แชร์

[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน] 

[4] [สิ่งที่ไม่คาดฝัน] 

ในวันที่สองของการสำรวจอุโมงค์พวกเขาตัดสินใจที่จะเร่งฝีเท้าเพื่อเข้าไปให้ถึงปลายทางให้เร็วที่สุด แม้มันจะเสี่ยงที่พวกเขาจะขาดการตรวจสอบที่ละเอียดจนพลาดที่จะสังเกตเห็นพวกปรสิตจนทำให้พวกปรสิตรับรู้ถึงตัวตนของพวกเขาก่อนและเข้ามาฆ่าพวกเขาก่อนที่พวกเขาจะได้ตั้งตัว แต่จะเป็นการดีกว่าที่ภารกิจนี้จะจบลงโดยเร็วที่สุดแทนที่จะปล่อยให้มันยืดยาวเป็นเดือน ซึ่งก็ไม่มีใครปฏิเสธแผนการใหม่นี้

หลังจากตัดสินใจจะเร่งเดินทางให้เร็วขึ้นเป็นสองเท่าของเมื่อวาน พวกเขาจึงใช้เวลาเดินทางเพียงครึ่งหนึ่งของเมื่อวานเพื่อให้เท่ากับระยะทางของเมื่อวาน และในการเดินทางเข้ามาสำรวจอุโมงค์ของปรสิตในวันที่สาม ในที่สุดพวกเขาก็เจออย่างอื่นนอกจากอุโมงค์อันยาวเหยียดแล้ว

พวกเขาเจอโพรงขนาดใหญ่ แต่พวกเขาก็ยังไม่พบศัตรู พวกเขาพบเพียงทางแยกมากมาย…

“เราไปจะทางไหนดี” นั่นเป็นสิ่งที่พวกเขาคิดหนักแบบสุดๆ อุตส่าห์มาถึงตรงนี้ได้แล้ว ถ้าไปผิดทางมันก็เท่ากับว่าการเดินทางทั้งสามวันก่อนหน้านี้มันสูญเปล่าทั้งหมด

“สำรวจหาร่องรอยกันก่อน อย่างน้อยเราอาจจะเจออะไรบางอย่างที่น่าจะช่วยบอกเราว่าควรไปทางไหนดี” พวกเขาตกลงกันแบบนั้นและแยกย้ายกันสำรวจโพรงถ้ำขนาดใหญ่ที่มีอุโมงค์แยกออกเป็นหลายทาง แม้แต่เพดานโพรงถ้ำก็ยังมีทางแยกด้วยซ้ำ พวกเขาคงต้องเสียเวลาสำรวจกันสักพัก

สโนว์เคยคิดว่าพวกปรสิตเหมือนปลวกเพราะพวกมันสร้างรังได้สูงใหญ่และอลังการงานสร้างมาก แต่ตอนนี้เธอคิดว่ามันเหมือนมดมากกว่า พวกมันจะสร้างเส้นทางมากมายไว้ใต้ดินลึกขนาดนี้ทำเพื่ออะไรกัน!

เธอเริ่มบ่นในใจอย่างหัวเสียขณะที่ส่องไฟฉายไปทั่วเพื่อตามหาร่องรอยของพวกปรสิต แต่สิ่งที่เธอพบไม่ใช่แค่ร่องรอย มันคือ….สิ่งมีชีวิต?

สโนว์กะพริบตาสองครั้งจากนั้นก็พยายามเพ่งมองสิ่งที่เธอบังเอิญส่องไฟฉายไปเจอ มันน่าจะเป็นสิ่งมีชีวิตเพราะเธอเห็นมันกะพริบตาได้ แวบแรกที่เจอมันเธอคิดว่ามันคือปรสิต แต่รูปร่างของมันไม่เหมือนพวกปรสิตที่เธอเคยเจอเลยเพราะมันมีขนาดเล็กเท่าลูกเทนนิส มีขนปุยสีขาวและเขาม้วนเหมือนแกะและมีปีกด้วย

มัน…น่ารักเกินกว่าจะเป็นพวกเดียวกับปรสิตพวกนั้น

“ทุกคน ฉันเจอบางอย่าง” สโนว์ส่งเสียงเรียกคนอื่นๆ และทันใดนั้นสิ่งมีชีวิตประหลาดนั่นก็กระพือปีกบินเข้าไปอุโมงค์ สโนว์รีบวิ่งตามไปโดยไม่คิดไตร่ตรอง เธอคิดว่าแค่ต้องวิ่งตามไป 

“เดี๋ยวสโนว์!” พวกวินเตอร์ต้องวิ่งตามอย่างช่วยไม่ได้เพราะสโนว์วิ่งตามสิ่งมีชีวิตปริศนาอย่างไม่ลดล่ะ

เพื่อตามเจ้าตัวนุ่มนิ่มนั่นให้ทันสโนว์วิ่งเต็มฝีเท้าของเธอ แต่น่าแปลกที่เธอตามมันไม่ทัน มันบินเร็วขนาดไหนกัน? แต่สโนว์ก็ไม่ยอมแพ้และวิ่งตามมันต่อไปอีกหลายกิโลจนกระทั่งเธอเห็นทางแยกอื่นและมันไม่ใช่แค่ทางแยกร้างเหมือนก่อนนี้ มันมีร่องรอยสดใหม่ของพวกปรสิตด้วย

สโนว์และคนอื่นๆ หยุดวิ่งทันทีที่เห็นร่องรอยพวกนั้น ดูเหมือนว่าพวกเขาจะมาถูกทางเพราะข้างหน้านี้ต้องมีพวกปรสิตอาศัยอยู่แน่นอน!

“ถอยไปตั้งหลักก่อนหรือจะเข้าสำรวจก่อน” วินเตอร์ถามความเห็นทุกคน

“ถอยไปเตรียมตัว” ฟรอสต์เอ่ย ทุกคนในทีมก็เห็นด้วยเพราะเมื่อครู่พวกเขาเพิ่งวิ่งกันมาอย่างต่อเนื่องเพื่อความไม่ประหม่าพวกเขาควรไปพักเอาแรงก่อนและต้องไปเตรียมอาวุธให้พร้อมสำหรับออกรบเพราะมันเป็นไปไม่ได้ที่พวกเขาจะเข้าไปสำรวจได้โดยไม่เกิดการปะทะ

แต่ทางที่ดีพวกเขาควรสำรวจให้เงียบที่สุดเพราะพวกเขามีอยู่กันแค่เจ็ดคน จำนวนแค่นี้ไม่มีทางเอาชนะพวกปรสิตที่มาเป็นฝูงได้ พวกเขาจึงต้องพยายามซ่อนตัวตนของตัวเองจากพวกปรสิตให้ได้มากที่สุด ไม่เพียงต้องเคลื่อนไหวให้เงียบเชียบ พวกเขาจะต้องฉีดสเปรย์พิเศษด้วย มันเป็นสเปรย์ที่สามารถกลบกลิ่นอายของมนุษย์ไม่ให้พวกปรสิตได้กลิ่นได้

หลังจากเตรียมตัวเสร็จแล้วพวกเขาก็เริ่มออกสำรวจ พวกเขาเดินไปตามเส้นทางที่มีร่องรอยของปรสิตมากที่สุดเพราะเชื่อว่าเป็นทางที่จะพาพวกเขาไปพบกับพวกปรสิตแต่ระหว่างทางพวกเขาไม่พบศัตรูเลย พวกเขาพบเพียงว่ายิ่งเดินลึกเข้าไปในอุโมงค์อันมืดมิดแห่งนี้อุโมงค์ก็ยิ่งสว่างขึ้นเพราะแสงบางอย่างที่ส่องสว่างมาจากปลายทางของอุโมงค์ แน่นอนว่ามันไม่ใช่แสงจากดวงอาทิตย์เพราะมันเป็นแสงสีม่วงสลัวๆ

แสงสีม่วงสว่างมากขึ้นเมื่อพวกเขาเห็นปลายทางข้างหน้า ฟรอสต์ส่งสัญญาณมือให้ทุกคนหยุดและเขาก็เดินเข้าไปสำรวจก่อน ที่ปลายอุโมงค์ฟรอสต์พบว่าทางข้างหน้ามันเป็นหลุมขนาดใหญ่และลึกมาก ข้างบนเองก็เหมือนกัน แต่ต้นกำเนิดแสงสีม่วงมาจากหลุมด้านล่าง ฟรอสต์จึงพยายามเพ่งตามองลงไปในหลุมเพื่อดูว่าข้างล่างนั่นมีอะไร แต่เขาเห็นแค่การเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตเพราะแสงสีม่วงที่ส่องมาจากด้านล่างมันสว่างมาก เขาส่งสัญญาณมือเรียกทุกคน

“เราต้องลงไปสำรวจด้านล่าง” ฟรอสต์พูด

พวกเขารู้ว่าการลงไปสำรวจข้างล่างอันตรายมากเพราะพวกเขาสามารถเห็นการเคลื่อนไหวที่เลือนรางของพวกปรสิตข้างล่างนั้นได้ พวกเขาตัดสินใจแบ่งกลุ่มกันเพราะถ้าลงไปหมดทุกคนและเกิดสิ่งผิดพลาดขึ้นพวกเขาอาจจะไม่รอดกันหมดทุกคนก็ได้ สโนว์และวินเตอร์จึงลงไปสำรวจกันแค่สองคนเพราะยิ่งคนน้อยก็ยิ่งง่ายแก่การซ่อนตัวหรือหลบหนี

เมื่อวางแผนและตกลงกันได้เรียบร้อยแล้ว สโนว์และวินเตอร์ก็ใช้อุปกรณ์ปีนผาของทหารปีนลงไปด้านล่างทันที ทุกอย่างเป็นไปอย่างเงียบเชียวแต่คล่องแคล่วว่องไว เมื่อพวกเธอลงมาจนมองเห็นพวกปรสิตที่เดินกันยั่วเยี้ยเต็มพื้นแล้วพวกเธอก็ลดความเร็วลงและเงียบเชียบกว่าเดิม ขณะเดียวกันก็มองหาร่องบนผนังที่พวกปรสิตสร้างไม่ดีเป็นที่หลบซ่อนสายตาของพวกปรสิตด้วย

ทั้งสองทำเช่นนี้เพื่อหลบซ่อนตัวตนจากพวกปรสิตมาตลอดจนกระทั่งทั้งสองคนก็สามารถลงมาถึงปลายทางของอุโมงค์ยักษ์ได้สำเร็จ แต่พอมองลงไปพวกสโนว์ก็เห็นแค่ฝูงปรสิตเดินกันยั้วเยี้ย ไม่เห็นอย่างอื่นที่น่าจะเป็นประโยชน์ แต่เห็นเพียงแค่นี้ทั้งสองก็ยังไม่สามารถสรุปได้ว่าที่นี่มีปรสิตมากแค่ไหน 

สโนว์และวินเตอร์จึงตัดสินใจเสี่ยงโหนตัวออกไปจากอุโมงค์เพื่อดูว่ามันมีอะไรข้างล่าง และเมื่อพวกเขาได้โหนตัวลงไปได้เล็กน้อยพอได้เห็นสิ่งรอบข้าง วินเตอร์และสโนว์ก็ได้เห็นสิ่งที่ทำให้พวกเธอตกตะลึงอย่างมาก

มันคือโพรง…ไม่สิ มันใหญ่กว่านั้น มันกว้างใหญ่มากกว่าหลุมซึ่งเป็นทางที่พวกเขาใช้เข้ามาเสียอีก!

มันคือถ้ำขนาดใหญ่ยักษ์นี้เต็มไปด้วยพวกปรสิตหลายหมื่นแสนหรืออาจจะล้านตัวและพวกสโนว์ก็ได้พบด้วยว่าอุโมงค์ที่พวกเธอใช่ไต่ลงมาไม่ได้มีแค่อันเดียว นั่นหมายความว่ามันมีช่องทางอื่นที่จะลงมาที่นี่อีกมาก

“นั่น” สโนว์เหลือบไปเห็นบางอย่าง เธออ้าปากกระซิบไร้เสียงเรียกวินเตอร์และชี้ให้เขาหันไปมอง

พวกเขาได้พบกับต้นกำเนิดแสงสีม่วงมันเหมือนก้อนหินขนาดใหญ่ที่สามารถเรืองแสงได้แต่พวกสโนว์ที่ศึกษาประวัติศาสตร์ของมนุษยชาติมาตั้งแต่จำความได้รู้ดีว่ามันไม่ใช่ก้อนหินธรรมดา มันเป็นอุกกาบาตที่ตกลงมาบนโลกและได้สร้างหายนะให้กับสิ่งมีชีวิตบนโลกเมื่อห้าสิบปีก่อน!

พวกเขาประหลาดใจมากเมื่อเห็นว่ามันอยู่ที่นี่ แต่พวกเขาประหลาดใจกับพฤติกรรมของพวกปรสิตมากกว่า พวกมันยืนนิ่งล้อมอุกกาบาตอย่างเป็นระเบียบและมีท่าทางราวกับว่ากำลังอาบแสงสีม่วงจากอุกกาบาต พฤติกรรมของพวกมันดูน่าสงสัยมาก

สโนว์ยกกล้องออกมาถ่ายภาพและวิดีโออย่างเงียบเชียบเพื่อเก็บข้อมูลทุกสิ่งทุกอย่างที่ได้เห็น โดยเฉพาะสิ่งที่เกิดขึ้นรอบอุกกาบาตสีม่วงนั้น

เพื่อสังเกตดูพฤติกรรมของพวกมัน วินเตอร์และสโนว์จึงโหนตัวอยู่เหนือหัวของพวกปรสิตสักพักใหญ่จนกระทั่งพวกเขาสังเกตเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงที่น่าตกใจจากพวกปรสิตที่กำลังยืนรายล้อมอุกกาบาตอยู่ พวกปรสิตที่แขนขาไม่สมประกอบงอกแขนขาใหม่และดูแข็งแกร่งมากขึ้น พวกมันพัฒนาอย่างก้าวกระโดดต่อหน้าต่อตาพวกเขา

สโนว์และวินเตอร์ปะทะกับพวกปรสิตในสนามรบมาหลายสิบปีแต่พวกเขาไม่เคยรู้เลยว่าพวกปรสิตสามารถฟื้นฟูตัวเองได้ขนาดที่สามารถงอกร่างกายส่วนที่เสียหายได้

แสงสีม่วงจากอุกกาบาตนั่นพิเศษกว่าที่พวกเขาคาดไว้มาก

“วินเตอร์ เราต้องเก็บตัวอย่าง” พวกเขาจะไม่เข้ามาเสียเที่ยวเด็ดขาด พวกเขาจะต้องเก็บหลักฐานกลับไปตรวจสอบด้วยเพราะนั่นอาจจะเป็นกุญแจไขความลับของพวกปรสิตและทำให้มนุษยชาติได้รับชัยชนะในที่สุด

แต่การที่พวกเขาจะเข้าไปใกล้อุกกาบาตโดยที่ไม่ให้พวกปรสิตที่ยืนล้อมอุกกาบาตอยู่ไม่รู้ตัวเสียก่อนมันเป็นเรื่องที่ยากมาก มีความเป็นไปได้สูงมากที่พวกเขาจะถูกค้นพบและถูกกำจัดโดยฝูงปรสิตก่อนที่จะได้เข้าใกล้อุกกาบาตด้วยซ้ำ แต่ก็ไม่ใช่ว่าพวกเขาไม่มีทางเลย

พลังพิเศษของวินเตอร์คือโล่สีใส แต่ถ้าจะพูดให้ถูกก็คือโล่มันมีความสามารถล่องหนได้ มันไม่เพียงปกป้องผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากการโจมตี มันยังสามารถพรางตาผู้ที่อยู่เบื้องหลังโล่จากศัตรูได้ด้วย หากว่าวินเตอร์ใช้โล่ห่อหุ้มตัวเองไว้เขาก็จะสามารถล่องหนได้และสามารถเข้าไปใกล้อุกกาบาตได้โดยไม่ต้องปะทะกับฝูงปรสิต 

ด้วยเหตุนี้หน้าที่ลงไปเก็บตัวอย่างอุกกาบาตจะต้องเป็นหน้าที่ของวินเตอร์อย่างแน่นอน ซึ่งในขณะที่วินเตอร์ต้องโหนตัวลงไปอยู่กลางฝูงปรสิตเพื่อเข้าไปเอาตัวอย่างอุกกาบาต สโนว์ก็คอยสนับสนุนอยู่ข้างบน สโนว์จะคอยสังเกตการณ์จากด้านบนและบอกเส้นทางเข้าใกล้อุกกาบาตกับวินเตอร์ แต่ถ้ามีเหตุฉุกเฉินเกิดขึ้นสโนว์ก็พร้อมจะใช้พลังพิเศษของตัวเองช่วยเหลือวินเตอร์ เนื่องจากว่าพลังควบคุมน้ำของเธอสามารถโจมตีระยะไกลได้ พลังของเธอจึงเหมาะที่จะสนับสนุนจากข้างบนมากที่สุด แต่สโนว์หวังว่ามันจะไม่เกิดเหตุการณ์ที่ควบคุมไม่ได้อย่างนั้นขึ้นมา

 

บทที่เกี่ยวข้อง

บทล่าสุด

DMCA.com Protection Status