"เจมส์ ฉันขอไปโรงเรียนด้วยได้ไหม"
เจมส์ยิ้มด้วยความอบอุ่น พร้อมตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวลชวนฟัง "ได้สิครับ ขึ้นมาเลย" หลังจากได้ยินการอนุญาตจากเจมส์ เมเบลรีบขึ้นไปนั่งด้านหลังของจักรยานทันที เมเบลเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับเสื้อของเจมส์ตรงเอวเบาเบา เจมส์ที่เห็นเมเบลทำท่าทีแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ หลังจากนั้นเจมส์กับเมเบลได้นั่งจักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน ทั้งคู่ชวนคุยกันเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป มีทั้งเสียงหัวเราะ และเสียงเล็กเสียงน้อยตลอดทาง จนพาให้คนรอบข้างเหล่านั้นต้องอิจฉาความน่ารักของวัยรุ่นสองคนนี้ ไม่นานมาก ถึงโรงเรียน ทั้งคู่ได้ลงจากจักรยาน พร้อมกับเดินไปในโรงเรียนด้วยกัน ณ ในบรรยากาศนั้นพวกเขาทั้งคู่พากันชวนหยอกล้อเล่นไปมาทั้งทางที่เดินไป และในตอนนั้นก็มีชายหนุ่มน้อยรูปงามดึงเมเบลแยกออกมาจากเจมส์อย่างรวดเร็ว จนเมเบลต้องตกใจกลัวตัวสั่นอย่างมาก พอเธอเงยหน้าขึ้น ก็ได้เจอกลับลูก้า "ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!!!" เมเบลตะคอกใส่ลูก้าเสียงดัง และทันใดนั้น ลูก้าก็ได้เข้าไปกอดเมเบลอย่างแน่น จนเธอถึงขั้นตกใจกับสิ่งที่ลูก้าทำ "เธอเป็นอะไรหรือป่าว?" เมเบลถามลูก้าด้วยความเป็นห่วง ลูก้าที่กำลังกอดเมเบลอยู่นั้น กลับน้ำตาไหลเสมือนสายน้ำ "ผมหวงพี่มากเลยนะครับ ขอร้องเถอะครับ คราวหลังอย่าไปกับเขาอีกนะครับพี่เมเบล" เมเบลที่ได้ยินประโยคนั้นก็กลับรู้สึกแปลกแปลกอยู่ในใจเล็กน้อย เธอจึงเลิกผลักไสลูก้าสักพัก และกอดเขาอย่างอ่อนโยน ทั้งคู่แอบกอดกันอยู่ข้างโรงเรียนแป๊บนึง พอถึงเวลาเข้าเรียนลูก้าจึงได้ไปส่งเมเบลจนถึงห้องเรียน พร้อมทั้งยื่นข้าวกล่องให้เมเบล และพูดด้วยความจริงใจ "ผมตั้งใจทำให้พี่เลยนะครับ" แววตาที่ซื่อสัตย์และอ่อนโยนของเจ้าหนุ่มน้อยนั้น ทำให้เมเบลเขินอยู่ไม่น้อยเลย ก่อนที่จะรีบรับข้าวกล่องจากลูก้าไว้ "ขอบคุณนะ ไอ้เด็กบ้า" ลูก้ายิ้มตอบกลับเมเบลเล็กน้อย ก่อนที่จะเดินจากไป พอถึงตอนพักเที่ยง เมเบลก็ได้หยิบข้าวกล่องขึ้นมา ปรากฏว่าในข้าวกล่องนั้น ได้ทำไว้เป็นรูปหัวใจพร้อมกับเขียนว่า"I love you "ด้วยซอสมะเขือเทศ เมเบลที่เห็นข้อความเหล่านั้น มันทำให้เธอรู้สึกใจเต้นแรงขึ้นมาทันที ในความรู้สึกของเธอ เธอกลับรู้สึกหลงเด็กหนุ่มคนนั้นมากขึ้นเรื่อยเรื่อยอย่างไม่รู้ตัว ในตอนที่ทานข้าว เธอก็กินไปด้วยและยิ้มไปด้วยเหมือนกับคนบ้า จากหญิงสาวที่อยู่หลังห้องไม่มีใครสนใจ อยู่อยู่วันหนึ่งเธอกลายมาเป็นพี่สาวสุดที่รักของเด็กหนุ่มคนหนึ่ง และในวันพรุ่งนี้ก็เป็นวันเกิดของเธอ เธอจึงส่งข้อความไปเชิญลูก้าให้มาหาเธอในงานวันเกิดพรุ่งนี้ตอนเย็นวันเสาร์ เมื่อส่งข้อความไปเสร็จ ลูก้าก็อ่านทันที พร้อมกับส่งสติกเกอร์ตัวการ์ตูนหมาน้อยบอก"รับทราบครับ" ในตอนเลิกเรียน ลูก้าได้คุยอะไรกับเพื่อนบางคนและหัวเราะอย่างสนุกสนานมากจนไม่ทันได้หันไปมองว่ามีพี่สาวเมเบลคอยแอบมองอยู่ด้านหลังของเขาอยู่ไกลไกล เมื่อลูก้าคุยกับเพื่อนเสร็จก็ได้หันมาและเดินยิ้มด้วยความภาคภูมิใจโดยที่ไม่ได้มองทาง จนเผลอไปชนกับสาวคนหนึ่ง "โอ้ย! อะไรวะ?" เมื่อลองเงยหน้าขึ้นไปมอง ก็ถึงขั้นต้องตกใจ เพราะคนที่อยู่ตรงหน้าคือ โรส โรสยืดมือดึงลูก้าเข้ามาใกล้ตัว เธอมองลูก้าด้วยสายตาพิษสวาท "เจ็บไหมคะ? คุณแฟน" พร้อมกับเข้าไปจุ๊บที่แก้มของลูก้า ลูก้าที่เห็นการกระทำแบบนั้นของโรส จึงได้ผลักเธอจนล้นลงเสียงดัง ลูก้าโกรธจนควบคุมอารมณ์ไม่อยู่และชี้หน้าเธอ ก่อนจะพูดด้วยเสียงที่แข่งกระด้าน "ยัยบ้าเอ้ย! คิดจะทำอะไรของเธอ!!" โรสก้มหน้าลงและเริ่มมีน้ำตาไหลออกมาช้าช้า ทันใดนั้น ก็มีเสียงผู้หญิงคนหนึ่งตะโกนเสียงดังออกมา "ฉันไม่คิดเลยนะ ว่าเธอจะเป็นผู้ชายที่เลวได้ขนาดนี้! กล้าดียังไงกันถึงต้องมาทำร้ายผู้หญิงได้แรงแบบนี้" เมเบลเดินเข้าไปหาลูก้า พร้อมทั้งตบหน้าเขาด้วยความโมโหที่เห็นลูก้ากระทำกับผู้หญิงแบบนั้น และในดวงตาของเมเบลอยู่อยู่ก็เต็มไปด้วยน้ำตาที่สื่อถึงการผิดหวังจากบางสิ่งที่กระทบกระเทือนอย่างรุนแรงกับหัวใจของเธอ เธอมีน้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด รอยยิ้มที่เคยสดใสก็กลับมัวหมองลง และเธอเดินจากไปด้วยความเสียใจรวมกับความผิดหวังลึกลึกในใจ ลูก้าที่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำอธิบาย ก็กลับรู้สึกแย่มากที่ทำให้พี่สาวสุดที่รักของเขาร้องไห้เพราะตนเอง ในช่วงสถานการณ์ที่ตึงเครียด โรสกลับหัวเราะสะใจเสียงดังอย่างชอบใจ "ฮิฮิฮิ ขอโทษทีนะที่รักก~" และเธอก็ได้ลุกขึ้นวิ่งหนีหลบไป ลูก้าที่หันกลับมามองอีกครั้ง โรสก็ได้หายตัวไปซะแล้ว ลูก้ารู้ดีว่าโรสเป็นคนยังไง โรสก็แค่อยากแกล้งลูก้า เพื่อให้ตนเองรู้สึกสนุกทุกครั้งที่ทำให้เขารู้สึกแย่หรือขายหน้า เพราะเธอต้องการความสะใจและความสนุกบนความทุกข์ของคนอื่นก็เท่านั้นโรสเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของลูก้า และยังเป็นคนที่รู้จักลูก้าเป็นอย่างดีมากกว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น โรสรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่เธอก็ยืนยันจะทำสิ่งนั้นต่อ อย่างไม่แคร์สิ่งที่จะตามมาที่หลัง เหมือนกับที่ทำทุกครั้ง โรสก็แค่ผู้หญิงที่แสวงหาความสุขให้ตนเอง ในขนั้นเดียวกัน ก็มีฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน เสียงฟ้าร้องดังสะเทือนไปทั่วโรงเรียนและหมู่บ้านที่อยู่แถวนั้น ช่วงเวลาที่ใกล้จะค่ำขึ้นเรื่อยเรือยพร้อมฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแบบไม่หยุดหยั่ง มันทำให้ลูก้าที่กำลังตามหาเมเบลอยู่นั้น ยิ่งเป็นห่วงเมเบลมากขึ้นไปด้วย ตอนนี้ในใจของลูก้ามันไม่มีคำว่า"แค่ชอบเลยอยากเอาชนะใจเธอ"แต่มันเป็นความรักความผูกพันทุกครั้งที่ได้คุยกันและได้ทำอะไรด้วยกัน บ่อยครั้งลูก้าก็ไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม ทำไมต้องใส่ใจหรือดูแลในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ ณ ตอนนี้เขารู้แล้ว ว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้น เพราะเขาได้ตกหลุมรักเธออย่างจริงใจและหมดหัวใจ ลูก้าพยายามวิ่งตามหาไปทั่วรอบรั่วโรงเรียน จนไปได้ยินเสียงของเด็กสาวดังสะอื้นอยู่ใกล้ใกล้กับตรงที่จอดรถ ลูก้าที่ได้ยินเสียงแผ่วเบาจากตรงนั้น จึงรีบวิ่งไปดู
ลูก้าเขินเล็กน้อย ที่โดนพี่สาวเมเบลแกล้งจุ๊บแก้มแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ลูก้าจึงเดินหนีอ้อมไปนั่งในรถ และหลบหน้าหนีจากเมเบล เมเบลจู่จู่ก็สะกิดที่ไหล่ของลูก้าเบาเบา และดูเหมือนลูก้าจะเริ่มมีอาการเขินหนักขึ้น จนแก้มกับใบหูของลูก้านั้นแดงอยู่ไม่น้อย "นี่เธอเขินหนักขนาดนี้เลยหรอเนี่ย? น่าตลกจังเลย ฮิฮิ" เมเบลยิ้มมุมปากแบบมีเลห์กลแอบแฝง คราวนี้เมเบลเปลี่ยนไปจับที่แก้มของลูก้า และพูดด้วยเสียงออดอ้อนแบบน่ารักมุ้งมิ้ง "เขินหรอค้าา~ เด็กน้อยย~" ลูก้าหันหน้ามามองจ้องที่เมเบล และปัดมือเธอออกเล็กน้อย "พี่อย่าแกล้งผมสิครับ ถ้าผมแกล้งพี่กลับบ้าง พี่จะรู้สึก" ลูก้าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ และจ้องมองมองไปอีกครั้งที่เมเบลอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับจับมือเธอขึ้นมางับเบาเบา เมเบลรู้สึกสะดุ้งอยู่นิดหน่อย ก่อนจะดึงมือออกมาอย่างไว "รีบไปส่งฉันได้แล้วนะ มัวแต่หว่านเสน่ห์ใส่ฉันอยู่นั้นแหละ" "ครับคนสวย!" เมเบลหน้าแดง และพยายามหลีกเลี่ยงการสบตาจากลูก้า ลูก้าที่ได้ยินคำสั่งจากเมเบลก็ยิ้มและตอบกลับอย่างเร็ว พร้อมทั้งขับรถไปด้วย และพยายามชวนเธอคุยไปด้วย "เมื่อไหร่พี่จะมาเป็นแฟนผมน้าาา~" เมเบลยิ้มและหัวเร
เมื่อลูก้าได้ส่งข้อความไปหาเสร็จ เวลาผ่านไปไม่นาน เขาคนนั้นก็ได้มาถึงหน้าบ้านของลูก้า "ก็อต! ก็อต!" ลูก้าที่ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงได้เดินลงบันไดไป พร้อมกับเปิดประตูให้ใครบางคนเข้ามา "หายโกรธฉันแล้วหรอ?" คนที่เข้ามาหาลูก้านั้นคือ โรส โรสนั่งลงบนโซฟา และทำตัวลั้ลลา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลห์เหลี่ยมต่างๆ รอยยิ้มที่แสดงถึงความไม่จริงใจ โรสเป็นเสมือนเพื่อนสนิทและแฟนเก่าของลูก้า ลูก้าเพ่งมองไปที่โรส ก่อนที่จะคุกเข่าต่อหน้าเธอ พร้อมทั้งก้มกราบลง "ผมขอโทษครับ" ลูกก้มหน้าตลอดและไม่แม้แต่จะสบตากับโรสเลยสักครั้ง ความจริงแล้วบ้านกับเงินจำนวนมากเป็นของคุณพ่อและโรสทั้งหมด รวมทั้งที่ลูก้าต้องยอมก้มหัวให้ขนาดนี้ก็เพราะเขาติดหนี้ก้อนโต จากการส่งเขาเรียนเข้าโรงเรียน ที่จริงลูก้าก็แค่เด็กกำพร้าที่คุณพ่อของโรสนั้นเอามาเลี้ยงเป็นของเล่นให้ลูกสาว แต่ด้วยคำโกหกของลูก้า ที่เคยโกหกกับเพื่อนในโรงเรียนว่าเป็นลูกคนรวย ก็เพื่อไม่ให้โดนบูลลี่และกลั่นแกล้งเขา ลูก้าไม่ใช่แค่เด็กที่ขี้โกหก แต่เขายังเป็นเด็กอีโก้สูงสุดสุดด้วย โรสใช้เท้ากดหัวของลูก้าลงอย่างช้าช้า "เธอขอโทษมากี่รอบแล้วนะ?" "ผมก
"อืม...ผมคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยล่ะ" เมเบลแอบยิ้มในใจเล็กน้อย เพราะตลอดทั้งสิบสี่ปีนั้น เธออยู่อย่างโดดเดี่ยวและไม่มีเพื่อนสักคนเลย นอกจากแม่ของเธอที่คอยอยู่เคียงข้างเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอกับลูก้า เธอจึงมีคนคอยอยู่ข้างเธอในยามเดียวดาย และในวันนี้เมเบลรู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่เพื่อนรักตอนสมัยเด็กกลับมาหาเธออีกครั้ง ในรอบสิบสี่ปีที่จากเธอไปให้ต้องเหงา แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะเธอมีลูก้าและเจมส์ที่คอยอยู่ข้างๆกัน ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้าของตลาดเช้า เมเบลและเจมส์เดินเคียงข้างกัน ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนมากมาย กลิ่นอาหารนานาชนิดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ เมเบลเดินเลือกซื้อผักสดอย่างตั้งใจ เจมส์เดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ สายตาคมกริบของเขากวาดมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น เมเบลหันขวับไปมอง เห็นรถเข็นผักพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว "เมเบล!" เจมส์ร้องเสียงหลง เขาคว้าตัวเมเบลเข้ามาในอ้อมกอดแน่น "เจ็บตรงไหนหรือป่าว?" เจมส์เอ่ยถามเมเบลด้วยความเป็นห่วง และสายตาที่จับจ้องดูอย่างตั้งใจ "ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ" หลังจากเว
ห้องครัวอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศมากมาย แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องผ่านหน้าต่าง บ่งบอกถึงช่วงเวลาใกล้ค่ำ เมเบลยืนหั่นผักบนเขียงไม้ จังหวะมีดกระทบเขียงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลิ่นหอมของกระเทียมและน้ำมันฟุ้งไปทั่วห้อง เจมส์ยืนอยู่ข้างๆ เธอ แขนเสื้อถูกพับขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนแข็งแรง "ให้ช่วยอะไรไหม" เขาถาม เสียงทุ้มนุ่มทำให้เมเบลหันไปมอง "หั่นผักให้หน่อยได้ไหม?" เมเบลตอบพลางยื่นเขียงและมีดให้ เจมส์รับไปอย่างคล่องแคล่ว สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการหั่นผัก เสียงมีดกระทบเขียงดังเป็นจังหวะเบาๆ ในความเงียบ เมเบลแอบมองเจมส์ ใบหน้าคมสันภายใต้แสงสลัวช่างดูจริงจังและตั้งใจ เธอรู้สึกอบอุ่นที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ พวกเขาสองคนทำอาหารด้วยกันนานสักพักใหญ่ จนกว่าจะเสร็จอีกทีก็ตกเย็นแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้มอมชมพู เจมส์ยืนเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่เพิ่งถอดออก กลิ่นหอมของอาหารเย็นที่ทำด้วยกันยังอบอวล กลบกลิ่นเครื่องเทศจางๆ ที่ใช้ไปเมื่อช่วงบ่าย เมเบลหันหลังให้ เปิดตู้เย็นแล้วดึงอะไรบางอย่างออกมา เจมส์ขมวดคิ้วสงสัย จ้องมองแผ่นหลังนั้นด้วยความอยากรู้ "นี่~ เค้กที่แม่ทำเก็
เจมส์หัวเราะคึกคัก ที่เห็นเศษอาหารเลอะเทอะเต็มทั้งใบหน้าของลูก้า "นี่! หยุดหัวเราะนะ ไอ้แก่!" "ว่าใคร ไอ้แก่?" "คุยกับใครอยู่ก็ ว่าคนนั้นนั่นแหละ!" "ฟังแล้วอารมณ์ขึ้นเลยว่ะ!!!!" เจมส์โมโหเลือดขึ้นหน้า พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่โกรธเคือง ลูก้าลุกขึ้นยืน ขี้หน้าเจมส์ และทั้งตะคอกใส่เจมส์ "แก่แล้วยังจะอวดดีอีก!" "ไอ้เด็กบ้าเอ้ยย!!!!" "ก็เข้ามาดิ ไอ้แก่!" ในขนั้นที่ทั้งคู่กำลังจะตีกัน เมเบลทุบโต๊ะสองมือเสียงดังสนั่นสั้นไหว จนจานข้าวและอาหารเคลื่อนไหวตามไปด้วยแรงสั่นสะเทือน "หยุด!!!! ทำบ้าอะไรของพวกเธอเนี่ย นี่มันเป็นวันเกิดฉันนะ หัดทำตัวดีๆหน่อยสิ!" เมเบลตะโกนดุเขาสองคนเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง สีหน้าของเธอดูไม่เป็นมิตรเลยสักหน่อย และยังมีดวงตาที่เคร่งขรึมมืดมนไปด้วยความโกรธ เจมส์กับลูก้าทำหน้าเสีย พร้อมกับเข้าไปปลอบโยนเมเบลใกล้ๆ "ขอโทษนะครับ ที่ทำให้พี่ต้องโกรธ เดี๋ยวผมป้อนข้าวให้นะครับ" ลูก้าเอาช้อนตักข้าวขึ้นมา เขามือสั่นเกร็งเล็กน้อย รวมถึงเอามือลองไว้ไม่ให้หก "อะอ้ำๆหน่อยครับ" ในตอนนั้นเอง เจมส์ลุกไปนั่งคุกเข่าขอโทษเมเบลที่ตักเบาๆ แววตาเผยให้เห็นถึงความรู้สึก
"เมเบล! นี่จะนอนไปถึงไหนเนี่ย? เที่ยงวันแล้วนะ ลงมาทานข้าวได้แล้ว!!!" เมเบลสะดุ้งตื่นจากเสียงตะโกนดังของแม่ เธอนึกถึงเรื่องเมื่อวาน วนคิดไปคิดมาไม่สิ้นสุดสักที กว่าเธอจะได้นอนหลับไป มันก็เกือบรุ่งเช้าของอีกวันแล้ว เพราะความคิดมากของเธอนั้นเอง จึงทำให้เธอตื่นสาย "ปวดหัวจังเลยย~" เมเบลพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้หลับไหลอีกรอบ เธอลุกขึ้นด้วยความขี้เกียจ เดินลงไปข้างล่างและล้างหน้าเพื่อลบล้างความขี้เซาของเธอ "รู้สึกเหมือนบ้านมันหมุนได้เลย" "ตุ๊บ!" แม่ของเธอได้ยินเสียงเหมือนมีบางสิ่งตก จึงเดินไปดูด้วยความรวดเร็ว "เมเบล!" แม่ของเมเบลตกใจจนเบิกตาโต สิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือเมเบลที่นอนสลบบนพื้น พร้อมกับเสียงลมหายใจแผ่วบางค่อยๆลดลง โรงพยาบาลรัฐบาล เวลา 13:17 น. แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ส่องสว่างวาบเหนือศีรษะ แม่ ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เสียงเครื่องมือแพทย์ดังแผ่วเบาแทรกกับเสียงประกาศตามสาย ภายในใจแม่เงียบงัน "คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ?" แม่ถามเสียงสั่นกับพยาบาลที่เดินออกมา พยาบาลสาวมองหน้าเขาด้วยความเห็นใจ "คนไข้แค่พักผ่อนไม่เพียงพอและร่างกายอ่อนเพลียมากค่ะ ทางเราให้น้ำเ
รุ่งอรุณ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านม่านสีขาวบางตามของห้องพักผู้ป่วย เมเบลลืมตาขึ้นช้าๆ ความเจ็บปวดจางหายไปบ้างแล้ว แต่ความรู้สึกหน่วงในใจยังคงอยู่ รอบกายเงียบสงัดเกินไป ราวกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังแผ่วเบาก็ยังบาดหู เจมส์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “วันนี้กลับบ้านได้แล้วนะครับ” เธอพยักหน้าเบาๆ รับรู้ แต่สายตากลับกวาดมองไปรอบห้องอย่างค้นหา ลูก้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาไม่ได้มาเยี่ยมเธอเลย แม้แต่ข้อความสั้นๆ ก็ไม่มี เมื่อจัดเก็บของเสร็จ เมเบลเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างเงียบงัน ความคิดวนเวียนแต่เรื่องของเขา "เขาไปไหน ทำไมถึงไม่มา" เจมส์มองหน้าเมเบล เขาสัมผัสได้ถึงความเศร้าในใจของเธอที่ออกมาจากดวงตามัวหมอง เดินก้มหน้าเหม่อลอยไร้อารมณ์ เจมส์เอียงคอมองเธอ พร้อมกับรอยยิ้มสดใส สายตาสื่อถึงความอยากเอาใจใส่
รุ่งอรุณ แสงแดดอ่อนๆ สาดส่องผ่านม่านสีขาวบางตามของห้องพักผู้ป่วย เมเบลลืมตาขึ้นช้าๆ ความเจ็บปวดจางหายไปบ้างแล้ว แต่ความรู้สึกหน่วงในใจยังคงอยู่ รอบกายเงียบสงัดเกินไป ราวกับเสียงเครื่องปรับอากาศที่ดังแผ่วเบาก็ยังบาดหู เจมส์เดินเข้ามาพร้อมรอยยิ้ม “วันนี้กลับบ้านได้แล้วนะครับ” เธอพยักหน้าเบาๆ รับรู้ แต่สายตากลับกวาดมองไปรอบห้องอย่างค้นหา ลูก้าไม่ได้อยู่ที่นี่ เขาไม่ได้มาเยี่ยมเธอเลย แม้แต่ข้อความสั้นๆ ก็ไม่มี เมื่อจัดเก็บของเสร็จ เมเบลเดินออกจากโรงพยาบาลอย่างเงียบงัน ความคิดวนเวียนแต่เรื่องของเขา "เขาไปไหน ทำไมถึงไม่มา" เจมส์มองหน้าเมเบล เขาสัมผัสได้ถึงความเศร้าในใจของเธอที่ออกมาจากดวงตามัวหมอง เดินก้มหน้าเหม่อลอยไร้อารมณ์ เจมส์เอียงคอมองเธอ พร้อมกับรอยยิ้มสดใส สายตาสื่อถึงความอยากเอาใจใส่
"เมเบล! นี่จะนอนไปถึงไหนเนี่ย? เที่ยงวันแล้วนะ ลงมาทานข้าวได้แล้ว!!!" เมเบลสะดุ้งตื่นจากเสียงตะโกนดังของแม่ เธอนึกถึงเรื่องเมื่อวาน วนคิดไปคิดมาไม่สิ้นสุดสักที กว่าเธอจะได้นอนหลับไป มันก็เกือบรุ่งเช้าของอีกวันแล้ว เพราะความคิดมากของเธอนั้นเอง จึงทำให้เธอตื่นสาย "ปวดหัวจังเลยย~" เมเบลพยายามควบคุมร่างกายไม่ให้หลับไหลอีกรอบ เธอลุกขึ้นด้วยความขี้เกียจ เดินลงไปข้างล่างและล้างหน้าเพื่อลบล้างความขี้เซาของเธอ "รู้สึกเหมือนบ้านมันหมุนได้เลย" "ตุ๊บ!" แม่ของเธอได้ยินเสียงเหมือนมีบางสิ่งตก จึงเดินไปดูด้วยความรวดเร็ว "เมเบล!" แม่ของเมเบลตกใจจนเบิกตาโต สิ่งที่อยู่ตรงหน้า คือเมเบลที่นอนสลบบนพื้น พร้อมกับเสียงลมหายใจแผ่วบางค่อยๆลดลง โรงพยาบาลรัฐบาล เวลา 13:17 น. แสงไฟสีขาวนวลจากหลอดฟลูออเรสเซนต์ส่องสว่างวาบเหนือศีรษะ แม่ ยืนรออยู่หน้าห้องฉุกเฉิน เสียงเครื่องมือแพทย์ดังแผ่วเบาแทรกกับเสียงประกาศตามสาย ภายในใจแม่เงียบงัน "คุณหมอว่ายังไงบ้างคะ?" แม่ถามเสียงสั่นกับพยาบาลที่เดินออกมา พยาบาลสาวมองหน้าเขาด้วยความเห็นใจ "คนไข้แค่พักผ่อนไม่เพียงพอและร่างกายอ่อนเพลียมากค่ะ ทางเราให้น้ำเ
เจมส์หัวเราะคึกคัก ที่เห็นเศษอาหารเลอะเทอะเต็มทั้งใบหน้าของลูก้า "นี่! หยุดหัวเราะนะ ไอ้แก่!" "ว่าใคร ไอ้แก่?" "คุยกับใครอยู่ก็ ว่าคนนั้นนั่นแหละ!" "ฟังแล้วอารมณ์ขึ้นเลยว่ะ!!!!" เจมส์โมโหเลือดขึ้นหน้า พร้อมกับพูดด้วยเสียงที่โกรธเคือง ลูก้าลุกขึ้นยืน ขี้หน้าเจมส์ และทั้งตะคอกใส่เจมส์ "แก่แล้วยังจะอวดดีอีก!" "ไอ้เด็กบ้าเอ้ยย!!!!" "ก็เข้ามาดิ ไอ้แก่!" ในขนั้นที่ทั้งคู่กำลังจะตีกัน เมเบลทุบโต๊ะสองมือเสียงดังสนั่นสั้นไหว จนจานข้าวและอาหารเคลื่อนไหวตามไปด้วยแรงสั่นสะเทือน "หยุด!!!! ทำบ้าอะไรของพวกเธอเนี่ย นี่มันเป็นวันเกิดฉันนะ หัดทำตัวดีๆหน่อยสิ!" เมเบลตะโกนดุเขาสองคนเสียงดังไปทั่วทั้งห้อง สีหน้าของเธอดูไม่เป็นมิตรเลยสักหน่อย และยังมีดวงตาที่เคร่งขรึมมืดมนไปด้วยความโกรธ เจมส์กับลูก้าทำหน้าเสีย พร้อมกับเข้าไปปลอบโยนเมเบลใกล้ๆ "ขอโทษนะครับ ที่ทำให้พี่ต้องโกรธ เดี๋ยวผมป้อนข้าวให้นะครับ" ลูก้าเอาช้อนตักข้าวขึ้นมา เขามือสั่นเกร็งเล็กน้อย รวมถึงเอามือลองไว้ไม่ให้หก "อะอ้ำๆหน่อยครับ" ในตอนนั้นเอง เจมส์ลุกไปนั่งคุกเข่าขอโทษเมเบลที่ตักเบาๆ แววตาเผยให้เห็นถึงความรู้สึก
ห้องครัวอบอวลไปด้วยกลิ่นหอมของเครื่องเทศมากมาย แสงแดดยามบ่ายคล้อยสาดส่องผ่านหน้าต่าง บ่งบอกถึงช่วงเวลาใกล้ค่ำ เมเบลยืนหั่นผักบนเขียงไม้ จังหวะมีดกระทบเขียงเป็นจังหวะสม่ำเสมอ กลิ่นหอมของกระเทียมและน้ำมันฟุ้งไปทั่วห้อง เจมส์ยืนอยู่ข้างๆ เธอ แขนเสื้อถูกพับขึ้น เผยให้เห็นท่อนแขนแข็งแรง "ให้ช่วยอะไรไหม" เขาถาม เสียงทุ้มนุ่มทำให้เมเบลหันไปมอง "หั่นผักให้หน่อยได้ไหม?" เมเบลตอบพลางยื่นเขียงและมีดให้ เจมส์รับไปอย่างคล่องแคล่ว สมาธิทั้งหมดจดจ่ออยู่กับการหั่นผัก เสียงมีดกระทบเขียงดังเป็นจังหวะเบาๆ ในความเงียบ เมเบลแอบมองเจมส์ ใบหน้าคมสันภายใต้แสงสลัวช่างดูจริงจังและตั้งใจ เธอรู้สึกอบอุ่นที่เขายื่นมือเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระ พวกเขาสองคนทำอาหารด้วยกันนานสักพักใหญ่ จนกว่าจะเสร็จอีกทีก็ตกเย็นแล้ว ท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนสีเป็นสีส้มอมชมพู เจมส์ยืนเช็ดมือกับผ้ากันเปื้อนที่เพิ่งถอดออก กลิ่นหอมของอาหารเย็นที่ทำด้วยกันยังอบอวล กลบกลิ่นเครื่องเทศจางๆ ที่ใช้ไปเมื่อช่วงบ่าย เมเบลหันหลังให้ เปิดตู้เย็นแล้วดึงอะไรบางอย่างออกมา เจมส์ขมวดคิ้วสงสัย จ้องมองแผ่นหลังนั้นด้วยความอยากรู้ "นี่~ เค้กที่แม่ทำเก็
"อืม...ผมคิดว่าจะมาอยู่ที่นี่ถาวรเลยล่ะ" เมเบลแอบยิ้มในใจเล็กน้อย เพราะตลอดทั้งสิบสี่ปีนั้น เธออยู่อย่างโดดเดี่ยวและไม่มีเพื่อนสักคนเลย นอกจากแม่ของเธอที่คอยอยู่เคียงข้างเธอ จนกระทั่งวันหนึ่งได้เจอกับลูก้า เธอจึงมีคนคอยอยู่ข้างเธอในยามเดียวดาย และในวันนี้เมเบลรู้สึกดีใจเป็นพิเศษที่เพื่อนรักตอนสมัยเด็กกลับมาหาเธออีกครั้ง ในรอบสิบสี่ปีที่จากเธอไปให้ต้องเหงา แต่ตอนนี้เธอไม่ได้อยู่คนเดียวอีกต่อไปแล้ว เพราะเธอมีลูก้าและเจมส์ที่คอยอยู่ข้างๆกัน ท่ามกลางแสงแดดเจิดจ้าของตลาดเช้า เมเบลและเจมส์เดินเคียงข้างกัน ท่ามกลางเสียงอึกทึกครึกโครมของพ่อค้าแม่ค้าและผู้คนมากมาย กลิ่นอาหารนานาชนิดลอยคลุ้งอยู่ในอากาศ เมเบลเดินเลือกซื้อผักสดอย่างตั้งใจ เจมส์เดินตามหลังมาอย่างเงียบๆ สายตาคมกริบของเขากวาดมองรอบด้านอย่างระแวดระวัง ทันใดนั้น เสียงกรีดร้องดังขึ้น เมเบลหันขวับไปมอง เห็นรถเข็นผักพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว "เมเบล!" เจมส์ร้องเสียงหลง เขาคว้าตัวเมเบลเข้ามาในอ้อมกอดแน่น "เจ็บตรงไหนหรือป่าว?" เจมส์เอ่ยถามเมเบลด้วยความเป็นห่วง และสายตาที่จับจ้องดูอย่างตั้งใจ "ฉันไม่เป็นไร ขอบคุณนะ" หลังจากเว
เมื่อลูก้าได้ส่งข้อความไปหาเสร็จ เวลาผ่านไปไม่นาน เขาคนนั้นก็ได้มาถึงหน้าบ้านของลูก้า "ก็อต! ก็อต!" ลูก้าที่ได้ยินเสียงเคาะประตู จึงได้เดินลงบันไดไป พร้อมกับเปิดประตูให้ใครบางคนเข้ามา "หายโกรธฉันแล้วหรอ?" คนที่เข้ามาหาลูก้านั้นคือ โรส โรสนั่งลงบนโซฟา และทำตัวลั้ลลา ใบหน้าที่เต็มไปด้วยเลห์เหลี่ยมต่างๆ รอยยิ้มที่แสดงถึงความไม่จริงใจ โรสเป็นเสมือนเพื่อนสนิทและแฟนเก่าของลูก้า ลูก้าเพ่งมองไปที่โรส ก่อนที่จะคุกเข่าต่อหน้าเธอ พร้อมทั้งก้มกราบลง "ผมขอโทษครับ" ลูกก้มหน้าตลอดและไม่แม้แต่จะสบตากับโรสเลยสักครั้ง ความจริงแล้วบ้านกับเงินจำนวนมากเป็นของคุณพ่อและโรสทั้งหมด รวมทั้งที่ลูก้าต้องยอมก้มหัวให้ขนาดนี้ก็เพราะเขาติดหนี้ก้อนโต จากการส่งเขาเรียนเข้าโรงเรียน ที่จริงลูก้าก็แค่เด็กกำพร้าที่คุณพ่อของโรสนั้นเอามาเลี้ยงเป็นของเล่นให้ลูกสาว แต่ด้วยคำโกหกของลูก้า ที่เคยโกหกกับเพื่อนในโรงเรียนว่าเป็นลูกคนรวย ก็เพื่อไม่ให้โดนบูลลี่และกลั่นแกล้งเขา ลูก้าไม่ใช่แค่เด็กที่ขี้โกหก แต่เขายังเป็นเด็กอีโก้สูงสุดสุดด้วย โรสใช้เท้ากดหัวของลูก้าลงอย่างช้าช้า "เธอขอโทษมากี่รอบแล้วนะ?" "ผมก
ลูก้าเขินเล็กน้อย ที่โดนพี่สาวเมเบลแกล้งจุ๊บแก้มแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ลูก้าจึงเดินหนีอ้อมไปนั่งในรถ และหลบหน้าหนีจากเมเบล เมเบลจู่จู่ก็สะกิดที่ไหล่ของลูก้าเบาเบา และดูเหมือนลูก้าจะเริ่มมีอาการเขินหนักขึ้น จนแก้มกับใบหูของลูก้านั้นแดงอยู่ไม่น้อย "นี่เธอเขินหนักขนาดนี้เลยหรอเนี่ย? น่าตลกจังเลย ฮิฮิ" เมเบลยิ้มมุมปากแบบมีเลห์กลแอบแฝง คราวนี้เมเบลเปลี่ยนไปจับที่แก้มของลูก้า และพูดด้วยเสียงออดอ้อนแบบน่ารักมุ้งมิ้ง "เขินหรอค้าา~ เด็กน้อยย~" ลูก้าหันหน้ามามองจ้องที่เมเบล และปัดมือเธอออกเล็กน้อย "พี่อย่าแกล้งผมสิครับ ถ้าผมแกล้งพี่กลับบ้าง พี่จะรู้สึก" ลูก้าพลางยิ้มเจ้าเล่ห์ และจ้องมองมองไปอีกครั้งที่เมเบลอย่างลึกซึ้ง พร้อมกับจับมือเธอขึ้นมางับเบาเบา เมเบลรู้สึกสะดุ้งอยู่นิดหน่อย ก่อนจะดึงมือออกมาอย่างไว "รีบไปส่งฉันได้แล้วนะ มัวแต่หว่านเสน่ห์ใส่ฉันอยู่นั้นแหละ" "ครับคนสวย!" เมเบลหน้าแดง และพยายามหลีกเลี่ยงการสบตาจากลูก้า ลูก้าที่ได้ยินคำสั่งจากเมเบลก็ยิ้มและตอบกลับอย่างเร็ว พร้อมทั้งขับรถไปด้วย และพยายามชวนเธอคุยไปด้วย "เมื่อไหร่พี่จะมาเป็นแฟนผมน้าาา~" เมเบลยิ้มและหัวเร
โรสเป็นคนเดียวที่รู้ความลับของลูก้า และยังเป็นคนที่รู้จักลูก้าเป็นอย่างดีมากกว่าใครหน้าไหนทั้งนั้น โรสรู้ดีอยู่แก่ใจว่าเธอกำลังทำอะไรอยู่ แต่เธอก็ยืนยันจะทำสิ่งนั้นต่อ อย่างไม่แคร์สิ่งที่จะตามมาที่หลัง เหมือนกับที่ทำทุกครั้ง โรสก็แค่ผู้หญิงที่แสวงหาความสุขให้ตนเอง ในขนั้นเดียวกัน ก็มีฝนตกลงมาอย่างกะทันหัน เสียงฟ้าร้องดังสะเทือนไปทั่วโรงเรียนและหมู่บ้านที่อยู่แถวนั้น ช่วงเวลาที่ใกล้จะค่ำขึ้นเรื่อยเรือยพร้อมฝนที่ตกลงมาอย่างหนักแบบไม่หยุดหยั่ง มันทำให้ลูก้าที่กำลังตามหาเมเบลอยู่นั้น ยิ่งเป็นห่วงเมเบลมากขึ้นไปด้วย ตอนนี้ในใจของลูก้ามันไม่มีคำว่า"แค่ชอบเลยอยากเอาชนะใจเธอ"แต่มันเป็นความรักความผูกพันทุกครั้งที่ได้คุยกันและได้ทำอะไรด้วยกัน บ่อยครั้งลูก้าก็ไม่ได้รู้สึกตัวด้วยซ้ำว่าจะทำแบบนั้นไปทำไม ทำไมต้องใส่ใจหรือดูแลในสิ่งที่ไม่จำเป็นต้องทำก็ได้ แต่ ณ ตอนนี้เขารู้แล้ว ว่าที่ทำไปทั้งหมดนั้น เพราะเขาได้ตกหลุมรักเธออย่างจริงใจและหมดหัวใจ ลูก้าพยายามวิ่งตามหาไปทั่วรอบรั่วโรงเรียน จนไปได้ยินเสียงของเด็กสาวดังสะอื้นอยู่ใกล้ใกล้กับตรงที่จอดรถ ลูก้าที่ได้ยินเสียงแผ่วเบาจากตรงนั้น จึงรีบวิ่งไปดู
"เจมส์ ฉันขอไปโรงเรียนด้วยได้ไหม" เจมส์ยิ้มด้วยความอบอุ่น พร้อมตอบกลับด้วยเสียงนุ่มนวลชวนฟัง "ได้สิครับ ขึ้นมาเลย" หลังจากได้ยินการอนุญาตจากเจมส์ เมเบลรีบขึ้นไปนั่งด้านหลังของจักรยานทันที เมเบลเอื้อมมือทั้งสองข้างไปจับเสื้อของเจมส์ตรงเอวเบาเบา เจมส์ที่เห็นเมเบลทำท่าทีแบบนั้นก็อดยิ้มไม่ได้ หลังจากนั้นเจมส์กับเมเบลได้นั่งจักรยานไปโรงเรียนด้วยกัน ทั้งคู่ชวนคุยกันเหมือนกับวัยรุ่นทั่วไป มีทั้งเสียงหัวเราะ และเสียงเล็กเสียงน้อยตลอดทาง จนพาให้คนรอบข้างเหล่านั้นต้องอิจฉาความน่ารักของวัยรุ่นสองคนนี้ ไม่นานมาก ถึงโรงเรียน ทั้งคู่ได้ลงจากจักรยาน พร้อมกับเดินไปในโรงเรียนด้วยกัน ณ ในบรรยากาศนั้นพวกเขาทั้งคู่พากันชวนหยอกล้อเล่นไปมาทั้งทางที่เดินไป และในตอนนั้นก็มีชายหนุ่มน้อยรูปงามดึงเมเบลแยกออกมาจากเจมส์อย่างรวดเร็ว จนเมเบลต้องตกใจกลัวตัวสั่นอย่างมาก พอเธอเงยหน้าขึ้น ก็ได้เจอกลับลูก้า "ทำบ้าอะไรของเธอเนี่ย!!!" เมเบลตะคอกใส่ลูก้าเสียงดัง และทันใดนั้น ลูก้าก็ได้เข้าไปกอดเมเบลอย่างแน่น จนเธอถึงขั้นตกใจกับสิ่งที่ลูก้าทำ "เธอเป็นอะไรหรือป่าว?" เมเบลถามลูก้าด้วยความเป็นห่วง ลูก้าที่กำ