คุณท่านปู่เซเวียร์และจอร์จเดินลงมายังชั้นล่างและมองเห็นบาดแผลที่น่ากลัวของเซย์น จอร์จด่าว่าผู้ที่ทำร้ายอย่างโกรธจัด “เจย์ ฉันมองนายผิดไปจริง ๆ ฉันไม่นึกเลยว่านายจะเป็นคนโหดร้ายและโหดเหี้ยมได้ขนาดนี้”คุณท่านเซเวียร์ไม่ได้พูดอะไร แต่มีความชื้นจาง ๆ ในดวงตาที่เหี่ยวเฉาของเขาจอร์จรู้เพียงแค่ว่าลูกชายของเขาถูกทุบตี สิ่งที่เขาไม่รู้ก็คือ เจย์กำลังใช้วิธีการที่โหดเหี้ยมนี้เพื่อปกป้องตระกูลเซเวียร์คนที่ทุกข์ทรมานจริง ๆ ก็คือ เจย์“พ่อครับ ผมไม่อยากทำงานกับเอมิเนนต์ ออเนอร์ อีกต่อไปแล้วครับ” เซย์นใช้ประโยชน์จากอาการบาดเจ็บของเขาเพื่อแสดงความคัดค้านต่อจอร์จเขาจำคำสัญญาที่ให้ไว้กับเจย์ได้จอร์จยังคงขวัญเสียกับอาการบาดเจ็บของลูกชายเมื่อสักครู่นี้ แต่แล้วจู่ ๆ เขาก็หยิบไม้กวาดขึ้นเพื่อที่จะฟาดเขาเมื่อได้ยินคำพูดที่ไร้สัจจะของลูกชายตัวเอง“แกพูดอะไรออกมา? เมื่อตอนนั้นฉันให้เงินแกเพื่อก่อตั้งเอมิเนนต์ ออเนอร์ แกขุกเข่าลงต่อหน้าฉันและได้ให้สัญญาแล้ว แกบอกว่าแกต้องการทำลายชื่อเสียงสุรุ่ยสุร่ายด้วยตัวเองและแกจะชุบชีวิตให้กับตระกูลเซเวียร์ แต่ตอนนี้แกกลับพูดออกมาได้อย่างดายว่าต้องการเลิกเนี่ยน
ในตอนนั้นเอง ตั๋วการแข่งขันก็ตกลงมาจากกระเป๋ากางเกงของเขา เชอร์ลี่ย์หยิบมันขึ้นมาและส่งให้กับเซย์น เซย์นรู้สึกกังวลขึ้นมาเล็กน้อย แต่ก็แสร้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง “มันไว้สำหรับร็อบบี้น้อยน่ะ”แองเจลีนคว้าตั๋วการแข่งขันมาและดูที่สติกเกอร์คำเชิญของการแข่งขันเทควันโดรุ่นเยาวชนระดับนานาชาติบนนั้น แล้วเธอก็ตกตะลึงเซย์นพูดต่อว่า “ไม่ต้องไปดูมันหรอก การแข่งขันที้รุนแรงแบบนี้ไม่เหมาะกับร็อบบี้น้อยหรอก”แองเจลีนตอบ “ทำไมจะไม่ล่ะ? ร็อบบี้น้อยชอบเทควันโดและเขาก็มีความสามารถทางด้านนี้ เราไม่อาจทำลายความสามารถที่พระเจ้ามอบให้เขาลงได้นะ”ความรู้สึกวิตกกังวลเล็กน้อยเกิดขึ้นในดวงตาของเซย์น ถ้าหากแองเจลีนเห็นด้วยที่จะให้ร็อบบี้น้อยเข้าร่วมการแข่งขัน แล้วแม่กับลูกจะต้องแยกจากกันเป็นเวลานานเซย์นคงทนไม่ได้แองเจลีนเก็บตั๋วเข้าไปในกระเป๋าของเธอและพูดว่า “เราจะให้ร็อบบี้น้อยตัดสินใจเรื่องนี้เอง”เซย์นยื่นมือออกไป จู่ ๆ เขาก็อยากจะฉีกตั๋วออกเป็นชิ้น ๆ“ร็อบบี้น้อยอยู่ที่ไหนเหรอ?”“โรงเรียน ใกล้จะเลิกแล้วล่ะ”ช่างตายยากเสียจริงและเขาก็ปรากฏตัวขึ้น“เฮ้” เสียงที่คับข้องใจของร็อบบี้น้อยก็ดังมาจากด้านนอ
ไม่รู้วันเวลาผ่านไปนานเพียงแค่ไหนแล้ว ความร้อนของกลางฤดูร้อนค่อย ๆ ลดลงอย่างช้า ๆ ค่ำคืนที่คฤหาสน์บนภูเขาเริ่มเย็นลงเล็กน้อยโคลกำลังนอนอยู่ข้างนอกบนเก้าอี้เอนกาย มองขึ้นไปที่ดวงดาวเบื้องบนที่ส่องแสงระยิบระยับเหนือศีรษะของเขา ดวงตาของเขากำลังมองหาดวงจันทร์ที่สดใส“คาร์สัน นายจะบอกว่าฉันเป็นดาวหรือเป็นพระจันทร์เหรอ?” โคลหันไปมองคาร์สันที่อยู่ข้าง ๆ เขาด้วยสายตาที่สับสนคาร์สันมองขึ้นไปที่ดวงจันทร์ที่สว่างไสว มันช่างโดดเดี่ยว หนาวเหน็บ และสูงส่งมาก“นายน้อย คุณเป็นดวงดาวครับ”“ทำไมล่ะ?”“อย่างที่คุณท่านเคยกล่าวไว้ ในวันสุดท้ายของพวกเราทุกคนนั้นล้วนจะกลายเป็นดวงดาวหลังจากการตายไปของเรา เพื่อที่จะส่องสว่างทางข้างหน้าให้กับผู้ที่ถูกทิ้งไว้ข้างหลัง นายน้อยครับ คุณคือดวงดาวที่เจิดจรัสที่สุดแล้วครับ” คาร์สันกล่าวอย่างจริงจัง“แล้วเจย์ อาเรสล่ะ? นายคิดว่าเขาเป็นอะไร?” โคลถามคาร์สันขมวดคิ้ว สงสัยว่าวันนี้เกิดอะไรขึ้นกับนายน้อย จนทำให้เขาถามคำถามแปลก ๆ เหล่านี้“คนที่เย็นชาอย่าง เจย์ อาดเรส และคอยปฎิเสธคนรอบข้างคงจะมีชีวิตอยู่อย่างโดดเดี่ยวตลอดไป แน่นอนว่าเขาก็คือดวงจันทร์ครับ” คาร์สันก
สายตาของโคลตกไปอยู่ที่ธงในกระบะทราย มีธงสีแดงและสีขาว ‘อาเรส’ ถูกเขียนไว้บนธงสีแดง ในขณะที่ ‘ยอร์ก’ ถูกเขียนไว้บนธงสีขาว! “ดีแลน อาเรส คุณทำให้ป้าของฉันต้องอับอายและทำให้เธอตาย ฉันต้องการ 2,000 ชีวิตของตระกูลอาเรสเพื่อชดใช้สิ่งที่คุณไว้ทำกับเธอ” เมื่อสายตาของโคลจ้องมองไปยังลูกหลานของดีแลน อาเรส ดวงตาของเขาก็มืดม่นลงเล็กน้อยเมื่อครั้นไพ่แห่งความตายได้ถูกสร้างขึ้น ไม่มีหนทางไหนที่จะทำลายมันได้ ทันใดนั้น มือเรียวยาวซีดก็ยื่นออกมาและหยิบไพ่แห่งความตายของแองเจลีน เซเวียร์ และเจนสัน อาเรสออกมาพร้อมกันนั้นก็ยังคงมีของโรเบิร์ต ลอยล์และโรเซ็ต ลอยล์ ความแปลกใจผุดขึ้นมาบนใบหน้าหล่อเหลาของโคล “ทำไมนามสกุลของร็อบบี้น้อย และ เซ็ตตี้น้อยถึงเป็นนามสกุลนี้ล่ะ?”แล้วผู้คุมวิญญาณก็เดินออกมา เขาสวมเสื้อคลุมสีดำที่มีด้านในเป็นสีขาว เขาก้มศีรษะลง เขาสวมหน้ากากเต็มหน้าแบบพิเศษที่เผยให้เห็นเฉพาะตาเท่านั้น ผู้คุมวิญญาณพูดด้วยความเคารพ “นายน้อย ไม่มีข้อสงสัยเลยเกี่ยวกับตัวตนของแองเจลีน เซเวียร์ครับ”“โอ้? พูดมาสิ”ด้วยการอำพรางเป็นพิเศษ จึงแทบจะจำเสียงของผู้คุมวิญญาณไม่ได้ “เมื่อแปดปี
ในค่ำคืนที่มืดมิดบนพื้นที่อันเงียบสงบ เงาดำมืดได้เคลื่อนเข้าใกล้อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนมาอย่างรุกล้ำบนยอดตึกของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยได้เฝ้ามองดูรูปร่างของหมอกสีดำที่ลอยอยู่ไกล ๆ นัยน์ตาเต็มไปด้วยความสงสัย“แปลกจัง ทำไมหมอกหนาอย่างนี้นะ?” หลังจากที่พวกเขาพูดพึมพำกับตัวเองแล้ว กระสุนนัดหนึ่งก็พุ่งมาที่ชายคนหนึ่งด้านซ้ายของเขาในห้องโถง เขาไม่มีเวลาแม้แต่จะส่งเสียงร้องก่อนจะล้มลงกับพื้นเกือบในเวลาเดียวกัน เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยของหน่วยรักษาการณ์อื่น ๆ ของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนก็ตกอยู่ในกองเลือดอย่างเงียบ ๆเงาดำริบหรี่จู่ ๆ ก็แล่นพรวดเข้าไปในพื้นที่ด้วยพลังอันดุเดือดราวกับว่ามันคือรถสปอร์ตที่มีแรงม้าเพิ่มขึ้นฮาร์เปอร์ อาเรสเพิ่งกลับมาที่อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนตอนกลางดึกพร้อมกับเน็ตไอดอลที่อ่อนโยนและสวยพริ้งในอ้อมแขนของเขา อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เข้ามาในวิสัยทัศน์ของพวกเขาคือทะเลเลือดที่น่าตกใจ "อ๊า!" ผู้หญิงคนนั้นส่งเสียงร้องอันน่าสลดใจก่อนจะวิ่งหนีไปพลางเอามือปิดหน้าฮาร์เปอร์ตกใจกลัวมากจนหมดสติไปในทันทีชายคนหนึ่งสวมชุดเอี๊ยมสีดำ ใ
เซร่าร้องไห้คร่ำครวญ “ไม่ว่ายังไงฉันก็เป็นลูกสาวของเขา เขาจะไม่ปฏิเสธฉันจริง ๆ หรอกใช่ไหม? คุณผู้หญิง คุณได้โปรดอย่าพูดอีกเลย คุณเป็นห่วงเรื่องความปลอดภัยของฉันด้วยการอยากให้ฉันอยู่ที่นี่งั้นเหรอ? คุณมันเห็นแก่ตัวเกินไปหรือเปล่าคะ?”คุณผู้หญิงรู้สึกหมดหนทาง เธอหลับตาลงขณะที่น้ำตาสองสายไหลอาบลงมา“เซร่า ถ้าเธออยากไป ฉันจะไม่ห้ามเธอเลย แต่เธอต้องคิดให้รอบคอบ ตระกูลอาเรสไม่ใช่ที่ที่เธอจะมาก็มา จะไปก็ไปได้ตามใจชอบ แล้วก็เรื่องของอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน คุณท่านปู่อาเรสได้ออกคำสั่งและขอให้เราเก็บเงียบเรื่องนี้เอาไว้ ดังนั้นเธอไม่สามารถเปิดเผยอะไรได้แม้แต่เรื่องเดียวหลังจากที่เธอไป ไม่อย่างนั้น จากสิ่งที่ฉันรู้มาเกี่ยวกับคุณท่านปู่อาเรส เขาจะไม่มีวันปล่อยเธอไปอย่างง่ายดายแน่ถ้าเธอได้สร้างหายนะไว้”เซร่าเพียงต้องการหนีจากสถานที่อันเลวร้ายนี้เท่านั้น “ฉันจะไม่พูดอะไรทั้งนั้นค่ะคุณผู้หญิง ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ ฉันจะไม่พูดอะไรสักคำ”“งั้นก็สาบานต่อหน้าแท่นบูชาสิ” จู่ ๆ ดีแลนก็เดินเข้ามาเซร่ายกมือขึ้นทันทีและสาบาน “ฉันสาบานว่า ฉัน เซร่า เซเวียร์ จะยอมรับความตายถ้าหากฉันหลุดพูดไปแม้แต่เดียวเกี่
เซย์นหยิบโทรศัพท์ออกมาและด้วยนิ้วสั่น ๆ เขาได้จองตั๋วเครื่องบินเที่ยวแรกสุดไปยังประเทศเอสสำหรับเขาและร็อบบี้น้อยจากนั้นเขาก็ส่งข้อความหาเจย์ว่า ‘เครื่องบินจะออกเวลา 13.00 น. วันนี้’ณ แกรนด์เอเซียเมื่อเจย์เห็นข้อความ เขาก็ยังคงไม่สามารถอดกลั้นความโศกเศร้าในใจไว้ได้ ทั้ง ๆ ที่เขาได้เตรียมใจไว้นานแล้วเขาเอนศีรษะลงบนพนักพิงเก้าอี้ทำงาน ร่องรอยของความหดหู่ใจที่หายากปรากฏขึ้นบนใบหน้าที่หล่อเหลาดุจน้ำแข็งแกะสลัก“ฉันกำลังส่งลูก ๆ ไปยังที่ต่าง ๆ ทีละคน และทิ้งให้แองเจลีนอยู่คนเดียว แองเจลีนคงจะไม่มีวันยกโทษให้ฉันแน่ ๆ” เจย์พูดอย่างเศร้าสร้อยฟินน์ปลอบว่า “เมื่อหายนะมาถึงและคุณไม่เต็มใจที่จะอยู่อย่างโดดเดี่ยว ผมเกรงว่าคุณผู้หญิงจะเจ็บปวดและทรมานทั้งวันยิ่งกว่า เธอจะมีแรงที่จะดูแลลูก ๆ ได้ยังไงกันครับ?”“ตอนนี้ฉันได้ทำให้เธอเกลียดฉันมากขึ้นไปอีก แต่ฉันหวังว่าความเจ็บปวดของเธอจะลดลงทีละน้อยในอนาคต” เจย์กล่าวในตอนนั้นเอง เกรย์สันก็ผลักประตูและเข้ามา เขาถือเอกสารกองใหญ่อยู่ในมือโดยมีตราประทับส่วนตัวของเจย์ประทับอยู่“ท่านประธานอาเรส เอกสารพวกนี้ต้องการลายเซ็นและตราประทับของคุณ หลังจาก
รถเข็นของเจย์หยุดอยู่ที่ใต้ตึก เขาหลุดไปอยู่ในห้วงความคิดอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังกลับฟินน์พูดด้วยความประหลาดใจ “ท่านประธานอาเรส คุณจะไม่เข้าไปเยี่ยมคุณท่านปู่อาเรสหน่อยเหรอครับ?”เจย์กล่าว “ไม่ล่ะ หลังจากที่ฉันจัดการกับสิ่งต่าง ๆ ของฉันเสร็จแล้ว ฉันจะย้ายกลับมาที่อสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน "……แองเจลีนได้รับข้อความจากเจย์ ‘มาที่สวนบันทึกรัก’จะอย่างไรก็ตาม ประโยคสั้น ๆ ทำให้แองเจลีนคิดว่ามันไม่จริงใจเอาเสียเลยเขาต้องการให้เธอแก้ปัญหาความต้องการทางจิตใจของเขางั้นเหรอ?ในขณะที่แองเจลีนกำลังลังเลว่าจะตอบข้อความอย่างไร จู่ ๆ ร็อบบี้น้อยก็วิ่งเข้ามา เขาเอาหัวชนแขนแม่ของเขาและพูดอย่างกระมิดกระเมี้ยน “คุณแม่ครับ คุณลุงเซย์นจองเที่ยวบินไว้ตอน 13.00 น. ของวันนี้ พวกเรากำลังจะออกจากเมืองนางแอ่นแล้ว คุณแม่ครับ ผมจะคิดถึงคุณแม่นะครับ”แองเจลีนกอดร็อบบี้น้อยและยิ้มอย่างนุ่มนวล “ลูกรัก แม่ไปกับลูกที่การแข่งขันไม่ได้ แต่แม่เชื่อในตัวลูกนะ ลูกไม่เคยทำให้แม่ผิดหวังเลย ลูกเก่งที่สุดแล้ว”ดวงตาที่มีเสน่ห์ของร็อบบี้น้อยเปล่งประกายด้วยความมั่นใจ “โอเคครับคุณแม่ ผมจะไม่ทำให้คุณแม่ผิดหวัง ผมจะเอ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ