[12] [วันพักผ่อน]หลังจากได้เสื้อผ้าคนละสามตัวแล้วพวกเขาก็ยังเดินสำรวจเมืองต่อจนกระทั่งสโนว์ไปเจอร้านหนึ่งที่สะดุดตาของเธอไม่น้อย“อะไรกันเนี่ย เสื้อผ้าที่ปิดเฉพาะส่วนล่างและส่วนหน้าอกแบบนี้มันจะป้องกันอะไรได้กัน มันเป็นเสื้อผ้าที่คนที่นี่นิยมใส่กันเหรอ?” วินเตอร์วิจารณ์เสื้อผ้าที่อยู่บนหุ่นลองเสื้ออย่างตกใจ“เจ้าโง่ นั่นมันชุดชั้นในต่างหากล่ะ” สโนว์พูด ใช่แล้วร้านที่เธอสนใจมันก็คือร้านชุดชั้นในยังไงล่ะ! สโนว์ไม่ลังเลที่จะเดินเข้าไปในร้าน“เธอจะซื้อเหรอ” วินเตอร์ถาม“แน่นอน ชุดชั้นในมันใส่ไว้ข้างในเพราะงั้นมันไม่มีทางส่งผลต่อความล่าช้าตอนที่ฉันจะเปลี่ยนไปสวมเครื่องแบบทหารหรอก” เธอหันไปพูดกับฟรอสต์เพื่อบอกเป็นนัยว่าเธออยากจะซื้อมันมากกว่าหนึ่งตัว!เมื่อได้เข้าไปข้างในร้านชุดชั้นในหญิง มันก็ได้เปิดหูเปิดตาพวกเขาในเรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อนอีกครั้ง“ปกติชุดชั้นในมันเล็กอย่างนี้เหรอ? แล้วนี่คือเส้นอะไร” วินเตอร์สับสนอย่างมากกับกางเกงในขนาดที่เล็กกว่ามือและเส้นระโยงระยางที่น่าจะเป็นกางเกงในด้วยเหมือนกัน ดูขาดแคลนผ้ามาก ชั้นในของทหารยังมีผ้ามากกว่าเลย อย่างน้อยชุดชั้นในของสโนว์มันก็เป็นกางเกง
[13] [ฟรอสต์กับอาการฮีท] ก่อนวันที่คาดว่าอาการฮีทครั้งแรกของฟรอสต์จะมาถึงหนึ่งวัน ฟรอสต์ก็ได้เริ่มเก็บตัวทันที นั่นบ่งบอกถึงความกังวลของฟรอสต์เกี่ยวกับการฮีทครั้งแรกของตัวเองไม่น้อยฟรอสต์เป็นคนพูดน้อยและไม่ค่อยแบ่งปันความกังวลของตัวเองให้ใครฟังมากนัก สโนว์และวินเตอร์อดรู้สึกเป็นห่วงไม่ได้ก็เลยไปยืนเฝ้าหน้าห้องที่ฟรอสต์ใช้ซ่อนตัวชั่วคราวเพื่อความสบายใจของพวกเขาและรวมถึงฟรอสต์ด้วย“ถ้านายอยากได้อะไรเรียกพวกเราได้นะ” วินเตอร์เคาะประตูและตะโกน“นายลืมไปแล้วรึไงว่าฟรอสต์มีกระเป๋ามิติของตัวเอง” สโนว์พูด“เผื่อว่าฟรอสต์ลืมเอาบางอย่างใส่กระเป๋ามิติไง” วินเตอร์เอ่ย “ว่าแต่อาการฮีทของฟรอสต์จะอยู่นานแค่ไหน?”“ถ้าไม่มีอะไรผิดปกติก็น่าจะแค่สามสี่วัน คงไม่ยาวนานเป็นสัปดาห์เหมือนนายหรอก”สามวันผ่านไปแต่ปรากฏว่าสามวันผ่านไปฟรอสต์ก็ไม่มีทีท่าว่าจะดีขึ้นหรือออกจากห้องเลย เสียงหอบอย่างทรมานของฟรอสต์ดังเล็ดลอดออกมาจากข้างในห้องสร้างความกังวลให้สโนว์และวินเตอร์ไม่น้อยทั้งที่ฟรอสต์ใช้ยาระงับฮีทไปแล้วแต่มันกลับไม่ดีขึ้นเลย! ยาระงับฮีททั่วไประงับอาการฮีทของฟรอสต์ไม่ได้อย่างที่แพทย์บอกไว้ไม่มีผิด“อาการฮี
[14] [เดินทางท่องเที่ยว?]คำสั่งของผู้บัญชาการของหน่วยพลีชีพที่หนึ่งมาถึงแล้ว คำสั่งคือ [เดินทางไปพักผ่อนทางเหนือได้ตามใจชอบ ระยะเวลาคือสามเดือน]หากคนธรรมดาได้ยินคำสั่งนี้คงเข้าใจว่าพวกเขาได้รับวันหยุดพักผ่อนสามเดือนเต็ม แต่สำหรับทหารหน่วยพลีชีพที่คุ้นเคยกับคำสั่งเช่นนี้ของผู้บัญชาการแล้วสามารถเข้าใจได้ทันทีว่ามันคือคำสั่งให้พวกเขาเดินทางไปทางเหนือโดยทำเหมือนไปพักร้อนแต่ความจริงแล้วคำสั่งก็คือให้พวกเขาไปรอประจำการที่ทางเหนือเพื่อรอรับภารกิจที่อาจจะมาอย่างกะทันหันภายในสามเดือนนี้ไม่ต่างจากคำสั่งให้ไปทำภารกิจนัก“เดี๋ยวนะ คำสั่งคือให้เราเดินทางเองเหรอ” สโนว์ถามด้วยสีหน้าขยาดเมื่อทราบว่าทางกองทัพจะไม่ส่งยานพาหนะมาให้พวกเธอเพราะพวกเธอจะไป ‘พักผ่อน’ ไม่ได้ไปทำภารกิจ ซึ่งไม่มีสิทธิ์ใช้ยานพาหนะของทางกองทัพแต่อย่างที่ทราบกันดีว่ายานพาหนะและเชื้อเพลิงของยานพาหนะหายากแค่ไหนในยุคนี้ คนธรรมดาแทบไม่มีโอกาสได้ครอบครองเพราะส่วนมากของพวกนี้ทางกองทัพทหารจะยึดครองไว้ใช้เองทั้งหมด และยังมีอุปสรรคอย่างพวกปรสิตที่มักจะเข้ามาโจมตีทั้งทางพื้นดินและทางอากาศอีก แม้จะหายานพาหนะได้แต่ถ้าหากยานพาหนะไม่แข็งแรง
[15] [เจ้าชายจากโดมคีรัน]เคียร่า แองเจโล่ เกิดและเติบโตขึ้นมาในโดมที่มีชื่อเรียกว่า คีรัน และด้วยความที่ว่าเขาเป็นลูกหลานของผู้ปกครองโดมเขาจึงถูกปฏิบัติอย่างดีราวกับเป็นเจ้าชาย นานวันเข้าเคียร่าจึงคิดว่าตัวเองคือเจ้าชายและโดมคีรันคืออาณาจักรของเขานานวันความฝันของเคียร่ายิ่งยิ่งใหญ่มากขึ้น เขาอยากแข็งแกร่งและกล้าหาญเหมือนเจ้าชายในนิทานที่มักจะออกเดินทางไปปราบปีศาจร้ายและกลับมาพร้อมชัยชนะและชื่อเสียงที่ยิ่งใหญ่ เป็นฮีโร่ที่ทุกคนชื่นชมเคียร่าคิดว่าตัวเขาสามารถทำได้ทุกอย่างจึงตัดสินใจที่จะก้าวเท้าออกจากโดมที่ปลอดภัยไปยังโลกภายนอกที่ผู้คนหวาดกลัว แต่เมื่อเขาได้เห็นโลกที่กว้างใหญ่ครั้งแรกเขาพบว่ามันไม่ได้น่ากลัวเลย ความยิ่งใหญ่ของโลกมันช่างวิเศษและเขายังค้นพบอีกด้วยว่าอาณาจักรที่ยิ่งใหญ่ของเขาแท้จริงมันก็แค่กรงขนาดเล็กเมื่อเทียบกับความยิ่งใหญ่ของโลกนี้อิสระ… เคียร่าต้องการที่จะปลดปล่อยประชาชนของเขาออกจากกรงขังที่เรียกว่าโดมอันปลอดภัยของมนุษยชาติ เพื่ออิสรภาพอันแท้จริง!แต่ก่อนหน้านั้นเขาจะต้องทำให้ผู้คนในโดมรู้ถึงความสวยงามและยิ่งใหญ่ของโลกภายนอกก่อน! เคียร่าจึงตัดสินใจที่จะสร้างช่องใน
[16] [ความคิดของผู้คน]หัวใจของเคียร่าเต้นรัวด้วยความตื่นเต้น ปรสิตที่มีหน้าตาเหมือนกวางแต่มันมีหางหุ้มเกราะหนามถึงสามหางกำลังก้าวเดินเข้ามาใกล้รถเดินทางของเขามากขึ้นเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวเพื่อกำจัดมัน ทหารรับจ้างและทหารหน่วยพลีชีพยังยืนนิ่งรอให้มันเข้ามาใกล้จนกระทั่งมันใช้หางหุ้มเกราะหนามโจมตี ทว่ามันก็ยังไม่มีใครเคลื่อนไหวทำอะไรเลยอยู่ดีตึง!ทหารรับจ้างทุกคนรู้สึกใจหล่นหายตอนที่มันโจมตี แต่เมื่อพวกเขาเห็นว่าการโจมตีของปรสิตตัวนั้นปะทะเข้ากับเกราะพลังบางอย่างที่ปรากฏขึ้นมาให้เห็นเลือนรางพวกเขาก็ถอนหายใจโล่งอกและยืนมองปรสิตสองดาวตวัดหางโจมตีไม่หยุดแต่ก็ไม่สามารถแตะต้องคนที่ยืนอยู่ข้างหลังเกราะป้องกันนั้นได้นี่น่ะเหรอพลังพิเศษ?“ปรสิตสองดาวดูจัดการง่ายไปเลย” ดราก้อนพึมพำเพื่อตัดสินระดับความยากในการจัดการปรสิตพวกนั้น เหล่าทหารรับจ้างได้ให้ดาวกับพวกปรสิต ยิ่งดาวเยอะเท่าไหร่มันยิ่งจัดการยาก ระดับสองดาวแม้จะไม่มากแต่ก็ถือว่าจัดการไม่ง่ายเลย หางของมันที่เป็นอาวุธสามารถทำให้เกราะของรถยุบได้เลย แต่เกราะพลังนั่นกลับไม่แม้แต่จะสั่นสะเทือนทั้งที่โดนการโจมตีของปรสิตอย่างต่อเนื่อง“
[17] [เส้นทางที่ต้องผ่าน]“สโนว์มานั่งนี่สิ” วินเตอร์ตบเบาะตรงกลางระหว่างขาของเขาที่เขาจงใจเว้นว่างไว้และเอ่ยปากเรียกสโนว์สโนว์เพิ่งตื่นเมื่อครู่เดินไปนั่งตรงที่วินเตอร์เว้นว่างไว้ให้โดยที่ไม่ได้พูดอะไรก่อนจะรับอาหารแห้งจากฟรอสต์ มันเป็นอาหารที่แค่ฉีกซองแล้วก็กินได้เลย สโนว์เลยนั่งเอนหลังพิงวินเตอร์ที่นั่งซ้อนอยู่ข้างหลังและทานอาหารเช้าไปด้วยอย่างงัวเงียวินเตอร์เห็นท่าทางขี้เกียจของสโนว์แล้วก็นึกถึงอลิซาเบธที่ปีนขึ้นมานั่งตักของเขาเมื่อวานสาเหตุที่สโนว์อารมณ์เสียเมื่อวานเป็นเพราะมีแมวตัวอื่นมาแย่งที่นั่งนี่เอง!วินเตอร์สรุปกับตัวเองในใจโดยไม่คิดจะเผยความคิดให้หญิงสาวที่นั่งอยู่บนตักรู้ ไม่งั้นเขาคงโดนข่วนแน่“กินได้แล้ว เช้านี้เรามีเวรยาม” ฟรอสต์เห็นว่าวินเตอร์เอาแต่ยิ้มเลยใจดียื่นอาหารไปจ่อปากวินเตอร์ เขาป้อนอาหารแห้งให้วินเตอร์จนหมดอย่างรวดเร็วเพราะวินเตอร์กัดแค่สองคำอาหารก็หมดแล้วอย่างไรก็ตามสิ่งที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วเมื่อครู่อยู่ในสายตาเคียร่าที่กำลังนั่งหั่นไข่ดาวอยู่ฝั่งตรงกันข้ามของโต๊ะ“…?” นั่นอะไรน่ะ? ทำไมเขารู้สึกว่ามันมีบางอย่างที่ไม่ปกติ ความใกล้ชิดนั่นเป็นเรื่องปกติ
[18] [ทำงานนอกเวลา]ไม่ว่าใครก็ทราบกันดีว่าหนึ่งในงานที่อันตรายที่สุดก็คืองานที่ต้องออกนอกโดมปลอดภัย แต่ก็ยังมีคนมากมายยอมที่จะออกนอกโดมเพื่อทำงานเพราะนั่นเป็นทางเดียวที่พวกเขาจะได้รับเงินจำนวนมากและจะไม่อดตายอยู่ในโดมที่มีทรัพยากรจำกัดงานขนส่งสินค้าก็เป็นหนึ่งในงานที่อันตรายติดอันดับเพราะต้องขนสินค้าข้ามจากอีกโดมไปยังอีกโดม ระหว่างการขนสินค้า ไม่รู้เลยว่าจะต้องเจออะไรบ้าง คนที่เลือกทำงานนี้ต่างก็ต้องเตรียมใจมากันก่อน แต่เมื่อต้องตกอยู่ท่ามกลางวงล้อมของปรสิตมันก็ไม่มีใครสงบสติของตัวเองได้หรอกคาร่ารู้สึกหวาดกลัวจนแทบเสียสติ ในขณะที่ยืนมองเพื่อนที่ทำงานขนส่งเช่นเดียวกับเธอกรีดร้องด้วยความกลัวอย่างเสียสติจากนั้นเพื่อนคนนั้นก็ถูกปรสิตกัดจนตัวขาดครึ่ง“ช่วยด้วย!”“ฉันยังไม่อยากตาย!”“ไม่!”เสียงร้องโหยหวนดังระงมขณะที่พวกเขาพยายามหนีปรสิตที่ไล่ล่าพวกเขา สถานการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะพวกเขาไม่ทันสังเกตเห็นฝูงปรสิตที่แอบซ่อนตัวอยู่ในป่าหนามที่พวกเขาใช้เป็นทางผ่านไม่มีใครคิดว่าตัวเองจะโชคร้ายเจอปรสิตจำนวนมากในครั้งเดียวเช่นนี้แม้ว่าพวกเขาจะพยายามต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด แต่พวกปรสิตก็ราวกับว่ามีสม
[19] [ถูกล้อม]โดยไม่คาดคิด ปรสิตอีกฝูงได้ปรากฏตัวออกมาจากป่าและล้อมรถของพวกเขาไว้หมดทุกทาง“หัวหน้า! เราถูกล้อมแล้ว!” ดีลุคตะโกนเสียงดังลั่น“เห็นแล้ว! รีบเปิดกลไกป้องกันตัวของรถ!” ดราก้อนตอบกลับเสียงเครียดและสั่งการทันที ไม่มีเวลาให้ตกใจสงสัยว่ามีฝูงปรสิตอีกกลุ่มมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง อย่างแรกที่ต้องทำคือรักษาชีวิตเอาไว้จนกว่าทหารสามคนนั้นจะกลับมา!“ผมส่งสัญญาณขอความช่วยเหลือไปให้สามคนนั้นแล้วครับ! อีกไม่เกินสิบนาทีคงมาถึง!” ดีลุคเอ่ยก่อนจะหันไปหยิบปืนขึ้นมากอดไว้“รู้งานดีนี่!” ดราก้อนเอ่ยชม อยากจะยกนิ้วให้แต่มือไม่ว่างเพราะตอนนี้เขากำลังวุ่นวายกับการบรรจุกระสุนใส่ปืน จากนั้นเขาก็ไม่รอช้าที่จะกระโดดออกไปจากรถและลั่นไกยิงปรสิตที่พุ่งเข้ามาโจมตีทันทีลูกทีมของดราก้อนก็ทำงานหนักเช่นกัน พวกเขาต้องประสานการโจมตีกันเป็นทีมเพื่อหยุดยั้งไม่ให้ปรสิตเข้ามาใกล้รถมากเกินไป แต่เพราะพวกมันมีเยอะเกินไปถึงจะล้มตัวหนึ่งได้มันก็จะมีตัวใหม่ปรากฏตัวออกมาอีกสองและมันยังมาทุกทิศทางจนพวกเขารับมือแทบไม่ทัน หากไม่มีกลไกป้องกันตัวของรถที่เป็นปืนอัตโนมัติช่วยยิงพวกเขาอาจจะถูกล้อมได้เร็วกว่าเดิมแต่เมื่อพวกเขาส
[33] [ขั้นตอนสุดท้าย]“ฮา…” ลมหายใจที่สโนว์พ่นออกมากลายเป็นควันเพราะความหนาวในอุณหภูมิเยือกแข็ง สโนว์ยกขาถีบปรสิตที่กลายเป็นรูปปั้นน้ำแข็งตรงหน้าให้ล้มจนมันแตกเป็นเสี่ยง จากนั้นสโนว์ก็เริ่มไล่ทุบและเตะปรสิตทั้งหมดที่ขยับไม่ได้เพราะถูกพลังของเธอแช่แข็งจนพวกมันแตกเละไม่เหลือชิ้นดี หมดโอกาสที่จะกลับมามีชีวิตอีกแล้ว ซึ่งจุดประสงค์ในการไล่ทุบทำลายอย่างโหดเหี้ยมของเธอก็เพื่อระบายอารมณ์หงุดหงิดล้วนๆ ไม่ได้มีโกรธแค้นพวกมันมาตั้งแต่ชาติปางก่อนแต่อย่างใดสโนว์สูดหายใจเข้า “ไปตายซะไอ้พวกปรสิตเฮงซวยเอ๊ย!” เมื่อตะโกนเพื่อระบายอารมณ์แล้วเธอก็ยังกระทืบเศษน้ำแข็งที่เคยเป็นปรสิตมาก่อนจนมันกลายเป็นฝุ่นไปแล้วซึ่งสาเหตุของอารมณ์หงุดหงิดของสโนว์ก็จะมาจากไหนไปไม่ได้นอกจากเรื่องของวินเตอร์และฟรอสต์ที่เธอได้ยินมาจากอีธาน เธอไม่มีทางเชื่อเด็ดขาดว่าพวกเขาจะตายไปทั้งแบบนั้น เธอหวังว่ามันจะเป็นเรื่องโกหก แต่ความกังวลและความกระวนกระวายก็ยังไม่หายไปและมันทำให้เธอรู้สึกหงุดหงิด สุดท้ายเธอก็ได้มาระบายอารมณ์กับปรสิตที่อีธานให้เธอใช้สำหรับทดสอบใช้พลังจนปรสิตที่ถูกเธอใช้เป็นที่ระบายอารมณ์ไม่เหลือแม้แต่ซากอย่างที่เห็น
[32] [ผลของฟีโรโมน]“ทดลอง ทดลอง ใส่สารตัวนี้สักหน่อย ใส่ตัวนี้สักนิด ไม่สิ ตัวนี้มีฤทธิ์เบาเกินไป ส่วนตัวนี้มีผลเสียต่อร่างกาย งั้นลองสารนี้แล้วกัน” อีธานพึมพำขณะที่กำลังปรุงสารบางอย่างลงในหลอดแก้วอย่างอารมณ์ดีสโนว์นั่งมองรอยยิ้มกว้างนั่นด้วยสายตาปลาตาย น่าเสียดายมากที่เธอไม่สามารถหนีไปจากเจ้าคนประหลาดคนนี้ได้ ในขณะที่เธอปลงตกอีธานก็เหมือนจะเสร็จธุระของตัวเองแล้ว เขาหันมาหาเธอพร้อมกับถือหลอดแก้วที่มีสารบางอย่างที่ปรุงแล้วเรียบร้อยในมือ“ลองชิมได้ไหมครับ? ไม่เป็นอันตรายแน่นอนเพราะผมมั่นใจในการคำนวณมากเลย” อีธานยื่นหลอดแก้วที่มีสารเหลวสีน้ำเงินมาให้สโนว์ แต่เมื่อเห็นว่าสโนว์ที่มีบรรยากาศต่อต้านมือที่ยื่นหลอดแก้วออกไปก็มีท่าทีเงอะงะอย่างตื่นเต้น แม้ว่าเธอจะไม่ต่อสู้เพื่อต่อต้านแล้วแต่ก็ไม่ได้ยอมจำนน อีธานคิดว่าหากเขากระตุ้นเธอสักหน่อยมันก็มีความเป็นไปได้ที่เธอจะอาละวาดเพียงแค่จินตนาการเปลือกตาของอีธานก็กระตุก ริมฝีปากของเขาเม้มลงเล็กน้อย และแก้มของเขาก็แดงขึ้นมาเล็กน้อย เขากำลังคาดหวังให้มันเกิดขึ้นอีธานก้าวไปยืนชิดกับเก้าอี้ที่สโนว์นั่งอย่างกะทันหันจนสโนว์ผงะ เธอขมวดคิ้วขณะเงยหน้ามอ
[31] [ราชา]มองไปทางไหนก็เจอแต่หิมะสีขาวโพลนและสายลมเย็นยะเยือก ความหนาวเย็นบนยอดภูเขาหิมะทำให้ความเจ็บปวดจากแผลไฟลวกบนมือของสโนว์ลดลงเล็กน้อย“ทำไมต้องมาอยู่บนภูเขาหิมะด้วยเนี่ย” สโนว์บ่น หากให้บุกฝ่าภูเขาหิมะไปโดยที่ไม่พกอะไรติดตัวไปสักอย่างก็เกรงว่าจะหมดแรงและหนาวตายอยู่ระหว่างทางเสียก่อน แต่สโนว์ในตอนนี้ไม่มีทางให้เลือกมากนัก เธอเดินเหยียบหิมะหนาไปข้างหน้า แต่เมื่อเดินไปได้ไม่ไกลสโนว์ก็รู้สึกถึงอันตรายบางอย่างโดยสัญชาตญาณมีบางอย่างใต้หิมะแต่ยังไม่ทันที่สโนว์จะรู้ว่ามันคืออะไรสิ่งที่ซ่อนอยู่ใต้หิมะก็คลานออกมาจากใต้หิมะหนา มันไม่ได้มีเพียงตัวเดียว แต่มีหลายตัว“คน?” เมื่อเห็นในแวบแรกเธอก็คิดอย่างนั้นเพราะรูปร่างที่เหมือนมนุษย์ของมัน แต่กลิ่นอายของมันทำให้สโนว์รู้สึกว่ามันไม่ใช่“ห้าม…ออก…ไป” คนที่โผล่ออกมาจากหิมะได้พูดขึ้นมาด้วยน้ำเสียงตะกุกตะกัก“ห้าม…ออก…ไป” “ห้าม…ออก…ไป” “ห้าม…ออก…ไป” พวกมันเริ่มพูดคำพูดเดียวกันซ้ำแล้วซ้ำเล่าราวกับพูดคำอื่นไม่เป็น สโนว์รู้สึกว่าคนพวกนั้นผิดปกติ เธอเตรียมตัวต่อสู้ได้ทุกเมื่อหากพวกมันโจมตี แม้ว่าเธอจะเสียพลังไปมากจนฝืนต่อไปแทบไม่ไหว แต่เธอก็พร
[30] หิมะไม่ยอมละลาย“เฮ้อ…” วินเตอร์ไม่รู้ว่าตัวเองถอนหายใจออกมากี่ครั้งแล้ว ใครจะไปสนใจนับจำนวนลมหายใจของตัวเองในขณะที่ยังไม่รู้ว่าเพื่อนที่ถูกลักพาตัวไปเป็นตายร้ายดียังไงได้อย่างไรกัน“…” ฟรอสต์มีท่าทีนิ่งสงบตรงกันข้ามกับท่าทางของวินเตอร์ที่กระวนกระวายเคียร่ามองหน้าทหารหน่วยพลีชีพทั้งสองคนสลับไปมา ถึงท่าทางที่แสดงออกของพวกเขาจะตรงกันข้ามกัน แต่เคียร่าสามารถบอกได้ว่าพวกเขาอยู่ในอารมณ์เดียวกัน“ตาแดง ขอบตาดำคล้ำ….อย่างกับปรสิตแพนด้า” “อาการแบบนี้เรียกว่าเครียดจนนอนไม่หลับครับ” เซบาสเตียนกล่าว ในอ้อมแขนของเขายังอุ้มแมวขาวที่กำลังนอนหลับสนิทแลดูสบายอกสบายใจเข้าสู่วันที่เจ็ดแล้วตั้งแต่สโนว์ถูกลักพาตัวหายไป ด้วยความช่วยเหลือจากผู้นำโดมอย่างอลันที่ช่วยแกะรอยองค์กรไกด์ที่คาดว่าลักพาตัวสโนว์ไป วินเตอร์และฟรอสต์ก็มุ่งหน้าตามร่องรอยได้มาอย่างไม่หยุดพัก พวกเขาไม่ได้แม้จะนอนหลับด้วยซ้ำ เพียงหลับตาเพื่อพักสายตาครู่หนึ่งก็ตื่นขึ้นมาค้นหาร่องรอยต่อจนกระทั่งร่างกายที่แม้จะวิวัฒนาการแล้วก็ยังแสดงอาการที่บ่งบอกว่านอนน้อยให้เห็น“เฮ้อ” วินเตอร์ในสภาพนอนน้อยจนใต้ตาดำถอนหายใจออกมาอีกรอบพลางหันไปมองฟร
[29] [หลบหนี]บนหน้าต่างยังฉายภาพภูเขาหิมะเช่นเดิม สวยงามแต่ก็น่าเบื่อ สโนว์ยืนมองออกไปอย่างไร้อารมณ์ เฝ้ารอการมาของคนเพียงคนเดียวที่เข้ามาหาเธอในห้องสีขาวอันว่างเปล่านี้ตามช่วงเวลาเดิมของทุกวันประตูห้องที่เหมือนกับห้องปิดตายนี้ก็เปิดออก ในเสี้ยววินาทีที่ประตูปลดล็อกและแง้มเปิดพลังพิเศษของสโนว์ก็พุ่งตรงเข้าไปทำลายประตู แต่ในเสี้ยววินาทีเดียวกันปลอกคอและกำไลบนข้อเท้าและข้อมือของเธอก็เริ่มทำงานเช่นกันแม้ว่าประตูจะหยุดทำงานชั่วคราวและมีโอกาสให้หนีออกไปจากห้องขังนี้แต่สโนว์ก็ได้ทรุดลงไปนอนกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรงหนีแล้ว อีธานเดินเข้ามาและหยุดอยู่ตรงหน้าสโนว์“ผมไม่คิดว่าคุณจะเป็นเด็กดื้อขนาดนี้” สโนว์มองปลายเท้าที่มาหยุดอยู่ตรงหน้าของเธอ ทันใดนั้นแขนที่น่าจะขยับไม่ได้ของเธอได้เอื้อมไปคว้าข้อเท้าของอีธานอย่างรวดเร็ว “!?” อีธานที่ไม่ทันระวังตัวพยายามชักเท้าหนี แต่ทันใดนั้นเขาก็รู้มึนงงราวกับสมองกลับด้านอย่างกะทันหัน อีธานล้มลงไปนั่งกับพื้นอย่างอ่อนแรงโดยที่สโนว์ไม่จำเป็นต้องออกแรงดึงข้อเท้าของเขาเลยดวงตาสีฟ้าของเขาเบิกกว้างขณะมองสโนว์ที่ยืนขึ้นได้ทั้งที่กำไลข้อมือและข้อเท้ากำลังทำงานด้
[28] [หนีดีกว่า]ไม่สามารถต่อต้าน ไม่สามารถหลบหนี ไม่สามารถจบชีวิตตัวเองได้ และไม่อยากให้ความร่วมมือ แต่ท้ายที่สุดก็ไม่มีอะไรที่ทำได้นอกจากยอมจำนน ซึ่งทางเลือกในการยอมจำนนมันก็ไม่ใช่ทางเลือกที่น่าลำบากใจนักสำหรับสโนว์ ถ้าให้เลือกระหว่างต่อต้านโดยอาละวาดอย่างไร้ความหมายและไร้ผลลัพธ์ที่ต้องการ เธอเลือกยอมจำนนอย่างสงบเพื่อหาทางรอดอื่นดีกว่าตัวเลือกแรกก็คงต้องเป็นการยื่นข้อเสนอ“สองเดือน ฉันมีเวลาแค่สองเดือนที่นี่เพราะฉันยังมีภารกิจที่ต้องทำอยู่” ภารกิจที่เธอหมายถึงคือหยุดพักจากงานและเดินทางไปทางเหนือ“อือ…ยอมรับได้เพียงครึ่งเดียว” อีธานครุ่นคิดเพียงครู่เดียวก่อนจะพยักหน้าเห็นด้วย เขายอมตกลงง่ายมากจนสโนว์แปลกใจสโนว์เพิ่งมานึกระแวงว่าการทดลองที่ว่านั่นอาจจะทำให้เธอกลายเป็นตัวอะไรสักอย่างที่ไม่รู้จักก็ได้“นายต้องการทดลองอะไรถึงต้องมาเจรจากับฉันเพื่อขอความร่วมมือก่อนในเมื่อนายสามารถบังคับฉันได้?” “ผมไม่อยากได้ตัวทดลองที่ไร้จิตวิญญาณ สิ่งสำคัญในการทดลองครั้งนี้จะต้องคงอยู่เช่นเดิมของสติปัญญาของสิ่งมีชีวิต” “ฉันไม่ค่อยอยากจะเชื่อนายเท่าไหร่ นายคงไม่ได้มีแผนอย่างการกล่อมให้ฉันยอมรับการทดลอ
[27] [เจรจา]เมื่อตื่นขึ้นมาสโนว์รู้สึกเหมือนกับว่าเธอได้นอนหลับไปยาวนานมาก ไม่สิ มันไม่ใช่ความรู้สึก ความจริงแล้วเธอรู้ตัวว่าตัวเองนอนหลับไปยาวนานมากแล้วจริงๆ แม้ว่ายาสลบยังไม่หมดฤทธิ์แต่สโนว์ก็ได้สติกลับมาเป็นบางช่วงจึงสามารถรับรู้ถึงสิ่งที่กำลังเกิดขึ้นรอบตัวได้ในช่วงเวลาสั้นๆ ซึ่งก็ดูเหมือนว่าตัวเธอจะกำลังถูกคนบางกลุ่มพาตัวไปที่ไหนสักแห่งโดยระหว่างทางคนกลุ่มนั้นก็จะคอยให้ยาสลบกับเธอตามเวลาเพื่อไม่ให้เธอตื่นขึ้นมากลางคันแต่ตอนนี้สโนว์ไม่รับรู้ถึงคนกลุ่มนั้นอยู่รอบตัวอีกแล้ว หลังจากตื่นมารอบนี้ก็ไม่มีใครให้ยาสลบอย่างต่อเนื่องกับเธออีก สโนว์จึงเริ่มกลับมาควบคุมร่างกายของเธอได้อีกครั้งและในที่สุดก็ลืมตาขึ้นมาได้แล้วดวงตาของสโนว์ปรับเข้ากับแสงบนเพดานห้องได้อย่างรวดเร็ว อย่างแรกคือสำรวจรอบตัว ตอนนี้เธอกำลังอยู่ในห้องสี่เหลี่ยมขนาดค่อนข้างใหญ่แต่มันไม่มีอะไรเลยนอกจากเตียงสีขาวที่เธอนอนอยู่และหน้าต่างกระจกบานหนึ่งที่มีขนาดเท่าผนังห้อง ส่วนผนังอีกสามด้าน พื้น และเพดานห้องก็เป็นแค่สีขาวว่างเปล่า สโนว์เดินเข้าไปใกล้หน้าต่างกระจกใส ภาพหลังกระจกที่ได้ปรากฏให้เห็นก็คือภูเขาหิมะ หากว่าหลังกระ
[26] เจรจา โดมได้ผ่านพ้นวิกฤตจากปรสิตมดมาได้แล้ว จากความช่วยเหลือจากกำลังเสริมจากกองทัพทหารใกล้เคียงพวกเขาจึงสามารถกวาดล้างปรสิตที่ยังหลงเหลืออยู่ในโดมได้อย่างรวดเร็วมากขึ้น เมื่อสถานการณ์อยู่ในการควบคุมแล้วทหารหน่วยพลีชีพที่อยู่ในช่วงวันหยุดพักผ่อนจึงไม่จำเป็นต้องฝืนทำงานต่อ พวกเขาจึงถอยออกมาจากสนามรบ แต่พวกเขาก็ได้รับข่าวร้ายหลังจากนั้น“หมายความว่ายังไงที่ว่าสโนว์หายไป!” วินเตอร์แทบจะแสดงความโกรธเกรี้ยวทั้งทีที่ได้รับข่าว เขาเกือบจะพุ่งเข้าไปกระชากคอเสื้อของอลันที่เป็นคนบอกข่าวนี้กับเขา โชคดีที่ฟรอสต์จับไหล่ของวินเตอร์เอาไว้ได้ก่อน“อธิบาย” ฟรอสต์ถามเพียงคำเดียว แต่นั่นก็สร้างความกดดันให้กับอลันไม่ต่างจากที่เกือบโดนวินเตอร์กระชากคอ“มีรายงานจากทหารทีมลอบยิงทางอากาศมาว่าพลทหารหญิงสโนว์หายตัวไปหลังจากเข้าไปช่วยพลเรือนคนหนึ่งที่ทำงานเป็นพนักงานซ่อมแซมกำแพง หลังจากเสร็จสิ้นภารกิจพวกเขาจึงเข้าไปตรวจสอบและยืนยันว่าพลทหารสโนว์ไม่ได้เสียชีวิตแต่หายตัวไปเพราะมันไม่ร่องรอยของการถูกสังหาร ยังไม่ทราบสาเหตุแน่ชัดของการหายตัวไปแต่น่าจะเกี่ยวข้องกับพลเรือนที่เธอเข้าไปช่วยเพราะเมื่อทหารทีมลอบยิงท
[25] [ลักพาตัว] [จบ part 1]ฟรอสต์และวินเตอร์ถูกล้อมไว้ทุกทางโดยปรสิตเพราะพวกเขากลายเป็นเป้าหมายของความโกรธแค้นของพวกปรสิต แต่ตอนนี้วินเตอร์และฟรอสต์ไม่สามารถหนีไปจากตรงนี้ได้ วินเตอร์จำเป็นต้องปิดปากหลุมด้วยพลังโล่ของเขาเพื่อไม่ให้แก๊สพิษและปรสิตที่เหลือรอดเล็ดลอดออกมา ในขณะเดียวกันฟรอสต์ก็คอยปกป้องวินเตอร์ที่ไม่สามารถปกป้องตัวเองได้ชั่วคราวการรับมือกับฝูงปรสิตร่างมดที่ไม่ได้มีพลังโจมตีมากนักไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับฟรอสต์ เขายังมีอาวุธเหลืออยู่มากมายในคลังมิติของเขา เขายืนอย่างมั่นคงต่อหน้าฝูงปรสิตแล้วนำปืนกลอัตโนมัติออกมาสองกระบอกและปล่อยให้พวกมันทำงานกำจัดปรสิตโดยอัตโนมัติ ถ้ามีปรสิตที่หลบวิถีกระสุนของปืนกลได้พวกมันก็จะถูกระเบิดไฟฟ้าของฟรอสต์โจมตีแทนระยะการระเบิดของระเบิดไฟฟ้าไม่กว้างนักแต่อานุภาพของมันไม่อาจดูถูกได้ ปรสิตร่างมดที่ถึงแม้จะมีเกราะหุ้มตัวที่หนาในระดับหนึ่ง แต่ก็พ่ายแพ้ให้กับไฟฟ้าแรงสูงได้อย่างง่ายดายแต่ยังไงระยะการโจมตีของระเบิดไฟฟ้าก็แคบเกินไป การใช้ระเบิดไฟฟ้าจึงถือว่าเปลืองเกินไป ฟรอสต์จึงโจมตีเป็นหลักด้วยปืนที่มีอานุภาพในการทำลายสูงทั้งสองกระบอกในมือ เขายิงปืนอย