เจย์กล่าวว่า “ถ้าเธอตอบคำถามถูกต้องได้หนึ่งข้อ ฉันจะช่วยข้อที่เหลือเธอเอง”แองเจลีนมองคำถามสิบข้ออย่างจริงจัง ยกเว้นคำถามข้อสุดท้ายที่ทำได้ เพราะคำถามอื่น ๆ นั้นยากเกินไปแองเจลีนบ่น “ใครก็ตามที่ตั้งคำถามเหล่านี้ต้องเป็นคนบ้าไปแล้ว มันยากแค่ไหนสำหรับอัจฉริยะอย่างฉันรู้ไหม? ตามคำกล่าวที่ว่า มีเส้นบาง ๆ ระหว่างอัจฉริยะกับคนบ้า อัจฉริยะและคนบ้าคือคนของสองโลกสองความคิดนั่นแหละ”เจย์พูดอย่างเย็นชาว่า “ฉันเองที่เป็นคนคิดคำถามเหล่านี้ขึ้นมา”แองเจลีนกลืนน้ำลาย การสนทนาเปลี่ยนจากการดูถูกเป็นการเยินยอทันที “ท่านอาเรส ไอคิวของคุณสูงเสียจนคนธรรมดาอย่างฉันด้อยกว่าไปเลยเมื่อเปรียบเทียบแล้ว! ไม่น่าแปลกใจที่ฉันไม่สามารถแก้ปัญหาเหล่านี้ได้ ท่านอาเรส ทำไมไม่สอนฉันหน่อยล่ะ?”เจย์พูดว่า “หืม? เมื่อกี้เธอไม่ได้บอกเหรอว่าฉันเป็นคนบ้า?”“ท่านอาเรส คนบ้ามีความหมายเหมือนกันกับคนอัจฉริยะนะ”เจย์เข็นรถเข็นออกไปด้วยสีหน้ามืดมนแองเจลีนถอนหายใจยาว!ในคืนนั้น แองเจลีนอยู่ดึกโดยเฉพาะเพื่อทำโจทย์นี้ ในขณะที่เจย์นั่งอ่านหนังสือบนรถเข็นและเขาสังเกตมองเธอไปด้วยเมื่อนาฬิกาผ่านไปถึงเวลเที่ยงคืน เจย์ทนไม่ไหวแล้
“ถ้าอย่างนั้น ฉันแค่หลับตาก็พอแล้วใช่ไหม?” หลังจากที่แองเจลีนพูดจบ เธอก็ตั้งใจที่จะหลับตาลงเจย์หาเหตุผลที่จะให้เธอออกไปไม่ได้ เขาจึงปล่อยเธอทำแบบนั้นไปแองเจลีนเข็นเขาเข้าไปในห้องน้ำและได้ยินเสียงถอนหายใจของเจย์แองเจลีนรู้โดยไม่ต้องคิดเลยว่าเขาจะถอดเสื้อได้อย่างแน่นอน แต่เขาถอดกางเกงออกไม่ได้ ดังนั้นเธอจึงพูดออกไปอย่างเกรงใจว่า “ท่านอาเรส ให้ฉันช่วยถอดเสื้อผ้าให้คุณดีกว่านะ”แววตารังเกียจตัวเองปรากฏขึ้นในดวงตาของเจย์ เสียงที่ไม่เต็มใจเล็ดลอดออกมาจากลำคอของเขา “อืม”แองเจลีนหลับตาและเดินเข้าไปหาเขาในขณะที่แตะ ๆ ไปตรงรถเข็นการถอดเสื้อผ้าเป็นไปอย่างราบรื่นโดยไม่คาดคิดอย่างไรก็ตาม เมื่อเธอกำลังจะถอดกางเกงของเขา มือของเธอได้ไปสัมผัสที่ที่เธอไม่ควรแตะ ดังนั้นเธอจึงรีบดึงมือของเธอออกด้วยความตกใจเจย์ใช้โอกาสนี้มองเธออย่างใกล้ชิดโดยไม่กระพริบตา ในตอนแรก เขาคิดว่าใบหน้าของเธอต้องทนบาดแผลมากมาย เมื่อมองเข้าไปใกล้ ๆ ก็น่าจะมีรอยแผลเป็นอีกมาก ถึงอย่างนั้น รูปลักษณ์ของเธอแทบจะไม่มีข้อบกพร่องหลงเหลืออยู่เลยแองเจลีนเอื้อมมือออกไปอีกครั้ง และครั้งนี้ เธอระมัดระวังเป็นพิเศษ เธอสัมผัสหน้าท
เมื่อเห็นเจย์ล้มลงอยู่บนพื้น เธอจึงวิ่งเข้าไปวางมือบนไหล่ของเขา แล้วเธอก็ยกเขาขื้นไปที่เตียงเจย์ล้มตัวลงบนเตียงอย่างผิดหวัง จากนั้นแองเจลีนเอาผ้าห่มคลุมไปที่ตัวเขาแล้วนั่งที่ข้าง ๆ เตียงเพื่อปลอบโยนเขาว่า “ท่านอาเรส อย่าใจร้อน ขาของคุณเพิ่งจะหายดีและการฟื้นตัวในการเดินได้อีกครั้งจะเป็นกระบวนการที่ใช้เวลานานพอสมควร คุณควรใช้ช่วงพักฟื้นนี้ให้เป็นโอกาสในการใช้ชีวิตที่ดำเนินไปอย่างช้า ๆ ”เจย์ตอบห้วน ๆ “อืม”จากนั้นเขาก็เหล่ตามองไปที่แองเจลีน “เมื่อคืนยังไม่ได้นอนเลยเหรอ?”แองเจลีนกล่าวด้วยความสุข “ท่านอาเรส ฉันตอบคำถามสิบข้อเสร็จแล้ว!”“ให้ฉันดูหน่อยสิ”แองเจลีนกลับไปที่ห้องและหยิบหนังสือคำถามออกมาเจย์เห็นคำถามที่เธอทำและมองเธอด้วยมุมมองที่เปลี่ยนไป...เธอทำห้าคำถามถูกต้องสำหรับเก้าคำถามแรก ตามที่เขาเดาไว้สำหรับคำถามสุดท้าย ยังคงเป็นคำตอบที่ทำให้เขาแทบบ้า ‘ตื้อเขาอย่างไม่จบไม่สิ้น!’“ขอปากกาหน่อย”แองเจลีนยื่นปากกาลูกลื่นในมือของเธอให้เขาเจย์ได้แก้ไขข้อผิดพลาดสี่ข้อให้กับเธอ แองเจลีนตกตะลึงเมื่อเห็นวิธีแก้ปัญหาที่ถูกต้อง“ฉันตอบคำถามผิดสี่ข้อเลยเหรอ?” เธอรู้สึกอารมณ์เสียม
เมื่อแองเจลีนสวมชุดสีดำเดินออกมา เจย์ก็จ้องมองมาที่เธอโดยไม่คลาดสายตาท่าทางของเธออ่อนโยนและสง่างามเธอดูสง่างามและละเอียดอ่อนเขาไม่สามารถเทียบเธอกับโรสได้อีกต่อไปเพราะเธอเป็นแบบนี้ไปแล้ว เธอเป็นแองเจลีน เซเวียร์เหมือนคนเดิมคนก่อนหน้านี้ ดวงตาของเธอนุ่มนวลราวกับสายน้ำ ในขณะที่สายตาของเธอได้แสดงออกมาเหมือนในตอนนั้นอย่างไรก็ตาม การสวมหน้ากากปิดปากสีน้ำเงินมันไม่เข้ากับความสง่างามบนใบหน้าของเธอ“เธอไม่จำเป็นต้องใส่ชุดสีดำเลย” เจย์พูดขึ้นในทันใดเขาสวมชุดสีดำเพื่อไว้อาลัยต่อพ่อแม่ที่เสียชีวิตของเขาเธอไม่มีเหตุผลที่จะต้องแสดงความเคารพต่อฆาตกรเช่นนี้แองเจลีนยิ้มจนดวงตาของเธอเป็นเส้นโค้ง “ฉันอยากแต่งตัวเหมือนคุณ”เด็กน่ารักสามคนกำลังนั่งอยู่รอบโต๊ะอาหารเพลิดเพลินกับอาหารเช้าที่ปรุงโดยนักโภชนาการอย่างเอร็ดอร่อย เมื่อได้ยินคำพูดไร้ยางอายของแองเจลีน เซ็ตตี้น้อยและร็อบบี้น้อยก็วางช้อนส้อมที่อยู่ในมือทันทีทั้งสองดูรู้สึกหมดความอร่อย“คุณน้าอะไรก็ได้คะ ทำไมคุณยังไม่ออกไปจากที่นี่อีก?” เซ็ตตี้น้อยพูดอย่างไม่ปรานีแองเจลีนหยิบหนังสือคำถามออกมาจากข้างหลังเธอราวกับว่าเธอกำลังใช้ท่าทางเ
“ฉันไม่ได้ทำอะไรผิด และพ่อของเธอจะไม่ไล่พนักงานของเขาออกโดยไม่แยกแยะความแตกต่างระหว่างสิ่งที่ถูกกับสิ่งที่ผิดหรอกนะ เขาคือท่านอาเรสที่ฉลาดที่สุดเชียวนะ” ฝีเท้าของแองเจลีนนั้นรีบเดินออกไปอย่างรวดเร็ว เธอเดินออกจากห้องรับรองไปในทันทีเซ็ตตี้น้อยกระทืบเท้าด้วยความโกรธ “คุณน้าอะไรก็ได้ หลงตัวเอง”เจนสันที่เงียบอยู่ตอนนี้หันมาสนใจเจย์และพูดด้วยน้ำเสียงขี้เล่นว่า “คุณพ่อคงไม่อยากให้เธอจากไป แต่ยังต้องการทดสอบเธออยู่สินะ ทำตัวอย่างกับเด็ก”เจย์ถึงกับตกใจ เขาจ้องที่เจนสันอย่างว่างเปล่าเด็กคนนี้รู้ได้ยังไงว่าเขาคิดอะไรอยู่ในใจ?เจนสันดึงทิชชู่และเช็ดปากอย่างสง่างามจากนั้น เขาก็หยิบจานสะอาด ๆ ใส่ขนมปัง นมและชีส แล้วเดินออกไปข้างนอกเซ็ตตี้น้อยพูดด้วยความหงุดหงิดว่า “ทำไมเจนสันถึงยอมใจดีต่อคุณน้าอะไรก็ได้อย่างนั้นล่ะ?”ร็อบบี้น้อยมองพ่อด้วยสายตามีคำถาม “คุณน้าอะไรก็ได้คนนี้เป็นใครกันแน่?”เจย์หยิบอาหารเช้าของเขาขึ้นมาแล้วยัดเข้าปากอย่างเชื่องช้าเขานึกถึงคำพูดของเจนสันในใจ เห็นได้ชัดว่าคุณไม่ต้องการให้เธอจากไป แต่ยังต้องการทดสอบเธอทำตัวอย่างกับเด็กเหรอ?“คุณน้าอะไรก็ได้ของลูก ๆ. จะ
จากนั้น ดวงตาสองสามคู่ก็กวาดไปมองทางเจย์ พวกเขากำลังรอดูว่าเขาจะลงโทษแองเจลีนคนที่ก่อปัญหาคนนี้อย่างไรแองเจลีนตบริมฝีปากและพึมพำเบา ๆ “มันก็แค่กล้วยไม้ไม่ใช่เหรอ?”ใบหน้าเหมือนตัวการ์ตูนในหนังสือการ์ตูนของเจย์ช่างเป็นสีหน้าที่ดูน่าเกลียดมาก ผู้หญิงคนนี้คงลืมต้นกำเนิดของกล้วยไม้นี้ไปแล้วเป็นเธอเองในตอนนั้นที่ร้องไห้คร่ำครวญและต้องการช่วยชีวิตต้นกล้วยไม้เมื่อ 15 ปีที่แล้ว เขาปลอบเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่า แล้วพูดว่า “มันก็แค่กล้วยไม้”แต่กระนั้น เธอก็ร้องไห้สะอื้นสะเทือนหัวใจ ดังกว่าคนที่ไว้ทุกข์ร้องไห้เสียอีก เธอยังคงร้องไห้อยู่นานมากในตอนนั้นในที่สุด เขาก็หมดปัญญา ดังนั้นเขาจึงค้นหาความรู้มากมายเกี่ยวกับการเพาะเลี้ยงกล้วยไม้ ในที่สุดด้วยมืออันมหัศจรรย์ของเขา กล้วยไม้ก็รอดตายแล้วเธอก็ทิ้งมันไว้แค่นั้นเมื่อนึกถึงฉากที่เธอร้องไห้จนแทบพังทลายตอนที่เธอยังเป็นเด็ก ตอนนี้เขาก็รู้สึกว่าความกลัวนั้นยังไม่หายไป“เก็บมันซะ หรือจะเก็บของแล้วออกไป” เจย์พูดอย่างเย็นชาและเขาก็เข็นรถเข็นออกไปร็อบบี้น้อยและเซ็ตตี้น้อยแสดงรอยยิ้มให้แองเจลีนอย่างเต็มเปี่ยม “คุณน้าอะไรก็ได้ ตอนนี้คุณอยู่ต
“ท่านอาเรส ฉันได้ยินมาว่าขาของคุณไม่สามารถรักษาให้หายได้อีกแล้ว?” น้ำเสียงที่ชัดเจนและไพเราะ ปนไปด้วยอารมณ์ที่ซับซ้อนดังขึ้นอย่างช้า ๆเจย์ขมวดคิ้ว “ทำไมเธอถึงมาที่นี่?” มีน้ำแข็งอยู่ในเสียงของเขาเซร่ายิ้มและเดินไปข้างหน้าเขาพลางมองลงมาที่เจย์ที่นั่งอยู่บนรถเข็นอย่างวางท่าเธอเยาะเย้ยเขา “ฉันไม่คิดว่าเจ้าชายที่จัดการสิ่งต่าง ๆ ได้ด้วยตัวเองในเมืองอิมพีเรียลจะกลายเป็นคนพิการ”ดวงตาเหยี่ยวของเจย์ถูกปกคลุมด้วยน้ำแข็งและการจ้องมองของเขาราวกับมีด สายตานั้นกำลังเหล่มองเซร่าท้องของเซร่าป่องมากขึ้นแล้ว เธอกำลังถึงวันกำหนดที่จะคลอดในอีกไม่กี่วันหญิงมีครรภ์ที่จะคลอดบุตรจะดูไม่ค่อยสวยงามความขยะแขยงในสายตาของเจย์ยิ่งรุนแรงขึ้นเซร่ารู้สึกไม่สบายใจกับการจ้องมองที่เยือกเย็นของเขา เพื่อให้ได้ศักดิ์ศรีของเธอกลับคืนมา คำพูดของเธอก็กลายเป็นความฉุนเฉียว“ท่านอาเรส คุณกำลังรู้สึกไม่เป็นที่พอใจเมื่อตกลงมาจากก้อนเมฆที่สูงเช่นนี้ใช่ไหม?” เธอยิ้มเยาะเย้ยเจย์กลับไม่ได้พูดอะไรกับเธอเซร่ารู้สึกว่าเจย์ทนฟังได้ขนาดนี้มันช่างแตกต่างจากเมื่อก่อนจริง ๆเธอมองดูใบหน้าที่สูงส่งและดูใบหน้าที่ไม่น่าจะเป
เจย์เยาะเย้ยอย่างเย่อหยิ่ง “เซร่า อย่าทำให้ฉันเสียความรู้สึก”เซร่าอึ้งในตอนแรกเธอได้คิดไว้ว่าความเย่อหยิ่งของเจย์จะสงบลงตั้งแต่เขาพิการและเขาจะเปลี่ยนอารมณ์ร้ายของเขาได้ความเย่อหยิ่งของเขายิ่งเลวร้ายลงอย่างไม่คาดคิด“ท่านอาเรส ใครให้ความมั่นใจแก่คุณกัน ถึงได้เป็นคนจองหองขนาดนี้นี้? ตอนนี้คุณเป็นแค่คนพิการคนหนึ่ง” สายตาของเซร่าจ้องไปที่ขาของเขาอีกครั้ง การแสดงออกที่โกรธเคืองและรุนแรงจากความรักที่ไม่สมหวังของเธอปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเธอนัยน์ตาเหยี่ยวของเจย์หรี่ลงเล็กน้อยเซร่าได้กระตุ้นความโกรธของเขาอย่างเห็นได้ชัด!เมื่อเขากำลังจะปลดปล่อยอารมณ์เกรี้ยวกราดของเขาออกมา ทันใดนั้นเขาก็ได้ยินเสียงตบดังขึ้นมาลอยนิ้วมือทั้งห้าปรากฏขึ้นบนใบหน้าของเซร่าทันทีเจย์มองขึ้นไปและเห็นโจเซฟินมองเซร่าอย่างดูถูก โจเซฟินดุว่า “ผู้หญิงเลวทรามอย่างเธอสมควรที่จะมายุ่งเกี่ยวกับพี่ชายของฉันหรือ?”เซร่ามีสีหน้าครอบงำด้วยความโกรธ “โจเซฟิน อาเรส เธอกล้าตบหน้าฉันเหรอ?”โจเซฟินยิ้มและพูดว่า “ฉันตบเธอไปแล้ว ก็สมควรจะโดนตบแล้วหนิ!”เซร่าจ้องมองพวกเขาด้วยดวงตาสีแดงเลือด “ฉันตั้งท้องน้องชายพ่อคนเดียวกับ
คุณท่านยอร์กหัวเราะดังลั่น “เจ้าหนูอย่าได้เอาเรื่องวันนี้ไปพูดกับใครเชียวล่ะ”“ทำไมถึงได้โหดร้ายขนาดนี้ คุณท่านยอร์ก…”คุณท่านยอร์กเอามือไขว้หลังและเดินอย่างสบาย ๆ ไปยังห้องสมุดในห้องสมุดตรงส่วน 48 นั้นดูเละเทะมาก บรรณารักษ์พยายามเก็บกวาดมานานมากและตอนนี้ก็กำลังหอบเพราะความเหนื่อยคุณท่านยอร์กพูดด้วยสีหน้าอึมครึมว่า “แค่มาขโมยหนังสือต้องทำให้ที่นี่เละเทะขนาดนี้เลยเหรอ? ดูสิว่าหมอนั่นทำให้ลูกศิษย์ของฉันต้องเหนื่อยแค่ไหน…”หลังจากแสร้งทำท่าเป็นห่วงเป็นใยเสร็จแล้ว คุณท่านยอร์กก็ถาม “มีอะไรหายไปบ้าง?”บรรณารักษ์ตอบอย่างสงบเสงี่ยม “สมุดบันทึกรายชื่อผู้อาศัยหายไปครับคุณท่าน”สีหน้าคุณท่านยอร์กเคร่งเครียดทันที “ดูเหมือนว่าเขาจะมาที่นี่เพราะองค์กรโลกาวินาศ”จากนั้นเขาก็เดินจากไปด้วยสีหน้าเคร่งเครียดขณะเดียวกันเจย์ก็ตามมาอยู่กับเซย์นขณะที่เขากำลังขุดเม็ดต้นชุมเห็ดและรวบรวมดอกสายน้ำผึ้งก่อนที่จะมุ่งหน้ากลับทันทีที่พวกเขามาถึงสวนสายลมสดชื่น เจย์กับเซย์นก็โดนพวกคอร์เวตต์ของป้อม 48 ล้อมไว้“โคลเป็นคนสั่งเหรอ?” เจย์ถามนิ่ง ๆคาร์สันเดินออกมาจากกลุ่มคอร์เวตต์โดยที่มีมือหนึ่งกุมท้องไว้
คาร์สันกลืนน้ำลาย เขารู้สึกเหมือนกำลังอยู่ในถ้ำสิงโต เขาตอบไปด้วยเสียงสั่นเทา “พูดตามตรงนะครับคุณเซเวียร์ เรื่องโชคร้ายและการล่มสลายของตระกูลอาเรสเมื่อสามปีก่อน คุณเองก็อยู่ในรายชื่อที่ต้องโดนจัดการด้วยเพราะว่าคุณเป็นลูกสะใภ้ของพวกเขา แต่ว่านายน้อยนั้นหลงรักคุณหัวปักหัวปำจนเขายอมสละนิ้วก้อยของตัวเองเพื่อช่วยคุณไว้”“ส่วนลูก ๆ ของคุณนั้น นายน้อยก็ตั้งใจว่าจะหักนิ้วตัวเองสามนิ้วเพื่อช่วยพวกเขาไว้ แต่ต้องขอบคุณที่คุณบอกความจริงมาในตอนท้าย เพราะว่าในตัวของนายน้อยและคุณหนูพวกนั้นมีสายเลือดของยอร์กไหลเวียนอยู่ ทำให้พวกเขาได้รับการถอดชื่อออกจากรายการสังหาร”“ตอนที่นายน้อยจากมา เขาไม่ได้พาใครกลับมากับเขาด้วย”แองเจลีนสั่นสะท้านเมื่อได้ยินเรื่องที่เขาบอก“ถ้าเป็นแบบนั้น มีคนชื่อปีศาจอยู่ในป้อมตระกูลยอร์กไหม?” แองเจลีนถามอีกครั้งคาร์สันพึมพำ “ปีศาจ” เขาส่ายหน้าอย่างแรง “ไม่มีคนแบบนั้นในป้อมตระกูลยอร์กนะครับ คุณเซเวียร์”มือแองเจลีนที่ซุกอยู่ใต้แขนเสื้อสั่นเทา “ฉันเชื่อนายได้ใช่ไหมคาร์สัน?”คาร์สันสาบาน “ผมไม่มีความกล้าพอที่จะโกหกคุณหรอกครับคุณเซเวียร์ ใครจะรู้ว่าสักวันคุณอาจจะกลายเป็นนาย
หากมีใครต้องการหาหนังสือสักเล่มแบบเฉพาะเจาะจงในนี้ก็คงไม่ต่างอะไรกับงมเข็มในมหาสมุทร โชคดีที่เจย์มีแผนที่ในหัวคอยนำทาง เขารู้ว่าสมุดบันทึกรายชื่อประชากรอยู่ในชั้นหนังสือส่วนของป้อม 48ตอนนั้นมีคนเหมือนตุ๊กแกตัวใหญ่เกาะอยู่ที่ชั้นหนังสือตู้ที่ 48 ขาของเขาเลือดไหลไม่หยุด เขาหยิบชุดปฐมพยาบาลที่พกติดตัวออกมาจากนั้นก็ทายาและพันผ้าพันแผลเพื่อหยุดเลือดเจย์เดินผ่านยามห้องสมุดและแอบเข้ามาด้านในเมื่อเข้ามาถึงตู้หนังสือส่วนของป้อม 48 เจย์ก็เริ่มมองหาสมุดบันทึกรายชื่อประชากรบนชั้นหนังสือ ทันใดนั้นก็มีร่องรอยสีแดงเลือดบนหน้าหนังสือที่สะดุดตาเจย์ เขาแตะรอยสีแดงบนหน้าหนังสือนั้นด้วยนิ้วมือและรู้สึกได้ถึงความชื้น เจย์ตื่นตัวระวังภัยทันใดนักฆ่าที่บาดเจ็บต้องซ่อนอยู่ข้างบนแน่เขาคาดเดาเช่นนั้นทันใดนั้นเจย์ก็มีความคิดดี ๆ แวบเข้ามาในหัว เขารวบรวมกำลังและฟาดมือใส่ชั้นหนังสือทันทีทันใด รังสีสังหารอย่างรุนแรงก็พุ่งตรงเข้ามาใส่เขาเจย์หมุนตัวด้วยความเร็วแสงและหลบพ้นคมมีดของนักฆ่าไปได้เจย์มองนักฆ่าที่ใส่ชุดพรางตัวสีดำพร้อมดึงหมวดฮู้ดขึ้นคลุมศีรษะ ทั้งปาก จมูก และตาต่างก็ปกปิดไว้มิดชิด ความคิดที่ว
จู่ ๆ เซย์นก็ยกมือกุมหน้าผากและบอกว่า “ผมมึนหัว”จากนั้นเขาก็ทรุดลงตรงหน้าเจย์ดังตึงเจย์แหย่ว่า “ชาดีจริง ๆ ตาเฒ่า มันทำคนสลบได้เร็วมากจนผมแปลกใจเลย”ชายชรามองเจย์อย่างพิจารณา ชายหนุ่มคนนี้รู้ว่ามีบางอย่างผิดปกติกับน้ำชาแต่ว่ายังคงคุยกับตาเฒ่าต่อเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นนี่เป็นครั้งแรกที่เขาได้เจอที่คนกล้าเยาะเย้ยเขาอย่างไม่ร้อนรนในอาณาเขตของตระกูลยอร์กเช่นนี้ชายชราชื่นชมความใจเด็ดและกล้าหาญของเจย์“บุคลิกท่าทางของแกถูกใจฉันมากเจ้าหนุ่ม ฉันชื่นชม แกชื่ออะไร?”เจย์ยิ้มออกมาเล็กน้อย “เบ็น”ชายชราถามอย่างงงงวย “ไม่มีนามสกุลเหรอ?”เจย์พยักหน้าและตอบอย่างไม่แยแส “มี”เขาพูดต่อ “ผมนามสกุลยอร์ก”ชายชรามองเจย์อย่างไม่พอใจ “หากว่าแกอยากจะหลอกฉัน อย่างน้อยก็ต้องทำให้มันถูกหน่อย”เจย์เทน้ำชาเย็นชืดทั้งหมดในกาออก จากนั้นก็เติมเองจากนั้นเขาก็ทำท่าเอาอกเอาใจชายชรา “ชาที่ผมชงนี้สดชื่นกว่าของคุณ อยากจะลองชิมสักถ้วยไหม?”ชายชราคว้าใบชามาเต็มกำ ก่อนหยิบส่วนหนึ่งใส่ในกาน้ำชาและบอกว่า “นี่ไง สมบูรณ์แบบแล้ว”เจย์ยกถ้วยชาขึ้นมา “โชคชะตานำพาเรามาพบกันตาเฒ่า ขอชนแก้วให้กับโชคชะตาอันน่าทึ่ง
เพื่อให้แน่ใจว่าโคลจะไม่เข้ามาขวางทาง แองเจลีนก็บอกกับคาร์สันอีกครั้ง “เข้ามาสิคาร์สัน เข้ามาคุยกันหน่อย”คาร์สันมองเจย์และเซย์นที่ตอนนี้เดินจากไปไกล หลังจากใจลอยไปชั่วครู่ เขาก็เดินตามแองเจลีนเข้าไปในบ้าน“โจเซฟิน ช่วยเอาชามาให้คาร์สันหน่อย”โจเซฟินใช้เวลาพักหนึ่งในการรินชาและส่งถ้วยให้คาร์สัน คาร์สันวางถ้วยชาลงบนโต๊ะและบอกว่า “คุณเก่งเรื่องหันเหความสนใจใช่ไหมครับ คุณเซเวียร์?”แองเจลีนไม่ได้รู้สึกร้อนรนอะไรแม้ว่าคาร์สันจะมองแผนเธอออก เธอบอกว่า “ฉันก็แค่อยากจะคุยกับเพื่อนเก่าเท่านั้นคาร์สัน นายวัดหัวใจของคนที่ยอดเยี่ยมด้วยหัวใจแสนทรามได้ยังไงกัน? ฉันเองก็คงไม่ได้คาดหวังกับคนกระจอกอย่างนายไว้สูงหรอก”คาร์สันทำปากง้ำ เขาคงลืมไหว้ขอความโชคดีก่อนออกจากบ้านมาเมื่อเช้าแน่ เพราะพอตื่นขึ้นมา เขาก็เจอแต่เรื่องแย่ ๆ และคำพูดทิ่มแทงของทั้งเบ็นและแองเจลีน“คุณเซเวียร์ ให้ผมบอกความจริงก็คือว่าในป่านั้นมีสัตว์ป่ามากมาย หากว่าไม่มีคนของผมนำทางไป บอดี้การ์ดของคุณก็อาจจะหาทางออกจากป่าไม่ได้เมื่อเข้าไปแล้ว”ในใจของแองเจลีนนั้นตื่นตระหนกไปวูบหนึ่ง แต่เมื่อเธอจำได้ว่าเจย์บี้มีแผนที่ของโคลอี้เป็นตั
เจ้าชั่วโคลนั่นส่งคนมาคอยเฝ้าที่นี่ไว้โดยทำทีว่ามาคอยเฝ้ายามที่สวนสายลมสดชื่นเจย์เริ่มคิดหาหนทางจะหนีออกไปจากสวนสายลมสดชื่นเพื่อที่ว่าเขาจะได้ไปหาทะเบียนรายชื่อของผู้อาศัยในป้อมยอร์กแองเจลีนเรียกเขาเบา ๆ “เบ็น” เสียงเธอนั้นอ่อนโยนและแฝงความรักใคร่เจย์หันหลังมาและเดินเข้าไปหา“แองเจลีน”แองเจลีนจับสังเกตทิศทางจากเสียงและเดินเข้าไปหาเขาเจย์รีบเร่งฝีเท้าและคว้ามือเธอไว้พร้อมกระซิบว่า “จากที่ฉันเห็นตอนนี้ นายท่านยอร์กคงสงสัยว่าเรามีส่วนเกี่ยวข้องกับนักฆ่าเมื่อคืนนี้ เขาส่งคนมาคอยเฝ้าล้อมสวนสายลมสดชื่นไว้แล้วเช้านี้”แองเจลีนวิเคราะห์สถานการณ์และบอกว่า “นายท่านยอร์กนั้นรับผิดชอบส่วนหน้าของป้อมตระกูลยอร์กแล้วเขาก็ไม่มีเวลามาเฝ้าป้อม 48 หรอก ดังนั้นโคลยังเป็นคนรับผิดชอบที่นี่ ทำไมเราไม่ล่อเขาไปที่อื่นล่ะ? ฉันจะหาวิธีดึงไว้ให้โคลไม่ว่างมาสนใจตอนที่คุณออกไปทำทีเป็นว่าหาสมุนไพรมาให้ฉัน…”เจย์บีบแก้มแดงปลั่งของแองเจลีนเบา ๆ “เธอนี่มันฉลาดขึ้นทุกวันเลยใช่ไหมเนี่ย?”แม้ในใจเขาจะเห็นว่าเธอเป็นเพียงแกะน้อยไม่รู้เรื่องราวใด ๆ ในโลกนี้แองเจลีนยิ้มออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ “คุณสอนฉันมาดีนี่คะ”
โคลรู้สึกใจคอปั่นป่วนขึ้นมาเมื่อเห็นแววตากระหายเลือดของสเปนเซอร์ “พ่อ แองเจลีนเป็นแค่ผู้หญิงอ่อนแอ พ่อก็เห็นว่าตอนนี้สายตาเธอมองไม่เห็นด้วยซ้ำ”ตอนที่เขาพูดเรื่อง ‘สายตามองไม่เห็น’ โคลก็อารมณ์ท่วมท้นจนสะอึก “มันเป็นความผิดของผมเอง ผมฆ่าสามีของเธอ แล้วเธอก็ร้องไห้จนตาบอด ผมติดค้างเธอมากเหลือเกิน”สเปนเซอร์พูดอย่างโกรธเกรี้ยว “แกมันใจอ่อนไป แกเองก็เห็นว่าบอดี้การ์ดของเธอไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน ดูจากทักษะของผู้ชายที่ชื่อเบ็นนั่น เขาสามารถก่อยิ่งกว่าหายนะให้กับป้อมตระกูลยอร์กแน่”โคลอธิบาย “เธอตาบอด เธอก็ต้องมีคนแบบนั้นไว้คอยปกป้องสิ”สเปนเซอร์บอกว่า “ฉันคิดว่าความรักทำให้แกตาบอดแล้ว ลองคิดดูสิ ผู้ชายชื่อเบ็นนั่นด้วยความสามารถของเขาสามารถไปได้ไกลมากแน่ แต่ทำไมเขาถึงเลือกที่จะอยู่ข้างกายผู้หญิงเหมือนพวกขี้ขลาดไร้ประโยชน์ด้วย?”โคลบอกว่า “ถ้าผมเดาไม่ผิด เบ็นอาจจะเป็นบอดี้การ์ดที่หลานชายคนโตของตระกูลอาเรส เจย์ อาเรส มอบไว้ให้แองเจลีน เจย์นั้นเป็นคนก่อตั้งหน่วยภูติผี หลังจากที่เขาตายพวกสมาชิกหน่วยภูตผีก็สาบานว่าจะภักดีและทุ่มเทให้แองเจลีน”สเปนเซอร์นั้นโมโหมากจนเขาคว้ากาน้ำชาปาใส่โคล “แก ไอ
พวกคอร์เวตต์หากันทั้งคืนแต่ว่าก็หานักฆ่าไม่เจอ ราวกับว่าเขาระเหยหายตัวไปในอากาศวันต่อมาสเปนเซอร์ก็มาที่ป้อม 48เขาเรียกโคลไปที่ห้องลับและถามด้วยสีหน้าจริงจังว่า “โคล นักฆ่าเมื่อคืนมันผ่านกับดักหลายชั้นที่เราติดตั้งไว้ในเขามุกเข้ามาได้ เห็นได้ชัดว่าเป็นนักสู้ที่ฝึกมาเป็นอย่างดี พอมาคิดเรื่องนี้แล้ว นักฆ่าโผล่มาทันทีหลังจากที่แองเจลีนมา เป็นไปได้ไหมว่าพวกเขาร่วมมือกันประสานจากด้านใน?”โคลยังคงนิ่งเงียบ…สเปนเซอร์ดูงงงวย “แองเจลีนก็เป็นแค่นักธุรกิจหญิงเก่งฉกาจจากเมืองอิมพีเรียล แต่ว่าบอดี้การ์ดของเธอก็เก่งพอที่จะคว้ามีดสั้นของฉันได้ ฉันไม่เข้าใจเลยว่าทำไมเธอถึงต้องมีคนเก่งกาจขนาดนั้นอยู่ข้างกายด้วย?”โคลก็ยังคงนิ่งเงียบ…เมื่อสเปนเซอร์เห็นว่าโคลไม่ยอมพูดอะไรสักคำ ดวงตาเขาก็ยิ่งฉายแววสงสัย “นี่แกกำลังปิดบังอะไรฉันอยู่หรือเปล่าโคล?”มีแววอ่อนล้าในน้ำเสียงของโคล “ผมบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว”สเปนเซอร์มองโคลอย่างไม่พอใจ “หมายความว่ายังไงที่ว่าบอกเรื่องที่ควรบอกไปหมดแล้ว? แกอยู่ที่เมืองอิมพีเรียลตั้งครึ่งปี แล้วพอแกกลับมาบ้านแกก็พูดแค่สามเรื่อง แกบอกว่าทำลายตระกูลอาเรสกับอสังหาริมทร
เด็กหนุ่มซุกตัวอยู่ในอ้อมแขนของเธอร็อบบี้น้อยก็ทำแบบเดียวกันเวลาที่เขาทำอะไรผิดมา เขามักจะกอดเอวเธอแน่นที่สุดเท่าที่ทำได้และทำท่าเป็นเด็กขี้อ้อนเอาแต่ใจ ‘ผมผิดไปแล้วแม่จ๋า อย่าโกรธผมเลยนะ’ เขาจะพูดแบบนี้จากนั้นเธอก็ตัดสินใจอย่างบุ่มบ่ามโดยการฉีกเสื้อเธอออกเผยให้เห็นหน้าอกเปลือยเปล่า เธอยื่นแขนออกมานอกผ้าห่มแล้วเธอก็แสร้งทำเป็นร้องถามเสียงงัวเงีย “เกิดอะไรขึ้นเหรอเบ็น?”พอเจย์ได้ยินเสียงแองเจลีน เขาก็เปิดประตูเข้ามาเมื่อได้เห็นหน้าอกและแขนของเธอยื่นออกมานอกผ้าห่อม เจย์ก็ปิดประตูอย่างรวดเร็วแต่ถึงอย่างนั้นโคลก็ยังแอบเห็นภาพน่าตื่นตาภายในห้องอยู่ดีเจย์จ้องโคลราวกับจะกินเลือดกินเนื้อโคลครุ่นคิดว่าหากแองเจลีนไม่ได้ตาบอด เมื่อกี้เธอจะต้องกรีดร้องออกมาเพราะความอับอายเป็นแน่โคลถามอย่างสงสัย “เกิดอะไรขึ้นกับดวงตาเธอกันแน่?”“เธอร้องไห้มากจนตาบอด” เจย์ตอบห้วน ๆน้ำเสียงเขาแฝงโทสะและความรู้สึกโทษตัวเองโคลอี้งไปเล็กน้อย จากนั้นสีหน้าเขาก็ฉายความรู้สึกผิดจังหวะนั้นพวกคอร์เวตต์ที่ค้นหาบริเวณบ้านก็เดินส่ายหน้าออกมา “เราไม่เจออะไรผิดปกติ”โคลสั่ง “ไปหาที่อื่นต่อ”เมื่อพวกคอร์เ