกล่อลูกชน จนใครต่อใครต่างก็ชื่นชอบเขาไปตาม ๆ กัน“นี่แกแกล้งโง่หรือโง่จริงกันแน่เนี่ย แกคิดได้ยังไงว่าจะไม่ย้ายตามฉันไปอยู่บ้านนู้น หลังจากที่ฉันแต่งงานกับคุณธาดาแล้ว”
เสียงคุณวิภา ดาราระดับตำนานแผดเสียงตวาดลูกชายบุญธรรมของเธอดังลั่นบ้านด้วยความหงุดหงิด หลังจากที่เธอได้รับคำตอบจากอีกฝ่ายว่าจะขออยู่บ้านหลังเดิมต่อ จะไม่ขอย้ายตามเธอไปอยู่ที่คฤหาสน์หลังใหญ่ของตระกูล ศิริพันธุ์วงษ์ ด้วยเหตุผลว่าเกรงใจเจ้าของบ้าน“แต่ผมหนาวใจที่บ้านนั้นจริง ๆนะครับคุณแม่” หนุ่มน้อยหน้าใสบอกกับแม่บุญธรรมของตัวเองตามสิ่งที่เขาคิด
“แกจะเกรงใจไปทำไม ฉันแต่งงานกับเขา ก็เท่ากับว่าฉันเป็นคุณผู้หญิงของบ้านนั้น แกก็ต้องตามฉันไป เพราะแกเป็นลูกชายฉัน ถ้าแกไม่ไป แล้วใครจะมาคอยรองมือรองตีนฉัน เวลาที่ฉันเรียกใช้ใครไม่ได้ล่ะ อย่ามาเรื่องมาก รีบไปเก็บข้าวของของแกซะ หลังจากวันแต่งงาน เราจะย้ายเข้าไปอยู่บ้านนั้นทันที”
“แต่….”
“ไม่ต้องมีตงมีแต่อะไรทั้งนั้น แกมีหน้าที่ฟังแล้วก็ทำตามที่ฉันสั่งเท่านั้น แล้วทีหลังก็อย่าคิดที่จะขัดคำสั่งฉันอีก ไม่อย่างนั้นแกเจอดีแน่ เข้าใจไหม!!!” เสียงคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรมตะคอกออกคำสั่งลูกชายบุญธรรมของเธอด้วยความหงุดหงิด
“เข้าใจครับ”
ลมหนาวทำได้เพียงแค่ก้มหน้าก้มตาตอบรับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรมของตัวเองไปแค่นั้น ทั้ง ๆที่ใจจริงแล้ว เขาไม่ได้อยากทำในสิ่งที่เธอสั่งเลยแม่แต่น้อย แต่เพราะคำว่าบุญคุณที่มันค้ำคอเขาอยู่ เขาจึงไม่สามารถจะปฏิเสธหรือแสดงท่าทีขัดใจผู้ที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแม่บุญธรรม ที่ส่งเสียให้เขาได้เรียนสูง ๆ ให้ข้าวให้น้ำ ให้ที่พัก จนเขาโตมาจนป่านนี้ได้*******************************************************************************************
ตอนนี้หนุ่มหล่อทั้งสองคนทั้งเหมันต์และคีริน ได้เดินทางมาถึงที่เมืองไทย บ้านเกิดเมืองนอนของพวกเขาทั้งคู่เป็นที่เรียบร้อยแล้ว ซึ่งการเดินทางครั้งนี้ พวกเขาเดินทางมากันอย่างเงียบ ๆโดยได้รับการช่วยเหลือ จากคุณพินิจ คุณตาแท้ ๆ ของเหมันต์และคีริน ที่ส่งคนไปรับพวกเขาถึงสนามบิน “ไม่ได้กลับมาซะนาน อะไรต่อมิอะไรเปลี่ยนไปเยอะมากเลยนะ ว่าไหมคีย์” ชายหนุ่มสุดหล่อที่สวมเพียงเสื้อยืดกางเกงยีนส์เข้ารูป สวมทับด้วยเสื้อโค้ทหนัง และแว่นตาสีดำ พูดขึ้นทันทีที่พวกเขาเดินทางมาถึง “ผมเองก็แทบจำอะไรไม่ได้เหมือนกันครับพี่เหม เพราะผมไปอยู่ที่นู่นพร้อมป๋ากับแม่ตั้งแต่ผมยังเด็ก ๆ” ชายหนุ่มสุดหล่อ ที่แต่งตัวสบาย ๆคล้ายกันพูดขึ้น ทั้งสองหนุ่มยืนคุยกันอยู่สักพัก ก็มีชายหนุ่มวัยประมาณ สามสิบกว่าเดินเข้ามาหาพวกเขา พร้อมกับบอกว่าคุณตาพินิจส่งให้เขามารับคนทั้งคู่ พวกเขาทั้งหมดจึงได้เดินทางออกจากสนามบินออกไปด้วยกัน เวลาผ่านไปไม่นานรถหรูสีดำสนิท ก็ขับเข้ามาจอด ณ.บริเวณหน้าบ้านหลังใหญ่ ก่อนจะมีชายหนุ่มที่พึ่งเดินทางกลับมาจากประเทศลงมาจากรถ แม่บ้านที่ยืนรออยู่หน้าบ้านออกมาต้อนรับ พร้อมกับช่วยพวกเขาขนกระเป๋าเข้าไปด้านใ
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอก แล้วที่แกทำแบบนี้ในงาน แกต้องการจะฉีกหน้าป๋าหรือไง เจ้าเหม” คุณธาดาต่อว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขาทันที ที่ทั้งหมดกลับถึงบ้าน หลังจากงานงานแต่งงานจบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “แล้วถ้าผมบอกป๋าว่าผมจะกลับมา แล้วป๋าจะให้ผมกลับมาไหมล่ะครับ” เหมันต์ยังคงยังพาดขาไขว่ห้าง ที่โซฟากลางห้องโถงด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ทุกร้อน พร้อมกับตอบกลับพ่อของเขาออกไป “แล้วฉันมีเหตุผลอะไร ถึงจะไม่ให้แกกลับมาล่ะ ในเมื่อแกเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน และที่นี่ก็บ้านของแก” “ป๋าแน่ใจเหรอครับ แต่เท่าที่ผมจำได้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผมไปอยู่นู่น ป๋าไปหาผมนับครั้งได้ แล้วเวลาผมจะกลับไทย ป๋าก็มักจะบ่ายเบี่ยง หาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างตลอด” “ก็ฉันงานยุ่ง ไปเยี่ยมแกบ่อย ๆไม่ได้แกก็รู้ว่าฉันทำเพื่อครอบครัว แล้วที่ไม่ให้แกกลับมา เพราะฉันกลัวว่าแกกลับมาแล้วจะทำให้แกคิดถึงแม่แกมากกว่าเดิมไง” “อย่างนั้นเหรอครับ นี่ป๋าจะบอกว่าที่ป๋าทำไปทั้งหมด ป๋าทำเพื่อผมสินะครับ” ทั้งสองพ่อลูกยังคงเถียงกันอย่างไม่ลดละ ทำให้วิภาที่นั่งฟังอยู่เริ่มจะหมดความอดทน ทั้งที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอแท้ ๆ แต่พอเหมันต์ปร
ในที่สุดเหมันต์ก็ตัดสินใจที่จะเข้ามาทำงานของพ่อของเขาที่บริษัท โดยมีคีรินเข้ามาทำงานด้วย ซึ่งข่าวการกลับมาสืบทอดกิจการในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของประธานบริษัทของเหมันต์ ก็กลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากในวงการ เพราะใคร ๆก็รู้ว่าธาดา ศิริพันธุ์วงษ์
ช่วงบ่ายของวันลมหนาว ก็ได้รับแจ้งจากแม่บ้าน ว่ามีคนมาเยี่ยมตอนนี้นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ซึ่งหลังจากที่ได้กินข้าวกินยาแล้วก็นอนพักแล้ว เขาก็รู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นจัดการตัวเ
ช่วงดึกของวัน เหมันต์กลับมาบ้านด้วยอาการเมามายแทบไม่ได้สติ และสาเหตุที่เขาต้องกินเหล้าจนเมามายขนาดนี้ ก็เพราะเขาโมโหภรรยาใหม่ของพ่อเขาที่กล้าหยิบของส่วนตัวของแม่เขามาใช้ แล้วก็เกือบจะได้จัดการกับผู้หญิงคนนั้นให้สาสมแล้ว แต่ดันมีหนุ่มน้อยหน้าหวานมาขอร้องเขาเอาไว้เสียก่อน จนเขาต้องออกจากงานและมาดื่มเหล้าดับความโมโหจนเมามายแทบไม่ได้สติแบบนี้ คีรินเป็นคนขับรถมาส
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ลมหนาวก็ขออนุญาตคุณธาดาและแม่บุญธรรมของเขาย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก โดยให้เหตุผลว่า มันเงียบสงบ และสะดวกเวลาที่เขาจะไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหาร ซึ่งในตอนแรกวิภาก็มีอาการขัดใจที่อยู่ ๆลมหนาวก็จะย้ายลงไป แต่เพราะคุณธาดาออกปากอนุญาต เธอจึงขัดอะไรไม่ได้ ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโมโห รอเวลาที่ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง เธอก็จะจัดการลูกบุญธรรมของเธอให้หนัก ให้สมกับที่กล้าขัดใจเธอ
ช่วงนี้คุณธาดาต้องเดินทางไปคุยงานที่ต่างประเทศนานหลายวัน เป็นโอกาสทองที่วิภาจะได้ออกไปข้างนอก เพื่อไปเข้าบ่อน เหมือนอย่างที่เธอเคยไป หลังจากที่เธอพยายามทำตัวดี เพื่อให้สามีของเธอเชื่อใจและไว้ใจมานาน ทั้ง ๆที่จริง ๆแล้ว คุณธาดาก็อยากให้เธอไปด้วย เพื่อไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา แต่เธอก็ให้เหตุผลอ้างว่า มีงานละครที่ต้องคุยรายละเอียดจึงทำให้เธอไปด้วยไม่ได้ คุณธาดาจึงเดินทางไปกับเหมันต์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาแค่สองคน “
หลังจากที่คุณธาดาและเหมันต์เดินทางกลับมาถึงบ้าน คุณวิภาก็รีบแต่งเนื้อแต่ตัวสวยจัดเต็มไว้รอรับสามีพร้อมกับสั่งให้จัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้ต้อนรับ เมื่อคืนเธอเลือกที่จะไม่ไปเข้าบ่อน เพราะกลัวว่าเธอจะกลับมาไม่ทันต้อนรับสามีของเธอในช่วงเช้า ส่วนลมหนาวที่เตรียมอาหารเสร็จแล้ว ก็กลับเข้าไปที่เรือนหลังเล็ก เพื่อเตรียมเอกสารไว้สอนเด็กนักเรียน เพราะวันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ต้องไปทำงาน “
วันนี้ทางโรงเรียนได้จัดกิจกรรมวันเด็กภายในโรงเรียนขึ้น ซึ่งในวันนี้มีทั้งบุคลากร ครูนักเรียน และผู้ปกครองเข้าร่วมกิจกรรมกันอย่างมากมาย ภายในงานวันนี้มีทั้งการแสดงของเด็ก ๆแต่ละห้อง กิจกรรมตอบคำถามชิงของรางวัล และกิจกรรมตามซุ้มต่าง ๆที่ทางโรงเรียนจัดไว้ให้ อีกหลายกิจกรรม เด็ก ๆ ทุกคนดูจะมีความสุขกับกิจกรรมในครั้งนี้มาก ๆ รวมถึงผู้ปกครองที่มาร่วมกิจกรรมครั้งนี้ก็ดูจะพอใจกับกิจกรรมที่จัดขึ้นไม่น้อย
“แหม...ช่วงนี้หายไปนานเลยนะครับคุณวิภาสุดสวย ผมนึกว่าคุณจะไม่มาที่บ่อนเล็ก ๆของผมซะแล้ว” เสี่ยชัต หนุ่มใหญ่เจ้าของบ่อนกาสิโน เอ่ยทักทายลูกค้าวีไอพีสุดสวยของเขาอย่างอารมณ์ดี “ไม่ต้องมาทำเป็
หลังจากที่คุณธาดาและเหมันต์เดินทางกลับมาถึงบ้าน คุณวิภาก็รีบแต่งเนื้อแต่ตัวสวยจัดเต็มไว้รอรับสามีพร้อมกับสั่งให้จัดเตรียมอาหารชุดใหญ่ไว้ต้อนรับ เมื่อคืนเธอเลือกที่จะไม่ไปเข้าบ่อน เพราะกลัวว่าเธอจะกลับมาไม่ทันต้อนรับสามีของเธอในช่วงเช้า ส่วนลมหนาวที่เตรียมอาหารเสร็จแล้ว ก็กลับเข้าไปที่เรือนหลังเล็ก เพื่อเตรียมเอกสารไว้สอนเด็กนักเรียน เพราะวันนี้เป็นวันหยุดเขาจึงไม่ต้องไปทำงาน “
ช่วงนี้คุณธาดาต้องเดินทางไปคุยงานที่ต่างประเทศนานหลายวัน เป็นโอกาสทองที่วิภาจะได้ออกไปข้างนอก เพื่อไปเข้าบ่อน เหมือนอย่างที่เธอเคยไป หลังจากที่เธอพยายามทำตัวดี เพื่อให้สามีของเธอเชื่อใจและไว้ใจมานาน ทั้ง ๆที่จริง ๆแล้ว คุณธาดาก็อยากให้เธอไปด้วย เพื่อไปเที่ยวเปิดหูเปิดตา แต่เธอก็ให้เหตุผลอ้างว่า มีงานละครที่ต้องคุยรายละเอียดจึงทำให้เธอไปด้วยไม่ได้ คุณธาดาจึงเดินทางไปกับเหมันต์ลูกชายเพียงคนเดียวของเขาแค่สองคน “
หลังจากที่เกิดเหตุการณ์วันนั้น ลมหนาวก็ขออนุญาตคุณธาดาและแม่บุญธรรมของเขาย้ายไปอยู่ที่เรือนหลังเล็ก โดยให้เหตุผลว่า มันเงียบสงบ และสะดวกเวลาที่เขาจะไปช่วยแม่บ้านเตรียมอาหาร ซึ่งในตอนแรกวิภาก็มีอาการขัดใจที่อยู่ ๆลมหนาวก็จะย้ายลงไป แต่เพราะคุณธาดาออกปากอนุญาต เธอจึงขัดอะไรไม่ได้ ได้แต่กำหมัดแน่นด้วยความโมโห รอเวลาที่ทั้งคู่อยู่กันตามลำพัง เธอก็จะจัดการลูกบุญธรรมของเธอให้หนัก ให้สมกับที่กล้าขัดใจเธอ
ช่วงดึกของวัน เหมันต์กลับมาบ้านด้วยอาการเมามายแทบไม่ได้สติ และสาเหตุที่เขาต้องกินเหล้าจนเมามายขนาดนี้ ก็เพราะเขาโมโหภรรยาใหม่ของพ่อเขาที่กล้าหยิบของส่วนตัวของแม่เขามาใช้ แล้วก็เกือบจะได้จัดการกับผู้หญิงคนนั้นให้สาสมแล้ว แต่ดันมีหนุ่มน้อยหน้าหวานมาขอร้องเขาเอาไว้เสียก่อน จนเขาต้องออกจากงานและมาดื่มเหล้าดับความโมโหจนเมามายแทบไม่ได้สติแบบนี้ คีรินเป็นคนขับรถมาส
ช่วงบ่ายของวันลมหนาว ก็ได้รับแจ้งจากแม่บ้าน ว่ามีคนมาเยี่ยมตอนนี้นั่งรออยู่ที่ห้องรับแขก ซึ่งหลังจากที่ได้กินข้าวกินยาแล้วก็นอนพักแล้ว เขาก็รู้สึกว่าอาการของเขาดีขึ้นมากแล้ว เขาจึงรีบลุกขึ้นจัดการตัวเ
ในที่สุดเหมันต์ก็ตัดสินใจที่จะเข้ามาทำงานของพ่อของเขาที่บริษัท โดยมีคีรินเข้ามาทำงานด้วย ซึ่งข่าวการกลับมาสืบทอดกิจการในฐานะลูกชายเพียงคนเดียวของประธานบริษัทของเหมันต์ ก็กลายเป็นที่สนใจของคนจำนวนมากในวงการ เพราะใคร ๆก็รู้ว่าธาดา ศิริพันธุ์วงษ์
“กลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมไม่บอก แล้วที่แกทำแบบนี้ในงาน แกต้องการจะฉีกหน้าป๋าหรือไง เจ้าเหม” คุณธาดาต่อว่าลูกชายเพียงคนเดียวของเขาทันที ที่ทั้งหมดกลับถึงบ้าน หลังจากงานงานแต่งงานจบลงเป็นที่เรียบร้อยแล้ว “แล้วถ้าผมบอกป๋าว่าผมจะกลับมา แล้วป๋าจะให้ผมกลับมาไหมล่ะครับ” เหมันต์ยังคงยังพาดขาไขว่ห้าง ที่โซฟากลางห้องโถงด้วยท่าทีสบาย ๆ ไม่ทุกร้อน พร้อมกับตอบกลับพ่อของเขาออกไป “แล้วฉันมีเหตุผลอะไร ถึงจะไม่ให้แกกลับมาล่ะ ในเมื่อแกเป็นลูกชายเพียงคนเดียวของฉัน และที่นี่ก็บ้านของแก” “ป๋าแน่ใจเหรอครับ แต่เท่าที่ผมจำได้ ตลอดระยะเวลาหลายปีที่ผมไปอยู่นู่น ป๋าไปหาผมนับครั้งได้ แล้วเวลาผมจะกลับไทย ป๋าก็มักจะบ่ายเบี่ยง หาเหตุผลร้อยแปดมาอ้างตลอด” “ก็ฉันงานยุ่ง ไปเยี่ยมแกบ่อย ๆไม่ได้แกก็รู้ว่าฉันทำเพื่อครอบครัว แล้วที่ไม่ให้แกกลับมา เพราะฉันกลัวว่าแกกลับมาแล้วจะทำให้แกคิดถึงแม่แกมากกว่าเดิมไง” “อย่างนั้นเหรอครับ นี่ป๋าจะบอกว่าที่ป๋าทำไปทั้งหมด ป๋าทำเพื่อผมสินะครับ” ทั้งสองพ่อลูกยังคงเถียงกันอย่างไม่ลดละ ทำให้วิภาที่นั่งฟังอยู่เริ่มจะหมดความอดทน ทั้งที่วันนี้เป็นวันแต่งงานของเธอแท้ ๆ แต่พอเหมันต์ปร