[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]
ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือน ซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้
หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้ว
พวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…
“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินทางทั้งสามวันก่อนหน้านี้มันสูญเปล่าทั้งหมด
“สำรวจหาร่องรอยกันก่อน อย่างน้อยเราอาจจะเจออะไรบางอย่างที่น่าจะช่วยบอกเราว่าควรไปทางไหนดี” พวกเขาตกลงกันแบบนั้นและแยกย้ายกันสำรวจโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอุโมงค์แยกออกเป็นหลายทาง แม้แต่เพดานโพรงถ้ำก็ยังมีทางแยกด้วยซ้ำ พวกเขาคงต้องเสียเวลาสำรวจกันสักพัก
สโนว์เคยคิดว่าพวกปรสิตเหมือนปลวกเพราะพวกมันสร้างรังได้สูงใหญ่และอลังการงานสร้างมาก แต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันเหมือนมดมากกว่า พวกมันจะสร้างเส้นทางมากมายไว้ใต้ดินลึกขนาดนี้ทำเพื่ออะไรกัน!
เธอเริ่มบ่นในใจอย่างหัวเสียขณะที่ส่องไฟฉายไปทั่วเพื่อตามหาร่องรอยของพวกปรสิต แต่สิ่งที่เธอพบไม่ใช่แค่ร่องรอย มันคือ….สิ่งมีชีวิต?
สโนว์กะพริบตาสองครั้งจากนั้นก็พยายามเพ่งมองสิ่งที่เธอบังเอิญส่องไฟฉายไปเจอ มันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเพราะเธอเห็นมันกะพริบตาได้ แวบแรกที่เจอมันเธอคิดว่ามันคือปรสิต แต่รูปร่างของมันไม่เหมือนพวกปรสิตที่เธอเคยเจอเลยเพราะมันมีขนาดเล็กเท่าลูกเทนนิส มีขนปุยสีขาวและเขาม้วนเหมือนแกะและมีปีกด้วย
มัน…น่ารักเกินกว่าจะเป็นพวกเดียวกับปรสิตพวกนั้น
“ทุกคน ฉันเจอบางอย่าง” สโนว์ส่งเสียงเรียกคนอื่นๆ และทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นก็กระพือปีกบินเข้าไปอุโมงค์ สโนว์รีบวิ่งตามไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง เธอคิดว่าแค่ต้องวิ่งตามไป
“เดี๋ยวสโนว์!” พวกวินเตอร์ต้องวิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะสโนว์วิ่งตามสิ่งมีชีวิตปริศนาอย่างไม่ลดล่ะ
เพื่อตามเจ้าตัวนุ่มนิ่มนั่นให้ทันสโนว์วิ่งเต็มฝีเท้าของเธอ แต่น่าแปลกที่เธอตามมันไม่ทัน มันบินเร็วขนาดไหนกัน? แต่สโนว์ก็ไม่ยอมแพ้และวิ่งตามมันต่อไปอีกหลายกิโลจนกระทั่งเธอเห็นทางแยกอื่นและมันไม่ใช่แค่ทางแยกร้างเหมือนก่อนนี้ มันมีร่องรอยสดใหม่ของพวกปรสิตด้วย
สโนว์และคนอื่นๆ หยุดวิ่งทันทีที่เห็นร่องรอยพวกนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถูกทางเพราะข้างหน้านี้ต้องมีพวกปรสิตอาศัยอยู่แน่นอน!
“ถอยไปตั้งหลักก่อนหรือจะเข้าสำรวจก่อน” วินเตอร์ถามความเห็นทุกคน
“ถอยไปเตรียมตัว” ฟรอสต์เอ่ย ทุกคนในทีมก็เห็นด้วยเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งวิ่งกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อความไม่ประหม่าพวกเขาควรไปพักเอาแรงก่อนและต้องไปเตรียมอาวุธให้พร้อมสำหรับออกรบเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าไปสำรวจได้โดยไม่เกิดการปะทะ
แต่ทางที่ดีพวกเขาควรสำรวจให้เงียบที่สุดเพราะพวกเขามีอยู่กันแค่เจ็ดคน จำนวนแค่นี้ไม่มีทางเอาชนะพวกปรสิตที่มาเป็นฝูงได้ พวกเขาจึงต้องพยายามซ่อนตัวตนของตัวเองจากพวกปรสิตให้ได้มากที่สุด ไม่เพียงต้องเคลื่อนไหวให้เงียบเชียบ พวกเขาจะต้องฉีดสเปรย์พิเศษด้วย มันเป็นสเปรย์ที่สามารถกลบกลิ่นอายของมนุษย์ไม่ให้พวกปรสิตได้กลิ่นได้
หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเขาก็เริ่มออกสำรวจ พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่มีร่องรอยของปรสิตมากที่สุดเพราะเชื่อว่าเป็นทางที่จะพาพวกเขาไปพบกับพวกปรสิตแต่ระหว่างทางพวกเขาไม่พบศัตรูเลย พวกเขาพบเพียงว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้อุโมงค์ก็ยิ่งสว่างขึ้นเพราะแสงบางอย่างที่ส่องสว่างมาจากปลายทางของอุโมงค์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่แสงจากดวงอาทิตย์เพราะมันเป็นแสงสีม่วงสลัวๆ
แสงสีม่วงสว่างมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นปลายทางข้างหน้า ฟรอสต์ส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดและเขาก็เดินเข้าไปสำรวจก่อน ที่ปลายอุโมงค์ฟรอสต์พบว่าทางข้างหน้ามันเป็นหลุมขนาดใหญ่และลึกมาก ข้างบนเองก็เหมือนกัน แต่ต้นกำเนิดแสงสีม่วงมาจากหลุมด้านล่าง ฟรอสต์จึงพยายามเพ่งตามองลงไปในหลุมเพื่อดูว่าข้างล่างนั่นมีอะไร แต่เขาเห็นแค่การเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตเพราะแสงสีม่วงที่ส่องมาจากด้านล่างมันสว่างมาก เขาส่งสัญญาณมือเรียกทุกคน
“เราต้องลงไปสำรวจด้านล่าง” ฟรอสต์พูด
พวกเขารู้ว่าการลงไปสำรวจข้างล่างอันตรายมากเพราะพวกเขาสามารถเห็นการเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตข้างล่างนั้นได้ พวกเขาตัดสินใจแบ่งกลุ่มกันเพราะถ้าลงไปหมดทุกคนและเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นพวกเขาอาจจะไม่รอดกันหมดทุกคนก็ได้ สโนว์และวินเตอร์จึงลงไปสำรวจกันแค่สองคนเพราะยิ่งคนน้อยก็ยิ่งง่ายแก่การซ่อนตัวหรือหลบหนี
เมื่อวางแผนและตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว สโนว์และวินเตอร์ก็ใช้อุปกรณ์ปีนผาของทหารปีนลงไปด้านล่างทันที ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียวแต่คล่องแคล่วว่องไว เมื่อพวกเธอลงมาจนมองเห็นพวกปรสิตที่เดินกันยั่วเยี้ยเต็มพื้นแล้วพวกเธอก็ลดความเร็วลงและเงียบเชียบกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็มองหาร่องบนผนังที่พวกปรสิตสร้างไม่ดีเป็นที่หลบซ่อนสายตาของพวกปรสิตด้วย
ทั้งสองทำเช่นนี้เพื่อหลบซ่อนตัวตนจากพวกปรสิตมาตลอดจนกระทั่งทั้งสองคนก็สามารถลงมาถึงปลายทางของอุโมงค์ยักษ์ได้สำเร็จ แต่พอมองลงไปพวกสโนว์ก็เห็นแค่ฝูงปรสิตเดินกันยั้วเยี้ย ไม่เห็นอย่างอื่นที่น่าจะเป็นประโยชน์ แต่เห็นเพียงแค่นี้ทั้งสองก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าที่นี่มีปรสิตมากแค่ไหน
สโนว์และวินเตอร์จึงตัดสินใจเสี่ยงโหนตัวออกไปจากอุโมงค์เพื่อดูว่ามันมีอะไรข้างล่าง และเมื่อพวกเขาได้โหนตัวลงไปได้เล็กน้อยพอได้เห็นสิ่งรอบข้าง วินเตอร์และสโนว์ก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอตกตะลึงอย่างมาก
มันคือโพรง…ไม่สิ มันใหญ่กว่านั้น มันกว้างใหญ่มากกว่าหลุมซึ่งเป็นทางที่พวกเขาใช้เข้ามาเสียอีก!
มันคือถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์นี้เต็มไปด้วยพวกปรสิตหลายหมื่นแสนหรืออาจจะล้านตัวและพวกสโนว์ก็ได้พบด้วยว่าอุโมงค์ที่พวกเธอใช่ไต่ลงมาไม่ได้มีแค่อันเดียว นั่นหมายความว่ามันมีช่องทางอื่นที่จะลงมาที่นี่อีกมาก
“นั่น” สโนว์เหลือบไปเห็นบางอย่าง เธออ้าปากกระซิบไร้เสียงเรียกวินเตอร์และชี้ให้เขาหันไปมอง
พวกเขาได้พบกับต้นกำเนิดแสงสีม่วงมันเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่สามารถเรืองแสงได้แต่พวกสโนว์ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาตั้งแต่จำความได้รู้ดีว่ามันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา มันเป็นอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกและได้สร้างหายนะให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน!
พวกเขาประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่ามันอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาประหลาดใจกับพฤติกรรมของพวกปรสิตมากกว่า พวกมันยืนนิ่งล้อมอุกกาบาตอย่างเป็นระเบียบและมีท่าทางราวกับว่ากำลังอาบแสงสีม่วงจากอุกกาบาต พฤติกรรมของพวกมันดูน่าสงสัยมาก
สโนว์ยกกล้องออกมาถ่ายภาพและวิดีโออย่างเงียบเชียบเพื่อเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นรอบอุกกาบาตสีม่วงนั้น
เพื่อสังเกตดูพฤติกรรมของพวกมัน วินเตอร์และสโนว์จึงโหนตัวอยู่เหนือหัวของพวกปรสิตสักพักใหญ่จนกระทั่งพวกเขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจจากพวกปรสิตที่กำลังยืนรายล้อมอุกกาบาตอยู่ พวกปรสิตที่แขนขาไม่สมประกอบงอกแขนขาใหม่และดูแข็งแกร่งมากขึ้น พวกมันพัฒนาอย่างก้าวกระโดดต่อหน้าต่อตาพวกเขา
สโนว์และวินเตอร์ปะทะกับพวกปรสิตในสนามรบมาหลายสิบปีแต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกปรสิตสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ขนาดที่สามารถงอกร่างกายส่วนที่เสียหายได้
แสงสีม่วงจากอุกกาบาตนั่นพิเศษกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก
“วินเตอร์ เราต้องเก็บตัวอย่าง” พวกเขาจะไม่เข้ามาเสียเที่ยวเด็ดขาด พวกเขาจะต้องเก็บหลักฐานกลับไปตรวจสอบด้วยเพราะนั่นอาจจะเป็นกุญแจไขความลับของพวกปรสิตและทำให้มนุษยชาติได้รับชัยชนะในที่สุด
แต่การที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้อุกกาบาตโดยที่ไม่ให้พวกปรสิตที่ยืนล้อมอุกกาบาตอยู่ไม่รู้ตัวเสียก่อนมันเป็นเรื่องที่ยากมาก มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะถูกค้นพบและถูกกำจัดโดยฝูงปรสิตก่อนที่จะได้เข้าใกล้อุกกาบาตด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีทางเลย
พลังพิเศษของวินเตอร์คือโล่สีใส แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโล่มันมีความสามารถล่องหนได้ มันไม่เพียงปกป้องผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากการโจมตี มันยังสามารถพรางตาผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากศัตรูได้ด้วย หากว่าวินเตอร์ใช้โล่ห่อหุ้มตัวเองไว้เขาก็จะสามารถล่องหนได้และสามารถเข้าไปใกล้อุกกาบาตได้โดยไม่ต้องปะทะกับฝูงปรสิต
ด้วยเหตุนี้หน้าที่ลงไปเก็บตัวอย่างอุกกาบาตจะต้องเป็นหน้าที่ของวินเตอร์อย่างแน่นอน ซึ่งในขณะที่วินเตอร์ต้องโหนตัวลงไปอยู่กลางฝูงปรสิตเพื่อเข้าไปเอาตัวอย่างอุกกาบาต สโนว์ก็คอยสนับสนุนอยู่ข้างบน สโนว์จะคอยสังเกตการณ์จากด้านบนและบอกเส้นทางเข้าใกล้อุกกาบาตกับวินเตอร์ แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นสโนว์ก็พร้อมจะใช้พลังพิเศษของตัวเองช่วยเหลือวินเตอร์ เนื่องจากว่าพลังควบคุมน้ำของเธอสามารถโจมตีระยะไกลได้ พลังของเธอจึงเหมาะที่จะสนับสนุนจากข้างบนมากที่สุด แต่สโนว์หวังว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อย่างนั้นขึ้นมา
[5] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]สถานการณ์น่าลุ้นระทึกผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ให้ความรู้สึกยาวนาน กว่าวินเตอร์จะเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้สโนว์ที่รอลุ้นอยู่บนเพดานก็เผลอกลั้นหายใจไปนานหลายนาทีด้วยความโชคดีและความสามารถของวินเตอร์ ในที่สุดเขาก็สามารถเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้และสามารถแอบหลบกลับมาได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน อันที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องแอบลอบเข้าไปในใจกลางฝูงปรสิตเพราะภารกิจหลักของพวกเขาก็คือลอบเข้าไปวางระเบิดในรังของพวกปรสิต เพราะงั้นภารกิจพลีชีพแบบนี้พวกเขาทำมาหลายรอบจนชำนาญแล้วล่ะ แต่การเอาระเบิดไปวางกับการเข้าไปเก็บตัวอย่างสำคัญมันไม่เหมือนกัน ภารกิจอันแรกจะตายก็ช่างขอแค่วางระเบิดสำเร็จภารกิจก็สำเร็จ แต่อันที่สองถ้าหากกลับมาไม่ได้ตัวอย่างสำคัญที่แอบเก็บมาก็จะสูญเปล่าภารกิจก็จะไม่สำเร็จ ระดับความเครียดจึงต่างกันเล็กน้อย ซึ่งพอได้รับข้อมูลที่ต้องการมาทั้งหมดแล้วสโนว์และวินเตอร์ก็รีบวิ่งกลับมาหาฟรอสต์และคนอื่น ๆ ทันทีราวกับกลัวว่าพวกปรสิตจะวิ่งตามหลังมา และเมื่อกลับไปถึงที่ซ่อนตัวสโนว์และวินเตอร์ก็รู้สึกราวกับว่าได้อากาศหายกลับมาเลยทีเดียว“ในนั้นแออัดชะมัด แทบไม่มีอ
[6] [เพศรอง]“อย่าโง่น่าฟรอสต์” สโนว์บ่นเมื่อเห็นเขามาปรากฏตัวข้างกายพวกเธอทั้งที่เขาควรจะวิ่งหนีไปไกลแล้ว“พวกนายมันงี่เง่า” ฟรอสต์กล่าวขณะหยิบปืนขึ้นมายิงสกัดปรสิตที่พยายามตามเข้ามาโจมตีพวกเขา เนื่องจากว่าอุโมงค์มันไม่ใหญ่มากนักและพวกปรสิตส่วนมากก็ตัวใหญ่ มันจึงง่ายต่อการยิงสกัดไม่ให้พวกปรสิตเข้ามาใกล้และง่ายต่อการกำจัดพวกมันด้วยแต่ถึงจะทำอย่างนี้ต่อไปพวกปรสิตก็ไม่มีวันหมดอยู่ดีเพราะพวกมันมีจำนวนมากกว่าล้านและพวกเขาก็มีอาวุธและพลังจำกัดด้วย อีกอย่างในตอนนี้สโนว์และวินเตอร์เหมือนจะมีอาการฮีทเพราะเพศรองปรากฏเร็วกว่าที่คาดการไว้ อีกไม่นานพวกเขาทั้งสองอาจเสียสติเพราะถูกสัญชาตญาณของเพศรองกลืนกิน“ตอนนี้ล่ะ!” วินเตอร์ตะโกนให้สัญญาณจากนั้นพวกเขาก็วิ่งหนีไปยังอีกเส้นทางที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ มันอาจจะเป็นทางออกหรือไม่ก็อาจจะทางตันหรือที่เลวร้ายกว่านั้นมันอาจเป็นทางกลับไปที่รังของพวกปรสิต แต่ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอะไรพวกเขาก็ต
[7] [ทางออก]ขณะที่ปล่อยให้วินเตอร์คลอเคลียและใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอในการช่วยตัวเอง สโนว์ก็พยายามทำใจให้สงบเพื่อไม่ให้กลิ่นโอเมก้าของวินเตอร์มาควบคุม ส่วนฟรอสต์นั้นก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า เขาพยายามขุดเจาะกำแพงดินที่ถล่มลงเพื่อหาเส้นทางไปต่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดสโนว์ก็หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจและร่างกาย ส่วนวินเตอร์ก็ดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้อาการฮีทของวินเตอร์น่าจะอยู่ในการควบคุมอย่างสงบไปได้อีกสักพักและก่อนอาการฮีทจะพลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่เหนือการควบคุมอีกพวกเขาควรเร่งรีบออกจากที่นี่ สโนว์และวินเตอร์จึงไปช่วยฟรอสต์ขุดดินที่ได้ถล่มลงมากลบฝังทางหนีของพวกเขาไว้ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ขุดทะลุผนังดินจนทะลุไปถึงเส้นทางอุโมงค์อีกด้านที่ไม่ได้รับผลกระทบกับระเบิดทางจึงปิดโล่งและไม่มีปรสิตสักตัวเพราะพวกมันทั้งหมดถูกดินถล่มลงมาทับตายที่อุโมงค์อีกด้านแล้ว“มีแค่ทางเดียวแล้วที่เราไปได้…แถมยังเป็นทางที่ไม่รู้จุดหมายอีก” สโนว์หันไปมองทางตันข้างหลังที่มีเส้นทางที่สามารถพาพวกเขาออกไปข้างนอกได้ก่อนจะหันกลับมามองทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีท
[8] [สิ่งมีชีวิตประหลาด]พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารังของพวกปรสิตมันมีทางเชื่อมต่อกัน!“วิ่งเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง! พวกข้างหลังจะตามมาทันแล้ว!” สโนว์ตะโกนขณะเดียวกันก็ยิงกระสุนน้ำใส่ฝูงปรสิตที่วิ่งตามมาจากข้างหลัง“ข้างหน้ามีพวกมันเต็มเลยนะ!” วินเตอร์ตะโกนประท้วง “อีกอย่างฉันแบกพวกเธอทั้งสองคนอยู่นะ!” เขาตะโกนประท้วงอีกประโยคเนื่องจากว่าวินเตอร์วิ่งเร็วและแข็งแรงมาก เมื่อถึงยามหนีเขาสามารถวิ่งทิ้งห่างสโนว์และฟรอสต์ได้เป็นกิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์วิ่งหนีทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลังวินเตอร์ก็เลยต้องแบกเพื่อนทั้งสองคนขึ้นบ่าและวิ่งหนี สโนว์และฟรอสต์จึงรับหน้าที่กำจัดฝูงปรสิตที่เข้ามาขวางทางแต่พวกเขาคงทำแบบนี้ไปได้อีกไม่นานมากนักเพราะตราบใดที่ยังไม่เจอทางออกพวกเขาก็จะถูกฝูงปรสิตรุมล้อมจนไร้ทางหนีและถูกรุมทึ้งจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้ใครมาเก็บ“ไปทางไหนดี!” วินเตอร์ตะโกนถามความเห็น“เลือกสักทางสิ!” ฟรอสต์ตอบขณะนำปืนกระบอกใหม่ที่มีกระสุนเต็มกระบอกออกมาและโยนปืนที่หมดกระสุนแล้วกลับเข้าไปในมิติ ทุกขั้นตอนนั้นไม่มีการขาดช่วงแม้แต่น้อย“งั้นทางนั้น!” วินเตอร์วิ่งไปยังทางที่ตัวเองเลือกทันทีแม
[9] [ต้นกำเนิดของปรสิต]บ้านของเคนเหนือความคาดหมายของทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนมาก ไม่ใช่เพราะมันเป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีพืชมากมายเติบโตจนเขียวชอุ่มเนื่องจากได้รับแสงอย่างเพียงพอจากรูโหว่บนเพดานและได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องจากน้ำตกใต้ดิน ทั้งหมดนั้นดูเหนือความคาดหมายก็จริง แต่สิ่งที่เหนือความหมายกว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่นั่น“นี่มันรังแกะรึไงกัน”ในโลกที่มีปรสิตครองร่างของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนโลก การที่จะได้เห็นสัตว์ธรรมดาตามธรรมชาตินอกเหนือจากสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้กินมันหาได้ยากมากเพราะส่วนมากสัตว์พวกนั้นจะถูกปรสิตยึดครองร่างจนหมดเสียก่อนด้วยเหตุนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นฝูงแกะสีขาวธรรมดาเต็มถ้ำไปหมด“พวกนี้คือเพื่อนของนายเหรอ?” วินเตอร์ถามหน้าซื่อ“หา? ฉันเนี่ยนะจะเป็นเพื่อนกับพวกสิ่งมีชีวิตไร้สมองพวกนี้น่ะ? นายโง่รึไงถึงได้เอาฉันไปเทียบกับสัตว์พวกนั้นน่ะ!” ใบหน้าน่ารักราวกับแกะน่ารักของเคนเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีวินเตอร์กะพริบตาปริบๆ หน้าตาซื่อบื้อของเขาแสดงความสับสน เขาพูดอะไรผิดทำไมถึงโกรธขนาดนั้น? เคนก็เป็นแกะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? วิน
[10] [บ่อน้ำพุร้อน]ฟรอสต์ได้ติดต่อกลับไปยังกองทัพทหารที่สังกัดอยู่เพื่อรายงานตัวแล้วและหลังจากนั้นเขาก็ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการให้รอรับภารกิจต่อไปอยู่ที่ฐานทัพที่ใกล้ที่สุด พวกเขาจึงเดินทางไปยังฐานทัพทหารรหัส 056 ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้เมื่อทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนเดินทางไปถึงฐานทัพทหารรหัส 056 สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือการตรวจร่างกาย ทั้งตรวจเพื่อยืนยันว่าร่างกายไม่มีปรสิตแฝงตัวอยู่ ตรวจเพื่อดูแลสุขภาพร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด และตรวจเพื่อยืนยันเพศรองด้วยแน่นอนว่าผลการตรวจเพศรองของวินเตอร์และของสโนว์ปรากฏออกมาอย่างที่คาดไว้“โอเมก้า มีกำกับไว้ด้วยนะว่าพัฒนาสมบูรณ์มาก” วินเตอร์อ่านผลการตรวจในแท็บเล็ต“อัลฟ่า” ผลการตรวจไม่ต่างจากที่คาดไว้ สโนว์จึงไม่ได้สนใจและหันไปสนใจผลการตรวจของฟรอสต์ที่เธอยังไม่รู้ “ผลออกมาเป็นไง”ฟรอสต์อ่านผลการตรวจของตัวเอง ท่าทางนิ่งเงียบคาดเดาอารมณ์ได้ยาก สโนว์และวินเตอร์จึงยื่นคอไปแอบอ่าน ซึ่งผลก็ปรากฏออกมาเหมือนกับของวินเตอร์“โอเมก้า พัฒนาสมบูรณ์…เรามันโชคร้ายจริงๆ” วินเตอร์ตบบ่าฟรอสต์พลางถอนหายใจยอมรับผลตรวจที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง“เ
[11] [วันพักผ่อน]ทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามมาถึงใจกลางเมืองแล้ว พวกเขาเลือกที่จะมาเปิดหูเปิดตาที่นี่ก็เพราะมันเป็นย่านท่องเที่ยวของโดมแห่งนี้ แต่เมื่อมาถึงใจกลางเมืองพวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าพวกเขาได้ตัดสินใจผิดไป“ที่นี่มันอะไรกัน มนุษย์เดินยั้วเยี้ยไปมาอย่างกับปรสิต”ความสงบสุขในโดมทำให้มนุษย์ข้างในลดการป้องกันตัวลงและกล้าที่จะออกมาเดินเล่นโดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย ในเมืองจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่กันไปมาด้วยท่าทางสบายใจและมีความสุขทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามนึกภาพสถานการณ์ในใจกลางเมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ออกอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้คาดการไว้ว่าจะเจอกับสถานการณ์เช่นนี้“ทำไมเอาไปเปรียบเทียบกับพวกปรสิตล่ะ” วินเตอร์ถามสโนว์ที่เพิ่งกล่าวประโยคเมื่อกี้ออกมา“เดินอย่างไร้ระเบียบ ชนกันจนสับสนวุ่นวายไปหมด ถ้าเกิดถึงเวลาต่อสู้หรือหนีขึ้นมาคงเหยียบกันตายก่อนที่จะถูกปรสิตฆ่า” สโนว์วิจารณ์“จะว่าไปก็ใช่” วินเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย “แต่วันนี้เรามาเที่ยวเล่นที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตากันนะ เพราะงั้นช่างเรื่องนั้นไปเถอะน่า” กล่าวจบวินเตอร์ก็พาสโนว์และฟรอสต์เดินเข้าไปในฝูงชน“แล้วจะไปไหน” ฟ
[12] [วันพักผ่อน]หลังจากได้เสื้อผ้าคนละสามตัวแล้วพวกเขาก็ยังเดินสำรวจเมืองต่อจนกระทั่งสโนว์ไปเจอร้านหนึ่งที่สะดุดตาของเธอไม่น้อย“อะไรกันเนี่ย เสื้อผ้าที่ปิดเฉพาะส่วนล่างและส่วนหน้าอกแบบนี้มันจะป้องกันอะไรได้กัน มันเป็นเสื้อผ้าที่คนที่นี่นิยมใส่กันเหรอ?” วินเตอร์วิจารณ์เสื้อผ้าที่อยู่บนหุ่นลองเสื้ออย่างตกใจ“เจ้าโง่ นั่นมันชุดชั้นในต่างหากล่ะ” สโนว์พูด ใช่แล้วร้านที่เธอสนใจมันก็คือร้านชุดชั้นในยังไงล่ะ! สโนว์ไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปในร้าน“เธอจะซื้อเหรอ” วินเตอร์ถาม“แน่นอน ชุดชั้นในมันใส่ไว้ข้างในเพราะงั้นมันไม่มีทางส่งผลต่อความล่าช้าตอนที่ฉันจะเปลี่ยนไปสวมเครื่องแบบทหารหรอก” เธอหันไปพูดกับฟรอสต์เพื่อบอกเป็นนัยว่าเธออยากจะซื้อมันมากกว่าหนึ่งตัว!เมื่อได้เข้าไปข้างในร้านชุดชั้นในหญิง มันก็ได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกครั้ง“ปกติชุดชั้นในมันเล็กอย่างนี้เหรอ? แล้วนี่คือเส้นอะไร” วินเตอร์สับสนอย่างมากกับกางเกงในขนาดที่เล็กกว่ามือและเส้นระโยงระยางที่น่าจะเป็นกางเกงในด้วยเหมือนกัน ดูขาดแคลนผ้ามาก ชั้นในของทหารยังมีผ้ามากกว่าเลย อย่างน้อยชุดชั้นในของสโนว์มันก็เป็นกางเกง
[42] [สามวันสองคืนที่ร้อนแรง]กลิ่นฟีโรโมนอันรุนแรงของคนสองคนที่ผสมผสานกันในห้องนอนแคบทำให้คนสองคนข้างในห้องมึนเมาด้วยอารมณ์ทางเพศมากยิ่งขึ้น พวกเขาจึงไม่สนใจที่จะคิดคำนวณสิ่งที่ต้องทำ แค่ปล่อยให้มันเป็นไปตามสัญชาตญาณเท่านั้นนั่นทำให้ขณะที่สโนว์และวินเตอร์กอดรัดกันและกันอย่างไร้สติสิ่งของรอบตัวของพวกเขาก็ได้รับความเสียหาย หมอนและผ้าห่มกระจัดกระจายอยู่บนพื้นตั้งแต่เริ่มต้น ฟูกที่นอนที่อ่อนนุ่มมากที่สุดในห้องมีร่องรอยการฉีกขาดมากมายจนไม่ควรนำกลับมาใช้ซ้ำอีกหลังจากนี้ โครงเตียงที่ทำมาจากเหล็กก็โค้งงอและมีร่องรอยเหมือนถูกนิ้วมือมนุษย์กำแน่นจนบิดเบี้ยว ตู้เล็กๆ ข้างเตียงถูกชนตั้งแต่ตอนไหนก็ไม่ทราบและไม่ได้อยู่ในตำแหน่งเดิมของมัน ผนังห้องที่ถูกสร้างขึ้นมาให้หนาเป็นพิเศษเพื่อปิดกั้นกลิ่นและเสียงก็มีร่องรอยความเสียหายหลายแห่ง บางรอยเหมือนรอยข่วนยาวของกรงเล็บสัตว์ป่า บางรอยเป็นหลุมเหมือนถูกชกอย่างแรงสิ่งของในห้องเสียหายเกือบทั้งหมด อย่างไรก็ตามราวกับว่าคนที่จัดเตรียมห้องจะรู้ว่าสิ่งนี้จะเกิดขึ้นสิ่งของในห้องจึงไม่ได้มีอะไรมากนัก หากพวกมันเสียหายมันก็ไม่เป็นปัญหามากนัก ซึ่งมันช่วยลดความเสียหา
[41] [มาใช้เวลารอบฮีทด้วยกันเถอะ!]สัญญาณเตือนรอบฮีทของวินเตอร์ปรากฏขึ้นในวันต่อมา สิ่งที่เขาได้รับก็คือห้องส่วนตัวหนึ่งห้องพร้อมกับยาระงับฮีทชนิดรุนแรงหนึ่งแผง หากวินเตอร์พักผ่อนและกินยาอย่างถูกต้องกลิ่นฟีโรโมนของเขาก็จะถูกระงับไว้และรอบฮีทของเขาก็จะสามารถสงบลงได้ภายในสองถึงสามวันซึ่งจะแตกต่างจากรอบฮีทครั้งก่อนที่เขาไม่ได้พักผ่อนหลังจากกินยาระงับ ฤทธิ์ยาจึงหมดอย่างรวดเร็วภายในไม่กี่ชั่วโมง และด้วยความกลัวว่าฟีโรโมนของตนจะไปดึงดูดปรสิตให้รู้ตัวก่อนที่แผนการช่วยเหลือสโนว์จะสำเร็จเขาจึงกินยาระงับฮีทเกินขนาดจนรอบฮีทถูกดึงให้ยาวนานขึ้นเป็นสัปดาห์นั่นเองแต่เพื่อช่วยสโนว์เขาจึงยังกินยาระงับอย่างต่อเนื่องจนกว่าอาการฮีทจะหายไป ซึ่งนั่นจึงทำให้ยาระงับที่เป็นส่วนของฟรอสต์หมดลงไปด้วยและกลายเป็นว่าฟรอสต์ต้องระงับอาการฮีทด้วยการระบายออกมาทางร่างกายแทนเรื่องนั้นได้ทำให้วินเตอร์อิจฉามากมันเป็นอารมณ์ที่วินเตอร์ไม่เคยสัมผัสมาก่อนแต่หลังจากนั้นมันทำให้เขารู้สึกชัดเจนกับสิ่งที่เขาต้องการจะทำวินเตอร์จึงนำแผงยาระงับฮีทที่เขาไม่ต้องการยัดเข้าไปใต้ฟูกที่นอนและทำเป็นลืมมันไป ยาแผงนี้น่าจะไม่ถูกนำออกมาอี
[40] [อาการก่อนฮีท]เดิมทีการที่มนุษย์ได้รับรู้ถึงการมีตัวตนอยู่ของราชาปรสิตมันเป็นความหวังที่จะทำให้พวกเขาเอาชนะเหล่าปรสิตได้ แต่เมื่อราชาปรสิตเรียนรู้ที่จะใช้เทคโนโลยีของมนุษย์เพื่อประกาศอำนาจของตัวเอง จากความหวังมันก็กลายเป็นความสิ้นหวังเผ่าพันธุ์มนุษย์ตกอยู่ในความวุ่นวายครั้งใหญ่อีกครั้ง ตอนนี้เผ่าพันธุ์มนุษย์จะต้องทำอะไรบางอย่างเพื่อโต้กลับและสร้างความหวังให้กับมนุษย์อีกครั้ง ด้วยเหตุนี้มนุษยชาติที่หลงเหลืออยู่ทั่วโลกจึงมีแผนการที่จะร่วมมือกันเพื่อต่อกรกับศัตรูของโลกรวบรวมผู้นำผู้รอดชีวิตทั่วโลก ผนวกกองกำลังเข้าด้วยกัน ส่งกองกำลังรบแนวหน้าออกไปรับมือกับเหล่าปรสิตที่บ้าคลั่ง ต่อต้านไม่ให้พวกมันกลืนกินพื้นที่ที่เหลืออยู่เพียงน้อยนิดของมนุษย์ไปมากกว่านี้ แน่นอนว่าในขณะเดียวกันกองกำลังลับก็ถูกส่งออกไปเพื่อตามหาอุกกาบาตต้นกำเนิดของพวกปรสิตเพื่อที่เหล่ามนุษย์จะได้เปิดสงครามสุดท้ายกับราชาปรสิตอย่างเต็มตัวอย่างไรก็ตามปฏิบัติการทั้งหมดนั้นไม่ได้เกี่ยวข้องกับทหารหน่วยพลีชีพเลย พวกเขามีภารกิจสำคัญอย่างอื่นในอนาคตข้างหน้า คำสั่งที่ทหารหน่วยพลีชีพได้รับในตอนนี้ก็คือคำสั่งรวมหน่วยและรอรับคำ
[39] ประกาศตัวตนของราชาเหล่ามนุษยชาติผู้รอดชีวิตทั่วโลกได้รับข่าวใหม่ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในรอบหลายสิบปี นั่นคือข่าวการปรากฏตัวของราชาปรสิตที่พวกเขาไม่รู้ว่ามีตัวตนอยู่มาก่อน นั่นอาจจะเป็นข่าวดีก็ได้และเป็นข่าวร้ายในเวลาเดียวกัน แต่ไม่ว่าจะเป็นข่าวดีหรือข่าวร้ายการปรากฏตัวของราชาปรสิตก็ได้ทำให้เหล่ามนุษยชาติที่อยู่แยกและตัดขาดออกจากกันเพราะสถานที่หลบภัยอย่างโดมเริ่มกลับมาเชื่อมต่อกันอีกครั้งเพื่อต่อสู้กับราชาปรสิต พวกเขาจึงได้คาดการกันว่าสงครามครั้งสุดท้ายระหว่างมนุษยชาติและปรสิตต่างดาวอาจจะใกล้สิ้นสุดลงแล้วก็ได้จะชนะหรือแพ้ก็ต้องรอตัดสินในสงครามครั้งสุดท้ายนี้แล้วอย่างไรก็ตามก่อนสงครามครั้งสุดท้ายจะเริ่มต้นขึ้นมนุษยชาติก็ต้องเตรียมตัวอีกมากเพราะหลังการล่มสลายของหลายประเทศและผู้คนต่างก็อาศัยอยู่ในโดมแบบกระจัดกระจายการที่จะร่วมมือกันในการต่อสู้ครั้งใหญ่จำเป็นจะต้องเตรียมตัวหลายขั้นตอนอย่างไรก็ตามการเตรียมการเหล่านั้นไม่เกี่ยวข้องกับพลทหารหน่วยพลีชีพ สิ่งที่พวกเขาต้องทำคือรอรับภารกิจที่แสนสำคัญและยิ่งใหญ่เท่านั้น ระหว่างนั้นก็ทำได้แต่พักผ่อนและฝึกฝนร่างกายให้พร้อมรบ“สโนว์! สโนว์! ชื่อเ
[38] [จ้องรอจังหวะ]เคียร่าเคยได้ยินคนโบราณกล่าวไว้ว่าแมวคิดจะยึดครองโลกและมันอาจจะเป็นความจริงก็ได้เพราะเขาถูกแมวที่ตัวเองเลี้ยงแย่งทุกอย่างไป!เซบาสเตียนที่เขาเชื่อว่าเป็นพ่อบ้านที่ภักดีต่อเขามากที่สุดตอนนี้กลับก้มหัวรับใช้แมวขาวตัวนั้นที่เปิดเผยตัวออกมาว่าคือราชาปรสิต จากที่รู้สึกว่ามันน่ารักจนรับมาเลี้ยงดูอย่างดี ตอนนี้แค่นึกถึงหน้ามันก็รู้สึกหมั่นไส้แล้วและยิ่งได้ยินเรื่องเกี่ยวกับมันก็นึกเกลียดชังมาก เคียร่ามานึกเสียใจทีหลังเสียแล้วที่รับมันมาเลี้ยง แต่ไม่รู้ว่าเพราะเขามีบุญคุณที่รับมันมาเลี้ยงรึเปล่ามันถึงยังไว้ชีวิตของเขาอยู่ใช่แล้ว หลังจากที่วินเตอร์และฟรอสต์หนีไปโดยไม่ได้พาเคียร่าไปด้วย เคียร่าก็ไม่ได้ถูกฆ่าแต่อย่างใด เขายังมีชีวิตอยู่ในฐานทัพขององค์กรไกด์ ซึ่งเป็นองค์กรที่ทรยศมนุษยชาติและร่วมมือกับปรสิต แต่ถึงจะมีชีวิตอยู่การใช้ชีวิตของเขาก็ได้เปลี่ยนไปทั้งหมด จากเจ้าชายที่ใช้ชีวิตอย่างหรูหราตามใจ เขาถูกยึดทุกอย่างไปและต้องอาศัยอยู่ในห้องเล็กๆ และสกปรกและมีอาหารเพียงเล็กน้อยเท่านั้นและไม่อร่อยเลยสักนิด อย่างไรก็ตามพวกนั้นไม่ได้ตั้งใจที่จะขังเคียร่าไว้ในห้อง เคียร่าสามารถออ
[37] [โอเมก้าน่ะ XXX จัดนะ]ยิ่งสโนว์สูดดมกลิ่นฟีโรโมนป่าสนฤดูหนาวของฟรอสต์มากเท่าไหร่ร่างกายของเธอก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองมากขึ้นเท่านั้น ร่างกายของเธอเริ่มรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่กำลังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ดูเหมือนว่าความหนาวเย็นภายในถ้ำน้ำแข็งจะไม่ช่วยคลายความร้อนให้เธอได้เลย ทว่าคนที่รู้สึกร้อนมากที่สุดไม่ใช่เธอ แต่เป็นฟรอสต์ที่กำลังฮีทต่างหากล่ะตอนนี้สโนว์และฟรอสต์ได้เข้ามาอยู่ในส่วนที่ลึกมากที่สุดของถ้ำเพื่อไม่ให้กลิ่นฟีโรโมนเล็ดลอดออกไปข้างนอกและที่สำคัญคือความเป็นส่วนตัวฟรอสต์ได้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาอย่างไม่กลัวความหนาวเพราะตอนนี้ร่างกายของเขาร้อนมากจนแทบจะสามารถละลายน้ำแข็งได้แล้ว เมื่อถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดและเขาก็คิดจะฉีกเสื้อผ้าของสโนว์ทิ้งด้วย“เดี๋ยว ฉันจำเป็นต้องถอดด้วยเหรอ” สโนว์ที่คิดเพียงว่าจะใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอเพื่อบรรเทาอาการของเขาเท่านั้นได้เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“เธอจะช่วยฉันใช่ไหม?” ฟรอสต์ถามขณะที่จังหวะลมหายใจของเขาเริ่มถี่มากขึ้น สโนว์สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนระอุของฟรอสต์ที่พัดผ่านบนผิวของเธอได้อย่างชัดเจนและดวงตาสีน้ำเงินของเขาที่จ้องมองมายังเ
[36] [รวมตัวกันอีกครั้ง]ฟรอสต์ได้พาสโนว์ผ่านประตูมิติมายังถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง มันน่าจะเป็นถ้ำสักแห่งที่มีอยู่ในเขตภูเขาหิมะที่กว้างใหญ่นั่นแหละเพราะระยะทางการข้ามผ่านมิติของฟรอสต์ไม่ได้กว้างใหญ่มากนักและดูเหมือนว่ามันจะกินพลังค่อนข้างมาก ฟรอสต์ที่สีหน้าเหนื่อยอ่อนอย่างชัดเจนแต่เขาก็ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่กำลังโอบอุ้มสโนว์อยู่เขาเอาเตาผิงพกพาขนาดเล็กออกมาจากมิติและจุดไฟจากนั้นก็นั่งลงข้างๆ โดยที่ให้สโนว์นั่งพิงอยู่บนตัก จากนั้นเขาก็เริ่มทำลายกำไลที่เป็นเครื่องควบคุมบนข้อมือและข้อเท้าและคอของเธอออก เขาเอามันออกด้วยการทำให้มันหายไปด้วยพลังมิติของเขา สโนว์จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ฟรอสต์ถามเพราะยังเห็นว่าเธอยังดูอ่อนแรงผิดปกติ เขาจับสำรวจไปทั่วร่างกายของเธอ“ไม่…แค่ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์” สโนว์นั่งหลับตาและไม่พูดอะไรอีกฟรอสต์หรี่ตามองคนบนตักอย่างเงียบเชียบ เสื้อตัวบางที่สโนว์สวมอยู่ไม่สามารถปกปิดร่องรอยเบาบางบนร่างกายของเธอได้ เพียงแค่คิดว่าไอ้นั่นสัมผัสเธออย่างไรก่อนที่เขาจะไปถึงมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับมีไฟสุมอยู่ในอก เขาคว้าผ้าห่มออกมาจากมิติและคลุมร่างกายของเธอก่อนจ
[35] [ภารกิจสำเร็จ]เสียงดังรอบตัวทำให้สโนว์ต้องตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือแท็งก์น้ำมากมายแต่ในนั้นไม่มีปรสิตอยู่อีกแล้ว“ตื่นแล้วเหรอครับ?” อีธานพูดขึ้นมา นั่นทำให้เธอรู้ตัวว่าเขากำลังกอดเธอจากด้านหลังโดยที่เธอนั่งพิงอยู่บนตักของเขาเมื่อเธอรู้ตัวเธอก็พยายามลุกหนี แต่เธอก็พบว่าแขนขาของเธอถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนาจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นจนอีธานเลือกที่จะล็อกแขนขาเธอไว้และพาเธอมาที่โกดังเก็บปรสิตแบบนี้ อีกอย่างแท็งก์น้ำทั้งหมดไม่ปรสิตเหลืออยู่สักตัว พวกมันถูกปลุกขึ้นมาแล้ว เธอเห็นปรสิตจำนวนไม่มากยืนประจำการอยู่โดยรอบราวกับกำลังเฝ้ายามอยู่ เธอจำได้ว่ามันมีปรสิตมากกว่านี้ นั่นหมายความว่าปรสิตที่เหลือถูกปล่อยออกมาเพื่อไปต่อสู้กับใครบางคนสโนว์คาดหวังบางสิ่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“เป็นพวกเขางั้นเหรอ?” สโนว์พึมพำถาม“ไม่ว่าจะเป็นใครผมก็ไม่คิดจะปล่อยคุณไปหรอกครับ” อีธานที่กกกอดเธอไม่ยอมปล่อยเอ่ยสโนว์รับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่คลอเคลียอยู่แถวลำคอไม่ห่าง แต่ก็ทำได้แค่เอียงหัวหลบเพราะเหมือนกับว่าเขาจะทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเธอก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมา
[34] [มาถึงแล้ว]อีธานเคร่งครัดเรื่องเวลามาก เมื่อถึงเวลาพักผ่อนเขาก็จะไม่เข้ามารบกวนสโนว์เลยจนกว่าจะถึงกำหนดการของแผนต่อไป และนั่นทำให้สโนว์รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อประตูห้องขังเปิดออกในขณะที่เธอกำลังหลับ สโนว์ที่รู้ตัวตื่นตั้งแต่ที่ประตูถูกปลดล็อกอยู่ในสภาพพร้อมรบทันทีสโนว์หรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาในห้องอย่างกะทันหัน“เตรียมการทดลองขั้นต่อไป” “นาย…ไม่ใช่อีธานที่ฉันรู้จักสินะ?” ไม่มีคำตอบของคำถาม เธอถูกพาตัวไปที่ห้องทดลองและถูกล็อกติดอยู่กับเก้าอี้ สโนว์มองแขนที่ถูกล็อกจนขยับไม่ได้และเงยหน้ามองไปรอบตัวอีธานงอกได้….รอบตัวเธอตอนนี้มีอีธานถึงห้าคนกำลังเตรียมการทดลองตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมาย พวกเขาเดินสวนกันไปมาจนสโนว์ไม่สนใจที่จะแยกแยะแล้วว่าอีธานคนไหนเป็นคนไหน ตอนนี้เธอต้องสนใจแค่ว่าการทดลองนี้จะทำให้เธอรอดชีวิตไปได้หรือไม่ปรสิตเวร! เข็มยักษ์นั่นเอาไว้ใช้จิ้มแขนคนจริงเหรอ!?“นายแน่ใจเหรอว่ากะปริมาณถูกต้องแล้ว?” สโนว์ถามขณะที่อีธานร่างโคลนคนไหนก็ไม่ทราบกำลังใช้เข็มยักษ์ฉีดสารบางอย่างเข้ามาในร่างกายของเธอ“ไม่ผิดพลาด” อีธานร่างโคลนเอ่ยตอบเสียงเรียบหลังจากนั้นสโ