หญิงสาววัยยี่สิบสองปีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นด้วยท่าทางสงบนิ่ง ใบหน้าสะอาดสะอ้านประดับด้วยดวงตากลมโตหวานปนโศกอันเป็นจุดเด่นบนดวงหน้าแสนธรรมดาของเธอ จมูกโด่งเล็กเหมาะเจาะรับกับ ริมฝีปากอิ่มเต็มระเรื่อตามวัยสาวนั้นดูแห้งผากไร้สีสันทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเศร้าสร้อยและเย็นชืดเหมือนคนไร้ชีวิตวิญญาณ ร่างบอบบางสูงไม่ถึงร้อยหกสิบเซนติเมตรสวมเสื้อผ้าสีทึบทึมยิ่งทำให้ดูบอบบางหม่นหมองลงไปอีกราวกับว่าเธอคือศูนย์รวมของความเย็นชาและความโศกเศร้าทั้งมวลบนโลกนี้กระนั้น ศีรษะทุยสวยซอยผมสั้นเข้ารูปหน้าเรียวเล็กยิ่งทำให้เธอดูตัวเล็กราวเด็กหนุ่มแรกรุ่นมากกว่าหญิงสาวโตเต็มวัย
“หวังว่าเธอคงไม่ปฏิเสธความหวังดีของฉันนะ อาภา”
หญิงวัยห้าสิบสี่ใบหน้าสะสวยสมวัยแต่ดูเย็นชาและแข็งกระด้างนามว่า เพทาย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีแววแห่ง ความหวังดี เช่นที่พูดเลยแม้แต่น้อย แต่ผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงเก่าทรุดโทรมก็ยิ้มให้บางๆ
“จ้ะ ขอบใจนะเพชรที่เมตตาฉันกับลูก”
“แน่นอนล่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนรักกันนี่นะ” อีกฝ่ายยิ้มเย็นเหมือนเย้ยหยันเสียมากกว่าจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
“ยังไงฝากยายพราวด้วยนะ แกเป็นเด็กดีมาก ยายพราวคือสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน พราวกราบคุณเพทายสิลูก ต่อไปนี้ลูกจะต้องไปอยู่กับคุณเพชรเขานะลูก”
อาภาพยุงกายลุกนั่งแล้วบอกลูกสาวซึ่งนั่งนิ่งมาตลอดเวลาที่ผู้สูงวัยทั้งสองคุยกัน
ภาวนา กราบอย่างงดงามด้วยกริยาที่ได้รับการอบรมมาจากมารดาโดยไม่ได้ปรุงแต่งหรือจำใจทำ สิ่งใดที่มารดาบอกสอนเธอจำใส่ใจมาเสมอและทุกอย่างที่มารดาต้องการเธอก็พร้อมที่จะทำตามโดยไม่ขัดข้องอิดออด แม้ว่าสิ่งนั้นมันจะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธออาจจะไม่มีวันพบกับความสุขเลยก็ตาม
“กริยามารยาทดีนี่นา สอนลูกได้ดีนะ ไม่น่าเชื่อ”
เหมือนเป็นการประชดมากกว่าชื่นชมแต่อาภากลับยิ้มให้อย่างจริงใจไม่ถือโทษโกรธเคือง ไม่ว่าเพทายจะพูดอะไรหรือทำอะไรนางก็ไม่โกรธหรือคิดจะตอบโต้เพราะถือว่าเป็นการไถ่โทษให้กับตัวเองทั้งหมด นางจะได้ตายตาหลับเสียที
“จ้ะ แล้วเธอจะรักยายพราวและอภัยให้เรากับทุกสิ่งทุกอย่าง”
“หึ.. มันก็อาจจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกอาภา เพราะงูพิษน่ะ ยังไงมันก็คืองูพิษ”
“ฉันจะไม่พูดอะไรที่จะทำให้ดูเป็นการแก้ตัวหรอกนะ ฉันได้แต่หวังว่าเธอจะเอ็นดูเมตตายายพราวบ้าง”
“แน่นอนฉันเมตตาพวกหล่อนอยู่แล้ว เอาล่ะ ฉันจะกลับเสียที พรุ่งนี้หวังว่าคงไม่ต้องให้คนของฉันรอหรอกนะ”
ประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับหญิงสาวที่นั่งนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณซึ่งหญิงสาวก็รับคำเบาๆ ทว่าน้ำเสียงหนักแน่นจนคนฟังนึกทึ่งอยู่ไม่น้อยว่าหญิงสาวคนนี้แม้จะดูเงียบขรึมเย็นชาแต่ดูน่าเกรงขามอยู่ในที คนแบบนี้ล่ะน่าจะเอาคนของตนอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในใจของคุณเพทายมีแผนการที่มากกว่านั้น
“ส่วนเธอฉันจะให้รถมารับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยังไงก็พยายามอยู่นานๆ หน่อยล่ะ เพราะเรายังมีเรื่องต้องสะสางกันอีกเยอะ” พูดจบคุณเพทายก็ลุกเดินออกไปจากบ้านหลังเล็กเก่าโทรมของสองมารดาลูกทันที
ภาวนามองตามร่างระหงของคุณเพทายไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนยกหินหนักๆ ออกไปจากอก จากที่รู้สึกอึดอัดเหมือนไร้อากาศหายใจมากว่าหนึ่งชั่วโมงตอนนี้เธอก็หายใจคล่องขึ้น
“คุณแม่จะยกให้พราวเขาจริงๆ หรือคะ”
“มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้พราวรอดพ้นจากคนเลวๆ พวกนั้นได้ โดยเฉพาะพ่อของพราว..”
นางอาภาพูดด้วยน้ำเสียงเครือสะอื้น ภาวนาจึงลุกขึ้นไปโอบกอดร่างผอมบางราวกับว่ามีเพียงหนังหุ้มกระดูกของมารดาไว้แน่น น้ำตาที่กักเก็บไว้เนิ่นนานไหลอาบแก้มของสองแม่ลูกราวกับเขื่อนพัง ทั้งสองกอดกันกลมด้วยรู้ว่าอนาคตข้างหน้านั้นมืดมนไม่ต่างกันเลยกับปัจจุบันที่เป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย..
“อะไรนะครับจะให้ผมแต่งงาน..” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างไม่ใคร่จะพอใจนักกับเรื่องที่มารดาบอก
“ใช่จ้ะ ลูกจะต้องแต่งงานกับคนที่มารดาเลือกให้ ส่วนบรรดาดารานางแบบทั้งหลายที่ลูกเคยควงก็ควงไป แม่ก็ไม่ว่า เพียงแต่แม่ไม่รับเข้าสังกัดนามสกุลเดียวกันเท่านั้น”
“แล้วคุณแม่จะให้ผมแต่งงานทำไม”
“ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแอบใช้นามสกุลของเราน่ะสิ ยายพวกนั้นก็เพียงแค่หวังเงินทองของกำนัลจากลูกเท่านั้นลูกก็น่าจะรู้ดีนะแพท แล้วแม่ก็ไม่ชอบที่ลูกมีแต่ข่าวคาวๆ คั่วกับคนนั้นคนนี้เหมือนพวกสำส่อนเอาไม่เลือก” คุณเพทายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระเหมือนที่เขาชอบทำ
แพทริก พีรฉัตร เทเลอร์ ชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปีผู้เพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นหน้ารูปร่างหน้าตาที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาราวเทพบุตร พ่วงมาด้วยความร่ำรวยที่เรียกได้ว่ามหาศาล และแน่นอนว่าหนุ่มโสดเนื้อหอมอย่างเขาจะต้องมีหญิงสาวมากมายเข้ามาในชีวิตให้เลือกสรร ไม่ว่าจะคบจริงจังหรือชั่วคราว ซึ่งนี่เองที่คนเป็นแม่อย่างคุณเพทายจึงต้องหาอะไรสักอย่างมาสกัดกั้นไม่ให้ผู้หญิงเหล่านั้นเข้ามาวุ่นวายกับลูกชายของตนมากเกินไป เพราะแต่ละอนงค์นางนั้นไม่มีสักคนที่ถูกใจถูกตาพอที่จะสนับสนุนหรือเห็นดีเห็นงามให้แพทริกคบหาได้เลยแม้แต่คนเดียวจนนางได้พบภาวนา
ถึงแม้จะเป็นลูกเพื่อนรักเพื่อนแค้นแต่นางเชื่อว่าภาวนาจะหยุดแพทริกและผู้หญิงเหล่านั้นได้ หรือแม้จะหยุดไม่ได้ก็ไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคืออะไรนั้นคุณเพทายเลือกที่จะเก็บไว้ในใจในขณะผู้เป็นลูกชายหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ตอนที่2.“ผมไม่แต่ง..”“ทางเลือกของลูกมีแค่ทางเดียวคือแต่งงาน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ควรจะเป็นของลูกจะเป็นของผู้หญิงคนนั้น และอีกอย่าง งานแต่งงานจะมีขึ้นมะรืนนี้” พูดจบคุณเพทายก็เดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายที่ยืนอึ้งกับน้ำเสียงเยียบเย็นของมารดาเมื่อประตูปิดลงแพทริกก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างสุดแสนเซ็งจากที่ไม่อยากแต่งงานก็กลายเป็นอยากเอาชนะและอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่มารดาของเขาจะยกสมบัติมหาศาลให้เจ้าหล่อน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีอะไรดีถึงขนาดที่คนเข้มงวดและค่อนข้างจะ เยอะ อย่างมารดาของเขาอยากได้มาเป็นสะใภ้“อยากจะรู้นักเธอเป็นใครมาจากไหน หึ คิดจะจับฉันไม่ง่ายหรอก...” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิททันที“คาเมล ทำงานด่วนให้หน่อยฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดในเย็นนี้”แล้วแพทริกก็บอกรายละเอียดคร่าวๆ ให้กับ คาเมล คนสนิทวัยยี่สิบเก้าซึ่งเป็นเสมือนน้องชายและมือขวาที่เก่งฉกาจแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ภาวนาไม่อยากจะก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งที่เธอคิดมาตลอดเวลาที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ บ้านที่ไม่มีความสุขยามที่บิดาเมากลับมาพร้อมด้วยการโวยวายอาละวาดและทุบตีเธอกับมารดาจนเธ
ตอนที่3..“เชิญขึ้นรถครับ..” เสียงห้าวเข้มของชายหน้าตาขึงขังดังขึ้นทำให้ภาวนาสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ มองเขางงๆ ชายคนนั้นจึงย้ำกับเธออีกครั้ง“ผมเป็นคนของคุณเพทายมารับคุณไปที่บ้านครับ”“อ้อ ค่ะๆ สวัสดีค่ะ” ภาวนาไหว้เขาอย่างงดงามจนทำให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถมารับ เจ้าสาว ของเจ้านายถึงกับรับไหว้ไม่ทัน ภาวนายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างรถคันหรูที่เธอไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสนั่ง ตอนเธอเด็กๆ บิดาเคยมีรถยนต์แต่ไม่ได้หรูหราใหญ่โตแบบนี้ ธง เห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ เหมือนไม่มั่นใจของเธอจึงรีบมาเปิดประตูให้“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเข้าไปนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ“ของคุณผู้หญิงมีอะไรอีกมั้ยครับผมจะเก็บใส่หลังรถให้”ธงมองหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดรองเท้าคัทชูกลางเก่ากลางใหม่กับกระเป๋าใบเล็กใบเดียวอย่างไม่แน่ใจ“ไม่ค่ะ พราวมีแค่นี้” ใจจริงภาวนาอยากจะบอกว่าเธอไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและเงินไม่กี่ร้อย“ครับ” ธงรับคำแล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังจะไปเป็นเจ้าสาวมหาเศรษฐีอย่างคุณแพทริกจะไม่มีอะไรเลย หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจจะไปหากอบโกยเอาข้างหน้าเห
ตอนที่4.“มาเถอะค่ะ พี่สุ่นจะพาไปที่ห้องคุณแพท มีของอะไรอีกมั้ยคะ”ภาวนาส่ายหน้าช้าๆ ยี่สุ่นถอนหายใจอีกครั้งแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะลุกขึ้นพาสมาชิกใหม่ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ ทาส คนใหม่ของบ้านไปยังห้องของเจ้านายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ขี้โวยวาย เข้มงวด และทรงเสน่ห์มากที่สุด..ภาวนาเดินไปยังเรือนเล็กในสวนตามที่คุณเพทายบอกไว้ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเธอรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังเผชิญนั้นคืออะไร และก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอมีชีวิตใหม่แล้ว มีคนปกป้องให้พ้นจากคนชั่ว มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวให้กินสามมื้อ และมารดาได้รับการรักษาที่ดี คิดบวกสิคิดบวก หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น แม้จะไม่มั่นใจเลยว่าจะคิดบวกได้อีกนานแค่ไหน ซึ่งท่าทางของภาวนานั้นคุณเพทายเฝ้าสังเกตตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้ามาแล้ว“เอาล่ะ มารับรู้สิ่งที่เธอจะต้องทำในบ้านนี้เสียทีนะภาวนา”คุณเพทายเอกเขนกอิงหมอนใบสวยด้วยท่าทางสบายๆ ปากพูดแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ ภาวนานั่งลงกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยมจนเมื่อผู้สูงวัยกว่าเหลืบตามองเธอลอดแว่นก่อนที่นางจะลุกนั่งตัวตรงบรรยากาศในเรือนรับรองโล่งโปร่งสบายตาด้วยเป็
ตอนที่5.พอใส่ปุ๋ยต้นไม้ให้กับ แม่สามี แล้วภาวนาก็ต้องรีบล้างไม้ล้างมือเดินไปยังห้องครัวด้วยความรีบร้อน ทำให้ชนกับหญิงสาวแต่งตัวสวยปราดเปรียวคนหนึ่งจนตัวเธอเองกระเด็นล้มไม่เป็นท่าอยู่กับพื้นหญ้า“ว้าย เดินยังไงกันยะไม่ดูรึไงว่าฉันเดินอยู่ตรงนี้”หญิงสาวคนนั้นหันมาเท้าสะเอวยืนค้ำหัวเธอน้ำเสียงเกรี้ยวกราด ใบหน้าที่แต่งมาอย่างดีบิดเบ้จนน่าขันแต่ภาวนาไม่มีอารมณ์ขัน“คุณต่างหากที่เดินไม่ดูคนที่นี่บ้านคนนะคะไม่ใช่สวนสัตว์เปิดเขาเขียว” ภาวนาลุกขึ้นปัดเศษดินออกจากตัวแล้วจะเดินผ่านไป หากหญิงสาวคนนั้นไม่เรียกจิกเธอไว้เสียก่อน“หยุดนะนังขี้ข้า ขอโทษฉันเดี๋ยวนี้เลยนะยะ”“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมฉันต้องขอโทษด้วย หากจะขอโทษเราก็ต้องขอโทษซึ่งกันและกัน” ภาวนาไม่ยอมแพ้ แม้ภายนอกเธอจะดูเงียบๆ หงอๆ แต่เธอก็ไม่ใช่คนที่จะยอมให้ใครรังแกได้ง่ายๆ หากเธอจะยอมเธอก็ยอมให้กับแค่บางคนและบางครั้งเท่านั้น“แต่แกเป็นขี้ข้าแกต้องขอโทษฉัน ฉันเป็นเมียเจ้าของบ้านนี้นะรู้เอาไว้ด้วย”คำพูดนี้ทำให้ภาวนายิ้มบางๆ กอดอกมองหญิงสาวที่แต่งตัวได้ไร้รสนิยมใจความคิดของตน เพราะนอกจากจะไม่สวยแล้วยังเหมือนว่าเจ้าหล่อนเอาเศษผ้าขาดๆ มาพั
ตอนที่6.ภาวนายังคงติดใจในคำพูดของผักหวานอยู่ไม่น้อย เกี่ยวกับเรื่องการ แก้แค้น ของคุณเพทาย ส่วนป้าอร่อยนึกขันคนไม่รู้ตัวว่าตัวเองสวย“อย่าไปสนใจมันเลยค่ะ มันก็เพ้อเจ้อไปเรื่อย คุณพราวทำอาหารเป็นไหมคะ มาช่วยป้าทางนี้ดีกว่า” ป้าอร่อยตัดบททำให้ภาวนาจำต้องเดินไปหานาง“พราวทำอาหารเป็นค่ะและชอบทำมาก พราวอยากเป็นเชฟในโรงแรมหรือร้านอาหารใหญ่ๆ ค่ะ” หญิงสาวยิ้มกว้างเมื่อได้พูดถึงความฝันของตนเองและวางเรื่องที่ผักหวานพูดไปชั่วคราว“ดีเลยค่ะ วันนี้เราจะทำอะไรกันดีคะ มีปลากะพง ผักบุ้ง กะทิแล้วก็ผักอีกสองสามอย่าง”“คุณเพทายชอบกินอะไรคะ”“คุณท่านชอบอาหารไทยๆ โดยเฉพาะเมนูปลาค่ะ อาหารที่ไม่มีกะทิ แต่คุณแพทชอบแกงกะทิแต่ไม่ชอบกินหวานและในบ้านไม่มีใครกินเนื้อวัวหรือสัตว์ใหญ่ค่ะ” พี่กระจิบบอก“อ้อ.. ค่ะ” ภาวนารับรู้แล้วหันไปคุยกับป้าอร่อยเรื่องอาหารอย่างถูกคอหลังจากที่ทำอาหารเย็นเสร็จแล้วก็เป็นเวลาสิบเจ็ดนาฬิกาเศษๆ ภาวนารู้สึกเหนียวตัวและอยากอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเพราะวันนี้ตั้งแต่มาถึงเธอก็ได้ทำงานตลอดทั้งวันจนเหงื่อท่วมตัวแต่เธอไม่รู้จะบอกใคร หรือทำอย่างไรในเมื่อสิ่งที่ค้างคาใจอยู่นั้นมันทำให้เธอนั่งหงอ
ตอนที่7.“หยุด.. อย่าคิดแม้แต่จะเข้ามาทำอะไรที่ไม่เข้าท่า ถ้าไม่อยากเจอดี”น้ำเสียงและแววของภาวนาเข้มจัด ใบหน้าเรียบเฉยไม่แสดงอารมณ์ใดๆ แต่ก็ทำให้ผักหวานไม่กล้าเข้ามามีเพียงลิซ่าเท่านั้นที่กรีดร้องโวยวายด้วยความเจ็บปวดและเจ็บใจ“กรี๊ดนังบ้า แกปล่อยฉันนะ ฉันเจ็บนะ”“ปล่อยน่ะปล่อยแน่” พูดจบภาวนาก็ผลักลิซ่าเต็มแรงจนหน้าไถลไปกับพื้นดีที่เจ้าหล่อนเอามือยันพื้นได้ทันก่อนที่ใบหน้าสวยเพราะศัลยกรรมจะแหกเพราะกระแทกกับพื้นปูอิฐหยาบๆ“ไปกันเถอะค่ะพี่ยี่สุ่น” ภาวนาเดินไปเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ยี่สุ่นจึงรีบก้าวตามไป ปล่อยให้ลิซ่ากับผักหวานนั่งมองด้วยความเดือดดาล“เจ็บใจนัก ฉันจะฟ้องแพทคอยดู”“ฟ้องเลยค่ะคุณลิซ่ามันมาทีหลังคุณนะคะ คุณแพทไม่มองมันหรอกค่ะ คุณแพทต้องเชื่อคุณลิซ่าและลงโทษมัน” ผักหวานยุส่งแล้วประคองลิซ่าขึ้นมาจากพื้นภาพการปะทะกันระหว่างลิซ่ากับภาวนานั้นอยู่ในสายตาของคุณเพทายตลอด นางมองดูตั้งแต่ภาวนาเดินคุยกันไปตามทางแล้วเจอกับลิซ่าที่ดักรออยู่ จริงๆ แล้วนางเองก็คิดว่าภาวนาจะถูกลิซ่ากับผักหวานรุมแน่นอน แต่แล้วก็กลายเป็นว่ามันผิดคาด และการกระทำของภาวนาทำให้คุณแพทายยิ้มอย่างพอใจ อย่างน้อยๆ
ตอนที่8.น้ำเสียงหาเรื่องอย่างเห็นได้ชัด ภาวนาลอบถอนใจเบาๆ ด้วยความเอือมระอา เธอเคยได้ยินเสียงแบบนี้ของบิดายามที่เรียกจิกมารดานี่เธอจะต้องมาเจอคนแบบเดียวกันกับคนที่เกลียดแสนเกลียดอย่างนั้นหรือ“ขอโทษค่ะ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วไม่คิดว่าเธอจะเอ่ยปากขอโทษเขาง่ายๆ แบบนี้ แต่มันยังไม่พอสำหรับเขา“เอ่ยปากขอโทษเฉยๆ แค่นี้เหรอ”ภาวนากัดริมฝีปากด้านในจนรู้สึกเจ็บ หญิงสาวเงยหน้ามองเขาด้วยแววตาว่างเปล่าไม่ตอบโต้และไม่สนใจว่าเขาจะเป็นอย่างไรร่างเล็กเดินเร็วๆ ลงบันไดไปโดยไม่เหลียวหลังสร้างความขุ่นเคืองให้กับชายหนุ่มยิ่งนัก“ยายเด็กบ้าเอ๊ย”แพทริกสบถตามหลังไปแล้วเดินกลับเข้าห้องปิดประตูอย่างแรง ป้าอร่อยซึ่งยืนรอภาวนาอยู่สะดุ้งตกใจมองตามร่างเล็กที่เดินลิ่วๆ ลงบันไดมาอย่างเห็นใจ“ขอโทษที่ให้รอนะคะป้า” หญิงสาวยิ้มให้บางๆ“ไม่เป็นไรค่ะ เราไปกันเถอะค่ะ”ทางด้านแพทริกที่เข้ามาในห้องก็ยังคงหัวเสียอยู่ไม่หาย ดวงตาคมสีน้ำตาลเข้มมองไปที่เตียงกว้างที่มันดูเรียบตึงเหมือนไม่มีใครใช้งานมันแล้วก็ต้องขมวดคิ้วด้วยความแปลกใจ“แล้วเมื่อคืนยายมอมแมมนั่นนอนที่ไหน อย่าบอกนะว่านอนบนพื้น” ชายหนุ่มมองเตียงกว้างแล้วกวาดตามองไปรอ
ตอนที่9.“ก็ใช่ไง งานแต่งที่ไม่ใช่งานแต่ง แต่ให้ทุกคนรู้ว่าเธอเป็นเมียลูกแค่นั้น คิดเหรอว่าแม่จะให้ผู้หญิงที่มีแต่ตัวอย่างแม่ภาวนามาเป็นสะใภ้หรือให้ใช้นามสกุลเรา ไม่ใช่แค่ภาวนานะ แต่หมายถึงผู้หญิงที่ลูกควงๆ อยู่ทุกคนไม่มีสิทธิ์ด้วย”คุณเพทายน้ำเสียงจริงจังแพทริกจึงยกกาแฟขึ้นจิบเพื่อกลบเกลื่อนไป สองแม่ลูกคุยกันอยู่ในห้องนั่งเล่นระหว่างรออาหารเช้าซึ่งทุกวันคุณเพทายจะต้องมานั่งที่นี่เพื่ออ่านหนังสือพิมพ์หรือไม่ก็เดินออกไปที่สวนดูต้นไม้ใบหญ้า หรือบางครั้งก็จะเก็บดอกมะลิมาร้อยมาลัย แม้คุณเพทายจะไปใช้ชีวิตอยู่สวิสเซอร์แลนด์และอังกฤษตามสามี แต่นางก็ยังคงรักความเป็นไทยและใช้ชีวิตแบบวิถีไทยและสอนให้แพทริกรักในสายเลือดไทยด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ชายหนุ่มจะพูดภาษาแม่ได้ชัดเจน“คุณแม่ต้องการอะไรครับถึงได้ให้ภาวนาเข้ามาเป็น เอ่อ เป็นเมียผม คุณแม่ก็น่าจะรู้ว่าเธอไม่ใช่รสนิยมผมเลย”“แม่แค่ทำตามความต้องการของตัวเองเท่านั้นล่ะ ลูกจะไม่รักไม่อะไรกับแม่ภาวนาก็ไม่เป็นไรนี่ จะโขลกสับจะด่าว่าอะไรก็แล้วแต่ลูก ภาวนาเป็นสมบัติของลูก แพทจะทำอะไรกับเธอก็ได้..” พูดโดยไม่มองหน้าแพทริกส่ายหน้ายิ้มๆ“ผมไม่เข้าใจ.. แต
ตอนที่41.“พราว พราวจริงๆ ด้วย พี่มองอยู่นานนึกว่าใคร” เสียงนุ่มของชายหนุ่มคนหนึ่งดังขึ้นทั้งสองสาวจึงเงยหน้ามอง“พี่เอก มาได้ยังไงคะเนี่ย” ภาวนายิ้มกว้างดีใจที่เจอเป็นเอก“พอดีพี่มาซื้อของไปเตรียมงานน่ะ ว่าแต่พราวเถอะมายังไง แล้วนี่ โอ้โห.. สวยจัง” เป็นเอกยิ้มกว้างเมื่อเห็นหญิงสาวสวยสดใสเปล่งปลั่งผิดหูผิดตา“อุ๊ย ลืมแนะนำไปค่ะ นี่พี่เมนี่ พี่เมนี่คะ พี่เอกค่ะ พี่เอกเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของพราวเลยค่ะ” เป็นเอกหันไปมองหญิงสาวสวยที่นั่งดอกอกเชิดหน้าอย่างไว้ตัวข้างๆ ภาวนา“คุณนั่นเอง”“อ้าวรู้จักกันเหรอคะ”“ไม่..” หนุ่มสาวพูดขึ้นพร้อมกันแล้วก็ต่างมองหน้ากันอย่างขุ่นเคือง ภาวนามองทั้งสองสลับกันไปมา“เราไปกันเถอะน้องพราว” เมทินีตัดบทแล้วลุกขึ้นดึงมือภาวนาจะเดินออกจากร้านไป แต่เป็นเอกขัดขึ้นเสยก่อน“คุณติดค่าข้าวผมนะคุณหมอ” เมทินีชะงักแล้วหันมามอ
ตอนที่40.ลิซ่านั่งลงข้างๆ ภาวนาแต่ท่าทางของหญิงสาวสมัยใหม่ที่ชอบเที่ยวเตร่อย่างลิซ่านั้นดูขัดตา ขาดๆ เกินๆ และดูหยิบโหย่งจนคุณเพทายนึกดีใจที่แพทริกไม่ได้คิดจริงจังกับลิซ่า แม้ลิซ่าจะสวยและร่ำรวยพอสมควรแต่นิสัยใจคอไม่เอาการเอางานทำให้คุณเพทายไม่อาจจะรับได้ นางอยากได้ลูกสะใภ้ที่เก่งงานบ้านงานเรือนมีใจคอหนักแน่นและหนักเอาเบาสู้ ไม่ใช่จะแต่งตัวสวยไปวันๆ อย่างลิซ่า แล้วใจของคุณเพทายก็กระตุกหันไปมองภาวนาอย่างพินิจพิเคราะห์ หัวใจของนางไหววูบด้วยความรู้สึกประหลาดและยอมรับกับตัวเองว่า ภาวนาคือคนที่ใช่ในคุณสมบัติที่นางต้องการ แต่เพราะภาวนาเป็นลูกสาวของอาภานั้นคือข้อจำกัดอันร้ายแรงที่ไม่อาจจะยอมรับได้นางไม่เคยรังเกียจหากแพทริกจะรักชอบพอกับหญิงสาวต่างฐานะหรือเป็นเพียงลูกสาวคนทำงานหาเช้ากินค่ำ หากผู้หญิงคนนั้นเป็นคนดีและรักแพทริกจริงๆ นางก็พร้อมจะอ้าแขนรับเข้ามาร่วมใช้นามสกุล คุณเพทายถอนหายใจเบาๆ แล้วบอกให้ลิซ่าลองร้อยมาลัยกรดูบ้าง“ลิซ่าไม่ชอบงานพวกนี้เลยค่ะ รู้สึกเหมือนร้อยมาลัยขายตามสี่แยกไฟแดงเลยนะคะ”“การร้อยมาลัย
ตอนที่39.“อื้มม..” หญิงสาวครางเบาๆ เมื่อลิ้นร้อนร้ายกาจกำลังร่ายมนต์สวาทจนเธอหลงเพริดไปกับเขา ความคิดที่ว่าจะไม่ยอมและจะขัดขืนหายไปตั้งแต่เขาจูบเธอ แม้จะบอกตัวเองว่าอย่าหลงไปกับสิ่งที่เขาปรนเปรอ แต่สุดท้ายภาวนาก็พ่ายแพ้ให้กับคนแก่ประสบการณ์ แพทริก ครางออกมาอย่างถูกใจเมื่อหญิงสาวตอบสนองจุมพิตเร่าร้อนอย่างน่ารัก“อื้มมม พราวจ๋า น่ารักที่สุดเลย ที่รัก...”ชายหนุ่มครางออกมาอย่างถูกใจจูบซับแก้มนวลเรื่อยลงมาที่ลำคอระหงต่ำลงมาตามรอยแยกของสาบเสื้อนอนแบบเชิ้ตแขนสั้น มือหนาปลดกระดุมไปทีละเม็ดๆ จนสาบเสื้อแยกออกจากกันเผยปทุมถันอวบอิ่มซึ่งถูกซ่อนอยู่ภายใต้บราแบบเต็มตัวที่เธอมักชอบสวมใส่ แต่แพทริกไม่คิดจะให้มันมาขัดขวางเพลิงพิศวาสที่กำลังลุกไหม้ของเขาได้ ไม่นานเขาก็กำจัดมันให้พ้นทางเรือนร่างอรชรที่มีทรวงอกอวบอิ่มล้นมือก็ปรากกฎอยู่ตรงหน้าหญิงสาวหลบตาคมพรายพราวด้วยความปรารถนายกแขนโอบรอบตัวเองไว้อย่างขัดเขิน แต่ไม่นานแขนเล็กก็ถูกปัดให้พ้นทางด้วยลิ้นร้อนที่จูบไซ้ไล้เลียอย่างเร่าร้อนจนเธอต้องคลายแขนออกแล้วโอบรัดร่างแกร
ตอนที่38.“กรี๊ดๆ นังบ้าแก แก ทำร้ายฉัน ฉันจะฟ้องคุณท่าน”“เชิญฟ้องเลยจ้ะแล้วอย่าลืมบอกคุณเพทายด้วยนะว่าขยะพวกนี้มาจากไหน อ้อ.. ขยะที่น่าเกลียดที่สุดก็คือตัวเธอนั่นล่ะ อ้าว.. เธอเปื้อนไปหมดแล้วเดี๋ยวฉันช่วยล้างนะ”พูดจบภาวนาก็เดินไปหยิบสายยางแล้วเปิดน้ำฉีดใส่ร่างที่มอมแมมของผักหวานด้วยรอยยิ้มสะใจส่วนผักหวานก็ดีดดิ้นกรีดร้องโวยวายอย่างไม่สามารถทำอะไรได้เพราะพื้นที่เปื้อนด้วยโคลนซึ่งตัวเองนั้นเอามาเทไว้เพื่อกลั่นแกล้งภาวนาตามที่ลิซ่าสั่งนั้นทั้งเปียกและลื่น“อะไรเกิดอะไรขึ้นเสียงดังไปถึงเรือนใหญ่”ป้าอร่อยกับผักบุ้งเดินเร็วๆ มาหาตามด้วยคุณเพทาย ลิซ่าและแพทริก และเมื่อมาเจอสภาพของผักหวานที่คลานออกมาจากห้องน้ำด้วยสภาพดูไม่ได้แล้วก็หันไปมองภาวนาที่ยืนถือสายยางอยู่สลับกันไปมา“คุณท่านขา ช่วยผักหวานด้วย” ผักหวานคลานมาหาคุณเพทายทั้งร้องห่มร้องไห้ดูน่าสงสารที่สุด ในขณะที่ภาวนายืนนิ่ง“แกทำอะไรผักหวานน่ะ นี่แค่คุณแม่ใช้ให้หล่อนมาทำความสะอาดห้องน้ำเท่านั้นนะยะ ไม
ตอนที่37.แพทริกเดินไปทันภาวนาที่ประตูหน้าบ้านพอดี มือใหญ่คว้าข้อมือเธอไว้ก่อนที่หญิงสาวจะเปิดประตูออกไป ภาวนาหันมามองเขาตาเขียวและพยายามจะดึงมือหนี“ไม่ต้องมาจับฉันเดินเองได้”“ไม่ได้อยากจะจับหรอก แค่จะบอกว่าเธอจะต้องกลับกับฉัน”“ฉันนัดลุงวินมอเตอร์ไซค์ไว้แล้ว คุณไม่ต้องลำบากหรอก”“ไม่ได้เพราะรถมาแล้ว ฉันบอกลุงไปแล้วว่าไม่ต้องมารับเธอตอนขากลับและฉันก็จ่ายเงินค่าจ้างให้แกไปแล้วด้วย” แพทริกปล่อยมือเล็กแล้วไหวไหล่อย่างกวนๆ ภาวนาได้แต่กัดฟันมองเขาอย่างไม่พอใจ“ไปเถอะ ฉันให้คนขับรถมารอแล้ว” ไม่สนใจท่าทางฮึดฮัดของคนตัวเล็กแพทริกจูงมือเธอออกไปจากบ้านของเป็นเอกทันทีแล้วพอออกมารถของเขาก็มาจอดเทียบหน้าบ้านพอดี“คุณวางแผนไว้หมดเลยสินะ” เมื่อเข้ามานั่งในรถกับเขาแล้วภาวนาก็ถามขึ้นอย่างเหลืออด“ก็ฉันเป็นนักธุรกิจจะทำอะไรก็ต้องมีการวางแผนสิ”ตอบแบบสบายๆ เอนหลังพิงเบาะหนังเงาวับ
ตอนที่36.หญิงสาวเชิดหน้าใส่เขาอย่างไม่กริ่งเกรงและคำพูดแสนแก่กร้านก็ทำให้แพทริกอยากจับร่างเล็กนั้นมาเขย่าแล้วตีก้นงามงอนสักสองสามที แต่เพราะอยู่ในโรงพยาบาลและเขาไม่อาจจะใช้เสียงดังได้ ภาวนาจึงรอดตัวไป แต่คืนนี้รับรองได้ว่าเธอจะไม่มีแรงแม้แต่จะพูดเลยคอยดูเถอะ“เธอนี่มัน ฉันไม่รู้จะพูดยังไง แต่เอาเถอะในเมื่อเธอคิดแบบนั้นมันก็ไม่ผิด และถ้าฉันจะร่วมรักกับเธอก็ไม่ผิดเหมือนกัน..” ได้ผลคราวนี้ใบหน้าเล็กแดงก่ำแล้วสะบัดหน้าหนี“แล้วก็ไม่ต้องมาเดินตามฉันด้วย ฉันอายคนอื่นเขา”เป็นอีกครั้งที่แพทริกต้องถึงกับหน้าหงาย เธอบอกว่าอายคนที่เดินกับเขา คุณพระ... นี่เจ้าหล่อนช่างอวดดีเหลือเกิน แล้วยิ่งเห็นร่างเล็กเดินลิ่วๆ ไปอย่างไม่สนใจตนด้วยแล้วแพทริกยิ่งอยากจะจับเจ้าหล่อนมาทำโทษเสียให้เข็ดจะได้ไม่อวดดีกับเขา ชายหนุ่มถอนหายใจหนักๆ แล้วเดินตามเธอไปอย่างรวดเร็วโดยไม่สนใจท่าทางหงุดหงิดของเธอ“ตามมาทำไมคะ”“จะไปด้วย”“ฉันจะนั่งมอเตอร์ไซค์รับจ้างไป คุณอย่าตามไปเลยค่ะ
ตอนที่35.“ร้ายนักนะพราว..” แพทริกครางหนักๆ ในลำคออย่างยอมแพ้เมื่อสะโพกสาวเสียดส่ายเร่าร้อนขึ้น มือเล็กโอบรอบแผ่นหลังกว้างแล้วจิกลงมาอย่างขัดใจที่เขาไม่มอบความสุขสมมากกว่านี้ให้เธอเสียทีมือหนารวบขาเรียวของเธอทั้งสองข้างไว้ด้วยกันแล้วพาดเบี่ยงไปที่บ่ากว้างข้างของเขาพร้อมกับพลิกกายบางให้ตะแคงเล็กน้อยก่อนจะแทรกแก่นกายเข้าหาความอ่อนนุ่มที่ปรารถนา เข่าแข็งแรงวางลงบนที่นอนหนึ่งข้างในขณะที่ขาอีกข้างยืนบนพื้นอย่างมั่นคง มือหนาก็เอื้อมไปฟอนเฟ้นทรวงอกอวบอิ่มอย่างเมามันพร้อมทั้งเริ่มขยับโยกคลึงสะโพกสอบช้าๆ ถอดถอนออกมาจนเกือบสุดแล้วกระแทกเข้าไปหนักๆ ทั้งหมุนวนทั้งสอดเสย จนหญิงสาวใต้ร่างครางระงม ก่อนที่จะเร่งจังหวะเร็วระรัว“อ๊า โอ้ว คุ คุณ แพท..” ภาวนาครางกระเส่าปรือตามองคนที่กำลังแสดงความเป็นเจ้าของเรือนร่างของตนด้วยความรัญจวนใจ ความร้อนระอุในร่างกายพุ่งสูงขึ้นรู้สึกเหมือนว่ามันจะแผดเผาเธอให้มอดไหม้ แต่สะโพกกลมกลึงก็ส่ายร่อนรับแรงโหมโถมกระหน่ำจากสะโพกแกร่งอย่างร้อนแรงไม่มีทีท่าจะยอมแพ้ภาวนาไ
ตอนที่34.“อ๊ะ... อุ๊ย...” หญิงสาวครางลั่นเมื่อเขากระแทกกายใหญ่โตเข้าโรมรันเธออย่างเร่าร้อนรัวเร็วจนตั้งรับไม่ทัน ใบหน้านวลบิดเบ้ด้วยความเสียวซ่านทั้งเจ็บแปลบที่แผ่นหลังที่ครูดไปกับผนังห้องแพทริกจึงรั้งเรียวขาเล็กโอบรัดรอบเอวสอบ ช้อนก้นงามงอนไว้แล้วเดินช้าๆ วนไปรอบๆ ห้อง ภาวนาจำต้องโอบแขนเรียวรอบลำคอหนา ในขณะที่แพทริกช้อนสะโพกมนให้ขยับเข้าหากายแกร่งของเขาไปด้วยชายหนุ่มเดินไปรอบๆ ห้องโดยที่มีร่างน้อยขยับโยกอยู่กับกายแกร่งด้วยจังหวะเร่าร้อนที่เขากำหนดมันขึ้นมา แรงเสียดสียามเขาขยับเดินสร้างความเสียวซ่านมากขึ้น จนในที่สุดแพทริกก็ทานทนความรู้สึกรุ่มร้อนรัญจวนไม่ไหว เขาพาร่างงามไปยังเก้าอี้นั่งเล่นตัวใหญ่แล้วเลื่อนมันให้ชิดผนังก่อนจะผ่อนร่างบางลงไปช้าๆ จับร่างบางหมุนช้าๆ โดยไม่ถอดถอนกายแกร่งออกจากโพรงดอกไม้ฉ่ำหวาน เขาจัดท่วงท่าให้เธอหันหลังโดยให้เท้าเล็กทั้งสองข้างของเธอเหยียบบนที่วางแขนมือบางจับมั่นที่พนักเก้าอี้ด้านข้าง ภาวนาหน้าแดงก่ำรู้สึกซ่านกระสันรู้สึกตื่นเต้นและขัดเขินกับลีลาแปลกใหม่ของเขาแต่ก็อยากลองอยากรู้ มือหนาช้อนสะโพกม
ตอนที่33.“คุณรู้เรื่องของฉันมากไม่ใช่เหรอ แล้วทำไมไม่รู้ว่าผู้ชายคนนั้นเป็นใครล่ะ”“แน่นอนฉันรู้ว่ามันเป็นใคร แต่ฉันอยากรู้จากปากเธอว่ากับมันไปถึงไหนต่อไหนกันแล้วฉันจะได้ฆ่าคนไม่ผิดตัว”“นี่คุณ..” หญิงสาวหน้าซีดเมื่อเขาพูดเหมือนจะไปฆ่าแกงเป็นเอก“อย่ายุ่งกับพี่เอก เขาเป็นคนดีไม่เหมือนคุณ คนเอาแต่ใจชอบรังแกคนไม่มีทางสู้ ใจร้าย”“ก็บอกมาว่าเธอกับมันสนิทกันแค่ไหน”“เราเป็นเพื่อน เป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน ไม่เคยมีอะไรมากกว่านั้นพอใจรึยัง” หญิงสาวค้อนเขาตาเขียว“แน่ใจนะว่าที่พูดมาแค่หลอกให้ฉันตายใจหรือเพื่อปกป้องชู้รัก”รู้ทั้งรู้ว่าเธอพูดจริงและเขาก็เป็นคนแรกที่ได้ครอบครองเธอแต่แพทริกก็อยากจะได้ยินจากปากเธอว่าไม่มีมีอะไรกับเป็นเอก“ฉันกับพี่เอกไม่เคยเป็นชู้รักและไม่เคยทำอะไรน่าละอายแบบนั้น พี่เอกเป็นสุภาพบุรุษไม่เหมือนคุณหรอก จอมวายร้าย..”หญิงสาวเถียงเขาอย่างไม่ลดละแตกต่างจากหญิงสา