จุดเริ่มต้นของทุกอย่างมันเกิดขึ้นจากพ่อแม่ของเธอ ที่ดันไปโกงเงินมาเฟียขาใหญ่คนนึงเข้า และด้วยความที่ไม่รู้จะทำยังไงต่อ ทั้งสองตัดสินใจฆ่าตัวตายเพื่อหนีความผิดและหนีการชดใช้หนี้ ทำให้ลูกสาวที่กำลังเรียนต่อต่างประเทศต้องรีบกลับมากระทันหัน ทุกอย่างมันเกิดขึ้นไวมาก เธอเสียใจและก็ตกใจมากในเวลาเดียวกัน เพราะดันได้รับจดหมายหนี้สินจากทนายจำนวนร้อยกว่าล้านที่เธอต้องรับผิดชอบต่อ และก็รู้มาว่าที่พ่อแม่ฆ่าตัวตายก็เพราะหนีหนี้ ทิ้งทุกอย่างไว้ข้างหลังให้เธอรับผิดชอบต่อ ทั้งที่ไม่ได้รู้เรื่องอะไรด้วยเลย
หนี้ร้อยกว่าล้าน! แล้วเธอจะไปหามาจากไหนได้ เธอเป็นแค่นักศึกษาเองนะ
พ่อแม่ตายก็เสียใจอยู่ไม่น้อย แต่พอมารู้ว่าเขาทำแบบนี้เพื่อทิ้งทุกอย่างให้เธอรับผิดชอบต่อ เธอรู้สึกเจ็บใจแปลกๆ อยู่ลึกๆ ในใจ
สุดท้ายก็ต้องออกจากการเรียนกลางคัน เพื่อมาหางานทำชดใช้หนี้สิน เธอไม่มีบ้านอยู่ บริษัทของพ่อก็โดนยึดเพราะธุรกิจไม่โปร่งใส ฟอกเงิน ทุกๆ อย่างที่เคยมีก็สูญสิ้น เธอกลายเป็นคุณหนูตกอับที่ต้องทำงานหามรุ่งหามค่ำ ชดใช้หนี้สินท่วมหัวทุกเดือนที่ไม่รู้ว่ากี่ชาติจะชดใช้ได้หมด
มันหลีกเลี่ยงไม่ได้เลยที่ต้องรับผิดชอบในสิ่งที่ตัวเองไม่ได้ก่อขึ้นมา
"เฌอรีนเสร็จตรงนี้แล้ว เดี๋ยวช่วยไปเก็บของตรงนั้นหน่อยนะ"
"ค่ะเจ๊"
เพราะเป็นลูกจ้างเธอจึงไม่มีสิทธิ์เลือกอะไรมากนัก เขาสั่งอะไรก็ต้องทำ เถียงไม่ได้ ไม่ทำก็ไม่ได้อีกด้วย
กลางวันเฌอรีนทำงานเป็นพนักงานบริษัทแห่งหนึ่ง เลิกงานเธอก็มารับจ๊อบต่อ เพราะไม่อย่างนั้นเงินที่หาได้ทุกเดือนก็จะไม่พอใช้
เธอทำอยู่แบบนี้ไม่รู้ว่าผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว แต่ทุกอย่างก็ไม่ได้ดีขึ้นเลย เพราะเงินที่หามาได้มันน้อยนิดมากๆ เทียบกับรายจ่ายต่อเดือนแล้ว
"เฮ้อ...เวรกรรมอะไรของแกนะยัยเฌอ เป็นคุณหนูอยู่ดีๆ ก็ดันตกอับซะงั้น" หญิงสาวนั่งบ่นกับตัวเอง ดีหน่อยนะที่เธอน่ะเป็นคนเข้มแข็ง ถึงภายนอกจะดูร้ายๆ แรงๆ แต่ก็ไม่ใช่คนแข็งกระด้างอะไร เลยพอจะเข้ากับพวกเพื่อนร่วมงานได้บ้าง
.
.
ด้านหลังร้านอาหารที่เฌอรีนทำงานอยู่
"วันนี้ออกแขกเจอลูกค้าใจดี ให้ติ๊บฉันมาตั้งหมื่นนึงแหนะ"
"หูย ใจป๋ามากเลยอ่ะ ทำอีท่าไหนวะ ลูกค้าถึงได้ให้ติ๊บมาขนาดนี้"
"แหม...เสี่ยแก่ๆ แบบนั้น เอาใจนิดเอาใจหน่อย พูดเพราะๆ เอานมถูแขนอ้อน อยากได้อะไรก็ได้แล้ว"
"เมื่อไหร่ฉันจะมีวาสนาเจอแบบนี้บ้างนะ"
"อยู่ที่หนังหน้าด้วยจ้ะเพื่อนสาว หน้าตาดีก็ง่ายหน่อย แต่ถ้าหน้าตาไม่ได้เรื่องก็ยาก"
"ใช่ซี้ ฉันมันหน้าตาไม่ดีเท่าเธอนี่"
"มันแน่นอนอยู่แล้วย่ะ"
เฌอรีนที่กำลังเก็บกวาดทำความสะอาดอยู่หลังร้าน บังเอิญไปได้ยินผู้หญิงสองคนกำลังคุยกันพอดี เธอรู้ว่าประโยคที่ทั้งสองคนกำลังสนทนากันอยู่นั้นมันคือเรื่องอะไร แต่เม็ดเงินหลักหมื่นในคืนเดียวที่ได้ยิน มันทำเอาเธอถึงกับหูผึ่งเลยทีเดียว ณ เวลานี้เธอไม่ได้สนศักดิ์ศรีอะไรแล้วล่ะ เธอแค่อยากมีเงินเยอะๆ ทำงานได้เงินเยอะๆ จะได้เอามาจ่ายหนี้ที่ตัวเองต้องรับผิดชอบอยู่ตอนนี้ให้หมด
"ขอโทษนะ ที่คุยกันเมื่อกี้น่ะ ฉันสนใจอยากทำด้วย ฉันต้องสมัครยังไงเหรอ?" เฌอรีนรีบเดินเข้าไปถาม
"ไม่ต้องใช้อะไรหรอก เพราะมีแค่หน้าตากับช่วงล่างเธอเท่านั้นแหละที่เอาใช้งาน ลองไปถามเจ๊ต้นอ้อเอาเองละกัน"
"ขอบใจนะ"
ตอนนี้เธอไม่ได้สนใจแล้วว่าเงินที่ตัวเองได้มานั้นมันจะได้มาด้วยวิธีไหน ถ้ามันทำให้เธอต้องลดคุณค่าของตัวเอง แต่ได้เงินมาง่ายๆ มากพอที่จะต้องใช้จ่ายเธอก็ยอม ถึงแม้เรื่องนั้นมันจะเป็นเรื่องที่เธอไม่ชอบเลยก็ตาม
แต่ก่อนเธอเคยเป็นลูกคุณหนู เป็นผู้หญิงที่รักศักดิ์ศรียิ่งกว่าชีวิต เคยสัญญากับตัวเองว่าไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเธอจะไม่มีวันขายตัวเพื่อหาเงิน แต่ตอนนี้เธอต้องกลืนน้ำลายตัวเองแล้ว คนเราต้องเลือกวิธีที่มันทำให้ตัวเองสามารถมีชีวิตรอดไปได้
"เฌอรีนเสร็จหรือยัง จะได้ปิดหลังร้าน"
"เสร็จแล้วๆ"
เธอรีบเก็บข้าวของและปิดร้านในทันที จากนั้นก็เดินกลับห้องพักของตัวเองเหมือนอย่างเคยทุกวัน เมื่อก่อนเธอเคยอยู่คอนโด มีชีวิตที่สุขสบาย มีของใช้แบบครบครัน แต่ตอนนี้เธอต้องอยู่ห้องเช่าแบบซอมซ่อ เพราะมันราคาถูกที่สุดแล้ว อาหารการกินก็ง่ายๆ กับข้าวถุงจากตลาดใกล้ห้องพัก หรือไม่ก็ของเหลือจากร้าน ที่ขายไม่หมด ไม่ว่าจะด้วยวิธีไหนที่เธอจะสามารถประหยัดเงินได้เธอจะทำมัน
'ไม่อยากจะคิดเลยนะ ว่าชีวิตของคนเรามันจะตกต่ำแบบฮวบลงได้ขนาดนี้'
เฌอรีนยืนคิดอยู่ในใจ พร้อมกับแหงนหน้ามองไปบนตึกสูงเสียดฟ้า แต่ก่อนเธอเคยอยู่บนนั้น เคยเป็นลูกคุณหนู ที่อยู่บนคอนโดแสนสุขสบาย แต่ตอนนี้เธอตกลงมาอยู่ตรงนี้แล้ว
เสียใจไหมก็ไม่นะ เธอเป็นคนเข้มแข็งพอตัวเลย ยิ่งรู้ว่าพ่อกับแม่ยอมตายเพื่อทิ้งทุกอย่างไว้ให้เธอรับผิดชอบ เธอยิ่งไม่อยากจะร้องไห้ เสียน้ำตาให้กับเรื่องพวกนี้เลย
ถ้ายังอยู่ด้วยกัน ช่วยกันทำงาน หาเงินมาใช้หนี้สิน มันก็คงจะดีกว่านี้
ไม่นานนักหญิงสาวก็เดินกลับมาถึงห้องเช่าซอมซ่อของตัวเอง ไม่มีเครื่องปรับอากาศ มีเพียงพัดลมเพดานที่เก่าคร่ำครึจนแทบจะไม่หมุนอยู่แล้ว ของแต่ละอย่างก็พอใช้ได้ ไม่ถึงกับลำบาก อย่างน้อยมันก็กันแดดกันฝนได้
ตอนเช้าเธอต้องตื่นแต่เช้าเพื่อนั่งรถเมล์ไปทำงานบริษัทที่เป็นงานประจำของเธอ เงินเดือนเธอได้รับจากตรงนี้ ส่วนจากงานอื่นๆ ก็จะเป็นเงินที่จ่ายแบบวีคมากกว่า เธอต้องทำแบบนี้ถึงจะอยู่รอดทุกเดือน
ถ้าได้ขายตัวจริงๆ เธอคงจะหาเสี่ยสักคนมาคอยเลี้ยงดู เพราะถ้าได้เงินจากการขายตัวตรงนี้มันก็คงจะมากพอ ถ้าบวกกับงานประจำที่เธอทำอยู่แล้ว อย่างน้อยก็จะได้ไม่ต้องลำบาก ไปรับจ๊อบทำงานตามร้านอาหารต่างๆ หลังเลิกงาน
งานสุขสบายแค่อ้าขาแล้วรอผู้ชายเข้ามาเสียบ มันไม่เห็นจะเป็นเรื่องยากอะไรเลย ไหนๆ ของตรงนี้ก็มีเอาไว้ใช้อยู่แล้วนี่ เธอไม่ได้คิดที่จะเอาไปใช้กับคนรักหรือใครแล้วล่ะ เพราะเธอไม่คิดที่จะหาแล้ว ทุกวันนี้เอาตัวเองให้รอดก่อน เธอคิดแค่นี้เอง
หลังเลิกงานช่วงค่ำของอีกวัน เฌอรีนมาที่ร้านอาหารแห่งนึง ซึ่งเป็นร้านอาหารที่มีคนแนะนำให้เธอมาติดต่อกับเจ๊ที่ชื่อว่าต้นอ้อ ภายนอกก็ดูเป็นร้านอาหารธรรมดานะ มีลูกค้าคึกคักเลยทีเดียวล่ะ ไม่คิดว่ามันจะเป็นเบื้องหน้าของการรับผู้หญิงเข้ามาขายตัว"สวัสดีค่ะพี่" เธอเดินไปหาการ์ดสองคนที่ยืนอยู่"มาหาใครน้อง?""ฉันมาหาเจ๊ต้นอ้อค่ะ""วันนี้เจ๊ต้นอ้อไม่ได้บอกว่านัดใครไว้ น้องเป็นใคร?"เธอรู้สึกประหม่าเล็กน้อย เมื่อถูกการ์ดนั้นใช้สายตาหยาบโลนไล่มองเรือนร่างของเธอ"พอดีมีคนแนะนำให้ฉันมาหาเจ๊ต้นอ้อค่ะ ฉันอยากทำงานกับเจ๊ต้นอ้อ""อ๋อ..." พูดแค่นี้ก็ดูเหมือนว่าการ์ดสองคนนั้นก็รู้แล้วว่าเธอกำลังหมายถึงอะไร "รออยู่ตรงนี้ก่อนนะ เดี๋ยวเข้าไปบอกเจ๊ก่อน""ค่ะพี่"เฌอรีนยืนรอไม่ถึงห้านาที การ์ดที่บอกว่าจะเข้าไปบอกกับเจ๊ต้นอ้อก็เดินกลับออกมา"เจ๊บอกว่าให้เข้าไปได้""ขอบคุณค่ะพี่"หญิงสาวเดินเข้าไปข้างในด้วยอาการที่รู้สึกเกร็งๆ ถึงจะเตรียมใจมาพร้อมแล้วแต่พอมาถึงที่แล้วจริงๆ เธอก็รู้สึกประหม่าไม่น้อยเลยเหมือนกัน"สวัสดีค่ะ เจ๊ต้นอ้อ"เจ้าของชื่อค่อยๆ หันกลับมา เฌอรีนตกใจอยู่เล็กน้อย เพราะตอนแรกเธอคิดว่าเขาคงจะเป็
เพราะเป็นผู้หญิงที่ถูกประมูลได้ และตามที่ได้ตกลงเอาไว้กับเจ๊ต้นอ้อตั้งแต่ตอนแรกคือเธอจะต้องไปอยู่กับเขาคนนั้นคิดแล้วก็หดหู่ใจ เธอไม่ได้อยากทำแบบนี้เลย แต่มันก็เลี่ยงไม่ได้ แต่ก็เป็นวิธีหาเงินทางเดียวที่สามารถได้เงินก้อนใหญ่ได้ปึก!“อ๊ะคุณ...?” เฌอรีนกำลังจะต่อว่าที่ถูกชนทั้งๆ ที่เธอยืนหลบอยู่แล้วแท้ๆ การที่เขาเข้ามาชนขนาดนี้แสดงว่าเขาต้องตั้งใจมากๆ เลยล่ะ แต่ทว่าพอหันกลับไปเห็นเธอก็ต้องตกใจรีบหุบปากที่กำลังจะก่นด่าใส่เขาเพราะจำเสื้อผ้าที่เขาใส่ได้ เป็นผู้ชายที่ประมูลเธอ ในราคาหลักสิบล้าน! “คุณ?”“ไปได้ยัง?”“ปะ ไปไหนคะ?” เฌอรีนถามอย่างงๆ ก็เขาไม่ได้บอกก่อนนี่นา จู่ๆ ก็จะมาพากันไปเลย อย่างน้อยๆ ก็ควรคุยสักนิด“ที่ถามนี่โง่หรือแกล้งซื่อเรียกร้องอะไร?” พูดจบเขาก็ถอนหายใจใส่เธอแรงๆ พร้อมกับมองหน้าเธอตาแข็งกร้าวที่กำลังบ่งบอกว่าไม่พอใจเธอ “ปะ เปล่านะคะ ก็คุณจะพาฉันไปไหนล่ะ?”“ขายตัวให้ฉันแล้ว จะให้ฉันพาเธอกลับไปส่งบ้านเหรอ หน้าก็ไม่ได้โง่นะ”“เฮ้ยคุณ ด่ากันแรงไปป่ะ พูดดีๆ ก็ได้ไหม? ฉันแค่ถามว่าเราจะไปไหนกันแค่นั้นเอง”“.....” พอเห็นว่าเธอกล้าตอบกลับ ไม่ได้กลัวก้มหน้าร้องไห้เหมือนที่
อมเหรอ? เธอต้องเอาของที่ใหญ่ขนาดนี้เข้าปากจริงๆ เหรอ แล้วมันเข้าได้จริงดิ ดูจากขนาดแล้ววัดด้วยสายตาก็รู้แล้วว่ามันใส่เข้าไปไม่ได้หรอก“อมสิ มองอย่างเดียวมันจะแตกให้หรือไง”“อะ โอเค...” เธอจับแก่นกายใหญ่รูดกับสองมืออย่างเนิบนาบ ตานั้นจ้องกับเอ็นร้อนอย่างไม่วางตา ได้แต่พูดในใจว่าใหญ่ขนาดนี้จะอมเข้าปากไปได้ยังไง ไม่ฉีกหมดเหรอ“ซี๊ดอ่าส์...เธอจะรูดอีกนานมั้ย ฉันเงี่ยนแล้วนะ”“.....” หญิงสาวเงยหน้าขึ้นมองคนตรงหน้าเล็กน้อย เธอกลืนน้ำลายอึกใหญ่เมื่อเห็นท่อนเอ็นลำยาวที่ผงาดอยู่ต่อหน้า ก่อนจะค่อยๆ โน้มศีรษะลงไปใช้ปากอมรูดแก่นกายให้แก่เขา“อึก...”“ระวังฟัน ถ้าโดนเอ็นฉันเจ็บ เธอโดนดีแน่”“อึก...” ใหญ่ขนาดนี้จะให้ยัดเข้าปากรวดเดียวเลยได้ยังไงกัน เพิ่งเคยเห็นนะเนี่ย ของผู้ชายมันใหญ่ขนาดนี้เชียวเหรอ หรือว่าเป็นขนาดเฉพาะบุคคลอืม...แก่นกายนี่มันร้อนผ่าว มีกลิ่นของส่วนนี้ของเขาแหละ ทั้งแข็งทั้งร้อน อมเข้าไปทีไม่มิดลำเลย ได้แค่ส่วนหัวเอง พยายามจะยัดเข้าไปให้ถึงครึ่งลำก็ยังยาก“ซี๊ด...อมเป็นมั้ยวะเนี่ย เขี้ยวมันขูดหนัง” “.....” ฉันพยายามทำให้ดีที่สุดแล้วนะ แต่นี่มันเป็นครั้งแรกของฉันเลย ครั้งแรกท
วันถัดมา....เมื่อคืนหลับไปตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่รู้ จะเรียกว่าหลับก็ไม่ได้สิ เพราะเธอสลบตั้งแต่ที่ยังมีเซ็กซ์กันอยู่เลย ทั้งที่ทำรอบเดียวแท้ๆ แต่มันกลับยาวนานเอามากๆ ตื่นเช้ามาก็ไม่เจอเขา และไม่เจอใครเลย ทุกอย่างเงียบกริบราวกับว่าเธอถูกทิ้งเข้าให้แล้ว"อือ..."หญิงสาวพยายามรวบรวมสติ ก่อนจะประคองตัวเองให้ลุกขึ้นจากเตียง คิดว่าบนเตียงคงจะมีร่องรอยอะไรหลงเหลืออยู่บ้าง แต่ทุกอย่างกลับสะอาดไปหมด ไม่มีร่องรอยอะไรเลยแม้กระทั่งรอยเลือด ร่างกายของเธอก็ดูสะอาดสะอ้านดีราวกับว่าเขาทำความสะอาดให้แกร๊ก~"ตื่นละเหรอ?" ชายหนุ่มเดินเข้ามาในห้อง เขาแต่งตัวใส่เสื้อผ้าเหมือนกับว่ากำลังจะออกไปข้างนอก การแต่งตัวดูดี ถึงจะไม่ใช่ชุดสูทซะทีเดียวแต่มันก็ดูดีสำหรับเขา"......""เสื้อผ้าอยู่ในตู้ เสร็จแล้วก็ลงไปกินข้าว""คุณจะไปไหนคะ?""มันไม่ใช่เรื่องของเธอ และฉันก็ไม่ได้มีหน้าที่คอยรายงานเธอ ว่าจะไปไหนมาไหน""ฉันขอกระเป๋า กับโทรศัพท์ได้หรือเปล่าคะ""ของไม่จำเป็นเธอจะใช้ทำไม ครอบครัวก็ไม่มีแล้วนี่ เพื่อนก็ไม่เห็นมี เธอจะติดต่อหาใคร?""......." คำพูดของเขามันทำเอาเธอเจ็บแปล๊บที่อกข้างซ้าย เหมือนกำลังตอกย้ำว่าเธอตั
พอผู้หญิงคนนั้นบอกมันก็เหมือนเป็นการชี้นำทางให้ฉันคิดที่จะหนีออกจากที่นี่ จากที่ตอนแรกนั้นคิดจะถอดใจไปแล้ว สัญญาเลยว่าถ้าหนีไปได้ฉันจะหนีจากผู้ชายคนนี้ให้พ้นไปเลย เพราะฉันก็ไม่รู้ว่าจะโดนคิลเมื่อไหร่นี่ฉันคงคิดผิดไปสินะที่เอาตัวเองมาประมูลแบบนี้ แต่ก็ไม่คิดด้วยแหละ ว่าคนที่ประมูลฉันจะเป็นเขา"เดี๋ยวตอนบ่ายๆ ฉันจะขึ้นมาเก็บจานนะคะ อยากได้อะไรเพิ่มไหม?""ของใช้ส่วนตัวค่ะ สำหรับผู้หญิงคุณน่าจะรู้""ค่ะ มีอะไรอีกไหมคะ?""มะ ไม่มีค่ะ"ของที่ฉันอยากได้จริงๆ ต่อให้เอ่ยปากขอเขาไปก็คงไม่ได้หรอก เพราะดูเหมือนว่าของไม่ได้อยู่ที่เธอแต่อยู่ที่เขาคนนั้นต่างหาก"งั้นฉันไปก่อนนะคะ""ค่ะ"เราสนทนากันอยู่ไม่กี่ประโยค ถึงผู้หญิงคนนี้จะดีกว่าคนก่อนหน้านั้น แต่การสนทนาก็ยังเย็นชาอยู่เหมือนเดิม สายตาก็ดูน่ากลัวยังไงก็ไม่รู้ ดูแข็งๆ ไร้อารมณ์..เวลาต่อมาฉันลงมาที่ด้านล่างตามที่ผู้หญิงคนนั้นบอก ชื่ออะไรก็ไม่รู้สิไม่ทันได้ถาม ประตูด้านหลังที่จะออกไปข้างนอกได้ไม่มีคนอยู่จริงๆ ไม่มีใครเฝ้าด้วย ไม่รู้ว่าเป็นเพราะเป็นประตูหลังบ้านก็ไม่รู้นะด้านนอกเป็นป่าล้อมรอบ บ้านของเขาเหมือนเป็นบ้านเดี่ยวที่ตั้งอยู่กลางป่
เฌอรีนถูกขังไว้ในห้องนอนและถูกสั่งห้ามไม่ให้ออกไปไหน ข้อเท้าก็ถูกโซ่เส้นเล็กๆ นั้นคล้องเอาไว้ด้วย ข้าวปลาอาหารก็จะมีคนคอยเอามาให้ อึดอัดแต่ก็ทำอะไรไม่ได้เลย ไม่อยากอยู่แบบนี้แต่พูดไปมันก็เท่านั้นแหละ เพราะเธอเองที่เชื่อใจคนแปลกหน้าคิดว่าเขาจะเห็นใจ สุดท้ายก็เลยมาเป็นแบบนี้ต่อจากนี้เธอจะไม่ไว้ใจใครอีกแล้ว ต่อให้คนนั้นจะดีมากแค่ไหนก็ตามก๊อกๆๆ แกร๊ก..."???" ประตูห้องถูกเปิดเข้ามา ฉันได้แต่มองนิ่งๆ เพราะคนที่เข้ามาคือคนที่เป็นแม่บ้าน"ทำไมไม่กินข้าวตอนเช้าคะ?""ฉันไม่หิว" ฉันตอบกลับแบบไม่มองหน้าเลยสักนิด ไม่อยากพูดอะไรกับใครเลย"ไม่หิวก็ต้องกินนะคะ""อย่ามายุ่งกับฉัน" เอ่ยออกไปตัดความน่ารำคาญ ฉันอยากอยู่เงียบๆ คนเดียว ไม่อยากให้มีใครอยู่ด้วยทั้งนั้น"ตามใจค่ะ ฉันช่วยคุณไม่ได้นะคะ""....." ฉันไม่ได้ตอบกลับอะไร ช่วยเหรอ พูดออกมาได้นะ เป็นคนล่อให้ฉันตกอยู่ในกับดักนี้แท้ๆ ยังจะกล้าพูดอีกนะ ไม่ต้องพูดอะไรเลยดีกว่าซะอีก..เวลาต่อมาแกร๊ก!!".....""ทำไมไม่กินข้าว?""ไม่อยากกิน""จะอดข้าวประท้วงเรียกร้องความสนใจหรือไง""ฉันไม่โง่ทำแบบนั้นหรอกค่ะ""ก็นั่นน่ะสิ เด็กจบนอกมีการศึกษาแท้ๆ จะทำอะไ
ไม่รู้ว่าเซ็กซ์มันยาวนานไปแค่ไหน เธอหลับไปเพราะหมดแรงมาก ข้าวก็ไม่ได้กิน วันทั้งวันก็จิบแค่น้ำแก้หิวเท่านั้น ประชดเหรอ? ไม่เลยสักนิด ทำไมต้องประชดด้วยล่ะ คนอย่างเขามีค่าให้เธอต้องประชดด้วยหรือไง เธอคิดแค่ว่าคนอย่างเธอตายไปมันก็จบแล้วตอนแรกก็คิดว่าเรื่องทุกอย่างมันจะจบลงด้วยดี เพราะเธอเองก็แสดงความรับผิดชอบ ไม่ได้หนีอะไร ตอนนี้เพิ่งรู้แล้วว่า ความรับผิดชอบมันใช้ไม่ได้กับคนอย่างเขา..ฟึ่บ~'อะไรกัน ที่นี่ที่ไหน?' ฉันพูดกับตัวเอง พูดอยู่ในใจพร้อมกับมองรอบๆ ไม่รู้ว่าตัวเองหลุดมาอยู่ที่ไหน รอบตัวของฉันมันเต็มไปด้วยป่า บ้านของเขาเหรอ ป่าที่อยู่รอบๆ บ้านตรงที่ฉันกำลังจะวิ่งหนีมา อย่าบอกนะว่าฉันหนีมาได้ หรือว่าฉันตายไปแล้ววิญญาณก็เลยหลุดล่องลอยออกไปเร่ร่อนถ้าไม่อย่างนั้นมันก็คงจะเป็นความฝัน แต่ก็เป็นความฝันที่เหมือนจริงมากๆ เหมือนจริงจนฉันรู้สึกได้ถึงความเย็นรอบๆ ตัว บรรยากาศที่หนาวเหน็บ ฉันรู้สึกถึงมันจริงๆ และความหนาวเหน็บที่อยู่รอบๆ ตัวมันทำให้ฉันไม่สามารถยืนนิ่งอยู่ได้ ฉันต้องเดินออกไปจากตรงนี้"เฌอรีนดา..." เสียงที่ดังขึ้นจากทางด้านหลังทำให้ฉันต้องชะงัก ฉันจำเสียงนี้ได้ดี เสียงหวาน
เวลาผ่านไปเพราะหนีออกไปไหนไม่ได้เธอเลยต้องทำใจยอมรับ ต่อจะให้พยายามหาทางหนีแต่เธอก็แค่ผู้หญิงตัวคนเดียวมันจะไปทำอะไรได้ นอกจากรอเวลาให้มันมีช่องโหว่อยู่จริงๆ เพราะเธอสัญญากับตัวเองตลอดว่า ตราบใดที่มีโอกาสเธอจะไม่ปล่อยให้มันผ่านไป เธอจะหนีไปจากเขาให้ไกลที่สุดเท่าที่จะทำได้ปึก!"อะไรคะ?""ยาคุมไง เห็นวันนั้นบอกอยากได้""....." ของสิ่งนั้นน่ะเหรอ เธอขอไปตั้งนานแล้ว ถ้าเธอจะท้องมันคงหลุดไปตั้งนานแล้วล่ะ"ทำไมมองงั้น ไม่พอใจอะไรอีก?""ฉันขอคุณไปตั้งนานแล้ว แต่คุณเพิ่งจะเอามาให้ฉัน คุณไม่รู้หรือไงว่าการกินยาคุมมันต้องกินแบบไหนเวลาไหน""ถ้างั้นก็ช่างมัน เอาไว้กินวันอื่นหลังจากที่เอากันเสร็จ""......" เธอไม่ได้พูดอะไรกับเขา ไม่อยากพูดไม่อยากคุย แม้แต่หน้าของเขาเธอยังไม่อยากมองเลยด้วยซ้ำ"ดูเรียบร้อยขึ้นเยอะเลยนะ""แค่เอายาคุมมาให้ เสร็จแล้วก็ออกไปสิคะ""อย่าปีกกล้าขาแข็งให้มันมากนัก การที่ฉันยอมเธอ มันไม่ได้แปลว่าเธอจะทำอะไรก็ได้" เขาพูดเสียงแข็งใส่"เอาสิ ที่ฉันทำแบบนี้ ก็เพราะรอให้คุณมาฆ่าอยู่นี่ไง ทำไมถึงยังไม่ทำสักทีล่ะ?""เฌอรีน!"".......""เธอนี่ท้าทายฉันไม่เว้นแต่ละวันเลยนะ"มือหนาจ
หลังจากที่ฟื้นฉันก็รักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาลอีกเกือบอาทิตย์ ความจริงคุณหมอให้ฉันกลับตั้งแต่ฟื้นสามวันแรกแล้วล่ะ แต่เขาให้ฉันอยู่ให้คุณหมอดูอาการก่อน กลัวแผลจะฉีก กลัวแผลจะติดเชื้อ นั่นนี่ๆ อะไรของเขาก็ไม่รู้ดูเรื่องมากไปหมดกลับมาบ้านของเขาคราวนี้ มันดูผิดตาไปหมดเลย จากที่ฉันรู้สึกว่าอยู่แล้วมันไม่มีชีวิตชีวา การตกแต่งก็ดูเฉยๆ ไม่ได้หน้ามองอะไรขนาดนั้น แต่ตอนนี้กลับมีดอกไม้มาประดับมากมาย จัดตกแต่งให้ดูหรูหราสวยชื่นตาไปหมด"มัวยืนมองอะไรอยู่ได้ ทำไมไม่เข้ามาสักทีล่ะ""......" ฉันถอนหายใจเบาๆ ถึงจะถูกจัดตกแต่งใหม่ทั้งหมด แต่สุดท้ายแล้วมันก็ยังเป็นบ้านที่ใช้ขังฉันอยู่วันยังค่ำ ถึงจะทำให้มันดูดีขึ้นมา แต่มันก็ลบออกไปจากความทรงจำของฉันไม่ได้หรอก ความสวยงามมันก็อยู่ได้แค่ชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้นแหละ"เฌอรีน""ทำไมถึงตกแต่งใหม่ล่ะ?""ก็แค่อยากให้มันดูสดชื่นก็เท่านั้น แต่ถ้าเธอไม่ชอบ ฉันให้คนยกออกไปทิ้งก็ได้""ช่างมันเถอะ จะเอาออกหรือเอาไว้มันก็ไม่ได้ต่างอะไรหรอก""......""ฉันอยากอยู่คนเดียว คุณไม่ต้องไปยุ่งล่ะ"ฉันพูดกับเขาแค่นั้นและเดินขึ้นบันไดไปทันที ฉันไม่เข้าใจว่าทำไมเขาต้องทำแบบนี้กับ
ไม่รู้ผ่านไปนานเท่าไหร่แล้ว เฌอรีนยังคงหลับนิ่งอยู่บนเตียง ทั้งที่ร่างกายของเธอนั้นดีขึ้นมากแล้วแท้ๆเป็นเพราะสภาพจิตใจงั้นเหรอ? เพราะเธออยากตาย ไม่อยากอยู่งั้นเหรอ เธอถึงไม่ยอมลืมตาขึ้นมารับรู้สิ่งต่างๆ แต่แล้วสิ่งที่เขาหวังและรอคอยมาโดยตลอดก็เป็นจริง เฌอรีนฟื้นขึ้นมา เธอลืมตาและมองหน้าของเขา! ทำเอาเขาที่กำลังก้มหน้าก้มตาคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นถึงกับตกใจ“เฌอรีน!”“อืม...”“เป็นไงบ้าง อยะ..อย่าเพิ่งขยับนะ รอหมอมาตรวจก่อน”“......” เธอยังไม่ได้พูดอะไร เพราะยังไม่มีแรงเลย จะอ้าปากพูดกับเขายังเสียงแหบไปหมด“เดี๋ยวหมอก็มาแล้ว”หลังจากนั้นคุณหมอก็เข้ามาตรวจอาการต่างๆ ทั้งบาดแผลที่เธอถูกยิงและเรื่องที่เธอนั้นต้องแท้งลูกเพราะเหตุการณ์นี้“เธอเป็นไงบ้าง อาการดีขึ้นหรือเปล่า?” สิงห์เอ่ยถามคุณหมอที่เดินออกมาหลังจากที่ตรวจร่างกายเสร็จ“ครับ ร่างกายโดยรวมดีขึ้นมากเลย ส่วนเรื่องนั้นคุณสามีต้องพยายามค่อยๆ บอกเธอนะครับ เพราะมันรุนแรงมาก อาจจะกระทบจิตใจของคนเป็นแม่น่าดู เดี๋ยวหมอมาตรวจร่างกายพรุ่งนี้อีกทีนะครับ”“ครับ”อย่าว่าแต่เธอเลยที่รู้สึกไม่ดี เรื่องนี้มันก็กระทบจิตใจของเขาไม่ต่างก
พอมาถึงโรงพยาบาลเฌอรีนก็ถูกส่งเข้าไปในห้องผ่าตัดทันที เนื่องจากกระสุนฝังอยู่ในร่างกาย บวกกับเสียเลือดมากถ้าไม่รีบผ่าตัด และช่วยเหลือไม่ทัน นั่นมันอาจจะหมายถึงชีวิตของเธอเลย"คุณหมอคะ ผลตรวจเลือด....คนไข้กำลังตั้งครรภ์ค่ะ" พยาบาลคนนึงรีบเดินเข้ามาในห้องที่กำลังวุ่นวาย"ว่ายังไงนะ!""ชีพจรก็เต้นอ่อนลงแล้วค่ะคุณหมอ!""เตรียมผ่าตัดเลย ไม่ทันแล้วล่ะ"ด้วยอาชีพจรรยาบรรณที่จะต้องพยายามรักษาชีวิตคนไข้ของตัวเองไว้ให้ได้ ทำทุกวิถีทางเพื่อรักษาชีวิตของคนไข้เอาไว้ และต้องทำการผ่าตัดเอากระสุนที่ฝังอยู่ในท้องออก ก็จำเป็นจะต้องเอาเด็กที่อยู่ในท้องออกเช่นกัน ทุกอย่างมันดูเสี่ยงไปหมด และคุณหมอก็มีทางเลือกอยู่ทางเดียว..ทางด้านนอกสิงห์ยังคงใจจดใจจ่อรออยู่ที่หน้าห้องที่เดิม เขายังไปไหนไม่ได้จนกว่าจะได้รับคำตอบจากคุณหมอ จนกว่าเธอจะปลอดภัย เขารู้ดีว่าเธอก็แค่โชคร้ายโดนกระสุน เพราะคนที่ไอ้มือปืนนั่นต้องการปลิดชีวิตก็คือเขา แต่เธอดันโชคร้ายมารับกระสุนแทนตึก ตึก ตึก"นายครับ!" ลูกน้องคนสนิทเดินเข้ามา"จับตัวมันได้หรือเปล่า?!""มันหนีไปได้ครับ แต่ทิ้งหลักฐานเอาไว้ ตอนนี้คนของเรากำลังตามล่ามันอยู่ อีกไม่เก
หลายวันผ่านไปเรื่องท้องเฌอรีนก็ยังไม่ได้บอกอะไรเขา เธอไม่พร้อมและก็ไม่คิดจะบอกอะไรเขาด้วย ในความคิดของเธอทุกอย่างจะต้องจบลงโดยที่เขาไม่รู้เรื่องนี้เลยแม้แต่นิดเดียว แต่จะหาวิธีไหนมาบังหน้าได้เนี่ยสิ มันยากก็ตรงนี้แหละหมับ!มือหนาวางลงบนไหล่ของหญิงสาวที่กำลังนั่งเหม่อตาลอยอยู่ เธอสะดุ้งเฮือกพร้อมกับหันไปมองเขาด้วยใบหน้าซีดเซียวราวกับคนไม่สบายหนัก“เป็นอะไรของเธอ จับแค่นี้ถึงกับต้องตกใจเลยหรือไง”“คุณมาเงียบๆ ฉันก็ตกใจสิคะ”“หึหึ...ขวัญอ่อนจริงนะเธอ”“.......”เฌอรีนมองหน้าแต่ไม่ได้พูดอะไรกับเขา ไม่เข้าใจว่ามันน่าตลกนักหรือไงที่ทำให้เธอตกใจแล้วหัวเราะขึ้นมาได้โรคจิต! พวกที่ชอบมีความสุขบนความทุกข์ของคนอื่น“ตกลงเธอเป็นอะไร เห็นนั่งเหม่อนานแล้ว”“เปล่าค่ะ แค่คิดอะไรเรื่อยเปื่อย”“สายของฉันรายงานว่า เธอชอบมานั่งเหม่อแบบนี้ทุกวัน กินข้าวก็อย่างกับแมวดม หน้าตาไม่ชื่นมื่น อย่างกับคนป่วย”“ไม่น่าถามนะคะ ฉันเจอเรื่องมาสารพัด มีแต่เรื่องแย่ๆ เข้ามาในชีวิต จะให้ยิ้มร่าเหมือนคนมีความสุขเหรอ”“ก็แค่พูดในมุมที่ว่ามันไม่ปกติ”“นี่แหละฉัน ปกติของฉัน คุณน่าจะชินแล้วนะ”เฌอรีนลุกขึ้นและกำลังจะเดินออ
หลังจากที่กลับจากบนเกาะ คุณสิงห์เขาก็ให้อิสระฉันมากขึ้น สามารถไปไหนมาไหนเองได้ แต่ต้องมีคนของเขานั้นติดตามไปด้วย มันดีกว่าเมื่อก่อนเยอะเลยล่ะนะ เพราะฉันไม่ต้องถูกขังให้อยู่แต่ในห้อง หรือถูกจำกัดพื้นที่ให้อยู่แต่ในบ้านของเขาที่รอบๆ มันมีแต่ป่าตึก!“ออกรถค่ะ”“คุณเฌอจะไปที่ไหนครับ?”“โรงพยาบาลค่ะ แต่...เรื่องนี้เป็นความลับ ห้ามรายงานเจ้านายคุณเด็ดขาด ไม่งั้นฉันจะหนี แล้วพวกคุณก็จะถูกเขาซ้อม”“ผมจำเป็น...”“คุณไม่พูด ฉันไม่หนี คุณก็ไม่ถูกลงโทษ ได้ประโยชน์นะคะคิดดีๆ”“อ่า...ครับ”อีกอย่างนึงเลยก็คือเวลาฉันจะออกไปข้างนอก คนขับรถจะต้องรายงานเขาตลอดว่าฉันออกไปไหน ทำอะไร ซื้อของนั่นนี่ อิสระที่สบายกายแต่รู้สึกอึดอัดใจแทน แต่มันก็ดีแหละ สำหรับคนที่ไม่มีทางเลือกมากนักสำหรับฉัน มันดีกว่าไม่ได้ออกไปไหนเลยไม่นานนักคนขับรถก็พาฉันมาถึงโรงพยาบาล“แล้วจะให้บอกคุณสิงห์ว่ายังไงครับ?”“พาฉันออกมาดูบ้านหลังเก่าที่ถูกยึด แล้วเดี๋ยวฉันกลับมาจะให้พาไปอีกที่ เวลาบอกจะได้ตรงกัน”“ครับ”จะเล่นละครทั้งทีมันก็ต้องเอาให้เนียนสิจริงไหม ถ้าคนของเขาบอกอีกอย่าง ฉันพูดอีกอย่าง แบบนั้นคงได้ความแตกโดนจับได้ก่อนกันพอดีส
เวลาต่อจากนั้นหลังจากที่มาเฟียหนุ่มออกไปทำงานพร้อมกับลูกน้องแล้วเขาก็ปล่อยให้เธอนั้นอยู่ที่บ้านโดยที่ไม่มีคนของเขาเฝ้าดูแล เพราะมันไม่มีเรื่องอันตรายอะไร บวกกับมีจันทร์คอยอยู่เป็นเพื่อนจึงไม่น่าห่วงเท่าไหร่ “คุณเฌอคะ ของว่างค่ะ”“ขอบคุณมากเลยนะคะ” “เมื่อเช้าที่ฉันจะถาม...” จู่ๆ จันทร์ก็เงียบไป ทำให้เฌอรีนหันมองด้วยความสงสัย ประจวบเหมาะกับที่เธอนึกขึ้นได้พอดี “นั่นสิคะ ฉันเองก็ลืมเลยเหมือนกัน คุณจันทร์จะถามอะไรเหรอคะ?”“คุณเฌอมีแฟนหรือเปล่าคะ?”“.....” เธอมองหน้าของเจ้าของคำถาม พร้อมกับยิ้มเจื่อนแก้เขินไป “ไม่มีค่ะ”“ขอโทษนะคะ ประจำเดือนมาประจำทุกเดือนไหมคะ”พอถูกถามถึงเรื่องนี้เฌอรีนก็ถึงกับหน้าชาไปหมดเลย เธอรู้ว่าอีกฝ่ายกำลังสื่อถึงอะไรอยู่ ไม่มีประจำเดือนก็เท่ากับว่า เธออาจจะกำลังท้องอยู่ก็ได้“แต่ฉันไม่อยากให้คุณเฌอคิดมากนะคะ แต่อยากให้ลองไปตรวจน่ะค่ะ โรคภายในของผู้หญิง เป็นเรื่องที่เราไม่ควรมองข้ามนะคะ”“ว่าไงนะคะ?” หญิงสาวหันไปพูด เธอขมวดคิ้วเพราะไม่ค่อยเข้าใจเท่าไหร่ ตอนแรกก็คิดว่าจันทร์จะสงสัยว่าเธอกำลังท้องซะอีก“ตรวจร่างกายน่ะค่ะ”“ฉันคิดว่าคุณจันทร์จะบอกว่าฉันท้อ
วันต่อมาเฌอรีนตื่นแต่เช้าลงไปหาสองแม่ลูกในครัวอีกบ้านหลังนึง เพราะไม่อยากนอนอยู่กับเขา ไม่อยากมองหน้าของเขา โกรธเรื่องเมื่อวานและสิ่งที่เขาทำเมื่อคืนไม่หายจริงๆ“นอนหลับสบายไหมคะคุณเฌอ”“สบายดีค่ะ” จะบอกว่าเกิดอะไรขึ้นก็เห็นทีว่าจะไม่ดีหรอก เพราะไม่มีใครรู้ว่าจริงๆ แล้วเธอและเขาอยู่ในฐานะอะไรกัน“เมื่อคืนคุณสิงห์คงเมาน่าดู เพราะทางนี้นอนสลบอยู่หน้าประตูบ้าน”“แหะๆ ค่ะ เขย่าประตูเสียงดังลั่นเลย ฉันก็เลยต้องตื่นมาเปิดประตูน่ะค่ะ” เฌอรีนหัวเราะแห้ง“ตายจริง แบบนี้ก็คงนอนไม่หลับเลยสิคะ”“ก็ไม่เชิงหรอกค่ะ เขาเองก็เมาหลับเหมือนกัน”“อ๋อ นึกว่าคุณเฌอนอนไม่หลับซะแล้ว”“ก็หลับค่ะ แค่สะดุ้งตื่นเพราะเสียงเขา”“วันนี้คุณเฌอต้องตามคุณสิงห์ไปดูสินค้าสินะคะ ไม่ต้องมาช่วยหรอกค่ะ”“ไม่เป็นอะไรค่ะ เผลอๆ เขาคงไม่ให้ฉันตามไปหรอก”“อ้าว ไหนว่าเป็น...?”“ฉันติดตามมาดูแลเขาน่ะค่ะ ไม่ใช่พนักงานหรือเลขาของเขา”“ตายจริง ฉันขอโทษนะคะที่เข้าใจผิด” “ไม่เป็นอะไรเลยค่ะ”ฉันไม่รู้จะบอกกับคุณจันทร์ยังไงดีเหมือนกัน แต่ก็เป็นอย่างที่บอกแหละ ฉันไม่ใช่คนของเขาที่จะทำงานแล้วกินเงินเดือน สถานะที่ฉันเข้าใจตอนนี้ก็คือ ล
“อ๊ะนี่คุณ!”“อืม ขอเอาหน่อย เงี่ยนว่ะ”ร่างหนาโถมตัวเข้ามาใส่เธอ ด้วยความที่เขาเมาไม่มีสติ เลยยั้งแรงของตัวเองไว้ไม่ได้“อื้อ คุณสิงห์ หยุดก่อนค่ะ คุณตัวหนักนะ” เธอพยายามจะผลักเขาออกไป แต่ก็ยากเพราะเขาทิ้งตัวลงมาให้เธอประคองเลย กลิ่นเหล้าหึ่งขนาดนี้ มันก็สมแล้วล่ะที่เขาจะไม่มีสติเอาซะเลย“อือ...ตัวหอมจัง”“อือคุณสิงห์...”เฌอรีนลากเขาขึ้นไปด้านบนอยากทุลักทุเล เพราะเขาทั้งตัวหนักและตัวใหญ่ ผู้หญิงตัวเล็กๆ แบบเธอจะไปไหวได้ยังไงแต่ก็พาเขาขึ้นมาบนห้องจนได้นั่นแหละตุบ!“คราวหน้าถ้าเมาแล้วลำบากคนอื่นก็อย่าเมาอีกนะ เหนื่อยชะมัด!” เพราะตัวของเขาหนักมากๆ จนเธอนั่งบ่นเพราะกว่าจะแบกขึ้นมาถึงก็ใช้แรงไปไม่รู้เท่าไหร่ “อือ บ่นไรวะ!”“......” เฌอรีนถอนหายใจ ก่อนจะจับเขาถอดเสื้อออกเพราะเหม็นเสื้อที่มีกลิ่นเหล้า เธอไม่ชอบกลิ่นมันเท่าไหร่ แต่พอถอดเสื้อออกเท่านั้นแหละ เธอก็ได้เห็นรอยที่มันดูไม่น่ามองเท่าไหร่รอยลิปสติก?หมับ!!“อ๊ะ ฉันเจ็บนะคุณสิงห์”“มองอะไรอยู่ได้?” เขาจ้องหน้าเธอเหมือนกำลังเค้นเอาคำตอบ“เปล่าค่ะ อาบน้ำมั้ยคะ จะได้สร่างขึ้น”“อืม..อาบให้หน่อย อยากโดนถู”“......”เธอไม่ได้ปฏิเสธเ
ฉันนั่งเรืออยู่นานกว่าจะถึง ทั้งเวียนหัวคลื่นไส้ไม่รู้อาการบ้าอะไรเป็นไปหมดเลยฟึ่บ...“อึก...”“ไหวหรือเปล่า?”“จะอ้วกอ่ะ เวียนหัวคลื่นไส้ไงไม่รู้” ฉันพูดเสียงแหบๆ ณ ตอนนี้ไม่สนใจอะไรรอบข้างแล้วล่ะ มันมึนมันเวียนพาให้ขมุกขมัวไปหมดเลย ฉันไม่น่าตกลงมากับเขาตั้งแต่แรกเลย ดูสภาพตัวเองตอนนี้สิ แย่ชะมัดเลย“สวัสดีค่ะคุณสิงห์ พาใครมาด้วยคะเนี่ย แฟนเหรอคะ”จบประโยคคำถามของผู้หญิงคนนั้นเขาก็มองหน้าของฉัน“เปล่าหรอก แค่คนติดตามน่ะ ฝากพาไปพักทีเธอเมาเรือนะ”“ได้ค่ะ”ฉันถูกผู้หญิงที่ไม่รู้ว่าใครพาเดินออกไปจากกลุ่มคนมากมาย ก่อนจะพาฉันนั่งลงตรงที่อากาศโล่งๆ ลมพัดเย็นสบาย ผู้หญิงคนนั้นยื่นยาดมให้กับฉันโดยที่เราสองคนยังไม่ได้พูดคุยอะไรกันเลย“ช่วงนี้คลื่นแรง เรืออาจจะโคลงเคลงมากกว่าเดิมหน่อย นั่งเรือครั้งแรกเหรอคะ”“.....” ฉันมองแล้วพยักหน้าตอบ เพราะยังไม่ค่อยดีเท่าไหร่ ยังไม่อยากคุยกับใครเลยด้วย“ครั้งแรกก็แบบนี้แหละค่ะ”“ว่าแต่คุณเป็นเจ้าของที่นี่เหรอคะ?”“เป็นภรรยาค่ะ เจ้าของคือสามีของฉัน”“อ๋อ ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ ฉันชื่อเฌอรีนค่ะ เรียกเฌอก็พอค่ะ”“ค่ะคุณเฌอ”“ครั้งหน้าถ้ามีงานอีกฉันจะบอกเขาว่