ร็อบบี้น้อยตกใจ เขารีบกระโดดลงพื้นแล้วหาที่หลบกระสุน ตำรวจนอกเครื่องแบบที่กำลังล้อมพื้นที่ได้ยินเสียงปืนดังขึ้น พวกเขาบุกเข้าอาคารทันทีร็อบบี้น้อยได้ยินเสียงปืนดังกระหน่ำ เขาพบตู้หนังสือก่อนจะเข้าไปหลบในนั้นผ่านรอยแตกของประตู เขาเห็นเจย์ในเสื้อเชิ้ตสีขาวที่ไม่ติดกระดุมเม็ดบน เขาดูงดงามดั่งรูปปั้น แต่ในเวลาเดียวกันก็ดุร้ายราวกับหมาป่า โดยเฉพาะอย่างยิ่งในเวลาที่ดวงตาของเขาฉายแววเย็นยะเยือกแสนทิ่มแทง ด้วยการคุ้มกันจากตำรวจ เขาพุ่งขึ้นบันไดไปหัวใจของร็อบบี้น้อยแทบหลุดออกมาทางปาก มันมีโจรลักพาตัวเป็นโหลอยู่ที่ชั้นบน และแต่ละคนก็ถืออาวุธร้ายแรงไว้ในมือ เขากำลังนับจำนวนโจรที่ไม่ได้ถือปืน ไม่งั้นเขาคงไม่กล้าบุ่มบ่ามออกไปแน่พวกโจรลักพาตัวนั้นกำลังคะนอง พวกเขาตะโกนขู่ออกไปนอกหน้าต่าง มันอันตรายเกินไปที่พ่อของเขาจะไปที่ชั้นบนในตอนนี้ความจริงแล้ว ร็อบบี้น้อยไม่จำเป็นต้องกังวลเลย ความสามารถทางการกีฬาของเขานั้นได้รับการสืบทอดมาจากพ่อเจย์ อาเรส เป็นหลานคนโตที่สุดของตระกูลอาเรส การเติบโตมาในครอบครัวร่ำรวยควรจะทำให้เขาเพลิดเพลินกับการถูกดูแลอย่างดีมาตลอดเวลาที่เขาเติบโตมา แต่ในเวลาเดียวกัน
โจเซฟินไม่สามารถหยุดปาดน้ำตาได้เลย "ขอบคุณพระเจ้าที่เธอปลอดภัย ร็อบบี้น้อย"โรสจ้องไปที่ประตูด้วยความสงสัย "ร็อบบี้น้อย คุณพ่ออยู่ที่ไหน? ทำไมเขาไม่ได้มากับลูก?"เธอคิดว่าเจย์จะต้องมาหาเธอเพื่อคุยเรื่องสิทธิเลี้ยงดูบุตรแน่ร็อบบี้น้อยกอดโรส "คุณพ่อมาช่วยผม คุณแม่ ผมประทับใจมาก แต่ผมไม่ได้เจอคุณพ่อ เพราะผมไม่อยากจากคุณแม่ไป"โรสถึงกับสะดุด เธอถอนหายใจ "แม่ขอโทษ ร็อบบี้น้อย ตอนนี้คุณพ่อรู้เรื่องตัวตนของลูกแล้ว"เมื่อร็อบบี้เห็นว่าแม่ของเขาเสียใจขนาดไหน เขาก็ถอนหายใจออกมาเหมือนผู้ใหญ่ "ไม่ต้องห่วงครับคุณแม่ ถึงคุณพ่อจะอยากฉกผมไปจากแม่ ผมก็จะไม่ไปจากคุณแม่ไม่ว่าอย่างไรก็ตาม"ทั้งแม่และลูกกอดกันแล้วร้องไห้ เหมือนพวกเขาจะจากกันไปตลอดกาล มันช่างเป็นภาพที่น่าสงสาร"เขาจะไม่ไปไหน" เจนสันกล่าวขึ้นมากะทันหันโจเซฟินเริ่มกลับมาใช้ปากอันร้ายกาจของเธอแล้วหยอกเจนสันทันที "นายจะไปรู้อะไร เจ้าหนู? พ่อนายน่ะเหมือนเสือดุร้ายที่รู้จักแค่การรังแกแม่นาย"เจนสันจ้องโจเซฟิน เขาไม่อนุญาตให้น้าของเขาพูดไม่ดีใส่คุณพ่อสุดที่รักของเขาโจเซฟินตีปากตัวเอง "ก็ได้ ก็ได้ ฉันจะไม่พูดถึงพ่อนายอีกแล้ว พ่อของนายเ
โจเซฟินยืนตรงข้ามกับโรสแล้วกล่าวด้วยความแน่วแน่ "พี่ชายของฉันกำลังจะเอาลูกเขาไปแล้ว โรส อย่าบอกหมายเลขห้องของพี่นะ!""โจเซฟิน!" เจย์กัดฟันแล้วตะโกนผ่านลำโพงมาโจเซฟินกลัวมากจนหน้าเธอเขียวคล้ำ เธอปิดปากทันทีแล้วโบกมืออย่างหมดหวังให้โรสโรสเงียบอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่เธอจะบอกหมายเลขบ้านไปในมือถือ "บ้านหมายเลข 618"ทันทีที่เธอบอกออกไป เจย์ก็วางสายโจเซฟินทรุดลงกับโซฟาแล้วต่อว่าโรส "พี่บอกหมายเลขบ้านกับเขาทำไม? โรส ไม่รู้เหรอว่าพี่จะเสียร็อบบี้น้อยไปทันทีที่เขามาถึง?"เจนสันหยิบกล้วยขึ้นมาแล้วยัดใส่ปากของโจเซฟิน ด้วยท่าทางดูหมิ่น เขากล่าว "เธอพูดมากเกินไป"โจเซฟินนั่วลง ชี้ไปที่จมูกของเจนสัน เธอสาปส่งออกมา "อย่าคิดว่าฉันไม่รู้นะ เจ้าตัวเล็ก นายกำลังคำนวณผลประโยชน์ให้พ่อนาย ฉันรู้ว่านายอยู่ฝั่งพ่อของ-"เจนสันกล่าวอย่างโมโห "ไม่ ฉันไม่ใช่"โจเซฟินแค่นเสียง "ฮี่ฮี่ นายมั่นใจเหรอ? นายกล้าพูดไหมว่าพ่อนายน่ะเป็นเสือที่ชอบกินคน?"เจนสันรักคุณพ่อมาก แน่นอนอยู่แล้ว เขาต้องเมินคำขู่ของน้าเขาเพื่อปัดปัญหาโจเซฟินเสริมอย่างเจ้าเล่ห์ "เจนสัน นายมีจิตสำนึกรึเปล่าเนี่ย? ใช่ นายถูกเลี้ยงมาโดยพ่อน
เจย์พลันย่อตัวลง จับใบหน้าของร็อบบี้น้อยด้วยมือทั้งสองข้าง ดวงตาของเขาดูระมัดระวัง เขาดูต้องการการยอมรับจากร็อบบี้ ซึ่งนั่นทำให้เขาดูกลายเป็นเด็กน้อยใสซื่อไปเลยโรสสังเกตดูพ่อและลูกที่หวงแหนกันและกันด้วยความยินดีและกลัวในเวลาเดียว ความรักของเจย์ต่อลูกของเขานั้นมากมายและลึกซึ้งกว่าที่เธอจินตนาการไว้"คุณพ่อ" ร็อบบี้น้อยพลันอ้าแขนแล้วเข้าหาอ้อมแขนของเจย์เจย์กอดร็อบบี้น้อยแน่น ใบหน้ามีเสน่ห์ของเขาเบิกบานด้วยความรักและรอยยิ้มงดงามโจเซฟินเดินไปหาโรส หวังจะมอบกำลังใจ เธอพลันเอื้อมมือไปคว้ามือของโรสไว้"คุณพ่อ ผมรักพ่อครับ" ร็อบบี้น้อยจูบที่หน้าผากของเจย์การกระทำนี้ทำให้หัวใจของเจย์สั่นไหว มันทำให้เขาลดการป้องกันลงเพราะเขาคิดว่าด้วยความเกลียดชังที่ไร้การสั่นคลอนของเขาต่อโรส จะทำให้เด็กที่เธอเลี้ยงมาเกลียดเขาอย่างมากไปด้วยแต่ตรงกันข้าม ร็อบบี้น้อยจูบและแสดงความรักต่อเขา ทำให้เขามองโรสด้วยความชื่นชมเธอไม่ได้ปลูกฝังความเกลียดชังเขาต่อตัวเด็ก และด้วยเหตุนั้น ทำจึงดีใจมาก"คุณพ่อก็รักลูกเหมือกกัน" เจย์ยิ้มอย่างอ่อนโยนให้ร็อบบี้น้อยโรสมองดูเจย์ที่อ่อนโยน เจย์ที่เธอฝันถึงมาตลอดแต่ไม่
โรสมองเขา เธอจ้องเขาอย่างว่างเปล่าเขาไม่มีทางยอมแต่งงานกับเธอใหม่แน่เขาสนใจแค่ต้องการจะเอาร็อบบี้น้อยกลับไปมันเป็นเพราะว่าเขาไม่อยากดูเป็นคนไม่ดีในสายตาของเด็ก ๆ เขาจึงโยนปัญหามาให้เธอแทนเขาคิดว่าโรสนั้นอ่อนแอและต้องยอมเขาอย่างแน่นอนแต่ด้วยความไม่คาดคิด โรสกล่าวอย่างชัดเจน "ท่านอาเรส ห้าปีก่อน ฉันเริ่มคิดที่จะยอมแพ้ในการเลี้ยงดูลูก ๆ ฉันจะไม่มีทางทำอะไรโง่ ๆ แบบนั้นอีก"เจย์มองโรสด้วยความดูหมิ่น เขาเน้นทุกคำพูดต่อมา "อาเรสก็ยังเป็นอาเรส อาเรสทุกคนต้องอยู่ด้วยกัน"ทั้งสองมองจ้องหน้ากัน ด้วยความหัวรั้นและไม่ประนีประนอมหลังจากพักใหญ่ เจย์จึงหันสายตาไปหาเด็ก ๆ แล้วถามเสียงอ่อน "งั้น คนไหนอยากจะไปกับคุณพ่อคืนนี้?"ไม่ต้องสงสัย คำพูดเหล่านั้นถามกับร็อบบี้น้อยและเจนสัน เซ็ตตี้นั้นกำลังมีน้ำตาอยู่ที่มุมห้องร็อบบี้น้อยนั้นกุมมือของโรส เขาได้เห็นว่าแม่ของเขานั้นดูหมดหนทางขนาดไหนเมื่อพ่อกับแม่ทะเลาะกัน ดังนั้น เขาจึงเลือกที่จะอยู่ข้างแม่ของเขาในครั้งนี้เจนสันมองดูท่าทางผิดหวังของพ่อเขา เขาถอนหายใจกับตัวเอง แล้วเดินไปหาเจย์ เจนสันจับมือของเจย์แล้วกล่าว "คุณพ่อกับคุณแม่ ร็อบบี้น้
เจย์รู้สึกเหมือนเขาจะเป็นบ้า เขาไม่มีเหตุผลเลยที่จะต้องยอมปล่อยเด็กน่ารักอย่างร็อบบี้น้อยไป 'ไม่ ฉันต้องหาทางฉกตัวร็อบบี้น้อยมาวันพรุ่งนี้'เช้าวันต่อมา เจย์เดินไปที่ห้องครัวเตรียมอาหารเช้า เขาทำมันให้พอกับคนสามคน เจนสันดูจานที่เพิ่มเข้ามาก่อนจะตวัดสายตาไปที่ขอบดำ ๆ ใต้ดวงตากลมโตเหมือนลูกพีชอันน่าดึงดูดของพ่อเขา เขาถอนหายใจออกมา"ลูกถอนหายใจทำไม?" เจย์หั่นสเต็กอยู่ข้างหน้าเขา เขาถามโดยไม่ได้เงยหน้าไปมองเจนสันกล่าวอย่างเศร้าเสียใจ "คุณพ่อ เมื่อไหร่กันที่คุณพ่อทำตัวเหมือนคุณแม่ โดยการทำอาหารเช้ามากกว่าปกติ? มันเปลืองนะ"เจย์ตะลึง 'โรสมีนิสัยแบบนี้เหรอ? นี่เธอก็ทรมานเพราะสูญเสียใครไป?''ไม่ มันไม่เหมือนกัน''ฉันแค่ทำมันแค่วันเดียว ในขณะที่เธอประสบกับมันมาห้าปีแล้ว'ในตอนนั้นเอง หัวใจองเจย์ก็เกิดรอยกระเพื่อมเล็ก ๆ ขึ้นมา"เจนส์ บอกคุณพ่อ ลูกชอบร็อบบี้น้อยไหม?" เจย์มองไปที่จานอาหารที่เพิ่มเข้ามาแล้วถามเจนสันพยักหน้าพร้อมกับรอยยิ้มเล็ก ๆ ที่ผุดขึ้นท่ามกลางท่าทางอันเย็นชาของเขา "ชอบ""ลูกคิดว่าเขาเป็นยังไง?" เจย์สงสัย ตั้งแต่ที่เจนสันเกิด เจนสันมักจะทำตัวเหมือนเขาแข็งแกร่งที่สุดใน
เจย์ส่งข้อความให้โรส เขาชวนเธอไปคาเฟ่โรสดูข้อความแกมคำสั่งที่กล่าวว่า 'เราต้องคุยเรื่องสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อย ไม่งั้น ฉันจะใช้วิธีอื่น'โรสถอนหายใจอย่างแรง เธอควรแกล้งทำเป็นไม่เห็นข้อความดีไหม?อาจเป็นเพราะโรสตอบข้อความของเขาช้า เจย์จึงโทรหาเธอแทนโรสลังเลอยู่ครู่หนึ่งก่อนจะรับสายอย่างไม่ยินยอมนักเสียงเย็นยะเยือกของเจย์ดังมาตามสาย "โรส ลอยล์ ทำไมเธอไม่ตอบข้อความฉัน? การหลบฉันไม่ใช่วิธีแก้ปัญหานะ"โรสสวนกลับ "ฉันไม่ได้หลบ ฉันแค่ไม่รู้ว่าต้องตอบนายยังไง"เจย์ตะลึงกับคำตอบนั้น แต่ก็แค่เสี้ยงวินาทีเท่านั้นเขาตำหนิ "ถ้าเธอรู้ว่าเรื่องนี้จะเกิดขึ้น เธอจะทำมันทำไมตั้งแต่แรก?"โรสสั่นเล็กน้อย ประโยคที่เขาพูดถึงทำให้เธอนึกไปถึงตอนที่เธอมีเซ็กส์กับเขาโดยที่เขาไม่ยินยอมท่าทางของโรสดูน่าเกลียดและอับอาย เธอรู้สึกโชคดีที่เขาไม่เห็นท่าทางของเธอตอนนี้ ดังนั้นเธอจึงผ่อนคลายลงเล็กน้อย "โอเค ถ้าอย่างนั้นเจอกันสิบโมง" ในที่สุดเธอก็ต้องจำใจยอมเจย์วางสายในอีกด้านหนึ่ง โรสทรุดลงกับพื้น การถูกดูหมิ่นจากเจย์ที่พยายามตัดความสัมพันธ์จากเธอนั้นไม่ได้สร้างความรู้สึกอะไรให้เธอ ยังไงก็ตาม เธอ
เจย์กล่าวด้วยใบหน้านิ่ง "โรส มอบสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อยให้ฉัน แล้วฉันจะยินยอมมอบสิทธิ์การเยี่ยมบุตรให้ในห้าปีแรก"โรสเบิกตากว้างด้วยความไม่เชื่อ 'นี่มันไร้สาระที่สุด ไม่ใช่แค่เขาอยากเอาสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อยไปจากเรา เขายังจะเอาสิทธิ์การเยี่ยมบุตรไปในอนาคตอีก!'ถ้าเรื่องนี้รับได้ ก็คงไม่มีเรื่องใดในโลกนี้ที่รับไม่ได้อีกแล้ว!โรสยืนขึ้นด้วยมือที่กำแล้วยันตัวจากโต๊ะ ตัวของเธอโน้มไปข้างหน้า เธอเน้นทุกคำพูดของเธอลอดไรฟันออกมา "ฝัน ไป เถอะ"การท้าทายในดวงตาของเธอแหลมคมมากเจย์ยังคงความสุขุมไว้อย่างดี เขาคือสุดยอดราชันย์แห่งโลกธุรกิจ เขามีประสบการณ์การเจรจาธุรกิจและพบนักเจรจามามากมาย เขาคิดว่าภรรยาติดบ้านชั้นต่ำแบบโรส ลอยล์ นั้นไม่ใช่คู่มือเขา"บอกราคามา เธอต้องการเท่าไหร่ถึงจะยอมมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อย" เจย์กล่าวอย่างสบายใจโรสรู้สึกว่าเธอกำลังโดนดูถูก เธอโกรธแทบคลั่งจนอวัยวะภายในของเธอจะเด้งออกมาด้วยความโกรธด้วยซ้ำ เธอจ้องไปที่เจย์แล้วกล่าว "ท่านอาเรสผู้สูงส่ง นายคงคิดสินะว่าเงินของนายจะสามารถลบล้างความรักที่ฉันมีต่อร็อบบี้น้อย แล้วทำให้นายได้สิทธิ์การเลี้ยงดูเขาไป
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ