[1] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]
เสียงระเบิด เสียงปืน และเสียงกรีดร้องทั้งจากมนุษย์และจากปรสิตต่างดาว เสียงพวกนี้บ่งบอกว่าสถานการณ์ในสนามรบตอนนี้กำลังโกลาหลได้ที่ แต่ถึงจะมีเสียงพวกนี้ดังเข้ามาในโสตประสาทเพื่อย้ำเตือนถึงสถานการณ์รอบตัวในตอนนี้แล้วพลทหารหญิงสโนว์ก็ยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นสนามรบราวกับยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้ว
ซึ่งสโนว์ก็ยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในสนามรบระหว่างมนุษย์และปรสิตต่างดาวมาตลอด ตอนนี้สโนว์ตัดสินใจแล้วว่ามันถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ…
“หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะไม่โกรธถ้าฉันไปสวรรค์ก่อน…”
เพียะ!
“ตื่น สวรรค์ของโลกนี้ไม่ต้อนรับคนในตอนนี้หรอก มีแต่นรกเท่านั้นล่ะที่ต้อนรับคนในตอนนี้”
สั่งเสียเสร็จก็ตั้งใจจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเลยแต่กลับโดนบางอย่างตบหน้าเรียกสติก่อนและยังโดนบอกว่าสวรรค์ไม่ต้อนรับอีก
เธอไม่ได้เลวขนาดที่สวรรค์รับไม่ได้สักหน่อย!
ตั้งใจจะลืมตาขึ้นมาโวยวายใส่คนที่บังอาจมาขัดขวางการนอนพักผ่อนตลอดกาลของตัวเอง แต่ความคิดนั้นก็ต้องพับเก็บไปเมื่อสโนว์ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอ มันคือสิ่งมีชีวิตประหลาดที่มีหน้าตาเหมือนแกะและมีขนาดเท่าฝ่ามือและมีปีกด้วย
เจ้าก้อนขนดูนุ่มนิ่มและน่ารักตัวนี้มันคืออะไร?
“มนุษย์พิเศษอย่างเธอยังตายไม่ได้” สิ่งมีชีวิตประหลาดตรงหน้าได้กล่าวกับเธอ “เธอต้องทำภารกิจกำจัดพวกปรสิตพวกนั้นในสำเร็จก่อน!”
ทันใดนั้นดวงตาสีเขียวของสโนว์ก็มีแววตามุ่งมั่นขึ้นมาอีกครั้ง ภารกิจยังไม่สำเร็จเธอจะยังตายไม่ได้เด็ดขาด
เพื่อที่จะดิ้นรนมีชีวิตอยู่ต่อไปสโนว์จึงจำใจฝืนลุกขึ้นยืนแม้ว่าบาดแผลที่ต้นขาและหน้าท้องจะทำให้เธอเจ็บจนแทบไม่อยากเคลื่อนไหวเลยก็ตาม แต่ไม่ว่ายังไงเธอก็จะต้องฝืนลากสังขารของตัวเองออกไปจากสนามรบแห่งนี้ให้ได้เพื่อรักษาชีวิตของตัวเอง
แต่พอเดินไปได้ไม่ไกลสโนว์ก็เหนื่อยเกินกว่าจะยกขาก้าวต่อไปแล้ว สโนว์สบถด่าร่างกายของตัวเองในใจ ทั้งที่ร่างกายได้วิวัฒนาการจากการได้รับการกระตุ้นจากเซรุ่มพิเศษของกองทัพทหารแล้วแต่ร่างกายของเธอก็ยังอ่อนแอเกินไปสำหรับสงครามนี้อยู่ดี
“สโนว์! สโนว์!”
ในขณะที่เธอกำลังวุ่นวายกับการควบคุมร่างกายของตัวเองให้เดินต่อไปอยู่นั้นเสียงตะโกนเรียกชื่อของเธอก็ดังขึ้นมาแข่งกับเสียงระเบิดรอบตัวและไม่ทันที่สมองของสโนว์จะได้ประมวลผลว่าใครเป็นคนเรียกเธอ ทันใดนั้นร่างกายของสโนว์ก็ถูกคนที่ตะโกนเรียกเมื่อครู่จับอุ้มพาดบ่า
“ยังมีชีวิตอยู่ใช่ไหม!?” เขาตะโกนถามเธอพร้อมกับวิ่งไปข้างหน้าอย่างรวดเร็วจนพวกปรสิตที่วิ่งตามหลังมาวิ่งตามไม่ทัน
“ฉันไม่ยอมตายหรอกจนกว่าจะคิดบัญชีเรื่องที่นายแย่งลูกอมของฉันไปกินเมื่อสองปีก่อน!”
“นี่เธอยังแค้นไม่เลิกอีกเหรอ?” วินเตอร์ยิ้มแห้งกับความแค้นอันฝังลึกของเพื่อนสาวเพียงคนเดียว
“ระเบิดจะระเบิดในอีก 30 วินาที!” ฟรอสต์ เพื่อนทหารร่วมรบอีกคนของพวกเธอขี่มอเตอร์ไซค์ตามพวกเธอมา จากนั้นเขาก็ตะโกนบอกข่าวร้ายขณะเดียวกันก็ใช้ปืนยิงพวกปรสิตที่วิ่งตามพวกเธอมาจนหมด
“พวกเรายังอยู่ในรัศมีของระเบิดอยู่เลยนะ!” วินเตอร์เอ่ยเสียงเครียด
“มีบางอย่างผิดพลาดกับระเบิดทำให้เวลาถูกเร่ง เราต้องไปหาที่หลบก่อน” ฟรอสต์อธิบาย
“เฮงซวย!” สโนว์สบถอย่างอดไม่ได้
เพื่อหลบหนีออกห่างจากเขตที่จะได้รับผลกระทบจากแรงระเบิด วินเตอร์จึงวิ่งในความเร็วที่มากขึ้นและฟรอสต์จึงต้องเร่งความเร็วของมอเตอร์ไซค์ตามไปด้วย เนื่องด้วยความพิเศษของร่างกายวินเตอร์จึงสามารถวิ่งได้เร็วเทียบเท่ากับความเร็วสูงสุดของมอเตอร์ไซค์ของฟรอสต์เลยทีเดียว หากช้าฟรอสต์คงตามไม่ทันแน่
“ข้างหน้ามีหลุม” ฟรอสต์เอ่ยเพื่อชี้ทางให้กับวินเตอร์ หลุมที่ฟรอสต์เห็นมันเป็นหลุมที่เกิดมาจากระเบิดขนาดเล็กที่พวกเขาใช้ระเบิดพวกปรสิตตัวหนึ่ง มันไม่ใหญ่มากแต่ก็มากพอสำหรับให้คนสามคนใช้หลบ
วินเตอร์และฟรอสต์จึงไม่รอช้าที่จะกระโดดลงไปในหลุมตรงหน้า แต่แค่นั้นก็ยังไม่น่าวางใจได้ว่ามันจะปลอดภัยวินเตอร์จึงวางสโนว์ลงก่อนและรีบวิ่งไปดึงรถถังพังๆ มาปิดปากหลุมและเสริมด้วยโล่สีใสที่เกิดจากพลังพิเศษของเขามาคลุมอีกชั้น
ตูม!!
เสี้ยววินาทีหลังจากนั้นระเบิดที่มีอานุภาพรุนแรงที่สุดของมนุษย์ก็ระเบิดออก มันราวกับโลกจะแตกเพราะเสียงระเบิดมันดังมากและสร้างปรากฏการณ์แผ่นดินไหวได้รุนแรงมากและคลื่นลมจากแรงระเบิดก็ทำเอารถถังหนักหลายตันเหนือหัวพวกสโนว์ปลิวหายไป หากไม่มีโล่ของวินเตอร์ที่ช่วยป้องกันอีกชั้นพวกเธอคงถูกเศษซากสิ่งต่างๆ ที่ปลิวมาหล่นลงมาทับตาย
นานหลายนาทีกว่าที่ทุกอย่างจะสงบ พวกเธอปลอดภัยจากแรงระเบิดแต่สโนว์คิดว่าเธอกำลังตายเพราะเสียเลือดมาก สติของเธอเริ่มเลือนรางจึงไม่มีสติพอที่จะทำแผลห้ามเลือดให้ตัวเองได้
“สโนว์?” ฟรอสต์สังเกตเห็นความผิดปกติของสโนว์เมื่อเห็นว่าเธอวางหัวบนไหล่ของเขาอย่างไร้เรี่ยวแรงและพอเขามองไปเห็นชุดทหารสีดำของสโนว์เปียกชุ่มเขาก็รู้ได้ทันทีว่ามันคือเลือด “วินเตอร์! สโนว์กำลังบาดเจ็บหนัก!”
ฟรอสต์รีบหันไปบอกวินเตอร์ขณะที่เขารีบนำอุปกรณ์ทำแผลและยาออกมาจากมิติซึ่งเป็นพลังพิเศษของเขา ส่วนทางด้านวินเตอร์เมื่อได้ยินคำบอกของฟรอสต์เขาก็ฉีกเสื้อทหารที่หนาแน่นของสโนว์ทิ้งทันทีเพื่อที่จะได้ทำแผลได้อย่างสะดวก
“มีแผลที่ต้นขาและหน้าท้อง” วินเตอร์เอ่ยเพื่อบอกฟรอสต์
ไม่ต้องพูดอะไรกันมากมายพวกเขาก็แบ่งหน้าที่กันอย่างรู้งาน วินเตอร์รับผิดชอบทำแผลที่ต้นขาของสโนว์ส่วนฟรอสต์ก็ทำแผลบริเวณหน้าท้องของสโนว์ เนื่องจากว่าพวกเขาถูกฝึกมาเป็นทหารตั้งแต่จำความได้ เรื่องการทำแผลจึงไม่ใช่เรื่องยากสำหรับพวกเขาและพวกเขาก็ทำได้อย่างรวดเร็ว ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ทำแผลให้สโนว์เรียบร้อยเหลือเพียงให้ร่างกายของเธอรักษาตัวเองเท่านั้น เพราะสำหรับร่างกายที่ได้รับสารพิเศษจนวิวัฒนาการแล้วสามารถฟื้นฟูร่างกายที่บาดเจ็บหนักได้เพียงแค่พักผ่อนสามวัน
“รู้สึกหิวซะแล้วสิ” เมื่อสโนว์ได้สติเธอก็บ่นขึ้นมา ฟรอสต์หลับตาหนีอย่างเอือมระอากับความตะกละของเธอ
“ท้องเป็นรูรั่วอยู่ไม่ใช่รึไง” ฟรอสต์กล่าว แต่เขาก็เอาอาหารแห้งออกมาจากมิติและป้อนให้กับสโนว์
“ให้ฉันด้วยสิ” วินเตอร์อ้าปากรอการป้อนจากฟรอสต์เหมือนกับลูกนก ฟรอสต์โยนอาหารแห้งเข้าปากวินเตอร์อย่างปฏิเสธไม่ได้ อีกอย่างยังไงซะเขาก็ทำหน้าที่ป้อนหาอาหารให้ลูกนกสองตัวนี้บ่อยๆ อยู่แล้ว เขาค่อนข้างชินกับมัน
พวกเขาทั้งสามคนจะต้องหลบอยู่ในหลุมสักพักจนกว่าพวกปรสิตจะโดนสารพิษที่มาพร้อมกับระเบิดเมื่อครู่ฆ่าตายทั้งหมด ระหว่างนั้นพวกเขาจึงถือโอกาสพักเติมพลังเพื่อจะได้มีแรงปฏิบัติงานต่อ
“ครั้งนี้…หน่วยของเรามีใครรอดบ้าง” วินเตอร์เริ่มบทสนทนาขึ้นมากะทันหัน สโนว์ที่กำลังเคลิ้มหลับจำเป็นต้องลืมตาขึ้นมามองวินเตอร์ ก่อนที่เธอจะเบนสายตาขึ้นไปมองท้องฟ้าสีเทาเพราะถูกควันระเบิดปกคลุมไว้ทั้งหมด
พวกเขาทั้งสามคนเงียบ คำตอบของคำถามจึงเข้าใจได้ไม่ยากนอกจาก…มีแค่พวกเธอสามคนอีกแล้วที่รอดชีวิตมาได้
พวกเธอเป็นทหารหน่วยพลีชีพ หน้าที่ของทหารหน่วยพลีชีพก็คือบุกทะลวงเข้าไปในรังของพวกปรสิตเพื่อวางระเบิดบวกสารพิษที่เป็นอันตรายต่อพวกปรสิตเพื่อฆ่าล้างพวกมันในคราวเดียว ซึ่งหน้าที่นี้มันเป็นหน้าที่ที่เสี่ยงตายมากเพราะกว่าจะบุกทะลวงฝ่าดงปรสิตเข้าไปได้พวกเขาก็ต้องสูญเสียเพื่อนร่วมรบไปมากมาย
ทหารหน่วยนี้ได้ชื่อว่าทหารหน่วยพลีชีพเพราะว่าทำงานเสร็จแล้วก็ตายยังไงล่ะ
[2] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]โลกมันช่างโหดร้าย สาเหตุที่ทำให้โลกตกอยู่ในสภาพนี้มันเกิดมาจากอุกกาบาตปริศนามากมายที่ตกลงมาบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน อุกกาบาตไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับพื้นโลกและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบ มันยังได้พาปรสิตต่างดาวมาด้วย ปรสิตพวกนั้นจะเข้าไปควบคุมสมองของทุกสิ่งมีชีวิตและทำให้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นกลายพันธุ์จากนั้นพวกมันก็จะฆ่าล้างทุกสิ่งมีชีวิตไม่เลือกหน้ารวมถึงทำให้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นกลายเป็นพวกของมันด้วยปัญหาที่เกิดขึ้นกะทันหันทั่วโลกเกือบทำให้อารยธรรมของมนุษย์ล่มสลาย แต่มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะยอมสูญพันธุ์ง่ายๆ พวกเขารวมตัวกันและต่อสู้กับผู้บุกรุกจากต่างดาว เริ่มแรกมนุษย์เสียเปรียบมากเพราะไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนพวกปรสิตจนกระทั่งหลายสิบปีให้หลังมนุษย์ได้ค้นพบสารพิเศษบางอย่างที่สามารถกระตุ้นร่างกายของมนุษย์ให้วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งเทียบเท่ากับปรสิตได้แต่มนุษย์ที่ได้รับเซรุ่มซึ่งเป็นสารกระตุ้นทำให้ร่างกายวิวัฒนาการจะไม่เพียงได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ปกติถึงห้าเท่าเท่านั้น พวกเขายังได้รับพลังพิเศษตามแต่ความพิเศษของแต่ละคนได้ด้วย
[3] [พักผ่อนก่อนออกสำรวจ] “ไอ้แก่นั่นสักวันฉันจะเตะหน้ามันให้ได้” สโนว์สาปแช่งด้วยความแค้นขณะเดียวกันก็ยัดอาหารเข้าปากไม่หยุดราวกับคนอดอยากมานาน “อาหารของโรงอาหารก็ยังห่วยแตกไม่เปลี่ยน!” แม้จะบ่นอย่างนั้นสโนว์ก็ยังกินมันเข้าไปอยู่ดีเพราะไม่มีทางเลือก หลายปีแล้วที่มนุษย์เริ่มขาดแคลนอาหารจนแทบไม่มีอะไรจะกิน ถึงจะไม่อร่อยแต่ถ้ากินได้เธอก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด อันที่จริงทหารอย่างเธอได้กินอาหารอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดจึงน่าจะควรชินได้แล้ว แต่เธอดันเป็นมนุษย์วิวัฒนาการที่ประสาทสัมผัสที่ดีมาก การกินอาหารที่ไม่สะอาดจึงยากที่จะทำให้รู้สึกคุ้นชินหรืออร่อยได้“อย่าอารมณ์เสียไปเลยน่า” วินเตอร์ตบหลังปลอบใจเพื่อนสาว“หึ!” สโนว์พ้นหายใจแรง อารมณ์ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย วินเตอร์ก็ได้แต่เกาหัวอย่างจนปัญญาปลอบใจฟรอสต์มองทั้งสองคนสลับกันก่อนจะถอนหายใจ เขาตัดสินใจหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ามิติของตัวเอง “ฉันเก็บลูกอมเม็ดสุดท้ายไว้” “ลูกอม!?” อารมณ์ขุ่นมัวเหมือนถูกเป่าทิ้งทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกอม สโนว์หันขวับไปมองฟรอสต์ตาวาว“ลูกอมเหรอ!?” วินเตอร์ก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกันนัก เนื่องจากว่าในสนามรบอาหารจำพวกขนมหว
[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือนซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้วพวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินท
[5] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]สถานการณ์น่าลุ้นระทึกผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ให้ความรู้สึกยาวนาน กว่าวินเตอร์จะเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้สโนว์ที่รอลุ้นอยู่บนเพดานก็เผลอกลั้นหายใจไปนานหลายนาทีด้วยความโชคดีและความสามารถของวินเตอร์ ในที่สุดเขาก็สามารถเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้และสามารถแอบหลบกลับมาได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน อันที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องแอบลอบเข้าไปในใจกลางฝูงปรสิตเพราะภารกิจหลักของพวกเขาก็คือลอบเข้าไปวางระเบิดในรังของพวกปรสิต เพราะงั้นภารกิจพลีชีพแบบนี้พวกเขาทำมาหลายรอบจนชำนาญแล้วล่ะ แต่การเอาระเบิดไปวางกับการเข้าไปเก็บตัวอย่างสำคัญมันไม่เหมือนกัน ภารกิจอันแรกจะตายก็ช่างขอแค่วางระเบิดสำเร็จภารกิจก็สำเร็จ แต่อันที่สองถ้าหากกลับมาไม่ได้ตัวอย่างสำคัญที่แอบเก็บมาก็จะสูญเปล่าภารกิจก็จะไม่สำเร็จ ระดับความเครียดจึงต่างกันเล็กน้อย ซึ่งพอได้รับข้อมูลที่ต้องการมาทั้งหมดแล้วสโนว์และวินเตอร์ก็รีบวิ่งกลับมาหาฟรอสต์และคนอื่น ๆ ทันทีราวกับกลัวว่าพวกปรสิตจะวิ่งตามหลังมา และเมื่อกลับไปถึงที่ซ่อนตัวสโนว์และวินเตอร์ก็รู้สึกราวกับว่าได้อากาศหายกลับมาเลยทีเดียว“ในนั้นแออัดชะมัด แทบไม่มีอ
[6] [เพศรอง]“อย่าโง่น่าฟรอสต์” สโนว์บ่นเมื่อเห็นเขามาปรากฏตัวข้างกายพวกเธอทั้งที่เขาควรจะวิ่งหนีไปไกลแล้ว“พวกนายมันงี่เง่า” ฟรอสต์กล่าวขณะหยิบปืนขึ้นมายิงสกัดปรสิตที่พยายามตามเข้ามาโจมตีพวกเขา เนื่องจากว่าอุโมงค์มันไม่ใหญ่มากนักและพวกปรสิตส่วนมากก็ตัวใหญ่ มันจึงง่ายต่อการยิงสกัดไม่ให้พวกปรสิตเข้ามาใกล้และง่ายต่อการกำจัดพวกมันด้วยแต่ถึงจะทำอย่างนี้ต่อไปพวกปรสิตก็ไม่มีวันหมดอยู่ดีเพราะพวกมันมีจำนวนมากกว่าล้านและพวกเขาก็มีอาวุธและพลังจำกัดด้วย อีกอย่างในตอนนี้สโนว์และวินเตอร์เหมือนจะมีอาการฮีทเพราะเพศรองปรากฏเร็วกว่าที่คาดการไว้ อีกไม่นานพวกเขาทั้งสองอาจเสียสติเพราะถูกสัญชาตญาณของเพศรองกลืนกิน“ตอนนี้ล่ะ!” วินเตอร์ตะโกนให้สัญญาณจากนั้นพวกเขาก็วิ่งหนีไปยังอีกเส้นทางที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ มันอาจจะเป็นทางออกหรือไม่ก็อาจจะทางตันหรือที่เลวร้ายกว่านั้นมันอาจเป็นทางกลับไปที่รังของพวกปรสิต แต่ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอะไรพวกเขาก็ต
[7] [ทางออก]ขณะที่ปล่อยให้วินเตอร์คลอเคลียและใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอในการช่วยตัวเอง สโนว์ก็พยายามทำใจให้สงบเพื่อไม่ให้กลิ่นโอเมก้าของวินเตอร์มาควบคุม ส่วนฟรอสต์นั้นก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า เขาพยายามขุดเจาะกำแพงดินที่ถล่มลงเพื่อหาเส้นทางไปต่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดสโนว์ก็หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจและร่างกาย ส่วนวินเตอร์ก็ดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้อาการฮีทของวินเตอร์น่าจะอยู่ในการควบคุมอย่างสงบไปได้อีกสักพักและก่อนอาการฮีทจะพลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่เหนือการควบคุมอีกพวกเขาควรเร่งรีบออกจากที่นี่ สโนว์และวินเตอร์จึงไปช่วยฟรอสต์ขุดดินที่ได้ถล่มลงมากลบฝังทางหนีของพวกเขาไว้ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ขุดทะลุผนังดินจนทะลุไปถึงเส้นทางอุโมงค์อีกด้านที่ไม่ได้รับผลกระทบกับระเบิดทางจึงปิดโล่งและไม่มีปรสิตสักตัวเพราะพวกมันทั้งหมดถูกดินถล่มลงมาทับตายที่อุโมงค์อีกด้านแล้ว“มีแค่ทางเดียวแล้วที่เราไปได้…แถมยังเป็นทางที่ไม่รู้จุดหมายอีก” สโนว์หันไปมองทางตันข้างหลังที่มีเส้นทางที่สามารถพาพวกเขาออกไปข้างนอกได้ก่อนจะหันกลับมามองทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีท
[8] [สิ่งมีชีวิตประหลาด]พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารังของพวกปรสิตมันมีทางเชื่อมต่อกัน!“วิ่งเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง! พวกข้างหลังจะตามมาทันแล้ว!” สโนว์ตะโกนขณะเดียวกันก็ยิงกระสุนน้ำใส่ฝูงปรสิตที่วิ่งตามมาจากข้างหลัง“ข้างหน้ามีพวกมันเต็มเลยนะ!” วินเตอร์ตะโกนประท้วง “อีกอย่างฉันแบกพวกเธอทั้งสองคนอยู่นะ!” เขาตะโกนประท้วงอีกประโยคเนื่องจากว่าวินเตอร์วิ่งเร็วและแข็งแรงมาก เมื่อถึงยามหนีเขาสามารถวิ่งทิ้งห่างสโนว์และฟรอสต์ได้เป็นกิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์วิ่งหนีทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลังวินเตอร์ก็เลยต้องแบกเพื่อนทั้งสองคนขึ้นบ่าและวิ่งหนี สโนว์และฟรอสต์จึงรับหน้าที่กำจัดฝูงปรสิตที่เข้ามาขวางทางแต่พวกเขาคงทำแบบนี้ไปได้อีกไม่นานมากนักเพราะตราบใดที่ยังไม่เจอทางออกพวกเขาก็จะถูกฝูงปรสิตรุมล้อมจนไร้ทางหนีและถูกรุมทึ้งจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้ใครมาเก็บ“ไปทางไหนดี!” วินเตอร์ตะโกนถามความเห็น“เลือกสักทางสิ!” ฟรอสต์ตอบขณะนำปืนกระบอกใหม่ที่มีกระสุนเต็มกระบอกออกมาและโยนปืนที่หมดกระสุนแล้วกลับเข้าไปในมิติ ทุกขั้นตอนนั้นไม่มีการขาดช่วงแม้แต่น้อย“งั้นทางนั้น!” วินเตอร์วิ่งไปยังทางที่ตัวเองเลือกทันทีแม
[9] [ต้นกำเนิดของปรสิต]บ้านของเคนเหนือความคาดหมายของทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนมาก ไม่ใช่เพราะมันเป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีพืชมากมายเติบโตจนเขียวชอุ่มเนื่องจากได้รับแสงอย่างเพียงพอจากรูโหว่บนเพดานและได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องจากน้ำตกใต้ดิน ทั้งหมดนั้นดูเหนือความคาดหมายก็จริง แต่สิ่งที่เหนือความหมายกว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่นั่น“นี่มันรังแกะรึไงกัน”ในโลกที่มีปรสิตครองร่างของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนโลก การที่จะได้เห็นสัตว์ธรรมดาตามธรรมชาตินอกเหนือจากสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้กินมันหาได้ยากมากเพราะส่วนมากสัตว์พวกนั้นจะถูกปรสิตยึดครองร่างจนหมดเสียก่อนด้วยเหตุนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นฝูงแกะสีขาวธรรมดาเต็มถ้ำไปหมด“พวกนี้คือเพื่อนของนายเหรอ?” วินเตอร์ถามหน้าซื่อ“หา? ฉันเนี่ยนะจะเป็นเพื่อนกับพวกสิ่งมีชีวิตไร้สมองพวกนี้น่ะ? นายโง่รึไงถึงได้เอาฉันไปเทียบกับสัตว์พวกนั้นน่ะ!” ใบหน้าน่ารักราวกับแกะน่ารักของเคนเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีวินเตอร์กะพริบตาปริบๆ หน้าตาซื่อบื้อของเขาแสดงความสับสน เขาพูดอะไรผิดทำไมถึงโกรธขนาดนั้น? เคนก็เป็นแกะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? วิน
[33] [ขั้นตอนสุดท้าย]“ฮา…” ลมหายใจที่สโนว์พ่นออกมากลายเป็นควันเพราะความหนาวในอุณหภูมิเยือกแข็ง สโนว์ยกขาถีบปรสิตที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งตรงหน้าให้ล้มจนมันแตกเป็นเสี่ยง จากนั้นสโนว์ก็เริ่มไล่ทุบและเตะปรสิตทั้งหมดที่ขยับไม่ได้เพราะถูกพลังของเธอแช่แข็งจนพวกมันแตกเละไม่เหลือชิ้นดี หมดโอกาสที่จะกลับมามีชีวิตอีกแล้ว ซึ่งจุดประสงค์ในการไล่ทุบทำลายอย่างโหดเหี้ยมของเธอก็เพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดล้วนๆ ไม่ได้มีโกรธแค้นพวกมันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแต่อย่างใดสโนว์สูดหายใจเข้า “ไปตายซะไอ้พวกปรสิตเฮงซวยเอ๊ย!” เมื่อตะโกนเพื่อระบายอารมณ์แล้วเธอก็ยังกระทืบเศษน้ำแข็งที่เคยเป็นปรสิตมาก่อนจนมันกลายเป็นฝุ่นไปแล้วซึ่งสาเหตุของอารมณ์หงุดหงิดของสโนว์ก็จะมาจากไหนไปไม่ได้นอกจากเรื่องของวินเตอร์และฟรอสต์ที่เธอได้ยินมาจากอีธาน เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าพวกเขาจะตายไปทั้งแบบนั้น เธอหวังว่ามันจะเป็นเรื่องโกหก แต่ความกังวลและความกระวนกระวายก็ยังไม่หายไปและมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด สุดท้ายเธอก็ได้มาระบายอารมณ์กับปรสิตที่อีธานให้เธอใช้สำหรับทดสอบใช้พลังจนปรสิตที่ถูกเธอใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ไม่เหลือแม้แต่ซากอย่างที่เห็น
[32] [ผลของฟีโรโมน]“ทดลอง ทดลอง ใส่สารตัวนี้สักหน่อย ใส่ตัวนี้สักนิด ไม่สิ ตัวนี้มีฤทธิ์เบาเกินไป ส่วนตัวนี้มีผลเสียต่อร่างกาย งั้นลองสารนี้แล้วกัน” อีธานพึมพำขณะที่กำลังปรุงสารบางอย่างลงในหลอดแก้วอย่างอารมณ์ดีสโนว์นั่งมองรอยยิ้มกว้างนั่นด้วยสายตาปลาตาย น่าเสียดายมากที่เธอไม่สามารถหนีไปจากเจ้าคนประหลาดคนนี้ได้ ในขณะที่เธอปลงตกอีธานก็เหมือนจะเสร็จธุระของตัวเองแล้ว เขาหันมาหาเธอพร้อมกับถือหลอดแก้วที่มีสารบางอย่างที่ปรุงแล้วเรียบร้อยในมือ“ลองชิมได้ไหมครับ? ไม่เป็นอันตรายแน่นอนเพราะผมมั่นใจในการคำนวณมากเลย” อีธานยื่นหลอดแก้วที่มีสารเหลวสีน้ำเงินมาให้สโนว์ แต่เมื่อเห็นว่าสโนว์ที่มีบรรยากาศต่อต้านมือที่ยื่นหลอดแก้วออกไปก็มีท่าทีเงอะงะอย่างตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะไม่ต่อสู้เพื่อต่อต้านแล้วแต่ก็ไม่ได้ยอมจำนน อีธานคิดว่าหากเขากระตุ้นเธอสักหน่อยมันก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะอาละวาดเพียงแค่จินตนาการเปลือกตาของอีธานก็กระตุก ริมฝีปากของเขาเม้มลงเล็กน้อย และแก้มของเขาก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย เขากำลังคาดหวังให้มันเกิดขึ้นอีธานก้าวไปยืนชิดกับเก้าอี้ที่สโนว์นั่งอย่างกะทันหันจนสโนว์ผงะ เธอขมวดคิ้วขณะเงยหน้ามอ
[31] [ราชา]มองไปทางไหนก็เจอแต่หิมะสีขาวโพลนและสายลมเย็นยะเยือก ความหนาวเย็นบนยอดภูเขาหิมะทำให้ความเจ็บปวดจากแผลไฟลวกบนมือของสโนว์ลดลงเล็กน้อย“ทำไมต้องมาอยู่บนภูเขาหิมะด้วยเนี่ย” สโนว์บ่น หากให้บุกฝ่าภูเขาหิมะไปโดยที่ไม่พกอะไรติดตัวไปสักอย่างก็เกรงว่าจะหมดแรงและหนาวตายอยู่ระหว่างทางเสียก่อน แต่สโนว์ในตอนนี้ไม่มีทางให้เลือกมากนัก เธอเดินเหยียบหิมะหนาไปข้างหน้า แต่เมื่อเดินไปได้ไม่ไกลสโนว์ก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่างโดยสัญชาตญาณมีบางอย่างใต้หิมะแต่ยังไม่ทันที่สโนว์จะรู้ว่ามันคืออะไรสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้หิมะก็คลานออกมาจากใต้หิมะหนา มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่มีหลายตัว“คน?” เมื่อเห็นในแวบแรกเธอก็คิดอย่างนั้นเพราะรูปร่างที่เหมือนมนุษย์ของมัน แต่กลิ่นอายของมันทำให้สโนว์รู้สึกว่ามันไม่ใช่“ห้าม…ออก…ไป” คนที่โผล่ออกมาจากหิมะได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก“ห้าม…ออก…ไป” “ห้าม…ออก…ไป” “ห้าม…ออก…ไป” พวกมันเริ่มพูดคำพูดเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับพูดคำอื่นไม่เป็น สโนว์รู้สึกว่าคนพวกนั้นผิดปกติ เธอเตรียมตัวต่อสู้ได้ทุกเมื่อหากพวกมันโจมตี แม้ว่าเธอจะเสียพลังไปมากจนฝืนต่อไปแทบไม่ไหว แต่เธอก็พร
[30] หิมะไม่ยอมละลาย“เฮ้อ…” วินเตอร์ไม่รู้ว่าตัวเองถอนหายใจออกมากี่ครั้งแล้ว ใครจะไปสนใจนับจำนวนลมหายใจของตัวเองในขณะที่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนที่ถูกลักพาตัวไปเป็นตายร้ายดียังไงได้อย่างไรกัน“…” ฟรอสต์มีท่าทีนิ่งสงบตรงกันข้ามกับท่าทางของวินเตอร์ที่กระวนกระวายเคียร่ามองหน้าทหารหน่วยพลีชีพทั้งสองคนสลับไปมา ถึงท่าทางที่แสดงออกของพวกเขาจะตรงกันข้ามกัน แต่เคียร่าสามารถบอกได้ว่าพวกเขาอยู่ในอารมณ์เดียวกัน“ตาแดง ขอบตาดำคล้ำ….อย่างกับปรสิตแพนด้า” “อาการแบบนี้เรียกว่าเครียดจนนอนไม่หลับครับ” เซบาสเตียนกล่าว ในอ้อมแขนของเขายังอุ้มแมวขาวที่กำลังนอนหลับสนิทแลดูสบายอกสบายใจเข้าสู่วันที่เจ็ดแล้วตั้งแต่สโนว์ถูกลักพาตัวหายไป ด้วยความช่วยเหลือจากผู้นำโดมอย่างอลันที่ช่วยแกะรอยองค์กรไกด์ที่คาดว่าลักพาตัวสโนว์ไป วินเตอร์และฟรอสต์ก็มุ่งหน้าตามร่องรอยได้มาอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาไม่ได้แม้จะนอนหลับด้วยซ้ำ เพียงหลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่งก็ตื่นขึ้นมาค้นหาร่องรอยต่อจนกระทั่งร่างกายที่แม้จะวิวัฒนาการแล้วก็ยังแสดงอาการที่บ่งบอกว่านอนน้อยให้เห็น“เฮ้อ” วินเตอร์ในสภาพนอนน้อยจนใต้ตาดำถอนหายใจออกมาอีกรอบพลางหันไปมองฟร
[29] [หลบหนี]บนหน้าต่างยังฉายภาพภูเขาหิมะเช่นเดิม สวยงามแต่ก็น่าเบื่อ สโนว์ยืนมองออกไปอย่างไร้อารมณ์ เฝ้ารอการมาของคนเพียงคนเดียวที่เข้ามาหาเธอในห้องสีขาวอันว่างเปล่านี้ตามช่วงเวลาเดิมของทุกวันประตูห้องที่เหมือนกับห้องปิดตายนี้ก็เปิดออก ในเสี้ยววินาทีที่ประตูปลดล็อกและแง้มเปิดพลังพิเศษของสโนว์ก็พุ่งตรงเข้าไปทำลายประตู แต่ในเสี้ยววินาทีเดียวกันปลอกคอและกำไลบนข้อเท้าและข้อมือของเธอก็เริ่มทำงานเช่นกันแม้ว่าประตูจะหยุดทำงานชั่วคราวและมีโอกาสให้หนีออกไปจากห้องขังนี้แต่สโนว์ก็ได้ทรุดลงไปนอนกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงหนีแล้ว อีธานเดินเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าสโนว์“ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นเด็กดื้อขนาดนี้” สโนว์มองปลายเท้าที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ทันใดนั้นแขนที่น่าจะขยับไม่ได้ของเธอได้เอื้อมไปคว้าข้อเท้าของอีธานอย่างรวดเร็ว “!?” อีธานที่ไม่ทันระวังตัวพยายามชักเท้าหนี แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้มึนงงราวกับสมองกลับด้านอย่างกะทันหัน อีธานล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรงโดยที่สโนว์ไม่จำเป็นต้องออกแรงดึงข้อเท้าของเขาเลยดวงตาสีฟ้าของเขาเบิกกว้างขณะมองสโนว์ที่ยืนขึ้นได้ทั้งที่กำไลข้อมือและข้อเท้ากำลังทำงานด้
[28] [หนีดีกว่า]ไม่สามารถต่อต้าน ไม่สามารถหลบหนี ไม่สามารถจบชีวิตตัวเองได้ และไม่อยากให้ความร่วมมือ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากยอมจำนน ซึ่งทางเลือกในการยอมจำนนมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่น่าลำบากใจนักสำหรับสโนว์ ถ้าให้เลือกระหว่างต่อต้านโดยอาละวาดอย่างไร้ความหมายและไร้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เธอเลือกยอมจำนนอย่างสงบเพื่อหาทางรอดอื่นดีกว่าตัวเลือกแรกก็คงต้องเป็นการยื่นข้อเสนอ“สองเดือน ฉันมีเวลาแค่สองเดือนที่นี่เพราะฉันยังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่” ภารกิจที่เธอหมายถึงคือหยุดพักจากงานและเดินทางไปทางเหนือ“อือ…ยอมรับได้เพียงครึ่งเดียว” อีธานครุ่นคิดเพียงครู่เดียวก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เขายอมตกลงง่ายมากจนสโนว์แปลกใจสโนว์เพิ่งมานึกระแวงว่าการทดลองที่ว่านั่นอาจจะทำให้เธอกลายเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่รู้จักก็ได้“นายต้องการทดลองอะไรถึงต้องมาเจรจากับฉันเพื่อขอความร่วมมือก่อนในเมื่อนายสามารถบังคับฉันได้?” “ผมไม่อยากได้ตัวทดลองที่ไร้จิตวิญญาณ สิ่งสำคัญในการทดลองครั้งนี้จะต้องคงอยู่เช่นเดิมของสติปัญญาของสิ่งมีชีวิต” “ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อนายเท่าไหร่ นายคงไม่ได้มีแผนอย่างการกล่อมให้ฉันยอมรับการทดลอ
[27] [เจรจา]เมื่อตื่นขึ้นมาสโนว์รู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้นอนหลับไปยาวนานมาก ไม่สิ มันไม่ใช่ความรู้สึก ความจริงแล้วเธอรู้ตัวว่าตัวเองนอนหลับไปยาวนานมากแล้วจริงๆ แม้ว่ายาสลบยังไม่หมดฤทธิ์แต่สโนว์ก็ได้สติกลับมาเป็นบางช่วงจึงสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าตัวเธอจะกำลังถูกคนบางกลุ่มพาตัวไปที่ไหนสักแห่งโดยระหว่างทางคนกลุ่มนั้นก็จะคอยให้ยาสลบกับเธอตามเวลาเพื่อไม่ให้เธอตื่นขึ้นมากลางคันแต่ตอนนี้สโนว์ไม่รับรู้ถึงคนกลุ่มนั้นอยู่รอบตัวอีกแล้ว หลังจากตื่นมารอบนี้ก็ไม่มีใครให้ยาสลบอย่างต่อเนื่องกับเธออีก สโนว์จึงเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายของเธอได้อีกครั้งและในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาได้แล้วดวงตาของสโนว์ปรับเข้ากับแสงบนเพดานห้องได้อย่างรวดเร็ว อย่างแรกคือสำรวจรอบตัว ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดค่อนข้างใหญ่แต่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงสีขาวที่เธอนอนอยู่และหน้าต่างกระจกบานหนึ่งที่มีขนาดเท่าผนังห้อง ส่วนผนังอีกสามด้าน พื้น และเพดานห้องก็เป็นแค่สีขาวว่างเปล่า สโนว์เดินเข้าไปใกล้หน้าต่างกระจกใส ภาพหลังกระจกที่ได้ปรากฏให้เห็นก็คือภูเขาหิมะ หากว่าหลังกระ
[26] เจรจา โดมได้ผ่านพ้นวิกฤตจากปรสิตมดมาได้แล้ว จากความช่วยเหลือจากกำลังเสริมจากกองทัพทหารใกล้เคียงพวกเขาจึงสามารถกวาดล้างปรสิตที่ยังหลงเหลืออยู่ในโดมได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เมื่อสถานการณ์อยู่ในการควบคุมแล้วทหารหน่วยพลีชีพที่อยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนจึงไม่จำเป็นต้องฝืนทำงานต่อ พวกเขาจึงถอยออกมาจากสนามรบ แต่พวกเขาก็ได้รับข่าวร้ายหลังจากนั้น“หมายความว่ายังไงที่ว่าสโนว์หายไป!” วินเตอร์แทบจะแสดงความโกรธเกรี้ยวทั้งทีที่ได้รับข่าว เขาเกือบจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของอลันที่เป็นคนบอกข่าวนี้กับเขา โชคดีที่ฟรอสต์จับไหล่ของวินเตอร์เอาไว้ได้ก่อน“อธิบาย” ฟรอสต์ถามเพียงคำเดียว แต่นั่นก็สร้างความกดดันให้กับอลันไม่ต่างจากที่เกือบโดนวินเตอร์กระชากคอ“มีรายงานจากทหารทีมลอบยิงทางอากาศมาว่าพลทหารหญิงสโนว์หายตัวไปหลังจากเข้าไปช่วยพลเรือนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานซ่อมแซมกำแพง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพวกเขาจึงเข้าไปตรวจสอบและยืนยันว่าพลทหารสโนว์ไม่ได้เสียชีวิตแต่หายตัวไปเพราะมันไม่ร่องรอยของการถูกสังหาร ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของการหายตัวไปแต่น่าจะเกี่ยวข้องกับพลเรือนที่เธอเข้าไปช่วยเพราะเมื่อทหารทีมลอบยิงท
[25] [ลักพาตัว] [จบ part 1]ฟรอสต์และวินเตอร์ถูกล้อมไว้ทุกทางโดยปรสิตเพราะพวกเขากลายเป็นเป้าหมายของความโกรธแค้นของพวกปรสิต แต่ตอนนี้วินเตอร์และฟรอสต์ไม่สามารถหนีไปจากตรงนี้ได้ วินเตอร์จำเป็นต้องปิดปากหลุมด้วยพลังโล่ของเขาเพื่อไม่ให้แก๊สพิษและปรสิตที่เหลือรอดเล็ดลอดออกมา ในขณะเดียวกันฟรอสต์ก็คอยปกป้องวินเตอร์ที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ชั่วคราวการรับมือกับฝูงปรสิตร่างมดที่ไม่ได้มีพลังโจมตีมากนักไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับฟรอสต์ เขายังมีอาวุธเหลืออยู่มากมายในคลังมิติของเขา เขายืนอย่างมั่นคงต่อหน้าฝูงปรสิตแล้วนำปืนกลอัตโนมัติออกมาสองกระบอกและปล่อยให้พวกมันทำงานกำจัดปรสิตโดยอัตโนมัติ ถ้ามีปรสิตที่หลบวิถีกระสุนของปืนกลได้พวกมันก็จะถูกระเบิดไฟฟ้าของฟรอสต์โจมตีแทนระยะการระเบิดของระเบิดไฟฟ้าไม่กว้างนักแต่อานุภาพของมันไม่อาจดูถูกได้ ปรสิตร่างมดที่ถึงแม้จะมีเกราะหุ้มตัวที่หนาในระดับหนึ่ง แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับไฟฟ้าแรงสูงได้อย่างง่ายดายแต่ยังไงระยะการโจมตีของระเบิดไฟฟ้าก็แคบเกินไป การใช้ระเบิดไฟฟ้าจึงถือว่าเปลืองเกินไป ฟรอสต์จึงโจมตีเป็นหลักด้วยปืนที่มีอานุภาพในการทำลายสูงทั้งสองกระบอกในมือ เขายิงปืนอย