ท่ามกลางเหล่าขุนพลที่เคยเคียงข้างร่วมรบกันมา ฟงชินหยางกำลังนั่งคุยกับเหล่าสหายที่เป็นขุนพลอย่างถูกปากถูกคอเพราะได้คุยในเรื่องเดียวกันตามประสาของชายชาติทหารชาตินักรบสายงานเดียวกัน“คราศึกเจี้ยนหยาง ข้าล่ะคันมือ ไม่น่าเจอสัญญาสงบศึกเลยให้ตาย!” เสียงของแม่ทัพแห่งราชวังฝั่งประจิมเริ่มเสียงดังหลังจากยกจอกเหล้าเข้าปากไปหนึ่งอึกใหญ่ “เจ้าแม่ทัพของพวกมันบังอาจชี้หน้าข้า ฮึ!”“ฮ่า ฮ่า ก็เจ้าหน้าตาอัปลักษณ์ มันชี้มาด้วยนิ้วมืออันสั่นเทาเสียขวัญอย่างไรเล่า” เสียงของแม่ทัพราชวังฝั่งบูรพาเอ่ยขัด“นี่ไม่นับว่าอัปลักษณ์” แม่ทัพฝั่งประจิมกล่าวคำพลางชี้ใบหน้าของตนที่มีรอยแผลบากลากยาว “นี่นับว่าเป็นสัญลักษณ์”“อ่า...ใช่ๆ สัญลักษณ์” เสียงขุนพลหลายคนสอดประสาน “ฮ่าฮ่า ย่อมเป็นเช่นนั้น” เสียงหัวเราะพลันดังฟงชินหยางเพียงนั่งร่วมรับฟังและหัวร่อกับสหายโดยไม่สนใจใครทั้งสิ้น นอกจากเสียงหลากหลายของบุรุษแล้วยังคงมีเสียงหวานใสของยู่ว์เจินที่ยังคงพยายามเหลือเกินกับฟงชินหยางหวังเพียงให้เขาสนใจนางเท่านั้นในค่ำคืนนี้ “อาหยาง...ท่านมีสัญลักษณ์หรือไม่” ฟงชินหยางเพียงปรายสายตามององค์หญิงยู่ว์เจินอึดใจก่อนเบนสายตาก
อวี้ถิงที่ยืนมองอยู่ตรงมุมมืดนั้นเห็นองค์หญิงหน้าไม่อายกำลังเกิดอาการอับอายขีดสุดจึงแสยะยิ้มออกมาอย่างสาแก่ใจหญิงสาวเพียงยกขวดยาในมือขึ้นใช้สายตาชั่วร้ายเพ่งมองมันฝ่าความมืด ยาที่ถูกบรรจุอยู่ในขวดนี้แน่นอนว่ามิใช่ยาพิษ เพราะถ้าหากว่าองค์หญิงอะไรนั่นตายความวุ่นวายคงบังเกิด การควานหาตัวคนร้ายคงเอิกเกริกยิ่งใหญ่ และนางก็คงไม่รอดแต่ทว่ายาที่อยู่ในขวดนี้เป็นเพียงแค่ยาสมุนไพรก็เท่านั้น ไม่ว่าจะเป็น ตั่วอึ๊ง หมั่งเซียว ฮวงเสี่ยเฮี่ยะ เซเซียวเต่า แบะตง ผู่เจีย กำจื้อ ชิงหล่อชัง เก่าจ้อ จุยโอ่ว ทุกตัวยาล้วนร่วมด้วยช่วยกันในการขับสิ่งปฏิกูลให้ออกมาในเวลาอันรวดเร็วเร็วมาก!อา...น่าอายแทนเสียจริง แล้วอย่างนี้ องค์หญิงยังจะกล้ามองหน้าผู้ใดได้อีกหรือไม่ หึหึ! ท่ามกลางสายลมโบกโชย ท่ามกลางงานเลี้ยงยามราตรี ท่ามกลางความเงียบงันของเหล่าขุนพล ท่ามกลางกลิ่นแปลกๆ ที่กำลังตลบอบอวลตามสายลมบางเบายามไล้เข้าปะทะจมูกของทุกผู้คนองค์หญิงยู่ว์เจินเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป นางต้องรีบออกจากกลุ่มนี้โดยไว ก่อนที่จะมีสิ่งใดไหลออกมาไม่ไหวแล้ว...หญิงสาวพยายามพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วยืนอย่างปกติที่สุดในชีวิตแล้วค่อยๆ
เสียงหวานกังวานใสทำให้ฟงชินหยางที่มิได้สนใจการแสดงของใครๆ ก่อนนี้ต้องหันหน้าไปมองในทันที“อ่า...นั่น สตรีงดงามนางนั้น” ขุนพลในกลุ่มเริ่มเอ่ยคำพาสหายทั้งหลายให้หันมองตามอย่างตื่นเต้นสามัคคี “ภรรยาของแม่ทัพฟง!” ทุกคนเอ่ยออกมาพร้อมดวงตาพราวระยับแสดงความชมชอบฉายชัดกันถ้วนหน้าเฉินหยางหลงถึงกับชะงักนิ่งนั่งมองหลิงเวยกลางลานการแสดงอย่างตะลึงงัน ในขณะที่ฮุ่ยจินอยากจะหัวเราะร่าดูเถิดดูหน้าพระสวามี!เสียงแว่วหวานของหลิงเวยยังคงเอ่ย “ข้าขอมอบบทเพลงบุปผาสายชลนี้ให้สามีของข้าแต่เพียงผู้เดียว ฟงชินหยาง!” นางกล่าวพลางปรายสายตาสวยหวานมองตรงมายังเจ้าของนามทำเอาเจ้าของนามถึงกับอึ้งตะลึงจ้องมอง อึดใจข้ารับใช้ของฮุ่ยจินก็เดินนำพิณประดับทองคำมามอบให้หลิงเวยกลางลานการแสดงโอรสสวรรค์คลี่ยิ้มอบอุ่นรอชมการแสดงที่ไม่คาดฝันจากหลานสะใภ้ตรงหน้าพลางจับมือฮองเฮาข้างกายมาตบเบาๆ ด้วยความเคยชิน ก่อนจะทรงส่งสัญญาณเป็นเชิงอนุญาตให้หลิงเวยได้เริ่มการแสดงในเวลาต่อมา หลิงเวยยอบกายทำความเคารพนายเหนือหัวอีกคราแล้วค่อยๆ นั่งลงตรงหลังเครื่องสายทองคำด้วยท่วงท่างดงามอ่อนหวานแต่ทรงพลังก่อนจะเริ่มกรีดกรายนิ้วมือเรียวเล็
ความเงียบงันปกคลุมทั่วพื้นที่ ความงดงามหวานล้ำของสตรีกลางลานแสดงกำลังครอบงำทุกผู้คนหลิงเวยกำลังตรึงสายตาทั้งยังหยุดลมหายใจของทุกคนรายรอบได้อย่างไม่น่าเชื่อนี่นับว่าเป็นการประกาศศักดาของภรรยานางหนึ่งที่กล้ากระทำต่อสามี นางกล้าประกาศกร้าวเยี่ยงนี้ต่อหน้าสักขีพยานที่เป็นถึงเจ้าแห่งแผ่นดิน ทั้งยังมีเชื้อพระวงศ์และขุนพลนับร้อยเป็นสักขีพยานร่วมกันนับเป็นการประกาศความเป็นเจ้าของยิ่งกว่าการแต่งงานเสียอีกฮุ่ยจินเป็นคนแรกที่ลุกขึ้นยืนแล้วปรบมือเสียงแปะๆ ดังขึ้นจากฮุ่ยจินนำพาเสียงปรบมือค่อยๆ ดังขึ้นจากทุกผู้ทุกคนจนกระทั่งดังกระหึ่มกังวานไปทั่วบริเวณฮ่องเต้ถึงกับแย้มสรวลกว้างขวางหันมองหน้าฮองเฮาคนงามข้างกาย ทั้งสองพระองค์มองตอบสบสายตากันอย่างพึงใจกับการแสดงในชุดนี้ นับว่าเป็นการแสดงที่ดีที่สุดเท่าที่เคยรับชมฮองเฮานึกชมชอบสตรีนางน้อยผู้นี้ยิ่งนัก สตรีนางนี้เป็นเจ้าของกระดาษภาพวาดมวลบุปผาที่ฮ่องเต้ทรงนำมาให้พระนางดูชมเมื่อวันก่อนเดินทาง จะมีสตรีสักกี่นางกันที่มีความสามารถมากมายแต่กลับเก็บงำเอาไว้ทั้งยังกล้าหาญชาญชัยบอกรักสามีกลางธารกำนัลแค่เพียงความกล้าที่จะบอกรักกันเป็นการส่วนตัวยังนับว่
สองสามีภรรยายังคงยืนอย่างงามสง่าใจกลางลานแสดง แต่ทว่าสายตาที่ร้อนแรงขึ้นเรื่อยๆ นั่นคืออันใดฮ่องเต้ที่นั่งลุ้นอยู่ไม่ไกลจึงเริ่มกระแอมไอออกมา“เจ้าทั้งสอง ใจเย็นเถิด...” สุรเสียงอบอุ่นของเจ้าแห่งแผ่นดินทำสองสามีภรรยาหลุดออกจากภวังค์ใบหน้าของทั้งสองที่คล้ายกับดึงดูดกันและกันจนริมฝีปากเกือบประกบกันเมื่อครู่จึงขยับถอยออกมาบุคคลรายรอบถึงกับครางฮือเบาๆพวกเขากำลังเสียดายแทน อีกนิดเดียวเท่านั้นอยากเห็นคนจูบกันยิ่งแล้ว...ท่ามกลางแสงจันทร์สีนวลสาดส่องสีขาวเนียนเป็นยองใย ภายในหุบเขาบนผืนป่าพนาไพรที่ใช้เป็นสถานที่ตั้งกระโจมในพิธีการล่าสัตว์ป่าประจำปี เยื้องออกมาไกลๆ จากกระโจมที่พักหลายหลังที่ถูกแยกฝั่งชายหญิง มีสองเงาร่างของหนึ่งบุรุษหนึ่งสตรีกำลังนั่งเคียงข้างกันอยู่บนก้อนหินขนาดใหญ่ใต้ร่มไม้กลมกลืนไปกับความมืดทั้งๆ ที่เป็นเงาของคนสองคนแต่ทว่าเมื่อมองดูแล้วคล้ายกับมีแค่เพียงเงาร่างเดียวกระนั้น พวกเขากำลังนั่งซ้อนกันหาได้นั่งแบบปกติดีๆ ไม่“ตรงนี้เลยหรือ” เสียงแว่วหวานเอ่ยถามยามถูกจับยกให้นั่งลงบนตักแกร่ง“ตรงนี้เลย” เสียงแหบพร่าเอ่ยตอบก่อนก้มหน้าลงหมายรุกล้ำแทรกซึม“ไยไม่ไปทำในกระโจมเ
“ท่านหิวหรือไม่ ข้าไปหาอะไรมาให้ท่านกินดีกว่า” หลิงเวยเอ่ยถามคนตัวโตก่อนจะรีบเปลี่ยนเส้นทางการเดินหันหน้าไปทางกระโจมที่แปลงเป็นโรงครัวชั่วคราวที่อยู่ถัดออกไปอีกหลายสิบจั้งในทันที โดยไม่มีการรีรอคำตอบรับอันใดเนื่องจากนางก็หิวเช่นกัน เขาดูดกลืนพลังของนางไปจนหมดเมื่อครู่ใหญ่ที่ผ่านมาฟงชินหยางจึงหยุดเดินแล้วมองหาโต๊ะที่มีตั่งนั่งตั้งอยู่ไม่ไกลจากหน้ากระโจมของเขา เมื่อนั่งลงเรียบร้อยเขาจึงสังเกตได้ว่าเหล่าผู้คนทั้งหลายต่างพากันนอนหลับพักผ่อนไปแล้วยังกระโจมใครกระโจมมัน เหลือเพียงเสียงสรวลเสเฮฮาดังออกมาจากบางกระโจมแค่เพียงเท่านั้น โดยรอบบริเวณยังคงมีทหารเดินยามตามปกติชายหนุ่มพลันหรี่สายตาคมลงเพียงนิดเมื่อรู้สึกได้ถึงสายตาของใครบางคนส่งตรงมาทางเขาคนที่แอบมองเขาอยู่เป็นสตรี เขาสังเกตอยู่เป็นนานแล้วตั้งแต่เขากำลังใช้เวลาส่วนตัวอยู่กับภรรยา สตรีนางนั้นจ้องมองมาตลอดเวลาคล้ายกับพวกโรคจิตมีความวิปริตไม่ธรรมดาสตรีบ้าอะไรแอบมองคนอื่นพลอดรักกัน!อวี้ถิงคือสตรีนางนั้นนางเริ่มทนไม่ได้อีกต่อไป หลังจากที่นางต้องไปนั่งเฝ้าองค์หญิงยู่ว์เจินปลดทุกข์พร้อมคอยหอบหญ้าเหมาเฉ่าเอาไปปิดปากหลุมให้องค์หญิงอยู่เ
ตั่งยาวหน้ากระโจมที่ยังคงมีบุรุษตัวโตนั่งอยู่นิ่งงันเพื่อรอฟังความจากสตรีตรงหน้าอย่างใจเย็นฟงชินหยางนั่งรอฟังคำจากสตรีตรงหน้าพลางหรี่ตามองนางด้วยสายตาแฝงความรังเกียจเด่นชัด สตรีนางนี้แอบมองเขากับหลิงเวยร่วมรักกัน น่ารังเกียจยิ่ง! “ข้าชอบท่าน” อวี้ถิงถอนหายใจหนึ่งคราแล้วเริ่มเอ่ยคำอย่างเชื่องช้า “ข้าชอบท่านตั้งแต่แรกเห็น ข้าชมชอบท่านมานาน ท่านแม่ทัพฟง” นางตัดสินใจแล้ว นางควรบอกความจริง นางจะไม่ทนอีกต่อไป การแอบรักมันทรมาน การผิดแผนช่างทรมานยิ่งฟงชินหยางยังคงนั่งนิ่งเฉยชา เขายังคงหรี่ตามองนางเพื่อรอฟังคำของนางนิ่งๆ อยากพล่ามอันใดก็พล่ามมา “ควรเป็นข้าที่ได้แต่งงานกับท่าน ไม่ควรเป็นสตรีนางใด”ฟงชินหยางได้ฟังถึงกับเลิกคิ้วขึ้น แต่ยังคงเงียบงันพลันประมวลผล“สตรีนางนั้นน่าไม่อาย นางบังอาจเข้ามาสวมรอยข้าบนเตียงนอนของท่าน” อวี้ถิงเปล่งเสียงสั่นพร่านัยน์ตาเริ่มแวววาวฉายความแค้นเคืองเกินเก็บข่ม ฟงชินหยางเริ่มหรี่ตามองอีกคราพลางกอดอกเคาะนิ้วมือเป็นจังหวะอย่างต้องการประเมินสตรีตรงหน้า“ควรเป็นข้าที่ได้เป็นภรรยาของท่าน เราควรได้เป็นสามีภรรยากัน ควรเป็นข้ากับท่าน มิใช่สตรีนางนั้น ท่านแม่ทั
เฉินหยางหลงยังคงเงียบงันตีหน้ามึน หลิงเวยจึงรีบเอ่ยคำย้ำเตือนอย่างเจาะจงมากยิ่งขึ้น“บุรุษสูงศักดิ์ชาติกำเนิดสูงส่งย่อมเข้าใจได้ไม่ยากเพคะ”“...”เฉินหยางหลงยิ่งฟังยิ่งหางคิ้วกระตุกแต่ยังมึนไม่ยินยอม“ข้าไม่เข้าใจ”“...”ครานี้เป็นหลิงเวยบ้างที่คิ้วกระตุก“หากเจ้าเปิดโอกาสให้ข้า รับรองว่าข้าไม่มีทางแพ้อาหยางแน่ๆ” เขามั่นใจในความเป็นบุรุษเพศของตนเองยิ่งนัก“ไม่มีโอกาสนั้นเพคะ”“...”“สำหรับหม่อมฉันต้องชินหยางเท่านั้น”“...”หลิงเวยแสดงความกล้าหาญออกมาได้อย่างน่าชมนอกจากนางไม่คิดที่จะหนีแต่อย่างใดนางยังกล้ายืนจ้องมองเข้ามาในดวงตาคู่คมของบุรุษสูงศักดิ์ตรงหน้า ไร้แววสั่นไหวแม้แต่น้อยสตรีขี้กลัวที่เอาแต่หลบตาเดินหนี หน้าแดงหูแดงน้ำใสปริ่มๆ อยู่เต็มขอบตาตลอดเวลาในตลาดวันนั้นได้หายไปแล้วเฉินหยางหลงได้แต่ยืนนิ่งด้วยคาดไม่ถึงว่านางจะกล้าเอ่ยคำตัดรอนเขาถึงเพียงนี้ สมแล้วที่เป็นภรรยาของฟงชินหยางเจ้าสหายบ้าเลือดของเขา...บุรุษร่างสูงในอาภรณ์บ่งบอกฐานันดรสูงศักดิ์กำลังเดินมาตามทางผ่านกระโจมประจำตำแหน่งอ๋องไป ด้วยภายในใจคิดจะไปกระโจมของสหายเพื่อร่ำสุราค่ำคืนนี้เขารู้สึกอารมณ์ดียิ่งนัก เขากำล
หลิงเวยสังเกตเห็นอาการตื่นเต้นนั้นของฟงชินหยาง นางจึงเริ่มขมวดคิ้วพันมุ่นเริ่มขัดเคืองฉับพลัน แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยถามคำใด สตรีตั้งครรภ์นางหนึ่งก็เดินนวยนาดเข้ามายังห้องโถงแห่งนี้“ท่านแม่ทัพฟง” เสียงอ่อนหวานของสตรีตั้งครรภ์ดังขึ้นทำให้หลิงเวยยิ่งเพิ่มระดับความขุ่นเคืองมองค้อนฟงชินหยางขวับๆฟงชินหยางเห็นหลิงเวยส่งสายตาสวยหวานพิฆาตมองมาจึงได้แต่เสียวสันหลังวาบๆ อย่างไม่เข้าใจอันใด ไยรู้สึกหนาว!จินฮวาผู้ไม่เข้าใจอันใดในบรรยากาศแปลกประหลาดจึงพาท้องกลมๆ ของตนเองมานั่งยังเก้าอี้บนโต๊ะอาหารตามวิสัยที่เคยกระทำมาเนื่องด้วยว่าท่านแม่ทัพฟงอนุญาตให้นางเป็นกรณีพิเศษ หลิงเวยเห็นสตรีตั้งครรภ์นางนี้ลงนั่งที่โต๊ะอาหารกับฟงชินหยางอย่างนั้นยิ่งเพิ่มระดับความโกรธกรุ่นจึงเอ่ย“ท่านแม่ทัพฟง” น้ำเสียงหวานล้ำแต่กลับแฝงความเย็นเยียบไม่ธรรมดาของหลิงเวยทำเอาฟงชินหยางถึงกับขนลุกชูชันนั่งตัวตรงแข็งทื่อกลายร่างเป็นก้อนหินก้อนใหญ่หลิงเวยยังคงเอ่ย “ท่านบอกแก่ข้าว่าไม่มีภรรยา เห็นได้ชัดว่าท่านโกหก!” ฟงชินหยางเลิกคิ้วคมเข้มขึ้นเล็กน้อยแล้วเอ่ยตอบเสียงเรียบซ่อนคลื่นสั่นไหวในอารมณ์ในแบบที่ไม่เคยเป็นกับใคร “ย่อมเป็น
หลายวันผ่านไป...ภายในค่ายทหารยังคงฝึกหนักเสียงดังโชร้งเชร้งเคล้งคล้างดังเดิม มีการซ้อมเคลื่อนพลเคลื่อนทัพดังเดิม มีการผลิตอาวุธอันทรงพลังตามคำสั่งของท่านแม่ทัพตามเดิม มีกฎระเบียบที่แสนจะเคร่งครัดไม่มีลดหย่อนดังเดิม แต่ที่ไม่เหมือนเดิมและเพิ่มเติมมาก็คือท่านแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ที่เคยอยู่เหนือผู้ใดกำลังถูกสตรีอัปลักษณ์นางหนึ่งครอบงำ หลิงเวยยังคงดูแลจัดการเรื่องเสื้อผ้าอาภรณ์ดูแลทำแผลที่ได้รับจากการฝึกหนักดูแลเรื่องอาหารการกินให้ฟงชินหยางเป็นอย่างดี ถึงแม้ว่าจะยังคงตีเนียนทำตัวเป็นเพียงทหารหญิงรับใช้คนสนิทให้เขาโดยหาได้เปิดเผยฐานะจริงๆ ของตนไม่ ด้วยยังคงยึดมั่นในคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีเยี่ยม ในขณะที่ฟงชินหยางก็ยังคงให้ความร่วมมือกับภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีเช่นเดียวกัน เขาย่อมตามใจภรรยาในทุกๆ เรื่องโดยไม่ถามหาเหตุผลอันใดให้มากความ ในยามกลางวันนางอยากเป็นทหารหญิงรับใช้ให้เขาก็ให้เป็นไป เพียงแต่ในยามค่ำคืนนางต้องตามใจเขาในทุกกระบวนท่าลีลารักที่เขามอบให้ภายในห้องโถงของเรือนท่านแม่ทัพฟงบนโต๊ะอาหารที่มีกับข้าวมากมายหน้าตาน่าทานถูกจัดการเป็นพิเศษเพื่อท่านแม่ทัพฟงแต่เพียงผู้เดียวหลิงเวย
ฟงชินหยางเฝ้ากลืนกินภรรยาตัวน้อยตักตวงความสุขจากร่างบางนุ่มนิ่มพร้อมตอบกลับจัดให้ด้วยความสุขไม่ต่างกันหลิงเวยแหงนหน้าปรือตามองคนตัวใหญ่ด้วยสายตาหยาดเยิ้มฉ่ำน้ำสบเข้าไปในดวงตาคู่คมที่กำลังทอประกายร้อนแรงก่อนถูกเขาปล้นลมหายใจด้วยจุมพิตเร่าร้อนเคล้าคลึงด้วยอารมณ์รัญจวนให้ยิ่งกระพือหวามไหวหัวใจเต้นเร่าๆ แทบทะลุออกมานอกอก ปลายลิ้นของทั้งสองโรมรันพัลวันก่อนจะลากไล้พันกันอีกเพียงครู่แล้วปล่อยออกจากกันเพื่อให้อิสระในการส่งเสียงครางครวญยามเมื่อเส้นทางปลายฝันเริ่มกระชั้นเข้ามาซึ่งเป็นรอบที่เท่าไหร่ก็มิรู้ได้ เส้นทางฝั่งฝันระยิบระยับของพวกเขาช่างมีมากเส้นนักหนา พวกเขาไต่เส้นฝันกันทั้งวันทั้งคืนไม่รู้กี่เส้นต่อกี่เส้น กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง จนเตียงตั่งขาโก่งขางอคนสองคนร่างสองร่างที่กำลังสอดประสานเข้าออกรุนแรงยังคงเร่าร้อนไต่ระดับพายุอารมณ์โดยไม่มีเก็บข่มใดๆกายหนาหยาบแกร่งกระแทกกระทั้นกระตุ้นเร้าให้ร่างบางสั่นสะท้านขึ้นลงไม่หนักไม่เบามอบความกระสันเสียวซ่านสาดเข้าใส่จนมีบางอย่างสาดกระเซ็นคล้ายระลอกคลื่นของสายธารคล้ายลาวาร้อนฉ่าท่วมทุ่งหญ้าเขียวชอุ่มอ่อนนุ่มจนชุ่มชื้นถึงแม้จะมิได้เอื้อนเอ่ย ถึงแ
หลิงเวยหน้าแดงก่ำไม่สร่างซาเมื่อถูกบุรุษตัวใหญ่หนากระทำตามใจไม่เปลี่ยนแปลงแต่ทว่านางยังคงเชื่อฟังคำสั่งของแม่สามีเป็นอย่างดีถึงการปลอมตัวในครั้งนี้“ท่านไม่ควรทำตัวอย่างนี้กับสตรีแปลกหน้า” หลิงเวยเอ่ยคำเพื่อตักเตือนฟงชินหยางขณะถูกเขาช้อนร่างขึ้นอุ้มแล้วพานางมาวางบนเตียงนอนเตียงเดิมหลังจากที่เขาเข้ามาหานางตามคำเรียกหาแล้วพานางอาบน้ำใส่ผ้าแต่ทว่าเขากลับถอดผ้าของนางออกแล้วอุ้มนางมาที่เตียงนอน นางยังขาสั่นอยู่เลยทำต่อไม่ไหวเสียแล้ว“ลืมเรื่องเมื่อคืนแล้วหรือไร ไยความจำสั้น นี่มิใช่ว่าเราควรทำความรู้จักกันให้มากเข้าไว้หรอกหรือ” ฟงชินหยางยังคงให้ความร่วมมือในการปลอมตัวของภรรยาตัวน้อยเป็นอย่างดีขณะกำลังขึ้นคร่อมนางแบบทั้งตัว“หากว่าเรารู้จักกันแล้วอย่างไร ภรรยาของท่านคงไม่ยินดี” หลิงเวยตีมึนถามเจ้าของแผงอกแข็งตึงที่กำลังเบียดเสียดกับหน้าอกนุ่มๆ ของนางอย่างต้องการลองหยั่งเชิงเขา“อา...ข้าจะบอกว่าอย่างไรดี อืม...” ฟงชินหยางทำท่าคิดหนักบางอย่าง “ข้าควรบอกว่ายังไม่มีภรรยา”“...!”และอีกคราที่หลิงเวยต้องส่งค้อนวงใหญ่ใส่ฟงชินหยางชายหนุ่มไม่สนใจดวงตาสวยใสที่กำลังมองค้อนขวับๆ ตรงหน้า เขายังคงก้มหน
“เจ้าหน้าบาก”“...!”เส้นเสียงทุ้มห้าวคำรามออกมาจากแม่ทัพฟงผู้ยิ่งใหญ่ทำเอาคนถูกเรียกถึงกับหางคิ้วกระดิกมุมปากกระตุกไม่คิดจะถามชื่อแซ่กันเลยรึพี่ใหญ่!ฟงชินหยางยืนถมึงทึงเอ่ยสั่งการเสียงดังไปทางบุรุษตัวโตที่ใบหน้ามีหนวดเครารุงรังพร้อมรอยแผลเป็นลากยาวที่กำลังนั่งคุกเข่าอยู่กลางลานกว้าง “เจ้าจงตามไปไต่สวนห้าคนนี้ร่วมกับรองแม่ทัพจิ่น เข้าใจหรือไม่เจ้าหน้าบาก”ฟงจินหมิงจึงลุกขึ้นยืนนิ่งๆ จ้องมองฟงชินหยางด้วยมาดไม่ธรรมดาพร้อมสายตาคมกล้าเอ่ยออกมา “ขอรับท่านแม่ทัพฟง”ฮึ่ม! ชื่อเจ้าหน้าบากก็ได้!“ออกไปให้หมด!” แม่ทัพหนุ่มคำรามอีกคราพาเอาเหล่าทหารกล้ารีบประสานมือเสียงดังพรึ่บพั่บก้มหัวคำนับแล้วรีบหมุนตัวจากไปอย่างไวฟงชินหยางจึงเดินตรวจตราภายในค่ายตามวิสัย ทุกทิศที่สายตาคมปลาบมองปราดไป เหล่าทหารทั้งหลายได้แต่อกสั่นขวัญแขวนรีบตรึงตัวขึงขังทำหน้าที่รับผิดชอบของตนเองอย่างเต็มกำลังคนใดฝึกยิ่งฝึกหนัก คนใดแบกหามยิ่งแบกหาม คนใดกวาดลานยิ่งกวาดลาน คนใดแอบหลับยิ่งต้องตื่นเต็มตาหาไม่แล้วคงไม่แคล้วได้หลับไปตลอดกาล ความเจ้ากฎเจ้าระเบียบเที่ยงตรงไม่อาจดูแคลน ความโหดเหี้ยมแต่เปี่ยมไปด้วยความเที่ยงธรรมไม่อา
บนเตียงนอนหนานุ่มภายในห้องนอนของเรือนประจำตำแหน่งแม่ทัพหลิงเวยสะลึมสลือตื่นขึ้นมาพร้อมอาการปวดหัวตุบๆ รู้สึกพะอืดพะอมทั้งยังอ่อนเปลี้ยเพลียแรงมากมายนักนางพยายามหยัดกายลุกขึ้นนั่งพลันรู้สึกเจ็บแปลบตรงกลางหว่างขาและยิ่งปวดหนึบยิ่งกว่าตั้งแต่ช่วงเอวลงไปนางรู้สึกคล้ายเอวจะเคล็ดเสียด้วยอา...สะโพกระบมไปหมดผิวเนื้อของนางถึงขั้นบวมน้ำเลยเชียวหญิงสาวนั่งระลึกถึงเรื่องราวเมื่อยามค่ำคืนอันร้อนแรงถึงจิตถึงใจกับฟงชินหยางสามีของนางนางพอจะจำได้เลือนรางว่านางรู้สึกแปลกๆ หลังจากที่ดื่มเหล้าของเขาเข้าไปหลังจากนั้นบนเตียงนอนนี้นางก็ถูกเขาจัดการเสียหลายท่าไม่ว่าจะเป็น นอนหงายฉีกขา นั่งผสานชันเข่า นอนคว่ำโก่งโค้ง นอนคว่ำคร่อมหลัง คลานเข่าเดินหน้า กึ่งนอนที่ขอบเตียง กระทั่งท่ายืนหันหน้าหันหลัง เขาขืนใจนางได้ทุกท่วงท่าด้วยลีลาร้ายกาจ แต่...อืม...หรือว่าเป็นนางที่ขืนใจเขาหลิงเวยสลัดศีรษะเบาๆ กะพริบตาขึ้นลงไล่ความมึนงงให้หลุดออกไป เห็นได้ชัดว่าในเหล้านั้นมียาบางอย่าง หากนางไม่เป็นคนดื่มมันแน่นอนว่าคนที่ดื่มมันย่อมต้องเป็นฟงชินหยางและหากว่านางมิได้เข้ามาแทรกกลางแน่นอนว่าคนที่มานอนที่เตียงนี่ย่
ภายในตลาดอันยิ่งใหญ่ของหัวเมืองหลักแห่งแคว้นเฉินยังคงมีผู้คนพลุกพล่านมากมายยิ่งกว่าในเมืองหลวงแห่งแว่นแคว้น ฟงลี่หลินได้รับหน้าที่ให้มาอารักษ์ขาองค์ชายฉีเล่ออย่างไม่เต็มใจแต่ก็ไม่อาจหลีกเลี่ยงได้เนื่องจากฉีเล่อนั้นเข้าไปเอ่ยปากกับชินอ๋องด้วยตนเองว่าต้องการท่องเที่ยวและต้องการให้สตรีหน้าตาอัปลักษณ์อย่างฟงลี่หลินคอยดูแลปรนนิบัติหญิงสาวเดินตามแผ่นหลังกว้างใหญ่ของฉีเล่อด้วยสายตาเรียวสวยพิฆาตฟาดฟันบุรุษร่างสูงสง่าตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาเนื่องจากว่าฉีเล่อนั้นเน้นย้ำเหลือเกินกับคำว่าปรนนิบัติ ทำเอาชินอ๋องเข้าใจผิดคิดว่าฉีเล่อนั้นติดอกติดใจนางตั้งแต่เมื่อคืนหลังจากที่ได้รับการปรนนิบัติจากนาง ชินอ๋องรีบเอ่ยสั่งการให้นางที่เป็นผู้น้อยสมควรทำตามใจองค์ชายสูงศักดิ์ทุกอย่างทุกค่ำคืน หาไม่แล้วนางต้องรับโทษทัณฑ์ แค่นั้นยังไม่พอ ยามนางเดินผ่านข้ารับใช้ในวังชินอ๋องคนพวกนั้นยังกระซิบกระซาบว่าต้องการที่จะมาเรียนรู้ลีลากระบวนท่าการปรนนิบัติบุรุษจากนางทั้งๆ ที่หน้าตาของนางมีมลทิน นางยังมีความสามารถเหลือร้ายกระทั่งทำให้องค์ชายสูงศักดิ์ติดใจ หลายคนคิดอยากจะเป็นลูกศิษย์นางเลยเชียวฮึ่ม! ฟงลี่หลินครางฮึม
ฟงชินหยางพาเรือนร่างสูงใหญ่มายืนตระหง่านอยู่ที่ลานกว้างของค่ายทหารในเวลาแค่เพียงไม่นานหลังจากที่เอ่ยสั่งการลงโทษนายทหารหน้าห้องที่บังอาจมายืนเรียกเขาเสียงดังจนทำภรรยาตกใจชายหนุ่มกวาดสายตาคมดำเย็นเยียบแผ่กลิ่นอายมืดครึ้มมองไปทั่วยังบุคคลทั้งหลายที่กำลังยืนอยู่ตรงกลางลานกว้างที่ลานกว้างแห่งนี้มีทหารหลายนายยืนคุมเชิงอยู่โดยรอบ ในขณะที่ตรงกลางลานมีบุคคลแปลกหน้าในอาภรณ์แปลกตาอยู่ห้าคนที่ถูกจับมัดตรึงเสียแน่นให้นั่งเรียงรายในสภาพสะบักสะบอมเนื้อตัวฟกช้ำมีบาดแผลหลายแห่งร่องรอยคล้ายกับถูกพยัคฆ์กัดขย้ำฟงชินหยางหรี่ตาลงมองที่สองในห้ามีสตรีสองนางที่อยู่ในอาภรณ์บางเบาวาบหวิวกำลังนั่งตัวสั่นงันงกผิดกับเมื่อยามค่ำคืนที่พยายามเหลือเกินกับการยั่วเย้ายั่วยวน และหนึ่งในสตรีสองนางนี้ยังบังอาจใส่ยาปลุกกำหนัดในเหล้าของเขานอกจากนั้นยังมีบุรุษหนุ่มคนหนึ่งนั่งคุกเข่าไกลออกไปจากห้าคนที่ถูกจับมัดเป็นห่อนึ่ง บุรุษผู้นั้นมีรอยบากของแผลเป็นพาดเฉียงจากหว่างคิ้วลากมาถึงสันกรามข้างขวาฟงชินหยางกระตุกยิ้มบางเบาตรงมุมปากไร้ใครสังเกตนั่นมันน้องรองที่ปลอมตัวมามิใช่หรือไร?“เรียนท่านแม่ทัพ” เสียงของทหารนายหนึ่งที่ม
เพลายามรุ่งสางใกล้สว่างมาเยือน...เสียงกระเส่าแหบพร่ายังคงครวญครางแว่วหวานอยู่ใต้ร่างใหญ่หนาของฟงชินหยางเป็นรอบที่เท่าไหร่มิอาจนับ จนกระทั่งนางใต้ร่างหลับลึกไปแล้วชายหนุ่มจึงก้มหน้าลงจรดจมูกคมสันกับไรผมชื้นเหงื่อของนางและแตะไล้เรียวปากเบาๆ สลับหนักๆ ไปตามหน้าผากกลมมนที่มีหยดน้ำพร่างพราวอยู่เต็มวงหน้าของนางก่อนพลิกกายใหญ่หนาลงนอนเคียงข้างนางพลางตวัดวงแขนล่ำสันโอบกอดกระชับนางเอาไว้อย่างแนบแน่น ถึงแม้ว่าหลิงเวยจะหลับใหลไปแล้วแบบไม่รู้สึกตัวตั้งแต่เมื่อยามค่ำคืนจนกระทั่งยามนี้แต่ฟงชินหยางก็ยังคงเป็นสามีที่ดีทำหน้าที่ได้อย่างไม่ขาดตกบกพร่องเพื่อชดเชยช่วงเวลาห้าปีที่ห่างหายไป เขาจะทำนางให้สะใจให้หายคิดถึงกันไปเลย แต่ทว่ายิ่งทำก็ยิ่งคึกทำจนหยุดทำไม่ได้ สภาพของภรรยาจึงเป็นอย่างที่เห็น นางคล้ายกับร่างกายขาดน้ำสลบไสลไปเลยทีเดียวเขาควรให้น้ำนางอีก น้ำของเขาช่างมีเหลือเฟือชายหนุ่มก้มหน้ามองหญิงสาวในอ้อมแขนที่กำลังหลับตาพริ้มเหงื่อกาฬไหลเยิ้มริมฝีปากบวมเป่งตามลำตัวขาวนวลมีริ้วรอยฝากรักสีแดงเป็นจ้ำเล็กจ้ำน้อยอย่างถ้วนทั่ว ในขณะที่แผงอกและแผ่นหลังของฝ่ายชายหนุ่มเองก็มีรอยขีดข่วนจากเล็บงามๆ ข