สตอร์มหยุดรถอยู่ข้างนอกคฤหาสน์ชาโตว์ เดอ เซลีนในขณะที่ดึงเก้าอี้รถเข็นแบบพับออกจากหลังรถ เขาก็มาเปิดประตูที่นั่งผู้โดยสารและช่วยเจย์ขึ้นเก้าอี้รถเข็นทันทีคฤหาสน์ชาโตว์ เดอ เซลีนเป็นอาคารที่ใหญ่ที่สุดในอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีน ซึ่งได้รับการออกแบบให้ดูเหมือนอาคารฝรั่งเศสที่หรูหรา ภายในนั้นมีบอร์ดี้การ์ดหลายพันคน มีพี่เลี้ยงและคนรับใช้ห้าถึงหกร้อยคน สถานที่แห่งนี้เป็นศูนย์รวมของความมั่งคั่งทุกการเคลื่อนไหวที่เกิดขึ้นตั้งแต่วินาทีที่สตอร์มได้เข็นเจย์ผ่านทางเข้าสวนของชาโตว์ เดอ เซลีนได้ถูกจับตามองโดยระบบเฝ้าระวังของคฤหาสน์นี้เลยซาเวียร์ ผู้ดูแลส่วนตัวของท่านปู่ เดินเข้าไปหาทั้งคู่และต้อนรับเจย์อย่างสุภาพ “คุณท่านกำลังรอคุณอยู่ที่สวนเอเทรียมครับ นายน้อยเจย์”เจย์ตอบด้วยน้ำเสียงที่หนักแน่น “นำทางไปสิ”ผู้ดูแลได้พาทั้งเจย์และสตอร์มไปที่สวนเอเทรียม ซึ่งตอนนี้ท่านปู่กำลังนอนอยู่บนเก้าอี้หวาย อาบแดดท่ามกลางไออุ่นอยู่พุ่มไม้ที่ตัดแต่งอย่างดีล้อมรอบไปทั้งสวน หญ้าตกแต่งให้เป็นรูปสัตว์ซึ่งแสดงถึงอิทธิพลของเจ้าของ แม้ในสวนจะเงียบสงบ แต่ก็ทำให้ดูมีชีวิตชีวาและมีพลังราวกับตั้งอยู่ท่ามกลางบร
แม้จะเป็นคำถามเหมือนเชิงสืบสวน แต่น้ำเสียงของเจย์ก็แน่วแน่“ผมเคยสงสัยว่าทำไมจู่ ๆ คุณถึงย้ายหุ้นในนามของผมไปให้แจ็ค อาเรส คุณปู่ แต่ตอนนี้ผมคิดว่าผมเข้าใจแล้วล่ะ”เจย์หัวเราะเยาะตัวเอง “ผมเป็นแค่ตัวหมากรุกบนกระดานของคุณตั้งแต่เกิด คุณต้องการควบคุมผมก็เท่านั้น แค่อนุญาตที่จะให้ผมเติบโตอยู่ภายในอำนาจ เพียงแค่ในระดับที่คุณอนุญาตเท่านั้น คุณไม่ยอมให้ผมได้มากไปกว่านี้เพราะคุณกลัว จะเกิดอะไรขึ้นถ้าผมจัดการเพื่อเอาชนะคุณได้? ถ้าผมล้มล้างอาณาจักรธุรกิจที่คุณสร้างขึ้นมาได้ล่ะ?“แต่เหนือสิ่งอื่นใด คุณกลัวว่าด้วยอำนาจใหม่ที่เพิ่งค้นพบของผม ผมจะสามารถค้นหาเรื่องสกปรก ๆ ที่คุณซ่อนไว้ได้ ถ้าผมปฏิเสธที่จะเข้าร่วมกับคุณในเรื่องสกปรก ๆ ที่คุณสร้างขึ้นนี้ คุณกลัวว่าผมอาจทำลายอสังหาริมทรัพย์ ทัวร์มาลีนของคุณสินะ คุณกลัวว่าผมจะทำลายตระกูลอาเรส จริงไหมล่ะ?”ท่านปู่จ้องมองเจย์อย่างอดกลั้นการแสดงออกที่เข้มงวดของเขาซ่อนความรู้สึกทุกอย่างของเขาไว้“คุณเป็นปีศาจชั่วร้าย” เจย์กล่าว “แต่อะไรกันที่เป็นแรงผลักดันให้คุณเป็นคนไร้ความปราณีในทุกวันนี้ได้?” ภาพของท่านปู่เซเวียร์ที่เขียนชื่อบนกระดาษนั้นแวบเข้าม
หลังจากแสดงอารมณ์เดือดพล่านกับท่านปู่แล้ว เจย์รู้สึกไม่ควรค่าที่จะอยู่ในอสังหาริมทรัพย์ทัวร์มาลีนอีกต่อไป เขากลับไปที่สวนคฤหาสน์พร้อมกับลูก ๆ ทั้งสามคนของเขาในคืนนั้น เขาได้ขังตัวเองไว้แล้ววาดภาพอยู่ในห้องทำงานในเช้าวันรุ่งขึ้น สตอร์มพบว่าเขาหลับอยู่บนรถเข็นขณะที่สตอร์มกำลังจะเรียกเขาไปกินข้าวพื้นที่รอบ ๆ เจย์ถูกปกคลุมไปด้วยงานศิลปะ ซึ่งแต่ละภาพเป็นภาพเหมือนของแองเจลีน เซเวียร์สตอร์มหยิบมันขึ้นมาและวางมันลงเบา ๆ บนโต๊ะทำงานเด็ก ๆ กำลังรับประทานอาหารเช้าแล้วหันไปจ้องมองพ่อของพวกเขาอย่างสงสัยพวกเขารู้สึกว่าพ่อของพวกเขามีเหตุผลบางอย่างที่เปลี่ยนท่าทีกลับไปเป็นคนที่ดูเฉยเมยอย่างเยือกเย็นของเขาอีกครั้ง“ผู้ดูแลคนนั้นอยู่ไหนครับ คุณพ่อ?” ร็อบบี้น้อยถามด้วยความสงสัย“เธอถูกไล่ออกไปแล้วและเธอจะไม่กลับมาที่นี่อีก” เจย์ตอบอย่างใจเย็นมือของเจนสันหยุดทานอาหารกลางคั และมุมตาของเขาแดงเล็กน้อย “เธออยู่ที่ไหนครับ พ่อ?”“ฉันไม่รู้” เจย์ตอบเจนสันโยนมีดและส้อมในมือออก “ผมอิ่มแล้ว”โดยเข้าใจได้เลยว่าเจนสันกำลังโมโหจัด เจย์จึงไม่สนใจเขาเขาวางชามและตะเกียบลงและเลือกที่จะหนีออกไป“พ่อต
จู่ ๆ แองเจลีนก็ส่งเสียงโวยวายและกระทืบเท้าตรงหน้าเจย์ เธอวางมือบนกระจกรถ เมื่อเธอเริ่มเข้ามาดึงที่ประตู สีหน้าของเจย์ก็เปลี่ยนไปทันทีวินาทีถัดมา แองเจลีนได้ดึงประตูรถของเขาดวงตาของเจย์เบิกกว้างผู้หญิงคนนี้หนิ!ลมพัดเข้ามาในรถและเจย์รู้สึกว่าเลือดของเขาเริ่มแข็งตัวด้วยอากาศหนาวเย็นที่พุ่งออกมาอย่างรวดเร็วเขาจ้องไปที่แองเจลีนอย่างตกตะลึง “เธอต้องการอะไร?” เขาถามอย่างใจร้อนสายตาของแองเจลีนเต็มไปด้วยความเกลียดชัง “ทำไมนายไม่รับสายฉัน?”“เราไม่มีอะไรจะพูดกันอีก”ทัศนคติที่ไม่แยแสของเขาทำให้แองเจลีนเริ่มหายใจอึดอัดขึ้นทันทีดวงตาที่แดงก่ำของแองเจลีน สูดหายใจเข้าลึก ๆ อย่างแรง จ้องมาที่เขาอย่างตั้งใจขณะที่เธอพยายามซักไซ้ “ดีล่ะ สิ่งที่นายต้องทำคือตอบคำถามสามข้อของฉันก่อน ถ้าฉันพอใจกับคำตอบ อะไรก็ตาม ระหว่างเราก็จะจบลงตรงนี้”“ถามมาสิ!”แองเจลีนถามว่า “นายบอกว่านายจะรักฉันตลอดไป การเรียกร้องเรื่องนี้ยังคงใช่อยู่ไหม?”เจย์ “...”แองเจลีนยิ้มอย่างโหยหา “นายบอกว่าในฐานะสามีภรรยา เราต้องจริงใจต่อกัน นายยังจำคำพูดที่นายพูดได้ไหม?”เจย์ “...”“มีอะไรที่นายบอกฉันไม่ได้เหรอ เจย์บี
เจย์ขึ้นลิฟต์จากชั้นใต้ดินไปยังชั้น 9เขาอยู่ข้างหน้าต่างที่มีความสูงจากพื้นไปจนถึงเพดาน เขาจ้องมองลงไปที่ทางเข้าของแกรนด์ เอเซีย มีคนกลุ่มหนึ่งที่ยังคงอยู่ตรงนั้น ซึ่งหมายความว่าแองเจลีนก็ยังอยู่เช่นกันเจย์ขมวดคิ้ว คำพูดของพวกเขาเหล่านั้นดูรุนแรงและไม่ได้ยินชัดเจนมากนัก เขาหวังว่าแองเจลีนจะรีบเดินจากไปก่อนที่ความมั่นใจในตัวเธอเองจะถูกวิพากษ์วิจารณ์จากพวกเขาไปมากกว่านี้แองเจลีนยืนอยู่ที่ทางเข้าของแกรนด์ เอเซียราวกับตุ๊กตาที่ถูกทอดทิ้งไว้ เธอยืนนิ่ง ไร้วิญญาณและสงบหลังจากนั้นไม่นาน... กลุ่มคนก็แยกตัวกันออกไปในที่สุด และแองเจลีนก็ออกจากแกรนด์ เอเซียไปพร้อมกับท่าทางที่รู้สึกท้อแท้เจย์ดึงเนคไทที่ผูกติดกับคอเขาไว้อย่างแน่นหนาออก จนในที่สุด เขาก็รู้สึกหายใจสะดวกยิ่งขึ้นเขานั่งเปิดเอกสารไปมา แต่มีเพียงอย่างเดียวที่เขารู้สึกว่าในจิตใจของเขาตอนนี้ยังคงเต็มไปด้วยการแสดงออกที่ไม่พอใจของแองเจลีน เขาไม่สามารถมีสมาธิทำงานได้เลย เขาจึงปิดแฟ้มวางไว้ใกล้ ๆ ตัว และเอนตัวพิงเบาะหลังของรถเข็นพร้อมกับตะโกนอย่างหงุดหงิดว่า “เกรย์สัน”เกรย์สันเข้ามาในห้องด้วยความตื่นตระหนก “มีอะไรให้ผมช่วยไหมครับ
การเพ่งสายตามองดูออร่าที่เป็นผู้หญิงของเกรย์สัน ฟินน์อดไม่ได้ที่จะพ่นน้ำชาที่เขาเพิ่งจิบออกมา“นายชอบสไตล์แบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่กันน่ะ เกรย์?” ฟินน์ถามขณะที่รู้สึกขนลุกไปทั้งตัว“ฉันสวยไหมล่ะ คุณฟินน์?” เกรย์สันยิงคำถามกับเขาด้วยคำพูดคำจาที่เจ้าชู้ฟินน์กลืนน้ำลายและพยักหน้า “สวยมาก”เกรย์สันถามว่า “คุณชอบฉันในแบบนี้ไหม?”ฟินน์กำลังจะส่ายหัว แต่สุดท้ายก็ต้องพยักหน้าอยู่ดี เพราะเขาไม่อยากให้เกรย์สันรู้สึกผิดหวังเกรย์สันปรบมือของเขา “คุณชอบมันมาก ใช่ไหม? งั้นเยี่ยมมาก คุณกำลังเป็นผู้ชายที่ชื่นชอบการแต่งกายเป็นผู้หญิงสินะ อย่างนี้ล่ะก็เริ่มทำหน้าที่นี้ตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไปด้วยนะ”ฟินน์อ้าปากค้างเกรย์สันกำลังหลงทางในโลกของเขา “ฉันสามารถจินตนาการตอนที่นายอยู่ในเสื้อผ้าผู้หญิง คงจะนุ่มนวลอย่างแน่นอน แต่ยังมีความแข็งแกร่งอยู่ข้างใน ฉันคิดว่านายจะเป็นคู่แข่งกับแองเจลีน เซเวียร์ ได้เลยล่ะ ไม่ต้องพูดถึงท่านประธานในตอนจูบนายเมื่อนายยังเด็ก ซึ่งหมายความว่าเขาจะไม่คิดว่านายน่ารังเกียจ นอกจากนี้ นายจะไม่มีวันหน้ามืดตามัวกับท่านประธานได้อยู่แล้ว นี่เป็นความคิดที่พิเศษจริง ๆ”ในที่ส
มันราวกับว่าแองเจลีนหายตัวไปจากโลกในอีกสองสามวันข้างหน้าได้เลย โดยไม่ต้องมารบกวนเจย์อีกเจย์รู้สึกหงุดหงิดอย่างอธิบายไม่ถูก เขาอดไม่ได้ที่จะคิดว่าความโหดเหี้ยมของเขาทำร้ายหัวใจของเธอจนหมดและเธอก็หมดความหวังในตัวเขาโดยเลือกที่จะวางโทรศัพท์ไว้บนโต๊ะ เขานั่งดูโทรศัพท์ตรวจสอบเป็นบางครั้ง แต่ยังไม่มีข้อความหรือการโทรเข้ามาเลย“เธอกำลังทำอะไรอยู่นะ แองเจลีน? เธอคิดถึงฉันเหมือนที่ฉันคิดถึงเธอในตอนนี้อยู่หรือเปล่า?”เจย์ถอนใจออกยาว ๆ แล้วเอนศีรษะไปบนรถเข็น เขาขมวดคิ้วผูกกันแน่นขึ้นณ อพาร์ตเมนต์ห้องเช่าแองเจลีนนอนอยู่บนเตียง เธอไม่ได้กินหรือดื่มอะไรเลยในช่วงสองวันที่ผ่านมาโจซี่รู้สึกว่าหัวใจของเธอบีบรัดด้วยความเจ็บปวดในขณะที่เธอจ้องมองแองเจลีนที่กำลังอดอาหาร“อย่างน้อยก็ดื่มน้ำบ้างเถอะนะ พี่แองเจลีน ไม่ใช่ว่าพี่ชายของฉันจะรู้ว่าเธอกำลังทรมานตัวเองอยู่สักหน่อย” โจเซฟินนั่งที่ขอบเตียง กอดขาทั้งสองข้างแนบหน้าอกและพูดติด ๆ ขัด ๆ “ทำไมเราต้องทำร้ายตัวเองเพราะพวกเขาไม่รักเราด้วยล่ะ? หากนี่คือชะตากรรมของเรา เราควรยอมรับมันนะ”แม้ว่าประโยคนี้จะใช้ถ้อยคำเพื่อแองเจลีนได้รับรู้ แต่ก็เป็นการให
“ลืมมันไปเถอะ”เกรย์สันชะงักเมื่อจ้องมองโทรศัพท์ที่ท่านประธานวางไว้บนโต๊ะเขาอดไม่ได้ที่จะหัวเราะกับภาพที่แองเจลีนโพสท่าเป็นที่รู้กันดีอยู่แล้วว่านายหญิงชอบเล่นแผลง ๆ แต่ก็ยังโหดร้ายเกินไปสำหรับเธอที่จะใช้วิธีนี้ข่มขู่ท่านประธานกับการประท้วงด้วยการอดอาหารและจะฆ่าตัวตายแม้จะรู้ว่าแองเจลีนจงใจพยายามยั่วยุเขา แต่ท่าทางที่จมดิ่งของเธอในภาพนั้น เป็นของจริง เหมือนกับว่าเธออยู่ในสภาพไม่ดีนักความเป็นจริงที่กังวลเกี่ยวกับอาการของแองเจลีน ทำให้เจย์ตัดสินใจโทรหาเซย์น“ไปเยี่ยมน้องสาวของนายหน่อยสิ เซย์น เธออาศัยอยู่ริมสุดทางของฝั่งแม่น้ำ”เซย์นปฏิเสธ “ทำไมคุณไม่ไปเองล่ะ?”เขาคงเห็นแอปภาพในอัลบั้มของโจเซฟินเหมือนกันเมื่อรู้ว่าโจเซฟินอยู่ด้วยกันกับแองเจลีน เซย์นไม่กล้าที่จะไปเยี่ยมน้องสาวของเขาได้ เพราะเขาไม่กล้าพบหน้าโจเซฟิน“นั่นน้องสาวของนายนะ” เจย์ปฏิเสธอย่างผิดหวัง“นั่นก็เป็นภรรยาของคุณเหมือนกันนะ” เซย์นโต้กลับแม้ว่าทั้งคู่จะกังวลเรื่องสาว ๆ ทั้งสองคน แต่ก็ยังโยนภารกิจไปเยี่ยมพวกเธออย่างต่อเนื่องหลังจากผ่านพ้นทางตัน เจย์ไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากใช้การโจมตีขั้นสุดท้ายของเขา“ฉ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ