เธอคิดผิดเขาเกลียดเธอมาก เขาเกลียดเบื้องหลังของเธอ และเขาก็ดูถูกที่เธอนั้นไม่รู้ตัวว่าสถานะของเธอมันต่ำต้อยขนาดไหนในท้ายที่สุด เธอก็ถูกกำหนดให้กลายเป็นเรื่องตลกในหัวใจของเขาในตอนที่เธอเข้าหาเขาโรสลุกจากบันไดแล้วเดินต่อไปตามถนนที่วุ่นวายของเมืองหลังจากเดินเป็นเวลานาน หัวใจของเธอก็เริ่มสงบลงความดื้อรั้นยังคงเดือดอยู่ในจิตวิญญาณของเธอ เธอไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ เหตุผลที่เจย์ดูถูกเธอก็เพราะเธอไม่มีงานที่ดีและ ความมั่นคงทางการเงินความมั่นคงทางการเงินนั้นเป็นตัวกำหนดในการปีนขึ้นสู่บันไดของสังคม เธอตัดสินใจจะเรียกคืนศักดิ์ศรีของเธอคืนมา เธอจะทำมันโดยการสร้างจักรวรรดิธุรกิจของเธอเองขึ้นมาโรสคิดเรื่องการทำธุรกิจไปไกลมาก!ก่อนหน้านั้นเธอต้องการซ่อนด้านแหลมคมของเธอเพื่อประโยชน์ของเจย์ เธอต้องการทำตัวอ่อนน้อมที่ คฤหาสน์ โฮไรซอน คอลเลอร์ และเป็นภรรยาที่เชื่อฟังเพื่อที่จะสนับสนุนเขาจากเบื้องหลังอย่างไรก็ตาม เธอกลับไม่ได้รับการชื่นชม ตรงกันข้าม เขากลับดูถูกเธอยิ่งกว่าเดิมในที่สุดโรสก็หลุดออกมาจากการเพ้อฝัน เธอซ่อนเขี้ยวเล็บของเธอเพื่อเขา และสูญเสียความทะเยอทะยาน ซึ่งเป็นสินทรัพย์ทางปั
โรสนั้นมีภูมิต้านทานต่อทัศนคติอันไร้หัวใจของพ่อเธอมานานแล้ว เธอเลิกคิ้วขึ้นแล้วตอบอย่างเย็นชา "ถ้าคุณอยากให้หนูตายข้างนอกนั่น หนูสัญญากับคุณได้เลยว่าหนูจะไม่มาเสนอหน้าให้คุณเห็นอีก""ฮึ่ม แกจะตายยังไงก็เรื่องของแก แต่แกต้องช่วยลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ให้ผ่านวิกฤตไปได้ก่อน" รอยอันกล่าวอย่างหน้าไม่อายโรสเย้ยหยัน "มีเหตุผลอะไรทำไมหนูต้องช่วยลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์? หลายปีมานี้ คุณไม่เคยสนใจว่าหนูจะเป็นหรือตายด้วยซ้ำ ตอนที่คุณยังร่ำรวย คุณก็ไม่เคยคิดถึงหนูสักครั้ง มาตอนนี้คุณจนปัญญา หนูก็เกิดไปโผล่ในหัวคุณขึ้นมาทันที หนูถามหน่อย คุณไปเอาความกล้าที่ไหนมาโยนหนี้ก้อนโตขนาดนี้มาให้หนู?"แม่เลี้ยงของโรสเดินมาแล้วกล่าวด้วยน้ำเสียงดูถูก "โรส ลอยล์ อย่ามาทำตัวสูงส่งกว่าพวกฉัน แกกล้าพูดได้ยังไงว่าแกไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการล้มละลายของตระกูลลอยล์? แกรนด์เอเซียเป็นของสามีเก่าแก แกต้องไปล่วงเกินเขา เขาถึงได้ขยี้ธุรกิจของเรา ในเมื่อแกสร้างปัญหา มันก็ถูกแล้วที่แกจะต้องแก้มัน"โรสเข้าใจแล้วว่าเกิดอะไรขึ้น เรื่องที่เกิดขึ้นมาจากการแก้แค้นของเจย์ อาเรส นั่นเองโรสมองรอยอัน ชายวัยกลางคนที่ไม่เคยแม้แต่ชายตาม
รอยอันแทบไม่เชื่อสิ่งที่เขาเพิ่งเห็น เขาไม่ดคยคิดว่าโรสจะสามารถเปลี่ยนไปเป็นคนละคนขนาดนี้ ในอดีต เธอจะทำแค่ร้องไห้เงียบ ๆ ไม่ว่าพวกเขาจะรังแกเธอยังไงอย่างไรก็ตาม วันนี้เธอไม่เพียงไม่แสดงความเคารพ แต่เธอยังกล้าทุบตีแม่เลี้ยงของเธออีกด้วย"โรส ลอยล์ นี่แกจะต่อต้านเหรอ?!" รอยอันหยิบเอกสารปึกหนึ่งขึ้นจากโต๊ะ หวังจะปามันใส่โรสโรสไม่ได้ขยับแม้แต่น้อย ดวงตากระหายเลือดของเธอจกจ้องไปที่รอยอัน "ถ้าคุณกล้าแตะต้องแม้แต่ปลายนิ้วของฉันในวันนี้ ฉันจะประกาศเรื่องนี้ออกไป แล้วตัดความสัมพันธ์ทุกอย่างกับตระกูลลอยล์ ฉันจะนั่งดูแกรนด์เอเซีย เข้าเทคโอเวอร์ ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ฉันจะรอดูว่าพวกคุณจะเปลี่ยนจากคนร่ำรวยงี่เง่ากลายเป็นขอทานยังไง ฉันจะได้เห็นพวกคุณทั้งหมดใช้ชีวิตต่ำต้อยเหมือนที่ฉันใช้มาตลอด..."เอกสารในมือของรอยอันร่วงลง เขาเคยชินกับชีวิตร่ำรวยและได้รับความเคารพจากคนหมู่มาก เขายอมตายดีกว่ายอมกลับไปใช้ชีวิตยากจน"โรส ฉันเป็นพ่อแกนะ นี่แกจะยืนดู ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ที่ฉันเพียรทำงานสร้างมาถูกทำลายไปแบบนี้เหรอ?"ริมฝีปากของโรสเผยอยิ้มขึ้น ในเมื่อตระกูลลอยล์อยากลากเธอจมโคลน เธอก็จะใช้ป้ายหลุมศ
โรสแสยะยิ้ม "นั่นแหละหนทางเดียว ถึงแมัเราจะเป็นคนตระกูลเดียวกัน เราก็ควรต้องสะสางปัญหาระหว่างเราให้ชัดเจน อีกอย่าง อย่ามาเรียกฉันว่าลูกนอกสมรส คุณเองรู้ดียิ่งกว่าใครว่ามันจริงหรือไม่จริง"แม่เลี้ยงของเธอเต็มไปด้วยความเคียดแค้น ดวงตาของเธอลุกเป็นไฟรอยอันกำลังระงับอารมณ์ของตัวเองจนใบหน้าเขาบิดเบี้ยวไปมา "แกจะยอมช่วยลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ได้รึยัง?"โรสชะงักไปก่อนจะพูด "โอนกรรมสิทธิ์ของทั้งลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ เป็นชื่อของฉัน ในอนาคต พวกคุณทุกคนจะไม่มีสิทธิ์แตะต้องอะไรกับบริษัทไม่ว่ามันจะได้กำไรหรือขาดทุน ดีลไหม?"รอยอันแข็งค้างไปเลย"โรส ลอยล์ นี่แกต้องการจะฮุบ ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์?" แม่เลี้ยงของเธอกล่าวลอดไรฟันโรสกล่าว "นั่นไม่ใช่สิ่งที่พวกคุณต้องการเหรอ? ให้ฉันแบกภาระหนี้สินทั้งหมด? พวกคุณก็รู้นี่ว่าการที่ฉันฮุบ ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ไปในเวลานี้เป็นการเดินหมากที่อันตรายและอาจจจบไม่สวยนัก มันก็แล้วแต่คุณแล้วว่าจะรับข้อเสนอฉันไหม""ฮ่าฮ่า" เสียงหัวเราะที่มีความเยาะเย้ยอยู่ดังมาจากชั้นบนเธอคือน้องสาวต่างแม่ของเธอ ซิดนีย์ ลอยล์ เธอยืนอยู่ที่ราวบันได จ้องมองลงมาที่โรส เธอสวมชุดนอนสีแ
เจย์เปลี่ยนความแค้นระหว่างเขากับโรส ให้กลายเป็นการลงโทษจาก แกรนด์ เอเซีย ต่อลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ แทน ซึ่งมันทำให้โรสโกรธมากเธออาจจะเกลียดรอยอันมากก็จริง แต่พนักงานของ ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ นั้นไม่รู้เรื่อง คนมากมายกำลังจะตกงานถ้าหาก ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ ต้องล้มละลายไปจริง ๆโรสเป็นคนใจดีโดยธรรมขาติ และไม่อยากจะสร้างกรรมไม่ดีนัก ดังนั้นเธอจึงไปที่แกรนด์ เอเซีย เพื่อพูดกับเจย์ เธอไม่คิดว่าจะพบกับน้องสาวต่างแม่เข้า ซิดนีย์ ผู้ซึ่งกำลังจะออกไปซิดนีย์มองที่ชุดถูก ๆ ของพี่สาวต่างแม่ของเธอ เธอยอมรับว่าโรสนั้นน่าดึงดูดในบางมุม แต่การใส่เสื้อผ้าราคาไม่กี่ร้อยหยวนมาที่แกรนด์เอเซีย ที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ระดับสูง โรสเหมือนบ้านนอกเข้ากรุง—ช่างน่าอับอาย"หล่อนมาทำอะไรที่นี่?" ซิดนีย์กอดอกพร้อมท่าทางที่ดูถูกโรสโรสเดาเหตุผลที่ซิดนีย์ปรากฏตัวที่ แกรนด์ เอเซีย ออก ดังนั้นเธอจึงเข้าหาซิดนีย์แล้วถามอย่างเป็นกันเอง "แล้วสรุปว่าเขายอมปล่อย ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์รึเปล่าล่ะ?"ใบหน้าของซิดนีย์เต็มไปด้วยความอับอาย เธอไม่กล้าแม้แต่จะมองตาของโรส โรสเล่นงานจุดสำคัฐที่สุดทันที ซึ่งมันเป็นความอับอายอย่างที่สุดขอ
โรสถีบประตูออก สร้างเสียงอันดังสนั่นออกมา เจย์ ผู้กำลังจดจ่อกับงานอย่างมาก รีบเงยหน้ามองอย่างรวดเร็วเมื่อเขาเห็นโรสและน้องสาวของเธอ สายตาของเขาพลันเย็นยะเยือกโรสแค่นเสียงอย่างโกรธเคืองแล้วเดินเข้าไปหาเขา...อีกด้าน ซิดนีย์ตัวสั่นเป็นลูกนก เธอแทบไม่ขยับไปข้างหน้า เธอสังเกตท่าทางของเจย์อย่างหวาดกลัว เมื่อไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงอะไรมากมายบนใบหน้าหล่อเหลาของเขา ซิดนีย์จึงไม่อยากยอมแพ้โรส เธอรวบรวมความกล้าแล้วเดินไปด้วยเจย์ยกหัวขึ้นมา สายตาคมทรงเสน่ห์ของเขาจดจ้องที่โรส ก่อนที่เขาจะพูดอย่างมั่นใจ "โรส ลอยล์ มาเพื่อมอบสิทธิ์เลี้ยงดูร็อบบี้น้อยกับฉันเหรอ?"ความหงุดหงิดปรากฏบนสายตาของโรส "เจย์ นายมันสารเลว นายลงโทษ ลอยล์ เอ็นเตอร์ไพรส์ เพื่อให้ได้มาซึ่งสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อยได้ยังไง?"ชั้นน้ำแข็งหนาวเย็นก่อตัวบนใบหน้าหล่อของเขา เขาโยนปากกาลงจากมือ 'ฉันนึกว่าโรสจะยอมมอบสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อยให้ฉันเสียอีก กลายเป็นว่าเธอมาที่นี่เพื่อตั้งคำถามกับการกระทำของฉันซะงั้น''ช่างกล้าซะจริง'ซิดนีย์เสียใจที่ตามโรสมา เครื่องในเธอม่วงคล้ำหมดแล้ว! เธอคิดว่าเธอจะได้ผลประโยชน์บ้างที่ตามโรส
เจย์มองหญิงสาวที่จองหองตรงหน้า เขาบีบปากของเธอแน่นจนปากเธอบู้บี้ "ฉันจะกลัวปลาเค็มแบบเธอไปทำไม?"โรสหัวเราะ "แม้แต่ปลาเค็มก็ยังมีวันที่มันจะพลิกกลับมา ฉันรู้อยู่แล้ว มันเป็นเพราะเจาะระบบเว็บของกิเลนได้ นายถึงได้กลัวฉันขึ้นมา ใช่ไหมล่ะ? นายกลัวว่าฉันจะแข็งแกร่งขึ้นจนมากพอที่จะสู้เพื่อสิทธิ์การเลี้ยงดูร็อบบี้น้อยได้!"แม้ปากของเธอจะถูกเจย์บีบไว้ ดังนั้นคำพูดของเธอเลยฟังไม่ค่อยชัดเจน แต่ดวงตาที่หยิ่งผยองและความแข็งกร้าวของเธอนั้นชัดเจนมากเจย์มองผู้หญิงที่ไม่รู้จักขอบเขตอย่างหงุดหงิด เขาเย้ย "นี่เธอคิดว่าจะชนะฉันเพราะทักษะแฮ็คเกอร์เล็ก ๆ น้อย ๆ นั่นน่ะเหรอ? ความฝันโง่เง่า"โรสไม่ได้มีความฝันโง่เง่าใด ๆ เลยเธอไม่ใช่แค่แฮ็คเกอร์ เธอยังเป็นนายหญิงน้อยของตระกูลเซเวียร์ด้วย! เธอเรียนรู้การทำธุรกิจของตระกูลจากปู่ของเธอตั้งแต่เธอยังเด็ก อีกอย่าง เธอเป็นนักธุรกิจที่มีพรสวรรค์ท่ามกลางเหล่าพี่น้องของเธอ นั่นจึงทำให้ปู่ของเธอชื่ชมเธออย่างไม่รู้จบในเมื่อเธอมีความรู้ในการทำธุรกิจและทักษะของแฮ็คเกอร์ระดับท๊อป สิ่งที่เธอยังขาดก็มีเพียงเวลาและโอกาส ถ้าทุกอย่างเป็นไปตามที่เธอต้องการ เธอจะสามารถสร้
ก่อนที่ซิดนีย์จะได้กล่าวลาจบ เจย์ก็ตะโกนใส่เธอ "ไสหัวไป!"ซิดนีย์กลัวมากจนสะดุดล้มตอนออกไปทั้งห้องเหลือเพียงโรสและเจย์แล้วตอนนี้ ทั้งสองจ้องหน้ากันด้วยสายตาโกรธแค้น บรรยากาศทั้งห้องลดต่ำถึงขีดสุด"โรส กล้าดียังไงมาขู่ฉัน รู้ไหมว่าตลอดหลายปีที่ผ่านมา เธอเป็นคนแรกที่กล้าขู่ฉัน?" เจย์กัดฟันโรสยิ้มอย่างมีชัย "นับเป็นเกียรติอย่างยิ่ง ขอบคุณค่ะ!"ท่าทางของเจย์พลันดำมืดลง "ในเมื่อเธออยากจะออกจากเมือง อิมพีเรียล นัก ฉันจะจองไฟลท์ให้เธอกับลูกสาวเลย! สำหรับร็อบบี้น้อย เธอลืมเรื่องเอาตัวเขาไปด้วยได้เลย"โรสพลันหัวเราะ มันเป็นหัวเราะที่ดูข่มขื่นเจย์ทำกับเจนสันและร็อบบี้น้อยเหมือนพวกเขาเป็นอัญมณีล้ำค่า แต่เขากลับทอดทิ้งเธอและลูกสาวของพวกเธอเอง อย่างไรก็ตาม เซ็ตตี้ก็เป็นลูกสาวของเขา มันไม่โหดร้ายและไม่ยุติธรรมกับเซ็ตตี้เกินไปเหรอที่เขาทำกับเธออย่างเย็นชาและไร้หัวใจแบบนี้?""ท่านอาเรส ฉันจะไม่ให้ร็อบบี้น้อยกับนายหรอก" โรสกล่าวพร้อมกัดฟันกรอดเจย์กลับไปนั่งที่ของเขา กลับมามีท่าทีสง่างามและจองหองอีกครั้ง "ฉันจะรอ"โรสเย้ยก่อนจะกลับไปเมื่อโรสออกจากออฟฟิศของเจย์ เธอก็ได้รับสายจากแม่ของเธอ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ