[2] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]
โลกมันช่างโหดร้าย สาเหตุที่ทำให้โลกตกอยู่ในสภาพนี้มันเกิดมาจากอุกกาบาตปริศนามากมายที่ตกลงมาบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน อุกกาบาตไม่เพียงสร้างความเสียหายให้กับพื้นโลกและสิ่งมีชีวิตที่อาศัยอยู่โดยรอบ มันยังได้พาปรสิตต่างดาวมาด้วย ปรสิตพวกนั้นจะเข้าไปควบคุมสมองของทุกสิ่งมีชีวิตและทำให้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นกลายพันธุ์จากนั้นพวกมันก็จะฆ่าล้างทุกสิ่งมีชีวิตไม่เลือกหน้ารวมถึงทำให้สิ่งมีชีวิตพวกนั้นกลายเป็นพวกของมันด้วย
ปัญหาที่เกิดขึ้นกะทันหันทั่วโลกเกือบทำให้อารยธรรมของมนุษย์ล่มสลาย แต่มนุษย์ไม่ใช่สิ่งมีชีวิตที่จะยอมสูญพันธุ์ง่ายๆ พวกเขารวมตัวกันและต่อสู้กับผู้บุกรุกจากต่างดาว เริ่มแรกมนุษย์เสียเปรียบมากเพราะไม่ได้มีร่างกายที่แข็งแกร่งเหมือนพวกปรสิตจนกระทั่งหลายสิบปีให้หลังมนุษย์ได้ค้นพบสารพิเศษบางอย่างที่สามารถกระตุ้นร่างกายของมนุษย์ให้วิวัฒนาการจนแข็งแกร่งเทียบเท่ากับปรสิตได้
แต่มนุษย์ที่ได้รับเซรุ่มซึ่งเป็นสารกระตุ้นทำให้ร่างกายวิวัฒนาการจะไม่เพียงได้รับร่างกายที่แข็งแกร่งกว่ามนุษย์ปกติถึงห้าเท่าเท่านั้น พวกเขายังได้รับพลังพิเศษตามแต่ความพิเศษของแต่ละคนได้ด้วย อย่างเช่นพลังโล่ของวินเตอร์ พลังมิติของฟรอสต์ หรือพลังควบคุมน้ำของสโนว์
แต่ถึงแม้ว่าฝ่ายมนุษย์จะมีความแข็งแกร่งพอที่จะต่อกรกับปรสิตได้แล้วฝ่ายมนุษย์ก็ยังไม่ถือว่าได้เปรียบพวกปรสิตเพราะในช่วงเวลานั้นจำนวนของฝ่ายมนุษย์เหลือน้อยมาก อีกอย่างการกระตุ้นร่างกายให้วิวัฒนาการก็มีข้อเสียที่สามารถสร้างจุดอ่อนได้เช่นกัน ข้อเสียนั่นมันเป็นปัญหาไม่น้อยเพราะมันมักจะทำให้กำลังรบฝ่ายมนุษย์อ่อนแอจนเกือบพลาดท่าบ่อยครั้ง น่าเสียดายที่พวกเขาไม่สามารถกำจัดข้อเสียนั่นได้แม้จะผ่านมาหลายสิบปีแล้วก็ตาม
อย่างไรก็ตามถึงมนุษย์จะใช้สารกระตุ้นร่างกายให้วิวัฒนาการมาหลายรุ่นจนเข้าสู่ปีที่ห้าสิบแล้วนับตั้งแต่วันที่อุกกาบาตตกลงมาบนโลกสงครามระหว่างมนุษย์และปรสิตก็ยังไม่มีทีท่าว่าจะมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งได้รับชัยชนะไป จนในที่สุดฝ่ายมนุษย์ที่เริ่มเหน็ดเหนื่อยจากสงครามอันยาวนานก็ตัดสินใจใช้วิธีการบ้าระห่ำอย่างการใช้ทหารหน่วยพลีชีพบุกทะลวงเข้าไปในรังของพวกปรสิตเพื่อวางระเบิดมรณะ
เพื่อฆ่าล้างพวกปรสิตให้หมดโลกแม้จะต้องเสียสละชีวิตของทหารจำนวนมากระหว่างทำภารกิจวางระเบิดในรังปรสิตเหล่าเบื้องบนก็ไม่สนใจและมุ่งมั่นดำเนินแผนการฆ่าล้างพวกปรสิตต่อไปอย่างไร้ซึ่งความเห็นใจ พวกสโนว์จึงถือว่าเป็นทหารรุ่นที่ซวยที่สุดแล้วเพราะพวกเขาถูกฝึกฝนตั้งแต่เด็กให้กลายเป็นทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกและเพราะการฝึกฝนเพื่อภารกิจนี้เป็นพิเศษพวกเขาจึงไม่กลัวความตายและกล้าบุกเข้าไปในรังของพวกปรสิตอย่างที่ไม่เคยมีมนุษย์คนไหนทำสำเร็จมาก่อน
เพราะไร้ความกลัวในความตายและมุ่งที่จะทำภารกิจให้สำเร็จเพียงอย่างเดียว ท้ายที่สุดทหารหน่วยพลีชีพรุ่นแรกก็เหลือกันแค่สามคนจากหนึ่งร้อยคน
“ดวงแข็งชะมัด” สโนว์กำลังบ่นถึงความตายยากของพวกเธอสามคน กี่ครั้งแล้วที่พวกเธอรอดตายกันมาได้แค่สามคน
“ฉันดีใจนะที่พวกนายยังมีชีวิตอยู่” วินเตอร์กล่าวด้วยความรู้สึกจากใจจริงของเขาด้วยรอยยิ้มกว้าง
“ฉันไม่ตายง่ายๆ หรอก” สโนว์ทำเป็นไม่สนใจแม้ว่ามุมปากจะยกยิ้มขึ้นมาอย่างยินดี ฟรอสต์ก็ไม่ต่างกัน แม้จะทำเป็นหันหน้าไปทางอื่นอย่างไม่สนใจแต่ในใจของเขาก็ชอบใจไม่ต่างกัน
ในตอนนั้นสโนว์และฟรอสต์ก็คิดเหมือนกันว่ารอยยิ้มสดใสเหมือนลูกหมาของวินเตอร์มันช่าง ดีต่อใจจริงๆ พวกเธอหวังว่ารอยยิ้มนี้จะคงอยู่ตลอดไป
“ฉันง่วงแล้ว” สโนว์บอกและหลับตาลงเป็นการบอกว่าเธอจะนอนแล้ว
“เรามีเวลาอีกสามชั่วโมง” ฟรอสต์เอ่ยพลางเอาผ้าห่มออกมาจากกระเป๋ามิติของเขา
“อากาศค่อนข้างหนาวเรามานอนใกล้ๆ กันดีกว่า” วินเตอร์พูด จากนั้นพวกเขาทั้งสามคนก็ขยับเข้าหากันเพื่อมอบความอบอุ่นในกันและกัน เนื่องจากว่าพวกเขาอยู่ในสนามรบด้วยกันมานานการใกล้ชิดกันขนาดนี้จึงเป็นเรื่องปกติของพวกเขา
พวกเขานอนหลับสนิทอยู่ในหลุมหลบภัยชั่วคราวจนกระทั่งสามชั่วโมงให้หลังฟรอสต์ก็ตื่นขึ้นมาปลุกสโนว์และวินเตอร์เพื่อทำภารกิจต่อ แม้จะไม่เต็มใจพวกเขาก็ตื่นขึ้นมาจากฝันหวานและมาเจอฝันร้ายในโลกความเป็นจริง
“นี่เสื้อสำรองของเธอ และนี่หน้ากากกันแก๊ส” ฟรอสต์เอาเสื้อผ้ามาให้สโนว์เปลี่ยนเพราะตัวเก่ามันถูกวินเตอร์ฉีกซะกระจุยเพื่อทำแผลให้เธอ และเขาก็ไม่ลืมที่จะเอาหน้ากากกันแก๊สออกมาให้ทั้งสองคนด้วยเพราะภารกิจของพวกเขาหลังจากที่ทำภารกิจวางระเบิดสำเร็จก็คือการเข้าไปในรังของปรสิตอีกครั้งเพื่อตรวจสอบให้แน่ใจว่าพวกปรสิตตายหมดแล้ว ซึ่งรอบบริเวณรังของพวกปรสิตน่าจะยังเหลือสารพิษอยู่ถึงแม้ว่าสารพิษที่มาพร้อมระเบิดมันจะส่งผลแค่กับพวกปรสิต แต่มันก็ไม่ใช่อะไรที่ควรสูดดมเข้าไปพวกเขาจึงจำเป็นต้องใส่หน้ากากแก๊ส
เมื่อเตรียมตัวพร้อมแล้วพวกเขาทั้งสามคนก็เดินฝ่าหมอกควันจากระเบิดไปยังทิศทางที่คาดว่าจะมีรังของปรสิตอยู่ ระหว่างทางพวกเขาระวังตัวมากเพราะมันอาจจะยังมีพวกปรสิตที่เหลือรอดโผล่ออกมาโจมตีพวกเขาก็ได้ แต่ดูเหมือนจะเป็นโชคดีของพวกเขาที่ไม่มีพวกปรสิตเข้ามาโจมตีพวกเขาเลย
พวกเขาเดินทางกันอย่างปลอดภัยจนกระทั่งมาถึงจุดที่พวกเขาคาดว่าเคยเป็นรังของพวกปรสิต เนื่องจากว่ารังของพวกปรสิตมักจะเหมือนกับรังของปลวกตรงที่ว่าพวกมันจะพยายามสร้างรังให้ดูสูงใหญ่และโดดเด่น รังของพวกมันจึงง่ายต่อการสังเกตเห็น ถึงแม้ว่าจะถูกระเบิดทำลายไปแล้วมันก็จะยังเหลือซากของรังอันใหญ่โตของพวกมันอยู่บ้าง
“ฉันว่าเราก็มาถูกทางนะ แต่ทำไมฉันไม่เห็นอะไรเลย?” วินเตอร์เงยหน้าขึ้นเพื่อมองหาซากรังของพวกปรสิต
“ฉันว่านายมองผิดทาง” สโนว์กล่าว เธอมองไปข้างหน้าที่เริ่มเห็นบางอย่างเลือนราง และก็ราวกับสายลมเป็นใจเพราะเมื่อพวกเธอเดินเข้าไปใกล้มากขึ้นฝุ่นละอองก็ถูกลมห่าใหญ่พัดหายไปในทีเดียวทำให้ทุกอย่างถูกเผยออกมา
มันไม่เหลือรังที่ตั้งตระหง่านอีกต่อไปแล้ว แม้แต่ซากก็ไม่เหลือ นั่นเพราะว่าทุกอย่างมันได้ตกลงไปในหลุมยักษ์ตรงหน้าพวกเขาทั้งสามคนแล้ว
“หลุมนี่เกิดจากระเบิดที่พวกเราวางเมื่อสามชั่วโมงก่อนเหรอ?” วินเตอร์กะพริบตาปริบๆ อย่างไม่เชื่อสายตาและเอ่ยอย่างสงสัย
“ไม่ใช่” ฟรอสต์ปฏิเสธความคิดเห็นของวินเตอร์ทันที “บางทีใต้รังพวกปรสิตอาจจะมีโพรงใต้ดิน เมื่อเราหย่อนระเบิดลงไปพื้นดินก็เลยทรุดตัวลง”
“โพรงพวกนี้เกิดจากพวกปรสิตรึเปล่า?” สโนว์พูด
“มีความเป็นไปได้” ฟรอสต์พยักหน้า
หลุมยักษ์ตรงหน้าของพวกเขาใหญ่มากและลึกมาก มากขนาดที่ว่าแม้ในหลุมจะมีซากรังของพวกปรสิตตกลงไปมันก็ยังไม่อาจเติมเต็มหลุมได้ นั่นหมายความว่ารังใต้ดินของพวกปรสิตมันใหญ่โตกว่ารังที่พวกเขาเห็นอยู่บนพื้นดินเสียอีก
“ฉันว่ามันไม่น่าใช่โพรงธรรมดานะ แต่มันน่าจะเป็นอุโมงค์มากกว่า” สโนว์กล่าวเมื่อสังเกตเห็นว่าผนังหลุมมีรูมากมาย ถ้าสภาพมันยังดีอยู่พวกมันน่าจะเป็นอุโมงค์ถ้ำใต้ดินที่มีเส้นทางซับซ้อนเหมือนรังมด
พวกเขาทั้งสามคนรู้ตัวทันทีว่าได้ค้นพบสิ่งที่เป็นความลับของพวกปรสิตแล้ว พวกเขาจะต้องนำเรื่องนี้ไปรายงานกับทางกองทัพโดยด่วน หลังจากสำรวจพื้นที่เสร็จสิ้นแล้วพวกเขาก็รีบกลับฐานที่มั่นของทหารที่อยู่ในเมือง S และรายงานเรื่องทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้นภารกิจจนจบภารกิจกับผู้บัญชาการของพวกเขา
หลังจากรายงานทุกอย่างทั้งหมดแล้วมันก็ถึงเวลาพักผ่อนของพวกเขา แต่…
“หลังจากนี่อีกสามวันเราจะลงไปสำรวจในอุโมงค์ใต้ดินของพวกปรสิต อย่าลืมเตรียมตัวซะล่ะ” ผู้บัญชาการของพวกเขาได้กล่าวเช่นนั้น
ไอ้เฮงซวย! สามวันแผลก็ยังไม่หายสนิทเลยด้วยซ้ำนี่ไม่คิดจะให้พักเลยรึไง!?
โชคดีที่วินเตอร์ล็อกตัวสโนว์ไว้ทันเธอก็เลยไม่ถูกลงโทษโทษฐานกระโดดถีบหน้าผู้บัญชาการ
[3] [พักผ่อนก่อนออกสำรวจ] “ไอ้แก่นั่นสักวันฉันจะเตะหน้ามันให้ได้” สโนว์สาปแช่งด้วยความแค้นขณะเดียวกันก็ยัดอาหารเข้าปากไม่หยุดราวกับคนอดอยากมานาน “อาหารของโรงอาหารก็ยังห่วยแตกไม่เปลี่ยน!” แม้จะบ่นอย่างนั้นสโนว์ก็ยังกินมันเข้าไปอยู่ดีเพราะไม่มีทางเลือก หลายปีแล้วที่มนุษย์เริ่มขาดแคลนอาหารจนแทบไม่มีอะไรจะกิน ถึงจะไม่อร่อยแต่ถ้ากินได้เธอก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด อันที่จริงทหารอย่างเธอได้กินอาหารอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดจึงน่าจะควรชินได้แล้ว แต่เธอดันเป็นมนุษย์วิวัฒนาการที่ประสาทสัมผัสที่ดีมาก การกินอาหารที่ไม่สะอาดจึงยากที่จะทำให้รู้สึกคุ้นชินหรืออร่อยได้“อย่าอารมณ์เสียไปเลยน่า” วินเตอร์ตบหลังปลอบใจเพื่อนสาว“หึ!” สโนว์พ้นหายใจแรง อารมณ์ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย วินเตอร์ก็ได้แต่เกาหัวอย่างจนปัญญาปลอบใจฟรอสต์มองทั้งสองคนสลับกันก่อนจะถอนหายใจ เขาตัดสินใจหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ามิติของตัวเอง “ฉันเก็บลูกอมเม็ดสุดท้ายไว้” “ลูกอม!?” อารมณ์ขุ่นมัวเหมือนถูกเป่าทิ้งทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกอม สโนว์หันขวับไปมองฟรอสต์ตาวาว“ลูกอมเหรอ!?” วินเตอร์ก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกันนัก เนื่องจากว่าในสนามรบอาหารจำพวกขนมหว
[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือนซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้วพวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินท
[1] [ตายตอนนี้ก็คงมีแค่นรกที่เปิดรับ]เสียงระเบิด เสียงปืน และเสียงกรีดร้องทั้งจากมนุษย์และจากปรสิตต่างดาว เสียงพวกนี้บ่งบอกว่าสถานการณ์ในสนามรบตอนนี้กำลังโกลาหลได้ที่ แต่ถึงจะมีเสียงพวกนี้ดังเข้ามาในโสตประสาทเพื่อย้ำเตือนถึงสถานการณ์รอบตัวในตอนนี้แล้วพลทหารหญิงสโนว์ก็ยังนอนแน่นิ่งอยู่บนพื้นสนามรบราวกับยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วซึ่งสโนว์ก็ยอมแพ้ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อแล้วจริงๆ เพราะตั้งแต่จำความได้เธอก็ต้องดิ้นรนเอาตัวรอดอยู่ในสนามรบระหว่างมนุษย์และปรสิตต่างดาวมาตลอด ตอนนี้สโนว์ตัดสินใจแล้วว่ามันถึงขีดจำกัดของเธอแล้ว ทั้งร่างกายและจิตใจ…“หวังว่าเจ้าพวกนั้นจะไม่โกรธถ้าฉันไปสวรรค์ก่อน…”เพียะ! “ตื่น สวรรค์ของโลกนี้ไม่ต้อนรับคนในตอนนี้หรอก มีแต่นรกเท่านั้นล่ะที่ต้อนรับคนในตอนนี้”สั่งเสียเสร็จก็ตั้งใจจะไปเข้าเฝ้าพระเจ้าเลยแต่กลับโดนบางอย่างตบหน้าเรียกสติก่อนและยังโดนบอกว่าสวรรค์ไม่ต้อนรับอีกเธอไม่ได้เลวขนาดที่สวรรค์รับไม่ได้สักหน่อย!ตั้งใจจะลืมตาขึ้นมาโวยวายใส่คนที่บังอาจมาขัดขวางการนอนพักผ่อนตลอดกาลของตัวเอง แต่ความคิดนั้นก็ต้องพับเก็บไปเมื่อสโนว์ได้เห็นสิ่งที่ปรากฏต่อหน้าเธอ มันคือ