หลังเลิกงานช่วงค่ำของอีกวัน เฌอรีนมาที่ร้านอาหารแห่งนึง ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีคนแนะนำให้เธอมาติดต่อกับเจ๊ที่ชื่อว่าต้นอ้อ ภายนอกก็ดูเป็นร้านอาหารธรรมดานะ มีลูกค้าคึกคักเลยทีเดียวล่ะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเบื้องหน้าของการรับผู้หญิงเข้ามาขายตัว
"สวัสดีค่ะพี่" เธอเดินไปหาการ์ดสองคนที่ยืนอยู่
"มาหาใครน้อง?"
"ฉันมาหาเจ๊ต้นอ้อค่ะ"
"วันนี้เจ๊ต้นอ้อไม่ได้บอกว่านัดใครไว้ น้องเป็นใคร?"
เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อถูกการ์ดนั้นใช้สายตาหยาบโลนไล่มองเรือนร่างของเธอ
"พอดีมีคนแนะนำให้ฉันมาหาเจ๊ต้นอ้อค่ะ ฉันอยากทำงานกับเจ๊ต้นอ้อ"
"อ๋อ..." พูดแค่นี้ก็ดูเหมือนว่าการ์ดสองคนนั้นก็รู้แล้วว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร "รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวเข้าไปบอกเจ๊ก่อน"
"ค่ะพี่"
เฌอรีนยืนรอไม่ถึงห้านาที การ์ดที่บอกว่าจะเข้าไปบอกกับเจ๊ต้นอ้อก็เดินกลับออกมา
"เจ๊บอกว่าให้เข้าไปได้"
"ขอบคุณค่ะพี่"
หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในด้วยอาการที่รู้สึกเกร็งๆ ถึงจะเตรียมใจมาพร้อมแล้วแต่พอมาถึงที่แล้วจริงๆ เธอก็รู้สึกประหม่าไม่น้อยเลยเหมือนกัน
"สวัสดีค่ะ เจ๊ต้นอ้อ"
เจ้าของชื่อค่อยๆ หันกลับมา เฌอรีนตกใจอยู่เล็กน้อย เพราะตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงจะเป็นผู้หญิงมีอายุพอสมควรแล้ว แต่ไม่เลย เจ๊ต้นอ้อที่ว่ายังคงสวยมาก หุ่นดีหน้าตาดีอย่างกับนางแบบระดับแนวหน้า
"เธอเป็นใคร แล้วทำไมถึงมารู้จักฉันได้?"
"มีคนบอกมาค่ะ ฉันบอกว่าฉันอยากทำงานแบบเขา เขาก็เลยแนะนำให้มาหาเจ๊ต้นอ้อค่ะ"
"แล้วรู้หรือเปล่า ว่างานที่มีคนแนะนำมาให้ทำกับฉัน มันเป็นงานอะไร?"
"รู้ค่ะ"
"แล้วเธอรับได้?"
"ค่ะ"
"อันที่จริงฉันเองก็รับเด็กเรื่อยๆ นะ แต่ก็คัดที่หน้าตา หุ่นทรง ถ้าสวยดีหุ่นดีก็ราคาแรงหน่อยได้เป็นเด็กVIP เธอหน้าตาดีเลยนะ ทำไมถึงอยากมาทำงานนี้ล่ะ"
"ฉันอยากได้เงินค่ะ"
"อืม...ฉันก็พอจะรู้แหละนะ เด็กส่วนมากที่ฉันรับเข้ามา ส่วนใหญ่ก็อยากได้เงินกันทั้งนั้น เพราะมันเป็นงานง่าย ทำสบาย แถมได้เงินดีอีกต่างหาก"
"......"
"เธอชื่ออะไร แล้วอายุเท่าไหร่ทำไมถึงคิดจะขายตัว"
"ชื่อ เฌอค่ะ เฌอรีน อายุยี่สิบห้าค่ะ"
"อืม...แต่ฉันก็ขอบอกไว้ก่อนนะ งานแบบนี้เธอเลือกรับลูกค้าไม่ได้ มันก็มีหมดแหละนะ ทั้งคนที่นี่ หรือต่างประเทศ จะสองหรือสาม ถ้าเขาจ่ายเงินแล้ว เธอไม่มีสิทธิ์พูด"
"มะ มีทดลองไหมคะ"
"อะไรกัน งานแบบนี้มันไม่มีทดลองนะ เธอต้องช่ำชองมาจากข้างนอกแล้วสิ เธอต้องเก่ง เพราะถ้าเธอเก่งลูกค้าก็จะชอบ และกลับมาใช้บริการเธอซ้ำอีก"
"แต่ว่าฉันยังไม่เคย..." พูดเสียงแผ่วเบา
"อะไรนะ!"
"......" เฌอรีนเอาแต่ก้มหน้าก้มตา ทั้งเขินที่มาขอสมัครเป็นเด็กขายตัว และก็เขินที่ตัวเองไม่เคยมีประสบการณ์อะไรมาเลย เธอไม่เคยเสียตัวให้ผู้ชาย ไม่เคยมี sex เลยสักครั้ง แต่ก็พอจะรู้ว่ามันทำแบบไหน
"นี่เธอมาขายตัว ทั้งๆ ที่ตัวเองยังซิงเนี่ยนะ!" เจ๊ต้นอ้อถามด้วยความตกใจ เพราะไม่เคยเจอเรื่องแบบนี้มาก่อนเลย เด็กที่ตัวเองรับเข้ามาทำงาน ส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กที่ช่ำชองเรื่องบนเตียงมาก่อนอยู่แล้ว
"ฉันจำเป็นจริงๆ ค่ะ ฉันจำเป็นต้องใช้เงิน จำนวนมากเลย ได้โปรดรับฉันเถอะนะคะ" เฌอรีนเงยหน้าขึ้นขอร้องอ้อนวอนคนตรงหน้าทั้งน้ำตา เพราะถ้าได้งานตรงนี้เธอก็จะมีเงินมากพอเอาไปจ่ายหนี้สินที่มันพอกหลังตัวเองอยู่ ถึงมันจะไม่หมดเลยซะทีเดียว แต่อย่างน้อยมันก็จะช่วยให้มันเบาบางลงเรื่อยๆ
"อีกสองวัน จะมีงานประมูลใต้ดิน ถ้าเธอรับงานนี้จริงๆ เธอจะได้เงินก้อนใหญ่พอสมควรเลย แต่ก็ต้องแบ่งเปอร์เซ็นต์กับฉัน เธอจะโอเคหรือเปล่า?"
"แบ่งเท่าไหร่เหรอคะ"
"ฉันได้สามสิบส่วนเธอนั้นได้เจ็ดสิบ เพราะเธอจะถูกประมูลขาดไปกับคนที่ประมูลได้สูงสุด"
"ค่ะ ตกลงค่ะ"
"ถ้าอย่างนั้นอีกสองวันก็มาเจอฉันที่นี่ เพราะเธอจะต้องแต่งตัว เตรียมขึ้นเวทีประมูล"
.
.
สองวันต่อมา
เฌอรีนมาหาเจ๊ต้นอ้อที่เดิม ก่อนที่เธอนั้นจะถูกจับแต่งตัว และจับใส่ชุดที่มันค่อนข้างจะโชว์เนื้อหนัง จากนั้นก็พาไปที่ชั้นใต้ดิน ซึ่งข้างในเต็มไปด้วยผู้คนมากมาย แต่ทุกคนนั้นใส่หน้ากากไม่เปิดเผยตัวเอง ทว่าสายตาของคนเหล่านั้นที่กำลังมองมาที่เธอมันน่ากลัวยังไงชอบกล เหมือนพวกเสือที่หิวโหยกันมานาน
"ขึ้นไปอยู่บนเวทีนะ"
"แล้วฉันต้องทำอะไรไหมคะ"
"ไม่ต้องทำ"
เธอถูกจับใส่หน้ากากเช่นกัน จากนั้นก็ถูกพาไปอยู่บนเวที ท่ามกลางสายตาของผู้คน เธอรู้สึกเขินอายที่ต้องมาแต่งตัวแบบนี้ ต่อหน้าคนนับสิบ
หลังจากนั้นการประมูลก็เริ่มต้นขึ้น และเริ่มต้นที่ ห้าแสนบาท
ที่ค่าตัวเริ่มต้นของเธอแพงตั้งแต่เริ่ม ส่วนนึงก็มีผลมาจากการที่เธอยังบริสุทธิ์อยู่ด้วย
T:หกแสน
P:เจ็ดแสน
-
K:เก้าแสน
A:หนึ่งล้าน
ยอดการประมูลสูงขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนทุกคนที่นี่มีเงินพร้อมที่จะประมูล และพาเธอกลับออกไป แต่ถึงอย่างนั้นเงินแค่หลักล้านมันก็ยังไม่พอกับหนี้ของเธออยู่ดี
?:สิบล้าน!
ยอดเงินที่สูงลิบมันทำให้ทุกคนที่อยู่ในงานประมูล ถึงกับต้องหันกลับไปมองพร้อมกันเป็นตาเดียว
มีคนมาประมูลเธอในราคาหลัก 10 ล้าน แต่เธอไม่รู้ว่าคนนั้นเป็นใคร เพราะเขามีหน้ากากปิดบังใบหน้าของตัวเองอยู่ และด้วยราคาประมูลที่สูงลิบ จึงไม่มีใครกล้าที่จะประมูลต่อ เฌอรีนไม่คิดเลยว่าจะมีคนมาประมูลเธอในราคาขนาดนี้ด้วย ทำเอาเธอรู้สึกใจสั่นไม่น้อยเลย
10 ล้านครั้งที่ 1
10 ล้านครั้งที่ 2
.
.
.
10 ล้านครั้งที่ 3
"คุณผู้ชายท่านนี้ ชนะการประมูลไปในราคาสิบล้านครับ"
เฌอรีนถูกพาลงมาจากเวที หลังจากนั้นผู้หญิงคนอื่นๆ ก็ต้องขึ้นประมูลตัวไม่ต่างอะไรจากเธอ
"เฌอๆๆๆ !!! กรี๊ด ฉันไม่คิดไม่ฝันเลย"
"อะไรเหรอคะเจ๊?"
"ตั้งแต่ที่มีการประมูลแบบนี้มา ไม่เคยมีใครประมูลสูงขนาดนี้มาก่อนเลย เธอเป็นคนแรกเลยนะ ที่ถูกประมูลตัวไปสูงขนาดนี้"
"เหรอคะ"
"เดี๋ยวเปลี่ยนเสื้อผ้านะ แล้วเดี๋ยวจะมีคนพาออกไป"
"แล้วเฌอต้องไปอยู่กับคนที่ประมูลได้เลยใช่ไหม?"
"มันก็ใช่ แต่เธอก็ต้องไปดูก่อนว่า เขาจะให้เธอทำยังไง จะให้เธอกลับด้วยเลยไหม หรือว่าจะให้เธอเป็นเด็กเลี้ยงหรือว่าอะไร เธอก็ต้องลองถามเขาดูก่อน"
"ค่ะ"
เพราะเป็นผู้หญิงที่ถูกประมูลได้ และตามที่ได้ตกลงเอาไว้กับเจ๊ต้นอ้อตั้งแต่ตอนแรกคือเธอจะต้องไปอยู่กับเขาคนนั้นคิดแล้วก็หดหู่ใจ เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ก็เป็นวิธีหาเงินทางเดียวที่สามารถได้เงินก้อนใหญ่ได้ปึก!“อ๊ะคุณ...?” เฌอรีนกำลังจะต่อว่าที่ถูกชนทั้งๆ ที่เธอยืนหลบอยู่แล้วแท้ๆ การที่เขาเข้ามาชนขนาดนี้แสดงว่าเขาต้องตั้งใจมากๆ เลยล่ะ แต่ทว่าพอหันกลับไปเห็นเธอก็ต้องตกใจรีบหุบปากที่กำลังจะก่นด่าใส่เขาเพราะจำเสื้อผ้าที่เขาใส่ได้ เป็นผู้ชายที่ประมูลเธอ ในราคาหลักสิบล้าน! “คุณ?”“ไปได้ยัง?”“ปะ ไปไหนคะ?” เฌอรีนถามอย่างงๆ ก็เขาไม่ได้บอกก่อนนี่นา จู่ๆ ก็จะมาพากันไปเลย อย่างน้อยๆ ก็ควรคุยสักนิด“ที่ถามนี่โง่หรือแกล้งซื่อเรียกร้องอะไร?” พูดจบเขาก็ถอนหายใจใส่เธอแรงๆ พร้อมกับมองหน้าเธอตาแข็งกร้าวที่กำลังบ่งบอกว่าไม่พอใจเธอ “ปะ เปล่านะคะ ก็คุณจะพาฉันไปไหนล่ะ?”“ขายตัวให้ฉันแล้ว จะให้ฉันพาเธอกลับไปส่งบ้านเหรอ หน้าก็ไม่ได้โง่นะ”“เฮ้ยคุณ ด่ากันแรงไปป่ะ พูดดีๆ ก็ได้ไหม? ฉันแค่ถามว่าเราจะไปไหนกันแค่นั้นเอง”“.....” พอเห็นว่าเธอกล้าตอบกลับ ไม่ได้กลัวก้มหน้าร้องไห้เหมือนที่
อมเหรอ? เธอต้องเอาของที่ใหญ่ขนาดนี้เข้าปากจริงๆ เหรอ แล้วมันเข้าได้จริงดิ ดูจากขนาดแล้ววัดด้วยสายตาก็รู้แล้วว่ามันใส่เข้าไปไม่ได้หรอก“อมสิ มองอย่างเดียวมันจะแตกให้หรือไง”“อะ โอเค...” เธอจับแก่นกายใหญ่รูดกับสองมืออย่างเนิบนาบ ตานั้นจ้องกับเอ็นร้อนอย่างไม่วางตา ได้แต่พูดในใจว่าใหญ่ขนาดนี้จะอมเข้าปากไปได้ยังไง ไม่ฉีกหมดเหรอ“ซี๊ดอ่าส์...เธอจะรูดอีกนานมั้ย ฉันเงี่ยนแล้วนะ”“.....” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าเล็กน้อย เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นท่อนเอ็นลำยาวที่ผงาดอยู่ต่อหน้า ก่อนจะค่อยๆ โน้มศีรษะลงไปใช้ปากอมรูดแก่นกายให้แก่เขา“อึก...”“ระวังฟัน ถ้าโดนเอ็นฉันเจ็บ เธอโดนดีแน่”“อึก...” ใหญ่ขนาดนี้จะให้ยัดเข้าปากรวดเดียวเลยได้ยังไงกัน เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย ของผู้ชายมันใหญ่ขนาดนี้เชียวเหรอ หรือว่าเป็นขนาดเฉพาะบุคคลอืม...แก่นกายนี่มันร้อนผ่าว มีกลิ่นของส่วนนี้ของเขาแหละ ทั้งแข็งทั้งร้อน อมเข้าไปทีไม่มิดลำเลย ได้แค่ส่วนหัวเอง พยายามจะยัดเข้าไปให้ถึงครึ่งลำก็ยังยาก“ซี๊ด...อมเป็นมั้ยวะเนี่ย เขี้ยวมันขูดหนัง” “.....” ฉันพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วนะ แต่นี่มันเป็นครั้งแรกของฉันเลย ครั้งแรกท
วันถัดมา....เมื่อคืนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จะเรียกว่าหลับก็ไม่ได้สิ เพราะเธอสลบตั้งแต่ที่ยังมีเซ็กซ์กันอยู่เลย ทั้งที่ทำรอบเดียวแท้ๆ แต่มันกลับยาวนานเอามากๆ ตื่นเช้ามาก็ไม่เจอเขา และไม่เจอใครเลย ทุกอย่างเงียบกริบราวกับว่าเธอถูกทิ้งเข้าให้แล้ว"อือ..."หญิงสาวพยายามรวบรวมสติ ก่อนจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียง คิดว่าบนเตียงคงจะมีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ทุกอย่างกลับสะอาดไปหมด ไม่มีร่องรอยอะไรเลยแม้กระทั่งรอยเลือด ร่างกายของเธอก็ดูสะอาดสะอ้านดีราวกับว่าเขาทำความสะอาดให้แกร๊ก~"ตื่นละเหรอ?" ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง เขาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเหมือนกับว่ากำลังจะออกไปข้างนอก การแต่งตัวดูดี ถึงจะไม่ใช่ชุดสูทซะทีเดียวแต่มันก็ดูดีสำหรับเขา"......""เสื้อผ้าอยู่ในตู้ เสร็จแล้วก็ลงไปกินข้าว""คุณจะไปไหนคะ?""มันไม่ใช่เรื่องของเธอ และฉันก็ไม่ได้มีหน้าที่คอยรายงานเธอ ว่าจะไปไหนมาไหน""ฉันขอกระเป๋า กับโทรศัพท์ได้หรือเปล่าคะ""ของไม่จำเป็นเธอจะใช้ทำไม ครอบครัวก็ไม่มีแล้วนี่ เพื่อนก็ไม่เห็นมี เธอจะติดต่อหาใคร?""......." คำพูดของเขามันทำเอาเธอเจ็บแปล๊บที่อกข้างซ้าย เหมือนกำลังตอกย้ำว่าเธอตั
พอผู้หญิงคนนั้นบอกมันก็เหมือนเป็นการชี้นำทางให้ฉันคิดที่จะหนีออกจากที่นี่ จากที่ตอนแรกนั้นคิดจะถอดใจไปแล้ว สัญญาเลยว่าถ้าหนีไปได้ฉันจะหนีจากผู้ชายคนนี้ให้พ้นไปเลย เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าจะโดนคิลเมื่อไหร่นี่ฉันคงคิดผิดไปสินะที่เอาตัวเองมาประมูลแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดด้วยแหละ ว่าคนที่ประมูลฉันจะเป็นเขา"เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ฉันจะขึ้นมาเก็บจานนะคะ อยากได้อะไรเพิ่มไหม?""ของใช้ส่วนตัวค่ะ สำหรับผู้หญิงคุณน่าจะรู้""ค่ะ มีอะไรอีกไหมคะ?""มะ ไม่มีค่ะ"ของที่ฉันอยากได้จริงๆ ต่อให้เอ่ยปากขอเขาไปก็คงไม่ได้หรอก เพราะดูเหมือนว่าของไม่ได้อยู่ที่เธอแต่อยู่ที่เขาคนนั้นต่างหาก"งั้นฉันไปก่อนนะคะ""ค่ะ"เราสนทนากันอยู่ไม่กี่ประโยค ถึงผู้หญิงคนนี้จะดีกว่าคนก่อนหน้านั้น แต่การสนทนาก็ยังเย็นชาอยู่เหมือนเดิม สายตาก็ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ ดูแข็งๆ ไร้อารมณ์..เวลาต่อมาฉันลงมาที่ด้านล่างตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอก ชื่ออะไรก็ไม่รู้สิไม่ทันได้ถาม ประตูด้านหลังที่จะออกไปข้างนอกได้ไม่มีคนอยู่จริงๆ ไม่มีใครเฝ้าด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นประตูหลังบ้านก็ไม่รู้นะด้านนอกเป็นป่าล้อมรอบ บ้านของเขาเหมือนเป็นบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่กลางป่
เฌอรีนถูกขังไว้ในห้องนอนและถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน ข้อเท้าก็ถูกโซ่เส้นเล็กๆ นั้นคล้องเอาไว้ด้วย ข้าวปลาอาหารก็จะมีคนคอยเอามาให้ อึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่อยากอยู่แบบนี้แต่พูดไปมันก็เท่านั้นแหละ เพราะเธอเองที่เชื่อใจคนแปลกหน้าคิดว่าเขาจะเห็นใจ สุดท้ายก็เลยมาเป็นแบบนี้ต่อจากนี้เธอจะไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ต่อให้คนนั้นจะดีมากแค่ไหนก็ตามก๊อกๆๆ แกร๊ก..."???" ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ฉันได้แต่มองนิ่งๆ เพราะคนที่เข้ามาคือคนที่เป็นแม่บ้าน"ทำไมไม่กินข้าวตอนเช้าคะ?""ฉันไม่หิว" ฉันตอบกลับแบบไม่มองหน้าเลยสักนิด ไม่อยากพูดอะไรกับใครเลย"ไม่หิวก็ต้องกินนะคะ""อย่ามายุ่งกับฉัน" เอ่ยออกไปตัดความน่ารำคาญ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่อยากให้มีใครอยู่ด้วยทั้งนั้น"ตามใจค่ะ ฉันช่วยคุณไม่ได้นะคะ""....." ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไร ช่วยเหรอ พูดออกมาได้นะ เป็นคนล่อให้ฉันตกอยู่ในกับดักนี้แท้ๆ ยังจะกล้าพูดอีกนะ ไม่ต้องพูดอะไรเลยดีกว่าซะอีก..เวลาต่อมาแกร๊ก!!".....""ทำไมไม่กินข้าว?""ไม่อยากกิน""จะอดข้าวประท้วงเรียกร้องความสนใจหรือไง""ฉันไม่โง่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ""ก็นั่นน่ะสิ เด็กจบนอกมีการศึกษาแท้ๆ จะทำอะไ
ไม่รู้ว่าเซ็กซ์มันยาวนานไปแค่ไหน เธอหลับไปเพราะหมดแรงมาก ข้าวก็ไม่ได้กิน วันทั้งวันก็จิบแค่น้ำแก้หิวเท่านั้น ประชดเหรอ? ไม่เลยสักนิด ทำไมต้องประชดด้วยล่ะ คนอย่างเขามีค่าให้เธอต้องประชดด้วยหรือไง เธอคิดแค่ว่าคนอย่างเธอตายไปมันก็จบแล้วตอนแรกก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดี เพราะเธอเองก็แสดงความรับผิดชอบ ไม่ได้หนีอะไร ตอนนี้เพิ่งรู้แล้วว่า ความรับผิดชอบมันใช้ไม่ได้กับคนอย่างเขา..ฟึ่บ~'อะไรกัน ที่นี่ที่ไหน?' ฉันพูดกับตัวเอง พูดอยู่ในใจพร้อมกับมองรอบๆ ไม่รู้ว่าตัวเองหลุดมาอยู่ที่ไหน รอบตัวของฉันมันเต็มไปด้วยป่า บ้านของเขาเหรอ ป่าที่อยู่รอบๆ บ้านตรงที่ฉันกำลังจะวิ่งหนีมา อย่าบอกนะว่าฉันหนีมาได้ หรือว่าฉันตายไปแล้ววิญญาณก็เลยหลุดล่องลอยออกไปเร่ร่อนถ้าไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นความฝัน แต่ก็เป็นความฝันที่เหมือนจริงมากๆ เหมือนจริงจนฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นรอบๆ ตัว บรรยากาศที่หนาวเหน็บ ฉันรู้สึกถึงมันจริงๆ และความหนาวเหน็บที่อยู่รอบๆ ตัวมันทำให้ฉันไม่สามารถยืนนิ่งอยู่ได้ ฉันต้องเดินออกไปจากตรงนี้"เฌอรีนดา..." เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ฉันต้องชะงัก ฉันจำเสียงนี้ได้ดี เสียงหวาน
เวลาผ่านไปเพราะหนีออกไปไหนไม่ได้เธอเลยต้องทำใจยอมรับ ต่อจะให้พยายามหาทางหนีแต่เธอก็แค่ผู้หญิงตัวคนเดียวมันจะไปทำอะไรได้ นอกจากรอเวลาให้มันมีช่องโหว่อยู่จริงๆ เพราะเธอสัญญากับตัวเองตลอดว่า ตราบใดที่มีโอกาสเธอจะไม่ปล่อยให้มันผ่านไป เธอจะหนีไปจากเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ปึก!"อะไรคะ?""ยาคุมไง เห็นวันนั้นบอกอยากได้""....." ของสิ่งนั้นน่ะเหรอ เธอขอไปตั้งนานแล้ว ถ้าเธอจะท้องมันคงหลุดไปตั้งนานแล้วล่ะ"ทำไมมองงั้น ไม่พอใจอะไรอีก?""ฉันขอคุณไปตั้งนานแล้ว แต่คุณเพิ่งจะเอามาให้ฉัน คุณไม่รู้หรือไงว่าการกินยาคุมมันต้องกินแบบไหนเวลาไหน""ถ้างั้นก็ช่างมัน เอาไว้กินวันอื่นหลังจากที่เอากันเสร็จ""......" เธอไม่ได้พูดอะไรกับเขา ไม่อยากพูดไม่อยากคุย แม้แต่หน้าของเขาเธอยังไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ"ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยนะ""แค่เอายาคุมมาให้ เสร็จแล้วก็ออกไปสิคะ""อย่าปีกกล้าขาแข็งให้มันมากนัก การที่ฉันยอมเธอ มันไม่ได้แปลว่าเธอจะทำอะไรก็ได้" เขาพูดเสียงแข็งใส่"เอาสิ ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เพราะรอให้คุณมาฆ่าอยู่นี่ไง ทำไมถึงยังไม่ทำสักทีล่ะ?""เฌอรีน!"".......""เธอนี่ท้าทายฉันไม่เว้นแต่ละวันเลยนะ"มือหนาจ
เวลาผ่านไปอีกไม่รู้เท่าไหร่ รู้แต่ว่าฉันยังอยู่ที่เดิม ถึงจะได้ของใช้ส่วนตัวกลับคืนมาฉันก็ใช้งานอะไรไม่ได้เพราะโทรศัพท์ถูกตัดสัญญาณไปแล้ว และมันก็น่าจะเป็นฝีมือของเขาที่กลัวว่าฉันจะติดต่อหาใครสักคนด้านนอก สุดท้ายแล้วต่อให้ฉันจะได้โทรศัพท์คืนกลับมาแต่มันก็เท่านั้นแหละ เพราะมันใช้งานอะไรไม่ได้เลย ทั้งที่เขาเป็นคนย้ำเองว่าฉันไม่เหลือใครแล้ว แต่กลับกลัวว่าฉันจะติดต่อไปหาคนอื่น ดูย้อนแย้งดีเหมือนกันนะ“พอฉันอนุญาตให้ออกข้างนอกได้เข้าหน่อยก็เอายกใหญ่เลยนะ”“พูดอะไรมากเรื่อง จะให้ฉันอยู่แต่ห้องหรือไง สมอง!”“เฌอรีน! ปากเธอนี่มันดีเหลือเกินนะ”“แล้วไง ใครบอกให้มาหาเรื่องฉันก่อนล่ะ คิดว่าฉันจะยอมหรือไง”ฉันเถียงเขากลับ ก็ฉันเดินมาของฉันดีๆ แต่กลับเจอเขาพูดแบบนี้ใส่ อีลูกคุณหนูไม่เคยยอมใครแบบฉันจะยอมได้ยังไงด่ามาก็สวนกลับ กับคนอื่นฉันไม่รู้หรอกนะว่าเขาเคารพกันยังไง แต่ฉันไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับคนที่นี่ แล้วทำไมฉันต้องพูดดีด้วยล่ะ ไม่อาละวาดใส่ก็ดีแค่ไหนแล้ว รู้จักคนอย่างฉันน้อยไปสินะ“จะไปไหน?”“เดินเล่น ทำไมกลัวฉันหนีเหรอ?”“กลัวเธอจะไปผูกคอตายมากกว่า อย่างที่บอก ไม่อยากให้ใครตายที่บ้าน ก
หลังจากที่ฟื้นฉันก็รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกเกือบอาทิตย์ ความจริงคุณหมอให้ฉันกลับตั้งแต่ฟื้นสามวันแรกแล้วล่ะ แต่เขาให้ฉันอยู่ให้คุณหมอดูอาการก่อน กลัวแผลจะฉีก กลัวแผลจะติดเชื้อ นั่นนี่ๆ อะไรของเขาก็ไม่รู้ดูเรื่องมากไปหมดกลับมาบ้านของเขาคราวนี้ มันดูผิดตาไปหมดเลย จากที่ฉันรู้สึกว่าอยู่แล้วมันไม่มีชีวิตชีวา การตกแต่งก็ดูเฉยๆ ไม่ได้หน้ามองอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับมีดอกไม้มาประดับมากมาย จัดตกแต่งให้ดูหรูหราสวยชื่นตาไปหมด"มัวยืนมองอะไรอยู่ได้ ทำไมไม่เข้ามาสักทีล่ะ""......" ฉันถอนหายใจเบาๆ ถึงจะถูกจัดตกแต่งใหม่ทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นบ้านที่ใช้ขังฉันอยู่วันยังค่ำ ถึงจะทำให้มันดูดีขึ้นมา แต่มันก็ลบออกไปจากความทรงจำของฉันไม่ได้หรอก ความสวยงามมันก็อยู่ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละ"เฌอรีน""ทำไมถึงตกแต่งใหม่ล่ะ?""ก็แค่อยากให้มันดูสดชื่นก็เท่านั้น แต่ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันให้คนยกออกไปทิ้งก็ได้""ช่างมันเถอะ จะเอาออกหรือเอาไว้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรหรอก""......""ฉันอยากอยู่คนเดียว คุณไม่ต้องไปยุ่งล่ะ"ฉันพูดกับเขาแค่นั้นและเดินขึ้นบันไดไปทันที ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เฌอรีนยังคงหลับนิ่งอยู่บนเตียง ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นดีขึ้นมากแล้วแท้ๆเป็นเพราะสภาพจิตใจงั้นเหรอ? เพราะเธออยากตาย ไม่อยากอยู่งั้นเหรอ เธอถึงไม่ยอมลืมตาขึ้นมารับรู้สิ่งต่างๆ แต่แล้วสิ่งที่เขาหวังและรอคอยมาโดยตลอดก็เป็นจริง เฌอรีนฟื้นขึ้นมา เธอลืมตาและมองหน้าของเขา! ทำเอาเขาที่กำลังก้มหน้าก้มตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นถึงกับตกใจ“เฌอรีน!”“อืม...”“เป็นไงบ้าง อยะ..อย่าเพิ่งขยับนะ รอหมอมาตรวจก่อน”“......” เธอยังไม่ได้พูดอะไร เพราะยังไม่มีแรงเลย จะอ้าปากพูดกับเขายังเสียงแหบไปหมด“เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการต่างๆ ทั้งบาดแผลที่เธอถูกยิงและเรื่องที่เธอนั้นต้องแท้งลูกเพราะเหตุการณ์นี้“เธอเป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือเปล่า?” สิงห์เอ่ยถามคุณหมอที่เดินออกมาหลังจากที่ตรวจร่างกายเสร็จ“ครับ ร่างกายโดยรวมดีขึ้นมากเลย ส่วนเรื่องนั้นคุณสามีต้องพยายามค่อยๆ บอกเธอนะครับ เพราะมันรุนแรงมาก อาจจะกระทบจิตใจของคนเป็นแม่น่าดู เดี๋ยวหมอมาตรวจร่างกายพรุ่งนี้อีกทีนะครับ”“ครับ”อย่าว่าแต่เธอเลยที่รู้สึกไม่ดี เรื่องนี้มันก็กระทบจิตใจของเขาไม่ต่างก
พอมาถึงโรงพยาบาลเฌอรีนก็ถูกส่งเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที เนื่องจากกระสุนฝังอยู่ในร่างกาย บวกกับเสียเลือดมากถ้าไม่รีบผ่าตัด และช่วยเหลือไม่ทัน นั่นมันอาจจะหมายถึงชีวิตของเธอเลย"คุณหมอคะ ผลตรวจเลือด....คนไข้กำลังตั้งครรภ์ค่ะ" พยาบาลคนนึงรีบเดินเข้ามาในห้องที่กำลังวุ่นวาย"ว่ายังไงนะ!""ชีพจรก็เต้นอ่อนลงแล้วค่ะคุณหมอ!""เตรียมผ่าตัดเลย ไม่ทันแล้วล่ะ"ด้วยอาชีพจรรยาบรรณที่จะต้องพยายามรักษาชีวิตคนไข้ของตัวเองไว้ให้ได้ ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ และต้องทำการผ่าตัดเอากระสุนที่ฝังอยู่ในท้องออก ก็จำเป็นจะต้องเอาเด็กที่อยู่ในท้องออกเช่นกัน ทุกอย่างมันดูเสี่ยงไปหมด และคุณหมอก็มีทางเลือกอยู่ทางเดียว..ทางด้านนอกสิงห์ยังคงใจจดใจจ่อรออยู่ที่หน้าห้องที่เดิม เขายังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหมอ จนกว่าเธอจะปลอดภัย เขารู้ดีว่าเธอก็แค่โชคร้ายโดนกระสุน เพราะคนที่ไอ้มือปืนนั่นต้องการปลิดชีวิตก็คือเขา แต่เธอดันโชคร้ายมารับกระสุนแทนตึก ตึก ตึก"นายครับ!" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามา"จับตัวมันได้หรือเปล่า?!""มันหนีไปได้ครับ แต่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ ตอนนี้คนของเรากำลังตามล่ามันอยู่ อีกไม่เก
หลายวันผ่านไปเรื่องท้องเฌอรีนก็ยังไม่ได้บอกอะไรเขา เธอไม่พร้อมและก็ไม่คิดจะบอกอะไรเขาด้วย ในความคิดของเธอทุกอย่างจะต้องจบลงโดยที่เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่จะหาวิธีไหนมาบังหน้าได้เนี่ยสิ มันยากก็ตรงนี้แหละหมับ!มือหนาวางลงบนไหล่ของหญิงสาวที่กำลังนั่งเหม่อตาลอยอยู่ เธอสะดุ้งเฮือกพร้อมกับหันไปมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียวราวกับคนไม่สบายหนัก“เป็นอะไรของเธอ จับแค่นี้ถึงกับต้องตกใจเลยหรือไง”“คุณมาเงียบๆ ฉันก็ตกใจสิคะ”“หึหึ...ขวัญอ่อนจริงนะเธอ”“.......”เฌอรีนมองหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรกับเขา ไม่เข้าใจว่ามันน่าตลกนักหรือไงที่ทำให้เธอตกใจแล้วหัวเราะขึ้นมาได้โรคจิต! พวกที่ชอบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น“ตกลงเธอเป็นอะไร เห็นนั่งเหม่อนานแล้ว”“เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”“สายของฉันรายงานว่า เธอชอบมานั่งเหม่อแบบนี้ทุกวัน กินข้าวก็อย่างกับแมวดม หน้าตาไม่ชื่นมื่น อย่างกับคนป่วย”“ไม่น่าถามนะคะ ฉันเจอเรื่องมาสารพัด มีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามาในชีวิต จะให้ยิ้มร่าเหมือนคนมีความสุขเหรอ”“ก็แค่พูดในมุมที่ว่ามันไม่ปกติ”“นี่แหละฉัน ปกติของฉัน คุณน่าจะชินแล้วนะ”เฌอรีนลุกขึ้นและกำลังจะเดินออ
หลังจากที่กลับจากบนเกาะ คุณสิงห์เขาก็ให้อิสระฉันมากขึ้น สามารถไปไหนมาไหนเองได้ แต่ต้องมีคนของเขานั้นติดตามไปด้วย มันดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยล่ะนะ เพราะฉันไม่ต้องถูกขังให้อยู่แต่ในห้อง หรือถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในบ้านของเขาที่รอบๆ มันมีแต่ป่าตึก!“ออกรถค่ะ”“คุณเฌอจะไปที่ไหนครับ?”“โรงพยาบาลค่ะ แต่...เรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามรายงานเจ้านายคุณเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะหนี แล้วพวกคุณก็จะถูกเขาซ้อม”“ผมจำเป็น...”“คุณไม่พูด ฉันไม่หนี คุณก็ไม่ถูกลงโทษ ได้ประโยชน์นะคะคิดดีๆ”“อ่า...ครับ”อีกอย่างนึงเลยก็คือเวลาฉันจะออกไปข้างนอก คนขับรถจะต้องรายงานเขาตลอดว่าฉันออกไปไหน ทำอะไร ซื้อของนั่นนี่ อิสระที่สบายกายแต่รู้สึกอึดอัดใจแทน แต่มันก็ดีแหละ สำหรับคนที่ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับฉัน มันดีกว่าไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่นานนักคนขับรถก็พาฉันมาถึงโรงพยาบาล“แล้วจะให้บอกคุณสิงห์ว่ายังไงครับ?”“พาฉันออกมาดูบ้านหลังเก่าที่ถูกยึด แล้วเดี๋ยวฉันกลับมาจะให้พาไปอีกที่ เวลาบอกจะได้ตรงกัน”“ครับ”จะเล่นละครทั้งทีมันก็ต้องเอาให้เนียนสิจริงไหม ถ้าคนของเขาบอกอีกอย่าง ฉันพูดอีกอย่าง แบบนั้นคงได้ความแตกโดนจับได้ก่อนกันพอดีส
เวลาต่อจากนั้นหลังจากที่มาเฟียหนุ่มออกไปทำงานพร้อมกับลูกน้องแล้วเขาก็ปล่อยให้เธอนั้นอยู่ที่บ้านโดยที่ไม่มีคนของเขาเฝ้าดูแล เพราะมันไม่มีเรื่องอันตรายอะไร บวกกับมีจันทร์คอยอยู่เป็นเพื่อนจึงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ “คุณเฌอคะ ของว่างค่ะ”“ขอบคุณมากเลยนะคะ” “เมื่อเช้าที่ฉันจะถาม...” จู่ๆ จันทร์ก็เงียบไป ทำให้เฌอรีนหันมองด้วยความสงสัย ประจวบเหมาะกับที่เธอนึกขึ้นได้พอดี “นั่นสิคะ ฉันเองก็ลืมเลยเหมือนกัน คุณจันทร์จะถามอะไรเหรอคะ?”“คุณเฌอมีแฟนหรือเปล่าคะ?”“.....” เธอมองหน้าของเจ้าของคำถาม พร้อมกับยิ้มเจื่อนแก้เขินไป “ไม่มีค่ะ”“ขอโทษนะคะ ประจำเดือนมาประจำทุกเดือนไหมคะ”พอถูกถามถึงเรื่องนี้เฌอรีนก็ถึงกับหน้าชาไปหมดเลย เธอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสื่อถึงอะไรอยู่ ไม่มีประจำเดือนก็เท่ากับว่า เธออาจจะกำลังท้องอยู่ก็ได้“แต่ฉันไม่อยากให้คุณเฌอคิดมากนะคะ แต่อยากให้ลองไปตรวจน่ะค่ะ โรคภายในของผู้หญิง เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้ามนะคะ”“ว่าไงนะคะ?” หญิงสาวหันไปพูด เธอขมวดคิ้วเพราะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตอนแรกก็คิดว่าจันทร์จะสงสัยว่าเธอกำลังท้องซะอีก“ตรวจร่างกายน่ะค่ะ”“ฉันคิดว่าคุณจันทร์จะบอกว่าฉันท้อ
วันต่อมาเฌอรีนตื่นแต่เช้าลงไปหาสองแม่ลูกในครัวอีกบ้านหลังนึง เพราะไม่อยากนอนอยู่กับเขา ไม่อยากมองหน้าของเขา โกรธเรื่องเมื่อวานและสิ่งที่เขาทำเมื่อคืนไม่หายจริงๆ“นอนหลับสบายไหมคะคุณเฌอ”“สบายดีค่ะ” จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นทีว่าจะไม่ดีหรอก เพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอและเขาอยู่ในฐานะอะไรกัน“เมื่อคืนคุณสิงห์คงเมาน่าดู เพราะทางนี้นอนสลบอยู่หน้าประตูบ้าน”“แหะๆ ค่ะ เขย่าประตูเสียงดังลั่นเลย ฉันก็เลยต้องตื่นมาเปิดประตูน่ะค่ะ” เฌอรีนหัวเราะแห้ง“ตายจริง แบบนี้ก็คงนอนไม่หลับเลยสิคะ”“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เขาเองก็เมาหลับเหมือนกัน”“อ๋อ นึกว่าคุณเฌอนอนไม่หลับซะแล้ว”“ก็หลับค่ะ แค่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเขา”“วันนี้คุณเฌอต้องตามคุณสิงห์ไปดูสินค้าสินะคะ ไม่ต้องมาช่วยหรอกค่ะ”“ไม่เป็นอะไรค่ะ เผลอๆ เขาคงไม่ให้ฉันตามไปหรอก”“อ้าว ไหนว่าเป็น...?”“ฉันติดตามมาดูแลเขาน่ะค่ะ ไม่ใช่พนักงานหรือเลขาของเขา”“ตายจริง ฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจผิด” “ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ”ฉันไม่รู้จะบอกกับคุณจันทร์ยังไงดีเหมือนกัน แต่ก็เป็นอย่างที่บอกแหละ ฉันไม่ใช่คนของเขาที่จะทำงานแล้วกินเงินเดือน สถานะที่ฉันเข้าใจตอนนี้ก็คือ ล
“อ๊ะนี่คุณ!”“อืม ขอเอาหน่อย เงี่ยนว่ะ”ร่างหนาโถมตัวเข้ามาใส่เธอ ด้วยความที่เขาเมาไม่มีสติ เลยยั้งแรงของตัวเองไว้ไม่ได้“อื้อ คุณสิงห์ หยุดก่อนค่ะ คุณตัวหนักนะ” เธอพยายามจะผลักเขาออกไป แต่ก็ยากเพราะเขาทิ้งตัวลงมาให้เธอประคองเลย กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้ มันก็สมแล้วล่ะที่เขาจะไม่มีสติเอาซะเลย“อือ...ตัวหอมจัง”“อือคุณสิงห์...”เฌอรีนลากเขาขึ้นไปด้านบนอยากทุลักทุเล เพราะเขาทั้งตัวหนักและตัวใหญ่ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบเธอจะไปไหวได้ยังไงแต่ก็พาเขาขึ้นมาบนห้องจนได้นั่นแหละตุบ!“คราวหน้าถ้าเมาแล้วลำบากคนอื่นก็อย่าเมาอีกนะ เหนื่อยชะมัด!” เพราะตัวของเขาหนักมากๆ จนเธอนั่งบ่นเพราะกว่าจะแบกขึ้นมาถึงก็ใช้แรงไปไม่รู้เท่าไหร่ “อือ บ่นไรวะ!”“......” เฌอรีนถอนหายใจ ก่อนจะจับเขาถอดเสื้อออกเพราะเหม็นเสื้อที่มีกลิ่นเหล้า เธอไม่ชอบกลิ่นมันเท่าไหร่ แต่พอถอดเสื้อออกเท่านั้นแหละ เธอก็ได้เห็นรอยที่มันดูไม่น่ามองเท่าไหร่รอยลิปสติก?หมับ!!“อ๊ะ ฉันเจ็บนะคุณสิงห์”“มองอะไรอยู่ได้?” เขาจ้องหน้าเธอเหมือนกำลังเค้นเอาคำตอบ“เปล่าค่ะ อาบน้ำมั้ยคะ จะได้สร่างขึ้น”“อืม..อาบให้หน่อย อยากโดนถู”“......”เธอไม่ได้ปฏิเสธเ
ฉันนั่งเรืออยู่นานกว่าจะถึง ทั้งเวียนหัวคลื่นไส้ไม่รู้อาการบ้าอะไรเป็นไปหมดเลยฟึ่บ...“อึก...”“ไหวหรือเปล่า?”“จะอ้วกอ่ะ เวียนหัวคลื่นไส้ไงไม่รู้” ฉันพูดเสียงแหบๆ ณ ตอนนี้ไม่สนใจอะไรรอบข้างแล้วล่ะ มันมึนมันเวียนพาให้ขมุกขมัวไปหมดเลย ฉันไม่น่าตกลงมากับเขาตั้งแต่แรกเลย ดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ แย่ชะมัดเลย“สวัสดีค่ะคุณสิงห์ พาใครมาด้วยคะเนี่ย แฟนเหรอคะ”จบประโยคคำถามของผู้หญิงคนนั้นเขาก็มองหน้าของฉัน“เปล่าหรอก แค่คนติดตามน่ะ ฝากพาไปพักทีเธอเมาเรือนะ”“ได้ค่ะ”ฉันถูกผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าใครพาเดินออกไปจากกลุ่มคนมากมาย ก่อนจะพาฉันนั่งลงตรงที่อากาศโล่งๆ ลมพัดเย็นสบาย ผู้หญิงคนนั้นยื่นยาดมให้กับฉันโดยที่เราสองคนยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย“ช่วงนี้คลื่นแรง เรืออาจจะโคลงเคลงมากกว่าเดิมหน่อย นั่งเรือครั้งแรกเหรอคะ”“.....” ฉันมองแล้วพยักหน้าตอบ เพราะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไม่อยากคุยกับใครเลยด้วย“ครั้งแรกก็แบบนี้แหละค่ะ”“ว่าแต่คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอคะ?”“เป็นภรรยาค่ะ เจ้าของคือสามีของฉัน”“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อเฌอรีนค่ะ เรียกเฌอก็พอค่ะ”“ค่ะคุณเฌอ”“ครั้งหน้าถ้ามีงานอีกฉันจะบอกเขาว่