แชร์

[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน] 

last update ปรับปรุงล่าสุด: 2024-11-15 07:10:08

[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน] 

ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือน ซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้

หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้ว

พวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…

“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินทางทั้งสามวันก่อนหน้านี้มันสูญเปล่าทั้งหมด

“สำรวจหาร่องรอยกันก่อน อย่างน้อยเราอาจจะเจออะไรบางอย่างที่น่าจะช่วยบอกเราว่าควรไปทางไหนดี” พวกเขาตกลงกันแบบนั้นและแยกย้ายกันสำรวจโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอุโมงค์แยกออกเป็นหลายทาง แม้แต่เพดานโพรงถ้ำก็ยังมีทางแยกด้วยซ้ำ พวกเขาคงต้องเสียเวลาสำรวจกันสักพัก

สโนว์เคยคิดว่าพวกปรสิตเหมือนปลวกเพราะพวกมันสร้างรังได้สูงใหญ่และอลังการงานสร้างมาก แต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันเหมือนมดมากกว่า พวกมันจะสร้างเส้นทางมากมายไว้ใต้ดินลึกขนาดนี้ทำเพื่ออะไรกัน!

เธอเริ่มบ่นในใจอย่างหัวเสียขณะที่ส่องไฟฉายไปทั่วเพื่อตามหาร่องรอยของพวกปรสิต แต่สิ่งที่เธอพบไม่ใช่แค่ร่องรอย มันคือ….สิ่งมีชีวิต?

สโนว์กะพริบตาสองครั้งจากนั้นก็พยายามเพ่งมองสิ่งที่เธอบังเอิญส่องไฟฉายไปเจอ มันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเพราะเธอเห็นมันกะพริบตาได้ แวบแรกที่เจอมันเธอคิดว่ามันคือปรสิต แต่รูปร่างของมันไม่เหมือนพวกปรสิตที่เธอเคยเจอเลยเพราะมันมีขนาดเล็กเท่าลูกเทนนิส มีขนปุยสีขาวและเขาม้วนเหมือนแกะและมีปีกด้วย

มัน…น่ารักเกินกว่าจะเป็นพวกเดียวกับปรสิตพวกนั้น

“ทุกคน ฉันเจอบางอย่าง” สโนว์ส่งเสียงเรียกคนอื่นๆ และทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นก็กระพือปีกบินเข้าไปอุโมงค์ สโนว์รีบวิ่งตามไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง เธอคิดว่าแค่ต้องวิ่งตามไป 

“เดี๋ยวสโนว์!” พวกวินเตอร์ต้องวิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะสโนว์วิ่งตามสิ่งมีชีวิตปริศนาอย่างไม่ลดล่ะ

เพื่อตามเจ้าตัวนุ่มนิ่มนั่นให้ทันสโนว์วิ่งเต็มฝีเท้าของเธอ แต่น่าแปลกที่เธอตามมันไม่ทัน มันบินเร็วขนาดไหนกัน? แต่สโนว์ก็ไม่ยอมแพ้และวิ่งตามมันต่อไปอีกหลายกิโลจนกระทั่งเธอเห็นทางแยกอื่นและมันไม่ใช่แค่ทางแยกร้างเหมือนก่อนนี้ มันมีร่องรอยสดใหม่ของพวกปรสิตด้วย

สโนว์และคนอื่นๆ หยุดวิ่งทันทีที่เห็นร่องรอยพวกนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถูกทางเพราะข้างหน้านี้ต้องมีพวกปรสิตอาศัยอยู่แน่นอน!

“ถอยไปตั้งหลักก่อนหรือจะเข้าสำรวจก่อน” วินเตอร์ถามความเห็นทุกคน

“ถอยไปเตรียมตัว” ฟรอสต์เอ่ย ทุกคนในทีมก็เห็นด้วยเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งวิ่งกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อความไม่ประหม่าพวกเขาควรไปพักเอาแรงก่อนและต้องไปเตรียมอาวุธให้พร้อมสำหรับออกรบเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าไปสำรวจได้โดยไม่เกิดการปะทะ

แต่ทางที่ดีพวกเขาควรสำรวจให้เงียบที่สุดเพราะพวกเขามีอยู่กันแค่เจ็ดคน จำนวนแค่นี้ไม่มีทางเอาชนะพวกปรสิตที่มาเป็นฝูงได้ พวกเขาจึงต้องพยายามซ่อนตัวตนของตัวเองจากพวกปรสิตให้ได้มากที่สุด ไม่เพียงต้องเคลื่อนไหวให้เงียบเชียบ พวกเขาจะต้องฉีดสเปรย์พิเศษด้วย มันเป็นสเปรย์ที่สามารถกลบกลิ่นอายของมนุษย์ไม่ให้พวกปรสิตได้กลิ่นได้

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเขาก็เริ่มออกสำรวจ พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่มีร่องรอยของปรสิตมากที่สุดเพราะเชื่อว่าเป็นทางที่จะพาพวกเขาไปพบกับพวกปรสิตแต่ระหว่างทางพวกเขาไม่พบศัตรูเลย พวกเขาพบเพียงว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้อุโมงค์ก็ยิ่งสว่างขึ้นเพราะแสงบางอย่างที่ส่องสว่างมาจากปลายทางของอุโมงค์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่แสงจากดวงอาทิตย์เพราะมันเป็นแสงสีม่วงสลัวๆ

แสงสีม่วงสว่างมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นปลายทางข้างหน้า ฟรอสต์ส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดและเขาก็เดินเข้าไปสำรวจก่อน ที่ปลายอุโมงค์ฟรอสต์พบว่าทางข้างหน้ามันเป็นหลุมขนาดใหญ่และลึกมาก ข้างบนเองก็เหมือนกัน แต่ต้นกำเนิดแสงสีม่วงมาจากหลุมด้านล่าง ฟรอสต์จึงพยายามเพ่งตามองลงไปในหลุมเพื่อดูว่าข้างล่างนั่นมีอะไร แต่เขาเห็นแค่การเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตเพราะแสงสีม่วงที่ส่องมาจากด้านล่างมันสว่างมาก เขาส่งสัญญาณมือเรียกทุกคน

“เราต้องลงไปสำรวจด้านล่าง” ฟรอสต์พูด

พวกเขารู้ว่าการลงไปสำรวจข้างล่างอันตรายมากเพราะพวกเขาสามารถเห็นการเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตข้างล่างนั้นได้ พวกเขาตัดสินใจแบ่งกลุ่มกันเพราะถ้าลงไปหมดทุกคนและเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นพวกเขาอาจจะไม่รอดกันหมดทุกคนก็ได้ สโนว์และวินเตอร์จึงลงไปสำรวจกันแค่สองคนเพราะยิ่งคนน้อยก็ยิ่งง่ายแก่การซ่อนตัวหรือหลบหนี

เมื่อวางแผนและตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว สโนว์และวินเตอร์ก็ใช้อุปกรณ์ปีนผาของทหารปีนลงไปด้านล่างทันที ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียวแต่คล่องแคล่วว่องไว เมื่อพวกเธอลงมาจนมองเห็นพวกปรสิตที่เดินกันยั่วเยี้ยเต็มพื้นแล้วพวกเธอก็ลดความเร็วลงและเงียบเชียบกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็มองหาร่องบนผนังที่พวกปรสิตสร้างไม่ดีเป็นที่หลบซ่อนสายตาของพวกปรสิตด้วย

ทั้งสองทำเช่นนี้เพื่อหลบซ่อนตัวตนจากพวกปรสิตมาตลอดจนกระทั่งทั้งสองคนก็สามารถลงมาถึงปลายทางของอุโมงค์ยักษ์ได้สำเร็จ แต่พอมองลงไปพวกสโนว์ก็เห็นแค่ฝูงปรสิตเดินกันยั้วเยี้ย ไม่เห็นอย่างอื่นที่น่าจะเป็นประโยชน์ แต่เห็นเพียงแค่นี้ทั้งสองก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าที่นี่มีปรสิตมากแค่ไหน 

สโนว์และวินเตอร์จึงตัดสินใจเสี่ยงโหนตัวออกไปจากอุโมงค์เพื่อดูว่ามันมีอะไรข้างล่าง และเมื่อพวกเขาได้โหนตัวลงไปได้เล็กน้อยพอได้เห็นสิ่งรอบข้าง วินเตอร์และสโนว์ก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอตกตะลึงอย่างมาก

มันคือโพรง…ไม่สิ มันใหญ่กว่านั้น มันกว้างใหญ่มากกว่าหลุมซึ่งเป็นทางที่พวกเขาใช้เข้ามาเสียอีก!

มันคือถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์นี้เต็มไปด้วยพวกปรสิตหลายหมื่นแสนหรืออาจจะล้านตัวและพวกสโนว์ก็ได้พบด้วยว่าอุโมงค์ที่พวกเธอใช่ไต่ลงมาไม่ได้มีแค่อันเดียว นั่นหมายความว่ามันมีช่องทางอื่นที่จะลงมาที่นี่อีกมาก

“นั่น” สโนว์เหลือบไปเห็นบางอย่าง เธออ้าปากกระซิบไร้เสียงเรียกวินเตอร์และชี้ให้เขาหันไปมอง

พวกเขาได้พบกับต้นกำเนิดแสงสีม่วงมันเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่สามารถเรืองแสงได้แต่พวกสโนว์ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาตั้งแต่จำความได้รู้ดีว่ามันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา มันเป็นอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกและได้สร้างหายนะให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน!

พวกเขาประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่ามันอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาประหลาดใจกับพฤติกรรมของพวกปรสิตมากกว่า พวกมันยืนนิ่งล้อมอุกกาบาตอย่างเป็นระเบียบและมีท่าทางราวกับว่ากำลังอาบแสงสีม่วงจากอุกกาบาต พฤติกรรมของพวกมันดูน่าสงสัยมาก

สโนว์ยกกล้องออกมาถ่ายภาพและวิดีโออย่างเงียบเชียบเพื่อเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นรอบอุกกาบาตสีม่วงนั้น

เพื่อสังเกตดูพฤติกรรมของพวกมัน วินเตอร์และสโนว์จึงโหนตัวอยู่เหนือหัวของพวกปรสิตสักพักใหญ่จนกระทั่งพวกเขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจจากพวกปรสิตที่กำลังยืนรายล้อมอุกกาบาตอยู่ พวกปรสิตที่แขนขาไม่สมประกอบงอกแขนขาใหม่และดูแข็งแกร่งมากขึ้น พวกมันพัฒนาอย่างก้าวกระโดดต่อหน้าต่อตาพวกเขา

สโนว์และวินเตอร์ปะทะกับพวกปรสิตในสนามรบมาหลายสิบปีแต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกปรสิตสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ขนาดที่สามารถงอกร่างกายส่วนที่เสียหายได้

แสงสีม่วงจากอุกกาบาตนั่นพิเศษกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก

“วินเตอร์ เราต้องเก็บตัวอย่าง” พวกเขาจะไม่เข้ามาเสียเที่ยวเด็ดขาด พวกเขาจะต้องเก็บหลักฐานกลับไปตรวจสอบด้วยเพราะนั่นอาจจะเป็นกุญแจไขความลับของพวกปรสิตและทำให้มนุษยชาติได้รับชัยชนะในที่สุด

แต่การที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้อุกกาบาตโดยที่ไม่ให้พวกปรสิตที่ยืนล้อมอุกกาบาตอยู่ไม่รู้ตัวเสียก่อนมันเป็นเรื่องที่ยากมาก มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะถูกค้นพบและถูกกำจัดโดยฝูงปรสิตก่อนที่จะได้เข้าใกล้อุกกาบาตด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีทางเลย

พลังพิเศษของวินเตอร์คือโล่สีใส แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโล่มันมีความสามารถล่องหนได้ มันไม่เพียงปกป้องผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากการโจมตี มันยังสามารถพรางตาผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากศัตรูได้ด้วย หากว่าวินเตอร์ใช้โล่ห่อหุ้มตัวเองไว้เขาก็จะสามารถล่องหนได้และสามารถเข้าไปใกล้อุกกาบาตได้โดยไม่ต้องปะทะกับฝูงปรสิต 

ด้วยเหตุนี้หน้าที่ลงไปเก็บตัวอย่างอุกกาบาตจะต้องเป็นหน้าที่ของวินเตอร์อย่างแน่นอน ซึ่งในขณะที่วินเตอร์ต้องโหนตัวลงไปอยู่กลางฝูงปรสิตเพื่อเข้าไปเอาตัวอย่างอุกกาบาต สโนว์ก็คอยสนับสนุนอยู่ข้างบน สโนว์จะคอยสังเกตการณ์จากด้านบนและบอกเส้นทางเข้าใกล้อุกกาบาตกับวินเตอร์ แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นสโนว์ก็พร้อมจะใช้พลังพิเศษของตัวเองช่วยเหลือวินเตอร์ เนื่องจากว่าพลังควบคุมน้ำของเธอสามารถโจมตีระยะไกลได้ พลังของเธอจึงเหมาะที่จะสนับสนุนจากข้างบนมากที่สุด แต่สโนว์หวังว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อย่างนั้นขึ้นมา

 

บทที่เกี่ยวข้อง

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [5] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]

    [5] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน]สถานการณ์น่าลุ้นระทึกผ่านไปอย่างรวดเร็วแต่ให้ความรู้สึกยาวนาน กว่าวินเตอร์จะเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้สโนว์ที่รอลุ้นอยู่บนเพดานก็เผลอกลั้นหายใจไปนานหลายนาทีด้วยความโชคดีและความสามารถของวินเตอร์ ในที่สุดเขาก็สามารถเอาตัวอย่างอุกกาบาตมาได้และสามารถแอบหลบกลับมาได้โดยไม่ถูกจับได้เสียก่อน อันที่จริงครั้งนี้ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่พวกเขาต้องแอบลอบเข้าไปในใจกลางฝูงปรสิตเพราะภารกิจหลักของพวกเขาก็คือลอบเข้าไปวางระเบิดในรังของพวกปรสิต เพราะงั้นภารกิจพลีชีพแบบนี้พวกเขาทำมาหลายรอบจนชำนาญแล้วล่ะ แต่การเอาระเบิดไปวางกับการเข้าไปเก็บตัวอย่างสำคัญมันไม่เหมือนกัน ภารกิจอันแรกจะตายก็ช่างขอแค่วางระเบิดสำเร็จภารกิจก็สำเร็จ แต่อันที่สองถ้าหากกลับมาไม่ได้ตัวอย่างสำคัญที่แอบเก็บมาก็จะสูญเปล่าภารกิจก็จะไม่สำเร็จ ระดับความเครียดจึงต่างกันเล็กน้อย ซึ่งพอได้รับข้อมูลที่ต้องการมาทั้งหมดแล้วสโนว์และวินเตอร์ก็รีบวิ่งกลับมาหาฟรอสต์และคนอื่น ๆ ทันทีราวกับกลัวว่าพวกปรสิตจะวิ่งตามหลังมา และเมื่อกลับไปถึงที่ซ่อนตัวสโนว์และวินเตอร์ก็รู้สึกราวกับว่าได้อากาศหายกลับมาเลยทีเดียว“ในนั้นแออัดชะมัด แทบไม่มีอ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-16
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [6] [เพศรอง] 

    [6] [เพศรอง]“อย่าโง่น่าฟรอสต์” สโนว์บ่นเมื่อเห็นเขามาปรากฏตัวข้างกายพวกเธอทั้งที่เขาควรจะวิ่งหนีไปไกลแล้ว“พวกนายมันงี่เง่า” ฟรอสต์กล่าวขณะหยิบปืนขึ้นมายิงสกัดปรสิตที่พยายามตามเข้ามาโจมตีพวกเขา เนื่องจากว่าอุโมงค์มันไม่ใหญ่มากนักและพวกปรสิตส่วนมากก็ตัวใหญ่ มันจึงง่ายต่อการยิงสกัดไม่ให้พวกปรสิตเข้ามาใกล้และง่ายต่อการกำจัดพวกมันด้วยแต่ถึงจะทำอย่างนี้ต่อไปพวกปรสิตก็ไม่มีวันหมดอยู่ดีเพราะพวกมันมีจำนวนมากกว่าล้านและพวกเขาก็มีอาวุธและพลังจำกัดด้วย อีกอย่างในตอนนี้สโนว์และวินเตอร์เหมือนจะมีอาการฮีทเพราะเพศรองปรากฏเร็วกว่าที่คาดการไว้ อีกไม่นานพวกเขาทั้งสองอาจเสียสติเพราะถูกสัญชาตญาณของเพศรองกลืนกิน“ตอนนี้ล่ะ!” วินเตอร์ตะโกนให้สัญญาณจากนั้นพวกเขาก็วิ่งหนีไปยังอีกเส้นทางที่ไม่รู้ว่าข้างหน้าจะมีอะไรรออยู่ มันอาจจะเป็นทางออกหรือไม่ก็อาจจะทางตันหรือที่เลวร้ายกว่านั้นมันอาจเป็นทางกลับไปที่รังของพวกปรสิต แต่ไม่ว่าทางข้างหน้าจะเป็นอะไรพวกเขาก็ต

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-17
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก    [7] [ทางออก]

    [7] [ทางออก]ขณะที่ปล่อยให้วินเตอร์คลอเคลียและใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอในการช่วยตัวเอง สโนว์ก็พยายามทำใจให้สงบเพื่อไม่ให้กลิ่นโอเมก้าของวินเตอร์มาควบคุม ส่วนฟรอสต์นั้นก็ไม่ได้ปล่อยให้เวลาผ่านไปโดยเสียเปล่า เขาพยายามขุดเจาะกำแพงดินที่ถล่มลงเพื่อหาเส้นทางไปต่อผ่านไปครึ่งชั่วโมงในที่สุดสโนว์ก็หลุดพ้นจากสถานการณ์น่าอึดอัดใจและร่างกาย ส่วนวินเตอร์ก็ดูหน้าตาแจ่มใสขึ้นมาเล็กน้อยหลังจากที่ได้ปลดปล่อยไปครั้งหนึ่ง ตอนนี้อาการฮีทของวินเตอร์น่าจะอยู่ในการควบคุมอย่างสงบไปได้อีกสักพักและก่อนอาการฮีทจะพลุ่งพล่านขึ้นมาอยู่เหนือการควบคุมอีกพวกเขาควรเร่งรีบออกจากที่นี่ สโนว์และวินเตอร์จึงไปช่วยฟรอสต์ขุดดินที่ได้ถล่มลงมากลบฝังทางหนีของพวกเขาไว้ใช้เวลาไม่นานพวกเขาก็ขุดทะลุผนังดินจนทะลุไปถึงเส้นทางอุโมงค์อีกด้านที่ไม่ได้รับผลกระทบกับระเบิดทางจึงปิดโล่งและไม่มีปรสิตสักตัวเพราะพวกมันทั้งหมดถูกดินถล่มลงมาทับตายที่อุโมงค์อีกด้านแล้ว“มีแค่ทางเดียวแล้วที่เราไปได้…แถมยังเป็นทางที่ไม่รู้จุดหมายอีก” สโนว์หันไปมองทางตันข้างหลังที่มีเส้นทางที่สามารถพาพวกเขาออกไปข้างนอกได้ก่อนจะหันกลับมามองทางข้างหน้าที่ไม่รู้ว่าจะมีท

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-19
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [8] [สิ่งมีชีวิตประหลาด]

    [8] [สิ่งมีชีวิตประหลาด]พวกเขาไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่ารังของพวกปรสิตมันมีทางเชื่อมต่อกัน!“วิ่งเร็วกว่านี้ไม่ได้รึไง! พวกข้างหลังจะตามมาทันแล้ว!” สโนว์ตะโกนขณะเดียวกันก็ยิงกระสุนน้ำใส่ฝูงปรสิตที่วิ่งตามมาจากข้างหลัง“ข้างหน้ามีพวกมันเต็มเลยนะ!” วินเตอร์ตะโกนประท้วง “อีกอย่างฉันแบกพวกเธอทั้งสองคนอยู่นะ!” เขาตะโกนประท้วงอีกประโยคเนื่องจากว่าวินเตอร์วิ่งเร็วและแข็งแรงมาก เมื่อถึงยามหนีเขาสามารถวิ่งทิ้งห่างสโนว์และฟรอสต์ได้เป็นกิโลเมตร เพื่อไม่ให้เกิดเหตุการณ์วิ่งหนีทิ้งเพื่อนไว้ข้างหลังวินเตอร์ก็เลยต้องแบกเพื่อนทั้งสองคนขึ้นบ่าและวิ่งหนี สโนว์และฟรอสต์จึงรับหน้าที่กำจัดฝูงปรสิตที่เข้ามาขวางทางแต่พวกเขาคงทำแบบนี้ไปได้อีกไม่นานมากนักเพราะตราบใดที่ยังไม่เจอทางออกพวกเขาก็จะถูกฝูงปรสิตรุมล้อมจนไร้ทางหนีและถูกรุมทึ้งจนไม่เหลือแม้แต่กระดูกให้ใครมาเก็บ“ไปทางไหนดี!” วินเตอร์ตะโกนถามความเห็น“เลือกสักทางสิ!” ฟรอสต์ตอบขณะนำปืนกระบอกใหม่ที่มีกระสุนเต็มกระบอกออกมาและโยนปืนที่หมดกระสุนแล้วกลับเข้าไปในมิติ ทุกขั้นตอนนั้นไม่มีการขาดช่วงแม้แต่น้อย“งั้นทางนั้น!” วินเตอร์วิ่งไปยังทางที่ตัวเองเลือกทันทีแม

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [9] [ต้นกำเนิดของปรสิต]

    [9] [ต้นกำเนิดของปรสิต]บ้านของเคนเหนือความคาดหมายของทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนมาก ไม่ใช่เพราะมันเป็นถ้ำใต้ดินขนาดใหญ่ที่มีพืชมากมายเติบโตจนเขียวชอุ่มเนื่องจากได้รับแสงอย่างเพียงพอจากรูโหว่บนเพดานและได้รับน้ำอย่างต่อเนื่องจากน้ำตกใต้ดิน ทั้งหมดนั้นดูเหนือความคาดหมายก็จริง แต่สิ่งที่เหนือความหมายกว่านั้นเป็นสิ่งมีชีวิตจำนวนมากที่อาศัยอยู่ที่นั่น“นี่มันรังแกะรึไงกัน”ในโลกที่มีปรสิตครองร่างของสิ่งมีชีวิตทุกประเภทบนโลก การที่จะได้เห็นสัตว์ธรรมดาตามธรรมชาตินอกเหนือจากสัตว์ที่มนุษย์เลี้ยงไว้กินมันหาได้ยากมากเพราะส่วนมากสัตว์พวกนั้นจะถูกปรสิตยึดครองร่างจนหมดเสียก่อนด้วยเหตุนั้นพวกเขาทั้งสามคนจึงตกใจและแปลกใจมากเมื่อเห็นฝูงแกะสีขาวธรรมดาเต็มถ้ำไปหมด“พวกนี้คือเพื่อนของนายเหรอ?” วินเตอร์ถามหน้าซื่อ“หา? ฉันเนี่ยนะจะเป็นเพื่อนกับพวกสิ่งมีชีวิตไร้สมองพวกนี้น่ะ? นายโง่รึไงถึงได้เอาฉันไปเทียบกับสัตว์พวกนั้นน่ะ!” ใบหน้าน่ารักราวกับแกะน่ารักของเคนเปลี่ยนเป็นโกรธเกรี้ยวทันทีวินเตอร์กะพริบตาปริบๆ หน้าตาซื่อบื้อของเขาแสดงความสับสน เขาพูดอะไรผิดทำไมถึงโกรธขนาดนั้น? เคนก็เป็นแกะเหมือนกันไม่ใช่เหรอ? วิน

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-21
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [10] [บ่อน้ำพุร้อน]

    [10] [บ่อน้ำพุร้อน]ฟรอสต์ได้ติดต่อกลับไปยังกองทัพทหารที่สังกัดอยู่เพื่อรายงานตัวแล้วและหลังจากนั้นเขาก็ได้รับคำสั่งจากผู้บัญชาการให้รอรับภารกิจต่อไปอยู่ที่ฐานทัพที่ใกล้ที่สุด พวกเขาจึงเดินทางไปยังฐานทัพทหารรหัส 056 ซึ่งเป็นฐานทัพที่ใกล้ที่สุดในตอนนี้เมื่อทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามคนเดินทางไปถึงฐานทัพทหารรหัส 056 สิ่งแรกที่พวกเขาต้องทำก็คือการตรวจร่างกาย ทั้งตรวจเพื่อยืนยันว่าร่างกายไม่มีปรสิตแฝงตัวอยู่ ตรวจเพื่อดูแลสุขภาพร่างกายให้อยู่ในสภาพสมบูรณ์ที่สุด และตรวจเพื่อยืนยันเพศรองด้วยแน่นอนว่าผลการตรวจเพศรองของวินเตอร์และของสโนว์ปรากฏออกมาอย่างที่คาดไว้“โอเมก้า มีกำกับไว้ด้วยนะว่าพัฒนาสมบูรณ์มาก” วินเตอร์อ่านผลการตรวจในแท็บเล็ต“อัลฟ่า” ผลการตรวจไม่ต่างจากที่คาดไว้ สโนว์จึงไม่ได้สนใจและหันไปสนใจผลการตรวจของฟรอสต์ที่เธอยังไม่รู้ “ผลออกมาเป็นไง”ฟรอสต์อ่านผลการตรวจของตัวเอง ท่าทางนิ่งเงียบคาดเดาอารมณ์ได้ยาก สโนว์และวินเตอร์จึงยื่นคอไปแอบอ่าน ซึ่งผลก็ปรากฏออกมาเหมือนกับของวินเตอร์“โอเมก้า พัฒนาสมบูรณ์…เรามันโชคร้ายจริงๆ” วินเตอร์ตบบ่าฟรอสต์พลางถอนหายใจยอมรับผลตรวจที่ไม่เป็นอย่างที่หวัง“เ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-23
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [11] [วันพักผ่อน]

    [11] [วันพักผ่อน]ทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามมาถึงใจกลางเมืองแล้ว พวกเขาเลือกที่จะมาเปิดหูเปิดตาที่นี่ก็เพราะมันเป็นย่านท่องเที่ยวของโดมแห่งนี้ แต่เมื่อมาถึงใจกลางเมืองพวกเขาก็เริ่มรู้สึกว่าพวกเขาได้ตัดสินใจผิดไป“ที่นี่มันอะไรกัน มนุษย์เดินยั้วเยี้ยไปมาอย่างกับปรสิต”ความสงบสุขในโดมทำให้มนุษย์ข้างในลดการป้องกันตัวลงและกล้าที่จะออกมาเดินเล่นโดยไม่ได้คำนึงถึงความปลอดภัยเลยแม้แต่น้อย ในเมืองจึงเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินขวักไขว่กันไปมาด้วยท่าทางสบายใจและมีความสุขทหารหน่วยพลีชีพทั้งสามนึกภาพสถานการณ์ในใจกลางเมืองที่มนุษย์อาศัยอยู่ไม่ออกอยู่แล้ว พวกเขาจึงไม่ได้คาดการไว้ว่าจะเจอกับสถานการณ์เช่นนี้“ทำไมเอาไปเปรียบเทียบกับพวกปรสิตล่ะ” วินเตอร์ถามสโนว์ที่เพิ่งกล่าวประโยคเมื่อกี้ออกมา“เดินอย่างไร้ระเบียบ ชนกันจนสับสนวุ่นวายไปหมด ถ้าเกิดถึงเวลาต่อสู้หรือหนีขึ้นมาคงเหยียบกันตายก่อนที่จะถูกปรสิตฆ่า” สโนว์วิจารณ์“จะว่าไปก็ใช่” วินเตอร์พยักหน้าเห็นด้วย “แต่วันนี้เรามาเที่ยวเล่นที่นี่เพื่อเปิดหูเปิดตากันนะ เพราะงั้นช่างเรื่องนั้นไปเถอะน่า” กล่าวจบวินเตอร์ก็พาสโนว์และฟรอสต์เดินเข้าไปในฝูงชน“แล้วจะไปไหน” ฟ

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-26
  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [12] [วันพักผ่อน]

    [12] [วันพักผ่อน]หลังจากได้เสื้อผ้าคนละสามตัวแล้วพวกเขาก็ยังเดินสำรวจเมืองต่อจนกระทั่งสโนว์ไปเจอร้านหนึ่งที่สะดุดตาของเธอไม่น้อย“อะไรกันเนี่ย เสื้อผ้าที่ปิดเฉพาะส่วนล่างและส่วนหน้าอกแบบนี้มันจะป้องกันอะไรได้กัน มันเป็นเสื้อผ้าที่คนที่นี่นิยมใส่กันเหรอ?” วินเตอร์วิจารณ์เสื้อผ้าที่อยู่บนหุ่นลองเสื้ออย่างตกใจ“เจ้าโง่ นั่นมันชุดชั้นในต่างหากล่ะ” สโนว์พูด ใช่แล้วร้านที่เธอสนใจมันก็คือร้านชุดชั้นในยังไงล่ะ! สโนว์ไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปในร้าน“เธอจะซื้อเหรอ” วินเตอร์ถาม“แน่นอน ชุดชั้นในมันใส่ไว้ข้างในเพราะงั้นมันไม่มีทางส่งผลต่อความล่าช้าตอนที่ฉันจะเปลี่ยนไปสวมเครื่องแบบทหารหรอก” เธอหันไปพูดกับฟรอสต์เพื่อบอกเป็นนัยว่าเธออยากจะซื้อมันมากกว่าหนึ่งตัว!เมื่อได้เข้าไปข้างในร้านชุดชั้นในหญิง มันก็ได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกครั้ง“ปกติชุดชั้นในมันเล็กอย่างนี้เหรอ? แล้วนี่คือเส้นอะไร” วินเตอร์สับสนอย่างมากกับกางเกงในขนาดที่เล็กกว่ามือและเส้นระโยงระยางที่น่าจะเป็นกางเกงในด้วยเหมือนกัน ดูขาดแคลนผ้ามาก ชั้นในของทหารยังมีผ้ามากกว่าเลย อย่างน้อยชุดชั้นในของสโนว์มันก็เป็นกางเกง

    ปรับปรุงล่าสุด : 2024-11-27

บทล่าสุด

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [37] [โอเมก้าน่ะ XXX จัดนะ]

    [37] [โอเมก้าน่ะ XXX จัดนะ]ยิ่งสโนว์สูดดมกลิ่นฟีโรโมนป่าสนฤดูหนาวของฟรอสต์มากเท่าไหร่ร่างกายของเธอก็ยิ่งมีปฏิกิริยาตอบสนองมากขึ้นเท่านั้น ร่างกายของเธอเริ่มรู้สึกร้อนมากขึ้นเรื่อยๆ ทั้งที่กำลังอยู่ในถ้ำน้ำแข็ง ดูเหมือนว่าความหนาวเย็นภายในถ้ำน้ำแข็งจะไม่ช่วยคลายความร้อนให้เธอได้เลย ทว่าคนที่รู้สึกร้อนมากที่สุดไม่ใช่เธอ แต่เป็นฟรอสต์ที่กำลังฮีทต่างหากล่ะตอนนี้สโนว์และฟรอสต์ได้เข้ามาอยู่ในส่วนที่ลึกมากที่สุดของถ้ำเพื่อไม่ให้กลิ่นฟีโรโมนเล็ดลอดออกไปข้างนอกและที่สำคัญคือความเป็นส่วนตัวฟรอสต์ได้ถอดเสื้อผ้าทั้งหมดของเขาอย่างไม่กลัวความหนาวเพราะตอนนี้ร่างกายของเขาร้อนมากจนแทบจะสามารถละลายน้ำแข็งได้แล้ว เมื่อถอดเสื้อผ้าของตัวเองออกจนหมดและเขาก็คิดจะฉีกเสื้อผ้าของสโนว์ทิ้งด้วย“เดี๋ยว ฉันจำเป็นต้องถอดด้วยเหรอ” สโนว์ที่คิดเพียงว่าจะใช้กลิ่นอัลฟ่าของเธอเพื่อบรรเทาอาการของเขาเท่านั้นได้เอ่ยถามอย่างไม่เข้าใจ“เธอจะช่วยฉันใช่ไหม?” ฟรอสต์ถามขณะที่จังหวะลมหายใจของเขาเริ่มถี่มากขึ้น สโนว์สัมผัสได้ถึงลมหายใจอันร้อนระอุของฟรอสต์ที่พัดผ่านบนผิวของเธอได้อย่างชัดเจนและดวงตาสีน้ำเงินของเขาที่จ้องมองมายังเ

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [36] [รวมตัวกันอีกครั้ง]

    [36] [รวมตัวกันอีกครั้ง]ฟรอสต์ได้พาสโนว์ผ่านประตูมิติมายังถ้ำน้ำแข็งแห่งหนึ่ง มันน่าจะเป็นถ้ำสักแห่งที่มีอยู่ในเขตภูเขาหิมะที่กว้างใหญ่นั่นแหละเพราะระยะทางการข้ามผ่านมิติของฟรอสต์ไม่ได้กว้างใหญ่มากนักและดูเหมือนว่ามันจะกินพลังค่อนข้างมาก ฟรอสต์ที่สีหน้าเหนื่อยอ่อนอย่างชัดเจนแต่เขาก็ยังไม่ยอมคลายอ้อมแขนที่กำลังโอบอุ้มสโนว์อยู่เขาเอาเตาผิงพกพาขนาดเล็กออกมาจากมิติและจุดไฟจากนั้นก็นั่งลงข้างๆ โดยที่ให้สโนว์นั่งพิงอยู่บนตัก จากนั้นเขาก็เริ่มทำลายกำไลที่เป็นเครื่องควบคุมบนข้อมือและข้อเท้าและคอของเธอออก เขาเอามันออกด้วยการทำให้มันหายไปด้วยพลังมิติของเขา สโนว์จึงไม่ได้รับผลกระทบอะไร“เจ็บตรงไหนรึเปล่า?” ฟรอสต์ถามเพราะยังเห็นว่าเธอยังดูอ่อนแรงผิดปกติ เขาจับสำรวจไปทั่วร่างกายของเธอ“ไม่…แค่ต้องรอให้ยาหมดฤทธิ์” สโนว์นั่งหลับตาและไม่พูดอะไรอีกฟรอสต์หรี่ตามองคนบนตักอย่างเงียบเชียบ เสื้อตัวบางที่สโนว์สวมอยู่ไม่สามารถปกปิดร่องรอยเบาบางบนร่างกายของเธอได้ เพียงแค่คิดว่าไอ้นั่นสัมผัสเธออย่างไรก่อนที่เขาจะไปถึงมันก็ทำให้เขารู้สึกราวกับมีไฟสุมอยู่ในอก เขาคว้าผ้าห่มออกมาจากมิติและคลุมร่างกายของเธอก่อนจ

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [35] [ภารกิจสำเร็จ]

    [35] [ภารกิจสำเร็จ]เสียงดังรอบตัวทำให้สโนว์ต้องตื่นขึ้นมา สิ่งแรกที่เธอเห็นก็คือแท็งก์น้ำมากมายแต่ในนั้นไม่มีปรสิตอยู่อีกแล้ว“ตื่นแล้วเหรอครับ?” อีธานพูดขึ้นมา นั่นทำให้เธอรู้ตัวว่าเขากำลังกอดเธอจากด้านหลังโดยที่เธอนั่งพิงอยู่บนตักของเขาเมื่อเธอรู้ตัวเธอก็พยายามลุกหนี แต่เธอก็พบว่าแขนขาของเธอถูกพันธนาการไว้อย่างแน่นหนาจนไม่สามารถขยับได้แม้แต่นิดเดียว มันต้องมีบางอย่างเกิดขึ้นจนอีธานเลือกที่จะล็อกแขนขาเธอไว้และพาเธอมาที่โกดังเก็บปรสิตแบบนี้ อีกอย่างแท็งก์น้ำทั้งหมดไม่ปรสิตเหลืออยู่สักตัว พวกมันถูกปลุกขึ้นมาแล้ว เธอเห็นปรสิตจำนวนไม่มากยืนประจำการอยู่โดยรอบราวกับกำลังเฝ้ายามอยู่ เธอจำได้ว่ามันมีปรสิตมากกว่านี้ นั่นหมายความว่าปรสิตที่เหลือถูกปล่อยออกมาเพื่อไปต่อสู้กับใครบางคนสโนว์คาดหวังบางสิ่งขึ้นมาอย่างห้ามไม่ได้“เป็นพวกเขางั้นเหรอ?” สโนว์พึมพำถาม“ไม่ว่าจะเป็นใครผมก็ไม่คิดจะปล่อยคุณไปหรอกครับ” อีธานที่กกกอดเธอไม่ยอมปล่อยเอ่ยสโนว์รับรู้ได้ถึงลมหายใจของเขาที่คลอเคลียอยู่แถวลำคอไม่ห่าง แต่ก็ทำได้แค่เอียงหัวหลบเพราะเหมือนกับว่าเขาจะทำอะไรบางอย่างกับร่างกายของเธอก่อนที่เธอจะตื่นขึ้นมา

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [34] [มาถึงแล้ว]

    [34] [มาถึงแล้ว]อีธานเคร่งครัดเรื่องเวลามาก เมื่อถึงเวลาพักผ่อนเขาก็จะไม่เข้ามารบกวนสโนว์เลยจนกว่าจะถึงกำหนดการของแผนต่อไป และนั่นทำให้สโนว์รู้สึกได้ทันทีว่ามีบางอย่างผิดปกติเมื่อประตูห้องขังเปิดออกในขณะที่เธอกำลังหลับ สโนว์ที่รู้ตัวตื่นตั้งแต่ที่ประตูถูกปลดล็อกอยู่ในสภาพพร้อมรบทันทีสโนว์หรี่ตามองคนที่เดินเข้ามาในห้องอย่างกะทันหัน“เตรียมการทดลองขั้นต่อไป” “นาย…ไม่ใช่อีธานที่ฉันรู้จักสินะ?” ไม่มีคำตอบของคำถาม เธอถูกพาตัวไปที่ห้องทดลองและถูกล็อกติดอยู่กับเก้าอี้ สโนว์มองแขนที่ถูกล็อกจนขยับไม่ได้และเงยหน้ามองไปรอบตัวอีธานงอกได้….รอบตัวเธอตอนนี้มีอีธานถึงห้าคนกำลังเตรียมการทดลองตามหน้าที่ที่ตัวเองได้รับมอบหมาย พวกเขาเดินสวนกันไปมาจนสโนว์ไม่สนใจที่จะแยกแยะแล้วว่าอีธานคนไหนเป็นคนไหน ตอนนี้เธอต้องสนใจแค่ว่าการทดลองนี้จะทำให้เธอรอดชีวิตไปได้หรือไม่ปรสิตเวร! เข็มยักษ์นั่นเอาไว้ใช้จิ้มแขนคนจริงเหรอ!?“นายแน่ใจเหรอว่ากะปริมาณถูกต้องแล้ว?” สโนว์ถามขณะที่อีธานร่างโคลนคนไหนก็ไม่ทราบกำลังใช้เข็มยักษ์ฉีดสารบางอย่างเข้ามาในร่างกายของเธอ“ไม่ผิดพลาด” อีธานร่างโคลนเอ่ยตอบเสียงเรียบหลังจากนั้นสโ

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [33] [ขั้นตอนสุดท้าย]

    [33] [ขั้นตอนสุดท้าย]“ฮา…” ลมหายใจที่สโนว์พ่นออกมากลายเป็นควันเพราะความหนาวในอุณหภูมิเยือกแข็ง สโนว์ยกขาถีบปรสิตที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งตรงหน้าให้ล้มจนมันแตกเป็นเสี่ยง จากนั้นสโนว์ก็เริ่มไล่ทุบและเตะปรสิตทั้งหมดที่ขยับไม่ได้เพราะถูกพลังของเธอแช่แข็งจนพวกมันแตกเละไม่เหลือชิ้นดี หมดโอกาสที่จะกลับมามีชีวิตอีกแล้ว ซึ่งจุดประสงค์ในการไล่ทุบทำลายอย่างโหดเหี้ยมของเธอก็เพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดล้วนๆ ไม่ได้มีโกรธแค้นพวกมันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแต่อย่างใดสโนว์สูดหายใจเข้า “ไปตายซะไอ้พวกปรสิตเฮงซวยเอ๊ย!” เมื่อตะโกนเพื่อระบายอารมณ์แล้วเธอก็ยังกระทืบเศษน้ำแข็งที่เคยเป็นปรสิตมาก่อนจนมันกลายเป็นฝุ่นไปแล้วซึ่งสาเหตุของอารมณ์หงุดหงิดของสโนว์ก็จะมาจากไหนไปไม่ได้นอกจากเรื่องของวินเตอร์และฟรอสต์ที่เธอได้ยินมาจากอีธาน เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าพวกเขาจะตายไปทั้งแบบนั้น เธอหวังว่ามันจะเป็นเรื่องโกหก แต่ความกังวลและความกระวนกระวายก็ยังไม่หายไปและมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด สุดท้ายเธอก็ได้มาระบายอารมณ์กับปรสิตที่อีธานให้เธอใช้สำหรับทดสอบใช้พลังจนปรสิตที่ถูกเธอใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ไม่เหลือแม้แต่ซากอย่างที่เห็น

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [32] [ผลของฟีโรโมน]

    [32] [ผลของฟีโรโมน]“ทดลอง ทดลอง ใส่สารตัวนี้สักหน่อย ใส่ตัวนี้สักนิด ไม่สิ ตัวนี้มีฤทธิ์เบาเกินไป ส่วนตัวนี้มีผลเสียต่อร่างกาย งั้นลองสารนี้แล้วกัน” อีธานพึมพำขณะที่กำลังปรุงสารบางอย่างลงในหลอดแก้วอย่างอารมณ์ดีสโนว์นั่งมองรอยยิ้มกว้างนั่นด้วยสายตาปลาตาย น่าเสียดายมากที่เธอไม่สามารถหนีไปจากเจ้าคนประหลาดคนนี้ได้ ในขณะที่เธอปลงตกอีธานก็เหมือนจะเสร็จธุระของตัวเองแล้ว เขาหันมาหาเธอพร้อมกับถือหลอดแก้วที่มีสารบางอย่างที่ปรุงแล้วเรียบร้อยในมือ“ลองชิมได้ไหมครับ? ไม่เป็นอันตรายแน่นอนเพราะผมมั่นใจในการคำนวณมากเลย” อีธานยื่นหลอดแก้วที่มีสารเหลวสีน้ำเงินมาให้สโนว์ แต่เมื่อเห็นว่าสโนว์ที่มีบรรยากาศต่อต้านมือที่ยื่นหลอดแก้วออกไปก็มีท่าทีเงอะงะอย่างตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะไม่ต่อสู้เพื่อต่อต้านแล้วแต่ก็ไม่ได้ยอมจำนน อีธานคิดว่าหากเขากระตุ้นเธอสักหน่อยมันก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะอาละวาดเพียงแค่จินตนาการเปลือกตาของอีธานก็กระตุก ริมฝีปากของเขาเม้มลงเล็กน้อย และแก้มของเขาก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย เขากำลังคาดหวังให้มันเกิดขึ้นอีธานก้าวไปยืนชิดกับเก้าอี้ที่สโนว์นั่งอย่างกะทันหันจนสโนว์ผงะ เธอขมวดคิ้วขณะเงยหน้ามอ

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [31] [ราชา]

    [31] [ราชา]มองไปทางไหนก็เจอแต่หิมะสีขาวโพลนและสายลมเย็นยะเยือก ความหนาวเย็นบนยอดภูเขาหิมะทำให้ความเจ็บปวดจากแผลไฟลวกบนมือของสโนว์ลดลงเล็กน้อย“ทำไมต้องมาอยู่บนภูเขาหิมะด้วยเนี่ย” สโนว์บ่น หากให้บุกฝ่าภูเขาหิมะไปโดยที่ไม่พกอะไรติดตัวไปสักอย่างก็เกรงว่าจะหมดแรงและหนาวตายอยู่ระหว่างทางเสียก่อน แต่สโนว์ในตอนนี้ไม่มีทางให้เลือกมากนัก เธอเดินเหยียบหิมะหนาไปข้างหน้า แต่เมื่อเดินไปได้ไม่ไกลสโนว์ก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่างโดยสัญชาตญาณมีบางอย่างใต้หิมะแต่ยังไม่ทันที่สโนว์จะรู้ว่ามันคืออะไรสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้หิมะก็คลานออกมาจากใต้หิมะหนา มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่มีหลายตัว“คน?” เมื่อเห็นในแวบแรกเธอก็คิดอย่างนั้นเพราะรูปร่างที่เหมือนมนุษย์ของมัน แต่กลิ่นอายของมันทำให้สโนว์รู้สึกว่ามันไม่ใช่“ห้าม…ออก…ไป” คนที่โผล่ออกมาจากหิมะได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก“ห้าม…ออก…ไป” “ห้าม…ออก…ไป” “ห้าม…ออก…ไป” พวกมันเริ่มพูดคำพูดเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับพูดคำอื่นไม่เป็น สโนว์รู้สึกว่าคนพวกนั้นผิดปกติ เธอเตรียมตัวต่อสู้ได้ทุกเมื่อหากพวกมันโจมตี แม้ว่าเธอจะเสียพลังไปมากจนฝืนต่อไปแทบไม่ไหว แต่เธอก็พร

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [30] หิมะไม่ยอมละลาย

    [30] หิมะไม่ยอมละลาย“เฮ้อ…” วินเตอร์ไม่รู้ว่าตัวเองถอนหายใจออกมากี่ครั้งแล้ว ใครจะไปสนใจนับจำนวนลมหายใจของตัวเองในขณะที่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนที่ถูกลักพาตัวไปเป็นตายร้ายดียังไงได้อย่างไรกัน“…” ฟรอสต์มีท่าทีนิ่งสงบตรงกันข้ามกับท่าทางของวินเตอร์ที่กระวนกระวายเคียร่ามองหน้าทหารหน่วยพลีชีพทั้งสองคนสลับไปมา ถึงท่าทางที่แสดงออกของพวกเขาจะตรงกันข้ามกัน แต่เคียร่าสามารถบอกได้ว่าพวกเขาอยู่ในอารมณ์เดียวกัน“ตาแดง ขอบตาดำคล้ำ….อย่างกับปรสิตแพนด้า” “อาการแบบนี้เรียกว่าเครียดจนนอนไม่หลับครับ” เซบาสเตียนกล่าว ในอ้อมแขนของเขายังอุ้มแมวขาวที่กำลังนอนหลับสนิทแลดูสบายอกสบายใจเข้าสู่วันที่เจ็ดแล้วตั้งแต่สโนว์ถูกลักพาตัวหายไป ด้วยความช่วยเหลือจากผู้นำโดมอย่างอลันที่ช่วยแกะรอยองค์กรไกด์ที่คาดว่าลักพาตัวสโนว์ไป วินเตอร์และฟรอสต์ก็มุ่งหน้าตามร่องรอยได้มาอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาไม่ได้แม้จะนอนหลับด้วยซ้ำ เพียงหลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่งก็ตื่นขึ้นมาค้นหาร่องรอยต่อจนกระทั่งร่างกายที่แม้จะวิวัฒนาการแล้วก็ยังแสดงอาการที่บ่งบอกว่านอนน้อยให้เห็น“เฮ้อ” วินเตอร์ในสภาพนอนน้อยจนใต้ตาดำถอนหายใจออกมาอีกรอบพลางหันไปมองฟร

  • ร้อยวิธีพลีชีพในวันสิ้นโลก   [29] [หลบหนี]

    [29] [หลบหนี]บนหน้าต่างยังฉายภาพภูเขาหิมะเช่นเดิม สวยงามแต่ก็น่าเบื่อ สโนว์ยืนมองออกไปอย่างไร้อารมณ์ เฝ้ารอการมาของคนเพียงคนเดียวที่เข้ามาหาเธอในห้องสีขาวอันว่างเปล่านี้ตามช่วงเวลาเดิมของทุกวันประตูห้องที่เหมือนกับห้องปิดตายนี้ก็เปิดออก ในเสี้ยววินาทีที่ประตูปลดล็อกและแง้มเปิดพลังพิเศษของสโนว์ก็พุ่งตรงเข้าไปทำลายประตู แต่ในเสี้ยววินาทีเดียวกันปลอกคอและกำไลบนข้อเท้าและข้อมือของเธอก็เริ่มทำงานเช่นกันแม้ว่าประตูจะหยุดทำงานชั่วคราวและมีโอกาสให้หนีออกไปจากห้องขังนี้แต่สโนว์ก็ได้ทรุดลงไปนอนกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงหนีแล้ว อีธานเดินเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าสโนว์“ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นเด็กดื้อขนาดนี้” สโนว์มองปลายเท้าที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ทันใดนั้นแขนที่น่าจะขยับไม่ได้ของเธอได้เอื้อมไปคว้าข้อเท้าของอีธานอย่างรวดเร็ว “!?” อีธานที่ไม่ทันระวังตัวพยายามชักเท้าหนี แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้มึนงงราวกับสมองกลับด้านอย่างกะทันหัน อีธานล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรงโดยที่สโนว์ไม่จำเป็นต้องออกแรงดึงข้อเท้าของเขาเลยดวงตาสีฟ้าของเขาเบิกกว้างขณะมองสโนว์ที่ยืนขึ้นได้ทั้งที่กำไลข้อมือและข้อเท้ากำลังทำงานด้

สแกนรหัสเพื่ออ่านบนแอป
DMCA.com Protection Status