“ตระกูลอาเรสอาจจะต้องเผชิญหายนะแบบเดียวกันในอนาคต” เจย์กล่าวเซย์นยิ้มขณะที่หน้าของเขาบูดบึ้ง “ฮี่ฮี่ นาสกำลังพูดเรื่องตลกระดับโลกหรือไง? เจย์ ที่จริงนายไม่จำเป็นต้องหาเหตุผลไร้สาระเพื่อทิ้งน้องสาวของฉันก็ได้ใช่ไหม?”ฟินน์กล่าวอย่างเคร่งขรึมว่า “ท่านประธานอาเรสไม่ได้โกหกคุณ”เซย์นมองบรรดาชายที่อยู่ในรถที่จู่ ๆ ก็เริ่มเคร่งขรึม ผู้ชายเหล่านี้คือผู้คนที่หยิ่งยโสที่สุดในเมืองอิมพีเรียล ถ้าไม่ใช่ปัญหาใหญ่ พวกเขามักจะดูนิ่งและผ่อนคลายอยู่เสมอเสียงของเซย์นเริ่มสั่น “นายคือเจ้าชายที่กุมเมืองอิมพีเรียลไว้ในมือเดียว ยังจะมีอะไรที่นายแก้ไขไม่ได้อีกล่ะ?”เจย์พูดว่า “ศพของผู้สูงอายุในหมู่บ้านจันทร์สว่างคือคนแก่ที่เกษียณอายุจากอสังหาริมทรรัพย์ทัวร์มาลีน เธอคือคนที่บอกปู่ของฉันให้นำแม่แท้ ๆ ของฉันไปขังไว้ในวังใต้ดินเป็นเวลาหลายปี”“เมื่อฉันพาแม่ออกมาได้หลังจากนั้น ฉันตั้งใจที่จะให้พ่อพาเธอไปในที่ที่ไกลออกไป แต่พวกเขาก็ได้รับอุบัติเหตุหลังจากที่ออกไปและพวกเขาทั้งคู่ก็ถูกฆ่า”“แม่ของฉันคือลูกสาวของหัวหน้าของกองบัญชาการโลกาวินาศ ฉันคิดว่านายอาจะไม่รู้ว่ากองบัญชาการนั้นดำรงอยู่แบบไหน แต่โศกนาฏกร
เซย์นถอนหายใจ “นายช่างเป็นพ่อที่สันโดษจริง ๆ ถ้าน้องสาวของฉันรู้ว่าเธอคงจะไม่ได้เจอเจนสันในอีกสิบปีข้างหน้า เธอคงจะไม่ยกโทษให้นายอย่างแน่นอน”รอยยิ้มที่บูดบึ้งปรากฏขึ้นบนหน้าของเจย์ “ฉันไม่คาดหวังให้เธอยกโทษให้กับฉันสำหรับทุก ๆ อย่างที่ฉันได้ทำลงไป"เซย์ก็รู้ด้วยว่าเจย์ช่วยคนรักของเขาไม่ได้ ดังนั้น เขาจึงหุบปากที่สาปแช่งของเขาไว้เจย์หยิบตั๋วสองใบออกจากกระเป๋าและยื่นมันให้กับเซย์น “ด้วยความน่าจะเป็นทั้งหมด แองเจลีนเดาว่าเจนสันเข้าร่วมวิทยาลัยเยาวชนในตำนานคือสิ่งที่ฉันทำ ถ้าฉันเข้าไปยุ่งกับร็อบบี้น้อยด้วย เธอจะสงสัย เซย์น ฉันอยากให้นายพาร็อบบี๊น้อยไปเข้าร่วมในการประลองเทควันโดที่ถูกจัดในมณฑลเอส แน่นอนว่าการประลองนั้นเป็นของปลอม เมื่อนายมาถึงในมณฑลเอส สตอร์มจะไปเจอกับนายและเขาจะพาร็อบบี้น้อยไปสถานที่ลึกลับอีกที่หนึ่งโดยเครื่องบิน”“ไปที่ไหนล่ะ?” เซย์นถาม“ฉันบอกไม่ได้”เซย์นเริ่มยั้วะโดยคำพูดของเจในทันที “นายต้องเก็บมันเป็นความลับแม้แต่กับฉันเลยรึ?”เจย์พูดว่า “สำหรับฉันแล้ว ยิ่งคนรู้ที่ที่ร็อบบี้น้อยอยู่น้อยเท่าไหร่ เขาก็ยิ่งปล่อยภัยเท่านั้น”เซย์นรู้สึกว่า หลังจากที่ท้องฟ้าถล่ม
เซย์นมองออกไปที่ถนนไฮเวย์ กลังอย่างสุดขีด “โหย โยนฉันออกไปข้างนอกนั่นเหมือนจะฆ่าฉันชัด ๆ เจย์ ช่วยคิดวิธีที่อ่อนโยนกว่านี้หน่อยได้ไหม? ฉันขอร้อง”ฟินน์เปิดหน้าต่างและจับเซย์น…ลมกรรโชกแรงพัดเข้ามาในรถและเสียงกรีดร้องของเซย์นกำลังดังท่ามกลางสายลม…“เจย์ แกคิดวิธีที่เลวร้ายแบบนี้ได้ แกมันไม่ใช่คนแล้ว”ตึก!เซย์นถูกโยนไปยังข้ามทางด้วยเสียงดังตึก เขาปวดระบมไปทั่วร่างกายราวกับว่ากระดูกของเขากำลังแตกออกจากกัน“แม่งเอ๊ย!” เซย์นสบถ “เจย์ ใจแกทำด้วยเหล็กรึไงวะ?” เขาแช่งขณะที่หลั่งน้ำตาหัวใจของเจย์ทำมาจากเหล็กกล้า แต่มันมีไว้เพื่อปกป้องคนที่เขารักอย่างระมัดระวังรถโรลส์-รอยซ์ขับออกไปและยังเห็นมันได้จนกระทั่งมันหายไปที่สี่แยก เซย์นนั่งอยู่ข้างถนนบนไฮเวย์ รู้สึกหน้าแดงด้วยลมหนาว อดทนกับความเจ็บปวดที่แทบจะทำให้กระดูกทั่วร่างของเขาป่นปี้ เขาโบกรถที่กำลังจะมุ่งหน้าไปยังเมืองนางแอ่นในที่สุด คนขับผู้ใจดีก็รับเขาขึ้นรถเมืองนางแอ่นแองเจลีนไม่รู้ว่าเธอเองหมดสติไปนานแค่ไหน เมื่อเธอตื่นขึ้น เธอก็นอนอยู่บนเตียงของเธอที่บ้านแล้วโคลนั่งอยู่หัวเตียง กำลังเช็ดเหงื่อเย็นจากหน้าผากของเธอ “คุณต
เมื่อเขาพูดถึงแม่ของเขา ก็ได้มีท่าทีของความเหงาโดดเดี่ยวบนใบหน้าที่หล่อเหลาและละเอียดอ่อนของโคลแองเจลีนจำได้ว่าครั้งหนึ่งเขาเคยบอกว่าเขาเป็นลูกคนเดียวในครอบครัว ที่ซึ่งมีพี่น้องต่างแม่มากมายเกินกว่าจะนับได้ และเขามีความรู้สึกค่อนข้างแปลกประหลาดเกี่ยวกับโครงสร้างครอบครัวของเขา“แม่ของคุณไม่สนใจเลยเหรอที่พ่อของคุณอาละวาดไปทั่ว” แองเจลีนถาม บางทีอาจเป็นเพราะความอยากรู้อยากเห็นหรือบางทีอาจเป็นเพราะความเป็นห่วงเป็นใยโคลในฐานะของเพื่อนรอยยิ้มอันอบอุ่นของโคลเริ่มขมขื่นเล็กน้อยเมื่อเขาพูดด้วยน้ำเสียงที่ทำอะไรไม่ถูก“แม่ของผมคือคู่แท้แต่แรกของพ่อ เมื่อแม่แต่งงานกับพ่อ ผมคิดว่าพ่อของผมจะรักเดียวใจเดียว แต่พ่อก็เพียงชอบแม่แค่ผิวเผินและแอบคบหากับผู้หญิงสวย ๆ คนอื่น พอแม่รู้เรื่องรัก ๆ ใคร่ ๆ พวกนั้น ผมโมโหมากจนเกือบกระโดดลงมาจากตึก พ่อของผมคุกเข่าขอร้องแม่เป็นเวลาสามวันสามคืนก่อนที่แม่จะให้ยกโทษให้พ่อ”“ผมคิดว่าพ่อของผมจะสำนึก แต่ต่อมา ผมก็รู้ว่าเขาทำตัวแย่ลงกว่าเดิม ทุกครั้งที่เขาเดินทางไปทำธุรกิจ เขามักจะพาผู้หญิงสวย ๆ กลับบ้านมาด้วยท้องที่โตเสมอ แล้วพอแม่ของโกรธ แม่ก็จะไปที่ห้องสวดมนต์ขอ
เมื่อนึกถึงงานยาก ๆ ที่เจย์มอบหมายให้เขาทำ เซย์นก็เริ่มสาปแช่งเขาอีกครั้ง “เจย์ อาเรส นายมันเป็นคนงี่เง่า!”แองเจลีนเดินมาเพื่อที่จะหยิบผ้าเช็ดหน้ามาจากมือของเชอร์ลี่ย์ แล้วร้องขอ “พี่สาว ให้ฉันดูแลเขาสักครั้งเถอะนะ ได้ไหม?”เธอรู้สึกละอายใจ เป็นเพราะเธอรักคนผิด เซย์นเลยต้องมาทนทุกข์ไปกับเธอด้วยเชอร์ลี่ย์ยืนขึ้นและยื่นผ้าเช็ดหน้าให้เธอ เธอพูดอย่างเบา ๆ ว่า “แองเจลีนน้อย อย่าเศร้าไปเลยนะ พี่ชายของเธอยังคงมีแรงสาปแช่งคนอื่นอยู่ เพราะงั้นเขาน่าจะสบายดี”“โอเคค่ะ” แองเจลีนพยักหน้าเซย์นยกขาที่เต็มไปด้วยเลือดของเขาขึ้น “พวกเธอดูให้ดี แบบนี้โอเคเหรอ? เจย์ทุบต่อยฉันอย่างแรงและโยนฉันผ่านหน้าต่างรถลงไปบนถนนทางหลวง ถ้าฉันไม่ใช่คนแข็งแรง ฉันคงจากไปและไปเจอกับลูซิเฟอร์แล้ว”แองเจลีนร้องไห้หนักขึ้นจนไหล่ของเธอเริ่มสั่นใบหน้าที่หล่อเหลาของโคลกลายเป็นสีหน้าที่ไร้อารมณ์และเรียบเฉยดวงตาของเซย์นจับจ้องไปที่โคล “ทำไมผู้ชายคนนี้ถึงมาอยู่ในบ้านของฉันได้?”แองเจลีนตอบ “เขาเป็นเพื่อนของฉัน โคล ยอร์ก เป็นเรื่องโชคดีที่เขามาส่งฉันที่กลับบ้านวันนี้ ไม่อย่างนั้นฉันคงทำให้ตระกูลเซเวียร์ต้องอับอายแน่ ๆ
คุณท่านปู่เซเวียร์และจอร์จเดินลงมายังชั้นล่างและมองเห็นบาดแผลที่น่ากลัวของเซย์น จอร์จด่าว่าผู้ที่ทำร้ายอย่างโกรธจัด “เจย์ ฉันมองนายผิดไปจริง ๆ ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนโหดร้ายและโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้”คุณท่านเซเวียร์ไม่ได้พูดอะไร แต่มีความชื้นจาง ๆ ในดวงตาที่เหี่ยวเฉาของเขาจอร์จรู้เพียงแค่ว่าลูกชายของเขาถูกทุบตี สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เจย์กำลังใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมนี้เพื่อปกป้องตระกูลเซเวียร์คนที่ทุกข์ทรมานจริง ๆ ก็คือ เจย์“พ่อครับ ผมไม่อยากทำงานกับเอมิเนนต์ ออเนอร์ อีกต่อไปแล้วครับ” เซย์นใช้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บของเขาเพื่อแสดงความคัดค้านต่อจอร์จเขาจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับเจย์ได้จอร์จยังคงขวัญเสียกับอาการบาดเจ็บของลูกชายเมื่อสักครู่นี้ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หยิบไม้กวาดขึ้นเพื่อที่จะฟาดเขาเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้สัจจะของลูกชายตัวเอง“แกพูดอะไรออกมา? เมื่อตอนนั้นฉันให้เงินแกเพื่อก่อตั้งเอมิเนนต์ ออเนอร์ แกขุกเข่าลงต่อหน้าฉันและได้ให้สัญญาแล้ว แกบอกว่าแกต้องการทำลายชื่อเสียงสุรุ่ยสุร่ายด้วยตัวเองและแกจะชุบชีวิตให้กับตระกูลเซเวียร์ แต่ตอนนี้แกกลับพูดออกมาได้อย่างดายว่าต้องการเลิกเนี่ยน
ในตอนนั้นเอง ตั๋วการแข่งขันก็ตกลงมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา เชอร์ลี่ย์หยิบมันขึ้นมาและส่งให้กับเซย์น เซย์นรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “มันไว้สำหรับร็อบบี้น้อยน่ะ”แองเจลีนคว้าตั๋วการแข่งขันมาและดูที่สติกเกอร์คำเชิญของการแข่งขันเทควันโดรุ่นเยาวชนระดับนานาชาติบนนั้น แล้วเธอก็ตกตะลึงเซย์นพูดต่อว่า “ไม่ต้องไปดูมันหรอก การแข่งขันที้รุนแรงแบบนี้ไม่เหมาะกับร็อบบี้น้อยหรอก”แองเจลีนตอบ “ทำไมจะไม่ล่ะ? ร็อบบี้น้อยชอบเทควันโดและเขาก็มีความสามารถทางด้านนี้ เราไม่อาจทำลายความสามารถที่พระเจ้ามอบให้เขาลงได้นะ”ความรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยเกิดขึ้นในดวงตาของเซย์น ถ้าหากแองเจลีนเห็นด้วยที่จะให้ร็อบบี้น้อยเข้าร่วมการแข่งขัน แล้วแม่กับลูกจะต้องแยกจากกันเป็นเวลานานเซย์นคงทนไม่ได้แองเจลีนเก็บตั๋วเข้าไปในกระเป๋าของเธอและพูดว่า “เราจะให้ร็อบบี้น้อยตัดสินใจเรื่องนี้เอง”เซย์นยื่นมือออกไป จู่ ๆ เขาก็อยากจะฉีกตั๋วออกเป็นชิ้น ๆ“ร็อบบี้น้อยอยู่ที่ไหนเหรอ?”“โรงเรียน ใกล้จะเลิกแล้วล่ะ”ช่างตายยากเสียจริงและเขาก็ปรากฏตัวขึ้น“เฮ้” เสียงที่คับข้องใจของร็อบบี้น้อยก็ดังมาจากด้านนอ
ไม่รู้วันเวลาผ่านไปนานเพียงแค่ไหนแล้ว ความร้อนของกลางฤดูร้อนค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ ค่ำคืนที่คฤหาสน์บนภูเขาเริ่มเย็นลงเล็กน้อยโคลกำลังนอนอยู่ข้างนอกบนเก้าอี้เอนกาย มองขึ้นไปที่ดวงดาวเบื้องบนที่ส่องแสงระยิบระยับเหนือศีรษะของเขา ดวงตาของเขากำลังมองหาดวงจันทร์ที่สดใส“คาร์สัน นายจะบอกว่าฉันเป็นดาวหรือเป็นพระจันทร์เหรอ?” โคลหันไปมองคาร์สันที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยสายตาที่สับสนคาร์สันมองขึ้นไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสว มันช่างโดดเดี่ยว หนาวเหน็บ และสูงส่งมาก“นายน้อย คุณเป็นดวงดาวครับ”“ทำไมล่ะ?”“อย่างที่คุณท่านเคยกล่าวไว้ ในวันสุดท้ายของพวกเราทุกคนนั้นล้วนจะกลายเป็นดวงดาวหลังจากการตายไปของเรา เพื่อที่จะส่องสว่างทางข้างหน้าให้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นายน้อยครับ คุณคือดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดแล้วครับ” คาร์สันกล่าวอย่างจริงจัง“แล้วเจย์ อาเรสล่ะ? นายคิดว่าเขาเป็นอะไร?” โคลถามคาร์สันขมวดคิ้ว สงสัยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย จนทำให้เขาถามคำถามแปลก ๆ เหล่านี้“คนที่เย็นชาอย่าง เจย์ อาดเรส และคอยปฎิเสธคนรอบข้างคงจะมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดไป แน่นอนว่าเขาก็คือดวงจันทร์ครับ” คาร์สันก
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ