หญิงสาววัยยี่สิบสองปีนั่งพับเพียบอยู่กับพื้นด้วยท่าทางสงบนิ่ง ใบหน้าสะอาดสะอ้านประดับด้วยดวงตากลมโตหวานปนโศกอันเป็นจุดเด่นบนดวงหน้าแสนธรรมดาของเธอ จมูกโด่งเล็กเหมาะเจาะรับกับ ริมฝีปากอิ่มเต็มระเรื่อตามวัยสาวนั้นดูแห้งผากไร้สีสันทำให้ใบหน้าของเธอยิ่งดูเศร้าสร้อยและเย็นชืดเหมือนคนไร้ชีวิตวิญญาณ ร่างบอบบางสูงไม่ถึงร้อยหกสิบเซนติเมตรสวมเสื้อผ้าสีทึบทึมยิ่งทำให้ดูบอบบางหม่นหมองลงไปอีกราวกับว่าเธอคือศูนย์รวมของความเย็นชาและความโศกเศร้าทั้งมวลบนโลกนี้กระนั้น ศีรษะทุยสวยซอยผมสั้นเข้ารูปหน้าเรียวเล็กยิ่งทำให้เธอดูตัวเล็กราวเด็กหนุ่มแรกรุ่นมากกว่าหญิงสาวโตเต็มวัย
“หวังว่าเธอคงไม่ปฏิเสธความหวังดีของฉันนะ อาภา”
หญิงวัยห้าสิบสี่ใบหน้าสะสวยสมวัยแต่ดูเย็นชาและแข็งกระด้างนามว่า เพทาย พูดด้วยน้ำเสียงราบเรียบไม่มีแววแห่ง ความหวังดี เช่นที่พูดเลยแม้แต่น้อย แต่ผู้ซึ่งนอนอยู่บนเตียงเก่าทรุดโทรมก็ยิ้มให้บางๆ
“จ้ะ ขอบใจนะเพชรที่เมตตาฉันกับลูก”
“แน่นอนล่ะ เพราะเราเป็นเพื่อนรักกันนี่นะ” อีกฝ่ายยิ้มเย็นเหมือนเย้ยหยันเสียมากกว่าจะรู้สึกเช่นนั้นจริงๆ
“ยังไงฝากยายพราวด้วยนะ แกเป็นเด็กดีมาก ยายพราวคือสมบัติที่มีค่าที่สุดในชีวิตของฉัน พราวกราบคุณเพทายสิลูก ต่อไปนี้ลูกจะต้องไปอยู่กับคุณเพชรเขานะลูก”
อาภาพยุงกายลุกนั่งแล้วบอกลูกสาวซึ่งนั่งนิ่งมาตลอดเวลาที่ผู้สูงวัยทั้งสองคุยกัน
ภาวนา กราบอย่างงดงามด้วยกริยาที่ได้รับการอบรมมาจากมารดาโดยไม่ได้ปรุงแต่งหรือจำใจทำ สิ่งใดที่มารดาบอกสอนเธอจำใส่ใจมาเสมอและทุกอย่างที่มารดาต้องการเธอก็พร้อมที่จะทำตามโดยไม่ขัดข้องอิดออด แม้ว่าสิ่งนั้นมันจะทำให้ชีวิตทั้งชีวิตของเธออาจจะไม่มีวันพบกับความสุขเลยก็ตาม
“กริยามารยาทดีนี่นา สอนลูกได้ดีนะ ไม่น่าเชื่อ”
เหมือนเป็นการประชดมากกว่าชื่นชมแต่อาภากลับยิ้มให้อย่างจริงใจไม่ถือโทษโกรธเคือง ไม่ว่าเพทายจะพูดอะไรหรือทำอะไรนางก็ไม่โกรธหรือคิดจะตอบโต้เพราะถือว่าเป็นการไถ่โทษให้กับตัวเองทั้งหมด นางจะได้ตายตาหลับเสียที
“จ้ะ แล้วเธอจะรักยายพราวและอภัยให้เรากับทุกสิ่งทุกอย่าง”
“หึ.. มันก็อาจจะไม่ง่ายขนาดนั้นหรอกอาภา เพราะงูพิษน่ะ ยังไงมันก็คืองูพิษ”
“ฉันจะไม่พูดอะไรที่จะทำให้ดูเป็นการแก้ตัวหรอกนะ ฉันได้แต่หวังว่าเธอจะเอ็นดูเมตตายายพราวบ้าง”
“แน่นอนฉันเมตตาพวกหล่อนอยู่แล้ว เอาล่ะ ฉันจะกลับเสียที พรุ่งนี้หวังว่าคงไม่ต้องให้คนของฉันรอหรอกนะ”
ประโยคสุดท้ายหันมาพูดกับหญิงสาวที่นั่งนิ่งเหมือนคนไร้วิญญาณซึ่งหญิงสาวก็รับคำเบาๆ ทว่าน้ำเสียงหนักแน่นจนคนฟังนึกทึ่งอยู่ไม่น้อยว่าหญิงสาวคนนี้แม้จะดูเงียบขรึมเย็นชาแต่ดูน่าเกรงขามอยู่ในที คนแบบนี้ล่ะน่าจะเอาคนของตนอยู่ แต่เหนือสิ่งอื่นใด ในใจของคุณเพทายมีแผนการที่มากกว่านั้น
“ส่วนเธอฉันจะให้รถมารับไปรักษาตัวที่โรงพยาบาล ยังไงก็พยายามอยู่นานๆ หน่อยล่ะ เพราะเรายังมีเรื่องต้องสะสางกันอีกเยอะ” พูดจบคุณเพทายก็ลุกเดินออกไปจากบ้านหลังเล็กเก่าโทรมของสองมารดาลูกทันที
ภาวนามองตามร่างระหงของคุณเพทายไปด้วยความรู้สึกที่เหมือนยกหินหนักๆ ออกไปจากอก จากที่รู้สึกอึดอัดเหมือนไร้อากาศหายใจมากว่าหนึ่งชั่วโมงตอนนี้เธอก็หายใจคล่องขึ้น
“คุณแม่จะยกให้พราวเขาจริงๆ หรือคะ”
“มันเป็นทางเดียวที่จะทำให้พราวรอดพ้นจากคนเลวๆ พวกนั้นได้ โดยเฉพาะพ่อของพราว..”
นางอาภาพูดด้วยน้ำเสียงเครือสะอื้น ภาวนาจึงลุกขึ้นไปโอบกอดร่างผอมบางราวกับว่ามีเพียงหนังหุ้มกระดูกของมารดาไว้แน่น น้ำตาที่กักเก็บไว้เนิ่นนานไหลอาบแก้มของสองแม่ลูกราวกับเขื่อนพัง ทั้งสองกอดกันกลมด้วยรู้ว่าอนาคตข้างหน้านั้นมืดมนไม่ต่างกันเลยกับปัจจุบันที่เป็นอยู่เลยแม้แต่น้อย..
“อะไรนะครับจะให้ผมแต่งงาน..” ชายหนุ่มผุดลุกขึ้นจากเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างไม่ใคร่จะพอใจนักกับเรื่องที่มารดาบอก
“ใช่จ้ะ ลูกจะต้องแต่งงานกับคนที่มารดาเลือกให้ ส่วนบรรดาดารานางแบบทั้งหลายที่ลูกเคยควงก็ควงไป แม่ก็ไม่ว่า เพียงแต่แม่ไม่รับเข้าสังกัดนามสกุลเดียวกันเท่านั้น”
“แล้วคุณแม่จะให้ผมแต่งงานทำไม”
“ก็เพื่อป้องกันไม่ให้ผู้หญิงหน้าไหนมาแอบใช้นามสกุลของเราน่ะสิ ยายพวกนั้นก็เพียงแค่หวังเงินทองของกำนัลจากลูกเท่านั้นลูกก็น่าจะรู้ดีนะแพท แล้วแม่ก็ไม่ชอบที่ลูกมีแต่ข่าวคาวๆ คั่วกับคนนั้นคนนี้เหมือนพวกสำส่อนเอาไม่เลือก” คุณเพทายพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแล้วไหวไหล่อย่างไม่ยี่หระเหมือนที่เขาชอบทำ
แพทริก พีรฉัตร เทเลอร์ ชายหนุ่มวัยสามสิบเอ็ดปีผู้เพียบพร้อมไม่ว่าจะเป็นหน้ารูปร่างหน้าตาที่เรียกได้ว่าหล่อเหลาราวเทพบุตร พ่วงมาด้วยความร่ำรวยที่เรียกได้ว่ามหาศาล และแน่นอนว่าหนุ่มโสดเนื้อหอมอย่างเขาจะต้องมีหญิงสาวมากมายเข้ามาในชีวิตให้เลือกสรร ไม่ว่าจะคบจริงจังหรือชั่วคราว ซึ่งนี่เองที่คนเป็นแม่อย่างคุณเพทายจึงต้องหาอะไรสักอย่างมาสกัดกั้นไม่ให้ผู้หญิงเหล่านั้นเข้ามาวุ่นวายกับลูกชายของตนมากเกินไป เพราะแต่ละอนงค์นางนั้นไม่มีสักคนที่ถูกใจถูกตาพอที่จะสนับสนุนหรือเห็นดีเห็นงามให้แพทริกคบหาได้เลยแม้แต่คนเดียวจนนางได้พบภาวนา
ถึงแม้จะเป็นลูกเพื่อนรักเพื่อนแค้นแต่นางเชื่อว่าภาวนาจะหยุดแพทริกและผู้หญิงเหล่านั้นได้ หรือแม้จะหยุดไม่ได้ก็ไม่สำคัญ แต่สิ่งสำคัญคืออะไรนั้นคุณเพทายเลือกที่จะเก็บไว้ในใจในขณะผู้เป็นลูกชายหัวฟัดหัวเหวี่ยง
ตอนที่2.“ผมไม่แต่ง..”“ทางเลือกของลูกมีแค่ทางเดียวคือแต่งงาน ไม่อย่างนั้นทุกอย่างที่ควรจะเป็นของลูกจะเป็นของผู้หญิงคนนั้น และอีกอย่าง งานแต่งงานจะมีขึ้นมะรืนนี้” พูดจบคุณเพทายก็เดินออกไปจากห้องทำงานของลูกชายที่ยืนอึ้งกับน้ำเสียงเยียบเย็นของมารดาเมื่อประตูปิดลงแพทริกก็ทิ้งตัวลงกับเก้าอี้ทำงานตัวใหญ่อย่างสุดแสนเซ็งจากที่ไม่อยากแต่งงานก็กลายเป็นอยากเอาชนะและอยากเห็นหน้าผู้หญิงที่มารดาของเขาจะยกสมบัติมหาศาลให้เจ้าหล่อน ผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร มีอะไรดีถึงขนาดที่คนเข้มงวดและค่อนข้างจะ เยอะ อย่างมารดาของเขาอยากได้มาเป็นสะใภ้“อยากจะรู้นักเธอเป็นใครมาจากไหน หึ คิดจะจับฉันไม่ง่ายหรอก...” ว่าแล้วชายหนุ่มก็โทรศัพท์หาลูกน้องคนสนิททันที“คาเมล ทำงานด่วนให้หน่อยฉันต้องการข้อมูลทั้งหมดในเย็นนี้”แล้วแพทริกก็บอกรายละเอียดคร่าวๆ ให้กับ คาเมล คนสนิทวัยยี่สิบเก้าซึ่งเป็นเสมือนน้องชายและมือขวาที่เก่งฉกาจแล้ววันนี้ก็มาถึง วันที่ภาวนาไม่อยากจะก้าวขาออกจากบ้านแม้แต่ก้าวเดียว ทั้งที่เธอคิดมาตลอดเวลาที่จะออกไปจากบ้านหลังนี้ บ้านที่ไม่มีความสุขยามที่บิดาเมากลับมาพร้อมด้วยการโวยวายอาละวาดและทุบตีเธอกับมารดาจนเธ
ตอนที่3..“เชิญขึ้นรถครับ..” เสียงห้าวเข้มของชายหน้าตาขึงขังดังขึ้นทำให้ภาวนาสะดุ้งกะพริบตาปริบๆ มองเขางงๆ ชายคนนั้นจึงย้ำกับเธออีกครั้ง“ผมเป็นคนของคุณเพทายมารับคุณไปที่บ้านครับ”“อ้อ ค่ะๆ สวัสดีค่ะ” ภาวนาไหว้เขาอย่างงดงามจนทำให้คนที่ทำหน้าที่ขับรถมารับ เจ้าสาว ของเจ้านายถึงกับรับไหว้ไม่ทัน ภาวนายืนเก้ๆ กังๆ อยู่ข้างรถคันหรูที่เธอไม่คิดว่าจะได้มีโอกาสนั่ง ตอนเธอเด็กๆ บิดาเคยมีรถยนต์แต่ไม่ได้หรูหราใหญ่โตแบบนี้ ธง เห็นท่าทางเงอะๆ งะๆ เหมือนไม่มั่นใจของเธอจึงรีบมาเปิดประตูให้“ขอบคุณมากนะคะ” หญิงสาวไหว้ขอบคุณเขาอีกครั้งแล้วเข้าไปนั่งในรถแอร์เย็นฉ่ำ“ของคุณผู้หญิงมีอะไรอีกมั้ยครับผมจะเก็บใส่หลังรถให้”ธงมองหญิงสาวในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวกับกางเกงยีนสีซีดรองเท้าคัทชูกลางเก่ากลางใหม่กับกระเป๋าใบเล็กใบเดียวอย่างไม่แน่ใจ“ไม่ค่ะ พราวมีแค่นี้” ใจจริงภาวนาอยากจะบอกว่าเธอไม่มีสมบัติอะไรเลยนอกจากเสื้อผ้าไม่กี่ชุดและเงินไม่กี่ร้อย“ครับ” ธงรับคำแล้วกลับไปนั่งประจำที่คนขับอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคนที่กำลังจะไปเป็นเจ้าสาวมหาเศรษฐีอย่างคุณแพทริกจะไม่มีอะไรเลย หรือบางทีเจ้าหล่อนอาจจะไปหากอบโกยเอาข้างหน้าเห
ตอนที่4.“มาเถอะค่ะ พี่สุ่นจะพาไปที่ห้องคุณแพท มีของอะไรอีกมั้ยคะ”ภาวนาส่ายหน้าช้าๆ ยี่สุ่นถอนหายใจอีกครั้งแล้วยิ้มให้อย่างจริงใจก่อนจะลุกขึ้นพาสมาชิกใหม่ หรือจะเรียกให้ถูกก็คือ ทาส คนใหม่ของบ้านไปยังห้องของเจ้านายหนุ่มที่ขึ้นชื่อว่าเอาแต่ใจอย่างร้ายกาจ ขี้โวยวาย เข้มงวด และทรงเสน่ห์มากที่สุด..ภาวนาเดินไปยังเรือนเล็กในสวนตามที่คุณเพทายบอกไว้ด้วยความรู้สึกหนักอึ้งเธอรู้ดีว่าสิ่งที่กำลังเผชิญนั้นคืออะไร และก็ได้แต่ภาวนาว่าให้ทุกอย่างผ่านไปด้วยดี เธอมีชีวิตใหม่แล้ว มีคนปกป้องให้พ้นจากคนชั่ว มีที่ซุกหัวนอน มีข้าวให้กินสามมื้อ และมารดาได้รับการรักษาที่ดี คิดบวกสิคิดบวก หญิงสาวเฝ้าบอกตัวเองเช่นนั้น แม้จะไม่มั่นใจเลยว่าจะคิดบวกได้อีกนานแค่ไหน ซึ่งท่าทางของภาวนานั้นคุณเพทายเฝ้าสังเกตตั้งแต่หญิงสาวเดินเข้ามาแล้ว“เอาล่ะ มารับรู้สิ่งที่เธอจะต้องทำในบ้านนี้เสียทีนะภาวนา”คุณเพทายเอกเขนกอิงหมอนใบสวยด้วยท่าทางสบายๆ ปากพูดแต่สายตาจับจ้องอยู่ที่หนังสือในมือ ภาวนานั่งลงกับพื้นอย่างสงบเสงี่ยมจนเมื่อผู้สูงวัยกว่าเหลืบตามองเธอลอดแว่นก่อนที่นางจะลุกนั่งตัวตรงบรรยากาศในเรือนรับรองโล่งโปร่งสบายตาด้วยเป็