"ถ้ามันไม่ใช่เพราะเธอ เจนสันจะไปที่เมืองงอกงามเหรอ?" เจย์ตะโกนโจเซฟินรู้สึกผิดมากเจนสันกล่าวเสียงเบา "อย่าว่าเธอ ผมไปเมืองงอกงามด้วยตัวผมเอง"หัวใจอันยุติธรรมของเจนสันไม่ยินยอมให้พ่อของเขากล่าวหาคนผิด ดังนั้นเขาจึงยืนขึ้นแล้วยอมรับผิดของตัวเองเจย์ที่เหมือนลูกโป่งที่พองเกินไป ระเบิดทันทีจากเจนสัน แล้วยุบลงในไม่กี่วินาทีโจเซฟินสังเกตพ่อลูกทั้งสอง แม้ว่าเจย์จะโกรธจนเดือดปุด ๆ แต่ความโกรธในสายตาของเขาจะดิ่งลงทันทีที่เขามองเจนสัน โจเซฟินจึงรู้สึกตัวว่าเธอต้องปกป้องตัวเองก่อน"พี่ชาย นี่มันดึกแล้ว ฉันจะกลับบ้านก่อน" โจเซฟินต้องการที่จะหนีไป แต่ก็ถูกขัดโดนเสียงเย็น ๆ ของเจย์ "ทำไมเธอถึงยังไม่จากไป?"ใบหน้าของโจเซฟินยับยู่ยี่เหมือนมะระขม เธอหันหลังแล้วกล่าวอย่างเขินอาย "พี่ชาย เธอทำใจจากเจนสันไปไม่ได้"ไหล่ของเจนสันสั่นไหวเล็กน้อยเจย์จ้องโจเซฟินอย่างน่ากลัว 'หล่อนต้องเป็นสปายที่โรสส่งมาแน่ คำตอบสั่ว ๆ ของเธอกลายเป็นตัวช่วยที่ดีของโรส"เธอไปได้" เจย์ยอมแพ้โจเซฟินรีบวิ่งเอาชีวิตรอดทันทีหลังจากโจเซฟินจากไป ห้องนั่งเล่นอันใหญ่โตก็เหลือเพียงชายหนุ่มและเด็กชายตัวน้อยที่กำลังมองอีก
โรสตัวสั่น น้ำตารินอยู่ในดวงตาสีออบซิเดียนทั้งคู่ของเธอ ในตอนนั้น เธอเหมือนจะสูญเสียการควบคุมแล้วถูกพัดจากลมอย่างไร้ทิศทางโจเซฟินทนไม่ได้ที่จะต้องเห็นโรสอยู่ในสภาพนี้ เธอกัดฟันกรอดแล้วกล่าว "หรือไม่ก็รออีกหน่อย ถ้าเป้าหมายของพวกมันคือเงิน ฉันก็ยังพอมีเงินก้อนใหญ่ที่โกงมาจากพี่ชาย มันควรจะทำให้พวกโจรลักพาตัวพอใจได้"โรสรู้สึกเสียศูนย์ ในสมองเธอยุ่งเหยิงไปหมด เธอตัดสินใจไม่ได้ว่าควรขอความช่วยเหลือจากเจย์ดีไหมลางสังหรณ์ของโรสถูกต้อง โจรลักพาตัวร็อบบี้น้อยเพราะเงินแต่เมื่อพวกโจรลักพาตัวบังคับให้ร็อบบี้น้อยบอกเบอร์ติดต่อผู้ปกครอง ร็อบบี้น้อยกลัวว่าพวกโจรจะใช้ความอ่อนแอของเขามาทำให้คุณแม่สิ้นหวัง ดังนั้นเขาจึงให้เบอร์ของเจย์ไปโดยไม่ลังเลเมื่อโจรลักพาตัวโทรหาเจย์เพื่อเรียกค่าไถ่ เจย์และเจนสันนั้นสงบศึกลงและกำลังทานอาหารอยู่บนโต๊ะดินเนอร์มือถือของเขาดังขึ้น โดยไม่ต้องคิดอะไรมาก เจย์รับสายแล้วได้ยินเสียงที่ถูกแปลงเสียงแล้วเรียบร้อย มันกล่าวอย่างน่ากลัว "ลูกชายของแกอยู่ในมือเรา ถ้าอยากให้เขามีชีวิตรอด นำเงินมาไถ่เขา 100 ล้าน ฉันจะฆ่าเขาซะหากเงินขาดไปแม้แต่เซ็นต์เดียว"เจย์มองดูเจนสัน
เสียงดังเป็นพิเศษจากเจนสัน เขาใส่อารมณ์มากจนเสียงเขาแทบแหบเจย์สามารถเมินคนอื่นในรถได้ แต่ไม่สามารถละเลยอารมณ์ของลูกชายสุดที่รักได้ เขากังวลว่าสุขภาพจิตใจของเจนสันจะแย่ลงจนเจนสันมีอารมณ์ไม่คงที่เจย์เหยียบคันเร่ง รถพุ่งตัวออกไปทันทีระหว่างทาง เจย์ขับรถด้วยใบหน้าหงุดหงิด เขาถามโรสด้วยความโมโห "อย่าบอกนะว่าลูกชายของเธอถูกโจรลักพาตัวไป?"โรสพลันจ้องไปที่เจย์ด้วยความตกใจ'ลูกชายฉันก็ลูกชายนายไม่ใช่รึไง นายกล้าพูดเรื่องนี้อย่างสบายใจได้ยังไง?'เมื่อเจย์เห็นท่าทางสิ้นหวังของโรส ชั้นน้ำแข็งก็ก่อตัวในดวงตาของเขา เขากัดฟัน "ถ้าอย่างนั้นฉันก็เดาถูก เธอไปมีลูกชายตอนไหน? ก่อนจะแต่งงานกับฉันหรือหลังหย่ากับฉัน?"โรสตอบไม่ถูกหลังจากชะงักไปกับการเยาะเย้ยของเจย์ เธอเอนหลังอันปวกเปียกลงบนพนักพิง เครียด, ตื่นตระหนก, ความสงสัย, และถูกเยาะเย้ย… เธอรู้สึกทั้งหมดนี้เพราะพ่อของลูกเธอ ความรู้สึกทั้งหมดนี้ผสมปนเป จนเธอรู้สึกเหมือนถูกโยนลงไปในหลุมดำโจเซฟินอดทนไม่ไหวอีกเมื่อเห็นเจย์รังแกผู้หญิงที่ไร้ทางสู้ เธอยืดตัวตรงแล้วสวนกลับใส่พี่ชาย "พี่ชาย ไม่ต้องไปคิดว่าพี่สะใภ้จะมีเซ็ตตี้ก่อนที่จะแต่งงานกับนาย
เจย์มองดูความกังวลบนใบหน้าน้อย ๆ ของเจนสัน เขาไม่เข้าใจว่าโรสทำให้ลูกชายเขากังวลเกี่ยวกับลูกของเธอได้ยังไงทั้งสองเป็นเด็กที่มาจากคนละพ่อ พวกเขาไม่ได้โตมาด้วยกัน อย่างไรก็ตาม ระดับความสนิทสนมของเด็กทั้งสองทำให้เจย์อิจฉาเจย์ถอนหายใจอย่างหงุดหงิดเมื่อเขารู้สึกได้ว่าตัวเองกำลังอิจฉาลูกชาย เขานำมือถืออออกมาอย่างไม่เต็มใจแล้วโทรไปหาเพื่อนเขา นักสืบที่มีรายการการไขคดีสมบูรณ์แบบจากนั้น เจย์ก็เดินออกมาจากรถ เขารีบตามเจนสันแล้วอุ้มเขาขึ้นมาบนแขน"ที่นี่อันตรายมาก เจนส์ มา ตามคุณพ่อกลับบ้าน"โจเซฟินกรอกตาไปหาเขาทันทีพี่ชายของเธอแคร์ลูกชายของเขา เจนสัน แต่เขาไม่ได้รู้เลยว่าร็อบบี้น้อยที่ถูกลักพาตัวก็เป็นลูกเขาเหมือนกัน เซ็ตตี้ ผู้ที่เกลียดเขา ก็เป็นลูกที่เขาให้กำเนิด โรส ลอยล์ นั้นเป็นแม่ของเด็กทั้งสาม และโจเซฟิน อาเรส ก็เป็นน้องสาวโดยกำเนิดของเขา ทุกคนในที่นี้ควรจะเป็นคนสำคัญมากของเขา ที่เขากลับเห็นเจนสันสำคัญในสายตาเพียงคนเดียวโจเซฟินรอไม่ไหวถึงวันที่พี่ชายของเธอได้รู้ความจริง และวันนั้นจะมาถึงแน่นอนเจนสันนั่นกังวลเกี่ยวกับร็อบบี้น้อยมาก เขาไม่อยากไป"คุณพ่อ ช่วยร็อบบี้ด้วย" เจนสั
"วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์จะมาทะเลาะกับนาย เจย์ อาเรส ฉันต้องการช่วยลูกชายของฉัน" ในหัวของโรสกังวลแต่เรื่องความปลอดภัยของร็อบบี้น้อย เธอไม่มีพลังมากพอจะไปสนใจทะเลาะกับเจย์เจย์กัดฟันกรอด ดวงตาของเขาแผดเผาไปด้วยความโกรธ "โรส ลอยล์ เธอเป็นคนแรกที่กล้าตีฉัน ฉันจะจำเรื่องนี้ไว้ และฉันจะสะสางเรื่องนี้หลังจากลูกของเธอปลอดภัย""เอาเหอะ" โรสกล่าวอย่างเหนื่อยหน่ายโรสยอมเลิกทะเลาะกับเจย์เพราะพวกเธอมีเด็กน้อยที่ต้องช่วยเหลือเธอได้รับสายจากโจรลักพาตัวอีกครั้ง "ส่งเงินมาที่บัญชีธนาคาร...""เท่าไหร่?" โรสถาม"สองร้อยล้าน!" โจรลักพาตัวเพิ่มเงินค่าไถ่เป็นสองเท่าจากเดิมโรสไม่มีเงินมากขนาดนั้น เธอเพียงแค่มองไปที่โจเซฟินอย่างหมดหนทางใบหน้าของโจเซฟินก็ดูอึดอัด บัตรที่พี่ชายเธอให้มานั้นมีวงเงินแค่หนึ่งร้อยล้าน เธอจะไปหาอีกครึ่งจากไหนมาจ่ายค่าไถ่?โรสอ่านสีหน้าของโจเซฟินออก ทำให้เธอหมดหนทาง เธอไม่มีทางเลือกนอกจากการหันไปหาคนที่รวยที่สุดในหมู่พวกเธอ"ท่านอาเรส คุณให้ฉันยืมเงินได้ไหม?" เธอกล่าว พร้อมกัดริมฝีปากตัวเอง ปากของเธอเลือดออกในขณะที่เธอต้องพ่นคำพวกนี้ออกมาความแค้นจากการถูกตบยังคงสดใหม่อยู่
ทั้งหมดที่เขาต้องการก็แค่สั่งสอนโรสเล็ก ๆ น้อย ๆ เขาไม่คาดคิดว่าทั้งน้องสาวและลูกชายของเขาจะยืนอยู่ข้างโรส การแก้แค้นเธอนั้นไม่ได้ทำให้เขายินดีเลยเขายื่นมืออันงดงามไร้ที่ติของเขาไปด้านหน้าโรส "เอามือถือของเธอมา" เสียงของเขามีแต่ควมขุ่นเคืองโรสลังเลเพราะไม่รู้ว่าเขาตั้งใจจะทำอะไรเจย์จึงเอื้อมมือไปหยิบมือถือเธอมาเอง เขามองไปที่สายแจ้งเตือนจากโจรลักพาตัว ก่อนจะใช้มือถือของเธอกดหมายเลขโทรออกไป"ช่วยฉันหาตำแหน่งของเบอร์หมายเลข 134***" เจย์กล่าวอย่างเย็นชาโรสตกใจ นี่เจย์กำลังช่วยร็อบบี้น้อย?หลังจากวางสาย เจย์ก็โยนมือถือของโรสคืนให้เธอเหมือนเขาโยนขยะทิ้ง"คุณพ่อ พ่อกำลังช่วยร็อบบี้น้อยใช่ไหม?" เจนสันกล่าวอย่างคาดหวัง"คุณพ่อทำให้ก็เพราะลูกเท่านั้น!" เจย์แปะหัวของเจนสันแล้วกล่าวอย่างหยอกล้อโจเซฟินเบะหน้า เธอรู้ว่าวันหนึ่งอัตตาของพี่ชายเธอจะย้อนกลับมาเข้าตัวของเขาเจย์อาจจะช่วยโรสโทรหาตำรวจและให้ความช่วยเหลือในการช่วยเด็ก แต่สำหรับโรส เธอไม่สามารถยอมรับแม้แต่ความผิดพลาดเล็กน้อยได้เด็ดขาด เธอต้องมั่นใจว่าร็อบบี้น้อยจะต้องปลอดภัยเท่านั้นโจรลักพาตัวนั้นต้องการเงิน ถ้าเธอไม่ทำตามค
โจเซฟินถอนหายใจอย่างแรงด้วยความโล่งอกเมื่อโรสยินยอม โจเซฟินรู้ว่าการตัดสินใจของโรสนั้นยากขนาดไหน ซึ่งคงทำให้เธอเศร้าโศกมากเช่นกันเธอเดินไปตรงหน้าของเจย์แล้วกล่าว "พี่ชาย นายอาจปฏิเสธคำขอของพี่สะใภ้ที่ต้องการจ่ายค่าไถ่ นายเหยียดหยามและล้อเลียนเธอที่ต้องการยืมเงินสองร้อยล้านจากนาย แต่ถ้านายได้เจอร็อบบี้น้อย นายจะไม่ใช่แค่ให้ยืมเงินสองร้อยล้านกับเธอ แต่นายจะกระทั่งมอบเงินให้เธอสองพันล้านด้วยถ้าโจรลักพาตัวร้องขอ"ใบหน้าของเจย์มีการล้อเลียนอยู่ในนั้น "โจเซฟิน อาเรส อะไรทำให้เธอคิดว่าฉันจะยอมจ่ายสองพันล้านให้ผู้หญิงคนนี้? เธอรู้ไหมฉันเกลียดเธอขนาดไหน?" ท่าทางของเจย์เริ่มดูชั่วร้ายโจเซฟินเปิดปากของเธอเล็กน้อยในขณะที่จ้องเจย์ บางทีเธออาจจะเบื่อการทะเลาะแล้ว เสียงของเธอจึงได้ดูเย็นชา "นายจะไม่จ่ายสองพันล้านให้ลูกชายนาย?""แต่เขาไม่ใช่ลูกชายฉัน..." เจย์โมโหมาก"เด็กที่อยู่ในมือของโจรลักพาตัวคือลูกนาย" โจเซฟินคำรามอย่างหมดความอดทน"เธอพูดบ้าบออะไรของเธอ? ลูกชายฉันอยู่ตรงหน้านี่ไง""ร็อบบี้น้อยกับเจนสันเป็นฝาแผดกัน" โจเซฟินกล่าวเจย์เริ่มเข้าใจอะไรบางอย่าง ใบหน้าบิดเบี้ยวของเขาค่อย ๆ เริ
โจเซฟินถอนหายใจ ตอนนี้พี่ชายเอาแต่ใจของเธอก็รู้แล้วว่าร็อบบี้น้อยเป็นลูกของเขา เขาจะต้องสู้กับโรสเพื่อแย่งสิทธิ์การเลี้ยงดูเด็กแน่โรสจะมีอะไรไปต้านเขาได้?ในทางอำนาจ พี่ชายของเธอแทบจะครองโลกด้วยซ้ำในทางเงินตรา พี่ชายของเธอเป็นประธานบริษัทที่มีทรัพย์สินเป็นแสนล้านโรสไม่มีทั้งอำนาจและเงินโจเซฟินคิดว่าการต่อสู้ที่เคยจบไปกำลังจะเริ่มขึ้นแล้วโชคยังดี...โจเซฟินหันไปด้านหลัง มองโรเซ็ต และคิดว่าจะปลอยโรสยังไง"โรส ฉันจะพยายามทำให้พี่ชายของฉันเข้าใจผิดมากที่สุดเท่าที่จะทำได้ ฉันจะบอกกับเขาว่าโรเซ็ตเป็นลูกสาวของสามีคนก่อนของพี่ อย่างไรก็ตาม พี่ชายของฉันเป็นคนไม่ไว้ใจใครอยู่แล้ว เพื่อที่จะหยุดความสงสัยของเขา ฉันจะสร้างเรื่องว่าพี่แต่งงานแล้ว""เราต้องเข้าใจเรื่องราวให้ตรงกัน เพื่อที่เขาจะได้ไม่สงสัยอีก ไม่ต้องห่วง ฉันจะพยายามอย่างที่สุดเพื่อที่จะทำให้มั่นใจว่าพี่จะยังมีลูกสาวอยู่"โรสพยักหน้าอย่างเจ็บปวดโจเซฟินส่งโรสกลับไปที่เมืองงอกงาม เจนสันไม่ต้องการแยกกับแม่ของเขา โจเซฟินเองก็อยู่กับเขาเพื่อรอฟังข่างของร็อบบี้น้อยเจย์ไม่มีอะไรต้องกังวลอีกเมื่อเขาส่งเจนสันไปแล้ว เขาค้นหาทุก
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ