[3] [พักผ่อนก่อนออกสำรวจ]
“ไอ้แก่นั่นสักวันฉันจะเตะหน้ามันให้ได้” สโนว์สาปแช่งด้วยความแค้นขณะเดียวกันก็ยัดอาหารเข้าปากไม่หยุดราวกับคนอดอยากมานาน “อาหารของโรงอาหารก็ยังห่วยแตกไม่เปลี่ยน!” แม้จะบ่นอย่างนั้นสโนว์ก็ยังกินมันเข้าไปอยู่ดีเพราะไม่มีทางเลือก หลายปีแล้วที่มนุษย์เริ่มขาดแคลนอาหารจนแทบไม่มีอะไรจะกิน ถึงจะไม่อร่อยแต่ถ้ากินได้เธอก็ต้องกินเพื่อความอยู่รอด อันที่จริงทหารอย่างเธอได้กินอาหารอย่างนี้มาตั้งแต่เกิดจึงน่าจะควรชินได้แล้ว แต่เธอดันเป็นมนุษย์วิวัฒนาการที่ประสาทสัมผัสที่ดีมาก การกินอาหารที่ไม่สะอาดจึงยากที่จะทำให้รู้สึกคุ้นชินหรืออร่อยได้
“อย่าอารมณ์เสียไปเลยน่า” วินเตอร์ตบหลังปลอบใจเพื่อนสาว
“หึ!” สโนว์พ้นหายใจแรง อารมณ์ไม่ได้ดีขึ้นมาเลย วินเตอร์ก็ได้แต่เกาหัวอย่างจนปัญญาปลอบใจ
ฟรอสต์มองทั้งสองคนสลับกันก่อนจะถอนหายใจ เขาตัดสินใจหยิบบางอย่างออกมาจากกระเป๋ามิติของตัวเอง “ฉันเก็บลูกอมเม็ดสุดท้ายไว้”
“ลูกอม!?” อารมณ์ขุ่นมัวเหมือนถูกเป่าทิ้งทันทีที่ได้ยินคำว่าลูกอม สโนว์หันขวับไปมองฟรอสต์ตาวาว
“ลูกอมเหรอ!?” วินเตอร์ก็มีปฏิกิริยาไม่ต่างกันนัก เนื่องจากว่าในสนามรบอาหารจำพวกขนมหวานมันแทบจะไม่มีให้กินแล้ว ทหารที่ส่วนมากอยู่แต่ในสนามรบอย่างพวกเขาก็เลยแทบไม่มีโอกาสได้กินเลย นานทีปีหนถึงจะได้ลิ้มรสสักครั้ง ลูกอมจึงถือว่าเป็นของหายากมาก
“ฟรอสต์ให้ฉัน” สโนว์ถลึงตาดุวินเตอร์และรีบคว้าลูกอมจากมือของฟรอสต์ความเร็วแสง เธอรีบยัดมันเข้าปากทันทีและทันทีที่ได้รอบความหวานสโนว์ก็เหมือนจะอารมณ์สดใสขึ้นมาทันใด
ขณะที่สโนว์เพลิดเพลินกับความหวานในปากวินเตอร์ก็มองตามลูกอมที่อยู่ปากของสโนว์ตาละห้อย ดวงตาสีเหลืองอำพันของวินเตอร์คล้ายจะมีน้ำตาคลอ ความรู้สึกผิดพุ่งเข้ามาในใจของสโนว์ สโนว์เหงื่อตกอย่างตัดสินใจไม่ได้ว่าระหว่างหน้าตาหมาหงอยของวินเตอร์และความหวานในปาก เธอควรเลือกอันไหนดี
“สโนว์…” เจ้าลูกหมาร้องหงิง
สโนว์ยอมแพ้ เธอคว้าท้ายทอยของวินเตอร์และดึงหน้าเขาเข้ามาใกล้ “ฉันแค่จะแบ่งให้ชิม อย่ากินหมดเชียวล่ะ!”
แม้จะถูกขู่เสียงเหี้ยมวินเตอร์ก็พยักหน้ารั่วๆ ด้วยหน้าตาดีใจมากและรีบอ้าปากรอ สโนว์จึงประกอบปากกับวินเตอร์และใช้ลิ้นดันลูกอมเข้าไปในปากของวินเตอร์
“รู้สึกอยากร้องไห้เลย” พอได้ลิ้มรสความหวานที่นานครั้งได้ลิ้มรสวินเตอร์ก็ปลื้มใจมากจนแทบร้องไห้
“อย่าเคี้ยวล่ะ” เธอก็ดีใจที่เพื่อนมีความสุขอยู่หรอก แต่เธอหวงลูกอมที่เธอเพิ่งลิ้มรสได้แค่ครู่เดียวมากกว่า
“ว่าแต่ฟรอสต์ได้ลูกอมมาจากไหน? เราก็อยู่ในสนามรบด้วยกันมาตลอด” วินเตอร์ถามขึ้นมา
“…” ฟรอสต์ไม่ได้ตอบคำถาม
สโนว์และวินเตอร์มองหน้าฟรอสต์ทันใดนั้นพวกเขาก็จำขึ้นมาได้ว่าเมื่อเดือนก่อนพวกเขาเจอถุงลูกอมในสนามรบ ของทหารที่ตายนั่นล่ะ พวกเขาก็เลยเก็บมาและแบ่งให้กันคนละเท่าๆ กัน ซึ่งลูกอมพวกนั้นสโนว์และวินเตอรก็กินหมดภายในสองวันแรกแล้ว แต่ไม่คิดเลยว่าฟรอสต์จะเก็บเม็ดสุดท้ายไว้จนกระทั่งถึงตอนนี้
ทันใดนั้นสโนว์และวินเตอร์ก็มีภาพมโนเกี่ยวกับลูกอมเม็ดสุดท้ายขึ้นมา… เด็กหนุ่มผู้กลัวที่จะกินลูกอมเม็ดสุดท้ายเพราะเกรงว่าจะไม่ได้มีโอกาสได้ลิ้มรสลูกอมอีกครั้งจึงเก็บมันไว้อย่างดี แต่สุดท้ายก็ไม่อาจได้มีโอกาสลิ้มรสลูกอมเม็ดสุดท้ายนั่น…
เป็นเรื่องราวที่น่าเศร้าเกินไปแล้ว!
สโนว์สะกิดวินเตอร์ด้วยศอก วินเตอร์พยักหน้าหงึกหงักอย่างรับรู้
“ลูกอมมันเป็นของนาย นายก็ต้องได้ชิมด้วยสิ” วินเตอร์เอ่ยหน้าจริงจัง
“ไม่ต้องก็ได้” ฟรอสต์ปฏิเสธหน้านิ่ง แต่วินเตอร์ก็จับฟรอสต์ประกบปากและดันลูกอมเข้าไปในปากฟรอสต์ “นี่!” ฟรอสต์ทำเสียงดุและทำเหมือนจะโวยวายแต่ก็ไม่ได้พูดอะไรออกมา เขาอมลูกอมที่ถูกยัดเข้ามาในปากเงียบๆ ด้วยหน้าตาบึ้งตึง แต่เขาก็ไม่สามารถซ้อนสีหน้าดีใจของตัวเองจากสายตาของสโนว์และวินเตอร์ได้อยู่ดี
สโนว์และวินเตอร์แอบหัวเราะเบาๆ ฟรอสต์ถลึงตาดุเพื่อกลบเกลื่อนความอายและหลังจากลิ้มรสชาติของลูกอมได้สักพักฟรอสต์ก็ส่งลูกอมปากต่อปากไปให้สโนว์ต่อ วนเวียนอยู่อย่างนั้นสองรอบจนมันหมด
“รสชาติลูกอมยังติดลิ้นอยู่เลย” ก่อนที่รสชาติจะหายไปสโนว์ก็พยายามลิ้มรสของพวกมันให้มากที่สุด
“ไหนๆ” วินเตอร์เลียปากสโนว์ราวกับจะลิ้มรส
“นายคิดจะแย่งรสชาติลูกอมไปจากฉันเรอะ!?” สโนว์รู้สึกเหมือนถูกยั่วยุ เธอสอดลิ้นเข้าไปในปากของเขาเพื่อลิ้มรสชาติลูกอมจากลิ้นของเขา วินเตอร์ก็ไม่คิดจะยอมแพ้ มันจึงกลายเป็นว่าทั้งสองคนต่อสู้กันด้วยลิ้น
ฟรอสต์ที่นั่งมองอยู่ถอนหายใจอย่างเหนื่อยอ่อนกับเหตุทะเลาะอันไร้สาระของทั้งสองคน แต่ในขณะที่เขาคิดว่าจะไม่ยุ่งสโนว์และวินเตอร์ก็ร่วมมือกันช่วงชิงรสชาติลูกอมจากปากเขาไปด้วย
ในขณะนั้นเองการกระทำอย่างเป็นธรรมชาติราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติของพวกเขาทั้งสามคนก็ตกอยู่ในสายตาของเหล่าทหารทั้งหมดในโรงอาหารแล้ว
เจ้าพวกนี้มันสนิทกันเกินไปแล้ว!
หลังอาหารก็ต้องนอนพัก สโนว์ วินเตอร์ และฟรอสต์กลับห้องพักทหารของพวกเขา แน่นอนว่าพวกเขานอนห้องเดียวกันเนื่องจากว่าพื้นที่มันมีจำกัดทหารแถวล่างก็เลยต้องนอนเบียดกัน แต่ถึงจะมีห้องว่างเพราะทหารคนอื่นตายไปหมดแล้วในสนามรบ พวกเขาทั้งสามคนก็ไม่เต็มใจที่จะแยกกันอยู่ดี
พวกเขาคุ้นเคยกับการนอนด้วยกันเพราะมันให้ความรู้สึกปลอดภัยมากกว่า
“แผลดีขึ้นรึยัง?” ฟรอสต์ถามขึ้นมาขณะที่สโนว์นั่งเล่นอยู่บนเตียงในชุดนอนที่มีเพียงเสื้อกล้ามและกางเกงขาสั้น ข้างๆ ก็มีวินเตอร์ที่มีแค่กางในเพียงตัวเดียวนอนกลิ้งอยู่
ไม่มีความอายระหว่างพวกเขาหรอก ก็อยู่ในสนามรบด้วยกันมานานแล้วนี่นา
“ดีขึ้นแต่ก็ยังรู้สึกเจ็บอยู่” สโนว์ตอบอย่างไม่ใส่ใจ
“ทำแผลอีกรอบรึยัง?”
“ทำแล้ว”
“ฟรอสต์! ฟรอสต์! มานอนตรงนี้เร็ว” วินเตอร์เอ่ยเรียกขณะที่มือตบลงบนเตียงที่พวกเขาเอามาต่อกันเพื่อให้ได้เตียงที่ใหญ่พอสำหรับนอนสามคน ฟรอสต์เห็นดังนั้นจึงเปลี่ยนเสื้อและขึ้นไปนั่งข้างๆ สโนว์
พวกเขาเงียบกันสักพักก่อนที่สโนว์จะเป็นคนพูดขึ้นมา “ถ้าฉันนับเลขถูกต้อง เดือนหน้าจะครบห้าปีที่เราได้รับการวิวัฒนาการร่างกายและอายุของเราน่าจะถึงสิบแปดปีแล้วด้วย”
ฟรอสต์และวินเตอร์อดไม่ได้ที่จะทำหน้าเคร่งเครียดนั่นเพราะว่าห้าปีหลังจากที่ได้รับยาวิวัฒนาการร่างกาย ข้อเสียของการรับยาวิวัฒนาการก็จะแสดงผลออกมา ถึงข้อเสียของมันจะไม่ได้เลวร้ายนักแต่ก็ไม่เป็นประโยชน์เลย ถ้าโชคร้ายมันอาจจะมีผลต่อการสู้รบของพวกเขาในสนามรบและอาจมีสิทธิ์เอาชีวิตไม่รอด นั่นทำให้พวกเขาหวาดหวั่นใจ
“ฉันหวังว่าเพศรองฉันจะเป็นเบต้า” วินเตอร์พึมพำ
ข้อเสียหลังจากที่ร่างกายได้รับยาวิวัฒนาการครบห้าปีมันก็คือการได้รับเพศรองมานั่นเอง
โอเมก้า อัลฟ่า เบต้า คือชื่อเรียกของเพศรอง ไม่ว่าชายหรือหญิงที่ได้รับเพศรองเป็นโอเมก้าพวกเขาจะมีอาการหนึ่งที่เรียกว่า ฮีท ในทุกๆ เดือน อาการฮีทมันจะทำให้ร่างกายของพวกเขารู้สึกร้อนและอ่อนแรงและมีความต้องการทางเพศสูง ขณะเดียวกันร่างกายก็ปล่อยฟีโรโมนหอมหวานเพื่อดึงดูดอัลฟ่า หากมีเพศสัมพันธ์ไม่ว่าชายหรือหญิงก็อาจตั้งท้องได้
ส่วนเพศรองอัลฟ่าปัญหาน้อยกว่าโอเมก้าเพราะพวกเขาไม่มีอาการฮีททุกเดือน แต่เมื่อใดก็ตามที่พวกเขาได้กลิ่นฟีโรโมนของโอเมก้าพวกเขาก็จะคลั่งและสูญเสียสติไปชั่วคราว ซึ่งเรียกว่าอาการ รัท และในช่วงเวลาธรรมดาพวกเขาอาจจะปล่อยกลิ่นฟีโรโมนอัลฟ่าออกมาโดยไม่รู้ตัวจนทำให้เพศรองอย่างโอเมก้าเกิดอาการฮีทได้ เพศรองทั้งสองนี้จึงต้องอยู่ห่างกันสักหน่อยและต้องหมั่นตรวจร่างกายตัวเองเพื่อไม่ให้ฟีโรโมนไปสร้างปัญหาให้คนอื่น
เนื่องจากว่าทหารมีจำนวนน้อย ไม่ว่าจะได้เพศรองที่เป็นปัญหาแบบไหนพวกเขาก็ไม่มีทางถูกปลดจากการเป็นทหาร พวกเขาก็เลยต้องทนกับปัญหาเพศรองพวกนี้ต่อไป
ส่วนเพศรองเบต้านั้นถือว่าดีที่สุดแล้วเพราะไม่มีอาการฮีท ไม่มีการปล่อยฟีโรโมน ไม่สามารถรัทได้ ไม่คลุ้มคลั่งเมื่อได้กลิ่นฟีโรโมน สรุปแล้วก็คือมันไม่มีการเปลี่ยนแปลงไปจากเพศดั้งเดิมของมนุษย์ที่มีแค่เพศหญิงและชาย ทุกคนจึงอยากได้เพศรองเป็นเบต้ามากกว่า ทว่าน่าเสียดายที่พวกเขาเลือกเพศรองเองไม่ได้ คงต้องหวังพึ่งดวงเอาเท่านั้น
“ถ้าโชคร้ายได้เป็นโอเมก้าฉันจะขอให้อัลฟ่าสักคนบอนด์” สโนว์
บอนด์ ก็คือการจับคู่กันระหว่างอัลฟ่าและโอเมก้า หากโอเมก้าถูกบอนด์แล้วอาการฮีทก็จะอ่อนลงและฟีโรโมนของโอเมก้าก็จะไม่มีผลกับอัลฟ่าคนอื่นอีกออกต่อไปนอกจากอัลฟ่าที่เป็นคู่ ในขณะเดียวกันฟีโรโมนของโอเมก้าคนอื่นก็จะไม่ค่อยมีผลกับอัลฟ่ามากนักเช่นกัน เพราะงั้นการบอนด์จึงเป็นทางออกที่ดีที่สุดเพื่อจบปัญหาของคนที่โชคร้ายได้เพศรองเป็นอัลฟ่าและโอเมก้า ตราบใดที่โอเมก้าและอัลฟ่าที่เป็นคู่กันไม่ปล่อยฟีโรโมนใส่กันพวกเขาก็จะไม่เกิดอาการหน้ามืดตามัวอยากผสมพันธุ์กันกลางสนามรบจนจบลงด้วยการโดนปรสิตกะซวกไส้แน่นอน
“ฉันไม่เห็นด้วยที่เธอจะไปบอนด์กับคนอื่นมัวซัว” ฟรอสต์เอ่ยห้ามปรามไว้ก่อน
“ไม่รู้สิ นั่นก็เป็นเรื่องของอนาคตว่าฉันจะได้เพศรองเป็นอะไร” สโนว์ไหวไหล่อย่างปลงชีวิตและล้มตัวนอน
“ช่างเรื่องอนาคตมันเถอะ เรานอนกันดีกว่า” วินเตอร์โยนเรื่องปวดหัวทิ้งอย่างไม่สนใจไยดีแล้วล้มตัวลงนอนเหมือนกับสโนว์
ฟรอสต์ถอนหายใจปลงกับความไร้กังวลและการปล่อยวางเรื่องปวดหัวได้อย่างง่ายดายของสโนว์และวินเตอร์ แต่เอาเถอะ นอกสนามรบก็ควรปล่อยวางเรื่องปวดหัวบ้าง ไม่อย่างนั้นคงได้กลายเป็นบ้าตายแทนที่จะถูกพวกปรสิตฆ่า พอถอนหายใจปลงได้สามวินาทีฟรอสต์ก็พบว่าเพื่อนทั้งสองคนของเขาได้นอนหลับไปแล้ว
เพื่อให้ร่างกายอยู่ในสถานะที่พร้อมที่สุดการนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอก็ถือว่าเป็นสิ่งสำคัญต่อการสู้รบ ทหารจึงมีเทคนิคที่จะทำให้นอนหลับเร็ว แต่หลับภายในสามวินาทีนี่มันก็เร็วไปหน่อยนะ
คงเหนื่อยกันมากสินะ…
ฟรอสต์ห่มผ้าให้สโนว์และวินเตอร์ก่อนที่เขาจะล้มตัวลงนอนตามไป
.
.
สามวันแห่งการพักผ่อนผ่านไปอย่างรวดเร็ว รู้ตัวอีกทีก็ต้องเตรียมตัวเข้าสู่สนามรบอีกครั้ง ถึงเป้าหมายของภารกิจในครั้งนี้จะบอกว่าแค่เข้าไปสำรวจถ้ำใต้ดินก็เถอะ แต่สถานที่ที่เคยเป็นที่อยู่อาศัยของพวกปรสิตมันไม่มีทางที่จะเป็นสถานที่ปลอดภัยแน่นอน พวกเขาจึงต้องเตรียมตัวกันให้ดี ชุดป้องกันต้องพร้อม อาวุธต้องพร้อม เสบียงต้องพร้อมเพราะไม่รู้ว่าจะต้องติดอยู่ในนั้นอีกนานแค่ไหน
“พร้อมนะ” ขณะที่ยืนอยู่หน้าปากหลุมระเบิดขนาดใหญ่สโนว์ก็ถามความพร้อมของสมาชิกทีมทุกคน
“พร้อมอยู่แล้ว” วินเตอร์เป็นคนเดียวที่ตอบ
แต่ไม่ว่าคนอื่นจะตอบหรือไม่อย่างไรทันทีที่ได้รับสัญญาณพวกเขาก็ต้องโรยตัวลงไปในหลุมระเบิดและเข้าไปในรูอุโมงค์ที่ปรากฏอยู่ตามผนังหลุม ทีมสำรวจแต่ละทีมแบ่งหน้าที่กันไปสำรวจคนละอุโมงค์และหวังว่าตัวเองจะไม่ใช่ทีมที่โชคร้ายไปเจอพวกปรสิตที่อาจยังหลงเหลืออยู่
สโนว์ วินเตอร์ และฟรอสต์ที่ยังเป็นสมาชิกทีมเดียวกันเหมือนเดิมพร้อมกับสมาชิกทีมชั่วคราวอีกสี่คนเข้ามาในอุโมงค์แล้ว หน้าทางเข้าพวกเขาไม่พบอะไรผิดปกติจึงมุ่งหน้าเดินเข้าไปต่อทันที เส้นทางในอุโมงค์นั้นลากยาวลงไปข้างล่างทีละนิด พวกเขาไม่พบทางแยกในอุโมงค์เลย
“ดูเหมือนมันจะยาวมาก” วินเตอร์ส่องไฟฉายไปยังเส้นทางข้างหน้า ในอุโมงค์นั้นยาวและมืดมาก ไฟฉายที่พวกเขาคิดว่าดีที่สุดก็ยังส่องไปไม่ถึงปลายอุโมงค์เลยด้วยซ้ำ
“จนกว่าจะพบอะไรสักอย่างเราก็จะต้องไปต่อ…สงสัยฉันคิดถูกที่เอาเสบียงมาเยอะ” สโนว์คาดไว้ว่าพวกเธอคงต้องอยู่ในนี้อีกนานจนกว่าจะเสร็จภารกิจที่ไม่มีแม้แต่จะกำหนดเวลามาให้
พวกเขาเดินสำรวจลึกลงโดยไม่คิดจะหยุดพักจนลืมเวลา การที่ต้องอยู่ในอุโมงค์ที่มืดและแคบสร้างความสับสนทางด้านเวลาให้สมองไม่น้อย รู้สึกตัวอีกทีพวกเขาก็เดินกันมาทั้งวันแล้วและที่น่าเศร้าก็คือพวกเขาก็ยังไปไม่ถึงปลายทางของอุโมงค์และยังไม่เจออะไรเลย พวกเขาเจอทางแยกระหว่างทางบ้างแต่ทางแยกพวกนั้นก็เหมือนจะมุ่งลงข้างล่างเหมือนกัน พวกเขาจึงเลือกเดินลงเส้นทางตรงเหมือนเดิม ซึ่งเป็นทางตรงที่ยาวไกลช่วยให้รู้สึกย่อท้อมาก
ทุกคนจึงเริ่มเหนื่อยล้าและหมดกำลังใจหลังจากเดินมาทั้งวันก็ยังไม่ถึงปลายทาง พวกเขาตัดสินใจหยุดพักเอาแรงก่อน
“เราต้องเข้าไปอีกไกลแค่ไหน?” ทหารร่วมทีมคนหนึ่งเอ่ยถามขึ้นมา ความรู้สึกหมดกำลังใจปรากฏขึ้นมาในใจเล็กน้อยเพราะต้องมาอยู่ในที่มืดมิดและแคบเป็นเวลานาน และต้องมาคอยหวาดระแวงว่าจะมีศัตรูโผล่ออกมาโจมตีตลอดเวลา มันสร้างความกดดันและความเหน็ดเหนื่อยในใจมากไม่น้อย
“ฉันขอแนะนำว่านายไม่ควรถามหรือคิดเกี่ยวกับมันนะ” สโนว์เอ่ย “ถ้าคิดเกี่ยวกับพวกมันมากเกินไปมันจะไปบั่นทอนจิตใจของนายซะเปล่า อีกอย่างมันคือภารกิจ”
จากนั้นก็ไม่มีใครพูดอะไรอีก ต่างคนต่างก็พักผ่อนแต่ก็ไม่มีใครลดความระมัดระวังตัวของตัวเองลงเพราะพวกเขารู้ตัวดีว่าถ้าลดกำแพงลงแค่นิดเดียวมันอาจจะหมายถึงการสูญเสียชีวิตของตัวเองไป แต่ถ้าจะให้มีสติเต็มร้อยตลอดเวลาเพื่อระวังอันตรายพวกเขาก็คงไม่ได้พักผ่อนกันพอดี พวกเขาจึงสลับกันเฝ้ายามทุกชั่วโมงเพื่อเฝ้าระวังอันตรายและเพื่อให้ทุกคนได้พักผ่อนกันอย่างเพียงพอ
สโนว์ใช้ไหล่ของฟรอสต์เป็นหมอนและหลับฝันไป แต่พอตื่นขึ้นมาสโนว์ก็ลืมไปแล้วว่าเธอฝันถึงอะไร
“ฉันทำเธอตื่นรึเปล่า?” วินเตอร์ก้มหน้าลงมาถามเมื่อเห็นคนที่ใช้ตักของเขาเป็นหมอนตื่นนอนแล้ว
สโนว์ไม่ได้แปลกใจนักว่าทำไมตัวเองไม่รู้สึกตัวเลยว่าหมอนจำเป็นของเธอเปลี่ยนไปตั้งแต่เมื่อไหร่
“ไม่หรอก” เป็นเรื่องปกติที่ทหารในสนามรบจะตื่นตัวตลอดเวลาจนมักจะตื่นอย่างง่ายดายเมื่อมีบางสิ่งมารบกวนตอนนอน แต่ด้วยความคุ้นเคยและไว้ใจสโนว์ก็เลยไม่รู้สึกตัวเลยว่าฟรอสต์และวินเตอร์เปลี่ยนท่านอนให้เธอตอนไหน “กี่โมงแล้ว”
“อีกสามสิบนาทีก็หมดเวลาพัก” วินเตอร์ตอบคำถามของสโนว์ที่เหมือนจะยังไม่อยากตื่นก็เลยนอนซุกตักเขาต่อ
“ฉันฝากปลุกด้วย” พอรู้ว่ายังเหลือเวลาพักสโนว์ก็เลยนอนหลับต่อภายในสิบวินาทีต่อมาโดยมีวินเตอร์ช่วยลูบหัวกล่อมให้หลับสนิท แต่พอโดนลูบหัวไปได้สักพักสโนว์ก็เหมือนจะรำคาญ เธอละเมอคว้ามือของวินเตอร์ไปและกำไว้แน่นเพื่อไม่ให้เขามาก่อกวนอีก
วินเตอร์ที่ถูกยึดมือไปข้างหนึ่งยิ้มชอบใจและใช้มือข้างที่ว่างจิ้มแก้มของสโนว์และลูบวนไปจนสโนว์ละเมอจับมือเขาไว้อีกข้าง แต่ครั้งนี้เขาชักมือกลับได้ทันก็เลยไม่โดนยึดมือไปอีกข้าง วินเตอร์ยิ้มกว้างและเลิกแกล้งเพราะถ้าแกล้งมากกว่านี้สโนว์อาจจะตื่นขึ้นมาข่วนหน้าเขาแน่ ไม่สิ ชกหน้าต่างหากล่ะ
แย่ล่ะสิ เขาเผลอมองสโนว์เป็นแมวไปอีกแล้ว วินเตอร์คิดพลางหัวเราะแห้งในใจ ถ้าเกิดสโนว์รู้ว่าเขาคิดว่าเธอน่ารักเหมือนแมวเธอจะต้องโกรธแน่เลย ทั้งที่แมวออกจะน่ารัก วินเตอร์ไม่เข้าใจเลย
[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือนซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้วพวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินท
[5] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]สถานการณ์น่าลุ้นระทึกผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ให้ความรู้สึกยาวนาน กว่าวินเตอร์จะเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้สโนว์ที่รอลุ้นอยู่บนเพดานก็เผลอกลั้นหายใจไปนานหลายนาทีด้วยความโชคดีและความสามารถของวินเตอร์ ในที่สุดเขาก็สามารถเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้และสามารถแอบหลบกลับมาได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน อันที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องแอบลอบเข้าไปในใจกลางฝูงปรสิตเพราะภารกิจหลักของพวกเขาก็คือลอบเข้าไปวางระเบิดในรังของพวกปรสิต เพราะงั้นภารกิจพลีชีพแบบนี้พวกเขาทำมาหลายรอบจนชำนาญแล้วล่ะ แต่การเอาระเบิดไปวางกับการเข้าไปเก็บตัวอย่างสำคัญมันไม่เหมือนกัน ภารกิจอันแรกจะตายก็ช่างขอแค่วางระเบิดสำเร็จภารกิจก็สำเร็จ แต่อันที่สองถ้าหากกลับมาไม่ได้ตัวอย่างสำคัญที่แอบเก็บมาก็จะสูญเปล่าภารกิจก็จะไม่สำเร็จ ระดับความเครียดจึงต่างกันเล็กน้อย ซึ่งพอได้รับข้อมูลที่ต้องการมาทั้งหมดแล้วสโนว์และวินเตอร์ก็รีบวิ่งกลับมาหาฟรอสต์และคนอื่น ๆ ทันทีราวกับกลัวว่าพวกปรสิตจะวิ่งตามหลังมา และเมื่อกลับไปถึงที่ซ่อนตัวสโนว์และวินเตอร์ก็รู้สึกราวกับว่าได้อากาศหายกลับมาเลยทีเดียว“ในนั้นแออัดชะมัด แทบไม่มีอ
[6] [เพศรอง]“อย่าโง่น่าฟรอสต์” สโนว์บ่นเมื่อเห็นเขามาปรากฏตัวข้างกายพวกเธอทั้งที่เขาควรจะวิ่งหนีไปไกลแล้ว“พวกนายมันงี่เง่า” ฟรอสต์กล่าวขณะหยิบปืนขึ้นมายิงสกัดปรสิตที่พยายามตามเข้ามาโจมตีพวกเขา เนื่องจากว่าอุโมงค์มันไม่ใหญ่มากนักและพวกปรสิตส่วนมากก็ตัวใหญ่ มันจึงง่ายต่อการยิงสกัดไม่ให้พวกปรสิตเข้ามาใกล้และง่ายต่อการกำจัดพวกมันด้วยแต่ถึงจะทำอย่างนี้ต่อไปพวกปรสิตก็ไม่มีวันหมดอยู่ดีเพราะพวกมันมีจำนวนมากกว่าล้านและพวกเขาก็มีอาวุธและพลังจำกัดด้วย อีกอย่างในตอนนี้สโนว์และวินเตอร์เหมือนจะมีอาการฮีทเพราะเพศรองปรากฏเร็วกว่าที่คาดการไว้ อีกไม่นานพวกเขาทั้งสองอาจเสียสติเพราะถูกสัญชาตญาณของเพศรองกลืนกิน“ตอนนี้ล่ะ!” วินเตอร์ตะโกนให้สัญญาณจากนั้นพวกเขาก็วิ่งหนีไปยังอีกเส้นทางที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ มันอาจจะเป็นทางออกหรือไม่ก็อาจจะทางตันหรือที่เลวร้ายกว่านั้นมันอาจเป็นทางกลับไปที่รังของพวกปรสิต แต่ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอะไรพวกเขาก็ต
[7] [ทางออก]ขณะที่ปล่อยให้วินเตอร์คลอเคลียและใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอในการช่วยตัวเอง สโนว์ก็พยายามทำใจให้สงบเพื่อไม่ให้กลิ่นโอเมก้าของวินเตอร์มาควบคุม ส่วนฟรอสต์นั้นก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า เขาพยายามขุดเจาะกำแพงดินที่ถล่มลงเพื่อหาเส้นทางไปต่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดสโนว์ก็หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจและร่างกาย ส่วนวินเตอร์ก็ดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้อาการฮีทของวินเตอร์น่าจะอยู่ในการควบคุมอย่างสงบไปได้อีกสักพักและก่อนอาการฮีทจะพลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่เหนือการควบคุมอีกพวกเขาควรเร่งรีบออกจากที่นี่ สโนว์และวินเตอร์จึงไปช่วยฟรอสต์ขุดดินที่ได้ถล่มลงมากลบฝังทางหนีของพวกเขาไว้ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ขุดทะลุผนังดินจนทะลุไปถึงเส้นทางอุโมงค์อีกด้านที่ไม่ได้รับผลกระทบกับระเบิดทางจึงปิดโล่งและไม่มีปรสิตสักตัวเพราะพวกมันทั้งหมดถูกดินถล่มลงมาทับตายที่อุโมงค์อีกด้านแล้ว“มีแค่ทางเดียวแล้วที่เราไปได้…แถมยังเป็นทางที่ไม่รู้จุดหมายอีก” สโนว์หันไปมองทางตันข้างหลังที่มีเส้นทางที่สามารถพาพวกเขาออกไปข้างนอกได้ก่อนจะหันกลับมามองทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีท
[8] [สิ่งมีชีวิตประหลาด]พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารังของพวกปรสิตมันมีทางเชื่อมต่อกัน!“วิ่งเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง! พวกข้างหลังจะตามมาทันแล้ว!” สโนว์ตะโกนขณะเดียวกันก็ยิงกระสุนน้ำใส่ฝูงปรสิตที่วิ่งตามมาจากข้างหลัง“ข้างหน้ามีพวกมันเต็มเลยนะ!” วินเตอร์ตะโกนประท้วง “อีกอย่างฉันแบกพวกเธอทั้งสองคนอยู่นะ!” เขาตะโกนประท้วงอีกประโยคเนื่องจากว่าวินเตอร์วิ่งเร็วและแข็งแรงมาก เมื่อถึงยามหนีเขาสามารถวิ่งทิ้งห่างสโนว์และฟรอสต์ได้เป็นกิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์วิ่งหนีทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลังวินเตอร์ก็เลยต้องแบกเพื่อนทั้งสองคนขึ้นบ่าและวิ่งหนี สโนว์และฟรอสต์จึงรับหน้าที่กำจัดฝูงปรสิตที่เข้ามาขวางทางแต่พวกเขาคงทำแบบนี้ไปได้อีกไม่นานมากนักเพราะตราบใดที่ยังไม่เจอทางออกพวกเขาก็จะถูกฝูงปรสิตรุมล้อมจนไร้ทางหนีและถูกรุมทึ้งจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้ใครมาเก็บ“ไปทางไหนดี!” วินเตอร์ตะโกนถามความเห็น“เลือกสักทางสิ!” ฟรอสต์ตอบขณะนำปืนกระบอกใหม่ที่มีกระสุนเต็มกระบอกออกมาและโยนปืนที่หมดกระสุนแล้วกลับเข้าไปในมิติ ทุกขั้นตอนนั้นไม่มีการขาดช่วงแม้แต่น้อย“งั้นทางนั้น!” วินเตอร์วิ่งไปยังทางที่ตัวเองเลือกทันทีแม
[9] [ต้นกำเนิดของปรสิต]บ้านของเคนเหนือความคาดหมายของทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนมาก ไม่ใช่เพราะมันเป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีพืชมากมายเติบโตจนเขียวชอุ่มเนื่องจากได้รับแสงอย่างเพียงพอจากรูโหว่บนเพดานและได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องจากน้ำตกใต้ดิน ทั้งหมดนั้นดูเหนือความคาดหมายก็จริง แต่สิ่งที่เหนือความหมายกว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่นั่น“นี่มันรังแกะรึไงกัน”ในโลกที่มีปรสิตครองร่างของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนโลก การที่จะได้เห็นสัตว์ธรรมดาตามธรรมชาตินอกเหนือจากสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้กินมันหาได้ยากมากเพราะส่วนมากสัตว์พวกนั้นจะถูกปรสิตยึดครองร่างจนหมดเสียก่อนด้วยเหตุนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นฝูงแกะสีขาวธรรมดาเต็มถ้ำไปหมด“พวกนี้คือเพื่อนของนายเหรอ?” วินเตอร์ถามหน้าซื่อ“หา? ฉันเนี่ยนะจะเป็นเพื่อนกับพวกสิ่งมีชีวิตไร้สมองพวกนี้น่ะ? นายโง่รึไงถึงได้เอาฉันไปเทียบกับสัตว์พวกนั้นน่ะ!” ใบหน้าน่ารักราวกับแกะน่ารักของเคนเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีวินเตอร์กะพริบตาปริบๆ หน้าตาซื่อบื้อของเขาแสดงความสับสน เขาพูดอะไรผิดทำไมถึงโกรธขนาดนั้น? เคนก็เป็นแกะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? วิน
[10] [บ่อน้ำพุร้อน]ฟรอสต์ได้ติดต่อกลับไปยังกองทัพทหารที่สังกัดอยู่เพื่อรายงานตัวแล้วและหลังจากนั้นเขาก็ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการให้รอรับภารกิจต่อไปอยู่ที่ฐานทัพที่ใกล้ที่สุด พวกเขาจึงเดินทางไปยังฐานทัพทหารรหัส 056 ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้เมื่อทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนเดินทางไปถึงฐานทัพทหารรหัส 056 สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือการตรวจร่างกาย ทั้งตรวจเพื่อยืนยันว่าร่างกายไม่มีปรสิตแฝงตัวอยู่ ตรวจเพื่อดูแลสุขภาพร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด และตรวจเพื่อยืนยันเพศรองด้วยแน่นอนว่าผลการตรวจเพศรองของวินเตอร์และของสโนว์ปรากฏออกมาอย่างที่คาดไว้“โอเมก้า มีกำกับไว้ด้วยนะว่าพัฒนาสมบูรณ์มาก” วินเตอร์อ่านผลการตรวจในแท็บเล็ต“อัลฟ่า” ผลการตรวจไม่ต่างจากที่คาดไว้ สโนว์จึงไม่ได้สนใจและหันไปสนใจผลการตรวจของฟรอสต์ที่เธอยังไม่รู้ “ผลออกมาเป็นไง”ฟรอสต์อ่านผลการตรวจของตัวเอง ท่าทางนิ่งเงียบคาดเดาอารมณ์ได้ยาก สโนว์และวินเตอร์จึงยื่นคอไปแอบอ่าน ซึ่งผลก็ปรากฏออกมาเหมือนกับของวินเตอร์“โอเมก้า พัฒนาสมบูรณ์…เรามันโชคร้ายจริงๆ” วินเตอร์ตบบ่าฟรอสต์พลางถอนหายใจยอมรับผลตรวจที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง“เ
[11] [วันพักผ่อน]ทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามมาถึงใจกลางเมืองแล้ว พวกเขาเลือกที่จะมาเปิดหูเปิดตาที่นี่ก็เพราะมันเป็นย่านท่องเที่ยวของโดมแห่งนี้ แต่เมื่อมาถึงใจกลางเมืองพวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าพวกเขาได้ตัดสินใจผิดไป“ที่นี่มันอะไรกัน มนุษย์เดินยั้วเยี้ยไปมาอย่างกับปรสิต”ความสงบสุขในโดมทำให้มนุษย์ข้างในลดการป้องกันตัวลงและกล้าที่จะออกมาเดินเล่นโดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย ในเมืองจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่กันไปมาด้วยท่าทางสบายใจและมีความสุขทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามนึกภาพสถานการณ์ในใจกลางเมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ออกอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้คาดการไว้ว่าจะเจอกับสถานการณ์เช่นนี้“ทำไมเอาไปเปรียบเทียบกับพวกปรสิตล่ะ” วินเตอร์ถามสโนว์ที่เพิ่งกล่าวประโยคเมื่อกี้ออกมา“เดินอย่างไร้ระเบียบ ชนกันจนสับสนวุ่นวายไปหมด ถ้าเกิดถึงเวลาต่อสู้หรือหนีขึ้นมาคงเหยียบกันตายก่อนที่จะถูกปรสิตฆ่า” สโนว์วิจารณ์“จะว่าไปก็ใช่” วินเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย “แต่วันนี้เรามาเที่ยวเล่นที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตากันนะ เพราะงั้นช่างเรื่องนั้นไปเถอะน่า” กล่าวจบวินเตอร์ก็พาสโนว์และฟรอสต์เดินเข้าไปในฝูงชน“แล้วจะไปไหน” ฟ
[20] [ผิดปกติ][ปรสิตไม่ทราบจำนวนกำลังล้อมขบวนรถ! โปรดกลับมาด่วน!]นั่นคือสัญญาณขอความช่วยเหลือแรกที่พวกสโนว์ได้รับจากกลุ่มทหารรับจ้างดราก้อนก่อนที่พวกเขาจะเงียบหายไปแต่ก็ยังส่งสัญญาณเสียงมาไม่หยุดเพื่อบอกสถานการณ์ที่เข้าขั้นวิกฤตของพวกเขาสโนว์ วินเตอร์ และฟรอสต์สามารถวิ่งกลับไปช่วยพวกเขาได้ภายในเวลาไม่ถึงสองนาทีได้ถ้าหากว่าพวกเขาไม่ได้ค้นพบสิ่งผิดปกติจากในป่าเข้าเสียก่อน“มีบางอย่างกำลังใกล้เข้ามา” ฟรอสต์มองเข้าไปในป่า เขาได้ยินเสียงฝีเท้าที่สับสนวุ่นวายกำลังมุ่งตรงมาทางพวกเขา“ปรสิต?” วินเตอร์ฟังเสียงอย่างไม่แน่ใจ เสียงของมันเหมือนฝีเท้าของสัตว์ป่า แต่เขาไม่ได้กลิ่นปรสิตเลย มีเพียงกลิ่นพืชในป่านี้ที่ค่อนข้างรุนแรงและติดจมูกมาก“มันเหมือนจะ…เคลื่อนไหวเร็วมาก ยังมีปรสิตเหลืออยู่” สโนว์รวบรวมหยดน้ำขึ้นมาเตรียมพร้อม“ยังมีผู้รอดชีวิตอยู่” วินเตอร์นึกขึ้นมาได้ว่ายังมีผู้รอดชีวิตจากขบวนรถเดินทางนี้อยู่เขาจึงรีบไปหาผู้รอดชีวิต“เอ๊ะ? เกิดอะไรขึ้น?” คาร่าตื่นตระหนกเมื่อวินเตอร์ปรากฏตัวข้างเธอกะทันหัน“ตอนนี้ยังไม่ปลอดภัย” วินเตอร์อุ้มคาร่าพาดบ่าโดยไม่ได้อธิบายอะไรมากและกำลังจะกลับไปรวมตัวก
[19] [ถูกล้อม]โดยไม่คาดคิด ปรสิตอีกฝูงได้ปรากฏตัวออกมาจากป่าและล้อมรถของพวกเขาไว้หมดทุกทาง“หัวหน้า! เราถูกล้อมแล้ว!” ดีลุคตะโกนเสียงดังลั่น“เห็นแล้ว! รีบเปิดกลไกป้องกันตัวของรถ!” ดราก้อนตอบกลับเสียงเครียดและสั่งการทันที ไม่มีเวลาให้ตกใจสงสัยว่ามีฝูงปรสิตอีกกลุ่มมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง อย่างแรกที่ต้องทำคือรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าทหารสามคนนั้นจะกลับมา!“ผมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปให้สามคนนั้นแล้วครับ! อีกไม่เกินสิบนาทีคงมาถึง!” ดีลุคเอ่ยก่อนจะหันไปหยิบปืนขึ้นมากอดไว้“รู้งานดีนี่!” ดราก้อนเอ่ยชม อยากจะยกนิ้วให้แต่มือไม่ว่างเพราะตอนนี้เขากำลังวุ่นวายกับการบรรจุกระสุนใส่ปืน จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดออกไปจากรถและลั่นไกยิงปรสิตที่พุ่งเข้ามาโจมตีทันทีลูกทีมของดราก้อนก็ทำงานหนักเช่นกัน พวกเขาต้องประสานการโจมตีกันเป็นทีมเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ปรสิตเข้ามาใกล้รถมากเกินไป แต่เพราะพวกมันมีเยอะเกินไปถึงจะล้มตัวหนึ่งได้มันก็จะมีตัวใหม่ปรากฏตัวออกมาอีกสองและมันยังมาทุกทิศทางจนพวกเขารับมือแทบไม่ทัน หากไม่มีกลไกป้องกันตัวของรถที่เป็นปืนอัตโนมัติช่วยยิงพวกเขาอาจจะถูกล้อมได้เร็วกว่าเดิมแต่เมื่อพวกเขาส
[18] [ทำงานนอกเวลา]ไม่ว่าใครก็ทราบกันดีว่าหนึ่งในงานที่อันตรายที่สุดก็คืองานที่ต้องออกนอกโดมปลอดภัย แต่ก็ยังมีคนมากมายยอมที่จะออกนอกโดมเพื่อทำงานเพราะนั่นเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะได้รับเงินจำนวนมากและจะไม่อดตายอยู่ในโดมที่มีทรัพยากรจำกัดงานขนส่งสินค้าก็เป็นหนึ่งในงานที่อันตรายติดอันดับเพราะต้องขนสินค้าข้ามจากอีกโดมไปยังอีกโดม ระหว่างการขนสินค้า ไม่รู้เลยว่าจะต้องเจออะไรบ้าง คนที่เลือกทำงานนี้ต่างก็ต้องเตรียมใจมากันก่อน แต่เมื่อต้องตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของปรสิตมันก็ไม่มีใครสงบสติของตัวเองได้หรอกคาร่ารู้สึกหวาดกลัวจนแทบเสียสติ ในขณะที่ยืนมองเพื่อนที่ทำงานขนส่งเช่นเดียวกับเธอกรีดร้องด้วยความกลัวอย่างเสียสติจากนั้นเพื่อนคนนั้นก็ถูกปรสิตกัดจนตัวขาดครึ่ง“ช่วยด้วย!”“ฉันยังไม่อยากตาย!”“ไม่!”เสียงร้องโหยหวนดังระงมขณะที่พวกเขาพยายามหนีปรสิตที่ไล่ล่าพวกเขา สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นฝูงปรสิตที่แอบซ่อนตัวอยู่ในป่าหนามที่พวกเขาใช้เป็นทางผ่านไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะโชคร้ายเจอปรสิตจำนวนมากในครั้งเดียวเช่นนี้แม้ว่าพวกเขาจะพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่พวกปรสิตก็ราวกับว่ามีสม
[17] [เส้นทางที่ต้องผ่าน]“สโนว์มานั่งนี่สิ” วินเตอร์ตบเบาะตรงกลางระหว่างขาของเขาที่เขาจงใจเว้นว่างไว้และเอ่ยปากเรียกสโนว์สโนว์เพิ่งตื่นเมื่อครู่เดินไปนั่งตรงที่วินเตอร์เว้นว่างไว้ให้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะรับอาหารแห้งจากฟรอสต์ มันเป็นอาหารที่แค่ฉีกซองแล้วก็กินได้เลย สโนว์เลยนั่งเอนหลังพิงวินเตอร์ที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังและทานอาหารเช้าไปด้วยอย่างงัวเงียวินเตอร์เห็นท่าทางขี้เกียจของสโนว์แล้วก็นึกถึงอลิซาเบธที่ปีนขึ้นมานั่งตักของเขาเมื่อวานสาเหตุที่สโนว์อารมณ์เสียเมื่อวานเป็นเพราะมีแมวตัวอื่นมาแย่งที่นั่งนี่เอง!วินเตอร์สรุปกับตัวเองในใจโดยไม่คิดจะเผยความคิดให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักรู้ ไม่งั้นเขาคงโดนข่วนแน่“กินได้แล้ว เช้านี้เรามีเวรยาม” ฟรอสต์เห็นว่าวินเตอร์เอาแต่ยิ้มเลยใจดียื่นอาหารไปจ่อปากวินเตอร์ เขาป้อนอาหารแห้งให้วินเตอร์จนหมดอย่างรวดเร็วเพราะวินเตอร์กัดแค่สองคำอาหารก็หมดแล้วอย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อครู่อยู่ในสายตาเคียร่าที่กำลังนั่งหั่นไข่ดาวอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะ“…?” นั่นอะไรน่ะ? ทำไมเขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติ ความใกล้ชิดนั่นเป็นเรื่องปกติ
[16] [ความคิดของผู้คน]หัวใจของเคียร่าเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ปรสิตที่มีหน้าตาเหมือนกวางแต่มันมีหางหุ้มเกราะหนามถึงสามหางกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้รถเดินทางของเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวเพื่อกำจัดมัน ทหารรับจ้างและทหารหน่วยพลีชีพยังยืนนิ่งรอให้มันเข้ามาใกล้จนกระทั่งมันใช้หางหุ้มเกราะหนามโจมตี ทว่ามันก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวทำอะไรเลยอยู่ดีตึง!ทหารรับจ้างทุกคนรู้สึกใจหล่นหายตอนที่มันโจมตี แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าการโจมตีของปรสิตตัวนั้นปะทะเข้ากับเกราะพลังบางอย่างที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นเลือนรางพวกเขาก็ถอนหายใจโล่งอกและยืนมองปรสิตสองดาวตวัดหางโจมตีไม่หยุดแต่ก็ไม่สามารถแตะต้องคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเกราะป้องกันนั้นได้นี่น่ะเหรอพลังพิเศษ?“ปรสิตสองดาวดูจัดการง่ายไปเลย” ดราก้อนพึมพำเพื่อตัดสินระดับความยากในการจัดการปรสิตพวกนั้น เหล่าทหารรับจ้างได้ให้ดาวกับพวกปรสิต ยิ่งดาวเยอะเท่าไหร่มันยิ่งจัดการยาก ระดับสองดาวแม้จะไม่มากแต่ก็ถือว่าจัดการไม่ง่ายเลย หางของมันที่เป็นอาวุธสามารถทำให้เกราะของรถยุบได้เลย แต่เกราะพลังนั่นกลับไม่แม้แต่จะสั่นสะเทือนทั้งที่โดนการโจมตีของปรสิตอย่างต่อเนื่อง“
[15] [เจ้าชายจากโดมคีรัน]เคียร่า แองเจโล่ เกิดและเติบโตขึ้นมาในโดมที่มีชื่อเรียกว่า คีรัน และด้วยความที่ว่าเขาเป็นลูกหลานของผู้ปกครองโดมเขาจึงถูกปฏิบัติอย่างดีราวกับเป็นเจ้าชาย นานวันเข้าเคียร่าจึงคิดว่าตัวเองคือเจ้าชายและโดมคีรันคืออาณาจักรของเขานานวันความฝันของเคียร่ายิ่งยิ่งใหญ่มากขึ้น เขาอยากแข็งแกร่งและกล้าหาญเหมือนเจ้าชายในนิทานที่มักจะออกเดินทางไปปราบปีศาจร้ายและกลับมาพร้อมชัยชนะและชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ เป็นฮีโร่ที่ทุกคนชื่นชมเคียร่าคิดว่าตัวเขาสามารถทำได้ทุกอย่างจึงตัดสินใจที่จะก้าวเท้าออกจากโดมที่ปลอดภัยไปยังโลกภายนอกที่ผู้คนหวาดกลัว แต่เมื่อเขาได้เห็นโลกที่กว้างใหญ่ครั้งแรกเขาพบว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลย ความยิ่งใหญ่ของโลกมันช่างวิเศษและเขายังค้นพบอีกด้วยว่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของเขาแท้จริงมันก็แค่กรงขนาดเล็กเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของโลกนี้อิสระ… เคียร่าต้องการที่จะปลดปล่อยประชาชนของเขาออกจากกรงขังที่เรียกว่าโดมอันปลอดภัยของมนุษยชาติ เพื่ออิสรภาพอันแท้จริง!แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องทำให้ผู้คนในโดมรู้ถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่ของโลกภายนอกก่อน! เคียร่าจึงตัดสินใจที่จะสร้างช่องใน
[14] [เดินทางท่องเที่ยว?]คำสั่งของผู้บัญชาการของหน่วยพลีชีพที่หนึ่งมาถึงแล้ว คำสั่งคือ [เดินทางไปพักผ่อนทางเหนือได้ตามใจชอบ ระยะเวลาคือสามเดือน]หากคนธรรมดาได้ยินคำสั่งนี้คงเข้าใจว่าพวกเขาได้รับวันหยุดพักผ่อนสามเดือนเต็ม แต่สำหรับทหารหน่วยพลีชีพที่คุ้นเคยกับคำสั่งเช่นนี้ของผู้บัญชาการแล้วสามารถเข้าใจได้ทันทีว่ามันคือคำสั่งให้พวกเขาเดินทางไปทางเหนือโดยทำเหมือนไปพักร้อนแต่ความจริงแล้วคำสั่งก็คือให้พวกเขาไปรอประจำการที่ทางเหนือเพื่อรอรับภารกิจที่อาจจะมาอย่างกะทันหันภายในสามเดือนนี้ไม่ต่างจากคำสั่งให้ไปทำภารกิจนัก“เดี๋ยวนะ คำสั่งคือให้เราเดินทางเองเหรอ” สโนว์ถามด้วยสีหน้าขยาดเมื่อทราบว่าทางกองทัพจะไม่ส่งยานพาหนะมาให้พวกเธอเพราะพวกเธอจะไป ‘พักผ่อน’ ไม่ได้ไปทำภารกิจ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ใช้ยานพาหนะของทางกองทัพแต่อย่างที่ทราบกันดีว่ายานพาหนะและเชื้อเพลิงของยานพาหนะหายากแค่ไหนในยุคนี้ คนธรรมดาแทบไม่มีโอกาสได้ครอบครองเพราะส่วนมากของพวกนี้ทางกองทัพทหารจะยึดครองไว้ใช้เองทั้งหมด และยังมีอุปสรรคอย่างพวกปรสิตที่มักจะเข้ามาโจมตีทั้งทางพื้นดินและทางอากาศอีก แม้จะหายานพาหนะได้แต่ถ้าหากยานพาหนะไม่แข็งแรง
[13] [ฟรอสต์กับอาการฮีท] ก่อนวันที่คาดว่าอาการฮีทครั้งแรกของฟรอสต์จะมาถึงหนึ่งวัน ฟรอสต์ก็ได้เริ่มเก็บตัวทันที นั่นบ่งบอกถึงความกังวลของฟรอสต์เกี่ยวกับการฮีทครั้งแรกของตัวเองไม่น้อยฟรอสต์เป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยแบ่งปันความกังวลของตัวเองให้ใครฟังมากนัก สโนว์และวินเตอร์อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ก็เลยไปยืนเฝ้าหน้าห้องที่ฟรอสต์ใช้ซ่อนตัวชั่วคราวเพื่อความสบายใจของพวกเขาและรวมถึงฟรอสต์ด้วย“ถ้านายอยากได้อะไรเรียกพวกเราได้นะ” วินเตอร์เคาะประตูและตะโกน“นายลืมไปแล้วรึไงว่าฟรอสต์มีกระเป๋ามิติของตัวเอง” สโนว์พูด“เผื่อว่าฟรอสต์ลืมเอาบางอย่างใส่กระเป๋ามิติไง” วินเตอร์เอ่ย “ว่าแต่อาการฮีทของฟรอสต์จะอยู่นานแค่ไหน?”“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็น่าจะแค่สามสี่วัน คงไม่ยาวนานเป็นสัปดาห์เหมือนนายหรอก”สามวันผ่านไปแต่ปรากฏว่าสามวันผ่านไปฟรอสต์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นหรือออกจากห้องเลย เสียงหอบอย่างทรมานของฟรอสต์ดังเล็ดลอดออกมาจากข้างในห้องสร้างความกังวลให้สโนว์และวินเตอร์ไม่น้อยทั้งที่ฟรอสต์ใช้ยาระงับฮีทไปแล้วแต่มันกลับไม่ดีขึ้นเลย! ยาระงับฮีททั่วไประงับอาการฮีทของฟรอสต์ไม่ได้อย่างที่แพทย์บอกไว้ไม่มีผิด“อาการฮี
[12] [วันพักผ่อน]หลังจากได้เสื้อผ้าคนละสามตัวแล้วพวกเขาก็ยังเดินสำรวจเมืองต่อจนกระทั่งสโนว์ไปเจอร้านหนึ่งที่สะดุดตาของเธอไม่น้อย“อะไรกันเนี่ย เสื้อผ้าที่ปิดเฉพาะส่วนล่างและส่วนหน้าอกแบบนี้มันจะป้องกันอะไรได้กัน มันเป็นเสื้อผ้าที่คนที่นี่นิยมใส่กันเหรอ?” วินเตอร์วิจารณ์เสื้อผ้าที่อยู่บนหุ่นลองเสื้ออย่างตกใจ“เจ้าโง่ นั่นมันชุดชั้นในต่างหากล่ะ” สโนว์พูด ใช่แล้วร้านที่เธอสนใจมันก็คือร้านชุดชั้นในยังไงล่ะ! สโนว์ไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปในร้าน“เธอจะซื้อเหรอ” วินเตอร์ถาม“แน่นอน ชุดชั้นในมันใส่ไว้ข้างในเพราะงั้นมันไม่มีทางส่งผลต่อความล่าช้าตอนที่ฉันจะเปลี่ยนไปสวมเครื่องแบบทหารหรอก” เธอหันไปพูดกับฟรอสต์เพื่อบอกเป็นนัยว่าเธออยากจะซื้อมันมากกว่าหนึ่งตัว!เมื่อได้เข้าไปข้างในร้านชุดชั้นในหญิง มันก็ได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกครั้ง“ปกติชุดชั้นในมันเล็กอย่างนี้เหรอ? แล้วนี่คือเส้นอะไร” วินเตอร์สับสนอย่างมากกับกางเกงในขนาดที่เล็กกว่ามือและเส้นระโยงระยางที่น่าจะเป็นกางเกงในด้วยเหมือนกัน ดูขาดแคลนผ้ามาก ชั้นในของทหารยังมีผ้ามากกว่าเลย อย่างน้อยชุดชั้นในของสโนว์มันก็เป็นกางเกง